คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 11
ตอนที่ 11
หลังจากร่างสูงใหญ่ของคอร์เนลเดินหายเข้าไปในตึก อีวานก็รีบหันไปพูดกับน้าชายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกใจทันที
“ไหนนายน้อยบอกว่าจะค้างคืนกับเด็กคนนั้นยังไงล่ะ แล้วนี่...” อีวานก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองแล้วก็เงยหน้าขึ้นพูดต่อ
“ยังไม่ทันถึงสามทุ่มเลย หน้าบูดกลับมาแล้ว สงสัยทะเลาะกันมาอีกแน่ๆ เลย น้าเซอร์เกคิดแบบผมไหมครับ”
เซอร์เกพ่นลมหายใจหนักหน่วงออกจากปาก ดวงตาที่ผ่านโลกมามากของเขากำลังอัดแน่นไปด้วยความหวาดวิตก และเขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียวเพราะเจ้าหลานชายตัวดีพ่นให้หมดราวกับเข้าไปนั่งอยู่ในใจของเขาเสียอย่างนั้น
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายน้อยจะยอมปล่อยให้ผู้หญิงมาทำให้ตัวเองอารมณ์เสียแบบนี้ ผมคิดว่ามันชักจะทะแม่งๆ แล้วนะเนี่ย นายน้อยเป็นหนักขึ้นทุกวัน”
อีวานพูดไม่ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว ปกติคอร์เนลไม่เคยปล่อยให้เรื่องของผู้หญิงคนไหนมาวุ่นวายในสมองของตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว นายน้อยของเขาไม่เคยสนใจ ไม่เคยไล่ตาม และไม่เคยต้องมาอารมณ์เสียกับเรื่องของสตรีมาก่อน แต่ยาหยีทำให้คอร์เนลเปลี่ยนแปลงไปทุกอย่าง ตารางชีวิตของนายน้อยรวนเรพังพินาศ ตอนนี้ไม่ว่าจะเพชรสีทองหรือว่าอาณาจักรซีร์ยานอฟ ทุกอย่างดูด้อยค่าลงไปหมดหากต้องมาเทียบเคียงกับผู้หญิงไร้เดียงสาอย่างยาหยี โรจน์มหามงคล
เซอร์เกถอนใจออกมาแรงๆ อีกครั้ง ก่อนจะยอมเอ่ยปากพูดกับหลานชายตัวเอง
“เราเป็นขี้ข้า อย่ายุ่งเรื่องของเจ้านายดีกว่าอีวาน” เซอร์เกกำลังจะเดินจากไปแต่ก็ต้องชะงักด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลของอีวานที่ดังขึ้นมา
“แต่ผมเป็นห่วงนายน้อยนะครับน้าเซอร์เก ผู้หญิงคนนี้ชักไม่ธรรมดาแล้วล่ะ นายน้อยอาจจะกำลังตกหลุมหายนะก็ได้นะครับ หรือบางทีนะนายยอดชายกับลูกสาวอาจจะร่วมกันวางแผนนี้เอาไว้ก็เป็นได้ หลอกล่อให้นายน้อยตกลงไปในหลุมรักจนดิ้นไม่หลุด แล้วพอนายน้อยเผลอ พวกนั้นก็แทงนายน้อยด้วยมีดแหลมๆ จนทะลุอก”
“พูดเกินจริงไปมั้งอีวาน นายน้อยของเราไม่ใช่คนโง่”
