ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7fiction] adorable baby { Markbam } / -ลงชื่อรับเงินคืน-

    ลำดับตอนที่ #16 : 1st special Jackson's time + 2nd Jaebom's classroom + 3rd Sehun's story

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 57


    Jackson’s time

    *เนื้อหาย้อนไปตอนฮ่องกงนะคะ ตอนหวังอยู่ฮ่องกง นางมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ฮา~*

     

    JacksonxYoungjae

     

     

                    สวัสดีครับ... ยินดีที่ได้รู้จัก แจ๊คสัน หวังขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ

                    เดี๋ยวนะ... อันนี้คือให้ผมแนะนำตัวเองแล้วก็เป็นช่วงเวลาที่ผมจะได้เป็นพระเอกกับเขาบ้างจริง ๆ ใช่ไหม ไม่โกหกกันแน่นะ ไม่อยากผิดหวัง ผมขอถามอีกที นี่จะไม่มีการให้โทรหาไอ้มาร์คแล้วถูกตัดสายตัดบทแบบนั้นใช่ไหม

     

                    น้องหวังเสียใจนะคะถ้าจะต้องเจอเรื่องแบบนั้น

                ครับ... ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนเสียเวลา จะไม่มีการอารัมภบทยืดยาวแล้วครับ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

     

     

                    ผมชื่อแจ๊คสันครับ มีแซ่หรือที่เรียกกันว่านามสกุลว่าหวัง เป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อ(มาก)ชาวฮ่องกงโดยกำเนิด ผมเกิดที่ที่ฮ่องกงครับ แต่ขอโทษที มีอยู่ช่วงหนึ่งเป็นจุดพลิกผันของชีวิต ไม่น่าเกิดมามีพรสวรรค์ ดันสอบชิงทุนในฐานะนักกีฬาให้กับมหาลัยของเกาหลีใต้ได้ซะอย่างนั้น เป็นเหตุผลของการมาเติบโตที่ประเทศเกาหลีแบบงง ๆ ไปซะเฉย ๆ

                    แต่ก็ดีครับ มาอยู่เกาหลีได้เพื่อนเยอะ เออ จะว่าเยอะมันก็เยอะจะว่าไม่ก็ไม่อ่ะแหละครับ คือจริง ๆ ก่อนหน้าก็เคยมาอยู่บ้าง ไม่อยากจะคุยครับ ชอบมาเรียนซัมเมอร์บ้าง มาอยู่กินนอนเล่นบ้าง

                    ไม่ใช่อะไร มีลูกพี่ลูกน้องกับญาติสนิทมิตรสหายเขาทำงานอยู่เกาหลี น้องหวังคนนี้ก็เลยได้รับผลพลอยได้ไปด้วย แล้วก็นั่นล่ะครับ เพราะมาเที่ยวเล่น มาเรียนภาคฤดูร้อนที่นี่อยู่บ่อย ๆ ก็เลยได้เพื่อนติดไม้ติดมือ(?)กลับไปอยู่สามคน เอาแบบที่สนิท ๆ กันเลยอ่ะนะครับ...

     

                    มาร์ค ต้วนผู้ประหยัดถ้อยคำ จำเหตุการณ์ไม่ได้ว่าผมสนิทกับมันได้ยังไง รู้ตัวอีกทีก็เป็นเพื่อนรักกันไปซะแล้ว (ไม่ต้องถามว่าปรึกษามาร์คไหม ผมจะให้มันเป็นเพื่อนรักครับ จบนะจบ) ส่วนโอเซฮุนกับอิมแจบอมก็เป็นของแถมที่ได้ตามมาหลังจากรู้จักไอ้มาร์คอีกที

                    คบกันไปคบกันมาเรื่อย ๆ แบบนี้อ่ะครับ ชิล ๆ สบาย ๆ สไตล์คนหล่ออยู่ด้วยกัน (ล้อเล่นครับ ผมแค่ล้อเล่นจริง ๆ นะอย่าซีเรียส พวกผมมันธรรมด๊า)

     

                    สรุปคือตอนนี้ผมเล่าถึงไหนแล้วนะ เอาเป็นว่าพอก่อนครับ รู้จักพี่แจ๊คสัน หวังคนหล่อไปแบบคร่าว ๆ กันแล้ว มาสู่ปัจจุบัน(?)กันดีกว่า อย่างที่รู้กันครับ ตัวผมคนนี้มีธุระให้ต้องไปจัดการอย่างกะทันหัน ฮ่องกงที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนก็เลยต้องต้อนรับแจ๊คกลับมาอีกครั้ง และที่มันโคตรจะผิดเพี้ยนจากความตั้งใจ ...

                    ผมรับปากพี่คุณเอาไว้ว่าจะดูแลน้องแบมไงครับ พังหมด พัง... แต่ก็ยังดีที่สมองอันชาญฉลาดของผมคิดได้ทันครับ มีเพื่อนรักกับเขาอยู่ทั้งคน มันก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ใช่ไหม...

     

                    มาร์ค ต้วนนี่แหละครับตัวเลือกที่ดีที่สุดในอันดับหนึ่ง หวังรับประกัน หวังไว้ใจเพื่อนคนนี้มาก...

     

    ไอ้มาร์ค! มึงอยู่ไหนวะ อยู่กับน้องกูป้ะเนี่ย” เป็นประจำในทุก ๆ เช้ากลางวันเย็น แจ๊คสันจะต้องโทรหาเพื่อนรัก และแน่นอนว่าเขามักจะถูกตัดรอนอย่างไร้เยื่อใยเสมอ

                    ครั้งนี้ก็เช่นกัน อุตส่าห์โทรไปเช็คเรื่องน้องดี ๆ นะ แต่ช่างมันครับ ผมชินละ

    “เออ ๆ ไม่ได้อยู่เพราะมึงเรียนช้ะ แต่ส่งน้องกูเข้าโรงเรียนเรียบร้อยแล้วนะ ดีมาก อย่าลืมไปรับ ถ้าจะให้น้องกูกลับเองก็ต้องโทร...” ครับ...

     

                    ไหนบอกว่าหวังจะไม่ถูกตัดสายไงครับ! แล้วนี่มันอะไรกันห๊ะ ไอ้มาร์คแม่งตัดสายผมอีกแล้วอ้ะ

                    น้องหวังเสียใจ!

     

    “ตัดสายกูได้ตัดบทกูดีนะ เออ ใช่ซี๊ อย่า อย่าให้หวังได้กลับเกาหลีนะ เดี๋ยวรู้เรื่องเลยไอ้มาร์คว่าใครเป็นใคร” คนนามสกุลหวังเดินบ่นยาวยืดเรื่อยเปื่อย เขามีธุระจะต้องเข้าไปจัดการเกี่ยวกับการศึกษาในวันนี้ เพราะฉะนั้นสถานที่ที่กำลังจะไปจึงเกี่ยวกับการเรียนอย่างเสียไม่ได้

     

                    เขาเรียกว่าอะไรอ้ะ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาต้องเรียกแบบไหน รู้แต่ว่าต้องไปเอาเอกสารที่นี่ อาจจะคล้าย ๆ กับกระทรวงเหรอ? กระทรวงศึกษาธิการ? อะไรสักอย่างที่มันเกี่ยวกับนักเรียนแลกเปลี่ยนเนี่ยแหละครับ ช่างมันเถอะ

    “แล้วให้กูเรียนไปเปล่า ๆ ตั้งสองปีกว่า บทจะมาเรียกให้ทำเรื่องก็เรียกกลับมาซะงั้น มันน่านะครับ หวังไม่อยากจะทน...” คนขี้บ่นยังคงพูดต่อไป แจ๊คสัน หวังไม่เคยหวั่นถึงแม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เปล่าเปลี่ยวมากแค่ไหนชายหนุ่มก็ยังสามารถหาเรื่องคุยกับตัวเอง(?)ได้อยู่ดี

     

                    เงียบ ๆ แล้วมันเหงา หวังก็เลยต้องคุยกับตัวเองเบา ๆ ไปเรื่อย ๆ อ่ะครับ...

                    สนุกดีนะ ไม่เคยลองทำเหรอ งั้นแนะนำให้ลองทำดูนะครับ...

                   

                    แจ๊คสัน หวังกึ่งเดินกึ่งกระโดดขึ้นบันไดของสำนักงานขนาดใหญ่ด้วยความเริงร่า(?) เป็นเพราะว่าเขาต้องการขึ้นไปเพียงแค่ชั้นห้า ซึ่งในฐานะนักกีฬา บอกเลยว่ามันเป็นแค่การเดินแบบจิ๊บ ๆ มาก ฉะนั้นจึงมีความจำเป็นในการใช้ลิฟท์เท่ากับศูนย์...

     

                    แต่ทว่าท่าทางแจ๊คสันจะร่าเริงเกินธรรมดาไปสักนิด แถมยังไม่คิดจะระมัดระวังอีกต่างหาก เลยกลายเป็นว่ากระโดดไปกระโดดมา ดันทะเลอทะล่าเดินชน (หรือต้องเรียกว่าโหม่ง) เข้ากับใครสักคนที่เดินสวนลงมาพอดี

                    งานนี้ไม่รู้ใครถูกหรือใครผิด รู้แต่ว่าเจ้าหน้าที่คงคิดว่าเกิดเรื่องหนักหนาสาหัสแน่ ๆ ตรงบันไดแห่งนี้ เพราะเสียงดัง(ลั่น) โอเวอร์แอคติ้งตามแบบฉบับของแจ๊คสัน หวังมันช่าง...

     

    “โอ๊ยยยยยย พระเจ้า แจ๊คสันอยากจะบ้า เจ็บขมับ เจ็บร้าวไปทั้งกะโหลกแล้วครับ เฮ้ย นาย!” แจ๊คสันตั้งท่า ชายหนุ่มชี้นิ้วไปยังเด็กนิรนามที่ยังเอาแต่นั่งก้มหน้าลูบหน้าผากป้อย ๆ และร้องครวญเบา ๆ โดยยังไม่พูดอะไรออกมา

     

                    เออ... ดูท่าทางคงเจ็บอยู่เหมือนกัน แต่แจ๊คก็เจ็บอ้ะ!

     

    “เฮ้ เงยหน้าขึ้นมาดิ ลุกไม่ไหวเหรอ ฉันก็เจ็บเหมือนกันยังไม่นิ่งเลยนะเว้ย เฮ้ย มาคุยให้รู้เรื่องก่อนครับ เนี่ยจะขอโทษ แล้วจะขึ้นไปทำธุระ” เห็นผมเป็นคนอย่างนี้ แต่ที่จริงผมมีความรับผิดชอบนะครับ “หรือจะให้เดินผ่านไปเลย”

                    จะบอกให้ครับ... ที่จริงคือหวังอยากได้ยินคำขอโทษจากคนนี้เหมือนกัน หวังก็พูดจะขอโทษไปงั้นอ่ะ...

    “ก็ผ่านไปดิครับ ผมไม่ได้ว่าอะไรนี่” เสียงตอบรับคำแรกทำเอาแจ๊คสัน หวังอยากจะกระทืบเท้ากรีดร้อง(?)ให้ลั่น อะไร ทำไมล่ะ นี่เขาอุตส่าห์หาเรื่องแล้วนะ (ตกลงหวังต้องการอะไร) ทำไมไอ้เด็กคนนี้มันถึงได้ดูท่าทางเฉย ๆ ไม่สนใจโลกเลยวะ

     

                    แน่ะ ยังไม่เงยหน้ามามองหวังอีก หล่อขนาดนี้ไม่คิดจะมองหน่อยไง๊!

     

    “เออ เอาเป็นว่าขอโทษแล้วกัน แต่นายควรจะดูบ้างนะว่ามีคนกำลังเดินขึ้นมา”

    “เดินขึ้นลงต้องชิดขวา เมื่อกี้คุณไม่รู้ตัวเหรอว่าอยู่ด้านซ้าย นั่นก็หมายความว่ามันคือขวาของผม” เด็กที่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับพื้นว่า หลังจากก้มหน้าก้มตามาหลายนาที ในที่สุดแจ๊คสันก็ได้เห็นใบหน้าของเด็กคนนี้เข้าแบบเต็ม ๆ ตา

     

                    ไอ้ความคิดที่ว่าอยากบ่นอยากด่า อยากจะเรียกให้ลุกขึ้นมายืนตรงหน้าแล้วอบรมสั่งสอนนี่มันหายไปหมดเลยครับ ยอมหมดครับ หวังว่าหวังกำลังแฮปปี้

     

                    มายก้อด... น้องเขาไม่ได้น่ารักมาก แต่หวังอยากรู้จักจังเลยครับ ...

                    เมื่อกี้พวกเราคุยถึงไหนกันแล้วนะ ...

                อ๋อ เมื่อกี้ผมถูกน้อง (มั่นใจมากว่าเด็กกว่าครับ มั่นใจ) เขาด่าสินะ โอเค... กรรมชีวิต ตกลงที่จริงหนูผิดเหรอ หวังไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลย แต่หลังจากนี้รู้แล้วครับ ยอมเป็นคนผิดพลาด ผมยอม

                   

    “ตกลงนี่ยอมรับว่าคุณผิดใช่ไหมครับ คำขอโทษส่ง ๆ ของคุณผมไม่รับนะ” เด็กหนุ่มปริศนายันตัวลุกขึ้นมายืนตรงหน้ามนุษย์โอเวอร์แอคติ้ง ที่จริงแล้วชเวยองแจค่อนข้างจะหงุดหงิดและอยากด่าคนที่ยืนทำหน้าเหรอหราอยู่ตรงนี้ไม่น้อย

     

                    มีอย่างที่ไหนเดินไม่ดูทาง แล้วก้าวขึ้นบันไดที่ละสามขั้นแบบนั้น ขาก็ไม่ได้ยาวนะ เดี๋ยวก้าวพลาดตกบันไดขาหัก สั้นกว่าเดิมไม่แย่เหรอ ใช่ไหม ยองแจคิดไม่ผิดใช่หรือเปล่าครับ

     

    “เอ่อ... จริง ๆ พี่ว่าพี่ก็ผิดอ่ะครับ ถ้างั้นเอางี้ไหม เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวเย็นน้อง... น้องชื่ออะไรนะครับ”

                    ยองแจเลิกคิ้ว อดจะสงสัยในท่าทีเปลี่ยนไปจากหลังเท้าเป็นหน้ามือของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่สุดท้ายก็จำใจบอกชื่อจริงและนามสกุลแท้ให้กับอีกฝ่ายได้ฟังอยู่ดี

    “ยองแจ ชเวยองแจ”

    “อ้าว คนเกาหลีเหรอครับ” แจ๊คสันถาม ดูเหมือนเจ้าตัวจะลืมไปเสียสนิทใจ...

     

                    เขาทั้งสองคนกำลังโต้ตอบกันด้วยภาษาเกาหลี เอากับแจ๊คสันสิ นี่กำลังใช้ฮันกุงมัล***แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยนะครับ ให้ตาย ตอนหาเรื่องน้องยองแจ นี่ผมก็ใช้เกาหลีเหรอวะ

                    เออ ลืมไปว่าอยู่ฮ่องกง

    ***ฮันกุงมัลคือคำว่าภาษาเกาหลีค่ะ ความหมายเดียวกับฮันกุกกอเลย~

     

    “ที่จริงไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น แค่ขอโทษก็พอละ ผมขอตัวดีกว่า เชิญคุณทำธุระเถอะครับ ผมเองก็ต้องขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อกี้ด้วย” ยองแจว่า เด็กหนุ่มตั้งท่าจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง ทว่าความไวว่องของแจ๊คสันมีมากกว่า ...

     

    ดักสิครับ พลาดไปครั้งนึงละถ้าไม่เจอกันอีกทำไง!

     

    “จำเป็นครับ จำเป็นมาก” เน้นย้ำอย่างจริงจัง “น้องยองแจรีบไปไหนไหมครับ ถ้าไม่รีบช่วยรอพี่หน่อยนะ นั่งรอแป๊บเดียว ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวพี่รีบจัดการเรื่องเอกสาร แล้วจะรีบพาน้องไปหาของอร่อย ๆ ทานไถ่โทษเลยดีไหม...”

    “คือ...”

    “นะครับ เนี่ย ห่างจากที่นี่ไปไม่เยอะมีร้านอร่อย ๆ อยู่เพียบ! เดี๋ยวพี่เลี้ยงเองนะ เอาล่ะ ไปทำธุระกันนะครับ น้องยองแจนั่งรอพี่นะ...”

     

    ยังไม่ลืมกันใช่ไหม... ผู้ชายที่ชื่อแจ๊คสัน หวังนอกจากจะเป็นคนไม่ค่อยเต็มถัง ยังมีดีกรีความขี้ตื้อได้ในระดับเกินสิบเต็มสิบคะแนน

    ความขี้ตื้อและน้ำอดน้ำทน(?)ของแจ๊คสันยังได้ผลอยู่เสมอ

     

    *

     

    ชเวยองแจก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม... สุดท้ายแล้วเขาถึงต้องมานั่งกินมื้อเย็นอยู่กับคนหน้าแปลกและแปลกหน้า แต่นั่นคงเป็นสถานการณ์เมื่อสองสามชั่วโมงก่อน เพราะตอนนี้รุ่นพี่แจ๊คสันสามารถทำให้เราเหมือนสนิทกันไปได้เรียบร้อย

    งง ๆ อยู่เหมือนกัน... เพราะคุยกันไปคุยกันมา กลายเป็นว่าแจ๊คสัน หวังคือรุ่นพี่ร่วมมหาลัยในอนาคตอันใกล้ของยองแจ

     

    “แล้วยองแจจะกลับเกาหลีเมื่อไหร่ล่ะครับ” แจ๊คสันถาม ค่อนข้างจะอยากรู้(มาก)ว่ารุ่นน้องร่วมมหาลัยจะเดินทางกลับเมื่อไหร่

                    ทำไมอ่ะเหรอครับ... ผมจะได้รีบหาเรื่องกลับตามไง! แรงจูงใจในการทำธุระให้เสร็จโดยเร่งด่วนไง!

    “ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ คิดว่าน่าจะอีกไม่เกินอาทิตย์ คุณพ่อน่าจะชินกับงานที่นี่ แล้วก็ปล่อยให้ผมกลับเกาหลีซะที” อย่างที่ว่าครับ คุณพ่อของยองแจเป็นท่านศาสตราจารย์ ซึ่งมันมีเรื่องบังเอิญจนต้องยกมือขึ้นทาบอกของน้องหวัง

                    พ่อของน้องยองแจเป็นคนจัดการเรื่องเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนของผมครับ คือท่านเพิ่งจะย้ายมา แล้วก็ได้รับเรื่องผมเอาไว้พิจารณาแบบพอดิบพอดี... แน่นอนครับ แบบนี้ก็มีลุ้นว่าจะได้ทำคะแนน เอ้ย ได้ทำทุกอย่างเสร็จเร็วขึ้นเพราะสามารถติดต่อกับท่านได้โดยตรง

     

                    แหม่ ผลประโยชน์ทับซ้อนสามต่อสี่ต่อเลยนะครับ ไม่อยากจะคุย

     

    “ดีครับดี... แล้วนี่หาหอพักไว้ยังเนี่ย สอบตรงติดก็รีบหาซะนะ” ถ้าหาไม่ได้ก็มาอยู่กับพี่  ประโยคนี้แจ๊คสันยังไม่ได้ถามออกไปนะครับ เดี๋ยวจะถูกหาว่าไวไฟ

                    น้องเนิ้งอะไรนี่ลืมคิดถึงไปละ วินาทีนี้อยากชวนน้องยองแจมาอยู่ด้วยกันอย่างเดียว

    “ยังครับ ขี้เกียจรีบหา ขอกลับไปนั่งเล่นนอนเล่นที่บ้านก่อน”

    “เดี๋ยวหอก็เต็มหรอก” จริง ๆ นะหวังไม่ได้โกหก มหาลัยผมอยู่กลางเมือง หอพักหายาก แบบดี ๆ ก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ นี่ผมเป็นห่วงน้องยองแจจากใจเลยนะครับ

    “ยากก็แชร์กับเพื่อนเอาครับ ค่อยคิด อีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลาเรียนของผม นี่มันยังไม่จบเทอมหนึ่งของพวกพี่เลยด้วยซ้ำ”

     

                    เออว่ะ จริงด้วยครับ ไม่ได้เรียนนานจนลืมวันเวลา แต่เอาน่ะ เนียนต่อไปแจ๊คสัน ว่าที่เด็กปีหนึ่งมันกิจกรรมเยอะ ต้องบอกน้องเขาเอาไว้...

     

    “เรียนสัดแพทย์ เอ้ย สัตวแพทย์มันก็น่าจะหนักอยู่นะ แถมพี่รู้มาว่าคณะนี้ชอบนัดน้องเร็วกว่าปกติ เผื่อต้องมีกิจกรรมงี้ เดี๋ยวลำบากแย่...” เกริ่นนำมาขนาดนี้ พี่แจ๊คสันคิดว่าเหมาะสมที่จะพูดประโยคต่อไปแล้วครับ “เอางี้ไหมยองแจ ยังไงช่วงที่ต้องเข้ามามหาลัย มาพักอยู่กับพี่ก่อนก็ได้ ยอมให้เป็นรูมเมทแบบไม่คิดค่าน้ำค่าไฟเลยเอ้า”

                    ขอให้เรียกผมว่าป๋า...

