ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BLACKMA!L★วางแผนร้ายให้กลายเป็นรัก [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #14 : ★BlackMail ฉบับที่ 12 : Plan Step Twelve -3- [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.9K
      18
      7 มิ.ย. 54


    BlackMail

              Chapter  XII  :  Plan  Step Twelve  -3-

     

     

    “ เดี๋ยวปายกับพี่ต้องคุยกันยาวแน่!!

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “ พี่จะออกไปส่งอิท เดี๋ยวเราค่อยกลับมาคุยกัน อย่าหนีไปไหนหล่ะ!!

     

                    เสียงทุ้มฟังดูโมโหนั่นกล่าวดักทางไว้เสียงดังก่อนที่มือเรียวข้างที่บีบอยู่ที่แขนผมจะออกแรงกระชากเพียงเล็กน้อยพาให้ผมเดินตามออกมาจากห้องที่เคยอยู่เมื่อครู่ พอผมเดินพ้นประตูออกมา ขายาวๆของปิงก็ถีบเข้าที่ประตูจนมันปิดดังปังดังลั่นโดมทึบนั่น

     

    ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ก็ไม่คิดว่าผู้ชายยิ้มง่ายดูไม่เคยโกรธใครแบบไอ้นี่จะเถื่อนได้พอตัวแบบนี้ >_< ว่าแต่มึงโมโหอะไรของมึงเนี่ย หรือว่าเมนส์มากะทันหันวะ?? เอางี้ไหม เพื่อให้มึงอารมณ์ดีและขับรถอย่างปลอดภัย เดี๋ยวกูไปซื้อผ้าอนามัยให้ มึงชอบแบบมีปีกหรือแบบบางเบาสบายวะปิง?? -_- (เฮียอิทรู้ละเอียดมากหรือว่าเคยใช้?? : ไรต์ >_<)

     

                    ผมได้แต่คิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกมา ตอนนี้ที่ทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือก้าวขาให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเดินตามเจ้าของแขนเรียวที่ลากนำอยู่ข้างหน้า แม่ง กูก็ขาสั้นกว่าเนอะ มึงก็จะรีบเดินไปไหนเนี่ย!! =_= ปิงพาผมมาหยุดอยู่ที่แจ๊สสีแดงคันที่ผมเคยทิ้งข้อความเอาไว้ ตอนนี้สภาพมันกลับไม่เหลือร่องรอยเลยราวกับเป็นคนละคันกัน แต่ที่ทำให้ผมมั่นใจว่าเป็นคันเดิมก็ตอนที่ มือเรียวของปิงเปิดประตูตรงหน้าแล้วผลักผมเบาๆให้เข้าไป

     

                    พอก้นถึงเบาะ ผมก็พบว่าน้องตุ๊กตาแมวสารพัดสีของไอ้หล่อนี่ยังคงอยู่ที่เดิมทุกตัวไม่ได้เคลื่อนไปไหนแม้แต่เซนฯเดียว ผมยกหมอนพิงขึ้นปิดหน้าก่อนจะค่อยๆเหลือบมองใบหน้าหล่อที่เคร่งสนิทไปเรียบร้อยแล้ว ไร้ซึ่งรอยยิ้มเหมือนดังเช่นที่เคยมี ซึ่งนั่นมันทำให้ผมชักหวั่นๆกับคนตรงหน้า

     

    “ อ่ะเอ่อเราจะไปไหนกันหรอปิง? ”

     

                    ผมตะกุกตะกักถามทำลายความเงียบชวนอึดอัดที่ชักจะปกคลุมทั่วทั้งรถ หากแต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบจากคนตรงหน้าไปพักใหญ่ ใบหน้าหล่อนั่นยังคงนิ่งมองไปข้างหน้าราวกับว่าตั้งอกตั้งใจขับเสียเต็มประดา ผมตัดใจจากการรอฟังคำตอบก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างแบบไม่มีอะไรทำ

     

    แม่ง วันนี้ก็ซวยคอมโบเซ็ตอีกตามเคย T^T เสือกไปรับรู้ความลับของคนที่มีอำนาจล้นฟ้าถึงสองคน จากนั้นก็โดนเพื่อนสนิทขโมยรถ(?) แถมยังมาซวยตบท้ายเป็นของหวานด้วยการโดนเด็กมอปลายรุกจนเกือบโดนจูบอีก ชีวิตมึงนี่รันทดมากเลยนะเนติ กูว่าไปบวชล้างซวยดีกว่าแบบนี้ T^T