“แต่ผู้หญิงมักมีความสามารถพิเศษเสมอยามที่ตัวเองมีเป้าหมาย...” อีวานพูดอย่างอคติกับสตรี ขณะจ้องหน้าชายเขม็ง “และอีกอย่างที่ผมว่ามันแปลกๆ ก็คือ ผู้หญิงคนนั้นพยายามเรียกร้องความสนใจจากนายน้อยด้วยการทำเป็นดื้อรั้นหัวชนฝา เธอคงจะอ่านทางออกว่านายน้อยของเราน่ะยิ่งหนีก็จะยิ่งไล่ตาม แม่คุณก็เลยยิ่งทำเป็นรังเกียจรังงอนนายน้อยซะอย่างงั้น”
ใช่สินะ ยาหยีแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่คอร์เนลเคยได้สัมผัส เด็กสาวดื้อรั้นและแสนพยศไม่ยอมสยบง่ายๆ ตรงข้ามกับผู้หญิงทุกคนที่คอร์เนลเคยผ่านมา คอร์เนลคงจะเห็นว่ามันเป็นความท้าทายที่น่าพิชิตล่ะมั้งถึงได้ไม่ยอมปลดปล่อยแม่เด็กสาวคนนี้ไปสักที ทั้งๆ ที่ตัวเองก็สามารถจะกระชากนายยอดชายจากที่หลบซ่อนได้ตั้งนานแล้ว
“ทั้งๆ ที่ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยไม่มีใครสักคนที่จะใจแข็งกับผู้ชายหล่อขั้นเทพแบบนายน้อยได้สักคน ต่อให้แม่ชีที่บวชมาตลอดชีวิตก็ยังต้องอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟเลยยามที่สบตากับนายน้อยน่ะ”
อีวานไม่ได้พูดเกินจริงเลย เซอร์เกรู้ดีอยู่เต็มอก แต่ด้วยความอาวุโสกว่าเขาจึงรู้ว่าอะไรควรพูดและอะไรไม่ควรพูดออกไป
“เราไม่ควรพูดถึงเจ้านายลับหลัง”
“ผมไม่ได้นินทานี่ครับน้าเซอร์เก แต่ที่ผมพูดก็เพราะเป็นห่วงนายน้อยต่างหาก และตอนนี้สิ่งที่ผมคิดว่าน้าเซอร์เกควรจะทำที่สุดก็คือ...”
“อะไร?”
“กำจัดลูกสาวของนายยอดชายซะ ทำให้เธอหายไปจากชีวิตของนายน้อย” แม้น้ำเสียงของอีวานจะฟังดูเลือดเย็นเกินกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน แต่เซอร์เกก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจมัน เพราะความหมายของคำพูดต่างหากที่ฟังดูน่าตกใจ
“กำจัดอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ครับน้าเซอร์เก น้าจะต้องกำจัดแม่นั่นออกไป หากน้ารักนายน้อย” เมื่ออีวานยังยืนยันคำเดิม เซอร์เกจึงส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ
“อีกไม่นานนายน้อยจะกำจัดเธอออกไปจากชีวิตเอง ไม่ต้องถึงมือเราหรอกอีวาน”
“นี่น้ายังเชื่ออีกหรือครับว่านายน้อยไม่ได้หลงแม่เด็กคนนั้น” อีวานถามเสียงสูง ใบหน้าเคร่งเครียด
“อาจจะหลง แต่ไม่มีทางรักแน่นอน พอพวกเรากลับมอสโกกัน เด็กยาหยีก็จะกลายแค่อดีตที่ไม่น่าจดจำของนายน้อยเท่านั้นเอง เชื่อน้าเถอะอีวาน” เซอร์เกยกมือขึ้นตบไหล่หลานชายเบาๆ พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“แต่ว่าผม...”
