ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #32 : แนวร่วม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 201
      4
      9 ก.ค. 62





    ดุจปรายกัดกินผลเรคา ทันที และเมื่อกลืนลงท้อง เธอก็รู้สึกเจ็บ เธอรู้ว่าร่างกายตัวเองคง

    บอบช้ำพอสมควร แต่ก็ได้พยายามกัดกินผลนั้น จนหมด เพื่อให้ ปิเยทาร์สบายใจ



    " เป็นยังไงมั่ง ปราย "


    อรัญถามหลังจากที่เห็นแฟนสาวเอามือลูบท้อง


    "  รู้สึกปวดท้อง คงเป็นเพราะบาดเจ็บมากกว่าที่จะเกิด จากกินผลเรคินเนี่ย "


     คำตอบของดุจปรายทำให้ปิเยทาร์สรุป


    " คงไม่ได้ผลอะไรจริงๆ ไปไปกันได้แล้ว ข้าขอโทษที่ทำพวกเจ้าเสียเวลา พวกเจ้าบาดเจ็บ

    พากลับไปตะเนยา ตะเคียน่า คงมีทางรักษาพวกเจ้า "  


    แล้วทั้งหมดก็ออกเดินทาง ปิเยหิริน ขอทำหน้าที่เคลื่อนย้ายอัครชัยเ เพาะมีร่างกาย ที่แกร่ง

    กว่ามนุษย์ มาก แต่อรัญ ขอแบกแฟนสาวไปเองก่อนที่ยังมีแรงพออยู่ เขาเองก็บาดเจ็บและ

    อ่อนล้าเช่นกัน  อรัญแบกแฟนสาว ที่คราวนี้เธอดูแจ่มใสและเจ็บน้อยลง คงเป็นเพราะมีกำลังใจ

    และคิดว่าคงรอดปลอดภัยแล้ว แต่การเอาแฟนสาวขึ้นพาดบ่าในครั้งนี้ อรัญเองกลับรู้สึกว่าแฟน

    สาวของเขาน้ำหนักเบาผิดปรกติ  



    " น้ำหนักลดไปเยอะเลยมั้งเนี่ย  "


    อรัญสัพยอก  


    " ลดอะไรเมื่อกี้กินผลเรคินไปอีกตั้ง หนี่งลูก แล้ว พี่อรัญล่ะไหวเหรอ ให้ปรายไปกับพวกนั้นก็ได้

    นะ เมื่อกี้ตอนแบกมาเห็นจะทำหล่นเสียให้ได้ "  


    ดุจปราย ตอบเสียงใส


    " ไม่เอาไม่อยากให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัวแฟนผม ยังไหวอยุ่ "  


    อรัญหยอกอีก คราวนี้เขาได้รับผลคือวงแขนของแฟนสาวมากระชับคอเขาแน่นขี้น และดุจปราย

    ไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะกลัวอรัญจะเหนื่อยอีก

    ทั้งหมดเดินลัดเลาะ มาระยะหนึ่งจน จามิกร และแสงดาวเริ่มล้า  


    " พักกันหน่อยไม๊ ผู้หญิงไม่ค่อยไหวแล้ว "


    กานต์ ร้องบอกเพราะเห็นอาการอ่อนล้าของแฟนสาว


    " ดีเหมือนกัน มากันเป็นกิโลแล้ว พวกเราบาดเจ็บคงล้ามากด้วย "


    ปู่อินทร์ เสริม


    " ดูคู่นั้นสิ หวานกันจัง แบกกันมา เป็นกิโลแล้วยังไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย ทำยังกับเป็นคน

    ธรรมดาไม่ได้รับบาดเจ็บกันมาอย่างนั้นแหละ "


    แสงดาวแซว เมื่อเห็นว่าอรัญสามารถแบก ดุจปรายมาได้ไกลมาก โดยที่มองแล้วยังไม่

    เหนื่อยเลย


    " นั่นสิเราเดินอย่างเดียวยังแย่เลย อรัญทำได้ไงเนี่ย "


    านต์ กล่าวเสริม  อรัญยิ้ม และย่อให้ดุจปรายลงจากบ่า เขาเองพึ่งรู้สึกว่าเขาเองไม่รู้สึกว่าตัว

    เองบาดเจ็บอะไรแล้ว มันหายไปตั้งแต่เมื่อไรกัน เขาหันไปมองดุจปราย และได้เจอกับสายตา

    กลมโต ที่เหมือนรอสบตาเขาอยู่พอดี  


     
    "  พี่อรัญ ปรายรู้สึกว่าปรายจะหายจากบาดเจ็บนะ ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร พอแสงดาวบอกพึ่งนึก

    ได้ ก่อนหน้านี้ รู้สึกเจ็บแปลบในท้องแต่ตอนนี้มันหายไปหมดแล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นไรแล้ว "


    ยืนยันคำพูด ดุจปรายขยับเดินไปมา  คำพูดและการกระทำของดุจปรายทำให้ทุกคนแปลกใจ


    " ตอนนั้นปรายบาดเจ็บจริงนะ ไม่ได้แกล้งทุกคนนะ ไม่ได้แกล้งให้อรัญแบกมานี่นะแต่ตอนนี้

    ทำไม่มันหายไปได้ไม่รู้  "


    ดุจปรายออกตัว เพราะเกรงว่าทุกคนจะเข้าใจ ว่าแกล้งหลอกเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้

    แต่ก่อนที่ทุกคนจะพูดอะไรกันต่อ เสียงปิเยทาร์ ก็แทรกขึ้น


    " มันได้ผลจริงๆ ด้วย "  


    " อะไรหรือท่านปิเยทาร์ อะไรได้ผล "


    ดุจปรายถามขึ้นอย่างสงสัยคำพูดของปิเยทาร์


    " เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้ากินอะไรเข้าไปก่อนออกเดินทางมาถึงนี่  "  


    ดุจปรายฉุกคิด และเธอก็คิดออก


    " ผลเรคิน "


    ดุจปรายและ อรัญอุทานขึ้นพร้อมกัน


    " ใช่แล้ว อาการบาดเจ็บของเจ้าสองคนหายเพราะไม้รับผลเรคินเข้าไปบำบัด แม้จะไม่หายใน

    ทันทีทันใด ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จนี่เป็นคุณสมบัติใหม่ของการชุบตัวที่ภาชีระ ของท่าน

     ติอากอ ตามคำแนะนำ ของท่านตะเคียน่า เขามีร่างและอาวุธ เกือบเทียบเท่ามัจเจแล้ว โดย

    เฉพาะการ ใช้ เรคินชุบร่างจากการบาดเจ็บของมนุษย์ เขาทำได้อย่างมัจเจแล้ว "


    " เหมือนกับเออ ตอนที่รุ่นพ่อพวกเราเป็นใช่ใหม  ...."


    แสงดาวถาม


    " ใช่แล้ว แม่หนูคนนี้หัวไว การเข้าควบคุมร่างและประสานร่างให้กลับมาดังเดิม อย่างที่เช่นมัจ

    เจ ทำ ตอนนี้ติอากอก็ทำได้บ้างแล้วถึงจะไม่ได้ปุบปับแบบของ มัจเจก็เถอะ แต่ก็ถือว่าค่อนข้าง

    สมบูรณ์แล้ว  ดังตัวอย่างที่เห็นเจ้าสองคนหายจากอาการบาดเจ็บเมื่อกี้นี้ไง  แล้ว พวกเจ้าที่

    บาดเจ็บกันอยู่นี่หละว่าไง จะทดลองเหมือนสองคนนี้ใหม เจ้าเห็นผลกันแบบนี้แล้ว  "


    ปิเยทาร์กล่าว


    " ที่จริงถ้าพวกเรารู้ตั้งแต่ตอนแรกว่าท่านจะทดลองแบบนี้ ก็ไม่ปฏิเสธหรอก ท่านติอากอมีบุญ

    คุณกับเรามาตลอดแบบนี้ เรื่องทดลองแค่นี้ พวกเราช่วยได้อยู่แล้ว ยิ่งมันทำให้พวกเราอาการดี

    ขึ้นแบบนี้ด้วย เราจะปฏิเสธได้อย่างไร "  


    ปู่อินทร์ ตอบ พร้อมแสดงความคิดเห็นต่อ


    " ว่าแต่ คุณหมอนะสิ ขยับปากขยับคอไม่ได้อยู่อย่างนั้นจะให้เขากินยังไง "


    "  เดี๋ยวหนูเคี้ยวแล้วเอาใส่ปากให้เขาก็ได้นะคะ เขาคงกลืนเองได้ คงไม่ถึงขนาดว่ากลืนอะไร

    ไม่ลงหรอก "


    แสงดาวขันอาสา


    " กินผลนี้ด้วยกินความรักเข้าไปด้วย หมออัค คงฟื้นได้ไวกว่าคนอื่นนะอรัญ ฮิฮิ"


    ดุจปรายกล่าวหยอก และหันมาพยักพเยิดกับแฟนหนุ่ม


    " แหม.ๆ..พอหายเจ็บก็มีฤทธิกันเลยนะ เอาคืนเลย  แต่ดีใจที่ปรายมีอาการเช่นนี้ รู้ใหมตอนที่

    ปรายเจ็บมาก มีบางคนหน้านี้เป็นตูดเลย ไม่เอาละไม่อยากจะเเซว รีบช่วยหมอกันดีกว่า "


    แสงดาวตัดบท เพราะเห็นว่ายังมีอย่างหนึ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่า แล้วทั้งหมดก็ได้รับการจ่าย

    แจก ผลไม้ที่เหลือ พวกเขารับมากัดกิน  และแสงดาวก็กัดและเคี้ยวเป็นพอคำ เข้าใส่ในปาก

    ของอัครชัยโดยมีอรัญและกานต์ช่วยกันจับอ้าค้างไว้  สักพักเดียวหลังจากที่รอกันอย่างใจจดจ่อ

    สิ่งที่เกิดขึ้นคราวนี้



    " หมอ..หมอ..ฟื้นแล้ว "


    แสงดาว เสียงดังด้วยความดีใจ


    " ผมเป็นอะไรไปเหรอ "


    คำถามแรก ที่อัครชัยพูด หลังจากที่ได้สติ


    " หมอ สลบไปค่ะตอนที่โดนพวกแร็พเตอร์มันทำร้าย ไม่ต้องรีบคิดไม่ต้องรีบขยับ นะคะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น

      เอง "


    แสงดาวกล่าวตอบด้วยความดีใจ ตอนนี้น้ำตาซึมมาโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกเธอเหมือนตายแล้ว

    เกิดใหม่ เธอยิ้มอย่างดีใจเข้าไปบีบแขนบีบขาแฟนหนุ่มอย่างทนุถนอม


    " โอ.ผมนึกออกแล้วตอนที่พวกเราเจอกับไอ้พวกนั้น  ผมโดนมันทำร้ายหนักตอนนั้นคงหมดสติ

    ไป แต่ทำไมตอนนี้รู้สึกชาเล็กๆอยู่ล่ะ ปรกติ อาการชาแบบนี้ มันน่าจะเกิดตอนที่เกิดแผลใหม่ๆ

    ร่างกายยังไม่รับรู้อาการเจ็บ "


    อัครชัยตอบ เขาเองรับรู้อาการชาได้ แต่ไม่รู้ที่จริงแล้วมันเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่ทุกคนพอจะรู้ดี

    เพราะตอนนี้ทุกคนที่อาการชาแบบเขาได้หายกันไปหมดทุกคนแล้วและอัครชัยกลับสงสัยยิ่งขึ้น

    อีก เมื่อจามิกร แทรกเข้ามาอย่างและมีคำถามแปลกๆ



    " ใหน ขอดูใกล้ๆหน่อยสิ  หมออย่าขยับแขนข้างนี้นะ "


    อัครชัยแปลกใจ ทำไมจามิกร จะพยายามมาจ้องที่บาดแผลของเขาด้วย และดูทุกคนตอนนี้ก็

    มีทีท่าว่าจะสนใจ เช่นเดียวกับจามิกร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขาก็มีบาดแผลนี้มานานแล้วทำไมทุกคน

    กลับมาสนใจกันตอนนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร



    " สังเกตุได้เลย หมอดูสิคะ เนื้อเริ่มเลื่อนมาเติมช้าๆ โอ...มหัศจรรย์ มากนี่ถ้าผลไม้นี้อยู่โลกเรา

    นะ ใครเป็นเจ้าของคงรวยเละแน่ สมานแผลได้เร็วขนาดนี้ "


    คำพูดของจามิกรยิ่งทำให้ อัครชัยกับงงขึ้นไปอีก แต่แสงดาวสังเกตุอาการเขารู้แล้วตอนนี้ เธอ

    จึงอธิบายให้แฟนหนุ่มฟัง  


    " หมอจำได้ใหม สมัยพ่อพวกเราที่บาดเจ็บจากเครื่องบินตก เเละพวกเขาได้เล่าให้พวกเราฟัง

    ว่าได้กินผลไม้และทำให้พวกเขาฟื้นจากการบาดเจ็บหนักอย่างรวดเร็ว  ร่างกายพวกเราได้รับ

    ผลไม้ประสานบาดแผลเหมือนตอนที่รุ่นพ่อพวกเราเหมือนตอนนั้น "


    คำบอกเล่าของแฟนสาว ทำให้อัครชัยคิดออกทันที

    "
    ""จริงหรือนี่""""


    เขาคิดในใจ


    " แล้วพวกเราไปเอามาจากที่ใหนล่ะแสงดาว "

    เขาถามขึ้น พร้อมก็เริ่มสังเกตุที่แผลไปด้วยคราวนี้ จริงอย่างจามิกรบอกเลยทีเดียว ผิดหนังของ

    เขาถ้าสังเกตุดีๆ จะมีการเคลื่อนเข้ามาสมานแผลที่ใหญ่เมื่อก่อนหน้านี้ ให้มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ



    " ท่านติอากอ นะหมอ  ท่านได้กำเหนิดผลไม้ที่สามารถทำให้ร่างกายเราประสานร่างจากอาการ

    บาดเจ็บได้ โดยคำแนะนำของท่าน ตะเคียน่า  เขาทำสำเร็จแล้ว ต่อไปพวกเราไม่ต้องกลัวอะไร

    แล้ว "  


    คำตอบของแฟนสาวทำให้อัครชัยถึงกับตะลึง สิ่งมหัศจรรย์ เกิดขึ้นจริง  เขาไม่อยากจะเชื่อ แต่

    อดดีใจ ไม่ได้เมื่อเรื่องนี้มันเกิดขึ้นแล้ว  



    " ผมหายแล้วมหัศจรรย์จริงๆ "


    อัครชัยลุกขึ้นยืน เขายืดเส้นยืดสายได้บิดร่างกายไปมา หน้าตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มดีใจ ทุกคนก็

    เช่นกัน


    " งั้นเราก็เดินทางต่อเหอะ วันนี้มีข่าวดีหลายเรื่อง ไว้ข้าจะเล่าไปเดินไปจะได้ไม่เสียเวลา "


    ปิเยทาร์กล่าว พร้อมลุกขึ้นนำทาง แต่คราวนี้ กลุ่มทั้งหมดเดินทางกันเร็วขึ้นมาก


    " ท่านปิเยทาร์ มีข่าวดีอะไรอีกหรือ เห็นท่านเกริ่นเมื่อสักครู่ "


    ปู่อินทร์ถามขึ้นด้วยความสงสัย หลังจากที่ได้เดินทางกันออกมาพอสมควร เขาอยากจะถามแต่

    คิดว่า ปิเยทาร์จะเล่าเอง เมื่อปิเยทาร์ไม่พูด เขาจึงถามขึ้นด้วยความอยากรู้


    " ที่จริงจะว่าข่าวดีสำหรับพวกเจ้าก็ไม่เชิงหรอก แต่ก็ถือว่าทำให้พวกเราเเข็งเเกร่งขึ้น แต่ว่า

    สำหรับเหล่าปิเยเรา ถือว่าเป็นข่าวดีมาก ปิเย ทางไต้เดินทางมาสมทบถึง ตะเนยาในวันพรุ่งแล้ว

    พวกเราจักได้พบเผ่าพันธุ์เรา หลังจากที่ไม่ได้พบกันมาเป็นพันปี ข้าจักได้พบน้องของข้า

    ท่าน ติอากอ จักได้พบลูกของเขา หลังจากที่ได้แยกย้ายกันไปเมื่อพันกว่าปีก่อน ไม่ต้องบอก

    ว่าพวกเราดีใจกันขนาดใหน "



    คำพูดของปิเยทาร์ ทำให้ ปู่อินทร์คิด เขารู้ดีถึงการพลัดพรากและการมาเจอกัน หลังจากที่ไม่

    ได้เจอกันนาน เขาไปอยู่ป่านานรับรู้ถึงสิ่งนี้ดี ว่าปิเยทาร์ และต้นไม้ที่ตะเนยา นี้จะมีอาการดีใจ

    แค่ใหน


    " โหไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้  ถ้าเป็นคนแถวนี้ห่างกับแฟนนานขนาดนี้จะเป็นยังไง น้า. "


    แสงดาว พูดพลางชำเลืองตามาทางอรัญ

     
    "น่านแวะมาจนได้  ยังดีกว่าคนบางคน แฟนอยู่ใกล้แต่เจ็บนิดหน่อย จะตายแทนแฟนเสียให้ได้

    จริงไม่ หมออัคร "


    อรัญแซวกลับ ทั้งหมดก็หัวเราะกันอย่างครื้นเครง พวกเขาดูมีความสุขขึ้น  และทั้งหมดก็เดิน

    ทางมาเกือบถึงตะเนยา จึงเเวะพักหา ติอากอ ที่แช่อยู่ที่ลำน้ำภาชีระ



    " ดีใจจริงๆที่พวกเจ้ารอดกลับมาทุกคน ข้าอยู่มานาน รอบรู้เสียเปล่า กลับไม่ได้เฉลี่ยว เกือบทำให้

    พวกเจ้าไปตายเสียที่นั่นแล้ว "


    ตะเคียน่ากล่าวหลังจากที่ได้เห็นหน้าพวกเขา  


    " ไม่ใช่ความผิดของท่านหรอก อย่างไรเสียพวกเราก็ต้องไปที่นั่นอยู่ดี พวกเราไม่โกรธท่าน ตะ

    เคียน่าหรอก อย่างไรเสียพวกเราก็รอดมาแล้ว โดยการช่วยของพวกท่านอยู่ดี แต่พวกเราแปลกใจอยู่

    อย่างหนึ่ง ทำไมที่นั่น มีดอาบเรคิน ของท่านติอากอ ทำไมสามารถ ฆ่าเรคารียะ ของมัจเจ ได้ทั้งที่ตอน

    อยู่ที่นี่ มันไม่เคยฆ่ามันได้เลย"


    ปู่อินทร์ กล่าวพร้อมถามเรื่องที่เขาสงสัย 

    ตะเคียร์น่ากล่าวตอบ


    "  คงเป็นเพราะ พวกมันคงต้องออกจากร่างดิโนสิคน้อย นั่นด้วย และคงโดนพิษ ของสะมันพรีเข้าให้

    ด้วย ตอนที่มันอยู่ในร่าง ร่างกายดิโนสิคน้อยคงช่วยกำบังพิษเองไว้ พอโดนมีดที่ติดเลือดของพวกเจ้าที่

    มีเรคินอยู่จึงจำเป็นให้พวกเรคารียะตัองออกมาเลยตายได้    แต่พวกเจ้าก็แกร่งมากเลยนะ ข้านึกไม่ถึง 

    ว่าสิ่งมีชีวิตเล็กบอบบางอย่างพวกเจ้าจะเอาตัวรอดได้ถึงเพียงนี้ มัจเจ กับโอ๊คคาระ มันคงแทบครั่ง ที่ไม่

    สามารถทำอะไรพวกเจ้าได้ "


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     
    และ ก็เป็นอย่างนั้นจริง 

     
    " ทำไมวะ มัจเจ ทำไมเจ้าปล่อยมนุษย์ตัวเล็กๆพวกนั้นมันรอดไปได้ ฮะ "  


    โอ๊คคาระ กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด โมโหหลังจากได้รับทราบข่าวว่า มนุษย์ทั้งหมดรอดกลับไป

    ได้ทุกคน  มัจเจเองก็โกรธเหมือนกัน แต่เขาเองโกรธโอ๊คคาระมากกว่า ที่เวลาทำอะไรไม่

    สำเร็จและก็มาเกรี้ยวกราดกับเขา ทั้งที่ทุกอย่างก็เกิดจากคำสั่งโอ๊คคาระทั้งนั้น  คราวนี้มัจเจ

    เลือกที่จะนิ่งไม่พูดอะไร ยิ่งทำให้โอ๊คคาระโกรธยิ่งนัก  



    " ปิเยข้าไม่โกรธแกก็ได้มัจเจ เป็นความผิดข้าเองที่มีสมุนอ่อนด้อยกว่า ตะเคียน่ามัน "


    ครานี้ มัจเจ สุดระงับอารมณ์


    " ท่านไม่เคยคิดจะโทษตัวท่านเองบ้างเหรอ ว่าท่านก็มีสติปัญญาด้อยไปกว่า ท่านตะเคียน่า จึง

    สั่งการให้ทำลายมนุษย์พวกนั้นไม่ได้ "  


    " นี่เจ้าว่าข้าโง่กว่าพวกมันเหรอ จริงอยู่เป็นความคิดข้า แต่เครื่องมือที่ใช้มันส่วนของเจ้านะ ถ้า

    ของมันดีจริง ไม่ต้องมีคำสั่งเจ้าก็ทำสำเร็จได้ มัจเจ "


    โอ๊คคาระ กล่าวอย่างเอาตัวรอด และปัด ความผิดให้มัจเจ


    " เอาว่าข้าผิดก็ได้ท่านโอ๊คคาระ ต่อไปข้าขอทำด้วยตัวเองได้ใหม ไม่ขอฟังคำสั่งท่าน ข้าคง

    ทำงานสบายใจขี้น"  


    มัจเจกล่าว


    " ไม่ได้ข้าอยู่มานานข้ารอบรู้กว่าเจ้า เจ้าต้องฟังคำสั่งข้าอย่างเดียว หรือเจ้าจะให้ข้าเลิกใช้เจ้า

    ไปใช้ เผ่าพันธุ์ จาบีร่าทำงานแทนเจ้า "


    คำพูดของโอ๊คคาระ ครานี้ทำให้ มัจเจ อ่อนลงทันที


    " ไม่ได้นะท่านโอ๊คคาระอย่าใช้ พวกจาบีร่าทำงานแทนข้า ท่านก็รู้ว่าพวกจาบีร่า คิดอย่างไรกับ

    ติยากิออและโลกมนุษย์ ท่านอย่าได้ใช้ความโกรธเป็นเงื่อนไขให้พวกจาบิร่ามาทำลายพวกปิเย เรา

    และโลกมนุษย์เลย "






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×