     

    “ ตะกี๊เราโทรหาปริ้นท์ แต่กันต์รับ แล้วบอกว่าให้พาอิทไปส่งที่ร้านกลิ่น

     

                    แล้วในที่สุดหมายเลขที่ผมเรียกไปเมื่อนานมาแล้ว ก็ตอบกลับมาด้วยเสียงเย็นๆราวกับอารมณ์มันก็เย็นลงตามไปด้วยแล้ว ผมพยักหน้ารับรู้แผ่วเบาก่อนจะหันออกไปมองนอกหน้าต่างเหมือนเดิมโดยที่มือยังกอดหมอนพิงรูปแมวสีดำเอาไว้แน่น ขณะที่กำลังอินกับอารมณ์เครียดๆของคนตรงหน้าอยู่นั้น

     

                    จู่ๆรถแจ๊สสีแดงคันงามที่ผมกำลังนั่งอยู่โดยมีไอ้รูปหล่อพ่อรวยเป็นสารถีนั่นก็เบรกเอี๊ยดเสียงดังลั่นถนน ก่อนจะจอดเทียบเข้าข้างทาง ผมรีบสะบัดหน้ากลับมามองใบหน้าหล่อขาวของคนขับ ขณะที่ปากกำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงเรียกชื่อผมก็ดังขึ้นเสียก่อน….

     

    “ อิท!....

     

                    เสียงทุ้มนั่นฟังดูเบาโหวงจนผมชักสังหรณ์ถึงอะไรบางอย่าง ผมอืมรับคำในคอแผ่วตอบกลับไป พลางเอี้ยวตัวหลบมือเรียวที่เอื้อมเข้ามาเปิดที่เก็บของรถแถวคอนโซลเพื่อควานหาบุหรี่กับซิปโป้ พอมองตามมือเรียวที่ยกบุหรี่ขึ้นจรดริมฝีปากก่อนจะป้องลมจุดซิปโป้ขึ้นติดไฟ ความเงียบนั่นก็ยังคงล่องลอยครอบงำอยู่พักใหญ่

     

                    ผมกวาดสายตามองตามริมฝีปากบางที่ค่อยๆพ่นควันสีขาวขุ่นเป็นเกลียวคลื่นขึ้นไปในอากาศ ไฟแดงวาบไหวที่ปลายบุหรี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้รวบรวมสมาธิและสติเอาไว้ได้ กลิ่นเมนทอลอ่อนๆที่ได้กลิ่นเป็นครั้งที่สามกลับชวนให้เคลิ้มๆไปยังไงชอบกล -0- และขณะที่ผมกำลังเคลิ้มและมึนงงวูบไหวไปกับทุกสิ่งทุกอย่างอยู่นั้น….

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “ เป็นแฟนกันไหม?? ”

     

    “ อืม…. หะ~  หา?? ถามว่าอะไรนะ??” O_o~*

     

                    ผมที่กำลังเบลอๆได้ที่ กลับสะดุ้งพรวดนั่งตัวตรงพร้อมกับรู้สึกได้ว่าหัวใจตัวเองกำลังเต้นตุบๆไม่เป็นจังหวะ >///< ผมกำหมอนที่กำลังกอดอยู่ไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆซุกหน้าของตัวเองซ่อนไว้เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นใบหน้าแดงก่ำร้อนฉ่านั่น บ้าหว่ะ บ้าชะมัด ไอ้บ้านั่นมันเมาบุหรี่หรอวะ??? >////< หรือว่ามีกล้องแอบถ่ายตรงไหน ไหนกล้อง?? ไหนๆๆ  >///<

     

    “ เปล่า ก็แค่ลองถามดู เผื่ออิทเมาอยู่ จะได้ฟลุค ฮ่าๆ ”

     

                    เสียงทุ้มนั่นเอ่ยกลับมาพร้อมกับใบหน้าหล่อที่คลี่ยิ้มเหมือนเช่นปรกติที่จะเห็นกันชินตา >///< อย่าพึ่งยิ้มตอนนี้ได้ไหม?? กูหัวใจจะวายแล้วว้อย >///< ผมซุกหน้านิ่งอยู่อย่างนั้นพร้อมกับสมองที่สับสนและหัวใจที่เต้นตุบตับเหมือนจะวายตอนไหนก็ไม่รู้ ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆใกล้ๆใบหู ก่อนจะรับรู้ถึงกลิ่นบุหรี่เย็นๆซึ่งอยู่ใกล้มากอันมาพร้อมกับริมฝีปากอุ่นๆที่เตะกระซิบลงที่ข้างใบหูพร้อมกับคำพูดแผ่วเบาที่ทำให้ผมแทบอยากจะระเบิดพลีชีพตัวเองตายตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

     

    “ ตกลงเมื่อไหร่ก็บอกนะจะรอ~

     

    >//////////////////<

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

                    ผมนั่งซุกหน้าอยู่ที่หมอนมานานเท่าใดแล้วก็ไม่อาจทราบได้ รู้เพียงแต่ตอนนี้สมองมันมึนไปหมด มึน เบลอ บ้า ป่วง งง ไร้สติยิ่งกว่าตอนเมาเหล้า ราวกับวิญญาณออกจากร่าง สิ่งเดียวที่ผมรับรู้ตอนนี้มีเพียงเสียงฮัมเพลงอารมณ์ดีของคนที่กำลังขับรถอยู่ข้างๆ กับอีกเสียงนึงที่ไม่อยากได้ยินแต่มันก็ดัง ตุบๆก้องไปหมดอย่างไม่อาจควบคุม

     

    “ ถึงแล้วคร้าบ ^^

     

                    เสียงทุ้มนั่นดังอย่างร่าเริงขึ้นข้างแก้มของผมอีกครั้งพร้อมกับที่ผมรับรู้ได้ว่ารถจอดสนิทพอดิบพอดี แล้วผมก็รู้สึกถึงริมฝีปากหยุ่นๆที่กดลงแผ่วๆที่ผิวแก้มของตัวเองราวกับคนทำมันไม่ได้ตั้งใจสักเท่าไร เชี่ยใจกูเต้น ใจกูสั่นแย่แล้วเนี่ย ถ้ามึงจะพูดซะชิดแก้มกูจนปากมึงโดนขนาดนี้หล่ะก็นะ กูว่ามึงหอมแก้มกูไปเลยง่ายกว่าสาด!! >///<

     

    “ อิทครับ ถึงแล้วนะเอาหมอนลงเร็วเข้า ”

     

                    น้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าคนพูดอารมณ์ดีแค่ไหนดังขึ้นคลอเคลียไม่ห่างจากข้างแก้มผมมากนัก ผมส่ายหน้าถี่ๆปฏิเสธก่อนจะยื้อแย่งหมอนพิงที่ตัวเองใช้ซบหน้าอยู่กับอีกคนที่พยายามเหลือเกินที่จะเอามันออกจากใบหน้าผมให้ได้ เสียงหัวเราะเบาๆของคนแย่งดูจะสนุกเหลือเกินกับการก่อกวนผมครั้งแล้วครั้งเล่า ไอ้บ้านี่ ปล่อยนะเว้ย อย่ามายุ่งกับกู๊ แอร๊ง~ >_<

     

    “ เอาหมอนลงเถอะ นะๆ ”

     

                    เสียงหล่อนั่นยังคงดังเร่งให้ผมเอาหมอนลงอยู่ไม่ขาดปาก กลิ่นเมนทอลจางๆที่ลอยมากระทบฆานประสาทนั่นทำให้ผมแทบไม่อยากจะคิดเลยว่าหน้าหล่อๆนั่นอยู่ใกล้สักเพียงใด >///< เว้ย ถอยออกไปสิว้อย กูเขินนนนนนนน!!!

     

    “ ถ้าเอาหมอนลงแล้วจะไม่ทำอะไรใช่ป่ะ?? ”

     

                    ผมแสร้งถามเสียงดังปลุกกำลังใจของตัวเองในขณะที่มือก็กอดหมอนพิงช่วยชีวิตนั่นไว้แนบอก ไม่อยากจะเอาออกเลยจริงๆ กลัวว่าเอาออกแล้วอีกคนจะมาเห็นหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำเนื่องจากความอายของผม อะไรวะ มาใจเต้นกับผู้ชาย มาเขินกับผู้ชาย นี่กูแม่งจิตตกแหงๆ =[]=!! อาจจะต้องรีบชวนไอ้ปริ้นท์ไปสะเดาะเคราะห์เป็นเพื่อนโดยด่วน!!

     

      โอเค สัญญาเลยว่าจะไม่ทำ….

     

                    อีกฝ่ายหัวเราะแผ่วๆกับท่าทางงุ่นง่านของผมที่ค่อยๆดึงหมอนลงจากใบหน้าช้าๆ หากแต่จังหวะที่ผมเผลอกำหมอนไม่แน่นนั่นเอง มือใหญ่ที่เหมือนกับคอยโอกาสอยู่แล้วก็ดึงมันออกจากมือแล้วโยนไปเบาะหลังทันที =[]=!! ผมอ้าปากค้างอย่างตกใจนิดหนึ่ง….

     

                    หากแต่ก็ต้องรู้สึกตกใจยิ่งกว่าเดิมประมาณสามพันล้านเท่า(?) เมื่อมือเรียวขาวนั่นจับเข้าที่มือของผมซึ่งกำลังจะแย่งหมอนไว้แน่นก่อนที่ใบหน้าหล่อนั่นจะเลื่อนเข้ามาประชิดแบบไม่ให้ตั้งตัว หากแต่ผมก็ไวพอที่จะใช้มืออีกข้างที่ไม่ถูกจับดันแผ่นอกของคนขี้ลวนลามได้ทัน….

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

                    ผมดันอกแกร่งของคนตรงหน้าเอาไว้สุดแรง หากแต่ก็ต้องหยุดดันในที่สุด เมื่อนัยน์ตาสีดำออดอ้อนอ่อนหวานนั่นจับจ้องสบประสานเข้ากับดวงตาของผมนิ่ง ผมมองเข้าไปในตาของอีกฝ่ายราวกับจะค้นหาคำตอบสำหรับคำถามมากมายที่ผมกำลังสงสัยอยู่ หากแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาจากนัยน์ตาคู่คมนั่นมีแต่เพียง ภาพใบหน้าของผม ก็แค่นั้น…. >///<

     

    ใครบอกวะว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ??  

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ทำไมกูไม่เห็นอะไรนอกจากคำว่าหื่นที่แทบจะแปะอยู่บนหน้าไอ้บ้านี่เลยวะแสรด?!! =[]=!!

     

     

                    ถึงจะไม่รู้ว่าที่คนตรงหน้าพูดมาทุกอย่างมันแค่แกล้งกันเล่นๆหรือจริงจัง แต่สิ่งที่ผมเลือกจะทำในวินาทีนั้นกลับเป็นการค่อยๆปิดเปลือกตาของตัวเองลงอย่างเชื่องช้าแผ่วเบา ทันทีที่ความมืดเข้ามาครองอยู่ในภาพที่เห็น สิ่งเดียวที่รับรู้คือประสาทส่วนอื่นของร่างกาย….

     

     

    ……ผมรับรู้ถึงกลิ่นเมนทอลหอมเย็นอ่อนๆที่มาพร้อมกับลมหายใจซึ่งรินลดอยู่เหนือผิวปาก    

     

    ……ผมรับรู้ถึงมือนุ่มอบอุ่นที่ประครองเข้าที่ใบหน้าแผ่วเบา

     

    ……ผมรับรู้ถึงริมฝีปากนุ่มที่กดทับลงมาพร้อมกับลิ้นร้อนเจือรสชาติหวานแปล่งๆจากบุหรี่ราคาแพงที่แทรกเข้ามาเกี่ยวพัน

     

    และสุดท้าย……ผมรับรู้ถึงเสียงผมหายใจหอบถี่ของตัวเองและคนตรงหน้าที่ดังแข่งกับเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ >///<

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    แม่งเอ้ย!! ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าครบในคราวเดียวเลยกู เมพขิงขิงมากเลยสาด!! =[]=!!

     

                    ปิงค่อยๆถอนจูบแผ่วหวานนั่นออกช้าๆก่อนทำท่าจะกดจูบลงมาอีกครั้ง ผมรีบดันกายออกห่างก่อนจะใช้มือยันใบหน้าหล่อนั่นไม่ให้เข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้ >////< หยุดมึงหยุด!! อย่ามาทำให้กูทำอะไรไม่ถูกไปมากกว่านี้!! แอร๊งงงงง~(?)

                   

    “ ไหนบอกจะไม่ทำอะไรไง ไอ้คนขี้โกหกเอ้ย…. >///<

     

                    ผมก้มหน้างุดๆก่อนจะต่อว่าคนตรงหน้าแก้เก้อเขิน ได้ยินเสียงทุ้มนั่นหัวเราะแผ่วเบาก่อนจะเงียบไป ผมยังคงก้มหน้านิ่งอยู่เช่นนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาเพราะกลัวว่าจะเผลอไปสบตาคมๆนั่นให้ใจมันหวั่นไหวขึ้นมาอีก >///<

     

    “ นิดหน่อยเอง ก็อิทน่ารักนี่นา ช่วยไม่ได้ ^^

     

                    เสียงทุ้มนั่นว่าก่อนที่มือเรียวข้างไหนก็ไม่ทราบที่ทำท่าจะเอื้อมมาประครองหน้าผมอีกครั้ง ผมที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบดันกายนั่งตัวตรงก่อนทำท่าจะเปิดประตูรถหนีลงไป หากแต่มืออุ่นกับประโยคที่หมอนั่นพูดขึ้นทำเอาชะงักลงเสียก่อนอย่างไม่มีทางเลือก ก็จะให้ลงไปได้ยังไงหล่ะครับ ก็ในเมื่อไอ้บ้านั่นมันพูดว่า

     

    “ เฮ้ยๆ อิทอย่าพึ่งลง มันยังไม่ถึงร้าน….

    -*-

     

                    ผมนิ่งไปเมื่อฟังที่ไอ้หล่อนั่นพูดจบ คำว่ายังไม่ถึงร้านดังก้องอยู่ในหัวเป็นครั้งที่ร้อยแปดอย่างไม่อาจหยุดยั้ง แล้วเมื่อกี๊หมาตัวไหนมันบอกกูว่า อิทครับ ถึงแล้วนะเอาหมอนลงเร็วเข้า ’ -_- มึงมัน แม่ง!! ไอ้หื่นเอ้ย!! ผมที่ทำท่าจะอ้าปากด่าไอ้คนขี้โกหกตรงหน้าอยู่แล้วนั้น กลับต้องไปคิดคำด่ามันมาใหม่เพื่อให้แรงกว่าเดิม เมื่อผมที่นั่งอยู่ในรถเหลือบไปเห็นป้ายของสถานที่ซึ่งไอ้บ้านี่มันบังอาจหลอกผมว่าถึงแล้ว มันพาผมมาจอดที่ไหนรู้ไหมครับ??

     

    โอเค ไม่รู้ใช่มั้ย? งั้นผมจะบอกให้ก็แล้วกัน  -_-


     

                    ผมที่มองออกไปนอกหน้าต่างของรถเพื่อที่จะได้รู้ว่าตัวเองอยู่ไหน แล้วก็ต้องรู้สึกฉุนขาดเมื่อไอ้บ้าปิงมันพาผมมาหยุดอยู่หน้าสถานที่ซึ่งอ่านชื่อได้ว่า โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ  ผมสะบัดหน้าขวับไปมองไอ้คนที่ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้พร้อมกับเลี้ยวรถออกมาจากลานจอดรถของโรงแรม มึงมันแม่งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทั้งๆที่มึงพากูเลี้ยวรถเข้าโรงแรมเนี่ยนะ >///<

     

    เนียนนะมึงอ่ะ…. เนียนได้อีกกกกกกกกกกกกกกกก!! =_=

     

                    ที่มึงจอดหน้าโรงแรมนี่คือมึงกะ แม่งถ้ามึงหลอกจูบกูตะกี๊แล้วกูเคลิ้ม มึงก็จะพากูเข้าโรงแรมเลยใช่ไหมไอ้สาด!!! -*-

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

                    รถของไอ้เหี้ยปิง -_- จอดสนิทหน้าร้านกลิ่นอันเป็นจุดหมายปลายทางที่แท้จริงและไม่ได้อยู่ห่างจากอิโรงแรมเชียงใหม่ภูคำเมื่อตะกี๊มากเท่าไรเลย ผมที่หน้าบูดสนิทลงจากรถก่อนจะปิดประตูดังปังใหญ่แบบไม่พอใจ -*- แม่งจะให้ผมพอใจได้ไงหล่ะครับ ก็เมื่อกี๊ไอ้เหี้ยนี่แม่งหวังจะฟันผมชัดๆ!! แม่ง แล้วไอ้ที่บอกกูว่าขอเป็นแฟนนี่มันหนึ่งในแผนการหลอกแอ้มกูเมื่อกี๊ด้วยหรือเปล่าวะ??? =_=