“เอาน่าอีวาน น้ารู้ว่าแกเป็นห่วงนายน้อยมาก น้าเองก็ห่วงไม่แพ้แกหรอก แต่เราเป็นแค่ขี้ข้า เป็นแค่คนนอก ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปก้าวก่ายชีวิตของท่านหรอกนะ เราแค่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ ก็พอ หากนายน้อยต้องการความช่วยเหลือหรือคำแนะนำเมื่อไร เราจึงจะมีสิทธิ์พูดน่ะ...เข้าใจไหมอีวาน”
แม้จะไม่พอใจกับคำเตือนสติของน้าชายนัก แต่อีวานก็ไม่สามารถทำอะไรลงไปได้นอกจากพยักหน้ารับหงึกๆ
“ครับน้าเซอร์เก แต่ว่าผมจะไม่ยอมยืนมองแม่เด็กคนนั้นเงื้อมีดเตรียมแทงนายน้อยเฉยๆ หรอก ผมจะต้องทำให้นายน้อยตาสว่างให้ได้”
จบคำพูดหงุดหงิดนั้นหนุ่มน้อยอีวานก็เดินลิ่วๆ จากน้าชายของตัวเองหายไปทางเรือนพักหลังกะทัดรัดของตัวเองในทันที เซอร์เกถอนใจออกมาหนักหน่วงอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับที่พักของตัวเองไปเช่นกัน
‘ไม่เคยหงุดหงิดแบบนี้มาก่อนเลยให้ตายสิ’
คอร์เนลสบถอยู่ในใจด้วยความเดือดดาล เดินกลับไปกลับมาในห้องครั้งแล้วครั้งเล่า สมองนึกถึงแต่ผู้หญิงคนนั้นไม่หยุด ผู้หญิงที่กวนโทสะเขาได้อย่างร้ายกาจ ผู้หญิงที่ทำให้เขาหัวเสียได้อย่างเหลือเกิน และผู้หญิงที่ทำให้เขาหยุดนึกถึงไม่ได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว เขาไม่ควรจะคิดถึงหล่อนมากมายแบบนี้เลย ให้ตายเถอะ
ชายหนุ่มสบถครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความเดือดดาล เกรี้ยวกราด สมองสรุปเจ้าอาการงุ่นง่านที่เกิดขึ้นจนล้นปรี่ในอกให้อย่างแม่นยำเลยทีเดียว ว่าเป็นการลุ่มหลงแม่นั่นอย่างบ้าคลั่ง!
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายเลิศเลออย่างเขาจะต้องมานั่งร้อนอกร้อนใจเพียงเพราะผู้หญิงต่ำต้อยแถมยังพ่วงตำแหน่งลูกสาวไอ้ขี้ขโมยได้ถึงเพียงนี้
รุ่มร้อนจนแทบจะนั่งไม่ติด กายหนุ่มยังคงตื่นเร้ารอคอย ความจริงเขาคงจะนอนกกกอดหล่อนอยู่ในหอพักนั้นทั้งคืน หากเจ้าหล่อนไม่ปากดีปากเก่งแบบนั้น
“ก็เพราะฉันเกลียดคุณยังไงล่ะ”
ก็เพราะคำๆ นี้นี่แหละที่ทำให้เขาต้องรีบแยกจาก และเผ่นแน่บออกมาจากห้องพักของยาหยีแทบไม่ทัน หล่อนเกลียดเขา...ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ทำไมเขาจะต้องเจ็บแปลบในอกยามที่ได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของเจ้าหล่อนด้วย
ทำไมเขาต้องรู้สึกแคร์ด้วยว่าแม่นั่นจะคิดยังไงกับตัวเอง เขาควรจะเฉยเมย ไม่รู้สึกรู้สากับความรู้สึกของผู้หญิงที่ตัวเองซื้อมาบำบัดความใคร่ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บนักยามที่ยาหยีบอกว่าเกลียด หรือว่าเขาจะหลงรักหล่อนเข้าแล้วจริงๆ
‘ไม่! ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก’
หนุ่มหล่อสะบัดศีรษะแรงๆ จนเส้นผมสีเข้มกระจายยุ่งเหยิง ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำมากขึ้นหลายเท่า สองมือกำเข้าหากันแน่นเป็นหมัด ก่อนจะซัดเปรี้ยงเข้ากับกำแพงห้องใกล้ๆ เพื่อระบายอารมณ์คลั่งในอก แต่ให้ตายเถอะ ต่อยกำแพงห้องไปตั้งหลายทีจนนิ้วมือเลือดซิบ แม่เจ้าประคุณทูนหัวยาหยีก็ยังคงฝังแน่นอยู่ในสมองไม่หายไปไหน แถมยังติดแน่นราวกับตุ๊กแกเสียอีก
“ยายแม่มด!”
กรามแกร่งขบกันแน่นจนปูดเป่ง เกลียดโกรธตัวเองนักที่ไม่สามารถขจัดยาหยีออกไปจากสมองอันเฉียบคมของตัวเองได้ แถมไอ้ความต้องการยังครอบงำร่างกายอย่างรุนแรงอีกต่างหาก
เขาจะต้องทำยังไงนะ จะต้องทำยังไงถึงจะขจัดแม่ยาหยีคนงามออกไปจากชีวิตของตัวเองได้ นี่ขนาดแค่ครั้งสองครั้งบนเตียง บนโต๊ะทำงาน เขายังลุ่มหลงอย่างรุนแรงแบบนี้ แล้วถ้าคลุกอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนล่ะ มีหวังเขาไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากโรมรันสวาทกับแม่นั่นอย่างเดียว
ไม่ได้ๆ หากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เขาจะเป็นคนเดียวที่ย่ำแย่ เขาจะต้องหาวิธีจัดการกับแม่นั่น และที่สำคัญจัดการกับสมอง หัวใจ และร่างกายของตัวเองให้เลิกโหยหาแม่ยาหยียาใจนั่นสักที วิธีน่ะเหรอ? ก็แค่ให้คนไปลากตัวไอ้คนทรยศมากองที่แทบเท้าแล้วเค้นหาที่ซ่อนเพชรสีทองน่ะสิ แค่นี้ยาหยีก็จะหมดประโยชน์ใดๆ กับเขาแล้ว
คอร์เนลระบายยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง
“คราวนี้คุณก็ไม่สามารถที่จะครอบงำผมได้ตลอดเวลาแล้วล่ะยาหยี”
ดวงตาสีเขียวดุจมรกตเนื้อดีวาวโรจน์ ขณะเคลื่อนกายทรงพละกำลังของตัวเองตรงไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดต่อสายหาคนสนิท
“เซอร์เก ไปลากคอไอ้ยอดชายมาให้ฉันขยี้คืนนี้!”
ออกคำสั่งจบปุ๊บก็ตัดสายทันทีเมื่อคู่สนทนาน้อมรับคำสั่ง โทรศัพท์มือถือบางเฉียบราคาแพงหูฉี่ถูกโยนลงบนที่นอนอย่างไม่ไยดี ก่อนที่เจ้าของผู้หล่อลากดินจะก้าวยาวๆ เดินหายเข้าไปในห้องน้ำแสนหรูที่อยู่ด้านในสุดของห้องนอนโอ่อ่าทันที
แม้แสงแดดยามเช้าจะเล็ดลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างมากมายแค่ไหน แต่เจ้าแสงสว่างเจิดจ้าชนิดที่หลอดนีออนยี่สิบวัตต์เทียบไม่ติดนี้ก็ไม่สามารถมาปลุกให้ร่างอรชรที่นอนขดตัวคุดคู้อยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย หญิงสาวยังคงนอนนิ่งราวกับไร้ลมหายใจ
“ยาหยี...ยายลูกหยี”
ลินดาเอ่ยเรียกเบาๆ หลังจากยืนมองสภาพของเพื่อนอยู่ข้างเตียงเป็นเวลานานหลายอึดใจ คงจะทะเลาะกันอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นยายลูกหยีเพื่อนของหล่อนคงไม่นอนหลับไปทั้งที่น้ำตาท่วมหน้าแบบนี้หรอก ดูสิ...คราบน้ำตายังเต็มหน้าอยู่เลย
ลินดาถอนใจออกมา และเรียกเพื่อนอีกครั้ง
“ลูกหยี...ตื่นเถอะ สายแล้ว”
ร่างอรชรค่อยๆ ขยับตัวช้าๆ และในที่สุดดวงตาหวานฉ่ำที่หล่อนเคยอิจฉาเสมอยามได้มองก็ลืมโพลงขึ้น และนั่นก็ทำให้หล่อนได้เห็นความโศกเศร้าในสายตาของยาหยีชัดเจน
“ทะเลาะกันอีกแล้วใช่ไหม?”
