ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #42 : ประสานพลัง ยกกำลังล่า (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 198
      3
      9 ก.ค. 62






    "  ไอ้บ้าดูมันทำสิ  "

     
    จามิกรปรี๊ดแตก เธอแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นเจ้าทีเร๊ก กระทำกับกางเกงในของเธอเช่นนี้

    ทั้งอายและทั้งโมโห  แสงดาวตบบ่าเพื่อนสาวปลอบ และทำสัญญาณว่าอย่างเสียงดัง เพราะ

    ตอนนี้ปิเยหิริน และเจ้าทีเร็กซ์ส่ายหน้ามองหาต้นเสียง ที่จามิกรณ์ ปรี๊ดแตกดังลั่นเมื่อกี้นี้แล้ว  

    ปิเยพิษทารีพยักเพยิด กวักมือให้ทุกคนเข้ามาหลบหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง  เขาเกรงว่า พวกปิเยหิริน

    จะเลือกวิธีการยิงสุ่มสะเปะสะปะอีก เพราะตอนนี้ดูพวกมันสับสนกระสับกระส่ายยิ่งนัก และ ทันที

    ที่ทั้งหมดเข้ามาถึงโคนต้นไม้เพื่อให้เป็นปราการ  เหตุการณ์หนึ่งก็เกิดขึ้น  ทีเร็กร่างที่ จามิกร

    หัวเสียกับมันเมื่อกี้นี้ จู่ๆ ก็ล้มตึงลงกับพื้น ยังความปั่นป่วนให้กับตัวที่เหลือและปิเยหิรินข้างนอก

    ป่าสีน้ำเงินนี้เป็นอย่างมาก พวกอัครชัยก็เช่นเดียวกัน พวกเขาก็งงกับสิ่งที่เกิดขึ้นพวก    ปิเย  

    หิริน พวกมันไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร มันรู้แต่ว่าคงมีอะไรที่มองไม่เห็นทำร้ายพวกมันแน่ เมื่อ

    ยังหาสาเหตุไม่ได้ ทางที่ดีที่สุดคือ


    "  พวกเราถอยก่อน "


    เสียงปิเยหิรินร่างหนึ่งสั่งลั่น มันเป็นร่างเดียวกับที่อยู่บนหลังของ ทีเร็กซ์ตัวที่ล้มไป และขณะที่

    ล้ม มันก็อยู่บนหลังของทีเร็กซ์ด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันขวัญเสียและสับสนยิ่งนัก และมันได้

    อาศัยไปด้วยอีกร่างซ้อนสอง กับปิเยหิริน     อีกร่าง หนึ่งบนหลังของทีเร็กอีกตัวไปในทันที


    " ไปแล้ว พวกเราปลอดภัยแล้ว "


    ปิเยพิษทารีกล่าว อย่างโล่งอกหลังจากที่เห็นพวกของปิเยหิรินลับสายตาไปแล้ว  


    " มันเกิดอะไรขึ้น ไอ้ทีเร็กตัวนี้มันตายได้ไง พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรกันเลย ดูสิ นั่นเรคารียะตก

    อยู่ข้างมันด้วย "


    อัครชัยถามอย่างสงสัย  


    " ข้าสงสัยว่าอาจจะเป็นเพราะสิ่งที่มันงับไปนะ ชุดชั้นในนังหนูคนนี้ "


    ปู่อินทร์ ตั้งข้อสังเกตุ  


    " ทำไม ปู่คิดว่ามันเหม็นตาย เหรอ "


    อรัญถามอย่างสงสัย แต่คำพูดเขากับลืมนึกไปว่าผู้ถูกพาดพิงจะคิดอย่างไร และเขาก็นึกขึ้นได้


    " โอ๊ยลืมไป ขอโทษทีนะจา ผมไม่ได้มีเจตนาจะว่า "


    อรัญขอโทษขอโพยใหญ่ เขารู้สึกผิดที่ไม่คิดก่อนที่จะพูดอะไร  แต่จามิกรก็ไม่ได้โกรธอะไร