    “ขอคิดดูก่อน ต้องถามคุณพ่ออีกครับ” ยองแจว่า “แต่เป็นข้อเสนอที่ดีนะครับ ฮะ ๆ ถึงพี่จะเป็นคนดูเพี้ยน ๆ ไปหน่อย แต่มีน้ำใจนะครับเนี่ย”

     

                    นั่นคำชมใช่ไหมครับ ขอแจ๊คสันเหมาเอาว่ามันเป็นคำชมจากน้องยองแจ

     

    “เอาเป็นว่าลองคิดดูแล้วกัน เอามือถือน้องมาดิ เดี๋ยวพี่เมมเบอร์ไว้ให้” เมมเบอร์อย่างเดียวจริงจริ๊ง จะไม่มีการยิงเข้าใด ๆ เพราะเดี๋ยวไม่ลุ้นครับตอนน้องโทรมา

                    แจ๊คสันไม่ชอบรับเบอร์มั่วนะ แต่หลังจากนี้จะสุ่มรับแล้วกัน อิอิ

    “โอเค ~ แล้วนี่... พี่แจ๊คสันจะกลับเกาหลีเมื่อไหร่ล่ะครับ”

    “ก็ต้องรบกวนคุณพ่อของยองแจแล้วล่ะครับ เอกสารผ่านครบเมื่อไหร่ พี่ก็คงกลับเกาหลีเมื่อนั้น” แจ๊คสันบอก ยองแจพยักหน้าตามโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่จะสนใจกับเครื่องดื่มที่เหลือติดก้นแก้วโดยไม่ได้ชวนคุยขึ้นมาอีก

     

                    เงียบก็ไม่เป็นไรครับ หวัง แจ๊คสันนั่งมองน้องดูดน้ำเพลิน ๆ ก็ได้ ไม่คิดมาก...

                    เออ เพลินตาดีจริง ๆ นะครับน้องเขาเนี่ย ตาตี่ ๆ น่ารักดี เวลายิ้มแล้วเหมือนเด็กไม่มีพิษมีภัย เห็นแล้วอยากจะดูแลเอาไว้ใกล้ ๆ ตัว...

                    เอ... มันเกิดอะไรกับแจ๊คสันวะครับ นี่มันชักจะไม่ปกติแล้วนะ...

     

    “น้องยองแจ... ยังไม่รีบกลับบ้านใช่ไหมครับ?”

     

                    ปฏิบัติการตื้อแบบเนียน ๆ ของแจ๊คสัน... เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้วครับ

     

    *

     

                    เกือบ ๆ หนึ่งสัปดาห์ที่แจ๊คสัน หวังออกไปเทียวรับเทียวส่งพาเด็กเกาหลีที่มีชื่อว่าชเวยองแจแทบทุกวัน หรืออาจจะบอกว่าทุกวันก็ยังว่าได้ เจ้าถิ่น(ที่ไม่ค่อยได้อยู่กับถิ่น)ออกตัวพาเที่ยวอย่างหนำใจ กินดีอยู่ดีตามแบบฉบับพี่หวังคนใจป้ำ ยังดีที่ว่าน้องยองแจไม่ใช่คนเห็นแก่ได้ เพราะฉะนั้นหลัง ๆ มาก็เลยกลายเป็นแบ่งกันจ่าย แบ่งกันออกให้ไปโดยปริยาย

     

                    แจ๊คสันเพิ่งจะรู้... คุยคนเดียวนี่มันสู่มีคนคุยด้วยไม่ได้เลยจริง ๆ นะครับ

     

                    แต่... วันนี้คงจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่กับน้องยองแจในฮ่องกงแล้ว...

     

    “เดี๋ยวพี่ไปส่งสนามบินเองนะ บอกคุณพ่อของยองแจหรือยัง...” แจ๊คสันถาม ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาทั้งใบหน้าและจิตใจ(?)มาถึงที่พักของชเวยองแจตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าเหมาเอาเองหรือเปล่าที่จะเป็นคนไปส่งลูกชายท่านศาสตราจารย์

     

                    แจ๊คจะไปอ้ะ!

     

    “โอเค ๆ ตกลงพี่จะไปส่งผมใช่ป้ะ ได้ ๆ ฝากถือกระเป๋าแป๊บนะพี่แจ๊คสัน รออยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวผมเข้าไปบอกคุณพ่อแป๊บนึง แล้วจะได้ไปสนามบินกันเลย”

    “คร้าบ”

                    ตอบรับไปอย่างนั้น... ใจจริงนี่หวังไม่อยากให้น้องยองแจกลับเลยครับ รอกลับพร้อมพี่ไม่ได้เหรอ นี่ผมก็แอบบอกไอ้มาร์คไปละนะว่าจะเซอร์ไพรส์กลับเร็วกว่ากำหนด แต่ไม่บอกมันหรอกครับว่าเพราะอะไร ชิ หวังจะเก็บเรื่องน้องยองแจไว้เป็นความลับก่อน ไม่บอกใครหรอก! ทีไอ้มาร์คมันยังไม่ยอมเปิดปากบอกเลยว่ามันอะไรยังไงกับน้องผมกันแน่ แหม่ คิดว่าผมไม่มีสายมั้ง!

                    (หรืออยากบอก... ไอ้มาร์คมันก็ชิงตัดสายผมก่อนอยู่ดี งอน!)

                    ส่วนเรื่องน้องแบมที่ผมคอยเช็คข่าวจากไอ้มาร์คอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน...

    “ป้ะพี่แจ๊คสัน! พร้อมละ ขอบคุณมากครับที่ถือกระเป๋าให้”

     

                    เอาไว้... ค่อยคิดเรื่องแบมแบมน้องรักนะครับ ตอนนี้หวังขอไปส่งน้องยองแจให้ถึงแอร์พอร์ตโดยสวัสดิภาพก่อนละ

     

    *

     

    “น้องยองแจอย่าลืมโทรหาพี่บ้างนะ...”

    “ผมไม่ว่างหรอกช่วงที่กลับไปอ่ะ ถ้าไม่ติดต่อมาก็ไม่ต้องแปลกใจนะ ผมไม่ติดโทรศัพท์ ไม่ค่อยติดโซเชียลด้วย” ยองแจว่า ดูจะไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่นักว่าคนอายุมากกว่ากำลังทำหน้าตาเป็นหมาหงอยมากแค่ไหน

                    แต่ก็ยังมีรอยยิ้มขำ ๆ อยู่บนใบหน้าของยองแจอยู่ดี

                    ยอมรับเลย พี่แจ๊คสันเป็นคนที่ทำให้เขาทั้งยิ้มทั้งหัวเราะได้มาก... มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    “งั้นพี่จะรอลุ้นนะว่าน้องยองแจจะโทรมาเมื่อไหร่” หรือถ้าจะให้ดี... โทรหาแล้วบอกว่าจะมาอยู่กับพี่ จะดีมากเลยนะครับ

    “อ่าฮะ ผมเข้าไปข้างในแล้วนะพี่แจ๊คสัน ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทริปฮ่องกงสนุก ๆ นะครับ แล้วก็หลาย ๆ เรื่องเลยด้วย เอาไว้เจอกันที่เกาหลีนะ”

     

                    แจ๊คสัน หวังกำลังโบกมือให้กับชเว ยองแจที่ยิ้มกว้าง...

                    แจ๊คสัน หวังกำลังยิ้มหวานให้กับคนที่เมื่อหลายวันก่อนเขาใช้หัวโหม่งเข้าไปเต็ม ๆ

                    แจ๊คสัน หวังกำลังคิดว่า... เขาชอบน้องยองแจจังเลยอ้ะ!

     

                    แจ๊คสัน หวังจะรอให้ชเวยองแจติดต่อกลับมานะครับ แจ๊คสัน หวังจะไม่หมดหวังอย่างแน่นอน!

     

     

    *

     

     

    END OF Jackson’s time

     

     

     *



    Jaebom’s classroom

    Jaebomxjinyoung

    แจบอมก็มีเรื่องอยากเล่ากับเขาบ้างเหมือนกันนะครับ

     

     

     

                    สวัสดีครับทุกคน...

                    เรารู้จักกันแล้วใช่ไหม ทุกคนรู้จักผู้ชายคนนี้ที่ชื่ออิมแจบอมกันมาบ้างแล้วใช่หรือเปล่า...

                    แต่เรามารู้จักกันให้มากกว่าเดิมเถอะครับ!

     

                    อิมแจบอมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เคยได้ยินใคร ๆ นิยามเกี่ยวกับตัวผมเอาไว้ว่าเป็นพวกมนุษย์กลางคืน เป็นคนไม่เคยรักใครอย่างจริงจัง เป็นพวกบุคคลประเภทที่ว่าเจ้าสำราญและใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อยไม่สนใจอะไร...

                    ซึ่งถามว่ามันถูกต้องอย่างที่ใครต่อใครว่าไหม... มันก็ถูกไปกว่าครึ่งอ่ะครับ ชีวิตของผมมันก็ประมาณนั้น วัน ๆ ไม่ทำอะไรมาก แค่อยู่กับตัวเอง เที่ยว เล่น ดูแลกิจการไปพร้อม ๆ กับเรียนบ้าง เอาจริง ๆ นะ ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องการเรียนเท่าไหร่หรอกครับ ไม่รู้ว่าสอบติดคณะวิศวะเหมือนกับพวกไอ้มาร์คแล้วก็ไอ้โอได้ยังไง

     

                    ที่จริงผมว่าผมน่าจะไปเรียนอย่างอื่นมากกว่า เรียนวิดยาอย่างไอ้หวังดีไหม มันก็ยากพอกันหมดแหละใช่ไหมครับ ผมก็เรียนแบบถูลู่ถูกังไปวัน ๆ อยู่ดี

     

    “ไอ้แจบอม!

                    ระหว่างที่ผมกำลังนั่งเคาะปากกาและเหม่อมองรอบ ๆ ตัวไปเรื่อยเปื่อย อยู่ ๆ เสียงคุ้นหูของมนุษย์ที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีอย่างโอเซฮุนก็ดังขึ้นโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ตามมาด้วยมาร์ค ต้วนที่ทำเพียงแค่นั่งลงโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น

    “อะไรของมึง ตะโกนดังขนาดนี้ ทำอย่างกับว่ากูนั่งอยู่คนละฟากโลก” เซฮุนเบ้ปาก ดูเหมือนมันจะไม่ได้สำนึกเท่าไหร่ว่าเสียงแหบ ๆ ขึ้นจมูกของมันรบกวนสมาธิชาวบ้านมากแค่ไหน

     

                    เชื่อได้เลยว่าถ้ามันไม่ได้มากับไอ้มาร์ค คนที่เดินมาด้วยกันกับมันจะต้องด่าแบบไม่เหลือซากแน่นอน

     

    “กูแค่จะมาถามเรื่องลงเรียนวิชาเสรี เหลือตัวสุดท้ายเนี้ย เลือกซะก่อนจบซัมเมอร์” เซฮุนว่า พร้อมกับโยนตารางที่ปรากฏรายชื่อวิชาเลือกสำหรับนักศึกษาปี 3 เรียงกันเป็นพรืดมาให้

     

                    หลับตาจิ้มเอาได้ไหมวะครับ แจบอมไม่อยากเลือก ถ้าเป็นไปได้อยากเดินเข้าไปขอเอาตัวแลกเกรดกับอาจารย์ไปเลยน่าจะง่ายกว่า (อย่าทำตามที่ผมคิดนะ มันเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าสุด ๆ แล้วผมก็ไม่ทำจริง ๆ หรอกนะครับ!) เชื่อไหมว่าแจบอมเคยคิดแบบนั้น แต่ไม่ทำนะ ไม่ได้ทำจริง ๆ

     

    “แล้วแต่พวกมึงเลยแล้วกัน มึงเลือกไรกูเรียนได้หมด” ตอบปัดไปส่ง ๆ ก่อนที่จะเลี่ยงไปถามมาร์ค “แล้วมึงอ่ะว่าไงพี่ต้วน อยากเรียนวิชาไหนของภาคไหน รีบบอกนะ กูจะได้รีบไปกระจายข่าวว่าเจ้าชายน้ำแข็งจะลงเซคชั่นนั้น”

                    แหม่ เรียกกระแสครับ มาร์คเรียนเซคไหน เรียกได้ว่าสาวเซคนั้นตรึม แจบอมไม่ได้หวังอะไรนะ สำหรับผมอ่ะแค่ไปตะลอน ๆ ที่คลับสักคืนก็ได้ติดไม้ติดมือกลับมาแล้ว เพียงแต่ว่าได้เรียนในเซคชั่นที่มีสาวสวยเยอะ ๆ มันก็เข้าท่าดีไม่ใช่หรือยังไงกันครับ

    “ยังไม่ได้คิด” สั้น ๆ ง่าย ๆ ได้ใจความตามสไตล์มาร์ค แจบอมยักไหล่ เขาเองก็ไม่คิดว่าจะได้คำตอบอะไรจากคนอย่างมาร์คหรอก

     

                    สรุปง่าย ๆ เลยนะครับ คนที่จะต้องตัดสินใจในงานนี้ก็หนีไม่พ้นไอ้เซฮุนหรอก ปล่อยให้มันเลือกแล้วกัน ในเมื่อทั้งผมทั้งมาร์คก็เป็นมนุษย์จำพวกอะไรก็ได้ยังไงก็เอาอยู่แล้ว

     

                    หลังจากหยุดโต้เถียง(?)กันเรื่องประเด็นลงเรียนไปพักใหญ่ โอเซฮุนดูเหมือนจะหลุดเข้าไปในโลกโซเชียลแบบเงียบ ๆ คนเดียวเหมือนทุกครั้ง ให้เดาก็คงส่องเฟซบุ๊คแล้วก็ถามชาวบ้านว่าวิชาไหนได้เกรดมาง่าย ๆ ดีเหมือนกัน พวกผมจะได้รับผลบุญไปด้วย ส่วนมาร์คก็ไม่ต้องเดาให้ยาก หนังสืออะไรสักอย่างที่แจบอมไม่เคยคิดจะอ่านถูกยกขึ้นมาบดบังหน้าของมันไปเป็นที่เรียบร้อย

                    อิมแจบอมก็เลยจำเป็นต้องนั่งจมอยู่กับไอแพดต่อไป... แต่ผมไม่ได้เล่นโซเชียลไร้สาระแบบไอ้เซฮุนนะ ผมกำลังเช็คสต๊อคของที่จะเข้าร้านในวันสุดท้ายของสัปดาห์ต่างหาก เห็นเป็นคนไม่เข้าท่าแบบนี้ ที่จริงผมมีธุรกิจให้ดูแลอยู่นะครับ ไม่ใช่เล่น ๆ เลยจริง ๆ ขอบอกเลย (โฆษณาตัวเองแบบนี้ก็มีด้วย พิสูจน์ได้นะครับ รับรองผลโดยอิมแจบอม)

     

    “เฮ้ยพวกมึง กูตัดสินใจได้ละว่าจะเรียนวิชาอะไร” อยู่ ๆ เซฮุนก็ร้องโพล่งขึ้นกลางวงอย่างกะทันหันอีกครั้ง สมาร์ทโฟนที่ประทับตาผลไม้แหว่ง ๆ ถูกโยนลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ “เมื่อกี้เพิ่งจะถามมาจากพวกเด็กเกษตร มันบอกว่าวิชานี้ตัดเกรดง่าย อยู่ในหมวดวิชาบังคับของมหาลัย เลือกตัวนี้แหละ พี่ว่าไม่ต่ำกว่าบีชัวร์ ๆ!

                    แล้วแต่ครับ เกรดเท่าไหร่ผมไม่สนอยู่ละ ลง ๆ เรียนไปให้มันจบครบทุกหน่วยกิตเถอะ มหาลัยบังคับเรียนหมวดไหนบ้างผมยังไม่เคยรู้เลยครับ นี่เรียนมาจนจะขึ้นปีสามได้ยังไง ผมยังไม่เข้าใจตัวเองเลย

    “วิชา?” มาร์คละสายตาจากหนังสือ ถามเพื่อนที่(แกล้ง)ทำตัวจริงจังเมื่อพูดเรื่องเรียนกับพวกเขา

                   

                    เอาจริง ๆ นะครับแบบไม่ใส่ร้าย ไอ้เซฮุนมันไม่จริงจังหรอก มันทำเป็นคิดมากไปงั้น คนว่างงานไงครับ หน้าที่ของมันเลยเป็นการไปหาข่าวเรื่องเรียนบ้างเล่นบ้างจากเด็กคณะอื่นมาอัพเดทประจำ เห็นหน้างี้ แต่พี่เซฮุนเขาเป็นคนดังในโซเชียลนะ โคตรติดโซเชียลอย่าบอกใคร

     

    “วิชาสุนทรียศาสตร์เพื่อการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมีคุณภาพ...”

     

                    แค่ฟังชื่อวิชาก็น่าทึ่งแล้วครับ... น่าทึ่งว่าโอเซฮุนเอาเวลาตอนไหนไปจำชื่อวิชายาวยืดแบบนี้ได้

                    แล้วแค่ได้ยินนี่ก็พอจะเดาทางได้เลยครับ มันไม่น่าจะเข้ากับไลฟ์สไตล์ของอิมแจบอมคนนี้อย่างแน่นอนพันเปอร์เซ็นต์

     

    “ขอชื่อวิชาใหม่อีกที”

    “ไม่อ่ะ กูว่ามันน่าจะไม่เหมือนเดิม เอาเป็นว่าขอเรียนวิชาอาร์ท” เออ ก็เรียกอาร์ทตั้งแต่แรกก็จบแล้วไหมวะครับ “ตกลงเลือกเรียนอันนี้นะ ไปเรียนที่ตึกมนุษย์ อ้ะ รหัสวิชา พวกมึงลงตามนั้นแล้วกัน โชคนะครับ จบซัมเมอร์ละเจอกันตอนเปิดเทอม!

     

                    การเรียนมหาลัยของอิมแจบอมน่ะ... ที่จริงแล้วมันไม่ค่อยมีอะไรน่าใจหรอกครับ ก็แค่เรียนให้จบไปวัน ๆ อยู่ไปเรื่อย ๆ แบบไม่ต้องตั้งจุดหมาย สบาย ๆ ใช่ไหมล่ะ ก็แหงสิ ในเมื่อจะเป็นวิชาไหน ๆ นอกจากเพื่อนร่วมคลาสผมก็ไม่เคยคาดหวังหรอกว่าจะได้อาจารย์สวยเอ็กเซ็กส์สะบึมมาให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ

     

                    ถามว่าแจบอมมีสเป๊คในอุดมคติแบบไหน ไม่ตายตัวครับ ผมยังไงก็ได้ ถูกใจก็เข้าหา แต่ว่านะ... อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยครับ ตอนนี้ผมยังไม่เคยคิดว่าจะจริงจังกับใคร...

     

                    อยู่คนเดียวให้คนเข้ามาเรื่อย ๆ มันสบายใจกว่า...

     

    “เจอกันมหาลัยแล้วกันนะมึง กูอยู่คอนโดว่ะ”

                    ที่สุดแล้ววันเปิดเทอมก็วนเวียนมาถึงอีกจนได้ ชีวิตของผู้ชายกลางคืนที่สนุกสนานไปวัน ๆ แบบไม่คิดมากของแจบอมสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วกว่าที่คิดไว้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะหลังจากจัดการกับอะไร ๆ ในเรื่องเรียนได้เรียบร้อย สุดท้ายอิมแจบอมก็กลับมาเป็นหนุ่มเจ้าสำราญแห่งร้านรวงและแสงสีได้เหมือนเคย

     

                    คนกลางคืนก็น่าจะเหมาะกับเขามากที่สุดแล้วล่ะ ในเมื่อยังไม่มีอะไรมาผูกมัดเขาได้นี่นา...

     

    “แจบอมคะ...” หลังจากวางโทรศัพท์ลงได้เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เสียงของหญิงสาวที่อยู่ด้วยกันมากว่าค่อนคืนก็ดังขึ้นเรียกร้องความสนใจจากชายหนุ่ม ทว่าเวลาของเจ้าหล่อนน่ะ... หมดแล้วล่ะ

                    อิมแจบอมไม่ใช่พวกยึดติดนี่ครับ ช่วยไม่ได้ที่จะต้องบอกว่าสำหรับผม... ตอนนี้ก็มีแค่ความสัมพันธ์แบบวันไนท์แสตน

    “ผมไม่ว่าถ้าคุณจะนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่นี่นะครับ เพราะอีกสองสามวันผมถึงจะเข้ามาอีกครั้ง แต่หวังว่ากลับมาอีกทีผมคงจะได้เห็นห้องโล่ง ๆ กว้าง ๆ เหมือนเดิมนะ ผมขอแค่นั้นแหละครับ โอเคไหม...”

     

                    อย่าหาว่าผมใจร้ายเลยนะครับ...

                    มันก็แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หน่า... ธรรมดาครับ ธรรมดา

     

    *

     

    “ห้องไหนวะไอ้สลัดเซฮุน มึงบอกไว้แค่ว่าตึกมนุษย์อ่ะ แล้วคณะมนุษย์มีกี่ตึก กูมายืนหน้าโง่อยู่ตั้งนานแล้วเนี่ย!

                    ไม่ไหวครับ มันอดที่จะโมโหไม่ได้ ผมมายืนมึนอยู่ที่นี่ตั้งเป็นสิบนาทีแล้วครับ คลาสเรียนจะเริ่มในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า จับต้นชนปลายไม่ถูกครับ เด็กคณะนี้นี่เขาก็หาตัวยากกันเหลือเกิน

                    ช่วยทีครับ วิศวะกับมนุษย์นี่เขาเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันไม่ใช่เหรอ... ช่วยอิมแจบอมด้วยครับ

                    เออว่ะกูลืมบอกห้องมึง แล้วทำไมไอ้มาร์คมันมาถูกวะ แล้วกูจะรู้มันไหม หรืออาจจะเป็นเพราะมันฉลาดแต่กูโง่ไง! อิมแจบอมเถียงในใจ ไม่อยากพูดไปเพราะเดี๋ยวจะย้ำว่าตัวเองไม่ฉลาดมากกว่าเดิม

    “เออมึงแค่บอกมา กูว่ากูยืนแถวนี้นานไปละ” แจบอมกรอกเสียงไปหาเพื่อนด้วยความหงุดหงิด เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ทำตัวมึน ๆ งง ๆ ตั้งแต่เช้าของการเปิดเทอมวันแรกแบบนี้

     

                    สงสัยเมื่อคืนดื่มเกินพิกัดไปหน่อย ส่งผลระยะยาวเลยครับ

     

                    ได้รับคำตอบระบุพิกัดสถานที่เรียบร้อย แจบอมไม่รอช้าที่จะวิ่งก้าวขาไปหาจุดหมายอย่างเร่งรีบ ถึงเขาจะไม่ใช่คนใส่ใจการเรียนเท่าไหร่ แต่การเริ่มต้นวันแรกด้วยการถูกเช็คชื่อขาดลามาสายย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีอยู่แล้ว

                    เอาไว้ขาดวันอื่นดิครับ จะรีบขาดตั้งแต่วันแรกทำไม...

     

    “ห้องนี้มั้งวะ...” แจบอมบ่นพึมพำ เขามองลาดเลาหน้าห้องนิดหน่อยก่อนที่จะค่อย ๆ แง้มประตูเข้าไปสอดส่องว่าเพื่อนรักทั้งสองของเขานั่งอยู่ตรงไหน

                    แล้วก็เห็นผมสีสว่างโดดเด่นของคนสองคนในพิกัดไปห่างออกไป ดีครับดี มีเพื่อนทำสีผมจี๊ดจ๊าดนี่มันก็มีประโยชน์มากเลยจริง ๆ (พูดเหมือนผมสีทองของตัวเองไม่จี๊ดเลย)

     

                    ขณะที่ขากำลังจะก้าวเข้าไปในห้องด้วยความเงียบเชียบ สายตาของแจบอมก็เหลือบไปเห็นว่าด้านหน้าของห้องเลคเชอร์มีการเคลื่อนไหวในระดับไม่ธรรมดา...

                    ดีนะเลือกเข้าประตูด้านหลัง แน่ล่ะ แจบอมไม่คิดว่าเพื่อนรักของเขาทั้งสองคนจะเสนอหน้าไปอยู่แถวแรกของห้องเลคเชอร์ใหญ่ ๆ แบบนี้หรอก

                    แต่ว่านะครับ... ไอ้การที่มีเสียงฮือฮาเพราะมีนักศึกษาผู้ช่วยเข้ามานี่มัน...

     

    “ไอ้แจบอม มึงเดินมาถึงพวกกูแล้วแทนที่จะนั่งลงนี่มึงยืนทำไมวะ หล่อมากเลยไง๊”

                    เออ... ลืมนั่งครับ นี่มัวแต่สนใจสถานการณ์หน้าห้องจนลืมตัวเลยว่ากำลังจะเดินมาหาเพื่อน...

    “ทำหน้าหมาสงสัยอีก ทำไมวะ” เซฮุนว่า ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเลยสักนิดกับเหตุการณ์ความวุ่นวายเล็ก ๆ หลังจากที่TAคนนั้นเดินเข้ามา

                    สรุปว่าแจบอมยุ่งเรื่องชาวบ้านมากไป หรือเซฮุนมันไม่สนใจรอบตัววะ (ทั้ง ๆ ที่ปกติมันจะหูตั้งคนแรก ๆ แท้ ๆ เลยนะครับ แปลกมาก)

    “ก็นั่นอ่ะ มึงไม่สงสัยเหรอวะว่าทำไมมันวุ่นวาย” แจบอมพูดไป พลางชี้มือไปทางนักศึกษาที่กำลังซุบซิบพูดคุยอยู่หลายกลุ่ม รวมไปถึงจับจ้องแผ่นหลังของTAที่ดูจะเป็นคนดังอยู่ไม่น้อย

                    ดังแล้วทำไมผมไม่รู้จัก... ดูจากด้านหลังก็เป็นแค่ผู้ชายผอม ๆ ธรรมดาป่ะวะครับ ทำไมดูตื่นเต้นกันจัง

    “อ๋ออออออออออออออออออออออออออออ” ถ้าจะลากเสียงยาวขนาดนี้นะครับ “ไม่แปลกหรอก ในเมื่อTAของเซคชั่นนี้คือรุ่นพี่ปาร์คจินยอง คนดังของคณะมนุษย์ว่ะ เพิ่งจบปีสี่หมาด ๆ ละก็มาฝึกทำงานอยู่ที่นี่ ประวัติไม่ธรรมดานะเว้ย เป็นหลานอธิการบดี หน้าตานี่ไม่ต้องพูดถึง น่ารักว่ะ น่ารักแบบกวน ๆ บอกไม่ถูกเหมือนกัน”

     

                    คือที่เซฮุนไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนชาวบ้านเพราะมันไปสอดรู้มาแล้วเรียบร้อยว่างั้น รวดเร็วและไว้ใจได้จริง ๆ นะครับเพื่อนผมคนนี้

     

    “มึง ยืมหูฟังหน่อยดิ เหมือนกูจะลืมหยิบมาจากห้องว่ะ” เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงมาร์ค ดูเหมือนเพื่อนผู้ประหยัดถ้อยคำจะอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นไปเสียแล้ว...

                    เออดีครับ เป็นคนเรียนเก่งทำอะไรดีทุกอย่างดีมันดีจริง ๆ บทอยากจะหลับอยากจะนอนก็หลับเฉย

    “อ้ะเอาไป เสียสละสุดปลายเท้า นี่กูยอมให้มึงยืมหูฟังแล้วกูนั่งเรียนเลยนะ ขอบคุณกูซะพี่ต้วน” เซฮุนดึงหูฟังส่งให้อย่างเสียไม่ได้     

                    ส่วนอิมแจบอมคนหน้าตาดีที่กำลังพิจารณาความจำเป็นของการเข้าชั้นเรียนนี้อยู่ ก็ได้แต่นั่งไปเรื่อยต่อไป สายตาก็ยังจับจ้องไปที่รุ่นพี่คนดังไม่คลาดไปไหน

                    ไม่มีเหตุผล รู้แต่ว่าอยากเห็นหน้าคนชื่อปาร์คจินยองอ่ะครับ... มันจะน่ารักน่าตื่นเต้นมากแค่ไหนกันเชียว...

                    หันมาดิวะ ผมจะได้รู้สักทีเนี่ย...

     

                    จะได้รู้... ว่าต่อไปผมจะเข้าเรียนทุกครั้งดีไหม...

                หรือ...

     

    “ขอโทษที่ทำให้รอนานนะนักศึกษา...”

     

                    ไม่มีหรือแล้วครับ... อิมแจบอมคิดว่าน่าจะได้เข้าเรียนทุกวันทุกเวลาทุกสถานที่ที่มีวิชาสุนทรียศาสตร์เพื่อการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมีคุณภาพแบบไม่มีขาดมีแต่เกินแน่นอน

     

                    โห... พ่อครับแม่ครับ ยอมรับตรงนี้ว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเลย ไม่เคยเจอใครแล้วรู้สึกถูกชะตาอยากจะใช้ชีวิตที่เหลือไปด้วยกันมากขนาดนี้...

     

    “เดี๋ยวเราจะเริ่มเช็คชื่อกันก่อน แล้วก็จะอธิบายภาพรวมของวิชา แล้วก็เริ่มเรียนกันนะครับ” ปาร์คจินยองพูดด้วยน้ำเสียงใจดี ใบหน้ายิ้มแย้มเป็นเหมือนปกติทุกครั้ง

                   

                    พังอ้ะ อิมแจบอมบอกเลยว่าพังมาก ๆ ...

                    แต่ว่านะครับ... เก็บเป็นความลับไว้ก่อน เพราะแจบอมจะจริงจังกับปาร์คจินยอง... ของแบบนี้มันต้องค่อย ๆ รุกเข้าหา จะมาวิ่งเข้าใส่แบบคนอื่น ๆ ทั่วไปไม่ได้...

     

    “วันนี้อาจารย์ปาร์คคงไม่ได้เข้าสอน เรียนกับพี่ก่อนแล้วกันนะ”

                    อยากเรียนทุกครั้งเลยครับ เดี๋ยวผมไปหาทางให้อาจารย์ปาร์คติดธุระนาน ๆ ดีไหม...

                    ให้ตายสิ ไม่คิดเลยว่าอิมแจบอมจะมีอารมณ์อยากเรียนได้มากขนาดนี้!

                    บอกเลยว่าวิชานี้มีแต่เอเท่านั้นที่ผมจะคว้ามาครอบครอง!!!!!

     

    *

     

                    สองอาทิตย์ผ่านไป สามอาทิตย์ผ่านไป...

                    ยังไม่มีใครรู้หรอกครับว่าอิมแจบอมกำลังแอบขายขนมจีบแบบลับ ๆ ให้กับผู้ช่วยของอาจารย์ปาร์ค...

                    บอกแล้วไง ถ้าจริงจังผมไม่ให้ใครรู้หรอก ต้องแอบ ๆ กินครับ ทำไมอ้ะ ไอ้มาร์คอยู่กับน้องแบมขนาดนั้นมันยังกล้าอ้างว่าทำไปเพราะเป็นพี่เป็นผู้ปกครองได้เลย (เกี่ยวกันไหม... ไม่เกี่ยวก็ทำให้เกี่ยวกันไปเหอะนะครับ)

     

    “จินยองอา!

    “อ้าว... ยังไม่กลับอีกเหรอแจบอม แล้วก็นะ บอกพี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่” ปาร์คจินยองขมวดคิ้ว กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ที่เขาพยายามจะทำให้เด็กคนนี้เคารพเขาบ้าง

                    ถึงเจตนาจะมาชัดเจนว่าจีบเขาอยู่ก็ตาม..

                    ขอเล่นตัวหน่อยสิ... พอจะสืบมาบ้างหรอกน่าว่าเด็กคนนี้ร้ายแค่ไหน

    “โหย อีกหน่อยก็ไม่ต้องเรียกแล้ว อีกอย่างตอนนี้เราอยู่ด้วยกันสองคนเอง ไม่เป็นไรหรอก...” แจบอมยิ้มเผล่ เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าของจินยองมาถือด้วยความว่องไว “ป้ะ เดี๋ยวผมไปส่ง อยากแวะทานอะไรก่อนไหม”

                   

                    ทุ่มเทครับทุ่มเท

     

    “ไม่ล่ะ กลับเลยดีกว่า แล้วแน่ใจนะว่าจะไปส่ง วันนี้ไม่ต้องไปดูแลเด็กในสังกัดคนไหนหรือยังไง แล้วไหนจะกิจการอะไรของนายเยอะแยะอีก” จินยองว่าขำ ๆ

                    บอกแล้วว่ารู้เกือบทุกอย่างเกี่ยวกับเด็กคนนี้ ไม่อยากหรอกที่จะสืบเรื่องของอิมแจบอม ในเมื่อเด็กนี่ก็มีประวัติแล้วเป็นคนดังของมหาลัยอีกต่างหาก

                    แปลกดีเหมือนกันที่ตอนเรียนอยู่... พวกเราดันไม่เคยรู้จักกันเลย

    “ไม่มี๊ มีที่ไหน ไปกันครับ กลับบ้านก็กลับ นี่ผมจะรีบกลับไปอ่านหนังสือทบทวนเลยนะ ที่สำคัญคือวิชาของจินยองเลย...” ตอนนี้สุนทรียศาสตร์สำคัญที่สุดครับ..