ลินดาทรุดตัวนั่งข้างๆ ขณะที่ยาหยีค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียงโดยมีหมอนใบใหญ่รองอยู่ใต้แผ่นหลัง
น้ำตาซึมออกมาอีกครั้งเมื่อต้องพูดถึงผู้ชายใจดำที่ทอดทิ้งหล่อนให้นอนฝันร้ายอยู่เพียงลำพังตลอดทั้งคืน
เขาใจดำ ใจร้าย และไม่มีวันรักหล่อนได้อย่างแน่นอน แต่หล่อนสิ ไม่รักดี ห้ามหัวใจตัวเองไม่เคยได้ อยู่ใกล้เขาทีไรหัวใจกระตุกเสียทุกทีไป ยิ่งได้อยู่ในอ้อมแขนทรงพลังนั้น หล่อนก็ยิ่งระทดระทวย ยอมสยบสิ้นคาแทบเท้าของเขา
มันน่าสมเพช น่าเวทนา แต่หัวใจของหล่อนก็ตกอยู่ในอุ้งมือของคอร์เนลไปเสียแล้ว ตกไปอยู่ในอุ้งมือมารโดยที่เจ้าของอย่างหล่อนไม่ได้เต็มใจสักนิด แถมเขายังมองไม่เห็นค่าของมันอีกต่างหาก มันช้ำเสียยิ่งกว่าช้ำ
น้ำตาพานไหลซึมออกมาอีกระลอกหลังจากที่นอนจมกับธารแห่งความอาดูรมาตลอดทั้งคืน ก้อนสะอื้นแสนทรมานอัดแน่นอยู่ในอกจำนวนมหาศาล หล่อนเกลียดความรู้สึกนี้เหลือเกิน เกลียดความรู้สึกที่มีแต่ผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหล่อนมีค่าเกินกว่าคำว่า ‘อีตัว’ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“คนรักกันก็เป็นแบบนี้แหละ ต้องมีทะเลาะกันบ้าง ฉันกับโกวิทก็ตีกันบ่อยๆ แต่ก็ยังรักกันเหมือนเดิม”
เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวนั่งนิ่งไม่ยอมตอบคำถาม ลินดาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเสียเอง พยายามจะปลอบใจยาหยีแต่แม่คุณคนงามกลับส่ายหน้าปฏิเสธซะอย่างนั้น
“ฉันกับเขาไม่ใช่คนรักกันหรอกลินดา”
“ไม่ใช่คนรักอะไรล่ะ ดูพ่อรูปหล่อตาเขียวนั่นจะแคร์เธอมากๆ เลย เชื่อเถอะว่าฉันมองไม่ผิดหรอก”
“แต่ครั้งนี้เธอมองผิดแล้วล่ะลินดา เราไม่ใช่คนรักกัน...ไม่มีวันเป็นไปได้ด้วย” ยิ่งพูดก็ยิ่งช้ำ น้ำตาหลั่งรินออกมาไม่ขาดสาย
“ไม่ใช่คนรักอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่คนรักแล้วทำไมเธอถึงยอมนอนกับเขาล่ะลูกหยี และอย่าบอกนะว่าแค่สนุกๆ เพราะฉันไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด แล้วผู้หญิงหวงเนื้อหวงตัวแบบเธอก็ไม่มีทางปล่อยกายปล่อยใจเพียงเพราะความสนุกได้หรอก ลูกหยี...อย่ามาโกหกฉันเลย”
ลินดาค้านเสียงแข็งโป๊ก ขณะจับจ้องใบหน้าสวยงามปานน้ำตาลอ้อยของยาหยีเขม็งอย่างรอคอยคำตอบ และในที่สุดยาหยีก็ตอบออกมาเสียงเจือสะอื้น
“ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้มีความรู้สึกมาเกี่ยวข้องเลยจริงๆ ลินดา ฉัน...” แรงสะอื้นทำให้ยาหยีต้องหยุดพูดชั่วขณะ
“ฉันกับเขาก็แค่...แลกเปลี่ยนกันเท่านั้น”
และในที่สุดยาหยีก็สามารถพูดความอัปยศของตัวเองออกมาให้ลินดาได้รับรู้จนจบประโยคจนได้ ตอนนี้หล่อนไม่ควรจะปิดบังอะไรต่อเพื่อนรักคนนี้ของหล่อนอีกแล้ว
“แลกเปลี่ยน?”
คิ้วโก่งที่ถูกตัดแต่งมาอย่างดีของลินดาเลิกขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ ก่อนจะพูดออกมาด้วยความข้องใจสุดขีด
“อย่าบอกนะว่าที่เธอนอนกับเขาก็เพราะแลกเปลี่ยน”
ยาหยีพยักหน้าทั้งน้ำตา ขณะที่ลินดาถึงกับยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ
“ฉันไม่อยากเชื่อ...ทำไมเธอทำแบบนี้ล่ะลูกหยี เธอหวงความสาวจะตายไป แล้วทำไม? ทำไมถึงได้ยอมทำเรื่องแบบนี้ไปได้ หรือว่าเงินขาดมือน่ะลูกหยี?”
เจ้าของชื่อส่ายหน้าช้าๆ ความโศกเศร้าเจ็บปวดอัดแน่นอยู่ในทุกอณูเนื้อหัวใจ กลีบปากสาวสั่นระริกด้วยความชอกช้ำ
“ถ้าไม่ใช่เรื่องเงินแล้วเรื่องอะไรล่ะ เรื่องอะไรกันที่มันทำให้เธอต้องยอมขายศักดิ์ศรีแบบนี้” ลินดาเขย่าร่างของเพื่อนรักแรงๆ เมื่อแม่เพื่อนสาวคนงามพยายามจะก้มหน้าหลบตา
“บอกมาสิลูกหยี บอกฉันมาว่าทำไมเธอถึงทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้”
“เขาจะฆ่าพ่อของฉัน!”
ยาหยีโพล่งออกมาเสียงเบาหวิว ลินดาถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของเพื่อนรัก ผู้ชายหล่อระเบิดคนนั้นเนี่ยนะจะฆ่าพ่อของยาหยี มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยให้ตายสิ
“ว่ายังไงนะ เขาจะฆ่าพ่อของเธอ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมพ่อรูปหล่อคนนั้นเขาจะต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ หรือว่าเขาจะเป็นพวกโจร แต่จากที่ฉันเห็น ท่าทางของเขาแตกต่างจากคำว่าโจรมากเลยนะ เหมือนพวกเจ้าชาย พวกเทพบุตรมากกว่า”
“เขาไม่ได้เป็นโจรหรอกลินดา แต่ว่าพ่อของฉันไปขโมยเพชรของเขามา เขาก็เลยมาทวงคืน” พอได้ยินคำอธิบายของยาหยี ลินดาก็ร้องอ๋อออกมาในทันทีอย่างเข้าใจความหมายทุกอย่าง
“พ่อสุดหล่อนั่นก็เลยมาลากเธอขึ้นเตียงเพื่อชดใช้ความเสียหายที่พ่อของเธอทำขึ้นอย่างนั้นใช่ไหม แหม! เหมือนกับนิยายที่ฉันพึ่งอ่านจบไปเมื่อวันก่อนเลยอะ พระเอกโกรธพ่อนางเอกก็เลยมาแบล็กเมล์นางเอกเอาตัวมาแลก ตอนแรกก็กะจะว่าได้แล้วก็จะเขี่ยทิ้ง แต่ดันติดใจซะงั้น ท้ายสุดก็ไปไหนไม่รอดต้องถูกนางเอกขังไว้ในกรงวิวาห์ชั่วชีวิต”
บรรยากาศที่โศกเศร้าแถมยังตึงเครียดเหลือแสนกลับกลายเป็นขำขันทันทีที่ลินดาหัวเราะออกมา ยาหยีก็อยากจะให้ชีวิตของตัวเองเป็นอย่างนางเอกในนิยายที่เพื่อนเล่าให้ฟังเหลือเกิน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อหล่อนไม่มีทางเป็นนางเอกสำหรับคอร์เนลไปได้ ต่อให้พยายามมากแค่ไหนก็ตาม
“ฉันไม่ใช่นางเอกสำหรับเขาหรอก”
“อย่าพึ่งด่วนสรุปสิลูกหยี บางทีเธออาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้”
ลินดาเอียงหน้าเข้ามากระซิบกระซาบข้างหูของเพื่อนสนิท ระบายยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ เพราะในสายตาของหล่อนนั้นออกจะมั่นใจด้วยซ้ำว่าพ่อสุดหล่อตาสีเขียวคนนั้นหลงเพื่อนรักของตัวเอง แต่ไม่ยอมพูดออกมาเท่านั้น
“ฉันเข้าใจถูกทุกอย่าง ฉันก็แค่อีตัว ผู้หญิงชั่วคราวของเขาเท่านั้น”
“แต่ฉันคิดว่าเขาถูกใจเธอนะยายลูกหยี ก็คิดดูสิ เขาไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาตามหาเธอถึงที่มหาวิทยาลัย เพราะผู้ชายเพอร์เฟ็กต์ขั้นเทพแบบเขาจะหาผู้หญิงสวยๆ หุ่นสะบึมสักร้อยสักพันคนก็ได้แค่กระดิกนิ้วเรียกเท่านั้น แต่เขากลับมาหาเธอ บุกไปถึงห้องเรียน แถมยังตามมาหาถึงหอพักอีก ฉันคิดว่าเขาต้องรู้สึกพิเศษกับเธอแน่ๆ เชื่อฉันเถอะ”
หัวใจที่เหี่ยวแฟบลงไปตั้งแต่คอร์เนลออกไปจากห้องกลับมาฟูฟ่องอีกครั้ง แต่เพียงครู่เดียวก็เหี่ยวเฉาลงไปเช่นเดิม เมื่อสมองร้องเตือนว่าที่คนตัวโตทำแบบนั้นก็เพราะว่ายังไม่เบื่อร่างกายของหล่อนเท่านั้นเอง
“เลิกพูดถึงเขากันเถอะลินดา ฉันไม่อยากจดจำชื่อของผู้ชายนั้นอีก”
ทุกความรู้สึกยังคงอัดแน่นไปด้วยความเจ็บช้ำ หัวใจกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด หล่อนจะต้องลืมผู้ชายคนนั้นให้ได้ จะต้องลืมให้หมดว่าเคยมีความสุขแค่ไหนเมื่ออยู่ใต้ร่างทรงพลังของเขา แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม
“ฉันเกลียดเขา...เกลียดที่สุด...”
“โกหก! มองก็รู้ว่าเธอหลงรักพ่อเทพบุตรตาเขียวนั่นตั้งแต่แรกสบตา” ลินดาพูดเสียงจริงจัง และไม่มีปรนผ่อนแม้แต่นิดเดียว
“อ๊ะๆ อย่าบอกเชียวนะว่าไม่ใช่ เพราะฉันไม่มีวันเชื่อแน่ๆ”
ความรู้สึกของหล่อนมันไม่สำคัญอะไรหรอก ในเมื่อคอร์เนลไม่เคยมองเห็นมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว หล่อนจะรัก จะเกลียด หรือว่าจะแค้นยังไง ผู้ชายคนนั้นไม่สนใจ ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว
“ฉันไม่ได้ต้องการให้ใครเชื่อ และฉันจะย้ายออกไปจากที่นี่ทันที หากเธอยังไม่หยุดพูดถึงผู้ชายสารเลวคนนั้น” น้ำเสียงของยาหยีแม้ว่ามันจะแผ่วเบาแต่ก็เต็มไปด้วยเด็ดขาดจริงจังจนลินดาต้องตอบตกลงในทันที
“โอเคๆ ฉันจะไม่พูดถึงพ่อเทพบุตรตาเขียวให้เธอได้ยินอีก พอใจไหมแม่ลูกหยี”
ยาหยีพยักหน้าน้อยๆ ขณะพาร่างกายอิดโรยของตนเองก้าวลงไปยืนกับพื้นห้องด้วยท่าทางไม่มั่นคงนัก ลินดาเห็นแล้วก็ต้องรีบเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วง ขณะลอบถอนใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายกับความปากแข็งใจแข็งของเพื่อนรัก
