Chapter 14 : Tense Concerns
Alette
บรรยากาศในตอนนี้มันทั้งแปลกและช่างหนักหน่วง อึนอูเกลียดบรรยากาศแบบนี้ที่สุดเลย
บินนั่งกินมื้อเช้าเงียบๆ อยู่ตรงฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ อึนอูก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นเดียวกัน เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย ตั้งแต่เมื่อคืน คำพูดทุกคำเหมือนมันติดอยู่ในอก เขาไม่สามารถนำมันออกมาได้เลย
สุดท้ายเขาก็ได้ทำในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้อง นั่นคือการให้เบอร์กิฮยอนกับบิน อึนอูได้เอ่ยคำขอโทษเช่นกันเพราะบินสมควรที่จะได้รับคำคำนี้ แต่ดูเหมือนบินจะรู้สึกต่างออกไป เมื่อเขารู้แล้วกิฮยอนคือใคร บินกลับหัวเราะแล้วกอดอึนอูจากนั้นพูดขอบคุณเป็นการใหญ่ ก็ใช่ อึนอูซาบซึ้งกับอ้อมกอดนั้น แต่การที่บินทำเหมือนไม่ได้คิดอะไรมากมันยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดมากกว่าเดิม
บินเป็นคนที่โทรหากิฮยอน และนัดเจอกับเขาตอนบ่ายนี้ อึนอูคิดว่าบินคงจะไม่สามารถไปพบด้วยตัวเองคนเดียวได้
ตอนนี้เขานั่งลงกับบิน ลงมือกินข้าวเช้าที่เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นมื้อสุดท้ายที่จะได้กินด้วยกัน อึนอูไม่ชอบสถานการณ์ตอนนี้เลย
"นี่ นายโอเครึเปล่า?" สุดท้ายบินเป็นพูดขึ้นมาพลางวางจานที่ว่างเปล่าออกจากตรงหน้า
มันเริ่มทำให้อึนอูถูกปลดปล่อยจากความกังวลที่รบกวนสมองของเขาเมื่อครู่ "ฉันไม่เป็นไร ถามทำไมหรอ?" มุมปากอิ่มยกยิ้มขึ้น หวังว่ารอยยิ้มนี้มันดูเป็นธรรมชาติเหมือนอย่างปกติ
"นายเงียบมาตลอดทั้งเช้าเลย แล้วก็กินน้อยมากด้วย แน่ใจว่าไม่เป็นอะไรนะ?"
"ไม่รู้สิ ฉันรู้สึก....กังวล"
"ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย" บินยิ้มเพื่อทำให้เขามั่นใจ "ฉันได้ยินจากเพื่อนที่กลายร่างได้หมดแล้ว เขาเก่งเรื่องพวกนี้จริงๆนะ"
"แล้วถ้าเขาไม่ได้เก่งจริงๆ ล่ะ?" สิ่งนี้เป็นหนึ่งในความกลัวของอึนอูทั้งหมด และสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจพูดออกมาไม่ใช่เพียงเก็บไว้ในใจ "แล้วถ้าเขาไม่รู้ว่าต้องรักษานายยังไงแล้วทำให้อาการนายแย่กว่าเดิมล่ะ? เขาเป็นคนบอกฉันเองว่าเขาไม่ใช่หมอ แสดงว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเขาอาจจะทำพลาดได้"
"นายไม่ต้องกลัวนะ" บินพูดพลางเก็บจานทั้งหมดบนโต๊ะ "ทุกอย่างจะโอเค"
"เราก็ไม่มีทางรู้นี่" เขารู้สึกได้ถึงความตื่นตระหนกที่กำลังปั่นป่วนอยู่ท้อง "เราไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ เราไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับนายบ้าง เราจะเชื่อใจเขาได้ยังไง?"
บินวางจานที่ซ้อนกันหลายใบลงบนอ่างก่อนจะหันหลังกลับมา "อึนอู หยุดกังวลเถอนะ นายคิดมากไป มันทำให้ฉันไม่สบายใจนะ"
"ฉันก็แค่..." อึนอูถอนหายใจ "ฉันกลัวว่าจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับนาย"
บินยิ้มด้วยท่าทางน่ารักอย่างที่เขาเป็นมาเสมอ รอยยิ้มที่ดวงตาปิดกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยวและจมูกที่ย่นตามขึ้นไป "ฉันจะไม่เป็นอะไร ฉันไม่อยากให้นายต้องมากังวลนะ"
แต่อึนอูจะทำอย่างนั้นได้ยังไง? ทั้งที่ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้กินข้าวกับบินด้วย ได้ใช้เวลาด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย "งั้นวันนี้ฉันอยู่ห้องดีมั้ย?" เขาเด้งตัวขึ้นมา "แล้วเดี๋ยวพวกเราค่อยออกจากอพาร์ตเมนต์ไปหาเขาด้วยกันตอนบ่าย"
"อย่าโดดเรียนเพื่อฉันสิ" บินหัวเราะ เขาเดินมาหาอึนอูแล้วจับแขนของเขาไว้ "หยุดกลัวได้แล้ว ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกนะ"
ใช่ นายไม่ได้จะตาย แต่นายกำลังจะจากฉันไปไง "ฉันไม่ได้โดดเพื่อนายซักหน่อย" ก็เป็นความจริง เขาไม่ได้โดดเรียนเพื่อบิน แต่เขาโดดเรียนเพื่อตัวเขาเองต่างหาก "ฉันอยากอยู่บ้านวันศุกร์ ฉันผิดหรอ?"
เขาพยายามไม่หลบสายตาบินที่กำลังมองเขาอย่างใกล้ชิด ก่อนที่คนร่างหนาจะยิ้มกว้างออกมา "ก็ ถ้านายบอกว่าไม่ผิด..." เขาขยับหน้าออกพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย
"ก็ฉันว่าไม่ผิดไง" อึนอูพูดอย่างหนักแน่น พยายามไม่คิดว่าตัวเองจะต้องขาดเรียนถึงสามคาบติดต่อกัน
"ฉันว่าฉันพานายเหลวไหลหมดแล้ว" บินพูดทั้งที่ยังยิ้มอยู่ "นายเป็นนักศึกษาต้นแบบน่าเบื่อจนกระทั่งเราเจอกัน"
"ฉันไม่ได้น่าเบื่อซักหน่อย" อึนอูค้าน "ฉันทำอะไรที่น่าสนใจตั้งเยอะแยะ"
"อื้อ แน่นอนสิ" บินพูดแล้วกลอกตา "ครั้งล่าสุดที่นายโดดเรียนก่อนจะเจอฉันคือเมื่อไหร่?"
เอ่อ อึนอูจำไม่ได้น่ะสิ เขาไม่ได้อยากยอมรับที่บินหยอกเขา เขาจึงทำได้แค่ผลักบินออกไปเบาๆ แล้วเลี่ยงสายตาหันไปมองทางอื่นแทน บินหัวเราะก่อนจะยกแขนขึ้นมาโอบไหล่เขา "ไม่เป็นไรนะ นายเข้าใจฉันแล้วใช่มั้ย? เดี๋ยวพี่สอนหนูเองนะว่าจะใช้ชีวิตให้สนุกแล้วก็แหกกฎยังไง"
อึนอูพยายามไม่นึกถึงช่วงเวลาที่เขาจะไม่มีบินอยู่ข้างเขาหลังจากนี้ เขาทำเพียงแค่พยักหน้าตอบไป
บินอยากดูหนัง อึนอูจึงปล่อยให้เขาเลือก หนังที่บินเลือกนั้นคือหนังสยองขวัญที่ออกโรงมาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา อึนอูทำหน้าบึ้งตึงเมื่อเห็นปกหนังนั้น "ไม่รู้สิ ฉันไม่ค่อยมีอารมณ์อยากดูหนังผีอ่ะ"
"จริงหรอ? ถ้างั้นอารมณ์นายตอนนี้อยากดูหนังแบบไหนล่ะ?" บินถามขณะที่ชักผ้าม่านปิด เขาพูดไว้ก่อนหน้านั้นว่าเขาอยากจะทำให้ห้องมีบรรยากาศเหมือนอยู่ในโรงหนังจริงๆ
"ฉันอยากดูอะไรที่มันเศร้าๆ" ช่วงนี้เขาดูละครกับหนังที่ดราม่าหนักๆ มาตลอดหลายสัปดาห์ ซึ่งเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
บินมองมาที่เขาก่อนจะยกแขนขึ้นมากอดอก "ไม่มีทาง ฉันจะไม่ให้นายมาร้องไห้ขี้มูกโป่งในอ้อมแขนฉันอีกแล้วนะ"
เลือดฝาดระเรื่อบนแก้มใสทันที "นายอย่าขุดเรื่องนั้นขึ้นมาอีกได้มั้ย?" เขาพูดพร้อมกับหันหน้าหนี
"ก็ต่อเมื่อนายบอกว่านายจะไม่ดูหนังดราม่า" ตอนนี้บินได้ปิดผ้าม่านหมดแล้ว "A Werewolf Boy ก็เศร้าพอแล้ว ฉันไม่น่ายอมดูเรื่องนั้นกับนายเลย"
"โอเค โอเค ไม่ดูหนังดราม่าแล้วก็ได้ ดูเรื่องนี้แทนละกัน แล้วฉันจะกรี๊ดให้นายหูดับไปเลย"
"หูฉันไม่ดับแน่นอน" บินเดินมาร่วมนั่งกับอึนอูบนโซฟา มีรอยยิ้มบางเปื้อนบนหน้าของเขา "นายดูเหมือนไม่ใช่คนที่กลัวอะไรง่ายๆในความคิดฉัน"
ซึ่งอึนอูก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เขาเป็นพวกที่กลัวแล้วจะควานหาจับอะไรที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมากกว่า ซึ่งในกรณีนี้คือบินนั่นเอง มันก็ค่อนข้างน่าอายโดยเฉพาะตอนที่อึนอูเกือบจะขึ้นไปนั่งบนตักบินแล้วในฉากหนึ่ง เขามั่นใจว่าบินจะต้องหัวเราะก๊ากอยู่ข้างๆ นั้นแน่ เพราะว่าอึนอูแอบชำเลืองมองเขาอยู่ และเขาก็เห็นตลอดว่าบินอมยิ้มอยู่
หลังจากที่ดูหนังผีจบไปแล้ว บินจึงปล่อยให้อึนอูเลือกบ้าง ซึ่งอึนอูได้เลือกหนังประวัติศาสตร์ เขาคิดว่ามันดูน่าสนใจดี แต่เมื่อดูมาได้ครึ่งเรื่อง อึนอูหันมาเช็คดูบิน ก็พบว่าบินได้ซบไหล่เขาหลับไปเสียแล้ว ตอนแรกอึนอูก็กะจะปลุกเขาแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าปล่อยให้เขานอนต่อไป เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เป็นอึนอูนี่เองที่เป็นคนปลุกให้เขาตื่นเช้ามาโดยตลอด
เขากดหยุดเล่นหนังก่อนจะประคองบินให้นอนลงบนโซฟา จากนั้นเขาไปหาขนมกินในครัว เมื่อกลับมาก็พบว่าบินตื่นอยู่แล้ว ในสภาพที่เหยียดขายาวทั้งโซฟาโดยที่ขาหนึ่งข้างยกเกี่ยวอยู่บนพนักพิง
"แล้ว?" อึนอูก้มมองบินที่สายตากำลังพร่ามัวจากการตื่นนอน "นายจะไม่เหลือที่ให้ฉันนั่งเลยรึไง?"
เมื่อบินตอบสนองได้แล้ว เขาทำเพียงแค่ยกศีรษะขึ้นและไม่ขยับส่วนใดอีกเลย
อึนอูหัวเราะเบาๆ ก่อนจะนั่งลงตรงพื้นที่ว่างที่บินยกศีรษะขึ้นมา ทันใดนั้นบินวางศีรษะของตัวเองลงแล้วขยับให้ตัวเองนอนสบายที่สุดบนตักของอึนอู อึนอูทำเพียงยิ้มกับตัวเองพร้อมกับวางจานลงบนหัวของบินแล้วกดเล่นหนังต่อ
สถานการณ์ตอนนี้ทำให้อึนอูรู้ตัวว่าเขาสบายใจแค่ไหนเวลาที่ได้อยู่กับบิน เขาคุ้นเคยแค่ไหนกับการมีตัวตนของบินอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ อึนอูจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีเขา?
พวกเขาตัดสินใจออกไปกินข้าวเที่ยงข้างนอก เนื่องจากบินยืนกรานแบบนั้น "นายกำลังแหกกฏอยู่ แสดงว่าต้องห้ามทำงานการบ้านแล้วก็ห้ามทำอาหารด้วย"
มันเป็นเพียงร้านอาหารที่มีครอบครัวเล็กๆ เป็นเจ้าของ และสิ่งที่ทำให้อึนอูประหลาดใจคือเจ้าของร้านนี้รู้จักกับบิน เธอเป็นสุภาพสตรีวัยกลางคน เธอยังเป็นเชฟหลักของร้านนี้อีกด้วย แถมยังคอยประคบประหงบบินราวกับเป็นเด็กน้อย เธอต้องแน่ใจว่าบินจะได้โต๊ะที่ดีที่สุดและเสิร์ฟอาหารทุกจานเยอะเป็นพิเศษ เธอยังอุทานออกมาเสียงดังเมื่อเจออึนอูอีกด้วย "เขาหล่อมากเลยลูก!" เธอแถมซุปหนึ่งถ้วยสำหรับคู่รักซึ่งทำให้บินกับอึนอูเขินอายพอกันทั้งสองคน
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น" บินพูดเชิงบ่นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและเลี่ยงที่จะไม่มองหน้าอึนอู
"ไม่เป็นไรหรอก" อึนอูพยายามพูดให้น้ำเสียงปกติที่สุด "ซุปอร่อยดีนะ"
มันเป็นแบบนั้นจริงๆ อาหารมื้อนี้โดยรวมแล้วดูหน้าตาน่าทาน บรรยากาศเริ่มประหลาดน้อยลงเมื่อเขาทั้งสองคนเริ่มลงมือกิน พวกเขาพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระต่างๆ จนสุดท้ายมาหยุดที่อึนอูถามบินว่ารู้จักกับเจ้าของร้านได้อย่างไร
"ฉันมาทำงานที่นี่บ้างบางครั้งอ่ะ ก็พวกงานง่ายๆ แบบเสิร์ฟอาหารวันที่คนเยอะๆ ไม่ก็ล้างจานอยู่ในครัว"
"จริงหรอ?" อึนอูประหลาดใจ "นายได้เงินมาจากที่นี่ใช่มั้ย?" บินได้ยืนกรานที่จะเป็นเจ้ามือมื้อนี้เช่นกัน
"ก็บางส่วน" บินพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก เขาชำเลืองมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนฝาผนังก่อนจะพูดออกมา "ฉันว่าเราน่าจะไปได้แล้วนะ"
อึนอูมองที่นาฬิกาเช่นกัน ตอนนี้เวลาเลยบ่ายสองมาแล้ว บินนัดเจอกับกิฮยอนตอนบ่ายสองครึ่ง
"ฉันยังกินอยู่เลย" อยู่ดีๆ เขาก็อยากอาหารขึ้นมาอีกครั้ง "ขอกินแป้บนึงนะ"
"นายกินเสร็จตั้งนานแล้วนี่ ไปเร็ว ฉันไม่อยากไปสายนะ"
แต่อึนอูเองที่เป็นคนอยากจะไปสาย เขาอยากไม่อยากไปตามนัดด้วยซ้ำ แต่เขาพูดออกไปไม่ได้ ไม่ใช่ต่อหน้าบินด้วย เขาไม่มีข้ออ้างที่จะชวนบินให้ไปสายด้วยกันได้ อึนอูรู้ดีแต่เขาก็ยังอยากที่จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีที่เหลือขุดลงไปในถ้วยน้ำซุป สุดท้ายเขาถึงถอนหายใจเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน
"ไม่ต้องกังวลแล้วนะครับ" บินพูดเมื่อเดินออกจากร้านอาหาร เขาได้จ่ายค่าอาหารไปแม้เจ้าของร้านจะคัดค้านเพื่อให้ 'หนุ่มหน้าตาน่ารักทั้งสอง' ของเธอกินฟรี
ความรู้สึกอึนอูตอนนี้เต็มไปด้วยแรงกระตุ้นให้เขยิบเข้าไปแนบกับแขนของบิน ทำยังไงก็ได้แค่พยายามทำตัวให้ติดกับเขามากที่สุด แต่เขาทำไม่ได้ ทั้งสองคนนั่งรถบัสไปยังชุงแด เมื่อถึงที่มหาวิทยาลัยแล้วจึงนั่งลงบนม้านั่งตัวเดิมกับที่ครั้งแรกที่อึนอูได้พบกับผู้เชี่ยวชาญคนนั้น
ตอนนี้ดูเหมือนบินจะเริ่มกังวลขึ้นมาแล้วด้วยเช่นกัน "ไม่เป็นไรนะ" เขาพูดพร้อมกับยิ้มให้กับอึนอู "ทุกอย่างจะโอเค"
"เรายังกลับบ้านทันนะบิน เรา--"
แต่ในตอนนั้นสายตาของบินได้จับจ้องไปที่ใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างหลังอึนอูก่อนจะลุกขึ้น อึนอูทำเช่นเดียวกันแล้วหันหลังกลับไป พบกับกิฮยอนกำลังเดินมาพร้อมกับเมวสีเขาในอ้อมแขนของเขา
"นั่นเขานี่นา" นี่ไม่ใช่คำถาม
อึนอูไม่ได้ตอบอะไร กิฮยอนเดินเข้ามาที่ที่พวกเขายืนอยู่ พร้อมกับยิ้ม เขาเดินมาจนกระทั่งใกล้มากพอที่อึนอูจะสามารถโค้งทักทายเขาอย่างสุภาพได้ บินใช้เวลาไม่กี่วินาทีก่อนจะทำแบบเดียวกัน
"ดีใจที่ได้พบกันอีกนะครับ" กิฮยอนตอบด้วยยิ้มสุภาพ "เธอคงจะเป็นบินสินะ พร้อมรึยังล่ะ?" บินชำเลืองมองไปยังอึนอู ก่อนที่กิฮยอนจะฉีกยิ้มกว้างออกมา "โอเค เดี๋ยวผมให้เวลาพวกคุณก่อนนะ" เขาพูดแล้วเดินออกไปจากจุดที่ยืน
"นายไม่ต้องห่วงฉันนะ" บินพูดขึ้นเมื่อกิฮยอนอยู่ห่างออกไป "ฉันไม่เป็นไรหรอก จริงๆ นะ อย่าเครียดเกินไปนะ โอเคมั้ย?"
"นายมาบอกให้ฉันไม่เครียดได้ยังไง?" อึนอูถามออกมา สีหน้าของเขาตึงเครียดอย่างชัดเจน ""พวกเราไม่รู้จักผู้ชายคนนั้น เขาอาจจะเป็นคน--"
"ยังไงแมวที่เขาอุ้มอยู่ก็เป็นผู้กลายร่างนะ"
อึนอูหยุดพูดไป "นายรู้จักเขาหรอ?"
"ไม่รู้จักหรอก แต่ฉันดูออก" บินยิ้มบางๆ เขาเอื้อมมือไปจับที่ข้อมือของอึนอู "ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่ากังวลมากไป โอเคมั้ย?"
"โอเค" อึนอูตอบแต่ไม่มีความมั่นใจอยู่ในคำพูดเลยสักนิด
บินยิ้มตาปิดพร้อมกับจมูกที่ย่นขึ้นไป "โอเคนะ" เขาพูดย้ำอีกครั้งอย่างน่ารัก อึนอูทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มกลับไป "นั่นไงเห็นมั้ย นายยิ้มได้แล้ว" บินยังคงยิ้มเหมือนเดิม รอยยิ้มที่ไม่มีอะไรมาทำลายมันได้ "เดี๋ยวอีกไม่กี่วันฉันกลับมาหานะ ฉันจะโอเค นายจะโอเค เราทั้งสองคนจะโอเค"
อึนอูทำเพียงพยักหน้า เขาไม่ค่อยจะมั่นใจสักเท่าไหร่
จากนั้นกิฮยอนตะโกนกลับมา "บอกผมด้วยนะครับถ้าพวกคุณจู๋จี๋กันเสร็จแล้ว"
"พวกเรา-- พวกเราไม่ได้--" อึนอูพูดตะกุกตะกัก เขินอาย พร้อมกับบินยืนหน้าแดงก่ำอยู่เงียบๆ
"แหม ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ว่าอะไร อีกอย่าง ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ก็ไม่ทำให้ขนงอกออกมาหรอกนะครับ"
สิ่งที่กิฮยอนพูดทำให้อึนอูงุงงงเป็นที่สุด บินรีบพูดขึ้น "พวกเราคุยกันเสร็จแล้ว เราไปกันเลยมั้ยครับ?" เสียงของเขาขึ้นโทนสูงกว่าปกติ
"โอเคครับ ไปกัน" กิฮยอนพูดขึ้นมาพร้อมกับเจ้าขนฟูสีขาวที่เหยียดตัวแสดงอาการเบื่อหน่ายอย่างชัดเจน "น่าจะใช้เวลาไม่ถึงสองวันครับ ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวผมโทรหานะครับคุณชา อึนอู"
"ขอบคุณครับ" อึนอูพูดและพยายามสงบอารมณ์ของตัวเองไว้ ความจริงเขาไม่ได้อยากขอบคุณกิฮยอนเลย ไม่เลยสักนิด แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีใช่มั้ย?
กิฮยอนตอบสนองโดยการพยักหน้าก่อนจะเดินกลับในทิศทางที่เขาเดินมาโดยมีบินอยู่ข้างๆ บินหันหลังกลับมายิ้มก่อนจะโบกมือให้อึนอู
พูดอะไรสักอย่างสิ อึนอูรู้ว่าเขาควรทำอย่างนั้น แต่คำพูดทุกคำมันติดอยู่ในลำคอ เขาไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้เลยทั้งนั้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำพูดเหล่านั้นคืออะไรบ้าง เขารู้แค่ว่ามันเหมือนเป็นก้อนหินก้อนใหญ่ที่ขวางเอาไว้จนหายใจไม่ออก ถ้าครั้งนี้มันเป็นครั้งสุดท้ายที่บินจะยิ้มให้เขา เขาควรพูดอะไรออกไปบ้างสิ
แต่อึนอูทำไม่ได้ เขาทำเพียงแค่บังคับมุมปากตัวเองให้ยกยิ้มและยกมือโบกให้อย่างอ่อนแรง
จนกระทั่งบินเดินจากไป
"ฮยอง แมวฮยองอยู่ไหนอ่ะ?"
ซานฮาถามคำถามออกมาด้วยดวงตากลมโตใสซื่อบริสุทธิ์ คำถามนี้เกือบทำให้อึนอูต้องบ่อน้ำตาแตกออกมาอีกครั้ง
"อยู่กับสัตวแพทย์น่ะ" เขาพูดพร้อมกับยิ้ม "เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว"
"สัตวแพทย์หรอครับ?" มินฮยอกเงยหน้าขึ้นมา มีคำถามแสดงออกมาจากใบหน้าหล่อ
"ใช่ สัตวแพทย์" อึนอูยำ้อีกครั้ง พยายามส่งข้อความทางสายตาให้เขา บินบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าบินได้บอกปัญหาเรื่องการกลายร่างกับมินฮยอกแล้ว แสดงว่าเขาจะต้องรู้เรื่องที่บินต้องไปรักษากับผู้เชี่ยวชาญด้วย
โชคดีที่มินฮยอกเข้าใจ เขาพยักหน้าหนึ่งทีก่อนจะกลับไปก้มลงมือกินของว่างที่จินอูเอามาต่อ
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ และเช่นเคย กลุ่มแก๊งค์เพื่อนห้าคนได้มารวมตัวกันที่อพาร์ตเมนต์ของอึนอู อพาร์ตเมนต์แห่งนี้ว่างเปล่าแปลกๆ เมื่อด้านในห้องนอนนั้นไม่มีบินนั่งอีกแล้ว
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยฮยองเลยดูเครียดๆช่วงนี้? มีอะไรร้ายแรงรึเปล่าครับ?"
"ไม่รู้"
ตั้งแต่วันศุกร์เย็น อึนอูได้ดำดิ่งลึกและลึกลงไปในห้วงภวังค์ความกลัว ความกลัวที่บินจะทิ้งเขาไปถูกแทนที่ด้วยความกลัวที่ว่าบินจะจากไปไม่กลับมาหาเขาอีกเลย เขาจะเชื่อกิฮยอนได้ยังไงในเมื่อเขาไม่รู้ว่ากิฮยอนเป็นใครด้วยซ้ำ? ถ้าเขาเป็นพวกขายอวัยวะอะไรแบบนั้นล่ะ? ก็จริงที่เขามีเพื่อนกลายร่าง แต่ถ้าเพื่อนเขาก็ร่วมทำธุรกิจนี้ด้วยเหมือนกันล่ะ? ถ้าเกิดบินถูกตัดอวัยวะแล้วขายทิ้งไปแล้วในเวลาเดียวกันกับที่อึนอูกำลังนั่งกินข้าวสนุกสนานอยู่เพื่อนๆ อยู่ล่ะ? บินไม่มีช่องทางจะติดต่อเขาเลย ถ้าบินตกอยู่ในอันตรายเขาก็ไม่มีทางรับรู้ได้เลย
สิ่งนี้ทำอึนอูรู้สึกหวาดหวั่นมาตลอดวันศุกร์และเสาร์ที่ผ่านมา ตอนนี้เขาอยู่กับเพื่อนแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ขึ้นไปอีก
มินฮยอกสังเกตสีหน้าของอึนอูได้ เขาจึงเดินเข้ามาหา "เขาจะไม่เป็นไรครับ" เขาพูดพร้อมกับเอามือลูบหลังอึนอูเบาๆ "ฮยองกังวลมากเกินไปนะ" อึนอูพยักหน้าพยายามจะเชื่อในสิ่งที่รุ่นน้องของเขาพูด
"เดี๋ยวนะ มีเรื่องอะไรที่ฉันยังไม่รู้รึเปล่าเนี่ย?" จินอูถามขึ้นเมื่อเขาเดินผ่านแล้วนั่งลงไปที่โซฟา "นายสองคนมองหน้ากันเหมือนกับพยายามสื่ออะไรกันอยู่ซักอย่างที่รู้กันอยู่แค่สองคนอ่ะ"
สถานการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้อึนอูตื่นตระหนก เขารู้สึกหวั่นกลัวกับคำถามธรรมดาๆ ของจินอู และมันก็ยิ่งน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมเมื่ออยู่ดีๆ มยองจุนพูดถามขึ้นมาเสียงดัง "ย่าห์ อึนอู นายไปซื้อรองเท้าคู่นี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?"
คำถามนี้ทำให้อึนอูต้องกลืนน้ำลายเหนียวลง พยายามทำตัวให้ปกติ "ก็ซักพักแล้ว"
"แล้วใส่พอดีหรอ? ดูเหมือนจะไซส์ใหญ่กว่าเท้านายอีกนะ"
ใช่ รองเท้าพวกนี้ใหญ่กว่าเท้าอึนอูซึ่งเป็นเหตุผลที่อึนอูซื้อ บินใส่รองเท้าของอึนอูไม่ได้เพราะมันคับเกินไปสำหรับเขา ดังนั้นอึนอูจึงต้องซื้อรองเท้าให้เขาใช้เป็นของตัวเอง และตอนนี้บินไม่อยู่แล้ว อึนอูไม่รู้เลยว่าบินจะมีโอกาสได้ใส่มันอีกครั้งมั้ย
"ก็...ใหญ่กว่านิดหน่อย" เขาพยายามทำให้ตัวเองให้สงบที่สุด แต่เขารู้ว่าเขาล้มเหลว อึนอูไม่สามารถทำให้เสียงของเขาไม่สั่นเครือได้ "ผม--เดี๋ยวผมมานะ"
อึนอูหนีออกมาหลบอยู่ในห้องนอนของตัวเอง เสื้อผ้าของบินถูกพับเก็บไว้อย่างดีวางกองอยู่บนตู้เสื้อผ้า อึนอูเป็นคนทำเองทั้งหมดเมื่อวานตอนที่รู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองกำลังลงดิ่ง เขาจึงต้องพยายามทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ ตอนนี้เขากำลังเสียใจขึ้นอีกครั้ง อึนอูรู้ว่าต้องทำให้ความกลัวที่ไร้เหตุผลนี้ออกจากความคิดของตัวเองให้ได้ แต่มันก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวของเขาซ้ำๆ เป็นวัฏจักรเรื่อยๆ
ประตูถูกเปิดขึ้นโดยจินอูที่กำลังเดินเข้ามา "นี่ นายโอเครึเปล่า? เมื่อกี้นายวิ่งออกมาจากห้องเร็วมากเลยนะ"
"ผมไม่เป็นไรครับ" อึนอูกำลังโกหก "ผมแค่เข้ามาดูของ ทุกอย่างก็ดูโอเคดี"
แต่จินอูดูเหมือนไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดเลย สายตาของเขาจ้องมองไปที่กองเสื้อผ้าที่ถูกพับไว้ คิ้วสองข้างของเขาขมวดอย่างใช้ความคิด อึนอูรีบเดินมาเพื่อบังที่หน้าตู้เสื้อผ้าไว้ "ออกไปกันเถอะ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด
"ที่จริงแล้ว ฉันมีอะไรจะถามนาย" สายตาของเขากลับมาจ้องมองที่ร่างสูง "เป็นเพราะบินรึเปล่า?"
"ห้ะ? ทำไมฮยองถามแบบนั้นล่ะ?" นี่เป็นแค่วันที่อยู่ในระหว่างฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว แต่อึนอูกลับรู้สึกได้ที่เหงื่อชื้นที่อยู่บนตัวของเขา
"นายดูกลัวมากเลยเนอะพอพูดถึงบิน" จินอูก้าวเท้าหนึ่งก้าว อึนอูก้าวตามเขาไปเพื่อให้แน่ใจว่าเสื้อผ้าที่กองอยู่ด้านหลังจะไม่อยู่ในกรอบสายตาของเขา
"ผมไม่ได้กลัวซักหน่อย" อึนอูพูดทั้งที่ตัวเขาตื่นตระหนกชัดเจน เขาต้องใจเย็น เขาต้องเอาผ้าห่มมาพันหัวแล้วเอาหูฟังเสียบหูฟังเพลงในแทร็ค White Noise แต่ถ้าเขาทำแบบนั้นก็ถือว่าถูกต้องตามที่จินอูบอกว่าเขากำลังตกใจ
"นายดูกลัวมากเลยนะ" เขาหยุดไปก่อนจะพูดต่อ "ความจริง ฉันคิดดูแล้วล่ะ ฉันมีคำถามเยอะเลยเกี่ยวกับ มุน บิน"
"คำถามอะไร?" ตอนนี้เสียงของอึนอูสูงจนแปลกประหลาด
"ก็เช่นแบบเขามีเสื้อที่เหมือนกันกับนายเยอะขนาดนั้นได้ยังไง" จินอูพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่อึนอูรับรู้ได้เลยว่ามันเป็นประโยคที่เต็มไปด้วยความสงสัย "แล้วก็ตอนที่ฉันมาเยี่ยมนายตอนที่นายไม่สบาย ฉันเห็นนะว่าโซฟานั้นจัดเหมือนกับมีคนนอนมาก่อน แล้วบินก็ใส่ชุดนอนด้วย"
จินอูขยี้เขาอย่างละเอียด "แล้ว?"
"แล้ว.." จินอูพูดแผ่วเบาก่อนจะพูดต่อ "นายรู้จักเพื่อนฉันใช่มั้ย? ที่ชื่อซุนยองอ่ะ พอฉันพูดถึงเรื่องบินขึ้นมา เขาบอกว่าเขาไม่เคยได้ยินว่ามีเด็กปีสองชื่อ มุน บิน เลย แปลกดีเนอะ ว่ามั้ย?"
เขาน่าจะมีข้ออ้างอะไรขึ้นมาบ้างแต่ในสมองของอึนอูกำลังว่างเปล่า หัวของเขากำลังหมุนติ้วตอนที่จินอูจี้ถามเรื่องของบิน เขาต้องทำยังไงดี โกหกอีกสักเรื่องดีมั้ย? โดยที่บินไม่รู้หรอ? แต่จากนั้นอึนอูก็นึกขึ้นได้ว่าบินอาจจะไม่กลับมาอีก อย่างน้อยก็ไม่ได้กลับมาหาเขาอีก ถ้างั้นมีอะไรที่ต้องปิดบังอีกล่ะ?
จากนั้นจินอูพูดต่อ "แล้วก็ มูน--"
อึนอูรีบพูดแทรกออกไป "ถูกครับ" อึนอูโพล่งขึ้นมา "บินคือมูน"
จินอูตึงหน้าด้วยความงุนงง "อะไรนะ?"
"ผมบอกว่าฮยองพูดถูกแล้ว" อึนอูไม่สามารถเก็บมันไว้ได้อีกต่อไป "บินสามารถกลายร่างกลายเป็นแมวไได้ ผมเก็บเขามาตอนที่เขาอยู่ในร่างมูน" เขาหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะพูดต่อ "พี่กำลังจะพูดแบบนี้ต่อใช่มั้ย?"
"ไม่--ก็ไม่เชิง" จินอูยังคงอึ้งอยู่ "คือ ฉัน เอ่อ ฉันแค่จะพูดว่านายกับบินรับมูนมาเลี้ยงด้วยกัน"
"ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้รับใครมาเลี้ยงทั้งนั้น ผมก็แค่ให้อาศัยอยู่กับผม"
"อ่า เอ่อ ขอฉันทำความเข้าใจก่อนนะ" จินอูพูดในขณะที่สายตากำลังวาดผังในหัว "บิน หนุ่มไร้บ้านที่นายพาเข้ามา ไม่ดิ -- ไม่ใช่แบบนั้น เขาเป็นแมวนี่เนอะ เอ๊ะ"
"เขาไม่ใช่แมวครับ เขาเป็นผู้กลายร่าง มันดูหยาบคายไปหน่อยถ้าเรียกเขาว่าแมวอ่ะฮยอง เขาแค่อยู่ในร่างแมว ยังไงเขาก็คือบินนี่นั่นแหละ" เขารู้สึกดีขึ้นมากเลย ความหวาดกลัว ความตื่นตระหนก และความเครียดได้สลายหายไปแล้ว มันหนักอึ้งอยู่ในอกของอึนอูในตอนแรก แต่ตอนนี้เขาสามารถหายใจคล่องได้อีกครั้ง สงสัยเขาคงแค่ต้องระบายมันออกไปกับเพื่อนที่สนิทที่สุดก็เท่านั้นเอง
"ร่าง-แมว" จินอูพูดซ้ำอย่างเชื่องช้า "นายมีสติใช่มั้ยอึนอูตอนที่นายพูดออกมาเมื่อกี้?"
"สติครบถ้วนครับ เขากลายร่างได้ ความจริงเขาก็คือมูนนั่นแหละ"
"อ่า ฉัน..ฉันเข้าใจแล้ว" ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่จินอูยังไม่เข้าใจ "ก็คือสาเหตุที่บินต้องใส่เสื้อผ้านาย เพราเขา..เขาเป็นแมวของนาย"
อึนอูขี้เกียจพูดอธิบายอีกครั้ง "อีกอย่างคือเขาเป็นคนไร้บ้านด้วยครับ เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ตามถนนในร่างของแมว ก็ฮยองอาจจะเรียกว่าจรจัดก็ได้ นั่นแหละที่ทำให้ผมได้เจอกันกับเขา"
"ฉัน เอ่อ โอเค ถ้างั้นก็โอเค"
เห็นได้ชัดเลยว่าจินอูไม่เชื่ออึนอู แต่อึนอูก็ไม่ได้พยายามให้เกลี้ยกล่อมให้จินอูเชื่อเขาอีก เขาคิดว่าถ้าเป็นตัวเขาเองก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน ถ้าไม่ได้ตื่นมาเห็นบินนอนอยู่บนเตียงด้วยตาตัวเอง
"ฮยองห้ามบอกใครนะครับ บินบอกมินฮยอกไปแค่คนเดียวเอง ผมคิดว่าผมไม่ควรเอาไปบอกคนอื่นถ้าบินยังไม่อนุญาต"
"นายหมายถึงเรื่องที่เขากลายเป็นแมวได้" จินอูพูดด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
"ใช่เลยครับ" อึนอูรู้ตัวว่าตอนนี้เขายิ้มกว้างแค่ไหน รู้สึกเหมือนยกภูเขาทั้งลูกออกจากอก "โอเคมั้ยครับฮยอง?"
"โอเค" จินอูพูดช้าๆ "ฉัน-ฉันจะเก็บเรื่องนี้ไว้"
อึนอูพยักหน้าก่อนจะหันกลับไปยังห้องนั่งเล่น แต่อยู่ดีๆ จินอูก็เอื้อมมือมาคว้าข้อมือของเขาไว้ "แมวของนาย เจ้ามูน นายบอกว่ามันอยู่กับสัตวแพทย์"
รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของอึนอูทันที "ตอนที่ผมเจอบิน บินป่วยเป็นโรคที่มีแค่ผู้กลายร่างเป็นได้ ตลอดเวลาพวกเราตามหา เรียกว่าไงนะ อ๋อ ผู้เชี่ยวชาญที่รักษาเขาได้ พวกเราเจอเขาแล้ว"
จินอูพยายามตามให้ทันกับเรื่องที่อึนอูเล่า "แสดงว่ามูน ไม่สิ บิน อยู่กับเขา?"
"ครับ" อึนอูทิ้งตัวลงบนเตียง เอามือทั้งสองข้างทึ้งผม "แต่ผู้ชายคนนี้อ่ะฮยอง...คือผมจะรู้ได้ไงอ่ะว่าเขาจะทำให้บินอาการดีขึ้นได้จริงๆ? เขาไม่ใช่หมอ เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะรักษาอะไรใครเลย เขาอาจจะปลอมตัวมาหลอกก็ได้" เขาถอนหายใจ "ไม่รู้สิ"
"นายเจอเขาได้ยังไง? เขาชื่อว่าอะไร? เผื่อฉันไปตามสืบให้ก็ได้"
"เขาบอกว่าตอนนี้เขาเรียนปริญญาโทอยู่ที่ชุงแดนี่แหละ ชื่อกิฮยอน เขาจะอุ้มผู้ที่กลายร่างในร่างแมวไปมาในมหาลัย ผมรู้แค่นั้นแหละ"
นี่ก็เป็นนิสัยอย่างหนึ่งของจินอู ชัดเจนว่าเขาไม่ได้เชื่อสิ่งที่อึนอูพูดมา แต่เขาก็จะพยายามหาทางให้อึนอูรู้สึกดีขึ้นเสมอ
"โอเค เดี๋ยวถ้าฉันหาหรือว่ารู้อะไรเพิ่มเติม ฉันจะมาบอกนะ อย่ากังวลเลย ฉันเชื่อว่าบินจะไม่เป็นอะไร" เขาพูดพร้อมกับยิ้มให้อึนอู
"ขอบคุณนะครับฮยอง" เขาพยายามยกยิ้มกลับไปให้ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง "เรากลับไปห้องนู้นกันเถอะ"
จินอูพยักหน้า จากนั้นทั้งสองจึงได้เดินกลับไปยังห้องนั่งเล่น
มยองจุนเด้งตัวขึ้นมาทันทีที่เห็นเขาสองคน "ทุกอย่างโอเคดีมั้ย?" มินฮยอกไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สีหน้าของเขาปรากฏเครื่องหมายคำถามอย่างชัดเจน
"ทุกอย่างโอเคครับ" ถึงอึนอูจะพูดแบบนั้นแต่มันไม่เป็นความจริง และเขาก็ไม่เชื่อด้วยว่าต่อไปมันจะไม่เป็นไร เขายกยิ้มก่อนจะพูดต่อ "กินข้าวเที่ยงกันเถอะ"
—————————————
เจ้าแมวบินสู้ๆ :)
#StrayRomance #รักไม่จรจัดบีนู ❤️
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย