ตอนที่ 20 : Alpha Red hood : 19
[kookv] Alpha Red hood #กุกวีหมวกแดง
Alpha Red hood : 19
แม้ว่าจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิมาได้ราวสามสี่สัปดาห์แล้ว แต่ทว่าอากาศในเมืองฟรานเชส หัวเมืองทางตอนเหนือของอาณาจักรคาร์โรซินเวียยังคงมีหิมะปกคลุมไม่ต่างจากฤดูหนาวในเมืองอื่นๆของอาณาจักร เนื่องด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในเขตที่ราบสูงที่มีอากาศหนาวจัดเป็นทุนเดิม ทำให้เมืองนี้ยังคงเป็นเมืองที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็งแทบทุกพื้นที่
ดยุคแห่งฟรานเชสในชุดคลุมขนสัตย์ตัวหนาเคลื่อนที่ไปตามความเร็วของม้าตัวเขื่อง ที่กำลังควบไปตามเส้นทางสู่ใจกลางของเมืองที่เป็นที่ตั้งของปราสาทที่ตัวเองมีตำแหน่งเป็นผู้ปกครองเมืองอยู่
สายลมเย็นที่กระทบกับใบหน้าจิ้มลิ้มส่งผลให้พวงแก้มใสขึ้นสีแดงจัด ริมฝีปากบางแตกระแหงเล็กน้อยเนื่องจากอากาศแห้ง ความเร็วของม้าทำให้เส้นผมแพรไหมปลิวสะไหวไปตามแรงลม
แม้ว่าเขาจะรีบร้อนในการเดินทางมากแค่ไหน แต่ทว่าดูเหมือนสภาพอากาศจะไม่เป็นใจนักเพราะว่าทหารที่ประการอยู่ที่ประตูเมืองรายงานกับเขาว่ามีหิมะถล่มเป็นทับเส้นทางที่จะไปสู่ศูนย์กลางของเมืองฟรานเชส จนต้องจำใจหยุดพักที่หมู่บ้านยอฟวา ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่นอกชนบทภายใต้การปกครองของฟรานเชส อีกทั้งยังเป็นทางผ่านที่สามารถไปยังฟรานเชสได้เร็วที่สุด
จีมินผูกบังเหียนของม้าคู่ใจไว้ที่ราวเหล็กหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งของหมู่บ้าน ก่อนจะผลักประตูไม้ที่มีเสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งเข้าไปด้านใน
“ท่านดยุค ... ข้าไม่คิดว่าท่านจะมาที่นี่เลยไม่ได้เตรียมต้อนรับไว้ โปรดอภัยด้วยเถิด” ชายหนุ่มสูงรูปร่างท้วมผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ รีบลุกพรวดพราดเข้ามาทันทีที่เห็นผู้ปกครองเมืองฟรานเชสเดินเข้ามาในร้าน
“อย่ากังวลเลยครับ ข้าเองก็ไม่ได้แจ้งท่านไว้ก่อน – ช่วยหาอะไรอุ่นๆให้ข้าหน่อยนะครับ”
ก่อนที่ดยุคแห่งฟรานเชสจะถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบและความเป็นอยู่คนชาวบ้านที่แวะเวียนกันเข้ามาหาเขา บางก็นำขนมนมเนย บางก็นำของชำร่วยมามอบให้แก่เขา เพียงไม่นานโกโก้ร้อนๆที่ส่งกลิ่นหอมฉุยก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ดยุคคนสวยปลีกตัวออกจากกลุ่มชาวบ้านมานั่งรับประทานโกโก้ร้อนที่เสิร์ฟมาคู่กับพายบลูเบอรี่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง
แต่ทว่าจะไม่ทันที่จะกินได้ถึงครึ่งนัยน์คู่สวยก็เหลือบไปเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่เขารู้สึกคับคล้ายคับคาว่าจะเป็นคนที่เขารู้จักที่ด้านนอกหน้าต่าง
“พี่โฮซอกเหรอ”
จีมินรีบลุกพรวดพราดออกจากร้านและไม่ลืมที่จะวางค่าเครื่องดื่มและขนมไว้ ก่อนจะรีบเดินตามคนที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นโฮซอกไป พลันประสาทการรับกลิ่นก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่ได้กลิ่นนี้มานานมากแล้วแต่ทว่าเขากลับจดจำมันได้ขึ้นใจ
กลิ่นของพี่ชายเขา
พัค โบกอม
ยิ่งเดินตามไปมากเท่าไหร่ กลิ่นที่ว่าก็เด่นชัดมากขึ้นราวกับว่าคนเจ้าของกลิ่นกำลังยืนอยู่แถวนี้ สิ่งแวดล้อมรอบตัวที่เริ่มเปลี่ยนเป็นที่ลับตาคนทำเอานัยน์ตาคู่สวยเริ่มสั่นไหว แต่ทว่าก็ทำใจกล้าเดินตามต่อไป
แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจว่าคนที่เขากำลังเดินตามอยู่จะใช่โฮซอกหรือเปล่า แต่กลิ่นกายของโบกอมที่ลอยมาตามสายลมก็ทำให้จีมินพร้อมที่จะเผชิญกับทุกอย่าง
!!!
พลันร่างบางก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อโลหะเย็นเฉียบแตะเข้าที่ลำคอละหงส์กายบางสั่นไหวด้วยความหวาดกลัวเมื่อความแหลมคมของมันกำลังบาดคอเขาอย่างๆช้า แสงสะท้อนเงาวับกับแสงแดดทำให้ดยุคคนสวยรู้ว่าสิ่งที่กำลังจ่อคอของเขาอยู่นั่นคือดาบเล่มยาวที่พร้อมกับปริชีพเขาได้ทุกเมื่อ
“ฮึก!”
จีมินกั้นก่อนสะอึกพยายามข่มความกลัว รวบรวมความกล้าที่มีเงยหน้ามองคนที่กำลังใช้ดาบจ่อคอหอยของเขาอยู่ ก่อนที่นัยน์ตาคู่สวยจะเบิกกว้างด้วยใบหน้าซีดเผือก
เมื่อพบว่าคนตรงหน้าคือเจ้าของกลิ่นที่เขาตามหา
“เจ้าตามคนของข้ามาทำไม”
นัยน์ตาคู่สวยของดยุคแห่งฟรานเชสสั่นไหวอย่างรุนแรง หยาดน้ำตาเอ่อล้นที่ขอบตาเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่คิดว่าชีวิตนี้จะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว
“ทะ ท่านพี่”
สีหน้าและท่าทางของดยุคแห่งฟรานเชสทำเอาชายหนุ่มชะงัก มือหนาลดดาบลงจากลำคอระหงส์ก่อนจะจ้องใบหน้าที่เขารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาแต่ทว่ากลับนึกไม่ออกมาว่าเคยเขาพบเห็นดยุคคนนี้ นอกจากตอนที่พบพร้อมกับคุณหนูแทฮยองที่ตลาดอีกหรือเปล่า
“เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไรนะ”
แม้ว่าจะมั่นใจว่าคนตรงหน้าคือพี่ชายของตัวเอง แต่ทว่าแววตาที่แข็งกร้าวไร้ความอบอุ่นและอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็นก็ทำเอาดยุคคนสวยเม้มปากแน่น
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นว่าคนที่เขาเดินตามมายืนอยู่ด้านหลังของโบกอม และเป็นโฮซอกอย่างที่เขาคิดจริงๆ แต่ทว่าจีมินกลับไม่เห็นว่าสายลับหนุ่มกำลังสายหน้าเป็นเชิงห้ามไม่ให้จีมินพูดอะไรบ้างอย่างออกมาในตอนนี้
“พะ พี่ – ข้าเรียกท่านว่าพี่ ฮึก!”
ดยุคแห่งฟรานเชสตัวสั่นเป็นลูกนกเมื่อโลหะเย็นเฉียบถูกยกขึ้นมาจ่อคอหอยของเขาอีกครั้ง “ข้าว่าเราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันถึงต้องเรียกกันด้วยถ้อยคำสนิทสนมแบบนั้น”
“... – เกี่ยวสิ ทำจะไม่เกี่ยวล่ะก็ในเมื่อข้าเป็นน้องชายของท่าน เป็นครอบครัวของท่าน!”
!!!
//
ฝ่าเท้าเปื่อยเปล่าย่ำไปตามพื้นหญ้าสีเขียวชะอุ่ม นัยน์ตาสีลาแวนเดอร์ทอดมองสิ่งแวดล้อมรอบกายด้วยอาการเหม่อลอยเมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต
ความเงียบของสวนดอกไม้ในปราสาทที่ตั้งอยู่กลางป่าลึกในฤดูใบไม้ผลช่วยให้วีได้ใช้เวลาอยู่กับห้วงความคิดของตัวเองได้อย่างเต็มที่ – เขากำลังนึกโทษตัวเองที่ในอดีตทำให้แทฮยองต้องตาย และในปัจจุบันก็ทำให้แทฮยองต้องพลอยเจ็บตัวอยู่หลายครั้ง
การสร้างตัวตายตัวแทนนั้นไม่ใช่ว่าใครจะทำได้ง่ายๆ เพราะนอกจากจะใช้พลังมหาศาลแล้ว ยังต้องมีการสังเวยชีวิตบริสุทธิ์มากมายเพื่อสร้างสิ่งที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่าเพียงหนึ่งเดียว แทฮยองจึงเป็นตัวตายตัวแทนของวีที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเยียวยาจิตใจที่แสนโดดเดี่ยวของตัวเอง
โดยที่จิตของเขาและแทฮยองได้ถูกทำพิธีเพื่อผูกจิตต่อกันไว้ตั้งแต่ครั้งที่เขาร่วมกับพระเจ้าเพื่อสร้างตัวตายตัวแทน จุดประสงค์ก็เพื่อเป็นพันธะให้แทฮยองกลายเป็นนกน้อยในกรงทองที่อยู่เคียงข้างกับปีศาจร้ายที่อยู่บนโลกแห่งนี้มานานหลายพันปีอย่างเขา ให้หัวใจบริสุทธิ์ของเด็กน้อยคนนั้นรักและผูกพันปีศาจร้ายอย่างไม่อาจมีอะไรมาทำลายได้
แต่ทว่ามันกลับทำให้เกิดจุดอ่อนที่วีไม่เคยรู้มาก่อนจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เลวร้ายที่เขาไม่สามารถปกป้องแทยองได้ทัน นั่นคือการที่ผู้สร้างอย่างเขาได้รับการบาดเจ็บ แทฮยองก็จะได้รับการบาดเจ็บเช่นเดียวกับเขาไปด้วย และในทางกลับกันหากเป็นแทฮยองซึ่งเป็นตัวตายตัวแทนของเขานั้น เป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บเข้าเสียเองผลกระทบของผลกลับไม่ส่งผลถึงวีเลยแม้แต่รอยขีดข่วน
เพราะเหตุนี้เขาถึงได้พยายามบ่ายเบี่ยงความสนใจของพ่อมดยุนกิและคนอื่นๆไปที่แทฮยอง เพราะในทุกๆครั้งที่เขาถูกทำร้ายแทฮยองก็จะได้รับบาดเจ็บไม่ต่างกัน
และวีก็นึกโกรธเคืองตัวเองทุกครั้งที่แทฮยองต้องเจ็บปวด เป็นเพราะพวกมันที่ทำให้พลังของเขาอ่อนแอจนไม่สามารถปกป้องแทฮยองได้ไม่ว่าจะในอดีตหรือแม้กระทั่งตอนนี้
ความคับแค้นใจที่สุ่มสมอยู่ในอกมานานทำให้ปีศาจร้ายเผลอกำมือแน่น พลังความโกรธแค้นแผ่ซ่านออกมารอบกายจนทำให้ใบไม้สีเขียวชอุ่มของต้นไม้โดยรอบกลายเป็นสีเหลืองและแห้งกรอบ นัยน์ตาสีลาแวนเดอร์สั่นไหวอย่างรุนแรงเมื่อความเจ็บปวดปะทุออกมา
แทฮยองต้องกลายเป็นเครื่องมือของคนใจร้ายพวกนั้นที่คิดจะกำจัดเขา
ก่อนที่ปีศาจร้ายจะแสยะยิ้มออกมาอย่างเลือดเย็น เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาตามไล่ล่าล้างแค้นและฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้อง
ในเมื่อแส่หาเรื่องใส่ตัว ก็ต้องคอยรับผลกรรมจากการกระทำของตัวเอง
แต่ทว่าการล้างแค้นของเขายังไม่จบ
เพราะเขาต้องสูญเสียสิ่งสำคัญอย่างปีกไป และถูกจองจำในคุกเวทมนต์ที่พวกพ่อมดขาวครอบครัวของเจ้าชายไร้บัลลังก์ – มิน ยุนกิ ที่ลงทุนถึงขนาดสละชีวิตเพื่อสร้างคุกเวทมนต์เพื่อกักขังเขาไปเสียก่อนที่เขาจะชำระแค้นมันผู้นั้นได้สำเร็จ
มันถึงได้หนีเขาไปได้
ลูกผสมระหว่างเทวทูตตกสวรรค์กับหมาป่า
สายเลือดนอกคอกเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นตัวการในการคิดต่อกรและล้มล้างเจ้าแห่งปีศาจอย่างเขา และมันผู้นั้นก็ยังคงหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักที่ในอาณาจักรหมาป่าแห่งนี้มาตลอดที่เขาถูกจองจำ
แต่มันจะไม่มีโอกาสได้หลบซ่อนอีกต่อไปแล้ว หากเมื่อใดเขาได้ปีกกลับคืนมา เมื่อนั่นมันจะต้องชดใช้อย่างสาสมที่เคยทำกับแทฮยอง
และอีกไม่นานทุกอย่างก็กลับจะคืนสู่ที่เดิม
แทฮยองหนูน้อยแทนบริสุทธิ์กลับสู่อ้อมกอดของเขาอย่างที่เคยเป็น
พลันฝ่าเท้าเปือยเปล่าก็ถูกสะกิดโดยอุ้งเท้านิ่มที่มีขนฟูปกคลุมโดยเจ้าแมวดำนัยน์ตาสีเทาม่วงที่วิ่งมาออเซาะเขาจนต้องคลายมือเรียวที่กำแน่นอยู่ตอนแรกออก พร้อมกับสัมผัสเปียกชื้นที่แตะบนหลังมือในตอนที่วีย่อตัวไปนั่งเกาคางแมวตัวนี้
“งานของเจ้าเรียบร้อยแล้วเหรอ”
“เมี๊ยว”
“ทำดีมาก – ที่นี้เจ้าก็กลับไปอยู่ในที่ๆเจ้าจากมาได้แล้วเด็กน้อย”
วียกยิ้มให้เจ้าแมวน้อยที่เข้ามาอ้อนวอนขอให้เขาต่อชะตาชีวิตให้เมื่อไม่กี่วันก่อนได้ทำตามข้อแลกเปลี่ยนในพันธะสัญญาปีศาจสำเร็จ
การได้ชีวิตใหม่ที่แลกกับการเป็นกุญแจนำทางให้พ่อมดยุนกิยื่นมือเข้ามาช่วยทำให้อะไรๆง่ายขึ้น
แต่ทว่าแทนที่แมวตัวนี้จะจากไปเมื่อทำสัญญาเสร็จเหมือนคนอื่นๆ กลับนั่งเชยมองเขาด้วยแววตาอ้อนวอนราวกลับไม่อยากไป
“อะไรกัน เจ้าไม่อยากไปงั้นเหรอ”
“เมี๊ยว”
พลันเจ้าแมวตัวสีดำก็กระโดดขึ้นมานั่งเป็นตักของเขาที่เพิ่งทรุดตัวนั่งบนพื้นหญ้าจนวีอดหัวเราะออกมากไม่ได้ “เจ้านี่มันสามห้าวเสียจริง – เอาเถอะถ้าเอาอยากอยู่ก็ตามใจเจ้าก็แล้วกัน”
“เหมียว”
“หึ ถ้าแทฮยองกลับมาอยู่ที่นี่เมื่อไหร่ แทฮยองคงจะชอบเจ้าไม่น้อย”
//
สิ่งที่ดยุคแห่งฟรานเชสพูด ทำเอาโบกอมนิ่งชะงักไปจนน่าใจหาย เสี้ยววินาทีหนึ่งจีมินเห็นแววตาแข็งกร้าวสั่นไหวเล็กน้อยด้วยความสับสนก่อนถูกทดแทนด้วยแววตาเฉยชา
“เจ้าโกหก”