    เพราะคิดว่าหลายคนก็คงคิดอย่างอรัญ



    " ไม่แน่ใจ พวกเราไม่รู้มาก่อนว่านอกจากเลือดเราแล้วจะมีอะไรที่ฆ่า   เรคารียะพวกนี้ได้อีก "


    ปู่อินทร์ ตอบ ได้ยินคำว่าเลือด ทำให้จามิกรคิดขึ้นมาได้


    " จา.นึกออกแล้วค่ะ  ตอนนี้จา.กำลังมีช่วงนั้นของเดือนอยู่ เป็นไปได้ว่าบางที.เอิบ..โทษนะคะ

    อาจ..มีประจำเดือนติดอยู่ที่่ชั้นในตัวนั้น  "  



    จามิกรตอบ  


    " ชัดเลย จา ร้อยเปอร์เซนต์เลย  ไอ้ตัวนี้คงสัมผัสเลือดของเธอแน่ "


    แสงดาว สรุปตามเหตุผล  


    "  โอ..ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเราที่เกิดความบังเอิญแบบนี้ อย่างนี้ ไอ้พวกนั้นคงไม่กล้ากลับ

    มาหรอก เพราะมันคงคิดว่ามี อะไรเสี่ยงอย่างมากที่นี่และครั้งสุดท้ายมัน ไม่เห็นพวกเราแล้ว

    ด้วย"


     ปิเยพิษทารีกล่าว


    " ถ้าอย่างนั้น ขอใส่เสื้อผ้าก่อนได้ ใหม อายจะตายแล้วเนี่ย "  


    ได้ยินเสียงดุจปรายวิงวอน ทุกคนเลยพากัน หัวเราะ


    " เอ๊านี่ "


    แทนคำตอบ   อรัญหยิบเสื้อผ้าของดุจปรายที่โยนไว้เมื่อกี้นี้ส่งใน และทุกคนพากันใส่เสื้อผ้า


    " วันนี้เราสู้กันแบบหมดตัวจริง  นี่ถ้าสมมุติว่าพวกมันมาอีกก็ต้องหมดตัวกันอีกนะสิ  "


    อรัญหยอกเย้าอย่างอารมณ์ดี   ที่ผ่านมา เขาทั้งลุ้นทั้งขำ ยังดีที่ตอนนี้ทุกคนร่างกายยังเป็นสีน้ำ

    เงินกันอยุ่ทำให้ไม่ค่อยได้เห็นเนื้อหนังที่แท้จริงมากนัก ไม่อย่างนั้น คงจะต้องอายมากกว่านี้อีก


    " ป่าที่นี่มหัศจรรย์มากเลยนะ เป็นสีน้ำเงินทั้งป่าเลย "


    ดุจปรายชื่นชมธรรมชาติที่นี่  แต่ขณะนั้น  


    " เอ๊ะ ผมได้ยินเหมือนเสียงอะไรอีกนะ "


    กานต์ได้สำผัสเสียงหนึ่ง แว่วๆ เขาจึงบอกทุกคน   ทั้งหมดเงียบและเงี่ยหูฟัง


    " แกรก ๆ "


    " ใช่จริงด้วย ข้าก็ได้ยิน ลักษณะเหมือนใครลากอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่ช้าๆ ไม่รวดเร็ว คงไม่ใช่

    พวกพวกดิโนสิกเมื่อกี้นี้ที่ไปแล้วแน่  "



    ปู่อินทร์แสดงความเห็น จากเสียงที่เขาได้ยินน่าจะเป็นเช่นนั้น  


    " เราจะต้องถอดเสื้อผ้ากันอีกไม๊เนี่ย พึ่งใส่เสร็จเมื่อกี้นี้เอง "  


    จามิกร บ่น เธอรู้สึกว่าวันนี้เธอรู้สึกลำบากกับการถอดใส่เสื้อผ้าเป็นที่สุด อย่างไม่เคยรู้สึกมา

