คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : สุขสันต์วันเกิด
“รุ้ง...เอ็มซื้อสร้อยข้อมือมาให้...” เอ็มซีพูดขึ้น เมื่อเขานั่งลงข้างๆฉัน ก่อนจะยื่นสร้อยข้อมือ...ที่ตัวสร้อยเป็นเชือกสีฟ้าถักเป็นเปีย และมีจี้รูปดาวห้อยอยู่
“เอ็มซื้อมาให้รุ้งทำไม?” ฉันถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ ครั้งก่อน คนตรงหน้าก็เคยซื้อสร้อยคอมาให้ฉัน ครั้งนี้ก็ยังจะซื้อสร้อยข้อมืออีก
“ก็เมื่อวันอาทิตย์ก่อน เอ็มไปช่วยรุ้งซื้อของ...แล้วรุ้งก็บอกว่าสร้อยเส้นนี้สวยดี เอ็มก็เลยซื้อมาให้...” คำพูดของร่างสูง ทำให้ฉันนึกย้อนไปถึงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
‘สร้อยข้อมือเส้นนี้สวยจัง…’ ฉันพูดขึ้น เมื่อสายตาไปสะดุดกับร้านขายสร้อย และสังเกตเห็นสร้อยข้อมือลักษณะเดียวกับที่เอ็มซีซื้อมาให้ฉัน
‘อยากได้เหรอ?’ คนที่ยืนข้างๆฉันเอ่ยถามขึ้น ก่อนจะเดินมาดูสร้อยข้อมือข้างหน้าฉัน
‘เปล่าหรอก...แค่รุ้งเห็นว่ามันสวยดีน่ะ’
“อะ...อ๋อ...จำได้แล้ว แต่รุ้งก็บอกเอ็มแล้วนี่นาว่ารุ้งไม่ได้อยากได้สักหน่อย ไม่เห็นจะต้องซื้อมาเลย”
“...ก็เอ็มอยากซื้อให้ แล้วก็เห็นว่ามันเหมาะกับรุ้งมากๆเลย”
“...ไม่กลัวว่าครั้งนี้ รุ้งจะไม่รับสร้อยจากเอ็มเหมือนครั้งก่อนเหรอ?” ฉันแกล้งแหย่เจ้าของสร้อยข้อมือ ทำให้เอ็มซีหน้ามุ่ยลงไปเล็กน้อย
“ไม่รู้สิ เป็นแค่เชื่อว่าครั้งนี้รุ้งต้องรับสร้อยเส้นนี้จากเอ็มแน่ๆ” แต่คำตอบของเอ็มซี ทำให้ฉันอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ไม่ใช่ว่าฉันจะเยาะเย้ยเขานะ เพียงแต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมั่นใจว่าฉันจะรับของจากเขามากขนาดนี้ต่างหาก “...รุ้ง...หลับตาสิ”
“หืม?” คำพูดต่อมาของเอ็มซี ทำให้ฉันงงเล็กน้อย แต่ก็ยอมหลับตาตามที่ร่างสูงบอก
“...แบมือด้วย” คนตรงหน้าฉันว่าอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะยอมแบมือตามคำขอของเขา พร้อมกับที่ฉันสัมผัสได้ถึงตัวเชือกที่แตะบนมือของฉัน “...นี่ไง...รุ้งรับของของเอ็มแล้ว”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของฉันอย่างห้ามไม่อยู่ จริงๆฉันก็กะว่าครั้งนี้ ฉันจะรับสร้อยจากเอ็มซีอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าร่างสูงจะใช้วิธีนี้ทำให้ฉันรับของจากเขา ทำตัวเป็นเด็กไปได้ ให้ฉันหลับตา แล้วเอาของวางบนมือฉันเนี่ยนะ ฮ่าๆ แต่บางที ฉันอาจจะเด็กกว่าก็ได้ที่ยอมทำตามคำขอของเขาน่ะ
“ยังไงก็...ขอบคุณนะ” ฉันว่า พร้อมยิ้มกว้าง เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับยิ้มตามจนตาหยีเลย
‘ก็...รุ้งชอบใครในสองคนนี้ล่ะ? ฟิวส์...หรือว่า...เอ็มซี’
อยู่ๆคำพูดของอิงฟ้าก็ดังขึ้นในหัวของฉัน น่าแปลก...ทั้งๆที่เรื่องสร้อยข้อมือ ฉันก็แค่พูดไปงั้นๆ ไม่ได้สนใจจะอยากได้ หรืออะไรมากมาย แต่เอ็มซีกลับไม่ลืม แถมยังซื้อมันมาให้ฉันอีก ฉันรู้ว่าราคามันอาจจะไม่ได้มากมายมากนัก แต่มันก็มีค่าทางจิตใจมากกว่าราคาของมันเสียอีก
“...เดี๋ยวเอ็มใส่ให้นะ” เจ้าตัวว่า ก่อนจะหยิบสร้อยข้อมือมาใส่ไว้ที่ข้อมือข้างขวาของฉัน
“...สร้อยข้อมือน่ารักจัง รุ้งซื้อที่ไหนเหรอ?” อิงฟ้าที่กำลังจะเดินมาที่โต๊ะของเธอเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นสร้อยข้อมือของฉัน
“คือ...”
