ลำดับตอนที่ #41
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #41 : ประสานพลัง ยกกำลังล่า
" ไปเหอะ ช้าไม่ได้แล้ว "
ปู่อินทร์บอกทุกคน ปู่อินทร์รู้ดีว่าการที่เขาหลบมาที่นี่เพื่อต้องการไม่ให้พวกของมัจเจที่อยู่
อีกด้านหนึ่ง ไม่รู้ แต่เมื่อบัดนี้ความลับนี้ถูกเปิดเผยแล้ว การเคลื่อนที่ไปให้เร็วที่สุดจากจุด
นี้จึงจะเป็นการที่จะปลอดภัยที่สุด ทุกคนไม่รอช้า พวกเขาก็รู้เช่นกัน ว่าคำพูดของปู่อินทร
หมายความว่าอย่างไร
อีกด้านหนึ่ง ไม่รู้ แต่เมื่อบัดนี้ความลับนี้ถูกเปิดเผยแล้ว การเคลื่อนที่ไปให้เร็วที่สุดจากจุด
นี้จึงจะเป็นการที่จะปลอดภัยที่สุด ทุกคนไม่รอช้า พวกเขาก็รู้เช่นกัน ว่าคำพูดของปู่อินทร
หมายความว่าอย่างไร
" มาทางนี้ "
เสียงปิเยพิษทารีซึ่งเป็นผู้นำทาง แนะทางที่จะไปอย่างกระวีกระวาด ทั้งหมดกึ่งวิ่งกึ่งเดิน และ
เพียงชั่วครู่ ร่างซากเจ้าเสือร้าย ก็พ้นไปจากสายตาทุกคน เพราะห่างมามากแล้ว
เพียงชั่วครู่ ร่างซากเจ้าเสือร้าย ก็พ้นไปจากสายตาทุกคน เพราะห่างมามากแล้ว
" เราจะเดินทางกันไม่ได้สบายแล้วนะ มัจเจมันรู้แล้วว่ามีพวกเราอยู่ที่นี่ และก็เป็นถิ่นของมันด้วย
สักพักเราอาจจะได้เจอกับพวกมันจำนวนมากก็ได้ "
สักพักเราอาจจะได้เจอกับพวกมันจำนวนมากก็ได้ "
ปิเยพิษทารี กล่าว คราวนี้ทุกคนรู้สึกได้ว่า ปิเยพิษทารี ตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
" พวกมันต้องมาถึงนี่ในอีกไม่ช้า พวกเราต้องรีบไปให้ถึงถิ่นของปิเยบิรู ถ้าเรามีโอกาสไป
ถึงที่นั่นก่อนเจอพวกมันเราอาจจะรอด "
ถึงที่นั่นก่อนเจอพวกมันเราอาจจะรอด "
ปิเยพิษทารี กล่าวอีก
" อะไรนะ ปิเยรูๆ อะไร แล้วทำไมที่นั่นเราจะได้เปรียบพวกมันอย่างไร "
ปู่อินทร์ถามอย่างสงสัย
" ไม่ใช่เราจะได้เปรียบ เราไม่มีทางได้เปรียบพวกมันแล้วตั้งแต่นี้เป็นต้นไป แต่ที่นั่นเราอาจ
พลางตัวไม่ให้พวกมันเห็น เราอาจจะมีทางรอด ตามข้ามาอย่างเดียว เราต้องไปให้เร็วที่สุด "
" ไม่ใช่เราจะได้เปรียบ เราไม่มีทางได้เปรียบพวกมันแล้วตั้งแต่นี้เป็นต้นไป แต่ที่นั่นเราอาจ
พลางตัวไม่ให้พวกมันเห็น เราอาจจะมีทางรอด ตามข้ามาอย่างเดียว เราต้องไปให้เร็วที่สุด "
ปิเยพิษทารี กล่าว ทุกคนรู้คำกล่าวของพิษทารีเหมือนเขาตัดบทเเล้ว ไม่อยากให้ใครถามเขา
แล้ว คงคิดว่าเสียเวลาสู้เอาเวลาหาทางเดินไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดดีกว่า และเมื่อเดินมาอีก
พักใหญ่
แล้ว คงคิดว่าเสียเวลาสู้เอาเวลาหาทางเดินไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดดีกว่า และเมื่อเดินมาอีก
พักใหญ่
" แอ่งน้ำ "
แสงดาวอุทาน ข้างหน้ามีแอ่งน้ำขนาดใหญ่พอประมาณ คำอุทานของแสงดาวเหมือนจะบอกว่า
ปิเยพิษทารี น่าจะหยุดให้พวกเธอ ได้กินน้ำบ้าง
ปิเยพิษทารี น่าจะหยุดให้พวกเธอ ได้กินน้ำบ้าง
" ก็ได้ เราหยุดกินน้ำสักพักก็ได้ ที่จริงข้าอาจกลัวมากไปเอง มัจเจถ้าจะส่งปิเยนักรบหิริน คงอยู่ไกลจาก
" เอ๊ะ มีตัวอะไรอยู่ในน้ำหรือเปล่า ทำไมน้ำกระเพื่อมแรงขึ้น ช่วยกันดูสิอยากเห็นเหมือนกันว่าสัตว์ที่นี่
สิ้นคำปิเยพิษทารี ทุกคนรับรู้ตามนั้น ทั้งหมดรุดไปข้างหน้า การวิ่งเป็นการเดินทางที่ไวที่สุด
แต่กำลังทุกคนไม่เท่ากัน บ่อยครั้ง ที่ข้างหน้าต้องรอพวกผู้หญิง และระหว่างวิ่ง
" ลูกธนูมีิพิษอาบมาด้วย ไม่เป็นไร ข้าจะแก้ให้ "
ปิเยบิรูถึงกลืนสีเสื้อผ้าพวกท่านไม่ได้ "
