ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตะนาวศรี

    ลำดับตอนที่ #33 : ดาวร้างวายร้าย***แนะนำตัวละคร (ขอโทษที่ช้าช่วงค้นหาตัวละครให้เหมาะกับเนื้อเรื่อง)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 308
      4
      9 ก.ค. 62



        นายแพทย์ อัครชัย  ตันติเวชสกุลบดี



     





          กานต์    เขมิกานนฒิ









           พันโทหญิง แสงดาว   พิทักษ์








                                                           
        ด๊อกเตอร์ จามิกร   นาคาศิลป










                                                                   
                                          นาวาอากาศโท อรัญ   เกียรติสิงหะ










                                                                       
                ดุจปราย    คำพินันท์ธร











                                  อินทร์   ทานตา






    มัจเจ นึกถึงสิ่งที่ โอ๊คคาระนำมาขู่ว่าจะใช้พวกจาบิราทำงานแทนเขาเอา สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ที่มา

    จากบนฟ้าพร้อมกับจาบีร่าลำกลมทรงแบนคล้ายจาน โอ๊คคาระบอกว่าพวกนี้มาหาโอ๊คคาระ

    หลายครั้งทั้งก่อนที่มัจเจ จะถือกำเหนิดด้วยซ้ำ มัจเจไม่ไว้ใจพวกนี้เท่าไรนักหลังจากได้เห็น

    พวกมัน เขารู้ว่าที่อยู่อันไกลโพ้นของสิ่งมีชีวิตที่มาจากฟ้าพวกนี้ มีสองมิติเช่นเดียวกัน แต่ทั้งสอง

    มิติของดาวพวกมัน ตอนนี้มิได้อุดมสมบูรณ์ อย่างกับโลกและปิยากิออ เพราะพวกมันได้ทำลายที่อยู่ของ

    มันจนป่นปี้  ทั้งสองมิติในโลกของมันเกิดความขัดแย้งและเข่นฆ่ากันจนแทบไม่เหลือสิ่งมีชีวิต จนดาว

    ของพวกมันเกือบจะเป็นดาวร้างอยู่แล้ว มัจเจรู้ว่าพวกมันไม่ไปหา ตะเคียน่า เพราะรู้ว่าตะเคียน่าเป็นปิเย

    ดี ไม่คิดที่จะทำลายโลกและติยากิออแน่ พวกมันจึงพยายามมายุยงให้โอ๊คคาระหลงเชื่อ และจะใช้

    โอ๊คคาระเป็นเครื่องมือทำอะไรให้พวกมันสักอย่างหนึ่งแต่มัจเจยังไม่แจ้งว่าเป็นสิ่งใด แต่บางที่มัจเจ

    ก็สงสัยคิดว่าไม่เป็นเพราะ พวกมันอยากจะย้ายมาอยู่ก็ เป็นเพราะพวกมันอยากจะมาทำลายโลกและติ

    ยากิออให้ย่อยยับ เพราะความอิจฉาก็เป็นได้ แต่ติดที่พวกมันมีกำลังน้อย เจ็ดแปดร่างได้จึงไม่สามารถ

    ทำอะไรได้มาก ต้องการจะมาอาศัยโอ๊คคาระทำการมากกว่า


    " ต่อไปนี้ข้าจะเชื่อฟังท่านและจะพยายามทำให้ดีที่สุดแล้วกัน "  


    มัจเจ กล่าวสรุปเพื่อให้ทุกอย่างจบ  


    "  ดีมาก จำไว้อะไรทีข้าสั่งเจ้าต้องทำอย่างดีที่สุด อย่าให้ข้าต้องผิดหวังอีก ไม่เช่นนั้น ข้าจะไม่

    ใช้เจ้าอีกต่อไป "


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    ทางด้านฝั่งตะเนยา ได้ต้อนรับสมาชิกที่เดินทางเข้ามาร่วมในศึกครั้งนี้


    " ยินดีต้อนรับ ผองเผ่าแห่งข้าปิเยทรานส์ ท่านผู้นำกฏติสอาร์คอร์  ปิเยพิษทารี และพลพรรค ปิเยทาง

