ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bel Ami คุณคือที่รัก

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 7 บุปผาที่เบ่งบานยามราตรี

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 62


    บทที่  7
    บุปผาที่เบ่งบานยามราตรี




            เกอร์ฮาร์ดเคยมีมื้อเช้าแย่ๆมาแล้วราวๆสามครั้งในชีวิต ครั้งแรกคือตอนเขาอายุห้าขวบที่ยายของเขาทำมีทบอลจากเนื้อบดผสมผักรวมให้ ยายอ้างว่ามันเป็นสูตรที่ฟังมาจากเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นสมาชิกสโมสรแม่บ้านอิสระที่พวกเธอรับประกันว่าเป็นอาหารสุขภาพที่มีรสอร่อยถูกปากเหมาะกับเด็กวัยกำลังโต แต่ในวินาทีแรกที่ลิ้นของเขารับเนื้อสัมผัสเศษก้อนเล็กก้อนน้อยของเนื้อบดที่แทรกแซงด้วยเศษชิ้นกรอบๆลื่นๆจากใบผัก...เขาก็คิดว่าเขายอมถูกแม่บังคับให้กินผักเปล่าๆเหมือนเดิมไปเลยยังจะดีซะกว่า เพราะรสชาติเดียวที่เขาได้จากเจ้าก้อนเนื้อมันเยิ้มนี่คือความขมของผักและความมันเลื่อมจากการทอด กลิ่นเหม็นเขียวของพืชและกลิ่นน้ำมันสำหรับทำอาหารลอยฉุนขึ้นจมูกของเกอร์ฮาร์ดแถมยังทิ้งร่องรอยไปตามหลอดอาหารเป็นระลอกให้เขารู้สึกคลื่นเหียนไปตลอดทั้งวัน


            ครั้งที่สองคือตอนที่เขาอายุสิบเอ็ดปี วันนั้นแม่ของเขาไม่สามารถออกนอกบ้านไปซื้อของได้เพราะมรสุมพายุฝนที่โหมกระหน่ำสั่งสมอย่างบ้าคลั่งตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทำให้ตอนเช้าทุกคนในครอบครัวจึงได้กินแค่มันฝรั่งเป็นวัตถุดิบหลัก มีมันอบราดหน้าด้วยเนยเหลวโรยด้วยเศษเสี้ยวเบคอนที่เหลือกับมันบดพร้อมน้ำเกรวี่ข้นหนืดอีกเป็นกองภูเขาเลากาในชามเซรามิคใบใหญ่ เกอร์ฮาร์ดจำได้ว่าวันนั้นทั้งวันเขาไม่แตะต้องมันฝรั่งอีกเลยทั้งสองมื้อที่เหลือ ส่วนครั้งสุดท้ายคือตอนอายุสิบสี่ปี เขาเพิ่งเริ่มเรียนการฝึกภาคสนามขั้นปฏิบัติ มื้อแรกที่เขาได้ลงมือฝึกทำอาหารเองคือสตูเนื้อซึ่งเขาทำพลาด เขาดันเคี่ยวมันนานและใช้ไฟแรงเกินไปทำให้น้ำซุปที่ควรจะออกมาข้นเหลวกำลังดีเหมือนน้ำเกรวี่กลับออกมามีเนื้อสัมผัสที่แห้งและหนืดเหนียว มีสีคล้ำกว่าที่มันควรจะเป็นแถมมีกลิ่นไหม้แทรกอยู่ในส่วนประกอบเกือบทุกอย่าง


    อย่างไรก็ตาม เกอร์ฮาร์ดไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะต้องมาเจอมื้อเช้าแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สี่ในชีวิตเมื่อไม่กี่วันก่อน วันที่เขายกให้เป็นวันเฮงซวยที่สุดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่


            วันนั้นแม่สาวเฟลิเซียเกิดโมโหอะไรเขาขึ้นมาก็ไม่ทราบได้ แต่ในวันรุ่งขึ้น มาดามโคเล็ตต์ดันกลับมาถึงบ้านในเวลาที่สวนทางกับเขาที่กำลังจะออกไปทำงานทำให้เกอร์ฮาร์ดไม่พ้นต้องเจอกับมื้อเช้าฝีมือของเฟลิเซีย ซึ่งรายการอาหารในวันนั้นได้แก่ซุปถั่วต้มแบบใสที่เต็มไปด้วยถั่ว หลากชนิดเท่าที่เธอจะหาได้ในครัว พวกมันถูกต้มนานเกินไปจนเนื้อแตก เละ แล้วก็ส่งกลิ่นเหม็นเขียวของพืชตระกูลถั่วกระจายไปทั่วซุปทั้งชาม มันยิ่งส่งผลให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปอีกเมื่อถั่วคืออาหารที่เกอร์ฮาร์ดเกลียดที่สุด เขามีใบผักกาดกินคู่กันเป็นครื่องเคียงแทนที่จะเป็นขนมปัง เมื่อนำทุกอย่างมาประมวลผลเข้าด้วยกันแล้ว...ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นเพียงแค่การแก้แค้นของเจ้าหล่อนอีกวิธีหนึ่งเท่านั้น เขามั่นใจว่าเธอต้องมีทีเด็ดแสนเจ็บแสบอยู่อีกเยอะ สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือโอกาสอันเหมาะสมเท่านั้น


    เขานึกย้อนกลับไปพลางยกมือขึ้นลูบบ่าบริเวณที่โดนกระแทกเมื่อคืนวันนั้น ถึงคนทำจะเป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กบอบบางกว่าเขา แต่มันก็เจ็บเอาการทีเดียวเมื่อถูกชนเข้าอย่างจัง วันนั้นเป็นวันที่เจ้าหล่อนดูฉุนเฉียวที่สุดที่เขาเคยเห็น 