    ก่อน  เธอกะว่าจะให้กานต์ช่วยง้างปากเจ้าซากทีเร็กที่ตายนี้ เพื่อเอาชุดชั้นในของเธอออกมา

    เพราะตอนนี้ ทุกคนรู้ได้ว่าเธอเป็นคนเดียวที่ไม่ใช่ชุดชั้นในไว้ในตอนนี้ เธอรู้สึกอายแล้วอายอีก

    จนอารมณ์เสีย  เมื่อเหตุการณ์ดูจะต้องถอดมันอีกจึงบ่น


    " ดูก่อนถ้าเราต้องพรางตัวอีกคงต้องถอด "


    ปู่อินทร์ตอบ  จามิกรส่ายหัวช้าๆ  


    " เฮ๊ย นั้นมันหมาป่าพวกนั้นนี้ มันไม่ตาย พวกนั้นไม่ได้ฆ่ามัน  "


    อัครชัยตื่นเต้น  ที่ได้เห็นมันอีกครั้ง เขารู้สึกดีกับมัน เพราะครั้งนี้มันได้ช่วยชีวิตพวกเขาไว้


    " ไม่ใช่ไม่ฆ่ามัน แต่ฆ่าแล้วมันไม่ตายต่างหาก ดูสิ แต่ละตัวมีลูกธนูปักตัวละ หลายดอก คงทำให้

    ความคล่องแคล่วมันลดลงมาก พวกนั้นคงถือโอกาสนั้น ตามพวกเรามาที่นี่  ที่ได้ยินเสียง

    เหมือนว่ามันลากอะไร คงเป็นลูกธนูนี่แหละ ครูด มากับดินตอนมันเดินมา ว่าแต่มันมาที่นี่

    ทำไม หรือว่ามันจะมาทำร้ายพวกเราอีก "



    ปู่อินทร์สงสัย  


    " แต่ดูมันหงอยมากเลยนะ ไม่รู้ว่าจะดูมันผิดหรือเปล่า ดูเหมือนอาการพวกมันไม่แสดงความ

    โกรธแค้นพวกเรา หรือดุร้ายแล้ว รู้สึกเหมือนมันต้องการให้เราช่วยมากกว่า "  


    อรัญกล่าว เขาก็รู้สึกใจอ่อนเช่นกัน   และหมาป่าทั้งหมด ก็เดินเก้ๆกังเข้ามาใกล้ทุกคน


    " พวกนี้มันตายแล้ว มันเป็นซากนะ ไม่ได้มีเลือดเนื้อ มันคงถูกเรคารียะของมัจเจควบคุมอยู่ มัน

    อาจหลอกพวกเราก็ได้นะ "


    ปู่อินทร์ สังเกตุเห็น เขาจำได้แล้วว่าสัตว์มีเลือดเนื้อหรือไม่ เขาเห็นมาหลายชนิดแล้ว


    " ถ้ามันเป็นร่างทีมีเรคารียะคุมอยู่  ทำไมเมื่อสักครู่นี้มันเข้าโจมตีพวกนั้นหละ มันทำเช่นนั้น

    ทำให้พวกนั้นไม่มีโอกาสที่จะฆ่าพวกเราได้ เราจึงหนีรอดมา "


    อัครชัยเห็นแย้ง เเละมีเหตุผล  


    " อืม นั่นสิ หมอพูดถูก ตอนนั้นแค่มันไม่ขัดขวางพวกนั้น พวกเราก็แย่แล้ว ถ้ามันถูกควบ

    คุมด้วย เรคารียะจริง มันควรจะร่วมมือกับพวกเดียวกัน จัดการกับเรามากกว่า "


    อรัญ สนับสนุนคำพูดของอัครชัย  


    " จะเป็นอะไรก็ช่างเหอะ ตอนนี้คิดซิ ว่าเราจะทำยังไงกับพวกมันหกเจ็ดตัวนี้ดี ดูๆมันก็น่าสงสาร