เธอไว้ แต่จามิกรกลับถอดได้ช้า เนื่องจากสะโพกของเธอมีสัดส่วนที่ค่อนข้างใหญ่และเธอเอง
พึ่งจะมีประจำเดือน เจ้าทีเร็กซ์เริ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ มันทำจมูกฟุตฟิต จามิกรเห็นเช่นนั้น ด้วย
ความโมโห กอร์ปกับการที่กางเกงในชิ้นสุดท้ายของเธอก็ถอดยาก หลังจากที่ถอดออกแล้ว
เธอจึงขว้างใส่มันสุดแรง เจ้าสัตว์ร้ายตกใจ ที่อยู่ๆ ก็มีสิ่งหนึ่งปลิวหวือเข้าหาร่างของมัน แต่
ด้วย สัญชาติญาณ มันได้งับสิ่งนั้นไว้
ที่นี่มากเหมือนกัน กว่าจะมาถึงที่นี่ เราพักกันสักครู่ก็ไม่เป็นไร ยังไงเสียเราก็คงมีเวลามากพอได้ไปถึง
ป่าปิเยบิรูก่อน"
ปิเยพิษทารีกล่าว พร้อมกับนำรากของเขาจุ่มลงในน้ำน้้น
" เอ๊า น้ำที่นี่กินได้ พวกเจ้าไม่ต้องห่วงว่ามีพิษ ข้าได้พิสูจน์แล้ว "
สิ้นคำอนุญาติ ทั้งหมดรีบเอามือวักน้ำเข้าปากทันที เนื่องจากกระหายทุกคนจึงดื่มเข้าไปจำนวนมาก
" นั่งพักแป๊บนะ ท่านพิษทารี ขืนรีบไปตอนนี้จุกแน่ "
อัครชัยกล่าว
" ได้.. แต่อย่านานนะ อีกไม่ไกลเเระ ให้ไปถึงที่นั่นเราจะได้สบายใจ "
ปิเยพิษทารีตอบ ดุจปรายมองลำน้ำแห่งนี้ มันนิ่งมากหลังจากที่ระรอกคลื่นจากการที่พวกเขาได้
เอามือวักเมื่อสักครู่นี้
เอามือวักเมื่อสักครู่นี้
" โหน้ำนิ่งไวจริงๆ เลย ใสมากด้วย มีปลาไม๊เนี่ย "
" น่าจะมีสัตว์ แต่ไม่รู้ว่าพวกเจ้าเรียกว่าปลาได้หรือเปล่า สัตว์แถวนี้เริ่มมีรูปร่างแตกต่างจาก
สัตว์ที่โลกของพวกท่านแล้ว ที่นี่แหละเหมาะที่จะปล่อยสะดือน่าไว้ด้วยห่างจากอุโมงค์ท่านดิวามาไกล
สัตว์ที่โลกของพวกท่านแล้ว ที่นี่แหละเหมาะที่จะปล่อยสะดือน่าไว้ด้วยห่างจากอุโมงค์ท่านดิวามาไกล
มากแล้ว "
ปิเยพิษทารีแสดงความเห็น พร้อมทั้งปล่อยสัตวตัวน้อยที่ติดตัวมาจากอุโมงค์ลง เมื่อตัวมันสัมผัสพื้น มัน
ก็มุดลงดินไปตามสัญชาติญาณของมัน
" ดูสิดำดินมุดไปไต้น้ำหรือเปล่าเนี่ย น้ำกระเพื่อมเลย "
ดุจปรายกล่าวพร้อมกับแสดงความเห็นจากสิ่งที่เธอได้เห็น น้ำกระเพื่อมเล็กน้อยหลังจากที่เจ้าตัวน้อย
มุดดินลงไป ทุกคนมองดูตามคำของดุจปราย แต่ทุกคนก็เริ่มแปลกใจ น้ำเริ่มกระเพื่อมแรงขึ้นและคราวนี้
ดูเหมือนกระเพื่อมเป็นจังหวะ จนทุกคนคิดว่า เจ้าตัวน้อยไม่สามารถทำน้ำให้กระเพื่อมแรงถึงขั้นนี้ได้แน่
" เอ๊ะ มีตัวอะไรอยู่ในน้ำหรือเปล่า ทำไมน้ำกระเพื่อมแรงขึ้น ช่วยกันดูสิอยากเห็นเหมือนกันว่าสัตว์ที่นี่
หน้าตาเป็นยังไง "
จามิกร กล่าวอย่างลิงโลด เธอสนใจเรื่องสัตว์แปลกประหลาดตาอยู่แล้ว และเธอเองก็เป็นนัก
วิจัยแมลง ชอบค้นคว้าอยู่แล้ว ถ้าไม่รีบไปเธอต้องขอพิสูจน์สัตว์ในน้ำนี้แต่แรกอยู่แล้วตั้งแต่ปิเย
พิษทารีบอก และเมื่อเห็นน้ำกระเพื่อม เธอก็เห็นเป็นโอกาส และยังอยู่ในช่วงรอการเดินทางต่อ
น้ำกระเพื่อมไปทั่วทั้งสระ ทุกคนพยายามมอง แต่ปิเยพิษทารี เห็นผิดสังเกตุ
วิจัยแมลง ชอบค้นคว้าอยู่แล้ว ถ้าไม่รีบไปเธอต้องขอพิสูจน์สัตว์ในน้ำนี้แต่แรกอยู่แล้วตั้งแต่ปิเย
พิษทารีบอก และเมื่อเห็นน้ำกระเพื่อม เธอก็เห็นเป็นโอกาส และยังอยู่ในช่วงรอการเดินทางต่อ
น้ำกระเพื่อมไปทั่วทั้งสระ ทุกคนพยายามมอง แต่ปิเยพิษทารี เห็นผิดสังเกตุ
" น้ำกระเพื่อมพร้อมกันทั้งสระแบบนี้ และเป็นจังหวะด้วย ไม่น่าจะใช่สัตว์ในนั้นหรอก ถ้าเป็น
สัตว์ มันต้องกระเพื่อม เฉพาะที่ตัวมันอยู่สิ แต่นี่มันกระเพื่อมไปทั้งสระ ดูเหมือนว่าเพราะดินมัน
สัตว์ มันต้องกระเพื่อม เฉพาะที่ตัวมันอยู่สิ แต่นี่มันกระเพื่อมไปทั้งสระ ดูเหมือนว่าเพราะดินมัน
สะเทือนนะ "
คำพูดของปิเยพิษทารี ทำให้ปู่อินทร์สะดุด การที่จะรู้ได้ว่าดินสะเทือนหรือไม่ ปู่อินทร์รู้ดีว่าต้อง
ทำอย่างไร เขาก้มลงเอาหูแนบกับพื้นทันที และนี่เป็นวิธีการที่พรานป่าผู้ชำนาญอย่างเขาใช้อยู่
และสักพักเขาก็กระดกหัวขี้นมา ทุกคนมองดูอาการนั้นอย่างใจจดจ่อ อยากรู้ว่าปู่อินทร์ จะว่า
อย่างไร หลังจากที่ได้ก้มลงไปฟังแบบนั้น
ทำอย่างไร เขาก้มลงเอาหูแนบกับพื้นทันที และนี่เป็นวิธีการที่พรานป่าผู้ชำนาญอย่างเขาใช้อยู่
และสักพักเขาก็กระดกหัวขี้นมา ทุกคนมองดูอาการนั้นอย่างใจจดจ่อ อยากรู้ว่าปู่อินทร์ จะว่า
อย่างไร หลังจากที่ได้ก้มลงไปฟังแบบนั้น
" เป็นเสียงดินสะเทือนจริงๆด้วย เหมือนมีเสียงการเดินเป็นจังหวะของตัวอะไรก็ไม่รู้ที่มีขนาดใหญ่มาก
กำลังมุ่งตรงมาทางนี้ ด้วย เสียงสะเทือนถึ่ๆแสดงว่ามันกำลังวิ่งคาดว่าน่าจะหลายตัวด้วย "
คำตอบของปู่อินทร์ ทำให้ปิเยพิษทารี รู้ทันที
" ไม่ต้องสงสัยเลย เป็นพวกมันแน่ "
ปิเยพิษทารีกล่าว ไม่ต้องรอให้บอกว่าต้องทำอย่างไร ทั้งหมดลุกขึ้นทันที
" มันมาใกล้ได้ขนาดนี้แต่อีกครึ่งชั่วโมงเราก็ถึงจะไปถึง บางทีเราอาจจะไม่ทัน จำไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไร
ขึ้น หรือพวกเราต้องแยกกันไป เพราะถูกโจมตี ให้ขึ้นไปทางทิศเหนืออย่างเดียวหาทางเข้าไปในถิ่น
ปิเยบริลูให้ได้ "
สิ้นคำปิเยพิษทารี ทุกคนรับรู้ตามนั้น ทั้งหมดรุดไปข้างหน้า การวิ่งเป็นการเดินทางที่ไวที่สุด
แต่กำลังทุกคนไม่เท่ากัน บ่อยครั้ง ที่ข้างหน้าต้องรอพวกผู้หญิง และระหว่างวิ่ง
" ป่านั้นเป็นอย่างไรหรือพี่อรัญ เผื่อเราแยกกันไปจะได้รู้ว่าหลบเข้าได้อย่างไร พวกนั้นถึงจะมอง
ไม่เห็นเรา "
ไม่เห็นเรา "
ดุจปรายถาม เธอรู้สึกว่าเธอจะเป็นคนวิ่งที่ช้ากว่าคนอื่นอาจจะหลงได้ จึงวิตกเรื่องนี้
" ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมไม่ทิ้งปรายนะ ยังไงเราก็ต้องเข้าป่านั้นพร้อมกัน ท่านพิษทารี กับปู่
อินทร์ไปข้างหน้าแบบนี้ถามก็คงไม่รู้เรื่องแน่ ไว้ไปถึงที่นั่นเราค่อยหาทางกัน "
อินทร์ไปข้างหน้าแบบนี้ถามก็คงไม่รู้เรื่องแน่ ไว้ไปถึงที่นั่นเราค่อยหาทางกัน "
อรัญตอบ
ปู่อินทร์ หันกลับมามองทุกคน เขามีความตระหนกอย่างมาก เขารู้สึกได้ว่าตอนนี้ พื้นดินสะเทือน
ตอนที่เขาก้มไปฟังนั้นมันกับสะเทือนแรงขึ้น จนรู้สึกได้ตอนที่เขาวิ่งนี้ไม้ต้องก้มไปที่พื้นเพื่อแนบหูฟังก็มี
ปู่อินทร์ หันกลับมามองทุกคน เขามีความตระหนกอย่างมาก เขารู้สึกได้ว่าตอนนี้ พื้นดินสะเทือน
ตอนที่เขาก้มไปฟังนั้นมันกับสะเทือนแรงขึ้น จนรู้สึกได้ตอนที่เขาวิ่งนี้ไม้ต้องก้มไปที่พื้นเพื่อแนบหูฟังก็มี
แรงสะเทือนที่รับสัมผัสได้แล้ว
" ปู่มีอะไรเหรอ "
อัครชัยรู้สึกถึงอาการของปู่อินทร์ได้ จากสีหน้าของเขา
" พวกเราคงไม่ทันแล้วแหละเรามาได้ไม่ถึงห้านาที อึกยี่สิบนาทีเราจึงจะไปถึง เสียงพวกมันอยู่
ใกล้ๆนี่เอง "
ใกล้ๆนี่เอง "
ปู่อินทร์ ตอบ และเป็นจริง ป่าใหญ่เริ่มแหวกออก ร่างไดโสเสาร์ขนาดใหญ่ ก็ปรากฏ
กายให้เห็น ปิเยพิษทารีเรียกทุกคนให้เข้าที่กำบังทันที
กายให้เห็น ปิเยพิษทารีเรียกทุกคนให้เข้าที่กำบังทันที
" พวกมันยังมองไม่เห็นเรา แต่คงไม่นานปิเยหิรินที่อยู่บนร่างมัน มีความฉลาด มันคงให้ไอ้สัตว์
ยักษ์นั้นวิ่งลุยป่าไปมาแถบนี้จนพบพวกเราแน่ "
ยักษ์นั้นวิ่งลุยป่าไปมาแถบนี้จนพบพวกเราแน่ "
ปิเยพิษทารีกล่าว
" ฟิ๊ว ปึ๊ก."
ยังไม่ทันได้กล่าว อะไรต่อเสียงธนูลูกหนึ่งก็ปริว หวือ มาในอากาศ และข้ามหัวทุกคนไป
" โอ..มันเล่นทั้งวิ่งตลุยและยิ่งสุ่มแบบนี้ พวกเราลำบากแน่ มันเอาสัตว์พวกนี้เป็นพาหนะมานี่เอง
มันถึง ได้มาที่นี่ได้เร็วมันคงสงสัยแล้วว่าเราอยู่แถวนี้ พอมันมาเก็บลูกธนูเราต้องอ้อมไปด้านนู้นนะ "
ปิเยพิษทารี แสดงความเห็น และบอกทุกคนไว้ เป็นจริงตังปิเยพิษคาด ร่างสัตว์ใหญ่นั้นมันเดิน
มาจริงๆ พวกเขาพยายามอ้อมไปอีกด้าน แต่ก็ต้องก้มลงต่ำอีกเพราะด้านนั้นมีอีกตัวนั้นยืนอยู่
ยังโชคดีที่มันหันไปมองด้านอื่น ปิเยหิรินบนร่างทีเร็กซ์นั้น กระโดดลงมาเก็บลูกธนูของมัน และ
จังหวะนั้น มันก็สังเกตุเห็น
มาจริงๆ พวกเขาพยายามอ้อมไปอีกด้าน แต่ก็ต้องก้มลงต่ำอีกเพราะด้านนั้นมีอีกตัวนั้นยืนอยู่
ยังโชคดีที่มันหันไปมองด้านอื่น ปิเยหิรินบนร่างทีเร็กซ์นั้น กระโดดลงมาเก็บลูกธนูของมัน และ
จังหวะนั้น มันก็สังเกตุเห็น
" พวกมันอยู่แถวนี้ "
เสียงที่ตะโกนไป พวกเขาได้ยินถนัด เนื่องจากปิเยหิรินร่างนี้ พบเห็นรอยเท้าการเดินของพวก
เขานั่นเอง แต่มันไม่รู้ว่ามันอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงแค่ต้นไม้บังเท่านั้นเอง ปิเยหิรินร่างนี้ ไม่
ขึ้นไปขี่ที่คอทีเร็กซ์อีก มันพยายามจะเริ่มเดินแกะรอยของทุกคน นั่นคืออีกไม่เกินสองนาทีนี้มัน
ก็จะต้องพบพวกเขาแน่
เขานั่นเอง แต่มันไม่รู้ว่ามันอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงแค่ต้นไม้บังเท่านั้นเอง ปิเยหิรินร่างนี้ ไม่
ขึ้นไปขี่ที่คอทีเร็กซ์อีก มันพยายามจะเริ่มเดินแกะรอยของทุกคน นั่นคืออีกไม่เกินสองนาทีนี้มัน
ก็จะต้องพบพวกเขาแน่
" นิ่งไว้ให้มันเข้ามาอีกนิด "
ปิเยพิษทารีกระซิบ เขาพยายาม ลอบมองปิเยหิรินร่างนั้นอีกฝั่งของต้นไม้ ปิเยหิรินไม่คิดเลยว่า
มีเจ้าของรอยเท้าเหล่านั้น อยู่ใกล้ขนาดนี้ มันพยายามมองไปก็ไม่เห็นเพราะพวกนั้นได้หมอบลง
แนบกับพื้นด้วย และทันทีที่มันได้สัมผัสกับต้นไม้ ก็ได้ระยะของปิเยพิษทารีพอดี ทันทีที่ปิเยหิริน
ปล่อยมือที่เกาะต้นไม้ไว้ ร่างมันก็หมุนคว้าง มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดขึ้นอะไรกับมัน เพราะสิ้นสติ
ไปก่อน แต่การล้มของมันทำให้พาหนะของมันตกใจ ซากทีเร็กซ์ที่ถูกควบคุมด้วยเรคารียะ
ของมัจเจถอยหลังกรูด ชนเข้ากับต้นไม้สะเปะสะปะ ยังผลให้ พวกมันอึกหลายตัวรับรู้ความผิด
ปรกตินั้นได้ ทั้งหลายตัวต่างหันหน้ามาทางต้นเสียง และปิเยหิรินก็ได้สังเกตุเห็นพวกของมันร่าง
หนึ่งนอนอยู่ใกล้ต้นไม้นั้น และมันร่างหนึ่งก็ยกธนูขึ้นเพราะว่าเห็นร่างของพวกอัครชัยนอนอยู่กับ
พื้นตรงนั้น ใกล้ร่างพวกของมัน
มีเจ้าของรอยเท้าเหล่านั้น อยู่ใกล้ขนาดนี้ มันพยายามมองไปก็ไม่เห็นเพราะพวกนั้นได้หมอบลง
แนบกับพื้นด้วย และทันทีที่มันได้สัมผัสกับต้นไม้ ก็ได้ระยะของปิเยพิษทารีพอดี ทันทีที่ปิเยหิริน
ปล่อยมือที่เกาะต้นไม้ไว้ ร่างมันก็หมุนคว้าง มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดขึ้นอะไรกับมัน เพราะสิ้นสติ
ไปก่อน แต่การล้มของมันทำให้พาหนะของมันตกใจ ซากทีเร็กซ์ที่ถูกควบคุมด้วยเรคารียะ
ของมัจเจถอยหลังกรูด ชนเข้ากับต้นไม้สะเปะสะปะ ยังผลให้ พวกมันอึกหลายตัวรับรู้ความผิด
ปรกตินั้นได้ ทั้งหลายตัวต่างหันหน้ามาทางต้นเสียง และปิเยหิรินก็ได้สังเกตุเห็นพวกของมันร่าง
หนึ่งนอนอยู่ใกล้ต้นไม้นั้น และมันร่างหนึ่งก็ยกธนูขึ้นเพราะว่าเห็นร่างของพวกอัครชัยนอนอยู่กับ
พื้นตรงนั้น ใกล้ร่างพวกของมัน
" หลบมาทางนี้ "
ปู่อินทร์ ตะโกน เขาลุกพร้อมกระโดดเข้าบังอีกด้านตรงข้ามกับปิเยหิรินที่ยกธนูด้านนั้น และ
พยายามลากร่างทุกคนที่อยู่ด้านนั้นมา ลูกธนูแหวกอากาศ พุ่งเข้าสู่เป้าหมาย อย่างแม่นยำ ถ้า
ทุกคนยังนอนอยู่ตรงนั้น
พยายามลากร่างทุกคนที่อยู่ด้านนั้นมา ลูกธนูแหวกอากาศ พุ่งเข้าสู่เป้าหมาย อย่างแม่นยำ ถ้า
ทุกคนยังนอนอยู่ตรงนั้น
" ฉึก"
เสียงลูกธนูปักเข้าที่ดินอย่างจัง ตรงที่พวกเขานอนอยู่เมื่อสักครู่นี้ พวกเขาเป็นเป้าหมายแน่ ถ้าลุก
ออกมาจากตรงนั้นไม่ทัน แต่ถึงหลบได้สถานการณ์กับเลวร้าย เมื่อพวกเขาเห็นว่า เหล่าสัตว์
ร้ายที่มีร่างปิเยหิรินขี่อยู่นั้น ได้กระจายกำลังกันรายล้อมพวกเขาในทุกทิศทุกทาง
ออกมาจากตรงนั้นไม่ทัน แต่ถึงหลบได้สถานการณ์กับเลวร้าย เมื่อพวกเขาเห็นว่า เหล่าสัตว์
ร้ายที่มีร่างปิเยหิรินขี่อยู่นั้น ได้กระจายกำลังกันรายล้อมพวกเขาในทุกทิศทุกทาง
" โอ มันไม่บุกมาโจมตีเราในระยะกระชั้นชิด เราทำอะไรมันไม่ได้แน่ ไดโนเสาร์ร้าย เหล่านั้น ก็
ดูคราวนี้มันจะรอบคอบขึ้น มันพยายามเลี่ยงไม่เข้ามากัดพวกเราในระยะใกล้ ๆ เราจะฆ่ามันได้
เหรอ "
ดูคราวนี้มันจะรอบคอบขึ้น มันพยายามเลี่ยงไม่เข้ามากัดพวกเราในระยะใกล้ ๆ เราจะฆ่ามันได้
เหรอ "
เสียงปู่อินทร์ กล่าว เป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกซากไดโนเสาร์และปิเยหิริน พวกเขารู้ว่าร่างเหล่านั้น
มีเรคารียะ ควบคุมอยู่ แต่ เมื่อคมมีดที่พวกเขาที่ตั้งใจว่าจะป้ายด้วยเลือดพวกเขาที่มีเรคินของ
ติอากออยู่ แต่เมื่อปลายมีดไม่สามารถเข้าใกล้เป้าหมายได้ ในระยะที่ปลายมีดถึงเนื้อหนังพวก
มันก็ไม่ได้ประโยชน์
มีเรคารียะ ควบคุมอยู่ แต่ เมื่อคมมีดที่พวกเขาที่ตั้งใจว่าจะป้ายด้วยเลือดพวกเขาที่มีเรคินของ
ติอากออยู่ แต่เมื่อปลายมีดไม่สามารถเข้าใกล้เป้าหมายได้ ในระยะที่ปลายมีดถึงเนื้อหนังพวก
มันก็ไม่ได้ประโยชน์
" ฉึก "
และทันทีทุกคนจะคาดคิด ลูกธนูดอกหนึ่งพวกเขาไม่รู้ว่ามันมาทางทิศใหน แต่เห็นมันเมื่อมัน
ลอยมาเสียบเข้าแขน ของปู่อิินทร์ อย่างแม่นยำ ความแรงของมันทำให้มันทะลุผ่านแขนปู่อินทร์ไป
ลอยมาเสียบเข้าแขน ของปู่อิินทร์ อย่างแม่นยำ ความแรงของมันทำให้มันทะลุผ่านแขนปู่อินทร์ไป
ทำให้เกิดบาดแผลฉกรร
" โอ๊ย "
ปู่อินทร์ สะดุ้งสุดตัว และร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด ลูกธนูนั้น เล็กกว่าแขนของเขาเพียง
เล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ท่อนแขนของปู่อินทร์ คล้ายจะหัก เมื่อถูกมันพุ่งมากระทบ
เล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ท่อนแขนของปู่อินทร์ คล้ายจะหัก เมื่อถูกมันพุ่งมากระทบ
" โอ๊ะ..แขน แขนข้า "
ปู่อินทร์พยาพยุงแขนข้างที่ บาดเจ็บไว้ ปิเยพิษทารีและอัครชัยก็เข้าช่วย
" เลือดทำไม เลือดที่ใหลจึงมีสีดำ "
อัครชัยอุุทาน จากสิ่งที่เขาเห็น
" ลูกธนูมีิพิษอาบมาด้วย ไม่เป็นไร ข้าจะแก้ให้ "
ปิเยพิษทารี จับแผลไว้และมีอะไรอย่างหนึ่งในร่างเขาใหลออกมาตรงแผลฉกรรจ์นั้น
" เลือดเปลี่ยนเป็นสีแดงเเล้ว "
อัครชัย กล่าวอย่างตื่นเต้นเมื่อได้เห็นการเปลี่ยนแปลงน้้น
" ดูสิพวกมันอยู่รอบเราเลยเราแย่แน่ๆ "
ดุจปราย กล่าวอย่างขวัญเสียเมื่อเธอมองไปรอบๆ ห่างออกไปไม่มาก ทีเร็กนับสิบตัวที่มีปิเย
หิรินขี่อยู่เคลื่อนเข้ามารายล้อมพวกเขาในระยะที่ไม่ไกลเท่าใดแล้วและทั้งหมดจ้องมาที่พวก
เขาพร้อมยกธนูขึ้น
หิรินขี่อยู่เคลื่อนเข้ามารายล้อมพวกเขาในระยะที่ไม่ไกลเท่าใดแล้วและทั้งหมดจ้องมาที่พวก
เขาพร้อมยกธนูขึ้น
" มีอะไรพูดกันก่อนนะท่าน อย่างไรเราก็เคยอยู่ร่วมกันมา "
เสียงปิเยพิษทารี กล่าวออกไป อย่างใจดีสู้เสือ เขาไม่คิดว่าวิธีนี้จะได้ผลหรือไม่ แต่ตอนนี้ไม่มี
วิธีที่ดีกว่านี้
วิธีที่ดีกว่านี้
" ฮ่าๆๆๆ หมดทางสู้แล้วหรือพวกเจ้า ใหนท่านมัจเจบอกว่าเก่งนักเก่งหนา ส่วนเจ้าปิเยใด คง
ข้าไม่รู้จักหรอก เป็นพวกของ ติอากอ สินะ ดีจะได้ตัดกำลังไปบ้าง พวกเจ้าไม่ต้องคิดจะถ่วง
เวลาหรอกอย่างไรเสีย พวกเราก็ไม่ใจอ่อนหรอก คำพูดเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นคำพูดสุดท้ายของ
พวกเจ้าเลยละกัน พวกเราเตรียมตัว "
ข้าไม่รู้จักหรอก เป็นพวกของ ติอากอ สินะ ดีจะได้ตัดกำลังไปบ้าง พวกเจ้าไม่ต้องคิดจะถ่วง
เวลาหรอกอย่างไรเสีย พวกเราก็ไม่ใจอ่อนหรอก คำพูดเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นคำพูดสุดท้ายของ
พวกเจ้าเลยละกัน พวกเราเตรียมตัว "
ปิเยหิรินร่างหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้นำศึกในครั้งนี้ ประกาศกร้าว พร้อมทุกร่างยกธนูขึ้นเล็งมายังกลุ่ม
พวกเขา ปิเยหิรินร่างนี้เป็นปิเยหิรินรุ่นใหม่ที่ กำเนิดได้ไม่นาน จึงไม่รู้จักปิเยพิษทารี
" โฮ่งๆๆ "
เสียงหนึ่งดังขึ้น ปิเยหิริน และทีเร็กซ์มอง กันเลิกลั๊ก ลดคันธนูลง และพยายามมองหาต้นทาง
ของเสียง และเจ้าของเสียงก็โผล่มาจากแนวป่าด้านหนึ่ง
ของเสียง และเจ้าของเสียงก็โผล่มาจากแนวป่าด้านหนึ่ง
" โอ๊ ไอ้หมาป่าพวกนั้นนี้ ตายแล้วลำพังพวกนี้ก็แย่แล้ว ยังจะมีหมาป่าพวกนั้นมาอีก "
จามิกร เสียงสั่นลั่นบอกทุกคนหลังจากที่ได้เห็นสิ่ง ที่มาชัดเจน
" พวกมันไม่ตายหรือ สงสัยมันจะตามมาแก้แค้นพวกเราแน่ "
กานต์ กล่าว เขาดูรูปการณ์น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ทุกคนกลับเดาผิด สถานการณ์กลับไม่ได้เป็น
เช่นนั้น เมื่อหมาป่าที่มาถึงต่างแยกย้ายกันกระโจนเข้าหาปิเยหิรินบนร่างของ ทีเร็กซ์ทันที ปิเย
หิรินไม่ทันได้ระวังตัว มันถูกหมาป่าร่างยักษ์ ลากร่างมันลงมาจากหลังทีเร็กซ์ แต่หมาป่าก็ต้อง
ปล่อย เมื่อทีเร็กซ์ได้แว้งกัด ร่างพวกมัน เพื่อช่วยปิเยหิรินให้หลุดพ้นจากคมเขี้ยวของหมาป่า
นั้น
เช่นนั้น เมื่อหมาป่าที่มาถึงต่างแยกย้ายกันกระโจนเข้าหาปิเยหิรินบนร่างของ ทีเร็กซ์ทันที ปิเย
หิรินไม่ทันได้ระวังตัว มันถูกหมาป่าร่างยักษ์ ลากร่างมันลงมาจากหลังทีเร็กซ์ แต่หมาป่าก็ต้อง
ปล่อย เมื่อทีเร็กซ์ได้แว้งกัด ร่างพวกมัน เพื่อช่วยปิเยหิรินให้หลุดพ้นจากคมเขี้ยวของหมาป่า
นั้น
" ฉีก "
ปิเยหิริน บางร่างรอดพ้นไปได้เพราะพวกมันถูกฝึกให้คล่องแคล่วในการต่อสู้ มันปล่อยลูกธนูเข้า
ร่างเจ้าหมาป่าทันที ลูกธนูพุ่งเข้าร่างพวกสุนัขป่าอย่างจัง แรงพอที่จะทำให้ปลายแหลมของมัน
โผล่ไปอีกด้านหนึ่งของร่างหมาป่าเคราะห์ร้าย แต่ทว่าปิเยหิรินเหล่านั้นกลับคิดผิด หมาป่าได้
กระโจนเข้าอีกครั้งทั้งๆ ที่ยังมีลูกธนูติดอยู่ที่ร่างของมัน พวกปิเยหิริน แปลกใจยิ่งนัก ที่ธนูของ
พวกมันทำอะไรหมาป่าพวกนั้นไม่ได้ พวกอัครชัยก็เช่นกันรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นเหตุการณ์
ร่างเจ้าหมาป่าทันที ลูกธนูพุ่งเข้าร่างพวกสุนัขป่าอย่างจัง แรงพอที่จะทำให้ปลายแหลมของมัน
โผล่ไปอีกด้านหนึ่งของร่างหมาป่าเคราะห์ร้าย แต่ทว่าปิเยหิรินเหล่านั้นกลับคิดผิด หมาป่าได้
กระโจนเข้าอีกครั้งทั้งๆ ที่ยังมีลูกธนูติดอยู่ที่ร่างของมัน พวกปิเยหิริน แปลกใจยิ่งนัก ที่ธนูของ
พวกมันทำอะไรหมาป่าพวกนั้นไม่ได้ พวกอัครชัยก็เช่นกันรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นเหตุการณ์
เช่นนั้น
" ไป พวกเราจะรออยู่ไม่ได้ ได้โอกาสหนีแล้ว "
เสียงปิเยพิษทารีดังขึ้น ทำให้สติทุกคนกลับมา หลังจากที่จดจ่ออยู่กับภาพการต่อสู้เบื้องหน้า
พวกเขา
พวกเขา
" ช่วยกันพยุงปู่อินทร์ไปด้วยพยายามอย่าให้บาดเจ็บมากกว่านี้ "
ปิเยพิษทารีกล่าวมาอีก ปู่อินทร์เอื้อมมีออีกข้างเพื่อจะมายกมือข้างที่บาดเจ็บแต่ทว่า
" แผลหายไปแล้ว เป็นปรกติแล้ว หายไปได้ยังไงไม่รู้ตัวเลย "
ปู่อินทร์ พูดด้วยความดีใจ
" สงสัยเป็นเพราะเราเคยกินผลอะไรนะของท่านติอากอ "
อัครชัยกล่าวเขายังพอจำได้ ร่างกายเขาเองก็เคยได้รับมา เข้าถึงจำได้ดีแต่ตอนแรกคิดไม่ถึงว่า
จะมีผลกับร่างกายพวกเขาตลอดและรวดเร็วเพิ่มขึ้นแบบนี้
จะมีผลกับร่างกายพวกเขาตลอดและรวดเร็วเพิ่มขึ้นแบบนี้
" สนุกล่ะ พวกเราก็มีดีเหมือนกัน "
ปู่อินทร์ กล่าวเขารู้สึกมั่นใจขึ้นอีกเยอะเมื่อเห็นว่าร่างกายหายได้จากอาการบาดเจ็บเช่นนี้
ทั้งหมดรุดไปทันที ปิเยหิริน มองเห็นแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะมัวสาระวันกับเจ้าหมาป่าเป็น
พัลวัน ทีเร็กซ์ เองถึงมีความใหญ่โตและเเข็งแกร่งกว่าหมาป่ามาก แต่มันเป็นรองเรื่องความ
คล่องแคล่ว มันถูกหมาป่าวิ่งวนหลอกล่อ จนงงไปหมด หนำซ้ำ หมาป่าที่ได้รับลูกธนูปักที่ร่าง
ไปตัวละสามสี่ดอกก็ไม่มีทีท่าว่าจะบาดเจ็บและอ่อนแรงแต่อย่างใด แต่ทุกคนไม่มีเวลาดูว่าผล
จะเป็นอย่างไร
สิบนาทีต่อมา
ทั้งหมดรุดไปทันที ปิเยหิริน มองเห็นแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะมัวสาระวันกับเจ้าหมาป่าเป็น
พัลวัน ทีเร็กซ์ เองถึงมีความใหญ่โตและเเข็งแกร่งกว่าหมาป่ามาก แต่มันเป็นรองเรื่องความ
คล่องแคล่ว มันถูกหมาป่าวิ่งวนหลอกล่อ จนงงไปหมด หนำซ้ำ หมาป่าที่ได้รับลูกธนูปักที่ร่าง
ไปตัวละสามสี่ดอกก็ไม่มีทีท่าว่าจะบาดเจ็บและอ่อนแรงแต่อย่างใด แต่ทุกคนไม่มีเวลาดูว่าผล
จะเป็นอย่างไร
สิบนาทีต่อมา
" อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว "
ปิเยพิษทารี ร้องบอก ขณะวิ่งนำหน้า
" ท่านคิดว่าหมาป่าพวกนั้น จะต้านพวกนั้นใหวไม๊ "
ปู่อินทร์ถามความเห็นปิเยพิษทารี ทั้งคู่วิ่งตามกันมา
" ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ดูปิเยหิรินผิวหนังมันก็ไม่ได้ระคายเวลาโดนกัดนะ เพียงแต่ว่ามัน
เสียหลักไปมา ข้าเกรงว่าสักพักมันจะจับทางพวกหมาป่าได้ "
เสียหลักไปมา ข้าเกรงว่าสักพักมันจะจับทางพวกหมาป่าได้ "
ปิเยพิษทารีตอบ
" พวกมันตามมาแล้ว "
ก่อนที่ทั้งสองจะพูดอะไรกันต่อก็ได้ยินข้างหลังตะโกนมา เสียงอรัญนั่นเอง เขารอดุจปรายอยู่
ด้วยจึงทำให้การวิ่งต้องอยู่ข้างหลังจึงมองเห็นสิ่งที่ตามมา ปิเยพิษทารีและปู่อินทร์หันกลับไป
มอง เขาได้เห็นกลุ่ม ทีเร็กทั้งหมดตามมา
ก่อนที่ทั้งสองจะพูดอะไรกันต่อก็ได้ยินข้างหลังตะโกนมา เสียงอรัญนั่นเอง เขารอดุจปรายอยู่
ด้วยจึงทำให้การวิ่งต้องอยู่ข้างหลังจึงมองเห็นสิ่งที่ตามมา ปิเยพิษทารีและปู่อินทร์หันกลับไป
มอง เขาได้เห็นกลุ่ม ทีเร็กทั้งหมดตามมา
" สงสัยพวกหมาป่าคงเสียทีมันแล้ว "
ปู่อินทร์กล่าวกับปิเยพิษทารี
ปู่อินทร์กล่าวกับปิเยพิษทารี
" ไม่เป็นไรนี่ถึงแล้ว ปิเยบิรู "
สิ้นคำปิเยพิษทารี ปู่อินทร์หันกลับมามอง เบื้องหน้า ผืนป่าแห่งหนึ่งปู่อินทร์แปลกใจยิ่งนัก
ต้นไม้ทั้งหมด เป็นสีน้ำเงิน และทำให้พื้นดินและทุกสิ่งที่อยู่ที่นั่นเป็นสีน้ำเงินไปหมด ปิเย
พิษทารีไม่รอช้า เขาวิ่งเข้าไปในนั้นทันที ปูอินทร์หยุดรอทั้งหมดและเมื่อทุกคนมาถึงเขาก็ผลัก
ให้ตามปิเยพิษทารีเข้าไป ทั้งหมดแปลกใจอีกครั้งทุกคนเข้ามาในป่าสีน้ำเงินนี้ ปิเยพิษทารีบอก
ก่อนนี้ ได้อย่างไรว่าที่นี่เป็นที่หลบซ่อนได้ สีร่างกายและเสื้อผ้าของพวกเขากลับเป็นจุดเด่น ตัด
กับสีน้ำเงินของผืนป่าอย่างชัดเจน จนทำให้ความเด่นชัดเป็นจุดหมายให้ พวกทีเร็กซ์และปิเย
หิรินมุ่งมาตรงจุดนี้ทันที
ต้นไม้ทั้งหมด เป็นสีน้ำเงิน และทำให้พื้นดินและทุกสิ่งที่อยู่ที่นั่นเป็นสีน้ำเงินไปหมด ปิเย
พิษทารีไม่รอช้า เขาวิ่งเข้าไปในนั้นทันที ปูอินทร์หยุดรอทั้งหมดและเมื่อทุกคนมาถึงเขาก็ผลัก
ให้ตามปิเยพิษทารีเข้าไป ทั้งหมดแปลกใจอีกครั้งทุกคนเข้ามาในป่าสีน้ำเงินนี้ ปิเยพิษทารีบอก
ก่อนนี้ ได้อย่างไรว่าที่นี่เป็นที่หลบซ่อนได้ สีร่างกายและเสื้อผ้าของพวกเขากลับเป็นจุดเด่น ตัด
กับสีน้ำเงินของผืนป่าอย่างชัดเจน จนทำให้ความเด่นชัดเป็นจุดหมายให้ พวกทีเร็กซ์และปิเย
หิรินมุ่งมาตรงจุดนี้ทันที
" ซ่อนยังไงล่ะท่านพิษทารี ใหนท่านบอกว่ามีที่ซ่อนที่นี่ ร่างพวกเรากับตัดกันเห็นชัดเจนเข้าไปอีก"
อรัญถามอย่างร้อนรน เขาเห็นว่ากลุ่มทีเร็กซ์เข้ามาใกล้มากแล้ว และปิเยหิรินบนหลังมันเริ่มง้าง
คันธนูแล้ว
คันธนูแล้ว
" อีกนิดเดียว พวกเจ้ามองดูผิวของพวกเจ้าไว้ "
ทุกคนแปลกใจกับคำตอบของปิเยพิษทารี แต่ก็ได้ดูอย่างที่เขาบอก และก็ต้องแปลกใจ ร่าง
ของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงิน
ของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงิน
" นี่ไงล่ะ ร่างพวกเราจะเปลี่ยนสี เป็นสีเดียวกับสิ่งเเวดล้อมที่นี่ ปิเยบิรูสีน้ำเงินที่นี่มีเซลกระจาย
ออกจากร่างของมันทุกร่าง พวกมันจะแยกไม่ออกว่าพวกเราอยู่ตรงใหน ในป่านี้ "
ออกจากร่างของมันทุกร่าง พวกมันจะแยกไม่ออกว่าพวกเราอยู่ตรงใหน ในป่านี้ "
ปิเย พิษทารีกล่าว
" ท่าน..ท่าน แต่เสื้อผ้าของพวกเราไม่ได้เปลี่ยนสีด้วยนะ "
แสงดาวบอกหลัง จากที่เสื้อผ้าของเธอตอนนี้ตัดกับสีผิวสีน้ำเงินของเธออย่างชัดเจน
" ตายแล้ว เสื้อผ้าพวกท่านทำด้วยอะไรเนี่ย ไม่ได้เป็นปิเยหรือ อะไรที่เป็นธรรมชาติหรือทำไม
ปิเยบิรูถึงกลืนสีเสื้อผ้าพวกท่านไม่ได้ "
ปิเยพิษทารี ตอบซึ่งนั่นก็หมายความว่า พวกเขาพลางสีของเสื้อผ้าไม่ได้ ปิเยพิษทารีตกใจยิ่ง
นัก ขณะนี้ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน จนกลืนกับสีของที่นี่ไปแล้ว แต่เป็นเพราะยังยืนอยู่
ใกล้ๆกันจึงยังสังเกตุเห็นได้ แต่ทำไมเสื้อผ้าของมนุษย์พวกนี้จึงไม่เป็นเช่นนั้น เขาคาดหมายผิด
ถนัดว่าจะสามารถพลางได้ทุกสิ่งทั้งหมดที่นี่
นัก ขณะนี้ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน จนกลืนกับสีของที่นี่ไปแล้ว แต่เป็นเพราะยังยืนอยู่
ใกล้ๆกันจึงยังสังเกตุเห็นได้ แต่ทำไมเสื้อผ้าของมนุษย์พวกนี้จึงไม่เป็นเช่นนั้น เขาคาดหมายผิด
ถนัดว่าจะสามารถพลางได้ทุกสิ่งทั้งหมดที่นี่
" ถอดมันออกเร็ว "
เสียงปู่อินทร์ดังขึ้น เขาคิดว่าเมื่อร่างกายพรางได้แต่เสื้อผ้าพรางไม่ได้ ทางแก้ไขก็คือแยกทั้ง
สองออกจากกันเพื่อร่างกายจะได้พรางจนมองไม่เห็นอะไร แต่ทว่า
สองออกจากกันเพื่อร่างกายจะได้พรางจนมองไม่เห็นอะไร แต่ทว่า
" อะไรนะปู่ถอดเหรอ โป้ อายนะ "
เสียงแสงดาวลั่น
" นั่นสิ "
เสียง ทั้งสองสาวสนับสนุนแสงดาวเป็นพัลวัน
" จะยอมอายหรือยอมตายก็เลือกเอา ถ้ายังเห็นเด่นชัดอยู่อย่างนี้ เป็นเป้าธนูของพวกมันแน่
ถอดเร็ว "
ถอดเร็ว "
เสียงปู่อินทร์กล่าวอีก จริงอย่างที่ปู่อินทร์ว่าเมื่อเสื้อผ้าพรางไม่ได้ ที่ทำได้คือถอดออกไป เพื่อ
ให้ร่างกายพรางอยู่ แต่เรื่องจะให้มาแก้ผ้าสำรับผู้หญิงสำหรับต่อหน้าคนอื่นแบบนี้มันเป็นเรื่องที่
กระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก แต่สำหรับผู้ชาย ยังไม่ค่อยเท่าไร
ให้ร่างกายพรางอยู่ แต่เรื่องจะให้มาแก้ผ้าสำรับผู้หญิงสำหรับต่อหน้าคนอื่นแบบนี้มันเป็นเรื่องที่
กระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก แต่สำหรับผู้ชาย ยังไม่ค่อยเท่าไร
" โยนมันออกไปให้ห่างตัวไว้ ถอดกางเกงและกางเกงในด้วย "
เสียงปู่อินทร์ กำชับ เขาและหนุ่มทั้งสามบัดนี้พรางตัวได้แล้ว นั่นคือไร้ซึ่งเสื้อผ้าล่อนจ้อนแล้ว
"หันไปทางอื่นก่อนเลย "
แสงดาวตวาด เมื่อเห็นหนุ่มซึ่งพรางตัวเรียบรอ้ยแล้ว ยิ้มอย่างมีเลศนัย เธอทั้งสามรึบถอดทันที
รู้สึกอายและหน้าแดงซ่าน
รู้สึกอายและหน้าแดงซ่าน
" จะอายทำไม่ปิเยอย่าง พวกข้าทั้งชีวิตก็ไม่เคยมีผ้าสักผืน ไม่เห็นอายเลย "
ปิเยพิษทารีกล่าว เขาเห็นเป็นเรื่องปรกติ
ปิเยหิรินเริ่มแปลกใจยิ่งนัก เมื่อสักครู่เห็นร่างทั้งหมดวิ่งมาและหายไปจากสายตาทีละคน ตอนนี้
เห็นแต่เสื้อผ้าที่เคลื่อนที่ได้อยู่สามชุด และที่กองแอ้งแม้งอยู่อีกหนึ่งกอง มันลดคันธนูลงด้วย
ความแปลกใจ เพ่งมองเสื้อผ้าที่เคลื่อนใหวอย่างยุกยิกนั้นแต่ก็ไม่เห็นร่างใครเพราะทุกร่าง
กลืนกับสิ่งเเวดล้อมไปแล้ว
แสงดาวและดุจปรายถอดชิ้นสุดท้ายคือกางเกงในออกไปแล้ว เธอได้ใช้มือปิดของสงวนของ
ปิเยหิรินเริ่มแปลกใจยิ่งนัก เมื่อสักครู่เห็นร่างทั้งหมดวิ่งมาและหายไปจากสายตาทีละคน ตอนนี้
เห็นแต่เสื้อผ้าที่เคลื่อนที่ได้อยู่สามชุด และที่กองแอ้งแม้งอยู่อีกหนึ่งกอง มันลดคันธนูลงด้วย
ความแปลกใจ เพ่งมองเสื้อผ้าที่เคลื่อนใหวอย่างยุกยิกนั้นแต่ก็ไม่เห็นร่างใครเพราะทุกร่าง
กลืนกับสิ่งเเวดล้อมไปแล้ว
แสงดาวและดุจปรายถอดชิ้นสุดท้ายคือกางเกงในออกไปแล้ว เธอได้ใช้มือปิดของสงวนของ
เธอไว้ แต่จามิกรกลับถอดได้ช้า เนื่องจากสะโพกของเธอมีสัดส่วนที่ค่อนข้างใหญ่และเธอเอง
พึ่งจะมีประจำเดือน เจ้าทีเร็กซ์เริ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ มันทำจมูกฟุตฟิต จามิกรเห็นเช่นนั้น ด้วย
ความโมโห กอร์ปกับการที่กางเกงในชิ้นสุดท้ายของเธอก็ถอดยาก หลังจากที่ถอดออกแล้ว
เธอจึงขว้างใส่มันสุดแรง เจ้าสัตว์ร้ายตกใจ ที่อยู่ๆ ก็มีสิ่งหนึ่งปลิวหวือเข้าหาร่างของมัน แต่
ด้วย สัญชาติญาณ มันได้งับสิ่งนั้นไว้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น