น้ำหนักมือที่ลงเป็นมีดดาบมากขึ้นทำเอาความแหลมคมเริ่มบาดของเนื้อของดยุคคนสวยมากขึ้นเรื่อยๆ โลหิตสีแดงสดกำลังค่อยๆไหลอาบอาภรณ์ตัวหนาที่จีมินสวมใส่อยู่ช้าๆ
“ท่านวีกำลังรอท่านอยู่นะท่านโบกอม – ให้ข้าจัดการต่อเองเถอะ”
สายลับหนุ่มที่เห็นท่าไมดีจึงเข้ามาบ่ายเบี่ยงความสนใจของโบกอม จนชายหนุ่มยอมลดดาบลงมา “สั่งสอนให้หลาบจำ อย่าให้เที่ยวมาสร้างเรื่องโกหกกับข้าอีก”
ทันทีที่แผ่นหลังของโบกอมบนหลังม้าตัวเขื่องเดินหายลับตาไป จีมินก็โผล่กอดโฮซอกและปล่อยโฮออกมาด้วยความเจ็บปวด คำพูดแต่ละคำของคนที่เป็นพี่ชายของเขาไม่ต่างจากดาบเล่มยาวที่จ่อคอเขาเมื่อกี้เลย มันเชือดเฉือนหัวใจที่แตกสลายของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คำที่ว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำดูเหมือนจะใช้ไม่ได้สำหรับเขาและพี่ชาย เพราะตอนนี้โบกอมไม่หลงเหลือแม้กระทั่งเยื้อใยแห่งความเป็นพี่เป็นน้องร่วมสายเลือดกับเขาเลย ชายคนที่เคยเล่านิทานก็นอนให้เขาฟัง เคยเล่นปาหิมะด้วยกัน เคยสอนเขาจับดาบ เคยสอนเขาให้ดูดาวบนท้องฟ้า แต่ทว่าบัดนี้กลับไม่มีอีกแล้ว เพราะโบกอมตอนนี้แตกต่างกับพี่ชายของเขาเสียเหลือเกิน
“ข้าไม่คิดว่าโบกอมจะจำเจ้าไม่ได้แบบนี้”
“ข้าเจ็บปวดเหลือเกินพี่โฮซอก … เจ็บปวดจน .. ข้าจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
“ไม่เอาจีมิน ไม่เอา – เจ้ายังมีพวกข้าอยู่” สายลับหนุ่มกอดปลอบคนที่ร้องไห้จนตัวโย
“ข้าไม่อยากเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว ความตายมันจะทำให้ข้า – ..”
“หยุดความคิดของเจ้าซะจีมิน ไม่ใช่แค่เจ้าคนเดียวที่ต้องเจ็บปวด” เพราะเขาเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กันที่ต้องเห็นจนที่เป็นเสมือนน้องชายของตัวเองร้องไห้จนตัวโยอยู่แบบนี้
ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเบื้องหลังของราชนิกุลจีมิน พระญาติขององค์ชายรัชทายาทคนนี้ที่ใครๆก็มองว่ามีชีวิตที่แสนน่าอิจฉากับที่เกิดมาเป็นเชื้อพระวงศ์ มีปราสาทหลังงามให้อยู่ มีข้าทาสบริวารให้ค่อยรับใช้ กลับไม่ได้สวยงามเหมือนฉากหน้า
เด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่ไม่จักจบจักสิ้นตั้งแต่เด็ก จนเด็กกำพร้าอย่างโฮซอกยังนึกสงสารจับใจ พ่อและพี่ชายก็ถูกลอบสังหาร ส่วนแม่ที่ควรจะเป็นที่พึ่งเดียวของดยุคจีมินก็กลับกลายเป็นคนเสียสติเพราะการทำใจยอมรับการสูญเสียคู่ชีวิตและลูกชายคนโตไปพร้อมๆกันไม่ได้
“แล้วแม่เจ้าจะอยู่ยังไง หากเจ้าเลือกที่จะหันหลังให้ทุกอย่าง”
“ข้า ... ข้า ... ”
“จีมิน! จีมิน!”
โฮซอกประคองร่างของดยุคแห่งฟรานเชสที่ร้องไห้จนเป็นหมดสติ จัดการอุ้มร่างเล็กที่มีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนบนใบหน้าจนดูไม่ได้มาทำแผลที่คอ ก่อนจะตัดสินใจพาจีมินกลับสู่ปราสาทฟรานเชส
สำหรับคนที่เป็นสายลับอย่างเขา เขาก็คงช่วยเหลืออะไรจีมินมากกว่านี้ไม่ได้เพราะด้วยหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายมันมาจากองค์ชายจองกุกทำให้เขาต้องปลอมตัวให้แอบเนียนที่สุด และตอนนี้เขาก็สามารถทำให้โบกอมไว้ใจเขาได้แล้ว ที่เหลือก็แค่ค่อยส่งข่าวคราวในสิ่งที่โบกอมและวีจะทำ และทำยังไงก็ได้ไม่ให้ตัวเองถูกจับได้
เพราะว่าวีเคยเจอเขามาก่อนแล้วในคุกเวทมนต์ หากพลาดพลั้งโดนวีจับได้ขึ้นมานั่นหมายว่าชะตาชีวิตของเขาก็จะจบลงเช่นกัน
//
โอเมก้าตัวน้อยทรุดตัวนั่งบนโซฟาที่หน้าเตาผิง พลางกระชับผ้าคลุมสีแดงของตัวเองให้มิดชิด เมื่ออากาศที่ควรจะอุ่นขึ้นหลังจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิมาแล้วหลายสัปดาห์แต่ทว่าวันนี้อุณหภูมิกลับลดต่ำลงจนน่าตกใจ นัยน์คู่สวยมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไอหนาวทำให้กระจกบานใสเกิดฝ่าเกาะจนกลายเป็นสีขุ่นมัว
ก่อนที่พ่อบ้านซอกจินจะเข้ามาบอกให้เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย หลังจากได้รับรายงานว่ามีหิมะตกประปรายที่นอกวังหลวง
“ทำไมอากาศถึงแปรปรวนแบบนี้กัน”
มือเล็กยกลูบที่หน้าท้องแบนราบของตัวเองพลางยกยิ้มออกมาด้วยหัวใจที่ปริ่มสุข อาการแพ้ท้องของเขาเริ่มทุเลาลงไปมากแล้วเนื่องจากได้ยาบำรุงที่องค์ราชินีและบรรดาหมอหลวงจัดสรรมาให้เขาดื่มทุกมื้อหลังอาหาร
“ไม่หนาวแล้วนะครับลูกแม่”
แทฮยองเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีออกแรงผลักประตูบานใหญ่เข้าไปในห้องหนังสือขององค์ชาย ผนังของห้องถูกเปลี่ยนเป็นชั้นวางหนังสือที่มีตำรับตำรามากมายถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ โอเมก้าตัวน้อยยิ้มกว้างเมื่อพบว่าหนังสือมากมายที่ถูกนำเข้ามาใหม่ล้วนแต่เป็นนวนิยายที่เขาชอบอ่าน
พลันสายตาซุกซนจะพบเข้ากับหนังสือที่ถูกเปิดไว้วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือขององค์ชาย แล้วก็พบว่าเป็นตำราเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการเลี้ยงดูทารก
น่ารักจัง
ก่อนที่ประตูบานใหญ่ของห้องหนังสือจะถูกเปิดออกอีกครั้งโดยผู้เป็นพี่ชายของเขา “อยู่นี่เองน้องข้า ข้าตามหาเจ้าตั้งนาน”
“คิดถึงพี่จัง”
โอเมก้าตัวน้อยฉีกยิ้มกว้างพลางวิ่งเข้าไปกระโดดกอดคนเป็นพี่ชายอย่างเต็มแรง จนนัมจุนอดไม่ได้ที่จะดุน้องชายของตัวเอง
“ระวังหน่อยสิแท เดี๋ยวหลานข้าเป็นอะไรขึ้นมาจะแย่เอานะ” นัมจุนว่าพลางยกมือกอดตอบโอเมก้าตัวที่ยิ้มหน้าเจื่อนที่เผลอลืมตัวไปว่าตอนนี้ตัวเขายังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้อง
“ก็ข้าคิดถึงพี่นี่หน่า คิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ด้วย” คนตัวเล็กว่าพลางทำปากคว้ำใส่คนที่อยู่วังหลวงด้วยกันแท้ๆ แต่กลับไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเท่าที่ควร
“โธ่ เด็กน้อย – อีกไม่กี่วันเจ้าก็จะกลายเป็นพระชายาแล้วนะ จะมาทำตัวขี้แยแบบนี้ไม่ได้แล้ว”
“คนท้องอารมณ์อ่อนไหวง่ายพี่ต้องเข้าใจ”
“ฮ่าๆ เจ้านี่นะ” นัมจุนโยกหัวคนตัวเล็กด้วยความเอ็ดดู “จริงสิ ข้าเกือบลืมไปเลยว่าจีมินฝากของไว้ให้เจ้า”
“หื้อ อะไรเหรอครับ”
แทฮยองผละออกจากอ้อมกอดของคนเป็นพี่ ก่อนที่นัยน์ตาสีน้ำทะเลจะมองตามมือหนาที่กำลังล้วงเข้าไปหยิบของบางอย่างในกระเป่าเสื้อ ก่อนจะพบมันคือกล่องกำมะหยี่สีแดง
“ให้ข้าเดามันน่าจะเป็นสร้อย ยังไงเจ้าก็ลองเปิดดูก็แล้วกัน – ข้าไปประชุมก่อนล่ะ เดี๋ยวพระสวามีของเจ้าจะกินหัวข้าเอา”
นัมจุนพูดพลางทำท่าทางตลกๆจนโอเมก้าตัวน้อยต้องหัวเราะออกมาจนสุดเสียง ก่อนจะก้มลงมาฟัดแก้มน้องชายอีกสองสามทีแล้วรีบไปประชุมตามที่บอก
หลังจากนัมจุนออกไปเพียงชั่วครู่แทฮยองก็ทรุดนั่งบนเก้าอี้โต๊ะอ่านหนังสือขององค์ชาย พลางหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงที่วางอยู่ขึ้นมามองอย่างพิจารณา
ก่อนที่มือเรียวจะเปิดกล่องกำมะหยี่แล้วจึงพบว่าเป็นสร้อยคออย่างที่นัมจุนว่า
“สวยจัง”
สร้อยคอสีเงินที่จี้รูปปีกขนนกสีดำห้อยอยู่
แทฮยองนั่งมองสร้อยเส้นนี้ด้วยความหลงใหล มือเรียวยกสัมผัสที่จี้รูปปีกอย่างแผ่วเบาเมื่อมันทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ได้พบกับวีครั้งแรกในความฝัน – ในความฝันวีมีปีกที่หลังด้วย
พลันรอยขรุขระที่ด้านหลังจี้ก็ทำเอาคิ้วสวยขมวดยุ่ง ก่อนจะยกยิ้มอย่างเบาใจเมื่อไม่ใช่รอยตำหนิอย่างที่คิด แต่มันคือรอยสลักที่เป็นตัวอักษร
“วีงั้นเหรอ – หมายความว่ายังไงกัน”
ก่อนจะสวมสร้อยเส้นนี้เข้าที่คอ พลันอาการแพ้ท้องที่เข้ามาเล่นงานก็ทำให้แทฮยองต้องละความสนใจไป
TBC
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โว้วววว งานนี้ต้องลุ้นกันละครับบ
จีมินนนน อย่าเป็นอะไรรมากกน้าาา