                    เพื่อคะแนนระดับท๊อปคลาส!

     

    “จริงจังป้ะเนี่ย ฮ่า ๆ”

    “จริงจังดิจินยอง... บอกแล้วไงว่ากำลังใจในการเรียนดี ไม่ต้องมีติวเตอร์หรอก...”

     

                    แค่มีข้อเสนองาม ๆ จากคนช่วยสอนมารองรับก็พอครับ...

                    ข้อเสนอที่ผมเคยขอจินยองเอาไว้ตั้งแต่วันแรก ๆ ที่เข้าหา...

                    เฮ้ ผมไม่ได้ใจกล้าหน้าด้านนะ แต่ถ้าอยากได้อะไรเราก็ต้องเข้าไปหาไม่ใช่เหรอครับ แหงล่ะ ผมอยากได้จินยอง ผมไม่รอช้าที่จะรีบเข้าหาหรอกครับ

     

                    จินยองอา... ถ้าเกิดว่าผมตั้งใจเรียนจนทำคะแนนระดับท๊อปได้ คุณจะใจอ่อนยอมคบกับผมแบบจริงจังใช่ไหมครับ

     

                    รู้ไหม... คำตอบของปาร์คจินยองที่ผมตกหลุมรักตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นหน้าคืออะไร...

                    คำตอบที่ทำให้คนที่ใครต่อใครตราหน้าว่าโคตรจะไม่ใส่ใจการเรียน เปลี่ยนแปลงจากหลังเท้าเป็นหน้ามือ...

     

                    ถ้าทำได้อย่างที่ว่า ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องปฏิเสธนายนี่...

     

    “รีบ ๆ ทำให้ได้ล่ะ ฉันก็รอตอบตกลงอยู่เหมือนเดิม”

     

                    แม่ครับพ่อครับ... อิมแจบอมจะไม่เป็นผู้ชายกลางคืนเสเพลอีกแล้วนะ!

     

                    รู้งี้ผมลงเรียนวิชาอาร์ทนานแล้วครับ

                    ผม พูด เลย!!!!

     

     

     *

     

     


    Sehun’s story

    SehunxLuhan

    เห็นผมเป็นคนไม่เต็มเท่าไหร่ แต่หัวใจของผมมีแต่ขนมหวานอยู่เต็มไปหมดเลยนะครับ

    (เกี่ยวกันยังไง...)

     

                    เฮ้เฮ้เฮ้

                    อย่างแรกเลยครับ ก่อนที่จะได้รู้จักกับผมอย่างเป็นทางการ ขอให้ทุกคนลบภาพโอเซฮุนที่เคยคิดและจินตนาการกันเอาไว้ให้หมดไปเลยนะครับ ผมไม่ใช่คนไร้สาระ ผมไม่ใช่พวกที่อยู่ไปวัน ๆ แบบไม่คิดอะไรขนาดนั้นนะ เดี๋ยว เดี๋ยวครับ นี่ไม่ใช่ข้อแก้ตัวก่อนจะเริ่มต้นอะไรทั้งนั้น แต่นี่เป็นการแก้ไขความเข้าใจผิดของทุกคนต่างหาก...

     

                    สวัสดีครับ ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการและเป็นปกติชนกับชาวบ้านเขาบ้างอีกครั้ง ผมโอเซฮุนครับ นักศึกษาปีสาม คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา (อินเตอร์) ครับผม

                    หล่อใช่ป่ะ... ผมก็ว่างั้นอ้ะ!

     

                    ส่วนเรื่องชีวิตส่วนตัวและความรักเหรอครับ ก็ต้องบอกได้เลยว่าสมบูรณ์แบบสุด ๆ (?)ไปเลย เพราะนอกจากหน้าผมจะดีมากแล้ว คนที่จะมาใช้ชีวิตร่วมกับผมในอนาคตอันใกล้ก็มีหน้าตาน่ารักระดับนางฟ้าเช่นเดียวกัน

     

                    ไม่อยากจะบอกครับ เจ้าของร้านขนมหวานคณะวิดยาที่ว่าเลื่องชื่อคนนั้น นั่นน่ะว่าที่แฟนในอนาคตของเซฮุนเลยนะครับ! ไม่ได้คิดไปเองนะ ไม่ได้โม้แต่อย่างใดด้วย!

                    อะไรนะครับ ก็ผมบอกแล้วไงอ้ะว่าผมไม่ได้คิดไปเอง...

     

    “เฮ้ย ไอ้เซฮุน จะไปไหนวะ” อิมแจบอมเพื่อนรัก ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นอิมแจบอมที่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยถามขึ้น ไม่น่ามีคำถามแบบนี้เลยนะครับ อยู่ด้วยกันมาตั้งนมนาน แหม เรื่องแค่ที่ว่าหลังเลิกคลาสผมจะไปไหนมันไม่น่าจะไม่รู้

     

                    แน่นอนครับ จุดหมายหนึ่งเดียวที่โอเซฮุนต้องไปให้ถึงก่อนสิ่งใด นั่นคือร้านขนมหวานของลู่หานคนน่ารักที่สุดในสามโลก คณะวิทยาศาสตร์ที่บ้านหลังที่สามครับ หลังแรกอยู่ชานเมือง หลังสองอยู่โยธา หลังสามก็อยู่โรงอาหารคณะวิดยาอ่ะครับ อยู่มาหลายปีละ กะว่าจะย้ายถิ่นฐานซะทีถ้าลู่หานรับรัก

                    ซิ่วไปเรียนปีหนึ่งวิดยาใหม่เลยดีไหมวะ เป็นการฉลอง (ผมล้อเล่นครับ ผมล้อเล่น)

     

    “ไปร้านขนมหวาน มึงจะกินอะไรกันไหมล่ะ เดี๋ยวกูซื้อมาให้ ว่าไงไอ้มาร์ค” พลาดละครับ เปล่ากวนตีนนะ ไม่ได้ตั้งใจจะอยากไปสะกิดต่อมมาร์ค ต้วนแต่อย่างใด ลืมไปครับ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคณะวิทยาศาสตร์ พี่ต้วนของพวกผมค่อนข้างจะต่อต้านอย่างกับอะไรดี ไม่ต้องเดาเลยครับว่าตอนนี้จะได้เห็นหน้ามันเป็นแบบไหน ไอ้ที่ว่าหน้าเดียว ๆ นี่เวลาพี่ต้วนโกรธนี่ค่อนข้างจะน่ากลัวนะครับ

                    โอเซฮุนผิดไปแล้วครับ ขอโทษด้วยจริง ๆ

    “เอ้อ ไม่กินแล้วกันเนาะ มึงต้องไปรับน้องแบมแบมน้องไอ้หวังใช่ม้ะ ไปเพื่อนไป โรงเรียนคงเลิกละ กูไม่รบกวนมึงแล้ว เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้ครับมาร์ค” เปลี่ยนเรื่องคือหนทางที่ดีที่สุดครับ เซฮุนไม่คิดว่าการพูดถึงร้านขนมจะสร้างบรรยากาศดี ๆ ขึ้นมาได้อีก

                    แหม่ รู้งี้เดินออกไปโดยไม่ห่วงปากท้องเพื่อนเลยจะดีกว่า ชิ เซฮุนผิดตรงไหนกัน!

    “กูไปก่อนนะ”

    “เออ โชคเว้ยเพื่อน เจอกัน ๆ” แจบอมโบกมือขึ้นปัด ๆ เป็นการล่ำลาเพื่อนหน้าเดียว และเซฮุนเองก็กำลังนั่งโบกมือหยอย ๆ และยิ้มแห้ง ๆ ไม่ต่างกัน

                    ที่จริงแล้วแต่อารมณ์ไอ้มาร์คมันด้วยอ่ะครับ บางทีผมพูดถึงร้านลู่หานคนดี พี่มาร์คก็ไม่เห็นจะว่าอะไร แต่บางทีถ้ามันอารมณ์ไม่ค่อยคงที่ แค่ได้ยินอะไรสักนี๊ดดดดดดที่เกี่ยวข้องนะ โหย มันก็กลายเป็นคนหน้าตึงแบบนั้นอ่ะครับ พวกผมชินไปซะแล้ว มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องเซนส์สิทีฟนะครับ

                    แต่อย่าไปสนใจมาร์คครับ สนใจเซฮุนดีกว่า ผมว่าผมน่าสนกว่าพี่มาร์คเยอะเลยนะ ย้ำอีกครั้งว่าไม่ได้เข้าข้างตัวเอง

    “ตกลงมึงจะไปหรือมึงจะนั่งไถมือถือวะไอ้โอ กูเห็นมึงลีลามานานละ เดี๋ยวพี่ลู่หานของมึงก็มีเด็กมาเต๊าะหรอก” ตามประสาเพื่อนรักครับ อิมแจบอมมักจะสาปส่ง(?)ให้มีคนมารุมจบลู่หานของผมเสมอ คือแบบมันคงอยากให้ผมรีบเร่งลงมือจีบเจ้าของร้านขนมหวานให้สำเร็จสักทีอ่ะครับ

     

                    โอ๊ย! ง่ายมากเลยมั้งแหม กูตามจีบลู่หานจริงจังตั้งกะกูเข้ามาเรียนปีหนึ่งยันปีสาม ยังไม่คิดจะใจอ่อนให้กูเลยมั้ง! ถ้าไม่มีความอดทนและอยากใช้ชีวิตร่วมกันอย่างจริงจัง บอกเลยครับว่าเซฮุนไปตามจีบดาวคณะอื่นที่รอคิวยาวเป็นหางว่าวแล้ว!

                    แต่เซฮุนโอทำไม่ได้... หัวใจดวงน้อย ๆ ดวงนี้มอบให้ลู่หานเจ้าของร้านขนมหวานไปทั้งหมดแล้ว...