            ว่ากันตามตรง ถึงเหตุการณ์นั้นจะผ่านมาเกือบอาทิตย์นึงแล้ว เกอร์ฮาร์ดก็ยังไม่รู้สาเหตุว่าเขาไปทำผิดอะไรให้เจ้าตัวถึงกับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนั้น...เขาหมายถึงสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่เรื่องสงครามหรือการที่เขาเข้ามาพักอยู่ที่นี่น่ะนะ ถ้าเป็นสองเรื่องนี้ล่ะก็เขารู้ดีว่ามันฝังอยู่ในใจเธอตั้งแต่ก่อนที่นัยน์ตาสีน้ำผึ้งนั้นจะได้เห็นหน้าเขาเสียด้วยซ้ำ


            เนื่องด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เกอร์ฮาร์ดพยายามใช้เวลาอยู่นอกบ้านให้นานที่สุดตั้งแต่วันเกิดเรื่อง เขามักจะแวะไปหาอะไรกินที่ร้านยามกลางคืนกับพวกลูกน้องหรือเพื่อนทหารไม่ก็หาเรื่องเดินเล่นไปที่โน่นที่นี่ก่อนจะกลับบ้านในเวลาหนึ่งทุ่มหรือจนกว่าฟ้าจะมืดสนิท ถ้าเป็นไปได้ เขาเองก็ไม่อยากจะทำแบบนี้เพราะเท่ากับว่ามาดามต้องอยู่รอเขากลับมาเพื่อที่จะล็อกประตูถึงจะเข้านอนได้ ก็เขาไม่มีทางเลือกอื่นนี่นา...แต่เขาก็กำลังคิดอยู่ว่าจะเลิกทำแบบนั้นเพราะชักจะเริ่มเกรงใจเจ้าของบ้าน


            รสชาติขมฝาดของเบียร์ไหลลื่นลงไปตามลำคอขณะที่นัยน์ตาสีเขียวมรกตทอดมองลานถนนเบื้องหน้าจากที่นั่งบนโต๊ะติดหน้าต่างของร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง บนโต๊ะไม่มีอะไรมากนอกจากจานอาหารที่ถูกกินหมดจนเหลือแต่เศษ  แก้วกระเบื้องสองใบมีคราบน้ำชาติดอยู่ที่ก้นกับจานเขี่ยบุหรี่สกปรกเต็มไปด้วยขี้เขม่า ควันสีขาวเทาลอยพุ่งเข้าใบหน้าดึงให้เกอร์ฮาร์ดไอโขลกเขลกก่อนจะหันขวับไปหาต้นตอ แม็กซ์สะดุ้งน้อยๆ

    " อ๊ะ ขอประทานโทษครับหัวหน้า "
            เขาขอโทษก่อนจะรีบขยี้บุหรี่ลงจานรองให้ดับลง
    " ผมมัวแต่มองวิวตรงนั้นอยู่เลยเผลอไปหน่อย "

            เขาหันมองตามทิศทางเดียวกับแม็กซ์ ที่บริเวณทางเท้าฝั่งตรงข้าม หญิงสาวสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่หน้าทางเข้าอพาร์ตเมนต์เล็กๆแห่งหนึ่ง พวกเธออยู่ในเครื่องแต่งกายที่โดดเด่นด้วยชุดกระโปรงสีแดงกำมะหยี่และสีเขียวแมลงทับยาวระดับเข่าเผยให้เห็นรองเท้าส้นสูงสีดำมีสายรัดข้อเท้าเผยให้เรียวขานวลผ่องนั้นโดดเด่นออกมา หมวกตาข่ายใบเก๋สวมประดับประดาอยู่บนเรือนผมสีอัลมอนด์และสีทรายที่จัดทรงมาอย่างดีสร้างความลึกลับให้กับใบหน้าภายใต้ตาข่ายลายจุดนั้น พวกเธอแต่งแต้มเติมเต็มเครื่องหน้าด้วยเฉดสีตามแฟชั่นที่ฉายเน้นความงดงามของสตรีให้กับบรรดาผู้พบเห็น

    เกอร์ฮาร์ดถอนหายใจกับสายตานกเหยี่ยวของลูกน้องคนใหม่ที่จนถึงตอนนี้ก็เรียกได้ว่าไม่ได้ใหม่ซะทีเดียว

    เด็กพวกนี้นี่จริงๆเลย คิดแต่ละอย่างก็หลุดไม่พ้นเรื่องเหล้า เที่ยว กิจกรรมกลางคืน แล้วก็ผู้หญิงทุกที

    " เธอนี่ตาดีกับเรื่องอะไรแนวนี้นะ... "
            เกอร์ฮาร์ดพูดขำๆ แม็กซ์กระพริบตาปริบๆด้วยความงงงวยเพราะตามไม่ทันจึงไม่เข้าใจเรื่องที่เขาพูดถึง
    " ฮะ? "

            นัยน์ตาสีฟ้าหม่นของแม็กซ์ทอดมองยาวตามสายตาของหัวหน้าไปบรรจบลงที่สุภาพสตรีสองนางนั้น เขาก็ถึงบางอ้อทันทีว่าเกอร์ฮาร์ดหมายถึงอะไร เจ้าลูกน้องก็รีบเลิกลั่กลนลานกลบเกลื่อนขึ้นมา

    " ม-ไม่ใช่แบบนั้นนะฮะหัวหน้า ผมหมายถึง--ผมรู้สึกว่าเคยเห็นพวกเธอที่ไหนมาก่อนเท่านั้นเอง"
            เขาอธิบายด้วยท่าทางตะกุกตะกักทุลักทุเล เกอร์ฮาร์ดย่นคิ้วพลางควักบุหรี่ยี่ห้อเยอรมันขึ้นมาจุดบ้าง 
    " เธอคงเจอในร้านกลางคืนที่ไหนสักที่ล่ะมั้ง "
            เขาพูดกะเดาสุ่มเล่นๆ แต่แม็กซ์กลับตาโตขึ้นมาเหมือนใครไปกระตุ้นต่อมอะไรสักอย่างใต้สมอง
    " ใช่!-ใช่ฮะหัวหน้า ผมนึกออกแล้ว--พวกเธอเป็นนักร้องในร้านที่ผมไปมาเมื่อวันอังคารฮะ ถึงว่าล่ะหน้าคุ้นๆ "
            ประโยคนั้นทำให้คิ้วของเกอร์ฮาร์ดขมวดผูกกันยิ่งกว่าเดิม เขาดึงมวนบุหรี่ออกจากปากแล้วปล่อยกลุ่มควันสีขาวเทาลอยไปกระทบกระจกก่อนมันจะแตกสลายหายไป
    " ฉันว่าพวกนักดนตรีกลางคืนก็แต่งตัวแบบนี้กันทุกคน จำไม่น่าจะยากนะ "
            เขาเอ่ยเรียบๆขณะลูกน้องข้างๆหันไปสั่งเบียร์เพิ่มอีกแก้ว
    " ...คือร้านที่ว่า นักร้องนักดนตรีหญิงค่อนข้างจะ...ใส่น้อยชิ้นมากฮะ พวกเธอจะใส่เสื้อผ้าเนื้อบางๆที่มีลูกเล่นต่างกันแล้วก็ทำผมลอนแบบที่ปิดหน้าไปครึ่งซีกหรือป้ายลอนผมไปด้านใดด้านหนึ่งน่ะฮะ "
    เขาอธิบายอย่างชำนาญชำการ
    " งั้นรึ "

            หึ...เจ้าลูกน้องคนนี้กำลังจะบอกว่าพอมีเสื้อผ้าปกปิดเรือนร่างมิดชิดก็เลยจำไม่ได้ว่างั้นสิ? เด็กยังไงก็เป็นเด็กวันยังค่ำ ไม่พ้นเรื่องพรรค์นั้นอยู่ดีนั่นแหละ เกอร์ฮาร์ดถอนใจอย่างหน่ายๆพลางพ่นควันบุหรี่ออกมาอีกรอบ

    " ถ้าหัวหน้าสนใจ...จะไปด้วยกันก็ได้นะครับ วันนี้ผมกับเพื่อนก็จะไปอีก "
            เขาขยี้บุหรี่ลงกับจานรอง ก้นขี้เถ้าของมันแตกกระจายออกมา
    " ให้ฉันไปดูผู้หญิงกึ่งเปลือยร้องเพลงเนี่ยนะ... "

            เกอร์ฮาร์ดพูดติดตลกร้าย เขาเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติปกติของนายทหารผู้ชายที่จะปรารถนาสิ่งรื่นเริงบันเทิงใจมาปลอบขวัญกำลังของตนเองยามที่มีโอกาสก่อนชีวิตจะเข้าไปเดิมพันในสงคราม แต่สำหรับตัวของเขาเอง...เขากลับไม่คิดว่าเขาเหลืออารมณ์จะเติมเต็มด้วยความบันเทิงต่างๆเพราะแค่เขาหมดเวลาไปกับหน้าที่การงานอันแสนจะตึงเครียดและกลับมารับมือสงครามเย็นต่อที่บ้านก็กินแรงเขาไปมากพอควร อีกอย่าง เขาหาเรื่องเตร่นอกบ้านหลายวันแล้ว ถึงเวลาที่เขาควรจะเลิกหนีปัญหาแบบเด็กๆแล้วยืดอกเผชิญรับมันซะให้รู้แล้วรู้รอดไป
            แต่...ราวกับมีตุ้มถ่วงน้ำหนักดึงรั้งใจเสี้ยวหนึ่งของเขาเอาไว้ จริงๆแล้ว...ทำไมเขาจะต้องสนด้วยล่ะว่าจะมีกี่คนที่ต้องอดตาหลับขับตานอนอยู่จนมืดดึกเพื่อรอเขากลับบ้าน เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจด้วยซ้ำในเมื่อเขาอยู่ในฐานะผู้ปกครองที่เหนือกว่า แค่เอ่ยคำสั่งออกมาเพียงคำเดียวทุกอย่างเป็นอันจบ ถึงอย่างไรเขาก็ทำไม่ลงหรอก...นิสัยแบบนั้นไม่ใช่ตัวเขาเลย...จริงๆแล้วเขาแค่ยังไม่ค่อยพร้อมจะกลับไปอยู่กับวังวนบรรยากาศแบบนั้นเท่านั้นเอง

    ให้ตายสิ...เขาตกอยู่ในภาวะสองจิตสองใจซะแล้วสิ

    " ผมแค่ลองชวนดูเผื่อจะสนใจ "
            แม็กซ์พูดขึ้นเมื่อเห็นเขาเงียบไป
    " เดี๋ยวก่อน..."
            ริมฝีปากของเกอร์ฮาร์ดเม้มแน่นขณะก้นบุหรี่ถูกขยี้ลงบนจานรองอีกครั้ง
    " ฉันไป "
    เขาแค่...ต้องการเวลาอีกสักพัก


            วินาทีแรกที่เท้าในรองเท้าบูทคอมแบทหนังสีดำของเกอร์ฮาร์ดเหยียบย่างเข้ามาบนพื้นปูพรมสีน้ำตาลแก่ของร้านเบลล์ นุย เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมร้านถึงได้รับความความนิยมในหมู่นายทหารขนาดนี้ นักดนตรีและนักแสดงหญิงทุกคนต่างสวมใส่เพียงรองเท้าส้นสูงคู่กับชุดราตรียาวที่ตัดจากเนื้อผ้าบางเบาปกปิดเรือนร่างบอบบางอรชรนั้นเอาไว้ และอย่างที่แม็กซ์บอกไว้ ชุดของพวกเธอแต่ละคนไม่มีใครเหมือนกันเลย บางคนสวมชุดปักเลื่อมประปรายพอแวววาวระยิบระยับที่แหวกหน้าอกลึกลงมาระดับสะดือ บางคนใส่ชุดกระโปรงผ้าซาตินลื่นมันวับที่ผ่าเปิดขึ้นมาสูงเกือบถึงสะโพก เนื้อผ้าละมุนนุ่มของมันไซร้ไล่พริ้วไหวเลื้อยไปตามสรีระของเรียวขายามที่เธอคนนั้นเคลื่อนไหว

            นัยน์ตาสีมรกตของเกอร์ฮาร์ดจับจ้องภาพที่สวยงามราวศิลปะบนเวทีตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินในขณะที่นัยน์ตาสีฟ้าหม่นของลูกน้องผมทองข้างๆที่ค้างอยู่กับกลุ่มนวลนางที่กำลังร่ายระบำดูคล้ายกับมวลบุปผาที่เริงร่าหยอกเย้าเคล้าคลอกับหิ่งห้อยยามราตรี แม็กซ์ยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดกสลับกันไปกับการชมการแสดง อากัปกิริยานั้นทำให้เกอร์ฮาร์ดอมยิ้มออกมาด้วยความขำขัน

    เด็กหนอเด็ก...ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สิ่งเดียวที่หลุดไม่พ้นพวกเขาก็คือความตื่นเต้นกับความบันเทิงสนุกสนานอยู่ดี

            เกอร์ฮาร์ดใช้มีดเงินขึ้นเงาหั่นสเต๊กเนื้อร้อนฉ่าเข้าปากไปเสี้ยวหนึ่งเมื่อพนักงานในเครื่องแต่งกายภูมิฐานนำมาเสิร์ฟ ขณะนี้ท้องไส้ของเขาดึงดูดความสนใจได้มากกว่าการแสดงอื่นใดบนเวทีซะอีก แต่แล้ว ไม่นานหลังจากอาหารของพวกเขาทยอยมาถึงที่โต๊ะ นายทหารหนุ่มก็เริ่มสังเกตว่าผู้คนในร้านอาหารนั้นมีอาการเดียวกับเขา นั่นคือสนอกสนใจจานอาหารของตนเองซะส่วนใหญ่ทั้งนายทหารยศน้อยยศสูง ซึ่งออกจะผิดวิสัยไปสักหน่อยเพราะโดยปกติแล้วเป็นอันรู้กันว่าร้านยามค่ำคืนส่วนมากผู้คนจะออกมาเสาะหาความบันเทิงทางประสาทสัมผัสหูและสายตาเสียมากกว่าเรื่องอาหารการกิน 


            " ที่นี่จะมีการแสดงรอบพิเศษทุกคืนน่ะครับ เป็นการร้องเพลงโดยกลุ่มนักร้องหญิงอันดับแนวหน้าของร้านน่ะฮะ "
    จู่ๆแม็กซ์ก็พูดขึ้นมาราวกับอ่านใจได้ว่าเกอร์ฮาร์ดกำลังคิดอะไรอยู่ 
            " ในกลุ่มนั้นจะมีนักร้องคนนึงเป็นดาวเด่นที่สุดในกลุ่มฮะ เธอชื่อคาร์ไมล์ ผมมั่นใจว่าหัวหน้าต้องชอบเธอเหมือนกัน เธอเฉิดฉายมาก สวย สง่า มีเสน่ห์ แล้วก็--อีกหลายต่อหลายอย่างเลย "


            เขาพร่ำพรรณนาด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอยดูฝันเฟื่องหวานเยิ้มเสียจนริมฝีปากของเกอร์ฮาร์ดบิดเบี้ยวน้อยๆจากการพยายามอดกลั้นไว้ไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมาเพราะเอ็นดูกับท่าทางความไร้เดียงสาแบบเด็กๆ

            เสียงดนตรีดังขึ้นไม่นานนักหลังจากพวกเขาทั้งคู่รับประทานอาหารเสร็จ ผ้าม่านกำมะหยี่สีแดงเลือดหมูรูดเปิดออกเป็นสัญญาณให้บรรดาแขกเหรื่อทั้งหลายรู้ว่าการแสดงกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่กี่อึดใจ แสงไฟทั่วทั้งร้านถูกหรี่ความสว่างลงเหลือพอแค่แสงสีอ่อนสลัวๆส่งให้บรรยากาศมีกลิ่นอายของความโรแมนติกหวานซึ้งปนลึกลับขับให้ดวงใจหลายร้อยดวงสั่นคลอนเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะระหว่างรอคอยเหล่าดาวเด่นของร้านปรากฏตัวบนเวที


            บทเพลงจังหวะช้าในท่วงทำนองอ่อนช้อยละมุนละไมดังขึ้นพร้อมกับร่างที่โดนไฟสปอตไลท์เปล่งแสงสว่างเรืองรองผุดผ่องฉายประกายสองร่างก้าวออกมาจากด้านหลังเวที
    เกอร์ฮาร์ดคิดว่าถ้าหากเหล่าเทพธิดาในนิทานมีอยู่จริง พวกนางก็คงจะเป็นเช่นนี้นี่ล่ะ...


            หญิงสาวทั้งสองคนสำหรับตัวเกอร์ฮาร์ดเองแล้วเขาอยากเรียกว่าผลงานประติมากรรมหรือศิลปะอันทรงคุณค่ามากกว่าจะเรียกว่ามนุษย์ พวกหล่อนคือความผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความฝันสมปรารถนาในเทพนิยาย ความเพียบพร้อมงดงามของอุดมคติที่มิอาจจับต้องได้ และความจริงอันสมบูรณ์แบบ หญิงสาวสองคนแรกที่ก้าวนำมาก่อนอยู่ในชุดราตรียาวสไตล์กรีกสีน้ำเงินที่ถึงแม้จะแค่แหวกลึกในส่วนหน้าอก แต่เมื่อเทียบกับเนื้อผ้าสีเงินประดับเลื่อมบางเบาพริ้วไสวแล้ว...พวกเธอก็ไม่ต่างอะไรกับภาพวาดในสมัยยุคโรแมนติก เรือนผมสีอ่อนของทั้งคู่ถูกเกล้าขึ้นไปขดเป็นมวยสวยประดับด้วยปิ่นเสียบผมรูปเถาของใบไม้ดูราวกับว่าพวกเธอมีไม้ดอกที่กำลังจะผลิบานอยู่บนศีรษะ ใบหน้าสวยหยดถูกตกแต่งด้วยสีสันทั้งเปลือกตาสีน้ำตาลอ่อน แนวแก้มปาดแต่งด้วยสีชมพูโอลโรสเกลี่ยเข้าไปกับผิวพรรณขับให้แลดูเนียนนวลเสริมด้วยริมฝีปากที่ถูกแต้มด้วยลิปสติกสีแสดขับให้เครื่องหน้าโดดเด่น พวกเธอเดินย่างกรายไปประจำอยู่ที่ตำแหน่งไมโครโฟนสองจุดที่อยู่ข้างๆกับวงดนตรีด้วยรองเท้าส้นสูงสีขาวตัดกับสีชุดที่ขับให้เรียวขาดูเพรียวบางพริ้วไหว พวกเธอชายตาส่งรอยยิ้มหวานมาให้บรรดาแขกก่อนจะหันกลับไปยังเวทีซึ่งหญิงสาวคนที่สามและเป็นคนสุดท้ายค่อยๆเยื้องย่างออกมา

            ราวกับโลกทั้งใบถูกหยุดเวลาลง ทุกคนพร้อมใจกันเงียบกริบเมื่อเห็นการปรากฏตัวของเธอคนนั้น เกอร์ฮาร์ดกล้าเอาหัวเป็นประกันเลยว่าเขาถึงกับแอบได้ยินเสียงแขกบางคนสูดหายใจดังเฮือกด้วยความทึ่ง...แต่เขาไม่แปลกใจหรอก เพราะขนาดตัวเขาเองก็ยังแทบจะอ้าปากค้างตะลึงงันเพราะความงามของเธอเหมือนกัน เป็นเวลาเนิ่นนานมาแล้วที่เขาไม่ได้พบเจอหญิงสาวที่งามขนาดทำให้เขาตกตะลึงมากถึงเพียงนี้...นับตั้งแต่...

            ภาพความทรงจำในอดีตพรั่งพรูหลั่งไหลเข้ามาในหัวเขาราวกับม้วนฟิลม์ของภาพยนตร์ เขาสั่นหัวน้อยๆไล่พวกมันออกไปก่อนจะหันกลับมาตั้งสมาธิอยู่บนเวทีอีกครั้ง

    ถ้าหญิงสาวสองคนก่อนหน้านั้นเปรียบเหมือนเทพทิดาในเทพนิยาย...คาร์ไมล์ก็คงจะเป็นเหมือนประติมากรรมฝีมือของพิกเมเลี่ยน*

            เมื่อก่อนเกอร์ฮาร์ดเคยคิดว่าเหล่าหญิงสาวยอดขวัญใจที่ร้านประจำของเขาในเบอร์ลินว่าสวยแล้วนะ แต่พอได้เจอกับคาร์ไมล์นี่ทำเอาพวกหล่อนชิดซ้ายไปเลยก็ว่าได้ เธอเพรียบพร้อมด้วยทุกอย่างที่ชายคนหนึ่งจะวอนขอปรารถนาจากหญิงสาวสักคน ทั้งความเยาว์วัย ความงาม มนต์เสน่ห์เย้ายวน ทุกๆอย่างล้วนอยู่ในตัวเจ้าหล่อนทั้งสิ้น


            คาร์ไมล์มีนัยน์ตาสีเขียวคล้ายเกอร์ฮาร์ดเพียงแต่ว่าคนละเฉดสีกันเท่านั้น ตาของเขาเป็นสีเขียวเข้มจัดแบบมรกตในขณะที่ตาของเธอเป็นสีเขียวของน้ำทะเลยามต้องแสงตะวันสีทองที่ส่องเป็นประกายระยิบระยับราวกับหมู่ดาวอยู่ในแววตาคู่นั้น ทุกๆองค์ประกอบของใบหน้าล้วนแล้วแต่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ เปลือกตาของเธอถูกเติมเน้นขอบด้วยสีเงิน สีแดงเฉดกุหลาบขับให้ริมฝีปากได้รูปสวยนั้นโดดเด่นยิ่งกว่าเดิม เรือนผมสีดำสนิทดุจรัตติกาลเป็นเงางามและถูกเกล้าขึ้นไปเป็นมวยข้างบนเช่นเดียวกับหญิงสาวสองคนแรกเพียงแต่ปล่อยปอยผมดัดลอนส่วนหนึ่งให้พาดปาดลงมาคลอเคลียบริเวณไหล่ด้านซ้าย บนมวยผมของเธอถูกประดับประดาด้วยดอกกุหลาบสีสดและขนนกสีขาวบริสุทธ์ที่เอนอ่อนพริ้วไปมาตามจังหวะที่ศีรษะของเจ้าหล่อนเคลื่อนไหว เรือนร่างอรชรบอบบางของเธออยู่ในชุดยาวตัดจากผ้าซาตินสีเงินแวววาวด้วยแสงจากดวงไฟตกกระทบกับผ้า เนื้อของมันบางเบาจนกระทั่งชายกระโปรงที่ผ่าลึกสูงถึงต้นขาสามารถปลิวแผ่สยายได้แม้ว่าผู้สวมใส่จะขยับตัวเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ท่อนบนของชุดเป็นทรงเกาะอกรูปหัวใจชูผิวขาวเนียนผ่องของเธอเปล่งปลั่งแข่งกับแสงไฟและสีของอาภรณ์ สร้อยคอเรียงร้อยด้วยจี้รูปหยดน้ำไปตลอดทั้งเส้นขับลำคอระหงส์ชวนจับจ้อง สิ่งที่พาดอยู่ระหว่างแขนเล็กบางทั้งสองข้างคือผ้าพันคอขนเฟอร์สีครีมนวลเส้นเล็กเส้นหนึ่งคลอเคล้าเย้ากับวงแขนสร้างความสง่างามให้ผู้สวมใส่คู่กับรองเท้าส้นสูงสีเดียวกันดึงให้เรียวขาได้รูปน่าดึงดูด ท่วงท่ายามที่เจ้าหล่อนก้าวเดินนั้นคล้ายกับนางสวรรค์กำลังเยื้องย่างลงมาจากวิมานมากกว่าก้าวเดินบนพื้นไม้ธรรมดาของเวที ทุกๆอย่างช่างดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ


            มือเรียวของคาร์ไมล์ประสานกันไว้ข้างหน้าด้วยท่วงทีของสตรีสูงศักดิ์ในประเทศอังกฤษ เธอกวาดตามองบรรดาแขกผู้ชมนั่งอยู่ทั่วบริเวณก่อนจะหันไปพยักหน้าน้อยๆให้กับวงดนตรีและเพื่อนหญิงอีกสองคนเป็นเชิงบอกว่าพร้อมแล้ว จากนั้นผู้คนทั่วทั้งร้านก็ตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดเมื่อริมฝีปากรูปสวยนั้นเริ่มขับร้องบทเพลงด้วยน้ำเสียงหวานอันไพเราะกังวานเฉกเช่นนกที่ขับขานเสียงอย่างมีชีวิตชีวาท่ามกลางบรรยากาศในวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ


    Ein kleines Liedchen geht von Mund zu Mund.
    บทเพลงน้อยๆถูกส่งต่อเล่าขานกันจากปากต่อปาก
    Es ist beliebt, und das hat seinen grund
    มันคือบทเพลงอันโด่งดังเลื่องชื่อด้วยเหตุผลที่--
    denn es besingt den Liebling vieler Damen,
    --กล่าวขานขับร้องถึงคนรักของบรรดาหญิงสาวหลายต่อหลายคน--
    die ihm zuliebe fielen aus dem Rahmen.
    --ที่ได้หลงกลตกหลุมรักความธรรมดาสามัญของเขา



            น้ำเสียงหวานหยดสะท้อนก้องไปทั่วอาณาบริเวณดึงดูดสายตาของทุกคนให้พร้อมกันจับจ้องดาวจรัสแสงดวงนั้นเป็นจุดเดียว เมื่อเกอร์ฮาร์ดชำเลืองมองไปยังผู้ร่วมเดินทาง เป็นไปตามที่เขาคิด...นัยน์ตาคู่นั้นของแม็กซ์เปล่งประกายฉายแววลอยละล่องราวกับต้องมนต์สะกดในสรวงสวรรค์ บุหรี่ที่ถูกจุดแล้วมวนหนึ่งถูกปล่อยค้างเติ่งนิ่งไว้อย่างนั้นโดยไม่มีทีท่าว่าตัวเจ้าของจะทำอะไรกับมันนอกจากคีบเอาไว้ระหว่างนิ้วเฉยๆ ริมฝีปากบางเฉียบได้รูปแบบคนเยอรมันเผยอขึ้นเล็กน้อยด้วยความตะลึงงันกับภาพที่ได้ชมตรงหน้า บรรดาผู้คนทุกหนแห่งพร้อมใจกันเงียบกริบเพื่อสดับฟังบทเพลงแสนไพเราะเสนาะหูนั้น


    Gott Amor selber hat es komponiert
    พระเจ้าผู้สูงศักดิ์ได้ทุ่มเท
    hat es den schönen Frauen dediziert,
    สรรสร้างบรรดาสตรีผู้งดงาม
    und weil’s bezaubernd klingt und süß,
    บทเพลงอันหวานหยดและน่ารักเพลงนั้น
    singt man in ganz Paris:
    คุณได้ขับร้องมันไปทั่วกรุงปารีส


            คาร์ไมล์ชะลอน้ำเสียงให้ช้าลงตรงท่อนสุดท้ายขับให้เกิดอารมณ์ละห้อยโหยหาแอบแฝงไปด้วยแรงปรารถนาพร้อมกับค่อยๆวาดวงแขนไปยังเบื้องหน้าอย่างเชื่องช้าให้เข้ากับทำนองและอารมณ์ของบทเพลงก่อนที่เนื้อเพลงในท่อนฮุกจะถูกขับร้องออกมาด้วยน้ำเสียงโทนสูงหวานใส

    Du hast Glück bei den Frau’n, Bel Ami!
    คุณเนื้อหอมกับเหล่าหญิงสาวจริงนะ ที่รัก
    Soviel Glück bei den Frau’n, Bel Ami!
    ที่รัก คุณช่างมีเสน่ห์กับสาวๆเสียจริงนะ

    Doch die Frau, die dich liebt
    แต่หญิงสาวคนที่รักคุณน่ะ--
    machst du glücklich wie noch nie
    --เธอทำให้คุณมีความสุขมากแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    Bel Ami! Bel Ami! Bel Ami!
    ที่รัก! ยอดรัก! สุดที่รัก!

            เธอก้าวเท้าเยื้องกรายโฉบฉายไปด้านข้างของเวทีทั้งสองฝั่งส่งสายตาสื่ออารมณ์หวานซึ้งของบทเพลงให้กับผู้คน เรียกเอาสีหน้าของผู้ที่ได้ยลโฉมดาวจรัสแสงใกล้ๆนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขอิ่มเอมใจ มาถึงตรงนี้...แม็กซ์ก็ได้กลืนน้ำลายดังเอื๊อกและอ้าปากค้างไปเป็นที่เรียบร้อย


    Ich kenne einen netten jungen Mann
    ฉันรู้จักชายหนุ่มคนหนึ่ง
    der gar nichts ist und nichts Besonderes kann
    ผู้ที่ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย
    und den die Damen dennoch heiß verehren
    ไม่มีอะไรพิเศษแต่สาวๆก็ยังคงชื่นชอบเขา
    weil er das hat, was alle Frau’n begehren.
    เพราะเขามีทุกๆอย่างที่เหล่าหญิงสาวต่างปรารถนา


            ริมฝีปากงามยังคงขับขานท่วงทำนองเสียงเพลงอย่างต่อเนื่องขณะที่เจ้าของเสียงก้าวเท้าตรงมาข้างหน้าเวที มือเรียวบางของเธอจับชายกระโปรงยกขึ้นมาเล็กน้อยให้สะดวกต่อการลงบันได ท่าทางของหล่อนงดงามอ่อนช้อยเหมือนกับองค์หญิงที่กำลังลงมาจากบัลลังก์ เมื่อเท้าเล็กๆคู่นั้นสัมผัสลงบนพื้นปูพรมเบื้องล่าง เธอก็ทำการหว่านเสน่ห์ให้กับผู้ชมทั้งหลายที่โต๊ะตามห้วงอารมณ์ของดนตรี 


    Er macht die andern Männer ganz nervös
    เขาทำให้บุรุษผู้อื่นประหม่าหวั่นเกรง
    mit seiner tollen Chronique Scandaleuse.
    ด้วยชื่อเสียงอันเลื่องลือนาม
    Er nimmt die Frauen wie er will,
    เขาครอบครองหญิงสาวตามที่ใจปรารถนา
    bei ihm hält jede still.
    พวกเธอแต่ละคนต่างเก็บงำเรื่องให้เงียบเอาไว้


            เธอหยุดอยู่ที่นายทหารยศร้อยตรีผู้นั่งโต๊ะเยื้องไปทางขวาจากโต๊ะของพวกเกอร์ฮาร์ดก่อนจะดึงดอกกุหลาบที่เสียบอยู่บนมวยผมออกมาแล้วจัดแจงปักมันลงบนกระเป๋าเสื้อบริเวณหน้าอกของเครื่องแบบสีเขียวทำเอาเจ้าตัวถึงกับลูบผมหวีเรียบแปล้ด้วยความประหม่าขวยเขิน เกอร์ฮาร์ดเห็นแม็กซ์ขยี้บุหรี่ลงกับจานรอง เขาดูเหม่อลอยอย่างถึงที่สุด อย่าว่าแต่แม็กซ์เลย...ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าสายตาพร่ามัวมองอะไรไม่ชัดนอกจากผู้ที่ได้ฉายาว่าดาวจรัสแสงเบื้องหน้า ยิ่งได้เห็นคาร์ไมล์ในระยะใกล้ขึ้น เขาก็ยอมรับว่าเจ้าหล่อนนั้นเกินจะทัดทานต่อต้านจริงๆ


    Du hast Glück bei den Frau’n, Bel Ami!
    คุณเนื้อหอมกับเหล่าหญิงสาวจริงนะ ที่รัก
    Soviel Glück bei den Frau’n, Bel Ami!
    ที่รัก คุณช่างมีเสน่ห์กับสาวๆเสียจริงนะ


            คำร้องหวานหยาดเยิ้มจบลงพร้อมกับท่วงทำนองดนตรีท่อนเชื่อมต่อบทเพลงดังเด่นขึ้นมาแทนที่ ฉับพลันนั้นเอง โดยที่ทั้งสองไม่ทันคาดการณ์...นัยน์ตาสีเขียวอัญมณีทอประกายก็หันมาสบประสานเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าของแม็กซ์ ริมฝีปากแต้มสีสดสวยของเจ้าหล่อนหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนหวานจางๆ แววตาของเธอระยิบระยับงดงามไปด้วยความเป็นมิตรอ่อนโยนก่อนที่เจ้าหล่อนจะค่อยๆเยื้องย่างเข้ามาใกล้โต๊ะของพวกเขา สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เธอรวมเป็นจุดเดียว


    Bist nicht schön, doch charmant
    คุณไม่ได้สวยงามแต่กลับมีเสน่ห์
    bist nicht klug, doch sehr galant
    คุณไม่ได้เฉลียวฉลาดแต่ก็สุภาพกล้าหาญ
    bist kein Held
    คุณไม่ใช่วีรบุรุษ
    nur ein Mann, der gefällt.
    เป็นเพียงแค่บุรุษธรรมดาที่น่าชื่นชม


            ร่างบางเบาของคาร์ไมล์ค่อยๆเดินลัดเลาะผ่านโต๊ะตัวแล้วตัวเล่าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อมาถึงที่โต๊ะของพวกเขา เกอร์ฮาร์ดถึงกับต้องกระพริบตาถี่เพื่อดึงสติย้ำเตือนว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นไม่ใช่ภาพลวงตา ส่วนแม็กซ์นั้นไม่ต้งพูดถึง...รายนั้นได้หลุดลอยอยู่อีกโลกหนึ่งไปแล้ว


    Du verliebst jeden Tag dich aufs Neu,
    คุณตกหลุมรักกับคนใหม่ทุกเมื่อเชื่อวัน
    alle küsst du und bleibst keiner treu.
    ทุกคนต่างได้จุมพิตคุณ แล้วคุณก็ไม่ได้ภักดีอยู่กับใครคนไหนเลย


            เธอวางมือโอบลงบนบ่าของแม็กซ์ จากระยะใกล้ชิดขนาดนี้ทำให้จมูกของทั้งคู่สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นดอกไม้อันหอมยั่วยวนชวนให้หลงใหลของน้ำหอมที่เธอใส่ ใบหน้างดงามของเจ้าหล่อนฉายรอยยิ้มทรงเสน่ห์ให้แม็กซ์ก่อนจะค่อยๆหย่อนเรือนร่างนั่งลงบนตักของเขา เสียงเพลงถูกขับร้องให้เชื่องช้าลงอย่างเอื้อนเอ่ยในท่อนสุดท้ายขับเน้นอารมณ์


    Doch die Frau, die dich liebt
    แต่หญิงสาวคนที่รักคุณน่ะ--
    machst du glücklich wie noch nie
    --เธอทำให้คุณมีความสุขมากแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


            ใบหน้าของแม็กซ์ถูกประคับคองอยู่ในมือเรียวเล็ก หญิงสาวจ้องมองลึกเข้าไปในแววตาของเขาด้วยสายตาที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะสามารถบรรยายออกมาได้ ทุกคนต่างพร้อมใจกับจับจ้องมาที่คนคู่นี้อย่างใจจดใจจ่อไม่เว้นแม้แต่ตัวของเกอร์ฮาร์ดเอง ตอนนี้เขาแอบเริ่มรู้สึกว่าอากาศข้างๆชักจะอุ่นเกินไปสักหน่อย


    Bel Ami! Bel Ami! Bel A--
    ที่รัก! ยอดรัก! สุดที่รั--


            ถ้อยคำสุดท้ายขาดห้วงหายไปเพราะริมฝีปากสีสวยที่ทาบทับลงบนริมฝีปากรูปคมของแม็กซ์จึงมีเพียงเสียงดนตรีที่บรรเลงต่อไปโดยไร้คำร้อง แขนของคาร์ไมล์เปลี่ยนมาโอบพันรอลำคอของทหารหนุ่มพร้อมกับนัยน์ตาสีฟ้าของแม็กซ์ที่ปิดลงตอบรับห้วงอารมณ์ร้อนรุ่มจากจุมพิตนั้น วงแขนแกร่งโอบกอดแผ่นหลังและเอวบางนั้นอย่างนุ่มนวลถนุถนอมราวกับกลัวว่าตัวเจ้าหล่อนจะหักถ้าหากเขาโอบแน่นเกินไป อากัปกิริยานั้นเรียกเอาเสียงปรบมือเกรียวกราวจากทุกคนดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ เกอร์ฮาร์ดเองก็ร่วมปรบมือยินดีกับความสมหวังแสนสุขของเจ้าลูกน้องหนุ่ม ถึงแม้ลึกๆแล้วเขาจะแอบรู้สึกว่าอยากลุกออกไปให้ห่างจากบรรยากาศรักเร่าร้อนนี่ก็เถอะ

            คาร์ไมล์โน้มเอนก้มลงไปกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้ใบหูของแม็กซ์ขึ้นสีระเรื่อก่อนที่เธอจะสลัดผ้าพันคอสีครีมถอดออกจากวงแขนแล้วจัดแจงคล้องมันรอบลำคอของเขาก่อนเธอจะหยัดตัวลุกขึ้นช้าๆแล้วจากไปโดยไม่ลืมประทับจุมพิตส่งท้ายทิ้งไว้ที่แก้มของนายทหารหนุ่ม ถ้าร่างกายของมนุษย์สามารถเปลี่ยนรูปร่างไปตามห้วงอารมณ์ของตนเองได้...เกอร์ฮาร์ดมั่นใจว่าแม็กซ์ก็คงจะหลอมละลายรวมร่างไปกับเก้าอี้เป็นแน่แท้

            เสียงปรบมือจากผู้ชมแปรเปลี่ยนจากการปรบรัวถี่ครื้นเครงชอบใจมาเป็นปรบให้เข้ากับจังหวะดนตรีบรรเลงพร้อมกับร่วมมือกันร้องเพลงประสานอย่างสนุกสนานควบคู่ไปกับนักร้องหญิงทั้งสามคนในท่อนสุดท้ายก่อนจะจบบทเพลง


    Doch die Frau, die dich liebt,
    แต่หญิงสาวคนที่รักคุณน่ะ--
    machst du glücklich wie noch nie,
    --เธอทำให้คุณมีความสุขมากแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


            หญิงสาวโยกตัวไปมาช้าๆบนเวทีตามจังหวะดนตรีท่ามกลางเสียงปรบมือเข้าจังหวะจากบรรดาผู้ชม หลายต่อหลายคนก็ทำท่าทางประกอบมีอารมณ์เพลิดเพลินร่วมไปกับบทเพลง เมื่อเกอร์ฮาร์ดเหลือบมองจากทางหางตา เขาก็เห็นแม็กซ์ทำท่าส่งจูบกลางอากาศให้เธอโดยที่มืออีกข้างถือผ้าพันคอผืนนั้นไว้อย่างหวงแหน


    Bel Ami! Bel Ami! Bel Ami!
    ที่รัก! ยอดรัก! สุดที่รัก!


            บทเพลงสิ้นสุดลงก่อนจะตามมาด้วยเสียงปรบมือดังกึกก้องเคล้ากับเสียงโห่ร้องด้วยความชอบใจ หญิงสาวทั้งสามโค้งขอบคุณบรรดาผู้ชมก่อนจะเดินหายกลับเข้าไปด้านหลังเวทีทิ้งความตื่นเต้นครื้นเครงอื้ออลวนเสียนอยู่ในบรรยากาศ เกอร์ฮาร์ดไม่รู้ว่าคืนนี้จะเป็นคืนอันน่าจดจำของบรรดานายทหารในนี้สักกี่คน แต่ที่แน่ๆ...ค่ำคืนนี้เป็นคืนหนึ่งที่แม็กซ์จะไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน...รวมถึงตัวเขาเองก็เช่นกัน






    ...................................................................................................................................................................................................................
    *พิกเมเลี่ยนและกาลาเทีย หนึ่งในเรื่องเล่าจากตำนานปกรณัมกรีก เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับช่างปั้นรูปนามว่าพิกเมเลี่ยน เขาเป็นช่างปั้นที่มีฝีมือเยี่ยมยอดจนถึงขั้นเผลอตกหลุมรักรูปปั้นหญิงสาวที่ตนเองเป็นคนทำขึ้นมา ซึ่งรูปปั้นรูปนั้นเขาได้ตั้งชื่อให้ว่า "กาลาเทีย" นั่นเอง
    ...................................................................................................................................................................................................................

    *เพิ่มเติม*
    เพลงที่คาร์ไมล์ร้องมีชื่อว่า "  Du hast Glück bei den Frauen Bel Ami " ค่ะ




    เวอร์ชั่นนี้จะร้องปกติแต่ถ้าเป็นอีกเวอร์ชั่นนึงจะเอื้อนเอ่ยช้าๆเน้นหวานหน่อย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×