ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    M!STAKE!!★ซวยฉิบหาย ผมชอบผู้ชายเข้าแล้ว!![Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #10 : Mistake#7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.27K
      3
      27 ก.พ. 56

    Mistake!! # 7

     

     

     

     

     

     

     

    ปล่อยสิวะมันเจ็บนะเว้ย!!  

                    ผมแหกปากดังลั่นเมื่อถูกข้อมือแกร่งๆของอีกฝ่ายฉุดกระชากลากถูผมลงมาที่ชั้นหนึ่งของร้าน สายตาแทบทุกคู่ของบริกรที่กำลังจัดโต๊ะอยู่แถวนั้นจับจ้องมาที่เราสองคนแทบจะเป็นสายตาเดียว และนั่นทำให้ผมต้องก้มหน้านิ่งสงบปากสงบคำเดินตามการชักจูงของอีกฝ่ายไปเรื่อยๆอย่างว่าง่าย แม้หมอนี่จะพาไปนรก หรือสวรรค์ ยังไงก็ต้องเดินตามต่อไปอย่างเงียบเชียบ

     



    ‘ นั่นเพราะมันก็ยังดีกว่าความลับของตัวเองรั่วไหลหล่ะน่า ’

                   

     




     หึ ไม่โวยวายแล้วหรือไง? โวยวายอีกสิ เอาเลย เต็มที่

                    คงจะด้วยความที่เห็นผมเงียบไปหลายอึดใจ คนที่เดินนำอยู่กลับหันมามองผมอย่างเชื่องช้าพร้อมรอยยิ้มยียวนเรียวร้ายที่มุมริมฝีปากบางเฉียบน่าจูบนั่น น้ำเสียงประชดประชันไม่รื่นหูดังออกมาอย่างท้าทายพอๆกับรอยยิ้มเย้ยหยันชวนหงุดหงิดบนใบหน้าหล่อเหลาราวกับนายแบบนิตยสารชื่อดัง      


                   

                    ผมได้แต่สบถด่าอีกฝ่ายผ่านริมฝีปากออกมาแผ่วเบา รู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาจับใจ เมื่อรับรู้ได้ว่า ครั้งใดที่อยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ ผมก็ทำอะไรมากไม่ได้ไปกว่าการสบถด่าในใจทั้งๆที่ร่างกายของตัวเองโดนทำอะไรต่อมิอะไรที่มันน่าจะฆ่าผู้ชายตรงหน้าเป็นการตอบแทนอย่างสาสมเสียด้วยซ้ำกับการที่คนอย่างหมอนี่บังอาจมาแตะเนื้อต้องตัวผมครั้งแล้วครั้งเล่า!!

     


    ‘ ถ้านายไม่ใช่คนที่กุมความลับของฉันไว้ ฉันจะซัดหน้านายให้หงายอยู่ตรงนี้เลย!! ’

    .

    .

    .

    .

    .

                    ผมเดินตามไหล่กว้างๆของคนที่เดินจูงนำหน้ามายังทางเดินแคบๆข้างเวที ผมชะงักฝีเท้าไปนิดหนึ่งเมื่อทางเดินต่อไปข้างหน้ามันมืดสลัวราวกับทางไปห้องดับจิต หรือผมจะคิดมากไปเอง? ผมที่ชะงักฝีเท้าการก้าวเดินไปนิดหนึ่งทำให้คนเดินนำหน้าหันมามอง ใบหน้าเรียวหล่อนั้นฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจบนใบหน้า คิ้วโก่งนั่นเลิกขึ้นน้อยๆราวกับกำลังหยั่งเชิงว่าผมจะกล้าก้าวเดินต่อไปหรือไม่ และนั่นคือสิ่งที่ผมถือว่าเป็นการดูถูก!!



    กลัวหรือไง? ”

                    คำพูดราบเรียบแฝงไปด้วยอาการดูถูกชัดเจนของคนตรงหน้าแทบทำให้ผมอยากวาดหมัดใส่ใบหน้าหล่อนี่เป็นครั้งที่เท่าใดก็ไม่อาจทราบ มือเรียวที่กำแน่นอยู่ที่ข้อมือค่อยๆผ่อนแรงบีบ หากแต่ร่างสูงๆของอีกฝ่ายที่เข้ามาประชิดทำให้หัวใจของผมเต้นผิดจังหวะ ผมเบี่ยงริมฝีปากหลบริมฝีปากบางที่กดลงมาหมายจะแนบชิด แต่นั่นกลับทำให้ผิวแก้มรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของจมูกโด่งสันที่กดลงมาแทน



    ก็งั้นจะพาไปไหนละวะ!? ”


    หะๆ ฮ่าๆ… 

                    เสียงหัวเราะเย้ยหยันมาพร้อมกับมือเรียวอีกข้างที่บีบเข้าที่ปลายคาง ดวงตาของผมถูกบีบบังคับให้สบประสานเข้ากับนัยน์ตาเรียวร้ายคู่สีดำสนิทราวกับท้องฟ้าในคืนที่ไร้แม้กระทั่งดวงดาว เสียงหัวเราะแผ่วๆจากริมฝีปากที่อยู่ห่างออกไปจนวัดเป็นมิลลิเมตรได้ กลิ่นบุหรี่แผ่วจางอันคุ้นชินถูกเป่ารินรดลงมาบนริมฝีปากพร้อมกับความรู้สึกร้อนผะผ่าวบนใบหน้าก่อนที่เจ้าของนัยน์ตาสีนิลขวางโลกนั่นจะนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่

    .

    .

    .

    .

    .

    .


    จะพาไปไหนงั้นหรอ? ไปมีเซ็กส์ไง… 

                    ผมงันไปกับคำตอบที่มาพร้อมริมฝีปากที่บดเบียดลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว ลิ้นร้อนที่ไล้เลียเกี่ยวพันไปทั่วราวกับบังคับให้ตอบรับสัมผัสใดๆที่คนตรงหน้ามอบให้ กลิ่นบุหรี่ที่คละคลุ้งไปทั่วปากราวกับทำหน้าที่กระตุ้นสัญชาตญาณดิบภายในตัวให้แตกตื่น ภาพแต่ละฉากแต่ละตอนในคืนนั้นหลั่งไหลเข้ามาราวกับฟิล์มหนังที่เอามาฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงแต่ครั้งนี้มันพิเศษกว่านิดหน่อยก็ตรงที่ มีภาพร่างบางเปลือยเปล่าของพี่ชายคนกลางของผมแทรกเข้ามาด้วย…                  


    แฮ่กๆ… 


                    ผมรับรู้ถึงใบหน้าตัวเองที่ร้อนผ่าวราวกับถูกไฟรน เสียงลมหายใจหอบถี่ของผมและคนตรงหน้าดังสะท้อนกลับไปกลับมาระหว่างทางเดินแคบๆที่เปิดไฟไว้สลัวๆ ร่างกายอุ่นๆที่แนบชิดลงมามีเพียงเสื้อผ้าเป็นเครื่องกีดกันชั้นดี แต่มันจะกันได้อีกนานแค่ไหน นั่นกลับเป็นสิ่งที่ผมกำลังกังวล!!


     

                    ลมหายใจอุ่นๆคลอเคลียอยู่บริเวณต้นคอทำให้แทบหยุดลมหายใจเอาไว้ตรงนั้น ก่อนจะรู้สึกได้ถึงลิ้นร้อนลากเลียลงบริเวณต้นคอไล่มาอย่างเชื่องช้าที่ปลายคางจบที่ริมฝีปาก กลิ่นบุหรี่ที่คละคลุ้งไปทั่วร่างกายให้ความรู้สึกราวกับกำลังตกลงไปในที่เขี่ยบุหรี่ขนาดยักษ์ซึ่งเต็มไปด้วยเถ้าบุหรี่ฉุนแทบสำลัก


     

                    แต่ไม่ทันที่หัวสมองอันมึนงงสับสนของผมจะได้คิดหาแผนการเอาตัวรอดจากสถานการณ์หล่อแหลมเสี่ยงต่อการมีความลับเพิ่มขึ้น สัมผัสจากลิ้นร้อนที่ลากเลียอยู่ที่ปลายคางกลับหายไปก่อนที่ฝ่ามือใหญ่ๆเย็นเฉียบของร่างสูงจะกดศีรษะผมแนบลงบนแผ่นอกกว้างนั่น ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนสมองมึนชาของผมเรียงลำดับและหาเหตุผลให้การกระทำของอีกฝ่ายไม่ทัน


    อะ… อะไร!? 


    ชู่ว…  




     

    คุณเฮกซ์ครับ โอนเนอร์เตอิให้มาตาม  บอกว่ามีเรื่องสำคัญที่ลืมบอกไป… 

                    ทันทีที่สิ้นเสียงแสดงอาการสั่งให้เงียบ น้ำเสียงเย็นเฉียบราบเรียบดังขึ้นไม่ห่างไปจากตัวมากนัก นั่นทำให้ผมรู้สึกชาตั้งแต่ใบหน้าไปถึงปลายเท้า เสียงบุคคลที่สามที่โผล่มาโดยไร้แม่แต่การบอกกล่าวนั่นกลับทำให้ผมกังวลเรื่องสภาพของตนเองขึ้นเป็นล้านเท่า ‘ ถ้ามีใครเห็นผมในสภาพถูกผู้ชายจูบแบบนี้ จะทำยังไง? ’

     


    บอกโอนเนอร์ว่า อีกห้านาที ฉันจะขึ้นไปหา… 

                    เจ้าของมือเรียวที่กดศีรษะผมแนบกับแผ่นอกเพื่อซ่อนใบหน้านั่นตอบออกไปอย่างแช่มช้านิ่งเฉย ผมได้ยินเสียงตอบรับกลับมาของบุคคลที่สามอันคิดว่าน่าจะเป็นบริกรพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวห่างออกไปสองสามก้าว




    เดี๋ยว… 

                    เสียงทุ้มของเจ้าของแผ่นอกที่ผมซุกซ่อนใบหน้าอยู่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ชะงักลงอย่างทันท่วงที เสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่ดังอยู่ตรงหน้าดูจะสม่ำเสมอราบเรียบราวกับคนที่ไร้แม้ความสนุกตื่นเต้นในชีวิต ต่างกับเสียงหัวใจของผมที่กำลังเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมาข้างนอกอก



    ครับ? คุณเฮกซ์

    .

    .

    .

    .

    .



    เมื่อกี๊นายไม่เห็นอะไรใช่มั้ย? ”

                    คำถามราบเรียบแกมข่มขู่ดังขึ้นจากริมฝีปากบางเฉียบที่สูงเหนือศีรษะของผมขึ้นไป ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้านิ่งเฉยกับนัยน์ตาสีดำสนิทที่วาวจ้าราวกับนัยน์ตาของสัตว์ป่า บริกรหนุ่มผู้ถูกข่มขู่นิ่งไปอึดใจ ก่อนจะตอบกลับมาด้วยประโยคที่คนถามฟังดูแล้วน่าจะพึงพอใจ


    ครับ ด้วยเกียรติ ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น… 


    ดีงั้นไปบอกโอนเนอร์ตามที่ฉันบอกนายก็แล้วกัน

                   

                    สิ้นประโยคราบเรียบหากแต่แฝงไปด้วยความพึงพอใจของร่างสูงตรงหน้า เสียงฝีเท้าที่ดังห่างออกไปเรื่อยๆของบริกรหนุ่มก่อนจะหายไปในที่สุดนั่นทำให้ผมถอนหายใจอย่างรู้สึกโล่งอก มือเรียวนั่นคลายแรงที่กดลงบนศีรษะของผมช้าๆก่อนที่มือเรียวข้างหนึ่งจะเชยเข้าที่คางของผม



    จะไม่ขอบคุณหน่อยหรือไง? คนเค้าอุตส่าห์ช่วยรักษาชื่อเสียงให้

                    เสียงทุ้มนุ่มมาพร้อมรอยยิ้มฉีกกว้างดูเจ้าเล่ห์บนใบหน้าหล่อ ใบหน้าที่อยู่ห่างออกไปจากใบหน้าของผมเพียงน้อยนิดพร่างพราวไปด้วยรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจ ผมกัดฟันแน่นก่อนจะรู้สึกได้ถึงเส้นเลือดที่กำลังเต้นตุบๆที่ขมับของตน ความช่วยเหลือที่ดูจะหวังผลทำให้ผมแทบอยากจะด่าหมอนี่แทนคำขอบคุณที่คนตรงหน้าต้องการ



    ขอบ… 

                    คำขอบคุณที่ผมตั้งใจว่าจะกล่าวประชดประชันเต็มที่กลับถูกกลืนหายไปเพราะริมฝีปากบางที่บดเบียดลงมาอย่างเร่าร้อนลิ้นร้อนที่ถือวิสาสะแทรกเข้าเกี่ยวพันกลับทำให้หัวสมองหมุนติ้วได้อีกครั้ง ลมหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าถูกช่วงชิงไปอย่างง่ายดาย ความรู้สึกหวานหอมของรสจูบทำให้รู้สึกจมดิ่งราวกับจมลงไปก้นสระว่ายน้ำที่ทำให้แทบสำลัก


     

    ร่างสูงผละริมฝีปากออกมาอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่งพร้อมกับมีเรียวที่กระชากเข้าที่ข้อมือของผมพร้อมกับออกแรงลากอีกครั้ง ผมก้มหน้านิ่งเดินตามอีกฝ่ายมาไม่ไกลนักก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ประตูสีดำสนิทแทบจะพร้อมๆกับที่ขาเรียวของคนตรงหน้าจะถีบเข้าไปอย่างแรง


     

    ผมเงยหน้าขึ้นมองสำรวจห้อง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้กวาดสายตามองสิ่งใดๆในนั้น ผมรู้สึกถึงแรงไม่มากนักที่เหวี่ยงร่างของผมลอยละลิ่วลงไปนอนแอ้งแม้งบนโซฟาลายเสือที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากประตูไปมากนัก ร่างสูงที่ทาบทับลงมาพร้อมกับมือเรียวที่ฉุดกระชากเข้าที่ชายเสื้อจนเสื้อสีขาวคว้านคอของผมหลุดออกจากกาย

     

    ฉันช่วยนาย ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยกโทษให้เรื่องยูนิ… 

     

                    เสียงทุ้มราบเรียบมาพร้อมกับลิ้นร้อนๆลากไล้ลงบนแผ่นอก ก่อนที่นัยน์ตาสีดำสนิทขวางโลกคู่นั้นจะปลายมองมาที่ใบหน้าของผมแว่บหนึ่ง ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารินรดลงบนยอดอกทำให้วาบหวามจนเกร็งไปทั้งร่าง ผมปรือตามองใบหน้าหล่อที่ห่างเพียงคืบ



    ก็แล้วจะให้ทำยังไง!? ”

                    ผมกระแทกเสียงถามกลับไปอย่างหงุดหงิด สัมผัสวาบหวามครึ่งๆกลางๆที่อีกฝ่ายมอบให้ดูจะเป็นเครื่องทรมานชั้นดีสำหรับอารมณ์ดิบของผมที่กำลังพลุ่งพล่านในตอนนี้ รอยยิ้มเรียวร้ายถูกฉายขึ้นที่มุมปากอีกครั้งพร้อมๆกับแรงรัดของเส้นเชือกเข้าที่ข้อมือทั้งสองข้าง ผมเบิกตาโพลงจับจ้องอีกฝ่ายด้วยความสับสนปะปนไปกับความโกรธที่เริ่มโหมกระพือ


    รออยู่นี่สักพักก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะกลับมาบอกให้… ว่าต้องทำยังไงบ้าง


    นายไม่มีสิทธิ์มาทำอย่างนี้กับฉันนะ!! 

                    ผมได้ยินเสียงตัวเองตวาดดังลั่นห้องพร้อมกับความพยายามอย่างยิ่งยวดในการดิ้นลนเพื่อจะให้หลุดออกจากเชือกที่ไม่รู้ว่าไอ้บ้านั่นมันไปเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่และเอามาจากไหน ผมเห็นอีกฝ่ายยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก่อนจะหันมายักไหล่ราวกับไม่สนใจเสียงของผม แล้วขาเรียวๆคู่นั้นจะพาร่างสูงของหมอนั่นเดินหายออกจากห้องไปหน้าตาเฉย ทิ้งให้ผมที่อยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนโดนมัดตรึงอยู่บนโซฟาลายเสือตัวเดียวของห้อง

    .

    .

    .

    .

    .

    .


     Bitch!!... 

                    คำสบถหยาบคายที่ผ่านออกมาจากริมฝีปากราวกับเป็นการระบายความโกรธดิบเถื่อนที่กำลังเล่นพล่านไปทั่วร่าง ผมขบฟันแน่นจนรู้สึกได้ถึงเสียงฟันที่บดเบียดเข้าหากันดังกรอด ผมกวาดสายตาไปทั่วห้องช้าๆพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะมองหาตัวช่วยหรืออะไรบางอย่างที่พาผมออกไปจากสถานการณ์น่าสมเพชแบบนี้ หากคิดจะแหกปากให้ใครมาช่วย นั่นก็คงจะโง่มากที่เอาตัวเองไปเสี่ยงกับการเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือหลายๆฉบับ


     

                    หากแต่เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นในเวลาไม่ห่างออกไปนักทำให้ผมไม่จำเป็นต้องคิดอื่นใดไปมากกว่านั้น ผมหันขวับไปมองที่ประตูซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโซฟาไปมากนัก ริมฝีปากที่เตรียมจะด่าสาดเสียเทเสียให้ร่างสูงของคนที่ผมคิดว่าเป็นไอ้บ้านั่นกลับต้องชะงักลง ในเมื่อคนที่เปิดประตูเข้ามาไม่ใช่หมอนั่น

    .

    .

    .

    .

    .

    .

                    ผมหันขวับไปมองที่ประตูสีดำสนิทที่ถูกเปิดเข้ามา ภาพที่เห็นทำเอาชาวาบไปทั้งร่าง ภาพร่างสูงโปร่งของใครอีกคนที่แนบชิดเข้ากับร่างเล็กกว่าทำให้ผมถึงกับชะงักฝีปากลงแทบจะในวินาทีที่ประตูเปิดออก ริมฝีปากที่บดเบียดเข้าหากันอย่างเร่าร้อนของผู้มาใหม่ทำให้ผมหน้าแดงอย่างไม่ทราบสาเหตุ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาสองคนที่กำลังจูบกันนัวเนียตรงประตูดูจะไม่ได้สนใจการมีอยู่ของผมภายในห้องมากนัก


     

                    เสียงหายใจหอบถี่กับเสียงริมฝีปากสัมผัสกันสะท้อนก้องไปทั่วห้องราวกับเสียงหลอกหลอนของปีศาจที่มักโผล่ออกมายามค่ำคืน ผมมองภาพคนตัวเล็กเจ้าของผมสีแดงเพลิงถูกผลักกระแทกประตูก่อนที่ร่างสูงกว่าของหนุ่มผมดำที่แนบชิดลง ใบหน้าเหมือนเด็กกมอปลายของร่างเล็กนิ่วเล็กน้อยแสดงอาการเจ็บหลังจากโดนกระแทก(ประตู =_=)


     

                    ภาพริมฝีปากกับลิ้นที่แลกจูบกันเป็นว่าเล่นทำให้ผมต้องเบนหน้าหลบภาพตรงหน้าอย่างเชื่องช้า มีเพียงเสียงริมฝีปากสัมผัสกันเท่านั้นที่ไม่อาจปิดกั้นประสาทให้ไม่รับรู้ได้



    เอ๋? … 

                    ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะเสียงร้องอย่างมึนงงที่หลุดออกมาจากปากของไม่ร่างใดร่างหนึ่งของผู้มาใหม่ หนุ่มผมแดงตัวเล็กชะงักริมฝีปากที่ใช้สัมผัสกับอีกคนไว้เพียงแค่นั้น ใบหน้าน่ารักเหมือนเด็กๆนั่นแสดงความสงสัยอย่างเต็มที่พร้อมกับขมวดคิ้วมองมาที่ผม ต่างจากร่างสูงของอีกคนที่ไม่ได้มีความสนใจรอบๆกายมากไปกว่าต้นคอเรียวขาวของคนในอ้อมกอด


    พี่เฟอร์โรพอก่อน ไม่เห็นหรือไงว่ามีคนอยู่ในห้อง?!! 


     …………….. 

                    เสียงเล็กตวาดแหวขึ้นเมื่อร่างสูงไม่ยอมปล่อยให้ตนเป็นอิสระ ใบหน้าหล่อของหนุ่มผมดำหันมามองผมแว่บหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจกับแก้มใสของคนในอ้อมกอด จมูกโด่งสันที่กดลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อกอบโกยจากคนตรงหน้าดูจะเป็นอะไรที่มีค่ายิ่งกว่าชีวิตของคนไม่รู้จักที่ถูกมัดอยู่บนโซฟาตรงหน้า

     



      สต็อป!!!!! 

                    เสียงใสตวาดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับศีรษะกับกลุ่มผมสีแดงเพลิงที่โขกเข้าที่ปลายคางของคนช่างตื้อเสียงดังพลักใหญ่ และนั่นดูจะให้ผลชะงัดเมื่อร่างสูงที่ถูกคนตัวเล็กกว่าใช้ศีรษะโขกเข้าที่ปลายคางถึงกับผละออกมาจากร่างเล็กๆที่เค้าครอบครองอยู่ เจ้าของใบหน้าหล่อรับกับเรือนผมสีดำสนิทส่ายหัวน้อยๆไล่อาการมึนเนื่องจากแรงกระแทก


    มันเจ็บนะรัสท์… 


    =_= สมควร

                    เจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงเบ้หน้าใส่คนตรงหน้าก่อนที่ขาเรียวๆคู่นั้นจะพาร่างมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผม ใบหน้าน่ารักเหมือนเด็กๆนั่นเต็มไปด้วยความมึนงงและความอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ นัยน์ตาสีดำสนิทนั่นทอดมองร่างเปลือยท่อนบนของผมอย่างสนใจก่อนที่ใบหน้าน่ารักนั่นจะขึ้นสีแดงระเรื่อโดยที่เจ้าตัวเองก็คงไม่รู้ตัว



    นี่ใคร? “

                    เสียงทุ้มเรียบเฉยดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทที่เดินเข้ามายืนกอดอกอยู่เหนือร่างเล็กๆที่กำลังจับจ้องผมไม่วางตา คิ้วเข้มสีเดียวกับเรือนผมขับให้ใบหน้าขาวหล่อดูเด่นสะดุดตา แล้วความจำอันเลือนรางของผมก็ทำให้นึกออก ว่าตัวเองเคยเจอสองคนนี้มาแล้วที่ไหนสักแห่ง?



    นั่นสิ แต่ว่าคุ้นหน้าชะมัดเลย… 


    ช่วยแก้มัดให้หน่อยได้มั้ย? ”



                    ผมรีบกล่าวขึ้นแทรกก่อนที่ร่างเล็กผมแดงนี่จะนึกออกว่าผมเป็นใครซึ่งนั้นมีความเสี่ยงสูงมากที่ผมจะถูกแบล็คเมลล์ ใบหน้าหวานใสนั่นชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตากลมโตคู่นั้นมีแววลังเลกับอะไรบางอย่าง มือเรียวเล็กถูกยกขึ้นแตะริมฝีปากราวกับกำลังคุ่นคิด มุมปากบางคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์สนุกสนานแบบเด็กๆก่อนที่ใบหน้าเรียวใสนั่นจะเลื่อนเข้ามาใกล้กับใบหน้าของผม






    จูบผมสิ แล้วจะแก้ให้ ^^ 

     

    ….Damn!! ทำไมชีวิตผมต้องเจอแต่คนเจ้าเล่ห์พรรค์นี้ด้วย!!

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×