ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Destiny พรหมลิขิต ขีดเส้นรัก

    ลำดับตอนที่ #8 : Fuse

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 80
      0
      25 พ.ย. 55

     

                    “วันนี้วันเกิดพี่รุ้งใช่ไหม?” น้องชายของผมเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ในขณะที่ผมเพิ่งจะกลับมาจากโรงเรียน และกำลังจะขึ้นห้องไป อาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้า

                    “แกรู้ได้ไง?” ผมเอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ ในเมื่อผมจำได้ว่าตัวเองไม่เคยบอกน้องชายเลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนสาวคนสนิทของผม

                    “ก็เมื่อวันเสาร์...ฟิล์มเห็นว่าพี่กำลังห่อของขวัญอยู่ ฟิล์มก็เลยคิดว่าอีกพี่น่าจะห่อของขวัญให้วันเกิดของพี่รุ้ง เพราะพี่ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน แต่กับพี่รุ้ง พี่จะทำทุกอย่าง เพื่อให้พี่รุ้งชอบ และดีใจที่จะได้เห็นมัน ยิ่งเมื่อเช้า ฟิล์มเห็นว่าพี่หยิบห่อของขวัญสีฟ้าติดมือไปด้วย ฟิล์มก็ยิ่งมั่นใจว่าวันนี้เป็นวันเกิดของพี่สายรุ้ง...จริงไหม?”

                    “ถ้าใช่...แล้วแกจะทำไม?” เมื่อเห็นว่าฟิล์มอธิบายมาซะยืดยาว ผมก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายของคนที่นั่งอยู่บนโซฟามากนัก วันเกิดของรุ้ง...เกี่ยวอะไรกับมันด้วย?

                    “ก็...” เจ้าตัวรีบวิ่งมาเกาะแขนผม ก่อนจะพูดขึ้น “...พรุ่งนี้พี่ฟิวส์ช่วยชวนพี่รุ้งมาที่บ้านหน่อยนะ ฟิล์มมีของขวัญอยากจะให้พี่รุ้ง แล้วพี่ไม่ต้องถามเลยนะว่าทำไมถึงไม่ฝากพี่ไปให้ นั่นก็เพราะว่า...ฟิล์มอยากจะให้ของขวัญพี่รุ้งด้วยตัวของฟิล์มเอง น้า~ พี่ชายสุดหล่อ”

                    นานๆทีคนอ่อนกว่าจะอ้อนผมแบบนี้ นั่นก็หมายความว่าเจ้าตัวอยากให้ผมพาสายรุ้งมาที่บ้านในวันพรุ่งนี้จริงๆ มันทำให้ผมอดถอนหายใจไม่ได้

                    “ก็ได้ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะชวนรุ้งมาที่บ้านก็แล้วกัน”

                    หมับ!

                    “ขอบคุณครับพี่ชาย” น้องชายกอดผมแน่นๆ ก่อนจะเดินฮัมเพลงออกไป ผมจึงอดส่ายหน้าน้อยๆไม่ได้ ปกติเราสองคนมักจะคุยกันได้ไม่เกินสามประโยค เราก็จะทะเลาะกันแล้ว น่าแปลก...ที่พอมาถึงเรื่องรุ้ง น้องชายของผมกลับไม่ชวนทะเลาะเหมือนทุกครั้ง ถ้าผมจำไม่ผิด ตอนเด็กๆ ฟิล์มดูจะปลื้มสายรุ้งมากเลยล่ะ นี่ล่ะมั้งคือเหตุผลว่าทำไมเจ้าตัวถึงอยากให้ของขวัญกับสายรุ้งด้วยตัวเอง

     


     

                    “รุ้ง...เย็นนี้รุ้งว่างรึเปล่า?” ผมเอ่ยถามร่างบางข้างตัวที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมามองผมงงๆ

                    “อื้อ...รุ้งว่าง ฟิวส์มีอะไรเหรอ?” สายรุ้งพยักหน้า พร้อมตอบกลับมา

                    “ฟิวส์ว่าจะชวนรุ้งไปทานข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านน่ะ พอดีว่าฟิล์มมันอยากเจอรุ้งด้วย เห็นมันบอกว่ามีของขวัญที่อยากจะให้รุ้งน่ะ”

                    “อ๋อ...ได้สิ” แม้ว่าร่างบางจะตอบรับกลับมา แต่ผมกลับรู้สึกว่านัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของสายรุ้งฉายแววกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนสาวของผมกังวลเรื่องอะไรอยู่กันแน่นะ...

                    “รุ้งเป็นอะไรรึเปล่า? ถ้ารุ้งมีเรื่องไม่สบายใจก็บอกฟิวส์ได้นะ” ผมเอ่ยถามออกไป และดูเหมือนร่างบางจะรู้ตัวว่าเธอแสดงความรู้สึกออกมาทางสายตามากเกินไป เธอจึงหลบตาผม พร้อมเอ่ยขึ้น

                    “ปะ...เปล่านี่ รุ้งไม่มีอะไรหรอก แค่...มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ”

                    “ไม่มีอะไรจริงๆเหรอรุ้ง...”

                    “อื้อ...ฟิวส์ไม่ต้องห่วงรุ้งหรอก มัน...ไม่มีอะไรจริงๆ”

                    สายรุ้งก็เป็นแบบนี้เสมอ ถ้าเธอมีเรื่องอะไรสักอย่าง แล้วเธอไม่อยากบอกผม แต่ให้ผมถามยังไง...เธอก็จะไม่ยอมบอกจนกว่าร่างบางจะเป็นคนบอกผมด้วยตัวของเธอเอง

                    “แล้วนี่ฟิล์มรู้ได้ยังไงว่าเมื่อวานวันเกิดรุ้ง?” ร่างบางตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องไปเฉยๆ นั่นทำให้ผมต้องยอมเปลี่ยนเรื่องตามเธอไปด้วย

                    “พอดีฟิล์มมันเห็นว่าเมื่อวานเช้าฟิวส์ถือของขวัญออกมาจากบ้านน่ะ แล้วฟิล์มมันก็รู้ดีว่าฟิวส์ไม่เคยให้ของขวัญใคร มันก็เลยคิดว่าเมื่อวานน่าจะเป็นวันเกิดของรุ้ง ซึ่งมันก็ใช่จริงๆนั่นแหละ...” ผมตอบคำถามของคนตรงหน้า และเอ่ยข้ามตอนที่น้องชายของผมบอกว่ามันเห็นผมห่อของขวัญให้กับร่างบาง ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าถ้าผมพูดออกไป มันจะทำให้สายรุ้งรู้สึกไม่ดียิ่งกว่าเดิมซะอีก

                    “ฟิล์มนี่ทายเก่งจังเลยเนอะ”

                    “อื้ม...”

     

     

                    “พี่รุ้ง...คิดถึงจังเลย”

                    พลั่ก!!

                    น้องชายของผมเรียกชื่อของคนข้างตัวผม ก่อนจะรีบวิ่งมาตรงจุดที่เราสองคนยืนอยู่ พร้อมทำท่าจะกอดสายรุ้ง ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยกเท้าถีบคนอ่อนกว่าให้ถอยห่างออกจากเพื่อนสนิทของตัวเอง

                    “ฟิวส์...ถีบฟิล์มทำไมล่ะ?” สายรุ้งถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจมากนัก ก่อนจะเดินไปพยุงฟิล์มที่ล้มลงไปกองกับพื้นจากแรงถีบของผม นั่นทำให้ผมอดชักสีหน้าไม่ได้ เธอจะรู้บ้างไหมนะว่าผมหวงเธอมากกว่าใครๆ และไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเธอ แม้แต่น้องชายของตัวเอง แต่ถึงผมจะพูดไป สายรุ้งก็คงจะไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะเธอไม่ได้คิดกับผมแบบเดียวกับที่ผมคิดกับเธอนี่นะ เฮ้อ~

                    “พี่รุ้ง...ฟิล์มของขวัญจะให้พี่รุ้งด้วยนะ” น่าแปลกที่ครั้งนี้น้องชายของผมกลับไม่สนใจที่จะต่อล้อต่อเถียงกับผมเหมือนทุกครั้ง เจ้าตัวหันไปพูดกับร่างบาง พร้อมยื่นกล่องของขวัญสีฟ้าเขียวให้กับเพื่อนสาวของผม “...สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่รุ้ง ขอโทษนะที่ฟิล์มให้ของขวัญพี่ช้าไปหน่อย”

                    “ไม่เป็นไรหรอก แค่ฟิล์มซื้อของขวัญให้พี่...พี่ก็ดีใจแล้ว ขอบใจนะ” ร่างบางพูดกับฟิล์ม ก่อนจะนั่งแกะกล่องของขวัญ และสิ่งที่อยู่ในกล่องก็คือ...กระเป๋าสตางค์สีขาวที่เพ้นท์บนหน้ากระเป๋าว่า สายรุ้ง ด้วยหมึกสีฟ้า เล่นเอาสายรุ้งถึงกับยิ้มปลื้มเลยทีเดียว

                    “พี่รุ้งชอบไหม?”

                    “ชอบสิ...พี่ชอบมากๆเลย”

                    “นี่ฟิล์มเป็นคนเพ้นท์เองเลยนะ”

                    “จริงเหรอ? น้องชายพี่นี่เก่งจริงๆเลย” เพื่อนสาวของผมพูดชมฟิล์ม ก่อนที่เธอจะหันมาพูดกับผม “...ฟิวส์ไม่นั่งเหรอ? มัวแต่ยืนอยู่แบบนั้นน่ะ ไม่เมื่อยรึไง”

                    “อืม” หึๆผมนึกว่าเธอจะลืมไปแล้วซะอีกว่าผมยังยืนอยู่ตรงนี้น่ะ เห็นเอาแต่คุยกับน้องชายของผมอยู่ได้ โอ๊ย! หงุดหงิด

                    “งั้นเดี๋ยวฟิล์มไปอาบน้ำก่อนนะ พี่รุ้งอย่าเพิ่งกลับนะ...อยู่ทานข้าวเย็นกับฟิล์มก่อน”

                    “จ้า” คนข้างตัวผมรับคำคนอ่อนกว่า ก่อนที่ฟิล์มจะเดินขึ้นไปข้างบน เหลือเพียงแค่ผมและสายรุ้งเท่านั้น

                    “ฟิวส์...”

                    “หืม?”

                    สายรุ้งเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าวันนี้เธอดูแปลกๆไปนะ เหมือนกับว่าร่างบางคิดอะไรอยู่ในใจตลอดเวลา เธอ...มีอะไรที่ไม่ได้บอกผมรึเปล่านะ? แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ผมก็ไม่ได้ถามอะไรเธอออกไปอยู่ดี เพราะถ้าร่างบางไม่เป็นฝ่ายบอกผมก่อน ต่อให้ผมถามยังไง เธอก็จะไม่มีวันบอกมันอยู่ดี

                    “ฟิวส์...ไม่คิดว่าตัวเองกำลังยึดติดกับรุ้งมากเกินไปเหรอ?”

                    “รุ้งหมายความว่าไง?” ผมเอ่ยถามคนข้างตัวกลับไปด้วยความไม่เข้าใจนัก ก่อนจะหันไปมองเธอด้วยความงง และเห็นว่านัยน์ตาสีน้ำตาล       เฮเซลนัทดูวูบไหวเล็กน้อย นี่สายรุ้งเป็นอะไรไปนะ...ทำไมเวลานี้ ผมถึงได้รู้สึกว่าเธอดูไม่มีความมั่นคงเอาเสียเลย

                    “ฟิวส์เคยบอก...ว่าฟิวส์ชอบรุ้งมาตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พอ      ตอนม.3 ที่เราสองคนมาเจอกันอีกครั้ง ฟิวส์ก็ยังยืนยันว่าความรู้สึกที่ฟิวส์มีต่อรุ้งไม่เคยเปลี่ยนแปลง จนถึงตอนนี้ที่เราสองคนหวนมาเจอกันอีกครั้ง ฟิวส์ก็ยังยืนยันที่จะชอบรุ้งแบบนี้ แต่นี่มันก็ผ่านมาตั้ง 6 ปีแล้วนะฟิวส์ ไม่คิดที่จะมองผู้หญิงคนอื่นนอกจากรุ้งบ้างเหรอ?” สายรุ้งอธิบายกลับมา เมื่อเห็นว่าผมไม่เข้าใจความหมายที่เธอพูด นั่นสินะ...เราสองคนไม่เคยคุยกันจริงๆจังๆเกี่ยวกับความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอเลยสักครั้ง

                    “ฟิวส์คงรอปาฏิหาริย์มั้ง” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่มันก็ทำให้คนข้างตัวผมหันมามองด้วยความตกใจ ดูเหมือนว่าสายรุ้งอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้าย เธอก็เงียบไป

                    “...”

                    “...รุ้งรู้ไหมว่าฟิวส์เคยคิดนะว่าความรู้สึกที่ฟิวส์มีให้รุ้ง มันคงเป็นความรู้สึกรักแบบเด็กๆ แบบป๊อปปี้เลิฟน่ะ ฟิวส์เคย...ที่จะมองผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่รุ้ง แต่ฟิวส์ก็ทำไม่ได้ รุ้งเป็นคนที่สวย และน่ารัก โดยที่รุ้งไม่ต้องพยายาม รุ้งเป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งฟิวส์ก็ชอบทุกอย่างที่รุ้งเป็น...”

                    “...”

                    “...แม้ว่าจะจากกันไปสักกี่ครั้ง แต่เราสองคนก็ยังจะหวนมาเจอกันอีก และความรู้สึกของฟิวส์ที่มีต่อรุ้ง มันก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ หัวใจฟิวส์ยังบอกว่าเป็นรุ้ง และจะไม่มีใครมาแทนที่รุ้งในใจฟิวส์ได้...”

                    “ฟิวส์...” ร่างบางเรียกชื่อของผมเบาๆ พร้อมร้องไห้ออกมา “...รุ้งขอโทษ รุ้งไม่ได้ต้องการจะให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เลย รุ้งขอโทษจริงๆ” นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่เห็นสายรุ้งร้องไห้ต่อหน้าผมแบบนี้ อาจจะเพราะมันมีไม่กี่เรื่องที่จะทำให้สายรุ้งร้องไห้ได้ และดูเหมือนว่าเรื่องความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอ ก็ดูจะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเธอมากพอตัวอยู่เหมือนกัน

                    “...ถ้าปาฏิหาริย์ที่ฟิวส์ว่า มันไม่มีวันเป็นจริงล่ะ...ฟิวส์จะทำยังไง? จะรับได้ไหม?” หลังจากที่ร่างบางหยุดร้องไห้ เธอก็หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก หากผมกลับไม่รู้สึกอะไรกับคำถามที่ได้ยิน เพราะสายรุ้งเป็นคนพูดตรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คำถามนี้จึงไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากนัก

                    แต่ก็แปลก...ปกติแล้ว ถ้าเพื่อนสาวของผมจะพูด หรือถามอะไรตามที่ใจตัวเองคิด เธอมักจะพูดออกมาเลย แต่ครั้งนี้ ผมกลับรู้สึกว่าร่างบางดูไม่มั่นใจในคำถามของตัวเองเลย เกิดอะไรขึ้นนะ...หรือว่าจะเป็นเพราะเอ็มซี เพราะผมสังเกตเห็นว่าหลังๆมานี้ สายรุ้งดูแคร์เอ็มซีมากผิดปกติ เธอดูเหมือนพยายามที่จะพูดอะไรที่ไม่ทำร้ายจิตใจของเอ็มซีจนบางครั้งผมก็ยังอดน้อยใจไม่ได้ ผมรู้ว่าที่สายรุ้งเป็นคนพูดตรง นั่นก็เพราะว่าเธอไม่ได้คิดอะไรถึงได้พูดออกมา แต่ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องแคร์ผู้ชายอีกคนมากขนาดนี้ ทั้งๆที่เธอกับเขาก็เพิ่งจะรู้จักกันไม่นาน ทำไมเธอถึงต้องพยายามเปลี่ยนตัวเอง เพื่อเพื่อนผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันมาไม่นาน แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นกับผม...คนที่เธอรู้จัก และสนิทด้วยมาเกือบ 6 ปีเลย

                    “ฟิวส์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าวันนั้นไม่มีวันเป็นจริง ฟิวส์จะทำยังไง? ฟิวส์รู้แค่ว่าถ้าวันหนึ่งรุ้งรักคนอื่นที่ไม่ใช่ฟิวส์จริงๆ บางทีฟิวส์ก็ควรจะต้องยอมรับมัน...จริงไหม?”

                    “...”

                    “...ฟิวส์เคยบอกรุ้งแล้วไงว่าแค่ได้รัก ฟิวส์ก็พอใจแล้ว ฟิวส์ไม่ได้ต้องการให้รุ้งมารักฟิวส์ตอบหรอก” ...แม้ว่าบางทีฟิวส์ก็อยากให้รุ้งหันมามองฟิวส์บ้าง...ผมต่อประโยคกับตัวเองในใจ โดยไม่ได้พูดออกไปให้สายรุ้งได้ยิน ถึงแม้ว่าผมจะบอกเธอมาตลอดว่าผมไม่ได้ต้องการให้เธอรักผมกลับมา แต่บางครั้ง ผมก็อยากให้เธอแคร์ผมบ้าง แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว

                    ผมยอมรับว่าผมรักสายรุ้งมาก...รักเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถรักผู้หญิงคนหนึ่งได้ ผมไม่เคยเผื่อใจไว้สำหรับความเจ็บปวดตั้งแต่วันแรกที่ผมรักเธอแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นสายรุ้ง...ผมรู้แค่ว่าต้องเป็นสายรุ้งเท่านั้น...

                    “...รุ้งไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูด หรือทำอะไร เพราะถึงยังไง มันก็คงไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ถึงรุ้งอยากจะขอโทษฟิวส์เป็นร้อย เป็นพันครั้ง แต่ความรู้สึกที่ฟิวส์มีต่อรุ้งมันก็ไม่เคยเปลี่ยน เช่นเดียวกับความรู้สึกที่รุ้งมีต่อฟิวส์เช่นกัน...”

                    “รุ้งไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นหรอก รุ้ง...เป็นคนที่ใช่สำหรับฟิวส์ แต่ฟิวส์อาจจะไม่ใช่สำหรับรุ้งก็ได้ บางทีเราสองคนอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อกันและกันก็ได้” ร่างบางข้างตัวผมยิ้มออกมาเล็กน้อย สายรุ้งเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกของผมมากๆ ผมไม่ได้หมายถึงในทุกๆเรื่อง แต่ถ้ามันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ผมมีต่อสายรุ้ง เธอมักจะคิดมากกว่าปกติ แม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าต่อให้เธอทำยังไง...มันก็คงไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกของผมได้

                    “...รุ้งขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง และรุ้งก็ต้องขอบคุณฟิวส์...สำหรับความรู้สึกดีๆที่ฟิวส์มีให้รุ้งจริงๆ”

     


     

                    “พี่ฟิวส์คิดยังไงกับพี่รุ้ง?” น้องชายของผมถามขึ้น หลังจากที่เราทานข้าวเย็นกันเสร็จ แล้วสายรุ้งก็กลับบ้านไปแล้ว

                    “...”

                    “...ฟิล์มไม่รู้หรอกนะว่าพี่คิดยังไงกับพี่รุ้ง แต่จากท่าทางของพี่...ฟิล์มก็พอจะเดาออกว่าพี่ไม่ได้คิดกับพี่รุ้งแค่เพื่อน พี่...ชอบพี่รุ้งใช่ไหม?”

            “แกถามทำไม?” ผมไม่ยอมตอบคำถามของน้องชาย กลับเลือกที่จะย้อนถามกลับไปเสียมากกว่า การที่อยู่ๆฟิล์มพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มันก็ทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย เพราะปกติแล้ว...น้องชายของผมมักจะไม่ค่อยมายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมสักเท่าไหร่นะ

              “พี่ก็ตอบคำถามของฟิล์มมาก่อนสิ”

              “ถ้าใช่...แล้วแกจะทำไม?”

              “ก็ไม่มีอะไรหรอก ฟิล์มก็แค่อยากให้พี่เผื่อใจไว้สำหรับความเจ็บปวดบ้าง เพราะดูจากท่าทางของพี่แล้ว พี่ฟิวส์ดูรัก และเป็นห่วงพี่รุ้งมาก...มากกว่าตัวพี่เองเสียอีก ฟิล์มไม่รู้หรอกนะว่าพี่ชอบพี่รุ้งมานานเท่าไหร่แล้ว แต่ฟิล์มแค่อยากให้พี่ลองเผื่อใจไว้บ้าง...”

               “...”

               “...ถ้าวันหนึ่งพี่รุ้งเลือกพี่จริงๆ มันก็คงจะดีไป แต่ถ้ากลับกัน...พี่รุ้งเกิดเลือกคนอื่น...ที่ไม่ใช่พี่ ฟิล์มกลัวว่าพี่จะตั้งรับกับมันไม่ได้”

             เผื่อใจไว้สำหรับความเจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ? ตัวผมแทบไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ อาจจะเพราะว่าผมรักสายรุ้งมากจริงๆ ผมไม่เคยคิดเลยว่าถ้าวันหนึ่งสายรุ้งไม่เลือกผม...มันจะเป็นยังไง ผมรู้แค่ว่าผมมีความสุขที่ได้รักเธอ และอยู่เคียงข้างเธอแบบนี้

            “ถ้าสุดท้ายแล้ว...สายรุ้งไม่เลือกฉันจริงๆ ฉันคิดว่าตัวฉันเองก็น่าจะยอมรับมันได้...”

           “พี่รุ้งเป็นผู้หญิงที่ดูยากนะ ในความคิดของฟิล์ม บางทีพี่รุ้งก็ดูเป็นคนตรงๆ ในขณะที่บางครั้งก็ดูเป็นผู้หญิงหวานๆ เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ เช่นเดียวกับที่เธอแสดงออกกับพี่ฟิวส์...บางทีพี่รุ้งก็เหมือนจะแคร์พี่มาก แต่บางครั้ง ฟิล์มกลับรู้สึกว่าเธอดูไม่สนใจพี่เลย”

          “...แต่รุ้งก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว บางครั้งเธอก็ดูเดาง่ายมากๆ ในขณะที่บางทีตัวฉันเองก็ยังเดาไม่ออกเลยว่าเธอคิดอะไรอยู่?”

         “...ยังไงฟิล์มก็ขออวยพรให้สุดท้ายแล้ว คนที่พี่รุ้งเลือก...ก็คือพี่ฟิวส์นะ”

        “ขอบใจ...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×