“...เอ็มซื้อมาให้รุ้งน่ะ” ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบคำถามของเพื่อนสนิท คนตรงหน้าฉันก็เอ่ยตอบแทนเสียก่อน
“เนื่องในโอกาสอะไรจ้ะเอ็ม? หรือว่า...เนื่องในโอกาสที่เธอสองคนเป็นแฟนกัน...” อิงฟ้าทักขึ้น พร้อมยิ้มหวานเสียก่อนฉันยังแอบสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงทำท่าดีใจมากมายขนาดนั้น
“ประมาณนั้นแหละ...”
“ไม่ใช่สักหน่อย!! เราสองคนไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่ได้เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำ”
เมื่อเห็นว่าร่างสูงกว่ายอมรับตามคำพูดของเพื่อนสนิท ฉันจึงรีบขัดขึ้นมาทันที แถมยังปฏิเสธเสียงแข็งเลยด้วย และถ้าฉันมองไม่ผิด เหมือนฉันจะเห็นร่องรอยความเศร้าฉายในแววตาสีน้ำตาลคู่นั้น ก่อนที่มันจะหายไป เมื่อเอ็มซีกะพริบตา นี่ฉัน...กำลังทำร้ายความรู้สึกของคนตรงหน้า...รึเปล่านะ?
“ฮะ...ฮ่าๆ เอ็มก็แค่ล้อเล่น รุ้งไม่เห็นต้องซีเรียสขนาดนั้นเลย แล้วเรื่องสร้อยข้อมือ เอ็มแค่เห็นว่ามันสวยดี เลยซื้อมาให้รุ้งน่ะ ไม่ได้มีโอกาสอะไรพิเศษหรอก...” เอ็มซีตอบกลับมา พร้อมยิ้มกว้าง แม้ว่าฉันจะรู้สึกว่าเขาฝืนยิ้มมากกว่า “...หิวจัง~ นี่เอ็มไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้า งั้นเอ็มขอไปซื้ออะไรกินก่อนนะ”
“อะ...อื้อ” เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเหมือนจะหาทางเลี่ยงฉัน เราสองคนจึงได้แต่รับคำ ก่อนที่เอ็มซีจะเดินออกไป
“อิง...รุ้งไม่ได้ทำให้เอ็มโกรธใช่ไหม?” ฉันเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยความไม่แน่ใจมากนัก ฉันกลัวว่าคำพูดของฉันก่อนหน้านี้ อาจจะทำให้เอ็มซีรู้สึกไม่ดีก็ได้
“อิงว่าโกรธ...ชัวร์!!”
“ก็...รุ้งไม่ได้คิดอะไรนี่นา ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น...”
“แต่เอ็มซีคิดนี่...” คำพูดที่ตอบกลับมาของเพื่อสนิท ทำให้ฉันเม้มริมฝีปากแน่น คำพูดที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ ฉันพูดมันออกไปโดยที่ฉันไม่ได้คิดให้ดีเสียก่อน และดูเหมือนว่าคำพูดของฉันจะไปทำร้ายจิตใจของเอ็มซีพอดู เจ้าตัวจึงได้เลี่ยงออกไปแบบนี้
“...แล้ว...รุ้งควรจะทำยังไงต่อดี?”
“รุ้งควรจะไปขอโทษเอ็มซีนะ...”
“แต่...”
“มันเป็นสิทธิ์ของรุ้งนะ ถ้ารุ้งไม่อยากทำ อิงก็ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับรุ้งอยู่แล้ว ถ้าคำว่าขอโทษ...มันพูดยากนัก ก็ปล่อยมันไปเถอะ” คำพูดของเพื่อนสนิท ทำให้ฉันถึงกับสะอึก ฉันรู้ว่าถ้าฉันผิดจริง ฉันก็คงจะขอโทษอยู่แล้ว แต่เพราะฉันไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนผู้ชายมาตั้งแต่เด็กๆ ยกเว้นฟิวส์ มันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆที่จะต้องไปขอโทษเอ็มซีแบบนี้ และอีกอย่าง ถ้าฉันพูดประโยคนี้กับผู้ชายคนอื่น เขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรเสียด้วยซ้ำ “...ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราดูบ้าง ถ้ากลับกัน สมมติว่ารุ้งเป็นฝ่ายชอบเอ็มซี และเขามาพูดกับรุ้งแบบนี้ รุ้งจะรู้สึกยังไง?”
ฉันเงียบ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบกลับไปว่าอะไร? ถ้าเป็นปกติ ฉันก็คงตอบเพื่อนสาวกลับไปว่าฉันไม่รู้ แต่ครั้งนี้ เพื่อนสาวของฉันดูจริงจังมากกว่าทุกครั้ง นั่นก็หมายความว่าเธออยากให้ฉันคิด และไตร่ตรองดีๆ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เคยชอบใครมาก่อน แต่ถ้าฉันได้ยินคำๆนี้จากปากคนที่ตัวเองชอบ แม้จะไม่ได้โกรธ แต่ก็คงรู้สึกไม่ดีเช่นกัน
“รุ้งก็คง...ไม่ชอบใจล่ะมั้ง?” ฉันตอบคำถามของเพื่อนสนิท ก่อนที่เธอจะพยักหน้ารับ และยิ้มออกมา
“งั้นรุ้งก็ควรไปขอโทษเอ็มซีนะ...”
“อื้อ”
“เอ็ม...เอ็มซี” ฉันรีบวิ่งมาที่โรงอาหาร ก่อนจะเรียกชื่อของเอ็มซี เมื่อเห็นหลังของเขาไวๆ
“หืม?” เหมือนเจ้าตัวจะได้ยินเสียงเรียกของฉัน...ถึงได้หันมามอง “...อ้าวรุ้ง...มีอะไรเหรอ?” เอ็มซีถามขึ้น ก่อนที่เขาจะสาวเท้าเข้ามาหาฉัน
“คือ...รุ้งมาขอโทษน่ะ” ฉันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีมากนัก ก่อนที่เอ็มซีจะเอื้อมมือมาลูบหัวฉันเบาๆ นั่นทำให้ฉันที่กำลังก้มหน้าอยู่ เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างงงๆ
“รุ้งไม่ต้องมาขอโทษเอ็มก็ได้ เอ็มไม่ได้โกรธอะไร ก็แค่รู้สึกไม่ดีเท่านั้น” เอ็มซีตอบกลับมายิ้มๆ แต่ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดออกมานั้นเบาแสนเบา แต่ฉันก็ยังได้ยินมันอยู่ดี
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้ารุ้งไม่พูดแบบนั้นออกมา เอ็มก็คงไม่เลี่ยงออกมาแบบนี้ใช่ไหม? รุ้งขอโทษจริงๆที่พูดอะไรโดยไม่คิดน่ะ”
“ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว แถมรุ้งก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดมันออกมาจริงๆ เอ็มก็คงไม่โกรธอะไรหรอก...”
“ขอบคุณนะที่ไม่โกรธรุ้ง...”
“อื้ม”
“อีกไม่กี่วันก็จะวันเกิดรุ้งแล้วนี่นา” ฟิวส์ทักขึ้น ในขณะที่เราทั้งสี่คนกำลังเดินไปทานข้าวกลางวันที่โรงอาหาร
“วันเกิดรุ้งเหรอ?” เอ็มซีที่ได้ยินประโยคก่อนหน้านี้ของฟิวส์เอ่ยถามขึ้น ก่อนที่ฉันจะพยักหน้ายิ้มๆ นั่นสินะ อีกไม่ถึงห้าวันก็จะวันเกิดฉันแล้ว เย้~
“เออ...ใช่...รุ้งยังไม่ได้ซื้อของขวัญให้รุ้งเหรอ?” ร่างบางอุทานขึ้น ทำให้ฉันตอบกลับไปอย่างงอนๆ
“อิงอ่ะ...นี่วันเกิดรุ้งนะ ปีหนึ่งมีครั้งเดียวเองด้วย”
“ฮ่าๆ อิงล้อเล่นน่า อิงซื้อของขวัญไว้ให้รุ้งแล้ว รับรองว่ารุ้งต้องชอบแน่ๆ”
“จ้า...แล้วฟิวส์ล่ะ ซื้อของขวัญให้รุ้งยัง?” ฉันรับคำเพื่อนสาว ก่อนจะเอ่ยถามคนข้างตัว เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
“ฟิวส์ก็ซื้อของขวัญให้รุ้งแล้วเหมือนกัน รุ้งเห็นแล้วจะต้องเซอร์ไพร์สแน่ๆ” น่าแปลกที่คำพูดของฟิวส์ ทำให้ฉันอยากรู้ว่าของขวัญที่เขาพูดถึงนั้นคืออะไร
“มันคืออะไรเหรอ? บอกหน่อยสิ” ฉันเอ่ยคะยั้นคะยอร่างสูงกว่า หากเขาก็ทำเพียงยิ้มเจ้าเล่ห์เท่านั้น
“ไม่บอก...”
“นะๆ บอกหน่อยสิ รุ้งอยากรู้จริงๆ น้า~~~”
“ถ้ารุ้งรู้ มันก็ไม่เซอร์ไพร์สสิ เอาไว้รุ้งเห็นเองในวันเกิดรุ้งดีกว่า”
“อือ...งั้นก็ได้” สุดท้าย ฉันก็ยอมแพ้ให้กับร่างสูง แม้จะแอบขัดใจเล็กน้อยก็เถอะ โดยที่ฉันไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนชายอีกคนที่เขามองฉันหยอกล้อกับฟิวส์ด้วยแววตาเจ็บปวด
“อะ...เอ่อ...แล้ววันเกิดของรุ้ง วันไหนเหรอ?” เอ็มซีเอ่ยถามขึ้น ทำให้ฉันถึงกับแปลกใจไม่ได้ นี่ฉันเกือบจะลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าร่างสูงมากับพวกเราด้วย ก็เห็นเขานิ่งเงียบมาตลอดทาง แม้ว่าเขาจะเอ่ยคำถามก่อนหน้านี้หนึ่งมาประโยคก็เถอะ
“วันที่ 3 กรกฎาจ้า ก็...วันอังคารที่จะถึงนี่แหละ” ฉันหันไปตอบคำถามของเอ็มซี ก่อนที่เขาจะยิ้มเจื่อนๆให้ฉัน เอ็มซีเป็นอะไรรึเปล่านะ? ทำไมเขาถึงได้ดูทำท่าแปลกๆแบบนี้
“แล้ว...รุ้งอยากได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่า?”
“อืม...ไม่รู้สิ แต่จริงๆเอ็มไม่ต้องซื้อของขวัญให้รุ้งก็ได้ เราสองคนไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นสักหน่อย”
เงียบ...
เกิดความเงียบครอบงำทันทีที่ฉันพูดจบ เอาอีกแล้ว...ฉันพูดมันออกไปโดยไม่ได้คิดอีกแล้ว ดูจากความเงียบของทุกคนก็พอจะรู้แล้วว่าฉันกำลังพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป เฮ้อ~
“เอ็ม...” อิงฟ้าเรียกชื่อของคนข้างตัวเธอที่ดูเศร้าลงไปอย่างเห็นได้ชัด ยัยรุ้งเอ๊ย ทำไมถึงได้พูดออกไปแบบนั้นนะ
“รุ้ง...” ฉันที่กำลังจะพูดขอโทษ กลับรู้สึกว่าตัวเองพูดไม่ออก โอ๊ย! ทำไมเรื่องถึงได้ตะลาปัดไปแบบนี้นะ ให้มันได้อย่างนี้สิ
“ช่างมันเถอะ เอ็มขอตัวก่อนนะ”
“เอ็ม! รุ้ง...รุ้งขอโทษ! รุ้งไม่ได้ต้องการพูดแบบนั้นออกไปนะ... รุ้งขอโทษจริงๆ” ในขณะที่เอ็มซีกำลังจะเดินเลี่ยงออกไป ฉันก็รีบพูดขอโทษเขาซะก่อน โดยที่หางตาของฉันแอบเห็นว่านัยน์ตาสีดำสนิทของคนข้างตัวมองฉันด้วย แววตาไม่เข้าใจมากนัก
“ความรู้สึกของเอ็มไม่ได้สำคัญต่อรุ้งมากขนาดนั้นหรอก...จริงไหม? บางทีรุ้งไม่ต้องมาแคร์ความรู้สึกของเอ็มก็ได้ จะปล่อยมันไปเฉยๆก็ได้ และรุ้งก็ไม่ต้องขอโทษเอ็มหรอก เพราะรุ้งไม่ได้แคร์ความรู้สึกของเอ็มอยู่แล้วนี่...”
‘...สิ่งที่รุ้งพูด ไม่ใช่ว่ารุ้งไม่ได้คิดให้ดีก่อนที่จะพูดออกมา แต่รุ้ง...ไม่คิดมากกว่าว่าฟิวส์จะได้ยิน รุ้งถึงได้พูดมันออกมา...จริงไหม?’
อยู่ๆคำพูดของฟิวส์ที่เคยพูดกับฉันก็ดังก้องขึ้นมาในหัวของฉัน คำพูดของฉันกำลังทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นอีกแล้วใช่ไหม?
“เอ็ม...” ฉันมองตามหลังของคนที่เดินออกไปด้วยความกังวลใจ คำพูดของฉันทำร้ายเขาติดๆกันถึงสองครั้ง นี่ฉันควรจะทำยังไงดีนะ?
“ปล่อยเอ็มไปสักพักเถอะรุ้ง อิงว่าเดี๋ยวเขาก็คงดีขึ้นเองแหละ”
“...รุ้งก็หวังให้มันเป็นแบบนั้นนะ”
“เอ็ม...” ฉันเรียกชื่อคนข้างตัว เมื่อเห็นว่าตั้งแต่เขาเดินมานั่งลงข้างๆฉัน แล้วก็เอาแต่เงียบ และดูเหม่อลอย อย่าบอกนะว่าเขายังโกรธที่ฉันพูดแบบนั้นออกไปน่ะ
“...” เงียบ... เอ็มซียังคงเหม่อลอย ทำอย่างกับว่าเขาไม่ได้รับรู้ว่าฉันยังมีตัวตนอยู่บนโลกนี้ และไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นอย่างนั้นแหละ
“เอ็มซี...” ฉันเรียกเขาอีกครั้ง พร้อมเขย่าแขนเขาเล็กน้อย โชคดีที่เหมือนครั้งนี้เอ็มซีจะรู้ตัวแล้ว
“หืม?” ร่างสูงกว่าครางออกมา พร้อมหันมาทางฉันงงๆ “...รุ้งมีอะไรเหรอ?”
“ก็...รุ้งเห็นว่าตั้งแต่เอ็มนั่งลงข้างๆรุ้ง เอ็มก็เอาแต่เงียบ และเหม่อลอยตลอดเลย เอ็มมีอะไรรึเปล่า?”
“ปะ...เปล่าหรอก ไม่มีอะไร เอ็มแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ” เอ็มซีตอบกลับมา พร้อมยิ้มเจื่อนๆ แม้ว่าฉันอยากจะถามออกไปว่าเป็นเพราะคำพูดของฉันที่เคยพูดไว้รึเปล่า? แต่ฉันก็กลัวว่าจะสำคัญตัวเองผิดไป บางทีเขาอาจจะกังวลเรื่องอื่นก็ได้ “...แล้วเอ็มก็นอนไม่ค่อยหลับด้วย”
“อื้อ” ฉันรับคำร่างสูง ก่อนที่เราสองคนจะไม่พูดอะไรกันอีก ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นคนชอบพูดตรงๆ แต่บางครั้งฉันก็ลืมไปว่าคำพูดของฉันอาจทำร้ายความรู้สึกของคนอื่น คำพูดของฉันเคยทำร้ายฟิวส์มาครั้งหนึ่ง และคำพูดของฉันก็ยังทำร้ายเอ็มซีติดๆกันถึงสองครั้ง ต่อไป ถ้าฉันจะพูดอะไรออกไป ฉัน...ก็ควรที่จะคิด และไตร่ตรองให้ดีมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้น คำพูดของฉันอาจจะไปทำร้ายคนอื่นอีก
“...พรุ่งนี้...ก็วันเกิดรุ้งแล้วสินะ” เอ็มซีทักขึ้น พร้อมเปลี่ยนเรื่องไปเฉยๆ แม้ว่าฉันจะยังปรับอารมณ์ตามอีกคนไม่ค่อยจะทัน แต่ก็ยอมพยักหน้า และตอบกลับไป
“อื้ม...รุ้งต้องขอโทษจริงๆนะที่รุ้งพูดไม่ดีกับเอ็มซีน่ะ ไม่ใช่ว่ารุ้งไม่แคร์ความรู้สึกของเอ็มซีนะ แต่...”
“...ไม่เป็นไรหรอก เอ็มไม่ได้คิดอะไรแล้ว” แม้ว่าคนตรงหน้าฉันจะตอบกลับมาแบบนั้น แต่แววตาสีน้ำตาลที่เขามองมาที่ฉันกลับไม่ได้บอกว่าเขาไม่ได้คิดอะไร เพราะนัยน์ตาสีน้ำตาลของเอ็มซีทอประกายเศร้าจนฉันรู้สึกได้
กี่ครั้งแล้วนะที่เอ็มซีทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเอง และไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกไปดี เขาอาจจะดูเหมือนฟิวส์ที่เขาแคร์ความรู้สึกของฉันมากๆ แต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันต่างออกไป ฉันไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกแบบนั้น เพราะขนาดตัวฉันเองยังอธิบายมันไม่ได้เลย
“ถึงยังไง รุ้งก็ยังแคร์ความรู้สึกของเอ็มนะ ก็เราสองคนเป็นเพื่อนกันนี่นา”
“แค่เพื่อนอย่างนั้นเหรอ?” คำพูดที่ย้อนกลับมาของเอ็มซี ทำให้ฉันตกใจเล็กๆ พร้อมกับหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนข้างตัวที่เบือนหน้าหนี เมื่อได้ยินประโยคของฉัน “นั่นสินะ...แค่เพื่อนเท่านั้น”
เป็นอีกครั้งที่ฉันพูดไม่ออก เพราะคำพูดของร่างสูงกว่า ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะตอบกลับไปว่าอะไรดี ฉันพอจะดูออกว่าเอ็มซีคิดยังไงกับฉัน มันยิ่งทำให้ฉัน...อึดอัด...ไม่สิ...ทำตัวไม่ถูกเสียมากกว่า สุดท้าย ฉันก็ได้แต่พูดขึ้นเบาๆว่า...
“ขอโทษนะ เอ็มซี...”
“สุขสันต์วันเกิดนะรุ้ง...” เอ็มซีทักขึ้น ในขณะที่เขากำลังเดินมาที่โต๊ะของเขา ก่อนที่ฉันจะหันไปมองคนทัก พร้อมกับที่เขายื่นกล่องของขวัญสีฟ้ามาตรงหน้าฉัน “ของขวัญครับ”
“จริงๆเอ็มไม่ต้องลำบากซื้อของขวัญมาให้รุ้งก็ได้...” ฉันยื่นมือไปรับของขวัญ ก่อนจะเอ่ยขึ้น และเงียบไป ฉันพยายามที่จะเรียบเรียงคำพูดของตัวเอง แล้วจึงพูดต่อ “...เพราะถึงยังไง เอ็มก็เพิ่งรู้ก่อนที่จะวันเกิดรุ้งไม่กี่วันเอง”
“ไม่เป็นไรหรอก เอ็มอยากซื้อให้ และก็เต็มใจที่จะซื้อให้ด้วย รุ้งลองเปิดสิ เอ็มว่ารุ้งน่าจะชอบของขวัญของเอ็มนะ” เอ็มซีว่า ก่อนที่ฉันจะบรรจงแกะห่อของขวัญอย่างประณีต ไดอารี่สีฟ้าปรากฏแก่สายตาของฉัน ในขณะที่ตัวปกเป็นลายซิกแซกสีขาวสลับฟ้า ดูเหมือนลายของท้องฟ้าเลย
“ขอบคุณนะ รุ้งชอบมากๆเลย” ฉันว่า พร้อมยิ้มให้กับคนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะยิ้มตอบกลับมา พร้อมเอื้อมมือมาลูบหัวฉันเบาๆด้วย
“เอ...นี่อิงมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าน้า~” อิงฟ้าเดินเข้ามาในห้อง พร้อมเอ่ยขึ้น
“...”
“อ้าว...ทำไมเงียบกันทั้งคู่แบบนี้ล่ะ?” อิงฟ้าทำหน้าสงสัย เมื่อเห็นว่าทั้งฉัน และเอ็มซีต่างเงียบ ที่ฉันเงียบ ก็เพราะกลัวว่าตัวเองจะพูดอะไรทำร้ายจิตใจเอ็มซีอีก แต่ที่เอ็มซีเงียบนั้น ฉันก็ไม่เข้าใจมากนัก เพราะปกติเขามักจะเออออห่อหมกไปกับอิงฟ้า ฉันจึงตัดสินใจหันไปมองเอ็มซี ก่อนที่เขาจะยิ้มน้อยๆ พร้อมพยักหน้ากลับมา
“อิงไม่ได้มาขัดจังหวะอะไรหรอก เอ็มซีแค่กำลังให้ของขวัญกับรุ้งน่ะ นี่ไง...สวยไหม?” ฉันตอบคำถามของเพื่อนสนิท พร้อมยกไดอารี่ที่วางอยู่บนตักฉันให้อิงฟ้าดู
“น่ารักจัง”
“นั่นสิ...รุ้งก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่พูดถึงก็แปลกดีเนอะ เอ็มรู้ได้ยังไงนะว่ารุ้งชอบสีฟ้าน่ะ”
“ฮะๆ นะ...นั่นสินะ” ท่าทางแปลกๆของเพื่อนสาว ทำให้ฉันอดขมวดคิ้วไม่ได้ อิงฟ้ามีอะไรปิดบังฉันอยู่รึเปล่านะ? “อ่ะ...นี่จ้ะ ของขวัญที่อิงตั้งใจซื้อมาให้รุ้ง”
ร่างบางเปลี่ยนเรื่องไปเฉยๆ ก่อนจะยื่นกล่องของขวัญเล็กสีฟ้าน้ำทะเลมาให้ ฉันเอื้อมมือไปเปิดกล่องของขวัญ ก่อนจะเห็นว่ามันเป็นที่ห้อยพวงกุญแจที่ห้อยรูปดาว และห้อยชื่อ ‘สายรุ้ง’ ของฉันด้วย
“น่ารักจัง”
“นี่อิงก็มีที่ห้อยโทรศัพท์แบบนี้เหมือนกัน อิงถึงได้ตั้งใจซื้อมันมาให้รุ้งไง นี่ไง...เห็นไหม? เหมือนคู่กันเลย” อิงฟ้าว่า พร้อมโชว์ที่ห้อยโทรศัพท์ที่มีลักษณะคล้ายกับของฉัน เพียงแต่ตัวห้อยเป็นชื่อของอิงฟ้าเท่านั้นเอง
“แต่...ป่านนี้แล้ว ทำไมฟิวส์ถึงยังไม่มาอีกนะ?” ฉันเอ่ยขึ้นด้วยความกังวลเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะเข้าเรียนแล้วด้วย
“เอ...รู้สึกเหมือนได้ยินใครบางคนพูดถึงฟิวส์อยู่เลยแฮะ”
“ฟิวส์!” เสียงที่คุ้นหูเอ่ยขึ้น ทำให้ฉันหันกลับไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา และเรียกชื่อเขาด้วยความดีใจ
“อ่ะ ของขวัญสำหรับคนสวยของฟิวส์ครับ” คำพูดของเพื่อนสนิท ทำให้ฉันแอบหน้าแดงเล็กน้อย ฟิวส์ยื่นกล่องของขวัญสีฟ้าใสมาตรงหน้า ก่อนที่ฉันจะเอื้อมมือออกไปรับ และแอบเขย่าเล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าของในกล่องนั้นเป็นอะไร ฉันบรรจงแกะกล่องของขวัญ ก่อนจะเห็นว่าของในกล่องของขวัญ ก็คือ...
“ตุ๊กตาเต้นระบำ!”
‘ตุ๊กตาตัวนั้นน่ารักจังเลย’ ตัวฉัน...เมื่อ 6 ปีก่อนเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นตุ๊กตาเคลือบกระเบื้องสีขาววางตั้งโชว์อยู่ที่หน้าร้านขายตุ๊กตา และมันกำลังหมุนตามเพลงที่ถูกไขลานไว้
‘รุ้งอยากได้เหรอ?’ เพื่อนผู้ชายเพียงคนเดียวที่ฉันสนิทเอ่ยถามขึ้น พร้อมมองไปยังตำแหน่งเดียวกับที่ฉันกำลังมองอยู่
‘ก็ใช่น่ะสิ...วันเกิดรุ้งปีหน้า ฟิวส์ต้องซื้อตุ๊กตาตัวนี้ให้รุ้งนะ นะๆ’ ฉันว่าแกมออกคำสั่ง และอ้อนร่างสูงข้างตัวด้วย
‘จ้าๆ วันเกิดรุ้งปีหน้า รุ้งจะได้ตุ๊กตาเต้นระบำตัวนี้เป็นของขวัญแน่นอน’
‘สัญญานะ?’
‘ฟิวส์สัญญา...’
“ชอบไหม?”
หมับ!
“ขอบคุณนะฟิวส์...ขอบคุณจริงๆ” ฟิวส์เอ่ยขึ้น ก่อนที่ฉันจะกอดคนตรงหน้า พร้อมน้ำตาที่เริ่มปริ่มๆ เล่นเอาฟิวส์ถึงกับตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว หกปีแล้วสินะที่ฉันเคยขอให้เพื่อนสนิทคนนี้ซื้อตุ๊กตาตัวนี้ให้ฉัน แต่เพราะอะไรหลายๆอย่าง ทำให้เราสองคนไม่มีโอกาสได้เจอกันในวันเกิดของปีต่อมา ฉัน...ไม่คิดเลยว่าฟิวส์จะยังจำมันได้ เพราะถ้าพูดจริงๆ มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วจริงๆ
ฉันถอนอ้อมกอด ก่อนที่ฟิวส์จะเอื้อมมือมาลูบหัวฉันเบาๆ พร้อมไขลานที่ตัวตุ๊กตา พร้อมกับที่ตัวตุ๊กตาค่อยๆหมุนไปตามเพลงที่ขึ้น และมันก็ทำให้ฉันอดยกมือมาปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลมาตามแก้มไม่ได้ ฉันบอกไม่ถูกจริงๆว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่ รู้แต่ว่ามันมีทั้งความสุขใจ ปลื้มใจ และซึ้งใจเลยล่ะ
“จะหวานกันก็ช่วยเกรงใจกันหน่อยสิ” คำพูดที่เอ่ยขึ้นของอิงฟ้า เรียกเสียงหัวเราะจากเราสองคนได้เป็นอย่างดี
“นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วนะ ไม่คิดว่ารุ้งจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วเหรอ?”
“ดูจากท่าทางของรุ้งเมื่อกี้ ก็คงบอกได้แล้วว่ารุ้งไม่มีวันลืมแน่ๆ” คำพูดที่ตอบกลับมาของฟิวส์ เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้น
“ฮ่ะๆ ก็คงจะอย่างนั้นสินะ”
“แค่รุ้งชอบ ฟิวส์ก็ดีใจแล้ว”
“อื้อ”
ความคิดเห็น