“นั่งก่อนเถอะลูกหยี ไข้คงกลับมาอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกลินดา ฉันเดินไหว” ยาหยีฝืนพาตัวเองเดินไปหยุดที่ประตูห้องน้ำ โดยมีลินดาเดินตามประกบไปด้วยความห่วงใย
“วันนี้เรามีติวหนังสือสอบกันในห้องสมุดใช่ไหม”
“ใช่ แต่เธอไม่ต้องไปก็ได้นะ เธอทำข้อสอบวันพรุ่งนี้ได้อยู่แล้วล่ะ”
ลินดาพูดขึ้นเพราะเป็นห่วงเพื่อน แต่แม่เพื่อนสาวตัวดีกลับไม่ยอมรับความหวังดีซะงั้น จนหล่อนอดอ่อนอกอ่อนใจไม่ได้
“ฉันไปไหว ขอเวลาสิบห้านาทีเท่านั้น”
จบคำพูดเหนื่อยๆ ร่างของยาหยีก็หายเข้าไปในห้องน้ำ ลินดามองตามไปด้วยความเวทนาแกมหมั่นไส้
“ขอให้ใจแข็งแบบปากเถอะยายลูกหยี”
ขณะที่ลินดาบ่นกระปอดกระแปดด้วยความอ่อนอกอ่อนใจอยู่นั้น ยาหยีก็กำลังจ้องมองตัวเองในกระจกเงาและร่ำไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ทำไมฉันต้องนึกถึงคุณด้วย ทำไมฉันตัดใจจากคุณไม่ได้” คร่ำครวญด้วยความชอกช้ำ กายสาวถูกบีบคั้นด้วยความร้าวรานอย่างรุนแรง เจ็บจนหัวใจแทบแหลกละเอียดกับการกระทำของชายคนนั้น ชายที่หล่อนโหยหาทั้งเวลาหลับและเวลาตื่น
เห็นได้ชัดๆ เลยว่าเขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงข้ามกับหล่อนที่ทั้งตื่นเต้นและโหยหากับสัมผัสอันแนบชิดสนิทสนมที่เกิดขึ้นเหลือเกิน ทุกอย่างที่เขาทำกับผิวสาวของหล่อนมันช่างงดงามสวยสดและน่าหลงใหลยิ่งนัก มันพิเศษสุดๆ สำหรับหล่อน มันติดตราตรึงใจจนไม่อาจจะลบเลือนได้เลย
แต่สำหรับเขา...คงมีแต่ความน่าเบื่อและน่ารำคาญ เขาคงนึกเกลียดตัวเองเลยล่ะมั้งที่เผลอมาข้องแวะกับสาวไร้ประสบการณ์แถมยังจืดชืดน่าเบื่อหน่ายแบบหล่อน และก็เพราะสาเหตุนี้ล่ะมั้งที่ทำให้คอร์เนลเฉยชาทุกครั้งที่สงครามสวาทจบสิ้น
เขาทำราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ไม่พูดไม่จา ไม่เอ่ยถึงสิ่งล้ำค่าที่หล่อนมอบให้เลยแม้แต่คำเดียว น่าเจ็บปวด น่าน้อยใจ และน่าอดสูเป็นที่สุด หล่อนมันก็แค่อีตัว อีตัวชั้นต่ำที่เขาต้องครอบครองเพียงเพราะว่าต้องการถอนทุนคืนจากการกระทำของบิดาของหล่อนเท่านั้น มันแค่นี้จริงๆ
หญิงสาวกัดปากแน่นจนปลายลิ้นได้ลิ้มรสเลือด ขณะร้องสั่งตัวเองให้เงยหน้าเผชิญกับความจริง ที่แม้มันจะโหดร้ายน่าสะพรึงกลัวมากแค่ไหน แต่หล่อนก็ต้องยอมรับมัน และก้าวข้ามความร้าวรานแสนเจ็บปวดพวกนี้ไปให้จงได้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
ความคิดเห็น