     

    “ อิทครับ

                   

                    เสียงทุ้มนั่นเรียกตามหลังมาพร้อมกับร่างสูงๆนั่นที่วิ่งตามผมลงรถมาด้วย ผมหันหน้าที่บึ้งสนิทของตัวเองไปหามันก่อนจะยืนกอดอกเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามประมาณว่า มึงมีปัญหาอะไรวะ? ไอ้หล่อนั่นหน้าเจื่อนไปนิดหนึ่งก่อนที่จะยิ้มแหยๆส่งมาให้ผมเหมือนคนพึ่งไปทำความผิดร้ายแรงอะไรมา เหอะ ไอ้หื่นเอ้ย!!

     

    “ คือว่าอิทจะกลับยังไง? ”

     

                    น้ำเสียงเป็นห่วงนั่นถามออกมาหลังจากอ้ำอึ้งไปพักใหญ่ ผมส่ายหัวแทนคำตอบกลับไปก่อนจะเชิดหน้าเดินเข้าร้านโดยไม่คิดที่จะขอบคุณมันแม้แต่น้อย เหอๆ จะบอกว่าผมมารยาทไม่ดีใช่ไหมหล่ะ?? -_- แต่รอให้คุณมาเจอมันหลอกเข้าโรงแรมแบบผมก่อนแล้วจะรู้ว่าทำแค่นี้มันน้อยไป =[]=!!

     

    “ งั้นเดี๋ยวเรารอรับอิทก็แล้วกัน ”

     

    “ ไม่ต้อ….

     

    “ ออกไปไหนมาวะอิท? ”

     

                    ขณะที่ผมกำลังจะแหกปากปฏิเสธความหวังดีที่ไม่รู้ว่ามันหวังผลอะไรอยู่ของไอ้ปิง เสียงทุ้มของพี่รหัสปีสี่ของผมก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเกินปุถุชนธรรมดาทั่วไปที่เดินตรงเข้ามากอดคอผม กลิ่นเหล้าที่ราวกับเฮียแกโดนเอาเหล้าสาดเหม็นฉุนกึกจนต้องย่นจมูกหนี

     

    “ อ้าว แล้วนี่ใครอ่ะ?? ”

     

                    พี่รหัสผมหันไปมองปิงที่ยืนอยู่ไม่ห่างนักก่อนจะหันมาถามผมที่แทบจะประครองร่างหนักๆของเฮียแกไว้ไม่อยู่ ปิงยกมือไหว้พี่รหัสผมอย่างนอบน้อมก่อนจะแนะนำว่าเป็นเพื่อนผมพอเป็นพิธี และขณะที่ผมจะอ้าปากไล่ให้มันไสหัวไปไกลๆอยู่แล้วนั้น เสียงทุ้มเมาแอ๋นั่นกลับเปิดทางให้มันอยู่คุมผมเสียดื้อๆ

     

    “ ปะๆ เข้าไปกินเหล้าด้วยกันก่อน!!

     

    =[]=!! <<< Mr. It

     

    ^^ <<< Mr.Ping

     





    Talk Talk Talk : แอร๊งงงงงง!! ชอบตอนนี้ของตัวเองมว้ากกกกก พี่ปิงร้ายไม่หยอกเหมือนกันนะเนี่ย มีการหลอกเฮียอิทเข้าโรงแรม กร๊ากกกกกกกกก!! >///< ลงถี่ยิบเลยแบล็กเมลล์ช่วงนี้ ต้องรีบแต่งก่อนฟีลจะหมด เพราะไม่งั้นเดี๋ยวดองยาวเลย กว่าฟีลสนุกจะมาอีกทีคงอีกนาน

     

    Ps. จีก็ว่าฉากนี้พี่ปิงกับพี่แบงค์จะเจอกันละนะ แต่มันดันไม่ถึง ขอยกไปไว้ฉากหน้าค่ะ เดี๋ยวสเปเชี่ยลพี่กันต์พี่ปริ้นท์ตามมาแน่นอน อดใจรออีกนิด ขอปั่นคู่หลักก่อนก็แล้วกันเนอะ ^^



    ในที่สุดก็มีแบนเนอร์กับเขาเสียที วู้ววววว เห่อนะเนี่ย ชอบๆ สวยเว่อ อร๊ายยยยยยย >_<


    Beast and Angel





    beyo ng

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×