    “ขอนั่งเล่นแป๊บดิวะ กะลังคุยกับไอ้หวังเรื่องน้องมันกับไอ้มาร์คเนี่ย นาน ๆ จะว่างตรงกันที กูไม่เข้าใจแม่ง โทรหาไอ้มาร์คได้ตลอดเวลาแต่ดันไม่ค่อยโทรหากู”

                    งานน้อยใจต้องมา

    “มึงสองคนไม่ต้องคุยกันเยอะอ่ะดีละ กูประสาทกิน” มีหน้ามาบ่นนะอิมแจบอม “เฮ้ย มึงไปร้านพี่หานกูฝากซื้อขนมปังปิ้งทาแยมสตรอเบอรี่เยอะ ๆ มาด้วยนะ ขอสมูทตี้ด้วยแก้วนึง ขอบคุณครับ”

                    จ้ะ รับทราบแล้วครับคุณชาย

                    โอเซฮุนคนหล่อ(?)ได้แต่พยักหน้าส่ง ๆ ให้กับเพื่อนรัก เนื่องด้วยวันนี้เราทั้งสองจะต้องกอดคอแก้งานไปด้วยกันใต้ตึกคณะ (ส่วนมาร์คมันลอยลำครับ ทำไมฟ้าถึงให้เซลล์สมองมันมามากกว่าพวกผม) ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผมจะต้องไปร้านขนมแล้วกลับมาจมอยู่ที่คณะอีกครั้ง

     

                    ลาออกครับ ผมอยากลาออกแล้วซิ่วไปเรียนวิดยาเพื่อทำงานพาร์ทไทม์ร้านขนมหวานเหลือเกิน (ย้ำอีกทีว่าเซฮุนคนนี้แค่ล้อเล่นนะครับ อนาคตสำคัญมาก เพื่อเป็นรากฐานของครอบครัวที่ดี โดยมีลู่หานใช้ชีวิตไปด้วยกัน)

     

    “กูจะพยายามไปหาลู่หานไม่เกินสองชั่วโมงนะ เดี๋ยวกูรีบกลับมา”

     

                    เซฮุนจะได้ยินอิมแจบอมด่าไล่หลังไหม...

     

    “ถ้ามึงจะไปสองชั่วโมงนี่มึงอย่าใช้คำว่ารีบไอ้ห่าน! ถ้ากูต้องรอสองชั่วโมงนี่มึงไม่ต้องกลับมาแล้วครับไอ้โอเซ!!!

     

    *

     

                    โรงอาหารใต้ตึกคณะวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งในสถานที่คุ้นเคยระดับชาติของโอเซฮุน

                    บอกแล้วครับ... นี่บ้านหลังที่สามของผมเอง

     

    “อ้าวพี่ วันนี้ก็มาอีกแล้วเหรอ” เด็กสักคนในคณะนี้ (ไม่แน่ใจว่าใคร ผมจำคนไม่ค่อยได้อ้ะ เหนื่อยจะจำในบางที) ลองนึกดูดี ๆ อาจจะชื่ออะไรสักอย่าง เออ สรุปคือผมคิดไม่ออกอ่ะครับ

    “อ่าฮะ มาสิครับ ต้องขยันหมั่นมาดูแลว่าที่แฟนทุกวัน ไปก่อนนะน้อง ไว้เจอกันคราวหน้า” เซฮุนทักทายพอเป็นพิธี ก่อนที่ชายหนุ่มร่างโปร่งผิวขาวจัดจะวิ่งเหยาะ ๆ มาหยุดลงหน้าร้านขนมหวานชื่อดังของมหาลัย ยิ้มกว้างโชว์เขี้ยวเล็ก ๆ ทันทีที่ได้เห็นหน้าของคนที่หมายตามานานแสนนาน

     

                    วันนี้ก็น่ารักเหมือนเดิมเลยนะครับลู่หาน...

                    ให้ตายสิ พอจะนึกภาพออกไหมครับ เจ้าของร้านขนมหวานสีสันสดใส แล้วยังมีหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มชวนให้ใจสั่นไหวระดับแปดริกเตอร์แบบนี้

                    น้องเซฮุนใจจะละลาย ลู่หานได้โปรดอย่ามาทำยิ้มหวานแบบนั้นนะ!

    “เซฮุน จะมายืนยิ้มค้างอยู่หน้าร้านพี่นานไหม ลูกค้าต่อหลังนายอีกเพียบเลยนะ ถ้ายังไม่สั่งก็ไปนั่งเล่นรอก่อนไป” ลู่หานว่าขำ ๆ

                    บอกแล้วไงว่าอย่าทำหน้าตาน่ารักแบบนั้นอ้ะ! ใจสั่นไปหมดแล้วนะครับ จนจะสามปีแล้วต่อมต้านทานความน่ารักของลู่หานในตัวเซฮุนยังไม่ลดลงเลยสักนิดอ้ะ

                    ทำยังไงดี ~

    “ขอผมไปนั่งในใจ เอ้ยไม่ใช่ ขอผมไปนั่งรอในร้านลู่หานได้ไหมอ่ะครับ ในนั้นอ้ะ ๆ มีที่ว่างอยู่ นะนะ” พูดพร้อมกับชี้นิ้วเข้าไปยังที่ว่างหลังร้าน แน่นอนว่าเซฮุนเล็งมาแล้วอย่างดี

                    ปกติก็ทำหน้าด้านหน้าทนจนได้เข้าไปนั่งทุกวันอ่ะครับ เชื่อเลยว่าวันนี้ก็คงไม่ต่างกัน…

                    (ไม่คิดว่าลู่หานจะเบื่อหน่ายบ้างเหรอเลยอนุญาต... ต้องคิดนะเซฮุน)

    “เข้ามาแล้วห้ามวุ่นวายนะ นั่งเฉย ๆ ให้ได้ครึ่งชั่วโมงแล้วกัน” ลู่หาน(จำใจ?)อนุญาต เจ้าของใบหน้าหวานจัดที่เป็นขวัญใจของหญิงสาวและชายหนุ่มทั่วทั้งมหาลัยยิ้มบางให้กับเด็กที่มาตามจีบเขากว่าสองปี

                    เด็กคนนี้ก็น่ารักดีอยู่หรอก จะมากไปก็ตรงที่ชอบพูดจาล้น ๆ จนเขาเกือบจะห้ามไม่ทันอยู่ตั้งหลายครั้ง บอกตามตรง... โอเซฮุนค่อนข้างจะมีนิสัยที่ต่างจากรูปลักษณ์โดยสิ้นเชิง

                    อย่าหาว่าลู่หานมองคนที่ภายนอกเลยนะครับ ที่จริงแล้วถ้าวัดจากหน้าตา เซฮุนถือว่าผ่านฉลุยแล้วก็ได้คะแนนนำหน้าคนอื่น ๆ ที่เข้ามาหาลู่หานมากเลยล่ะ

     

                แต่ว่านิสัย...

                    เหมือนเด็กไฮเปอร์ไม่มีผิดเพี้ยนเลยสักนิดเดียว ลู่หานคิดว่างั้นนะ

     

    “ลู่หาน~ ผมว่าผมหิวแล้วอ่ะ วันนี้ลู่หานปิดร้านเร็ว ๆ นะครับ เดี๋ยวผมพาไปหาข้าวเย็นอร่อย ๆ ทานกัน นะครับนะ” เสียงอ้อน ๆ ของโอเซฮุนดังลอยขึ้นมาจากด้านหลัง ลู่หานกำลังง่วนอยู่กับการทำขนมและของหวานให้กับลูกค้ามากหน้าหลายตาได้แต่ตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิดมาก

                    แน่นอน... ข้อเสนอนี้ต้องถูกยกเลิกไป ลู่หานไม่ว่างพอจะไปนั่งเล่นในตอนเย็น ๆ กับเซฮุนหรอก

    “ถ้างั้นวันนี้ไปดูหนังรอบดึกกันนะ หลังจากผมแก้งานเสร็จ นะครับ”

    “แน่ใจเหรอว่าเซฮุนจะแก้งานเสร็จในวันนี้?” ย้อนถามกลับไปอย่างรู้ทัน บอกแล้วว่าเด็กคนนี้ตามจีบแล้วก็รู้จักกันลู่หานมาตั้งสองสามปี มีหรือที่เรื่องแค่นี้เขาจะไม่รู้

                    บางทีโอเซฮุนก็ทำให้งานง่าย ๆ กลายเป็นงานยาก เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าสองปีที่ผ่านมาเด็กนี่เรียนผ่านมายังไง เห็นเอาแต่เรียน ๆ เล่น ๆ ไม่ค่อยจะสนใจอะไรเท่าไหร่

    “เสร็จดิครับ โหยระดับนี้แล้วอ่ะ”

    “ให้มาร์คช่วยอ่ะดิ”

    “มาร์คมันจะเอาเวลาที่ไหนมาช่วยผมอ่ะลู่หาน มันไปดูแลน้องแบมแบมนู่น” งานใส่ร้ายป้ายสีต้องมาครับ หรือไม่จริง ใช้คำว่าใส่ร้ายไม่ได้ด้วยซ้ำ ในเมื่อไอ้มาร์คมันให้เวลาเกือบจะทั้งหมดกับน้องแบมจริง ๆ นี่นา

     

                    แต่ยอมครับ น้องน่ารัก ผมยังชอบเลย

                    เดี๋ยวครับ ผิดประเด็นละ วกกลับเข้ามาที่เดิม

     

    “เหรอ ถ้างั้นทำไมไม่รีบกลับไปทำงานล่ะ”

    “นั่งมองลู่หานมันเพลินอ่ะครับ... อยากนั่งมองไปนาน ๆ จังเลย...”

                    ตรงประเด็นและไม่มีการใส่เกียร์ถอยหลัง นี่ล่ะครับสิ่งที่เซฮุนทำให้กับพี่ลู่หานอย่างสม่ำเสมอมานานกว่าสองปี... โอย การจีบคนหน้าหวานที่เป็นเจ้าของร้านขนมหวานนี่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แล้วก็หวาน ๆ เลยนะครับ

     

                    แต่เพื่อความรัก เซฮุนยอม!

                    แหม... ถ้าไม่ได้เป็นการเข้าข้างตัวเองจนเกินไป ผมว่าจริง ๆ แล้วพี่ลู่หานอ่ะมีใจให้ผมนานแล้วล่ะ เพียงแต่ว่ายังไม่ได้บอกกันมาตรง ๆ เท่านั้นเองครับ...

                    ของแบบนี้คนคิดเหมือน ๆ กันมันก็พอจะรู้จริงไหม ผมอ่ะ... พอจะดูออกจากการกระทำหลาย ๆ อย่างระหว่างที่พวกเราอยู่ด้วยกันครับ

     

                    เห็นแบบนี้... ไม่ได้มีแค่ตามจีบไปวัน ๆ นะ... ลึกซึ้งกว่านั้นมันก็เคยมีเกิดขึ้นบ้าง

                    แน่ะ! คิดอะไรกันอ้ะ! ผมแค่หมายถึงเรื่องทั่ว ๆ ไปแบบว่าคิสหรือส่งผ่านความรู้สึกดี ๆ ต่อกันผ่านการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นครับ ไม่มีเกินเลยกว่าน้าน (แม้เซฮุนจะหวังให้เกินเลยเสมอมาก็ตาม)

     

                    ยังไงก็เหอะ จะข้ามขั้นไปถึงไหน ผมก็เป็นได้แค่คน ๆ หนึ่งในชีวิตลู่หานอยู่ดี ความสัมพันธ์ยังไม่พัฒนาจนถึงขั้นจะเรียกว่าแฟนได้ครับ ก็อยู่กันไปแบบนี้ เช้าถึงเย็นถึง ได้เห็นหน้ากันทุกวันเป็นพอใจ

                    เซฮุนน่ะ... ไม่ได้ชอบกินขนมหวานนะครับ

                    แต่เพราะเจ้าของร้านต่างหากที่เปลี่ยนทุกอย่างไปได้โดยสิ้นเชิง...

     

    “ก็ถ้ารีบกลับไปทำงาน จะได้มีเวลาไปเที่ยวด้วยกันเยอะ ๆ ไง ถึงพี่จะรู้ว่านายทำงานไม่เสร็จวันนี้แน่ ๆ ก็เถอะ...”

    “จริงอ้ะ! ไปด้วยกันจริงนะลู่หาน” ไม่ได้ปีนเกลียวนะครับแก้ตัวก่อนเดี๋ยวเข้าใจผิด ที่เห็นว่าลู่หานแทนตัวว่าพี่ แต่ผมคนนี้กลับถือวิสาสะเรียกชื่อเฉย ๆ ซะอย่างนั้น

                    ผมขอเจ้าตัวแล้วต่างหาก ซึ่งคำตอบก็ออกมาว่า อยากเรียกอะไรก็เรียกไปแล้วกัน แต่พี่ก็จะแทนตัวว่าพี่อยู่ดี  พร้อมกับยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มน่ารัก ๆ อีกหนึ่งที

                    นั่นแหละครับ ตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา ผมก็ให้ปณิธานกับตัวเองเอาไว้เลยว่าจะต้องทำให้ช่องว่างและคำว่าพี่หายไปให้ได้!!!!

                    เกือบแล้วครับ บอกเลยว่าอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น

     

    “อืม ไปด้วยจริง ๆ เอ้า จะสั่งอะไรไปให้แจบอมด้วยไหม จะได้รีบกลับไปทำงาน พี่จะได้รีบเคลียร์ร้าน...”

                    ลู่หานของผมนี่น่ารักมากเลยใช่ไหมครับ แน่นอนอ่ะ ทำไงได้อ่ะครับ แต่ผมหวงนะ หวงมากด้วยบอกไว้ก่อน เห็นเป็นคนไร้สาระไม่ค่อยเข้าท่า แต่ว่าเรื่องเจ้าของร้านขนมหวานนี่ผมจริงจังนะครับ ไม่มีการเล่นเลิ่นอะไรทั้งนั้น

     

                    พวกไอ้แจ๊คถึงชอบเอาเรื่องลู่หานมาขู่ผมให้ทำนู่นทำนี่ตามคำสั่งมันอยู่เรื่อยเลย!

                    (ถึงแม้เซฮุนจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเท่าไหร่ก็ตาม)

     

    *

     

    “วันนี้ทำไมไม่เซ็ทผมล่ะเซฮุน”

                    คำถามแรกหลังจากที่ขึ้นนั่งประจำตำแหน่งบนรถเรียบร้อย (มีรถขับครับ เห็นอย่างนี้ก็มีกับเขาครับ สลับกันเอามากับไอ้แจบอม วันนี้คิวผม แต่แจบอมจะกลับยังไงช่างมัน ผมจะไปเที่ยวกับลู่หาน) เรื่องทรงผมทำไมถึงได้กลายเป็นจุดสนใจล่ะครับ ก็เพิ่งเจอกันมาตอนเย็น ลู่หานยังไม่เห็นจะถามอะไรเลย

                    แต่วันนี้ก็แปลกกว่าทุกวันจริง ๆ นั่นแหละ คืองี้ครับ ... เมื่อเช้าอ่ะผมตื่นสาย สภาพเลยกลายเป็นว่าหยิบที่คาดผมมาใส่ไว้ลวก ๆ แล้วบึ่งรถหน้าสดออกมาจากบ้านทันที

                    เดฟยีนซีด ๆ ขาด ๆ หนึ่งตัวกับเสื้อนักศึกษา... เออ นี่ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะครับ ถ้าไม่ติดว่าหน้าผมหล่อนี่คงดูไม่ได้ไปละ ไม่ได้เข้าข้างตัวเองเลยจริง ๆ

                    (ว่าไหม... หวังอิมโอใช้คำว่าไม่ได้เข้าข้างตัวเองเหมือนกัน... ทั้งกลุ่มเลย...)

     

    “เมื่อเช้า...”

    “ตื่นสายล่ะสิ” ลู่หานว่าอย่างรู้ทัน อมยิ้มพร้อมกับหันไปมองหน้าของเซฮุนที่ดูจะสำอางน้อยกว่าทุกวัน

                    จริง ๆ แล้วลู่หานชอบแบบนี้มากกว่านะ...

    “รู้ทันอีก แหะ ๆ นิดหน่อยครับ ก็เมื่อคืนผมทำงาน กว่าจะได้นอนก็ตั้งดึกแล้วอ้ะ ตอนที่ผมคุยกับลู่หานอยู่ งานยังไปได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ แล้วพอลู่หานทิ้งผมหลับไปก่อน กำลังใจที่จะทำมันก็ลดหายไปตั้งครึ่งแล้วอ้ะ”

                    อ้อนครับ ต้องอ้อนนิดนึงนะ เผื่อจะได้ขนมหวานมาเป็นรางวัล

    “ขี้โม้ไม่มีเปลี่ยน”

    “เปล่าเหอะ ผมโม้ที่ไหน พูดความจริงทั้งนั้นอ่ะ ไม่เคยเชื่อผมต่างหาก” เซฮุนว่า ทำหน้าตางอง้ำด้วยความหวังว่าจะให้อีกฝ่ายอยากง้องอนขึ้นมาบ้าง

     

                    ทว่ากลับได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างขบขันเท่านั้น

                    เชอะ ขับรถเงียบ ๆ ก็ได้!

     

    “นี่... ไม่เคยเหนื่อยบ้างเหรอที่ทำให้พี่ทุกวันแบบนี้”

                    อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหวานถามขึ้นอย่างไร้สาเหตุและเกริ่นนำ ลู่หานไม่ค่อยจะพูดเรื่องของพวกเราเท่าไหร่นัก อย่างมากก็จะแค่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสถานการณ์...

     

                    ทำไมวันนี้ถึงได้พูดขึ้นมา...

     

    “เอาตรง ๆ จากใจเลยนะครับ ผมก็เหนื่อยอ่ะ แต่ทำไงได้ นอกจากลู่หานผมก็ไม่รู้จะไปสนใจใคร ร้านขนมร้านไหนก็ไม่น่าเข้าเท่าร้านของลู่หาน กินที่ไหนก็ไม่อร่อย ทำอะไรก็ไม่สนุก...”

    “ขนาดนั้น...”

    “ถ้าไม่ได้เห็นลู่หาน มันก็ขนาดนั้นอ่ะครับ”

                    เป็นไง... หล่อใช่ป่ะล้ะ ถ้าพวกไอ้แจบอมได้ยินนี่ต้องซูฮกผมอ่ะ แต่พูดจริง ๆ นะครับ ที่เห็นผมติดโทรศัพท์ติดโซเชียลนี่ครึ่งนึงเป็นเพราะลู่หานเลยนะ

                    ก็คนน่ารักของผมชอบอัพเดทตลอดเวลา ไม่แปลกใช่ไหมล่ะที่ผมจะชอบติดตาม...

    “ฟังแล้วรู้สึกจั๊กจี้”

    “แล้วเมื่อไหร่จะเลื่อนสถานะจากพี่เป็นแฟนซะทีอ่ะครับ”

     

                    ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ... ถามตรง ๆ อีกรอบให้จบเรื่องกันไปเลยดีกว่า...

                    ผมอ่ะรอเจ้าของร้านขนมหวานมานานแล้วนะ...

     

    “ยังไม่ถึงเวลา เอาไว้เรียนจบค่อยว่ากัน”

     

                ห๊ะห๊ะห๊ะ!!!

     

    “ขออีกที นี่ลู่หานพูดเล่นหรือพูดจริงอ่ะ โอ๊ย ถ้าข้อเสนอเป็นตอนเรียนจบอ่ะนะ ผมยอมทำหัวสีรุ้งแล้วก็แต่งตัวสดใสเหมือนขนมหวานดีกว่า นานไปอ้ะ!

                    เคยบอกปัดที่ลู่หานพูดเล่น ๆ ว่าให้ย้อมผมทั้งศีรษะให้เป็นสีรุ้งบนท้องฟ้า... ด้วยเหตุผลที่ว่ามันน่าจะแปลกประหลาดจนเกินไป แต่ตอนนี้ขอกลับไปยอมทำได้ไหมครับ รอจนกว่าจะเรียนจบถึงได้คบกับลู่หาน ผมยอมเป็นตัวประหลาดในคณะ (มากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้) จะดีกว่า

                    จะให้ทำผมสีไหนบนโลกผมยอมหมดอ่ะครับ

    “จะทำตัวให้เหมือนขนมหวานเหรอ แต่ว่านะเซฮุน... จะทำผมสีเหมือนลูกกวาดมากแค่ไหน ยังไงพี่ก็จะรอให้นายเรียนจบอยู่ดี...”

     

                    ใจร้ายที่สุด!

     

    “ไม่เห็นเป็นอะไรนี่เซฮุน... เพราะระหว่างที่นายกำลังเรียนอยู่ ลู่หานก็ไม่ได้ห่างจากนายเลยนี่นา... ใช่ไหมล่ะ”

     

                ผมลืมคิดไปได้ยังไงกันนะ...

                    โอเซฮุนกำลังยิ้มกว้างเพราะคำตอบจากเจ้าของร้านหน้าหวาน...

                    ได้รับคำตอบมาเป็นกำลังใจขนาดนี้ อีกสิบปีค่อยสร้างครอบครัวกันผมก็ยอมครับ!

     

    “ถ้างั้น... ลู่หานก็ต้องอยู่กับผมไปเรื่อย ๆ แบบนี้เลยนะ ห้ามหนีเซฮุนไปไหนนะครับ เพราะต่อจากนี้ไปผมคงขาดของหวานไม่ได้แล้วจริง ๆ ...”

     

                    เห็นโอเซฮุนเป็นคนไม่เข้าท่า... แต่ว่าเรื่องรักผมจริงจังนะ ขำย้ำสโลแกนเอาไว้!

                    ถามอีกทีครับ... ความคิดและการกระทำของผมหล่อใช่ป่ะล่ะ

                ผมรู้น่า!

     

    *

     

    END of Sehun’s story

     

     

                    หวังว่าสามหนุ่มหวังอิมโอและคู่แท้ของพวกนางจะทำให้ทุกคนยิ้มได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ เจอกันในฟิคเด็กพี่มาร์คเวอร์ชั่นปกตินะคะ  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×