ตอนที่ 9 : Ficlet: In regards to love
In regards to love ในนามของความรัก
หัวใจของฉันกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ
บางคนบอกว่าหัวใจนั้นแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหมือนแจกัน ชิ้นส่วนของมันกระจัดกระจายไปทั่ว แต่นั่นคือเศษแก้วที่แตกร้าวของแจกัน แต่ใจของฉัน เมื่อมันแตก มันไม่หล่นหายไปไหนไกลหรอก แต่จะรวมกระจุกกันรุมแทงเข้าไปในจิตวิญญาณ
หัวใจไม่สามารถซ่อมแซมหรือซื้อมาแทนที่ง่ายๆเหมือนแจกัน มันต้องการเรี่ยวแรง เลือดเนื้อ เวลา อาจจะป็นวัน เดือน ปี ตลอดกาล และฉันคิดว่าฉันให้มันไปหมดแล้ว ให้และให้จนตัวเองถูกสูบจนแห้งขอดเหลือแต่กระดูก และฉันก็คิดว่าพอกันที ไม่ต้องรักษามันแล้ว เก็บมันเอาไว้ ซ่อนมัน ล็อคและหันหลังให้มัน สบายมากถ้าฉันจะอยู่กับรอยยิ้ม ถึงแม้มันจะเป็นยิ้มที่เสแสร้งต่อหน้าคนอื่นก็ตาม ฉันไม่เคยเข้าใจว่าทำไมคนอื่นถึงคิดว่าตำแหน่งแชมป์ห้าสมัยนี้มีค่านักหนา ฉันเป็นคนยิ่งอยู่สูงก็ยิ่งกลัวความสูง หากเป็นเมื่อก่อนฉันจะพยายามเกาะเชือกที่จะพาฉันขึ้นสู่ยอดแน่น แต่ตอนนี้..ฉันหาเชือกนั่นไม่เจอแล้ว และกำลังจะตกลงมา ฉันหาแรงบันดาลใจที่จะสเกตต่อไปไม่เจอ ไม่มีใครประหลาดใจที่ฉันชนะ พวกเขาคิดว่า ‘อ้อ แน่สิ มันเป็นสิ่งที่วิคเตอร์สมควรจะได้อยู่แล้ว นี่คือวิคเตอร์เชียวนะ’
ฉันไม่สนุกกับการสเกตอีกต่อไป มันไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่ทุกครั้งที่ชนะ ฉันจะยิ่งมองไม่เห็นเชือกเส้นนั้นเพราะหิมะละลานตาจนทิวทัศน์รอบด้านเป็นสีขาว ฉันอยู่บนยอดเขาที่มีพายุหิมะตกกระหน่ำแล้ว ไม่มีเชือกให้ไต่ขึ้นไปอีกเมื่อตัวเองอยู่บนจุดสูงสุด ฉันคือผู้ชนะ ฉันเท่านั้น ฉันที่ตัวคนเดียว ผู้ชมเริ่มไม่มองฉัน พวกเขาหลับตาก็เดาได้ว่าฉันจะชนะ ฉันเริ่มหันหลังให้สเกต และสเกตก็เริ่มหันหลังให้ฉัน มันทำเหมือนกับว่าฉันเป็นแค่ตุ๊กตาไขลานที่เต้นไปตามจังหวะเพลง
มองฉันอีกสิ
ฉันจะพยายามมากกว่านี้ ทุกอย่างจะดีขึ้น
ฉันสัญญาว่ามันจะดีขึ้น
ฉันอาจจะหวังอยู่ลึกๆก็ได้ ว่าสักวันจะมีใครมาพบหัวใจที่ถูกล็อคนั้น….และเก็บมันขึ้นมา
ยูริเป็น….เชือกฟางเส้นบางๆเส้นหนึ่งที่หย่อนลงมาต่อหน้าฉันท่ามกลางพายุหิมะ มันพร่าเลือน มองเห็นไม่ค่อยชัด ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะพายุหรือน้ำตาของฉันกันแน่ แต่คงไม่ใช่อย่างหลังหรอก ไม่ใช่หรอก ฉันร้องไห้ไม่ได้เพราะน้ำตาแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็งหมดแล้ว มันหนาวยะเยือกจนชาไปหมด
ฉันครุ่นคิดว่าจะทำยังไงกับเชือกฟางเส้นนี้ดี
จะใช้มันปีนขึ้นไปอีกรึ? หรือจะทำเป็นมองไม่เห็นมัน? หรือจะเผามันเพื่อมอบความอบอุ่นให้กับตัวเอง?
หรือจะเผาตัวฉันเองเพื่อมัน?
ฉันยังพอมีเรี่ยวแรง เลือดเนื้อ เวลา และเศษหัวใจที่ถูกล็อคเอาไว้เหลืออยู่ ฉันเลือกได้อีกแค่ทางเดียว และแปลกใจตัวเองเหลือเกินที่การตัดสินใจของฉันครั้งนี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีการหันหลังกลับ รีรอ ตรึกตรอง แผนสำรอง ฉันย้ายเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในห้องออก รวมถึงมัคคาชิน ฉันยอมทิ้งเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ที่ที่ซึ่งฉันเคยคิดว่าจะเป็นที่อยู่สุดท้ายในชีวิต ฉันทิ้งการแข่งกรังด์ปรีซ์ปีนี้เพื่อสอนเขา ปั้น เขา
ฉันขอเดิมพันกับยูริด้วยชีวิตเก่าทั้งหมด และอนาคตของตัวเองนับจากนี้
มันก็ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายเท่าไหร่ที่ยูริจะตกใจและเขินอายเมื่อฉันสัมผัสเขา หรือก้าวล้ำเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของเขา แบบว่า...คนเอเชีย ญี่ปุ่นอีกต่างหาก แต่ฉันถนัดอยู่แล้ว เรื่องวอแวคนอื่น
ยูริต้องการ...และโหยหา..แรงผลักดันอย่างแรงกล้า เขาหยุดอยู่กับที่มานาน ช่างน่าเสียดายพรสวรรค์ของเขา ยูริมีทั้งแรงกาย พลังงานเหลือล้น ทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ไม่สิ้นสุด ขาดแค่กำลังใจและความคิดของเจ้าตัวที่ติดลบสุดกู่เท่านั้น มืดมนเสียจนฉันคิดท้อหลายครั้ง มีบางเวลาที่ฉันอยากจะทิ้งเขาไปเสียที แต่ก็คิดว่าตัวเองไม่มีที่ให้กลับแล้ว ฉันตัดสินใจแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเลือกเดินเส้นทางลำบากเต็มไปด้วยขวากหนาม ฉันก็เลยคิดว่าจะผลักดันเขาให้แรงที่สุด
วันที่ยูริแสดงเอรอสของเขาให้ฉันเห็น ตอนนั้นแหละที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ผิดจริงๆ
ยูริพังกำแพงทุกอย่างที่ฉันก่อ และเก็บหัวใจที่แตกร้าวขึ้นมา
ฉันคิดว่าตัวเองหลงใหลในเอรอสของยูริไปแล้ว แต่ฉันอาจจะหลงใหลเขามาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้
การสารภาพรักครั้งแรกในชีวิตของฉันเป็นไปอย่างลุ่มๆดอนๆ ฉันไม่เคยต้องเป็นฝ่ายเข้าหาด้วยตลอดเวลาคนอื่นๆเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเสมอ ยูริบอกปัดฉันแต่ฉันไม่ได้รู้สึกเสียใจเลย ฉันมั่นใจว่าเขาก็ชอบฉัน แค่ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง ฉันรอได้อยู่แล้ว ฉันมีเวลาตลอดชีวิต ฉันไม่พูดเรื่องคนรักกับเขาอีก ตอนนี้สิ่งที่ยูริต้องการ คือสมาธิและความมุ่งมั่นที่จะเป็นแชมป์
แต่บางครั้ง เขาก็ทำฉันเกือบสติหลุดเหมือนกัน ตอนที่ฟังมินาโกะแปลสิ่งที่ยูริพูดในรายการ เขายังคิดกับฉันเหมือนเป็นพระเจ้าและเขาคือศาสดาที่เลื่อมใสอย่างนั้นหรือ? เขาเรียกความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อฉันว่ารัก แต่ไม่ใช่ฉันท์คนรัก
ฉันไม่อยากได้ฐานะที่สูงส่งหรืออะไรเลย ฉันแค่อยากรักเขาอย่างเท่าเทียมกัน อยากให้เขารักฉันอย่างมนุษย์คนหนึ่ง อย่างผู้ชายคนหนึ่ง…..พวกเราอยู่ด้วยกัน เล่นกัน เขาเริ่มที่จะกล้าแตะต้องฉันบ้างแล้วแม้จะดูงกๆเงิ่นๆก็ตาม ฉันคิดว่าเขามองฉันเป็นเพื่อนที่ดีด้วยนะ แต่พอเป็นเรื่องสเกต เขากลับอุ้มฉันโยนขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์สูง โดยที่เขายอมคุกเข่าอยู่ข้างล่าง ทั้งที่ฉันไม่ต้องการสักนิด ไม่เป็นไร ฉันมีเวลาเหลือเฟือ แต่คำพูดของยูริมันแทงใจจนฉันต้องลงโทษเขาด้วยการเผาเนกไทน่าเกลียดเส้นนั้นสักหน่อย
และในการแข่งไชน่าคัพนั่นเอง ที่ฉันได้เห็นเอรอสซึ่งถูกปลุกอย่างสมบูรณ์แบบของยูริ
“ อย่าละสายตาไปจากผมเด็ดขาดนะ”
วินาทีแรกที่ใบหน้าของอีกฝ่ายใกล้จนหน้าผากและปลายจมูกชนกัน ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะหยุดหายใจได้นานขนาดนี้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องราวกับจะมองฉันให้ทะลุไปถึงข้างใน คำพูดที่ราวกับออกคำสั่ง นี่ไม่ใช่คำขออ้อนวอนอีกแล้ว ยูริคือยูริ ไม่ใช่คัตสึด้ง ไม่ใช่หญิงสาว และถ้านี่คือเนื้อในของยูริจริงๆ ฉันก็ไม่แปลกใจเลยถ้าเขาจะดึงดูดฉันให้เข้าหาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ
ฉันอยู่ท่ามกลางน้ำแข็งมาตลอดจนด้านชา แต่เมื่อได้พบกับความอบอุ่นจนร้อนของยูริ มันทำให้ฉันนึกออก ว่าตัวเองหนาวแค่ไหน
ฉันอยากจะดึงมันออกมาอีก คว้านออกมาให้หมด อยากจะเห็น อยากจะถูกสัมผัส อยากถูกความร้อนนั่นโอบอุ้มอีกครั้ง
“ มองแค่ผมเท่านั้นนะ วิคเตอร์ หากนายมองไปที่อื่น ผมจะทำให้นายเป็นของผม”
ฉันถึงกับต้องแอบเลียริมฝีปากและจิกนิ้วตัวเองลงไปที่ขากางเกงเลยทีเดียว พอคิดว่าเป็นคำสั่งจากยูริที่พูดด้วยแววตามุ่งมั่นขนาดนั้น ความซุกซนก็เริ่มแผ่ออกมา ถ้าไม่ติดว่าสายตาของฉันสามารถทำให้เขาชนะได้ ฉันก็อยากจะลองขัดคำสั่งของยูริเหมือนกัน ฉันรอที่จะให้เขาพูดจาแบบนี้นอกจากเวลาแข่งไม่ไหวแล้ว อยากรู้เหลือเกินว่าบทลงโทษจะเป็นอะไร ฉันมันพวกเห็นไฟแล้วชอบเอานิ้วเข้าไปแหย่ เป็นประเภทที่รู้ว่าข้างหน้าเป็นเหวก็ยังจะวิ่งเข้าหา
เมื่อมาถึงศึกสุดท้าย ฉันยอมรับว่ารู้สึกกลัวนิดหน่อย ในฐานะที่เป็นโค้ชของยูริ แต่ก็เคยอยู่ในตำแหน่งเดียวกับยูริเช่นกัน ฉันรู้ดีว่าความกลัวของฉันเทียบไม่ได้เลยกับคนที่ต้องยืนอยู่กลางลานอย่างโดดเดี่ยว ยูรินั้นมีคนคอยให้กำลังมากมาย ทุกคนรักยูริอย่างท่วมท้น แต่เมื่อต้องยืนอยู่กลางลาน เขาก็จะเหลือตัวคนเดียว และฉันเข้าใจมันดี ยิ่งเข้าใจ ฉันก็จะต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้
ฉันกำมือเขาและมองดวงตาสีน้ำตาลนั้น
“ คำสั่งสุดท้ายนะ ยูริ” นิ้วมือที่วางบนหลังมือของเขาบีบแน่นขึ้น “ ต้องชนะ”
ฉันไม่แน่ใจว่าจะพูดให้ยูริหรือตัวเองฟังกันแน่ และยูริเหมือนจะรับรู้ในความห่วงใยของฉัน ว่าฉันกังวลกับสถานการณ์ของเขาตอนนี้ แต่ยูริเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่กลัวอีก ไม่มองหาฉันแค่เฉพาะในยามที่รู้สึกอ่อนแอ เขามีฉันอยู่ในสายตาเสมอ ไม่ว่าจะในยามทุกข์หรือสุข
มือของฉันที่ทับมือเขาอยู่ถูกกุมแน่น ยูริเขย่งเท้าขึ้นมาจากลานซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในระดับต่ำกว่า ใบหน้าที่เริ่มหล่อเหลาตั้งแต่เมื่อไร่ก็จำไม่ได้นั้นชนกับหน้าฉัน
“ ผมสัญญา”
“ สาบานเลยนะ”
“ ครับ สาบานครับ นายท่าน”
ฉันแค่นหัวเราะกับวิธีพูดทีเล่นทีจริงของยูริที่ไม่รู้เหมือนกันว่าติดมาจากใคร ริมฝีปากของยูริลากผ่านคางของฉัน มาที่แก้ม และหยุดที่ปาก เราทั้งสองไม่มีใครสนใจเสียงกล้องหรือเสียงโห่ร้องสลับกับปรบมือของผู้ชม ยูริผละออก ลื่นถอยหลังห่างจากฉันไปโดยที่ยังมองฉันอยู่ ก่อนจะหันกลับไปมองที่ลาน และชั่วขณะนั้น ทั่วทั้งฮอลล์ก็ตกอยู่ในภวังค์เมื่อยูริเริ่มร่ายเวทมนตร์
จากหญิงสาวผู้อ้อนวอนขอความรัก กลายเป็นชายหนุ่มผู้พรากคนรักจากโลกทั้งใบ
จากลูกหมู กลายเป็นเจ้าชาย
เวทมนตร์ที่ฉันมอบให้ยูริ คือ ความรัก และฉันไม่เสียใจเลย ที่ได้ทุ่มเทชีวิตให้กับการเติบโตของใครสักคนอย่างลึกซึ้ง และกำลังจะได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของชายคนนั้น
นายไม่เคยหยุดทำให้ฉันประหลาดใจเลย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่คิดว่าซึงจูจูน่าจะเยอะสุดครับ ฮา
ຜມອິນມາກໄປຫນ່ອຍ. . .
555
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 19 พฤศจิกายน 2559 / 20:36
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 19 พฤศจิกายน 2559 / 20:37