    ไต้ไม่ได้ยลพวกท่านนับพันปีแล้ว ชาตินี้คิดว่าจะไม่ได้เจอพวกท่านแล้ว "


    ปิเยทาร์ทักทาย กลุ่มต้นไม้จำนวนมากที่เดินทางมาถึง


    " เช่นกันท่าน ปิเยทาร์ ว่าแต่ท่านพ่อข้าไปใหนหรือ มิได้เห็นอยู่ที่นี่ด้วย ข้าร้อนใจอยากเห็นแย่

    แล้ว " 


    ติสอาร์คอร์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของ ติอากอ กล่าวอยากแปลกใจ ที่ไม่ได้เห็นติอากอ

    พ่อของเขาอยู่ ณ ที่ต้อนรับแห่งนี้



    " ท่านชุ่มแช่น้ำอยู่ในลำภาชีระ ไม่สามารถขึ้นมาต้อนรับพวกท่านได้ เหตุผลอะไรไว้เดินทางไปคุยกันไป

    ก็ได้ เราต้องนำพวกท่านไปหาท่าน ติอากออยู่ดี และอยากให้พวกท่านได้พบกับปิเยหนึ่ง ปิเยในตำนาน 

    ที่ปิเยเราเคยสงสัยกันว่ามีจริงหรือ ปิเยที่มีปิยจิต ยาวนานนับหลายพันปี พวกท่านเจอแล้วต้อง        

    แปลกใจ "


    ปิเยทาร์ กล่าว


    ท่านพี่สบายดีหรือ เห็นว่าก่อนหน้านี้ โดนมัจเจโจมตีหนัก เลย"


    ปิเยทรานส์ผู้มาใหม่กล่าวถามผู้พี่ ขณะเริ่มออกเดินอีกครั้ง ไปลำภาชีระ


    " ณ ตอนนี้ก็สบายดี แต่ก่อนหน้านี้ อย่างที่เจ้ารู้ พวกเราที่นี่เกือบจะเสียทีเพลี้ยงพล้ำเสียหลาย

    ครั้ง บางทีข้ายังแอบคิดว่าเจ้าขึ้นมาจะทันได้พบหน้าข้าก่อนหรือเปล่า แต่ก็โชคดีที่มีวันนี้ "


    ปิเยทาร์กล่าวตอบผู้น้อง


    " มัจเจมันร้ายกาจขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อก่อนที่เราหนีกันมา มันไม่ได้ร้ายกาจเท่าไร เพียงแต่

    พวกเราเห็นว่ามีปิเยหลายส่วน เข้าข้างมัจเจในทางที่ผิด จึงได้ผละอพยพกันมา เพื่อความ

    สบายใจ "



    ปิเยทรานส์กล่าว เขาแสดงความเห็นด้วยจากประสบการณ์แต่ก่อนที่ได้สำผัสมัจเจ  


    " มัจเจ ตอนนี้มีปิเยโบราณอีกร่างหนึ่งคอยให้ท้าย และเสี้ยมสอนให้ร้ายกาจ พร้อมทั้งให้มัจเจ

    สางความแค้นที่มีมาแต่อดีตกาลของปิเยโบราณตนนั้น  ประกอบกับมัจเจเองก็มีความมักใหญ่

    ไฝ่สูงอยู่แล้วด้วย พวกนั้นมันหวังไปยึดครองโลกด้วยนะ "


    ปิเยทาร์ตอบขณะเดินกันได้มาถึงเกือบครึ่งทางแล้ว


    " โอ..มักใหญ่ไฝ่สูงกันจริง อย่างนี้ถ้ามันทำการสำเร็จ มนุษย์ย่อยยับแน่ มนุษย์ ช่างเป็นเผ่า

    พันธุ์ ที่อ่อนแอด้วย "  


    " เจ้าอย่าดูถูกมนุษย์นะ ทรานส์ ถ้าเจ้าได้สัมผัส กับมนุษย์โลกนานๆ อย่างข้า เจ้าจะไม่คิดเช่นนี้

    เลย มนุษย์มีร่างกายที่อ่อนแออย่างเดียว แต่สมองของพวกเขาคิดอ่านทำอะไรได้แยบยลกว่า

    ปิเยอย่างพวกเรามาก ไว้เจ้าจะได้เห็น "


    ปิเยทาร์แย้งผู้เป็น น้องหลังจากที่เห็นว่าผู้น้องมีความคิดเหมือนเขาก่อนหน้านี้ และก็ได้เห็นว่า

    มนุษย์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น  



    " ท่านปิเยพิษทารีเป็นอย่างไรบ้าง อยู่กับพวกเจ้าที่นั่น "

     
    ปิเยทาร์เปลี่ยนเรื่องหลังจากที่เห็นว่าเรื่องที่พูดเมื่อสักครู่ได้ข้อยุติแล้ว


    " ก็เป็นอยู่อย่างนั้นแหละ วันๆก็เอาแต่ทดลองของเขาไป เรื่องพิษร้ายต่างๆ แต่ไม่เคยทำให้ใคร

    เดือดร้อน หนำซ้ำพิษบางอย่างของเขา ยังช่วยทำลาย ชีร่าต้้งหลายอย่างได้ ท่านพี่ถามทำไม่

    เหรอ "


    ปิเยทรานส์ ถามอย่างสงสัย และแปลกใจ


    " เมื่อไม่นานมีเผ่าพันธุ์ ของปิเยพิษทารีมาที่นี่ พวกเราเกือบแย่ เจ้าก็รู้ไม่ใช่เหรอ "


    " อ๋อ ท่านพิษทารี มาปรึกษาเหมือนกันตอนปิเยเราเดินทางมาได้สักพัก ท่านพี่เกรงท่านพิษทารีจะ

    มีนิสัยเยี่ยงเผ่าพงของเขาเหรอ คงไม่หรอก ถึงจะมีอุปนิสัย ชอบค้นคว้าเรื่องพิษเหมือนกัน แต่

    ท่านพิษทารี โอบอ้อมอารี ต่างกับเผ่าพงปิเยเขาตนนั้นแน่นอน เขาชอบช่วยเหลือมากกว่าจัก

    ทำลายล้าง พวกเราก็ไว้ใจเขาตั้งแต่แรกเเล้วไม่ใช่เหรอจึงให้เขาร่วมเดินทางมาด้วยเมื่อพัน

    กว่าปีก่อน "  



    ปิเยทรานส์ กล่าวพร้อมรับประกันแก่อุปนิสัยของ ปิเยพิษทารี


    " ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ ผู้ใดมีพิษร้าย ถึงมีจิตใจดี แต่พิษก็คือพิษ มันประดุจดาบ

    สองคม เข้าอาจทำให้คนอื่นเดือดร้อนโดยไม่รู้ตัว แต่อย่างที่เจ้าบอก ปิเยพิษทารี คงรอบคอบ

    และโอบอ้อมอารีจริง  ปิเยรอบข้างเขาถึงไม่เดือดร้อนกันเลย เอาละจะถึงแระ ไต่ลงไปอีกหน่อย
     
    ตรงริมแม่น้ำนั่น "



    ปิเยทาร์ตัดบท เพราะเห็นว่ามาถึงจุดหมายแล้ว


    " ท่านพ่อติอากอ "  


    ติสอาร์คอร์ อุทานเบาๆ เขาเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งชุ่มแช่อยู่ในน้ำ และริมฝั่งมีต้นไม้แปลกอีกต้นหนึ่ง

    อยู่อีกต้น ติอากอรอการมาของทั้งหมดอยู่แล้ว เขาจำเชื้อไขของเขาไม่ได้ เพราะเมื่อเขาได้

    กำเหนิด ติสอาร์คอร์ เมื่อพันปีก่อน เขาก็ให้ติสอาร์คอร์เดินทางลงไต้เพื่อไปปกครอง ปิเย

    ทางนั้นเลย  แต่เขาก็รู้ได้เพราะเขารู้จักต้นไม้ต้นอื่นทุกต้น  เขาหันมาถูกทาง


    " เจ้า ติสอาร์คอร์ สินะ เจ้าใหญ่ขึ้นมาก ลำต้นกำยำกว่าผู้ให้กำเหนิดเจ้าเสียอีก "


    ติอากอทัก ต้นไม้ที่เขาหันหน้ามาหา  


    " คงเป็นเพราะสารอาหารที่ ตะเกปยา คงมีมากกว่าที่ตะเนยานี่กระมังท่านพ่อ ดูท่าน ทรานส์ ยัง

    ดูกำยำกว่าท่านปิเยทาร์เลย "  


    ติสอาร์คอร์ ตอบ  


    " พวกเจ้าทุกคนล่ะสบายดีกันใหม ลูกของข้าดูแลพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง พิษทารี ไม่ได้เจอ

    กันนานเลยนะ "  


    และ ติอากอ ก็เอ่ยทัก ปิเยพิษทารี


    " สบายดีท่าน ท่านติสอาร์คอร์ดูแลพวกเราดีที่สุด เขาคงได้แบบอย่างของท่านไปเต็มเปี่ยม

    สมแล้วที่ท่านส่งเขาไปให้พวกปิเยเรา  ข้าขอโทษท่านด้วย ที่มีเผ่าพงษ์แห่งข้ามาทำความ

    เดือดร้อนให้กับพวกท่านก่อนหน้านี้ ปิเยพิษเซลล่า เป็นรุ่นหลานข้าแล้ว ถ้าพ่อของมันยังอยู่คง

    อบรมมันได้ไม่เป็นเช่นนี้  "  


    ปิเย พิษทารี ตอบ


    " จะโทษเผ่าพงเจ้าคงไม่ได้ อย่างที่รู้ มัจเจมันวางแผนมาแยบยลมาก พร้อมทั้งสังหารพวกของ

    เจ้า ซ้ำยังหลอกหลานของเจ้าให้มาที่นี่ด้วยความเครียดแค้น พวกเราอีกด้วย เจ้าไม่ต้องคิดว่า

    ข้าจะโกรธเจ้าหรอก เจ้าทำดีที่สุดแล้ว ซ้ำยังช่วยแก้ปัญหาด้วย ดังที่บอกเรื่องยาถอนพิษนั่นไง

    พวกเราที่นี่ต่างหาก เป็นหนี้บุญคุณเจ้า "


    ติอากออธิบาย พรอ้มแนะนำ


    " ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้าทุกคนรู้จักกับไครคนหนึ่ง ปิเยท่านนี้ นาม ตะเคียร่า ท่านมีอายุอยู่มาที่

    นี่หลายพันปีแล้ว  เหมือนอย่างที่มีบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆเคยเล่าสืบกันมานานเนิ่นและเราเคย

    ได้ยินกันมานั่นแหระ แต่พวกเราไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่จริง ท่านผู้นี้แหระเป็นผู้หยั่งรู้ทุกอย่าง เพราะท่านอยู่

    มายาวนานและ ผ่านอะไรต่อมิอะไรมาแทบทุกอย่างและท่านก็ช่วยพวกเราแก้ปัญหาต่างๆที่ผ่านมาได้ "


    " โอ ไม่อยากจะเชื่อเลยท่านติอากอ ว่าเรื่องที่เล่าลือกันจะเป็นจริง อย่างนี้ชีวิตท่านก็เป็นอมตะ

    สินะ ไม่สิ้นชีตะ มีชีวิตอยุ่ไปตลอด ข้าดีใจจริงที่ได้รับรู้เรื่องเช่นนี้ ข้าขอสวัสดีและขอคารวะท่าน

    ด้วยใจจริง "



    ปิเยพิษทารี กล่าวทักทาย เขาเป็นปิเยที่มีอายุมากกว่าปิเยที่มาจากทางไต้ทั้งหมด เลยได้รับรู้เรื่อง

    นี้จากบรรพบุรุษของเขามาบ้าง เขาสนใจเรื่องนี้อยุ่มาก เพราะเป็นปิเยที่มีอุปนิสัยชอบค้นคว้า


    " ข้ายินดีที่ได้รู้จักเจ้าเช่นกัน พิษทารี ข้าเฝ้ามองเจ้ามานานเช่นกัน เพราะเจ้าเป็นอะไรที่เมื่อเจ้า

    ตัดสินใจแล้วไม่ว่าถูกหรือผิด พิษของเจ้าอาจจะทำลายหลายสิ่งให้ย่อยยับ เป็นวงกว้าง

    มหาศาล แต่เจ้ากลับไม่ทำให้ข้าต้องกังวล อย่างที่ควรจะเป็น เจ้าเป็นปิเยดี ต่างจากพิษเซลล่า

    พวกเจ้าทางไต้ทั้งหมด ด้วยพวกเจ้าดีกันทุกปิเย ถ้าติยากิออ ปิเยเป็นอย่างพวกเจ้าทั้งหมด

    พวกเราคงไม่ต้องมาวุ่นวายกันขนาดนี้  แต่มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าเข้าใจไม่ถูกเสียที่เดียว เรื่องการเป็น

    อมตะที่จริงแล้วเราก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถสิ้นชีตะได้ แม้เราจะอยู่กันมานาน ข้าหมายถึงข้า กับ

    โอ๊คคาระนะ เราสอง ก็สามารถสิ้นชีตะได้ โดยมนุษย์โลกตัวเล็กๆนี่แหละ มนุษย์บางคนเป็นผู้

    หยั่งรู้ทุกอย่าง ไม่มีความชั่วในตัว เป็นผู้บรรลุความจริงเเห่งชีวิต เเละเมื่อเขาได้สิ้นชีตะลงใน

    ขณะที่หลุดพ้น เศษเนื้อน้ำย่อยสลายไป คงเหลือไว้แต่แก่นสารีลักษณ์ที่บริสุทธ์ดุจอัญมณี สิ่ง

    เหล่านั้นและ สังหารข้ากับ โอ๊คคาระได้ ซึ่งเมื่อข้าและโอ๊คคาระไม่ได้เข้าไปยังโลก หรือไม่มีผู้

    ใดนำแก่นสารีลักษ์ เข้ามาที่ ติยากิออ นี้ ก็คงไม่มีอะไร สังหารเราสองร่างได้ "



    ตะเคียร์น่า รับคำทักทาย พิษทารี และแสดงความเห็น อธิบายสิ่งที่เขายังรู้ไม่จริงทั้งหมด


    " โอ.. แล้วท่านไม่กลัวหรือ ท่านนำเรื่องนี้มาเผย ท่านไม่กลัวไครจะนำมันมาสังหารท่าน "


    ปิเยทรานส์กล่าวขึ้น


    " ที่จริงการมีชีวิตอยู่นานมากก็ทำให้เกิดการเบื่อหน่ายได้เช่นกัน ข้าคงไม่ได้มีจุดหมายอยู่ที่การ

    ต้องล้างแค้นให้ได้เช่น โอ๊คคาระ มั้ง เลยเกิดอาการเช่นนี้  ข้าเคยได้ยินข่าวว่ามนุษย์ หลุดพ้น

    จากจิตได้ ข้าอยากเป็นเช่นนั้น เคยหวังไว้ว่าถ้าทำให้ โอ๊คคาระสิ้นความแค้นได้เมื่อไร ข้าก็

    อยากเดินทางไปยัง โลกมนุษย์เพื่อตามหามนุษย์โลกผู้หลุดพ้นเช่นกัน ข้าอยากให้เขาสอนให้

    ข้าหลุดพ้นได้เช่นกัน ดีกว่าสิ้นชีตะไปอย่างมีข้อผูกมัดและต้องกลับมาเกิดเป็นอะไรที่ข้าไม่รู้อีก

    เจ้ามีหนทางใหมล่ะมนุษย์โลกกลุ่มนี้ ว่าจะทำให้ข้าหลุดพ้นได้เช่นไร "  


    ตะเคียน่า ตอบพลางและหันมาถามกลุ่มของอัครชัย  ปู่อินทร์จึงได้ตอบขึ้น


    " ที่จริงแล้วมนุษย์ผู้หลุดพ้น ก็มีไม่มากหรอก ที่ผ่านมา นับหลายพันปีจะมีสักครั้ง พอนานเข้าก็

    มีผู้ถ่ายทอดก็จดจำลางเลือนผู้หลุดพ้นก็จะค่อยหายไป พวกข้าเองบัดนี้มีผู้บรรลุไปก่อนหน้านี้

    นับเกินสองพันปีแล้วจึงไม่สามารถรับรู้ได้จนบรรลุสอนท่านได้เช่นที่ท่านต้องการ แต่แก่นสารี

    ลักษณ์ที่ท่านบอก คงเป็น สิ่งที่มนุษย์เรียกว่า สารีริกธาตุ มีผู้เก็บรักษาไว้มากพอสมควร ยังพอ

    หาได้ "  



    " โอ..นั้นข้าคงยังไม่ไปโลกของเจ้าหรอก มีแต่สิ่งที่ฆ่าข้า ยังไม่มีสิ่งที่สอนให้ข้าหลุดพ้นได้แบบ

    นี้ "


    ตะเคียน่ากล่าว


    " เป็นอันว่าพวกเราก็มารวมตัวกันแล้วและทำความรู้จักกันพอสมควร ที่นี้พวกเราจะร่วมมือกัน

    ทั้งหมดเพื่อรับมือกับ กับมัจเจกับ โอ๊คคาระ อย่างอื่นหลังจากเสร็จสิ้นศึกในครั้งนี้ผลเป็น

    อย่างไรเราค่อยมาว่ากัน "


    ติอากอสรุป


    " ท่านติอากอ ได้ข่าวว่าพิษเซลล่าได้ฝากอะไรไว้ให้ข้าหรือ และมันได้สั่งอะไรถึงข้าหรือเปล่า "


    ปิเยพิษทารีถาม ขึ้น


    "  อ๋อมีสิ มีกระดานปิเยแผ่นหนึ่งและบอกให้ท่านไปนำยาแก้ พิษ ของมัจเจที่ถ้ำ เหนือ

    มัจติส เพื่อมาล้างพิษ เรคารียะ ที่พิษเซลล่าได้สร้างไว้ให้กับมัจเจทำลายพวกเรา  แต่ท่านคงไม่ต้อง

    ไปมัจติสก็ได้ เพราะเรคินแห่งข้าคงพอยับยั้ง เรคา และเรคารียะ ของมัจเจมันได้ และยิ่งท่านมาร่วม

    กันคิดค้นอีกหน่อย คงต้านทานมันได้ไม่ยากแล้ว "


    ติอากอตอบ


    " ข้าขอดูข้อความบนกระดานปิเยก่อน "


    ติอากอสั่งให้ปู่อินทร์หยิบในย่ามที่เขาฝากไว้ส่งให้ ปิเยพิษทารี และเมื่อพิษทารีได้อ่านข้อความ

    ในนั้น ซึ่งเป็นลายขีดที่ พิษเซลล่าเขียนด้วยพิษไว้ ผู้ที่มีพิษด้วยกันจึงจะมองเห็นและอ่านออก

    และเมื่อพิษทารีอ่านจบ เขาถึงกับอุทาน


    " โอ.. รางพิษล้างตา "


    คำอุทานทำให้ติอากอแปลกใจ เขาถึงได้ถามขึ้น


    " อะไรหรือ พิษทารี พิษเซลล่าบอกอะไรไว้ในกระดานปิเยหรือ เจ้าอุทานแบบนั้น หมายความ

    ว่าไง "


    " เห็นที่ข้าจักต้องเดินทางไปเอารางพิษที่มัจเตติสแล้วท่านติอากอ พิษเซลล่าได้สลักรางพิษไว้ ไม่ได้

    ไว้เพื่อแก้พิษ เรคารียะ ของมัจเจ รางพิษที่ พิษเซลล่าแอบซ่อนไว้ มันใช้ไว้ล้างตาเพื่อให้มีการมองเห็น

    เรคารียะ ของมัจเจ  มัจเจมีเรคารียะ ที่สามารถล่องหนได้ "





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×