ภาพวาดโบราณ ศิลปะสมัยกลาง ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดผนังถ้ำ หรือภาพวาดสีน้ำมัน ภาพเกี่ยวกับศาสนา หลายภาพมักมีเรื่องน่าประหลาดใจ ต้องตีความเสมอ เมื่อบางภาพนั้นได้ปรากฏภาพวัตถุลึกลับบนท้องฟ้า พร้อมกับทำสิ่งที่น่าประหลาด บางคนตีความว่าสิ่งที่เห็นน่าจะเป็นพระเจ้า ไปจนถึงยูเอฟโอกับต่างดาว !? และนี่คือ 10 ภาพวาดคลาสสิกในงานศิลปะที่มีอะไรบางอย่างแปลกประหลาดที่ปรากฏอยู่ในภาพ
ปล. บางภาพสามารถคลิกให้ภาพขยายใหญ่ขึ้นได้ครับ
10.ประกาศแห่งนักบุญอีมิดีอุส ( The Annunciation With Saint Emidus)
ภาพสีน้ำมัน “ประกาศแห่งนักบุญอีมิดีอุส ” ถูกวาดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1486 โดยศิลปินชาวอิตาลีชื่อคาร์โล ค ริเวลลี่ ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในประเทศอังกฤษ
ภาพสีน้ำมันนี้บอกเล่าเรื่องราวของพระแม่มารีกำลังตั้งครรภ์พระเยซู หากแต่เมื่อสังเกตดีๆ เราจะเห็นวัตถุวงกลมปริศนาปรากฏอยู่บนฟากฟ้าทางมุมซ้ายบนของภาพ มันยิงแสงไปยังเหนือศีรษะพระแม่มารีที่อยู่ในบ้านทางมุมขวาล่างของภาพ
แม้ว่านักวิจารณ์ศิลปะจะออกมาบอกว่า เรื่องราวของภาพนั้นมาจากพระคัมภีร์ฉบับพันธสัญญาใหม่ เมื่อทูตสวรรค์ได้มาแจ้งแด่พระนางมารีย์ถึงการตั้งครรภ์และการถือกำเนิดของพระเยซู นั้นคือวัตถุปริศนานี้หมายถึงทูตสวรรค์นั้นเอง (ถ้าได้ลองขยายออกมาดูให้ชัดๆกันแล้วล่ะก็ จะพบว่าเป็นวงแหวนที่เกิดจากเหล่าทูตสวรรค์สองวงซ้อนกันถ้าได้ลองขยายออกมาดูให้ชัดๆกันแล้วล่ะก็ จะพบว่าเป็นวงแหวนที่เกิดจากเหล่าทูตสวรรค์สองวงซ้อนกัน) และหากสังเกตดีๆ จะเห็นนกพิราบเหนือศิลปะพระแม่มารีกำลังขวางลำแสงอยู่ สามารถตีความได้ว่าฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ( Holy Spirit) ที่ส่งผลให้นางตั้งครรภ์
อย่างไรก็ตาม นักยูโอฟโอได้ยังคงตีความรูปภาพนี้ว่า เนื่องจากพระแม่มารีตั้งครรภ์พระเยซูโดยไม่มีพ่อ เป็นไปได้ไหมว่าเกิดจากพันธุวิศวกรรม โดยถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว (ตีความว่า คนถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวส่วนใหญ่ จะอยู่บ้านและเห็นแสงสว่างส่องนอกอาคารของบ้าน) และทำให้ตั้งครรภ์
9 พระเยซูตรึงกางเขน ( The Crucifixion Of Christ )
ภาพปูนเปียกพระเยซูตรึงกางเขนเหนือแท่นบูชาของวิหาร The Visoki Decan ในโคโซโว ที่มุมซ้ายและขวาบนของภาพมีอะไรบางอย่างที่น่าแปลกตา ทางซ้ายมือเป็นวัตถุลึกลับสีแดง ข้างในวัตถุปรากฏปรากฏภาพของมนุษย์ผมสั้นท่าท่าเหมือนขับยานยังไงอย่างงั้น ส่วนทางขวามือเป็นวัตถุประหลาดสีเงิน ภายในปรากฏร่างของมนุษย์ที่น่าจะเป็นสตรี กำลังขับยานเช่นกัน ทั้งสองสวมชุดเหมือนนักบินอวกาศ และเหมือนไล่ล่ากันอยู่
อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์ได้แย้งว่า ความจริงยานอวกาศสีแดงนั้นหมายถึงดวงอาทิตย์ ส่วนยานอวกาศสีเงินนั้นก็หมายถึงดวงจันทร์ สมัยก่อนนั้นคริสตจักรยังไม่รู้จักดวงอาทิตย์มากนัก พวกเขามักจะให้ดวงจันทร์เป็นเพศหญิงและพระอาทิตย์เป็นเพศชาย ซึ่งภาพวาดศิลปะศาสนามัยก่อนส่วนมากภาพของดวงอาทิตย์เอาไว้ทางด้านขวามือของพระเยซูและดวงจันทร์อยู่ทางด้านซ้ายมือของพระเยซูนั่นเอง
8. พระเยซูรับศีลจุ่ม (Baptism of Christ)
ภาพวาด “พระเยซูรับศีลจุ่ม” วาดโดยศิลปินชาวดัตซ์ Aert de Gelde ประมาณปี ค.ศ. 1710 ปัจจุบันจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ Fitzwilliam เคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ เนื้อหาของภาพจะเห็นวัตถุลึกลับเหมือนแผ่นดิสบริเวณด้านบนกำลังยิงลำแสงสี่เส้นลงมายังพื้นด้านล่าง ส่องให้เห็นบุคคลสำคัญสองท่าน ซึ่งก็คือพระเยซูและจอห์น แบ็พทิสต์
แม้ว่าวัตถุในภาพจะเหมือนยูเอฟโอ แต่หากสังเกตลงลึกอีกทีตรงกึ่งกลางของวงกลมปริศนาก็จะพบว่ามันมีจุดแต้มสีขาวๆปรากฏอยู่ นั่นคือภาพของ “นกพิราบ ” สีขาว ซึ่งเนื้อหาของภาพเอามาจากพระคัมภีร์ฉบับพันธสัญญาใหม่กันอีกครั้งในบทจอห์น 1:32 (John 1:32) ที่กล่าวว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระวิญญาณเหมือนดังนกพิราบเสด็จลงมาจากสวรรค์ ” ส่วนแสงสี่เส้นในภาพเป็นตัวเน้นความโดดเด่นของบุคคล โดยจงใจใส่นกพิราบเข้าไปในภาพเพื่อสื่อถึงเรื่องราวในพระคัมภีร์ด้วย
7. มาดอนน่ากับเซนต์จอห์น แบ็พทิสต์ ” (The Madonna With Saint Giovannino)
ภาพวาดมาดอนน่ากับเซนต์จอห์น แบ็พทิสต์ เป็นภาพวาดสีน้ำมันสมัยช่วงประมาณปี ค.ศ. 1400 วาดโดย Domenico Ghirlandaio ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในประเทศอิตาลี สังเกตที่มุมขวาบนของภาพก็จะเห็นว่ามีวัตถุลึกลับคล้ายจานลอยตัวอยู่ และข้างล่างก็มีคนและสุนัขกำลังเพ่งมองขึ้นไปยังวัตถุชิ้นนั้น
ความจริงแล้ววัตถุลึกลับนั้น ก็คือภูตสวรรค์ที่กำลังส่องแสง ซึ่งเนื้อหาอ้างอิงจากพระคัมภีร์ฉบับพันธสัญญาใหม่ ( New Testament) ได้กล่าวถึงคนเลี้ยงแกะแห่งเบธเลเฮม ( Bethlehem) ที่กำลังเฝ้าดูฝูงแกะของพวกเขาในช่วงเวลาแห่งการประสูติของพระเยซู โดยมีทูตสวรรค์และชาวสวรรค์ ( Heavenly host) หมู่หนึ่งร่วมกันสรรเสริญพระเจ้า ดังนั้น คนและสุนัขของใสภาพคือกำลังเพ่งมองขึ้นบนฟ้า และวัตถุลึกลับก็คือ “ชาวสวรรค์ ” เท่านั้นเอง
6.ชัยชนะแห่งฤดูร้อน ( Triumph Of Summer Tapestry) ชัยชนะในฤดูร้อน เป็นพรมแขวนผนัง ที่สร้างขึ้นในปี ปัจจุบันมันถูกนำมาโชว์ที่เมืองบรูช ในปี 1538 ประเทศเบลเยียม (ซึ่งเมืองสมัยก่อนเป็นเมืองในเชิงยุทธศาสตร์ของยุคโรมัน ทำให้ตกเป็นเป้าหมายรุกรานได้ง่าย) งานสังเกตว่าด้านบนของภาพมีวัตถุบินลึกลับเหมือนยูเอฟโอหลายลำ และที่น่าสนใจคือยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าสิ่งที่เห็นในภาพแท้ที่จริงแล้วมันคืออะไร เพราะภาพนี้ไม่ใช่ภาพทางศาสนาเหมือนภาพอื่นๆ ในอันดับ แต่เป็นภาพที่แสดงให้เห็นการก้าวขึ้นมาเป็นผู้ปกครองในอำนาจ ทำให้วัตถุในภาพไม่ใช่สัญลักษณ์แทนพระเจ้า หรือทูตสวรรค์ (หรืออาจเป็นการขึ้นมีอำนาจโดยการได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้าก็ได้ แต่พระเจ้าที่ว่าคือยูเอฟโอหรือไม่ อันนี้ก็ไม่ทราบ) ดังนั้นสิ่งที่คาดเดามีเพียงว่ามันน่าจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ หากใครอยากพิสูจน์ สามารถไปดูพรมนี้ได้ใน พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไบเอริสเชส ( Bayerisches Nationalmuseum) ในประเทศเยอรมัน 5.ฉากชีวิตพระ ( La Tebaide)
Scene di vita eremitica หรือ La Tebaide แปลว่าฉากชีวิตพระ วาดโดย Paolo Uccello( 1397-1475) ตั้งแสดงที่ Galleria dell'Accademia ใน อิตาลี เป็นภาพที่แสดงเทคนิคเล่าภาพหลายภาพย่อยมารวมอยู่ในภาพเดียวกัน โดยแต่ละภาพนำเสนอแง่มุมต่างๆ ของนักบวชที่ใช้ชีวิตสันโดษ และที่น่าสนใจคือตรงกลางภาพนั้น มีภาพของพระเยซูตรึงกางเขนอยู่ และสังเกตดีๆ ตรงขวามือล่างของพระเยซูนั้นปรากฏยูเอฟโอรูปร่างเหมือนแผ่นดิสก์สีแดงเล็กๆ อยู่
ความจริงแล้วยูเอฟโอสีแดงที่ว่านั้นไม่ได้แปลกอะไร มันก็คือหมวกของพระคาร์ดินัล ซึ่งเป็นของนักบุญเจอโรมคนที่นั่งคุกเข่าด้านหน้าของพระเยซูนั่นเอง เส้นเส้นสีแดงรอบๆ ก็คือสายของหมวกเท่านั้นเอง โดยหมวกนักบุญเจอโรมนั้นเป็นหมวกสีแดงปีกกว้าง ซึ่งเรามักเห็นหมวกสีแดงนี้ในภาพวาดของศิลปินอื่นๆ (และสังเกตว่าในภาพจะมีสัตว์ตัวเล็กๆ อยู่ใกล้นักบุฯด้วย ซึ่งมันก็คือสิงโต ซึ่งมันก็ปรากฏพร้อมกับหมวก ในหลายภาพวาดของศิลปินคนอื่นๆ เช่นกัน)
4.ปาฏิหาริย์ แห่งหิมะ ( The Miracle of Snow )
ปาฏิหาริย์ แห่งหิมะ วาดโดย จิตรกรชาวอิตาลี มาซาลิโน ดา ปานิเคล วาดในช่วง 1423 ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Museo di Capodimonte ของเมืองเมเปิลส์ ซึ่งจากภาพแสดงวัตถุลึกลับบนท้องฟ้าเหมือนจานบินมากกว่า 30 ลำ
ความจริงแล้ววัตถุในภาพอาจเป็น “ก้อนเมฆ” ซึ่งตัวภาพได้เล่าตำนานที่คนกลุ่มหนึ่งได้มีนิมิตเห็นพระแม่มารีย์ มีพระประสงค์ให้สร้างโบสถ์ในกรุงโรม โดยจะทำการระบุตำแหน่งของโบสถ์แห่งนั้นด้วยหิมะที่ตกลงมาจากฟากฟ้า และแล้วเรื่องอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นกลางฤดูร้อนตอนเช้าของวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 358 หิมะได้ตกลงมาบนเนินเขาเอสควิลีน ( Esquiline hill) ทิ้งร่องรอยเป็นแบบร่างของโบสถ์เอาไว้อย่างงดงาม และคนในภาพก็ได้ตรวจสอบร่องรอยของหิมะบนพื้น และภาพพระเยซูและพระแม่มารีย์นั้นก็ประทับอยู่ก้อนเมฆเท่านั้นเอง
3.'Israel, Put Your Hope In The Lord' Painting
ภาพวาดลึกลับ (ไม่ทราบว่าใครวาด) ที่อยู่ในโบสถ์ Biserica Manastirii โดมินิกันในซิกิโซอารา , โรมาเนีย นั้นมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ โดยเป็นภาพของโบสถ์กำลังถูกเพลิงไหม้ ( ?) และมีวัตถุลึกลับรูปร่างเหมือนยูเอโอรูปแผ่นดิสก์ยักษ์ลอยอยู่เหนือโบสถ์ขึ้นไป
ที่น่าสนใจคือสถานที่ที่รูปนี้อยู่นั้น เป็นภูมิภาคเดียวกับเป็นบ้านเกิดของวลาดที่ 3 หรือหลายคนรู้จักในชื่อ วลาดจอมเสียบ ต้นแบบของแดรกคิวล่าในนิยายในเวลาต่อมา
แม้จะไม่มีอะไรเชื่อมโยงตำนานแดรกคิวล่ากับภาพวาด และไม่ทราบว่าภาพใครเป็นคนวาด มีเพียงแค่คำอธิบายใต้ภาพเป็นภาษาเยอรมัน อ่านว่า srael, hoffe auf den Herrn (“Israel, put your hope in the Lord”) อายุของภาพก็ไม่ชัดเจน แต่โบสถ์ถูกสร้างในศตวรรษที่ 14 หลังจากนั้นมันก็ถูกทำลายและสร้างใหม่ในศตวรรษ 17 ( ซึ่งภาพน่าจะวาดตามเหตุการณ์นั้น) ปกติแล้วสิ่งที่รูปร่างเหมือนจานบินก็เป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของเทวดา หรือตัวแทนของพระวิญญาณบริสุทธ์ ไม่ก็โล่ประจำตระกูล
2.ถวายพระเกียรติ ของ ศีลมหาสนิท ( Glorification Of The Eucharist
จิตรกรอิตาลีชื่อเวนทูร่า ซาลิมบีนิได้กลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงจากภาพวาดลึกลับภาพหนึ่งในประวัติศาสตร์ ชื่อภาพ “ถวายพระเกียรติ ของ ศีลมหาสนิท “ (1600) รูปวาดในโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ในอิตาลี วาดในศตวรรษที่ 16 ซึ่งส่วนที่แปลกของภาพคือด้านบนที่เป็นภาพพระบิดาและพระบุตรกำลังทำอะไรบางอย่างกับวัตถุชนิดหนึ่งแปบลกๆ ซึ่งเป็นวัตถุทรงกลมที่มีผิวโลหะขนาดใหญ่มีเสาอากาศ และมีแสงไฟแปลกด้านบนวงกลม โดยรวมแล้วมันคล้ายกับดาวเทียม "สปุตนิก 1 " ซึ่งแน่นอนว่าสมัยก่อนยังไม่มีดาวเทียม แล้วมันคืออะไร
แน่นอนว่าผู้ชื่นชอบยูเอฟโอและทฤษฏีนักบินอวกาศโบราณก็ได้อ้างว่าภาพนี้เป็นหลักฐานก็มีตัวตนของสิ่งมีชีวิตจากต่างหาก อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญก็ถามทฤษฎีหักล้างความคิดอย่างรวดเร็ว คือภาพด้านบนนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพระผู้เป็นเจ้ากำลังสร้างโลกต่างหาก (นกพิราบคือสัญลักษณ์ของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์) (ซึ่งนอกจากภาพนี้แล้ว ยังมีภาพศิลปะอันอื่นๆ ที่เหมือนกัน) ลูกกลมๆ ก็คือ สฟาอีรา มุนดิ ( Sphaera Mundi) ที่แทนเหมือนโลกของจักรวาลที่พบเห็นได้บ่อยในภาพวาดจำพวกศาสนา ไฟแปลกที่ดาวเทียมเป็นเพียงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เสาอากาศเป็นเพียงไม้เท้ากายสิทธิ์ที่ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้มีอำนาจพระบิดาและพระบุตรนั้นเอง
1.พระเยซูตรึงกางเขน (จอร์เจีย) ( The Crucifixion Of Christ (Georgia))
คล้ายกับภาพ โดยเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหาร Svetishoveli ใน มตสเฮตา ของจอร์เจีย (วาดในช่วง 1600) ในภาพหากสังเกตดีๆ จะพบวัตถุลึกลับบินบนทั้งด้านซ้ายและขวาของพระเยซู ทำให้ชวยส่งเสริมทฤษฏีนักบินอวกาศ ที่ว่า “พระเยซูคือมนุษย์ต่างดาว” มากขึ้น (ทฤษฏีบอกว่า พระแม่มารีถูกมนุษย์ต่างดาว เอาดีเอ็นเอผสมเทียมทารกในครรภ์ จนเกิดพระเยซู และหลอกพระมารีว่าเป็นความฝัน และมนุษย์ต่างดาวเป็นเทวทูต )
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักวิจารณ์ศิลปะแล้ว มันไม่ได้เป็นเรื่องลึกลับแต่อย่างใด แท้จริงแล้ววัตถุลึกลับที่อยู่ในภาพก็คือดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เท่านั้นเอง ซึ่งมีภาพวาดทางศาสนาแบบเดียวกันที่มีลักษณะคล้ายกัน และหากซูมภาพวัตถุทั้งสองออกมาดีๆ ก็จะพบว่ามีใบหน้าของมนุษย์ปรากฏอยู่ด้วย ซึ่งวัตถุทางซ้ายมีใบหน้าเหมือนผู้ชาย ก็คือดวงอาทิตย์ และวัตถุทางขวามีใบหน้าของผู้หญิงก็คือดวงจันทร์นั้นเอง (เหมือนกรณีของพระเยซูตรึงกางเขนของโคโซโว)
ทุกวันนี้ภาพ พระเยซูตรึงกางเขน (จอร์เจีย) ยังคงเป็นที่เข้าใจผิด และเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง
อ้างอิง
http://listverse.com/2016/04/24/10-historic-divine-paintings-that-clearly-show-ufos/
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย