คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Mistake#8
Mistake!! # 8
ผมกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่กำลังถาโถมเข้ามาจู่โจมสมองของตน ยิ่งเห็นใบหน้าหวานใสกับริมฝีปากอิ่มน่าจูบของคนตรงหน้ายิ่งทำให้ต้องคิดหนัก ริมฝีปากอิ่มนั่นดูจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของคนโรคจิตอย่าง ‘ หมอนั่น ‘ หากแต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า ถ้าผมจูบ แล้วเจ้าเด็กนี่จะปล่อยผมจริงตามที่พูด
“ เลิกเล่นได้แล้วน่า… ”
ขณะที่ผมกำลังลังเลกับการตัดสินใจอยู่นั้น มือเรียวของร่างสูงผมสีดำสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆกลับกระชากแขนบางๆนั่นจนปลิวลุกขึ้นยืน น้ำเสียงเรียบเฉยไม่ได้บ่งบอกอารมณ์อะไรมากนัก หากแต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจที่แฝงอยู่น้อยนิดอย่างไม่อาจปิดกั้น และนั่นก็เท่ากับว่าตอนนี้…
ทางรอดหนึ่งเดียวของผมถูกทำให้ปิดตัวลงโดยสมบูรณ์ !!
คนตัวเล็กผมแดงเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่มือบางๆจะกำหมัดเหวี่ยงเข้าใส่ใบหน้าหล่อเหลาของคนข้างกาย เจ้าของร่างสูงโปร่งผู้โดนประทุษร้ายเบี่ยงตัวหลบก่อนจะคว้าเข้าที่เอวบางพร้อมทั้งกระชากเข้ามาแนบกาย ริมฝีปากบางถูกบดเบียดด้วยริมฝีปากของร่างสูงอีกครั้ง
ผมเบนหน้าหนีภาพตรงหน้าเป็นครั้งที่สองเมื่อรับรู้ถึงความร้อนรุ่มของร่างกายตัวเองที่กำลังทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงริมฝีปากกับเสียงหอบหายใจถี่ ดูจะกรีดแทงทรมานผมได้ดีพอๆกับสัมผัสครึ่งๆกลางๆที่หมอนั่นทิ้งไว้ให้ ความต้องการที่ถูกจุดขึ้นด้วยเชื้อไฟเพียงแผ่วเบากำลังโหมกระพือตามแรงลมที่พัดผ่านมา…
ที่ทำได้ตอนนี้ก็มีแต่ต้องเลือก ว่าจะรอน้ำมันที่จะราดเข้ามา หรือจะเลือกน้ำหยดน้อยที่ไม่แน่ว่าจะทำให้รอดได้หรือไม่
“ ผมไม่ได้กำลังเล่นนะพี่เฟอร์โร!! ดูก็รู้ไม่ใช่หรือไงว่าผมอยากจูบหมอนี่!! ”
ทันทีที่ร่างสูงผละริมฝีปากออก น้ำเสียงใสกลับตวาดแหวขึ้นทันทีด้วยท่าทางที่ดูเหมือนลูกแมวพองขนเวลาโกรธ ใบหน้าหวานบัดนี้งอง้ำยิ่งกว่าอะไร ผมนิ่งไปนิดหนึ่งเมื่อร่างบางตรงหน้ากล่าวจบ หากแต่ภาพริมฝีปากบางช่างถกเถียงนั่นโดนจู่โจมด้วยริมฝีปากเดิมอีกครั้งทำให้ผมแทบอยากจะหายตัวออกจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด…
ผมมองมือเรียวเล็กที่เคยกำหมัดหลวมๆฟาดใส่แผ่นอกของคนฉวยโอกาสไม่ยั้ง แต่แล้วมันกลับค่อยๆชะลอลงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นมือเรียวที่ไล้ขึ้นโอบรอบคอแทน ซึ่งไม่ต่างจากมือของอีกฝ่ายที่เค้นคลึงอยู่ที่เอวคอดพร้อมกับฝ่ามือที่ขย้ำลงบนบั้นเอว และเป็นอีกครั้งที่ผู้มาใหม่สองคน ทำเหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ในห้อง
.
.
.
.
.
.
….damn!! พระเจ้าครับ พระองค์ช่วยเอาผมออกไปจากตรงนี้ที
ฉากวาบหวามตรงหน้าของผมที่ดูเหมือนกำลังจะดำเนินต่อเนื่องไปด้วยดี หากแต่กลับพลันชะงักลงอย่างไม่อาจคาดถึง เมื่อมือบางที่เคยโอบรอบคอของอีกคนอยู่กลับคลายออกแปรเปลี่ยนเป็นหมัดลุ่นๆที่ฟาดเข้าใส่ปลายคางของหนุ่มผมดำตรงหน้าแทน เสียงหมัดกระทบเข้าที่ปลายคางดังพลั่กพร้อมกับร่างสูงๆที่เซถอยห่างออกไปไกล หมัดไม่หนักไม่เบานั่นทำให้ทั้งผมและคนโดนต่อยถึงกับมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
ผมเบิกตาโพลงมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง หากแต่สิ่งที่หน้าตกตะลึงยิ่งกว่ากลับเป็นใบหน้าหวานที่แนบลงมาใกล้อย่างน่าใจหายพร้อมๆกับริมฝีปากบางเฉียบที่บดเบียดลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว มือเรียวบางที่บีบแน่นอยู่ที่ปลายคางทำให้ไม่อาจขยับกายหลีกหนีจากรสจูบเร่าร้อนแบบเด็กๆนี่ได้…
…และนั่น ทำให้ตะหนักได้ว่า ผมโดนเจ้าเด็กนี่จูบเข้าให้จริงๆเสียแล้ว
.
.
.
.
.
.
ริมฝีปากบางเฉียบค่อยผละห่างจากริมฝีปากของผมอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่งพร้อมๆกับแรงบีบที่ปลายคางที่เริ่มผ่อนกำลังลง ใบหน้าหวานน่ารักที่ห่างออกไปเพียงน้อยนิดเผยยิ้มแบบเด็กที่ถูกใจกับขนมหวานที่พึ่งได้มา ผมเหลือบขึ้นมองใบหน้าหล่อของชายหนุ่มอีกคนในห้อง หากแต่พบเพียงความนิ่งเฉยว่างเปล่า อยากที่จะคาดเดาความรู้สึกภายใต้นัยน์ตาสีดำสนิทนั่น
“ ได้จูบแล้วก็ปล่อยฉันสิ ”
ผมเบือนหน้าหนีริมฝีปากเล็กๆจิ้มลิ้มที่ทำท่าจะกดลงมาอีกรอบพร้อมกับทวงสัญญาที่ผมสำควรจะได้มัน ถึงแม้จะไม่เต็มใจที่จะทำให้เกิดสัญญานี้ก็ตาม! อีกฝ่ายยิ้มจนตาปิดก่อนที่ริมฝีปากบางจะเอื้อนเอ่ย
“ ผมบอกว่า ถ้าคุณจูบผมจะยอมปล่อย… ”
“ แต่นี่คุณไม่ได้จูบผมสักหน่อย ผมจูบคุณก่อนชัดๆ ”
เสียงหวานเอ่ยเอื้อนก่อนจะเว้นวรรคไปพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ฉายแพรวพราวบนใบหน้าน่ารัก แล้วคำพูดที่ทำให้ผมต้องคิดทบทวนว่า ตัวเองจะยังสมควรมีชีวิตอยู่บนโลกต่อไปดีมั้ย? ในเมื่อชีวิตนี้เจอแต่คนนิสัยน่าปวดหัวแบบนี้!! หัวสมองผมตื้อไปหมด ไม่รู้จะสรรหาคำด่าร้ายกาจยังไงมาด่าเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ตรงหน้าได้ จึงทำได้แค่เพียงหลับตาลงอย่างเชื่องช้า เพื่อปลงกับชีวิตอันน่าเลวร้ายของตัวเอง ส่วนอีกใจก็ภาวนาสาปส่งให้ชายหนุ่มผมดำอีกคนที่ดูจะเป็นเจ้าเข้าเจ้าของหมอนี่เกิดฟิวส์ขาดลากเจ้าเด็กร้ายกาจนี่เข้าไปเคลียร์กันในห้องเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดคงจะดีกว่านี้ไม่น้อย เพราะทุกอย่างมันกำลังจะแย่ลง…
.
.
.
.
.
.
.
.
ปัง!!
ผมเบิกตาโพลงขึ้นอีกครั้งอย่างตกใจ เมื่อเสียงที่ดังต่อมากลับเป็นเสียงประตูถูกเปิดกระแทกอัดเข้ากับผนังอย่างแรงทำให้คนตัวเล็กตรงหน้าผละกายออกห่างจากโซฟาพร้อมกับหันขวับไปมองเช่นเดียวกันกับผม ภาพร่างสูงผมดำอีกคนกอดอกยืนอยู่ที่ประตูดูจะทำให้บรรยากาศรอบกายแปรเปลี่ยนไปในทางที่เลวร้ายยิ่งขึ้น นัยน์ตาสีดำสนิทขวางโลกของผู้มาใหม่แทบจะทำให้ทั้งโลกหยุดหมุนลงได้
ทุกสายตามองตามขายาวๆที่เดินตรงดิ่งเข้ามากระชากร่างเล็กๆที่อยู่ข้างกายผมจนปลิวลุกขึ้นดูจะเป็นอีกเรื่องที่ไม่อาจคาดคิด ราวกับตกอยู่ในเงื้อมมือของพระยามัจจุราช ร่างเล็กตรงหน้าเบ้หน้าแสดงอาการเจ็บปวดก่อนจะทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้เสียให้รู้แล้วรู้รอด
“ นายจูบคนของฉันหรอรัสท์? ”
เสียงทุ้มของผู้กลับมาเอ่ยเอื้อนด้วยอารมณ์ที่ยากจะคาดเดา นัยน์ตาสีดำขวางโลกที่เคยมองแล้วชวนให้รู้สึกปั่นป่วนนั่นบัดนี้กลับนิ่งสงบ
ราวกับทะเลที่ไร้คลื่น หรือนี่จะเป็นสัญญาณก่อนจะเกิดพายุใหญ่?
“ ผม…ไม่รู้ว่านี่คนของคุณ ผมไม่รู้จริงๆนะลีดเดอร์ ”
ริมฝีปากบางเฉียบของหนุ่มน้อยผมแดงละล่ำละลักตอบไม่เต็มเสียง ใบหน้าหวานบัดนี้ซีดเผือดราวกับไร้ซึ่งเลือดในกาย พร้อมกันนั้นก็ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังอีกคนที่ยังคงกอดอกยืนดูอยู่เฉยๆ ผมมองใบหน้านิ่งเฉยของคนที่ถือสิทธิ์อ้างเป็นเจ้าของในตัวผมสลับกับใบหน้าหวานของอีกคนด้วยความมึนงง
“ พะ… พี่เฟอร์โร ”
เสียงใสที่เอ่ยเอื้อนราวกับกำลังบอกด้วยน้ำเสียงว่าต้องการความช่วยเหลือ หากแต่อีกคนกลับเลือกที่จะนิ่งมองภาพตรงหน้าหน้าที่กำลังดำเนินต่อไปในทีท่าที่จะเลวร้ายลงไปกว่าเดิม
“ นายจะว่าอะไรมั้ยเฟอร์โร?...”
“ ถ้าฉันจะเอาจูบของคนของฉันคืนจากเจ้าเด็กนี่ ”
แล้วสถานการณ์รอบกายผมตอนนี้ก็ต้องเรียกว่าเลวร้ายยิ่งกว่าเลวร้าย เมื่อเจ้าของนัยน์ตาสีดำขวางโลกคู่นั้นพยักพเยิดมาทางผม ก่อนกระชากร่างบางๆของเด็กหนุ่มผมแดงเข้ามาแนบกาย มือเรียวที่เลื่อนเข้าเชยใบหน้าเรียวให้เชิดรั้นขึ้น ก่อนที่มือเรียวอีกข้างที่ฉวยโอกาสโอบเข้าที่เอวบาง
ผมมองภาพจมูกโด่งสันที่กำลังคลอเคลียอยู่กับจมูกของคนตัวเล็กสลับกับภาพอีกคนที่ยังคงยืนนิ่งไม่ห่างออกไปนัก ริมฝีปากทั้งสองที่ต่างก็เคยสัมผัสริมฝีปากของผมค่อยๆเลื่อนเข้าหากันโดยไร้การขัดขวางและขัดขืนจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่อยู่ในห้อง…
.
.
.
.
.
.
.
.
หากแต่ในวินาทีต่อมา ภาพที่ผมเห็นคือริมฝีปากที่ห่างกันจนวัดเป็นมิลลิเมตรได้อยู่แล้วนั้น ร่างแบบบางในอ้อมกอดของผู้ชายที่ผมเกลียดที่สุดในโลกกลับถูกกระชากออกมาอีกครั้งด้วยฝ่ามือใหญ่ๆของคนที่เคยกอดอกนิ่ง ใบหน้าหล่อไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมามากนักเว้นแต่คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันอย่างยุ่งยากใจ
ราวกับโลกถูกทำให้หยุดหมุนอีกครั้งหนึ่ง ริมฝีปากหยักได้รูปของคนไร้อารมณ์ตรงหน้าผมกับประกบทาบทับลงบนริมฝีปากอิ่มอย่างดูดดื่ม ภาพริมฝีปากทั้งสองสัมผัสกันทำให้ผมหัวหมุนติ้วได้เป็นครั้งที่เท่าใดก็ไม่อาจทราบ ความร้อนของร่างกายที่พรุ่งปรี๊ดราวกับปรอทจะแตกผสมปนเปกับความมึนงงกับสภาพรอบตัวอีกครั้ง หากแต่เสียงทุ้มกลับเอ่ยเอื้อนขึ้นฉุดกระชากสติของผมไว้ก่อนที่มันจะจมดิ่งหายไปกับห้วงอารมณ์ดิบเถื่อนที่กำลังคละคลุ้งในกาย
“ ถ้าคุณจะเอาจูบคืน ก็มาเอาจากที่ปากผมก็แล้วกันครับ ลีดเดอร์ ”
“ ….. ”
สิ้นเสียงทุ้มนิ่งราวกับไร้ความรู้สึก ร่างบางๆของหนุ่มน้อยผมแดงก็ต้องปลิวตามแรงกระชากของอีกคนออกไปนอกห้องอีกครั้ง ทิ้งให้ผมต้องเผชิญชะตากรรมอันเลวร้ายกับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่มักจะมาพร้อมรอยยิ้มโรคจิตที่มุมปาก
ใบหน้าหล่อของคนที่ถูกเรียกว่าลีดเดอร์ปรากฏรอยยิ้มเรียวร้ายบนมุมปากอีกครั้ง ก่อนที่หมอนั่นจะนั่งลงบนโซฟาข้างกายของผมอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากบางยกยิ้มอยู่ไม่ขาดพร้อมๆกับที่มือเรียวล้วงบุหรี่ออกมาคาบไว้แล้วจุดสูบในไม่ช้าราวกับกำลังสบายอารมณ์ ผมกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกอึดอัดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงการจ้องมองควันบุหรี่สีขาวที่บิดตัวเป็นเกลียวขึ้นไปบนอากาศ
“ กำจัดตัวยุ่งยากไปได้สักที… เท่านี้ก็เหลือแค่นายกับฉัน หึ ”
….damn!! แล้วช่วงเวลาที่ผมหวาดกลัวที่สุด ก็มาถึงอีกครั้ง
ความคิดเห็น