    นะ อย่างน้อย มันก็ได้ช่วยชีวิตพวกเรามาแล้ว  เราควรจะตอบแทนมันบ้างนะ "


    ดุจปรายแสดงความเห็น เธอไม่ลืมที่ได้เจอมันครั้งแรกแต่เมื่อครั้งสุดท้ายที่เจอมัน ทำให้เธอ

    ใจอ่อนลง  



    " เราจะช่วยพวกมันใหม  ถ้าเกิดเราช่วยพวกมันแล้วมันทำร้ายพวกเราล่ะ ตอนนี้มันติดลูกธนู

    พวกนี้อยู่ อาจจะทำอะไรไม่ถนัด "


    อัครชัย ถาม ความเห็นทุกคน


    " ถ้ามันจะทำร้ายพวกเรา ข้าจะสลักพิษให้ละกัน  ข้าตกลงใจแระว่าสมควรจะช่วยมัน อย่างน้อย

    ก็เป็นการตอบแทนในการที่มันช่วยชีวิตพวกเรามาครั้งหนึ่ง ถือว่าเราได้ตอบแทนมัน มันจะเป็น

    ไงหลังจากนั้นก็ถือว่าเราจำเป็นต้องช่วยมันละกัน "


    ปิเยพิษทารี แสดงความเห็น  


    " ใช่ข้าเห็นด้วย อย่างน้อยเราก็ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตอบแทนพวกมัน ร่างกายพวกเราก็

    สร้างเสริมได้อยู่แล้วถ้าต้องบาดเจ็บหนัก หรือไม่เราก็หลบเข้าไปในป่าสีน้ำเงินนั่นอีกครั้ง รอ

    จนกว่าพวกมันที่เราช่วยนี้ ไปแล้ว ช่วยมันไปเหอะเราจะได้ไม่มีอะไรติตค้างกับพวกมัน "


    ปู่อินทร์ สนับสนุนและเห็นด้วยกับความคิดของปิเยพิษทารี    ลูกธนูขนาดใหญ่ ถูกถอนออก

    จากร่างหมาป่ายักษ์ ทีละดอก ทุกคนทำด้วยความระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะโดนโจมตีหลัง

    จากที่ร่างพวกมันเป็นอิสระ


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    ณ ทัพมัจเจ


    " อะไรนะ พวกมันหายไป เหรอ "


    มัจเจกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด เมื่อปิเยหิรินเข้ามารายงานเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เขาโมโหมากที่ปิเย

    หิรินบอกว่ายังไม่สามารถกระทำอะไรกับมนุษย์ พวกนั้นได้อีกด้วย  


    " อีกอย่างหนึ่งท่าน เราเจอพวกมันครั้งแรก จะฆ่าพวกมันได้แล้ว มีหมาป่าที่นั่นช่วยพวกมันด้วย

     หมาพวกนั้นมันฆ่าเท่าไรมันก็ไม่ตาย เหมือนมันไม่มีลมหายใจ ร่างของมันเหมือนมีอะไร

    ควบคุมมันอยู่ เหมือนที่ท่านใช้เรคารียะ ควบคุมร่างดิโนสิค พวกนั้น "


    ปิเยหิรินรายงานต่อตามความจริง


    " พอแระ เรื่องทั้งสองเรื่องที่เจ้าเล่ามา ล้วนแต่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ไว้ข้าจะถามเรคารียะข้า

    เอง เจ้าไปพักผ่อนเหอะ ร่างกายพวกเจ้าตอนนี้ ไม่สมประกอบอยู่ร่างหนึ่ง อย่าพึ่งเฉียดไปแถวๆ

    ท่านโอ๊คคาระ เดี๋ยวเขาจะสงสัยได้ เรื่องทั้งหมดไว้รอ เรคารียะข้าค่อยว่ากัน "


    และสิ่งที่ปิเยหิรินเล่าก็เป็นจริงทุกอย่างหลังได้รับคำยืนยันจากเรคารียะของมัจเจเอง มัจเจ

    แปลกใจมาก ยังมีเรื่องเหลือเชื่ออย่างนี้อีกหรือ ถ้าไม่ติดที่ว่าการทำการครั้งนี้ หลบซ่อนผู้รู้

    อย่างโอ๊คคาระ เขาจะถามเรื่องนี้จากโอ๊คคาระ หาความกระจ่างแน่ และมัจเจก็ได้เรียกปิเยหิริน

    เข้ามาอีกครั้ง พร้อมสั่งการ



    " เอาละสิ่งที่เจ้าเล่ามาเป็นความจริง และยังมีบางอย่างที่พิสูจน์ไม่ได้ด้วย เป็นอันว่าข้าจะพัก

    เรื่องนี้ไว้ก่อน เราเดินทางลงทางไต้ไป  ห่างจากที่นั่นมาเรื่อยแล้ว หวังว่าท่านโอ๊คคาระคงไม่รู้

    เรื่องนี้แล้วแน่ "  



    และปิเยหิรินก็จากไป พร้อมความลับก็ถูกเก็บเป็นความลับตามคำสั่ง  


    " เจ้ามีการปลุกดิโนสิคหรือ ข้าสัมผัสได้  "


    คำพูดของโอ๊คคาระทำให้ มัจเจถึงกับสะดุ้ง เขาตบตาปิเยผู้นี้ไม่ได้จริงจริง  


    " เออ คือว่าข้าทดลองเรคารียะกับร่างพวกมันนะท่าน พอดี เห็นว่าอาจจะใช้พวกมันไปทำการ

    ใด ได้บ้าง เป็นแค่การทดลอง เลยไม่ได้แจ้งท่านก่อน "



     มัจเจตอบอย่างหลบเลี่ยง


    " เออดี แต่คราวหลังจะทำอะไรเจ้าต้องแจ้งข้าก่อนทุกครั้ง เผื่อมีอะไรที่เจ้ารู้ไม่เท่า  นี่ก็อีกไม่

    นานแล้วสินะจะถึงตะเนยา ใหนก็ปลุกพวกมันแล้ว ก็เอาพวกมันร่วมเดินทางไปด้วยเลยละกัน ดิ

    โนสิกกลุ่มนี้ เป็นราชันแห่งสัตว์ ที่ร้ายกาจมากในยุคหนึ่ง คงทำให้พวกมันเกรงขามได้มากที

    เดียว " 



    คำพูดของโอ๊คคาระเข้าทางความคิดของ มัจเจพอดี   เขาสวมรอย ตามคำพูดนั้นทันที  


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     ณ ตะเนยา


     " ใชคดีนะที่พวกนั้นออกจากอุโมงค์ไปจนถึงถิ่นปิเยบิรูแล้ว ไม่งั้นเราคงต้องห่วงกันแน่


    ติอากอกล่าว


    " ใช่ ว่าแต่พวกนั้นคงเเปลกใจนะ ที่จู่ๆ หมาป่าพวกนั้นก็มาเป็นพวกเขา ติอากิยะ ของเจ้าคง

    ควบคุมร่างของพวกมัน ได้ดี เหมือนกับเรคารียะ ของมัจเจนะ ดูที่มันส่งกระแสสัมผัสมา มันช่วย

    เหลือพวกเขาจากเหตุการณ์คับขันไปครั้งหนึ่งเเล้ว หวังว่ามันคงช่วยพวกเขาไปจนตลอดรอดฝั่ง

    แม้มันจะอยู่ไกลจนส่งกระแสสัมผัสมาถึงร่างเจ้าไม่ได้ "


    คำพูดของตะเคียน่า เป็นสิ่งที่พวกเดินทางไปนั้นยังไม่รู้  ติอากอ ชุ่มแช่อยู่ในลำภาชีระจนแก่

    กล้า อีกระดับหนึ่งร่างกายเขาสามารถส่งเรคิน ออกไปควบคุมสิ่งต่างๆ ได้อย่างกับมัจเจแล้ว

    และร่างของหมาป่าที่ตายแล้วก็ถูก ติอากิยะหรือเรคินลักษณะเดียวกันกับเรคารียะของมัจเจ

    ของติอากอ ไปฝังร่างควบคุมพวกมันทุกตัวแล้ว และที่หมาป่าพวกนั้นช่วยพวกเขาเพราะว่าร่าง

    มัน มีติอากิยะ ของติอากอ ควบคุมอยู่นั่นเอง  



    " ดิโนสิคถูกปลุกขึ้นอีกแล้ว  เมื่อไม่นานนี้ ถึงมันทำอะไรพวกนั้นไม่ได้ เพราะมองไม่เห็น ไม่รู้

    ว่ามันจะทำอย่างไรอีก  หลังจากพวกนั้นพ้นป่าสีน้ำเงินไปแล้วพวกเขาก็คงเร้นซ่อนกายไม่ได้

    เมื่อนั้น มัจเจก็คงรู้  "


    ตะเคียน่า กล่าวกับ ติอากอ


    " คงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรแล้ว  ถิ่นปิเยบิรู ทุกวันนี้ มีอาณาเขตยาวไกลมากแล้ว พวกเขาต้อง

    เดินทางผ่านไปอีกหลายวัน กว่าจะพ้น พวกมัจเจเองก็ต้องเดินทางลงมาที่นี่ นับวันสองกลุ่มก็

    ห่างกันไปเรื่อยๆ เมื่อโผล่พ้นถิ่นปิเยบิรูไปถึง มัจเจจะรู้ โอกาสที่จะส่ง ดิโนสิค ควบคุมไป คงไม่

    ง่ายเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว ถึงเวลานั้น พวกหมาป่าควบคุม ของติอากิยะข้า อาจคุ้นเคย จน

    พวกนั้นใช้เป็นพาหนะได้ มันวิ่งได้เร็วพอกับ ดิโนสิคพวกนั้นแน่  หวังวาเรคินกับ ติอากิยะของข้าคงช่วย

    พวกเขาให้รอดพันไปได้นะ"


    ติอากอ แสดงความเห็น   ซึ่งอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นจริงตามที่ ติอากอ เดาเหตุการณ์


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    "  โอ๊ะ มหัศจรรย์ จริง ดูซิ พอเราเอาลูกธนูออกให้พวกมันได้หมดเท่านั้น มันซุกเข้ามาเลีย

    แข็งเลียขาพวกเราใหญ่ เลย อาการเช่นนี้ มันอาการที่มันดีใจ เเละปฎิบัติกับเราเหมือนเราเป็น

    เจ้าของมันเลย "


    ปู่อินทร์  กล่าวอย่าง แปลกประหลาดใจเมื่อเห็นอาการของหมาป่าร่างยักษ์ ที่พวกเขาตัดสินใจ

    เมื่อสักครู่นี้ว่าจะช่วยพวกมัน แต่ยังเกรงเรื่องความปลอดภัยจากสัญชาติญาณดุร้ายของมัน แต่

    กลับพบอาการที่แสดงออกของมันเช่นนี้   หมาป่าเหล่านั้นแสดงออก หลังที่พ้นจากลูกธนู ที่

    พวกเขาช่วยกันถอนออกให้  พวกมันแสดงอาการดีใจอย่างเห็นได้ชัด จนพวกเขารู้สึกได้อาการ

    เช่นนี้เป็นอาการ  แสดงความเป็นมิตร มากกว่าที่มันคิดที่จะทำร้าย



    " แปลกจริง นี่กระมังมันมีความเป็นมิตร กับพวกเรานี่เอง เมื่อกี้มันถึงได้ช่วยพวกเรา แต่แปลก

    นะเมื่อก่อนพวกมันมุ่งหมายเอาชีวิตพวกเรา ตอนที่มันมีชีวิต แต่พอมันเป็นซากร่างแบบนี้ แต่ทำไม

    กลับตาลปัตรมาช่วยพวกเราได้ "


    ปิเยพิษทารีกล่าว เขาเองก็ยังสังสัย ที่เหตุการณ์ เป็นเช่นนี้  


    " หรือมีอะไรดลจิตใจพวกมัน หรือว่ามีอะไรควบคุมพวกมันไว้  พวกมันตายไปแล้ว ซากร่างน่า

    สงสัยว่าจะมีอะไรควบคุมพวกมัน  ถ้าพวกมันช่วยไดโนเสาร์พวกนั้นรุมพวกเรา จะไม่น่าสงสัย

    เลย ว่าในร่างของมันคงมี เรคารียะ ของมัจเจควบคุมอยู่ แต่นี่มันกลับตรงกันข้าม งงจริงๆ "


    อัครชัยแสดงความเห็น แต่กลับไม่มีข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว  ยังมีสิ่งที่เขาหาคำตอบไม่ได้ ซึ่ง

    ทุกคนก็งงเหมือนกับเขา



    " เป็นไปได้ใหมคะว่า มันอาจจะถูกควบคุมโดยเรคารียะ ของมัจเจ และแสร้งทำเป็นดีกับพวกเรา

    เพื่อหวังอะไรสักอย่างหนึ่ง "


    ดุจปรายแสดงความคิดเห็น


    " ไม่น่าใช่ มัจเจมันคงไม่หวังอะไรมากกว่านี้หรอก มันคงอยากฆ่าพวกเราให้ตายไปไวไวเสีย

    มากกว่า  ซึ่งตอนนั้นถ้าไม่ติดพวกหมาป่าพวกนี้ คิดว่าพวกมันก็คงทำได้ มันคงไม่มีความคิดที่

    สลับซับซ้อนได้ขนาดนั้นหรอก "



     ปิเยพิษทารีตอบ เขาคิดว่าความเห็นของดุจปรายไม่น่าจะถูก


     "  ไม่ยากนี่ที่จะพิสูจน์คำพูดของหนูปราย ข้าจะพิสูจก์ให้ดูเอง "


    ปู่อินทร์ กล่าวจบ เขาหยิบมีดขึ้นมา ทุกคนมองการกระทำของเขา ปู่อินทร์ จรดปลายมีดไปที่

    ท้องแขนของเขา


    " ข้าจะเอาเลือดของข้าพิสูจน์เอง ว่าร่างพวกหมาป่านี้ มีเรคารียะ ของมัจเจหรือเปล่า "


    คำพูดของปู่อินทร์ ทำให้ทุกคนคิดออกทันทีว่าปู่อินทร์ จะทำเช่นไร ดุจปรายเบือนหน้าออกไป

    อย่างเสียวสยอง แต่ก็ยังไม่วายชำเลืองมองสิ่งที่ปู่อินทำนั้น ปลายมีดถูกกดเบา คนทำกะว่าให้

    เพียงมีเลือดซึมเพียงนิดหน่อยเท่านั้นเพื่อจะนำเลือดนั้นมาพิสูจน์ ข้อสงสัย แต่ทว่าเมื่อปลายมึด

    ได้เฉือน จนเป็นแผล เล็กๆไปแล้วนั้น ปู่อินทร์ กลับพบว่า



    " เออ แน่ะ แผลเล็กๆ ยังไม่ทันได้เลือดเลย แผลประสานกันไปฉิบเเระ "


    คำปู่อินทร์ เป็นจริงแผลที่เกิดจากการกระทำของปู่อินทร์ เมื่อครู่นี้ ทันทีที่ปลายมีดถูกยกออก

    แผลก็ประสานรอยเป็นปรกติอย่างรวดเร็ว  ทุกคนรู้ได้เลยว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็ยังอดพิศวงไม่

    ได้



    " ต้องให้แผลใหญ่กว่านี้ "


    สิ้นคำปู่อินทร์ ครั้งนี้ ทุกคนรู้ดี ว่าความเสียวสยองคงต้องเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณแน่ปู่อินทร์ กระชับ

    มือมั่นกว่าเดิม เพื่อเพิ่มแรงกดมีด เขากัดฟันแน่น  ที่นี้ดุจปรายหันไปทางอื่นโดยไม่หันชำเลือง

    มามองเลย



    " โอ๊ย โอ๊ะ "


    เสียงปู่อินทร์ลั่น เขากดมีดแรงเกินไป ที่นี้เขาได้เลือดสมเป้าหมาย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความ

    เจ็บปวด     เขาส่งมีดที่มีเลือดของเขาติดอยู่ให้อัครชัยถือไว้ โดยไม่วางตาไปจากแผลที่เกิด

    บนเเขนของเขา แผลที่มีขนาดใหญ่และดูเหวอะหวะ ตอนนี้มันเริ่มประสานกันแล้ว และอาการ

    เจ็บ ก็เริ่มทุเลาลงไปด้วย จนกระทั่งมันปิดสนิท พวกเขารู้ว่ามันน่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ทุกครั้งก็อด

    ไม่ได้ที่จะมอง อย่างพิศวง  และเมื่อได้เลือดสมใจแล้ว ที่ปลายมีด อัครชัยส่งมีดกลับไปให้ปู่

    อินทร์   หมาป่า ไม่ได้สนใจ และมันคงไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าจะมีการพิสูจน์เกี่ยวกับตัว

    พวกมัน มันคงทำตามสัญชาติญาณ คือเลียแข็งเลียขาท่าทางดีใจ  และตัวหนึ่งไม่ทันระวังตัว

    ระหว่างที่มันกำลังเลียอยู่นั้น ปู่อินทร์ใช้นิ้วสัมผัสเลือดที่ปลายมีดของเขา ป้ายไปที่ลิ้นของมัน

    ทันที  มันสะดุ้งเล็กน้อย จากการกระทำของปู่อินทร์ ที่สุดในเมื่อมันเห็นว่าปู่อินทร์ ไม่ได้ทำ

    อะไรที่ทำอันตรายกับมัน มันก็กลับไปมีอาการเช่นเดิม   ทุกคนมองดูและรู้ว่านี่คือผลที่เกิดขึ้น


    " เป็นอย่างที่เราสงสัยจริงๆ พวกนี้ไม่ได้ถูกควบคุมโดยเรคารียะ ของมัจเจแน่ ไม่เช่นนั้น มันคง

    เดี้ยงไปแล้ว "


    ปู่อินทร์ กล่าวหลังจากที่เห็นว่าการกระทำของเขาไม่ได้ทำให้หมาป่า มีอาการเหมือนร่าง

    ซากอื่นๆ เวลาโดนเลือดของพวกเขา  


    " คงใช่จริงด้วย แต่ก็แปลกนะ ซากร่างหมาพวกนี้ ก็มีลักษณะของการที่มันตายแล้ว ถ้าไม่ใช่

    เรคารียะควบคุม แล้วมีอะไรควมคุมมันอยู่ หรือนอกจาก มัจเจ แล้วจะมีใครทำสิ่งนี้ได้ และคอยช่วย

    พวกเราอยู่ด้วย"  


    ปิเยพิษทารี กล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกต  


    " นั่นเป็นสิ่งที่เราคงไม่รู้ แต่ที่รู้ถ้ามีใครที่ควบคุมมันจริงผู้ควบคุมคงมีเจตนาที่ดีกับพวกเราแน่

    เพราะสั่งให้มันช่วยเหลือพวกเรา "


    ปู่อินทร์กล่าว  เขาวิเคราะจากเหตุการณ์ที่พวกหมาป่าได้ช่วยพวกเขาไว้ เมื่อก่อนหน้านี้


    " เเล้วตกลงเราจะทำยังไงกันกับหมาป่าพวกนี้ พวกเราต้องเดินทางต่อไปอีกไกล จะให้ทำ

    อย่างไรกับพวกมัน หรือว่าเราจะพามันไปด้วย  "


    ปู่อินทร กล่าว
      





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×