ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมียเก็บมาเฟีย ซีรี่ย์ชุด เทพบุตรมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.22K
      11
      29 เม.ย. 59

    ตอนที่ 10

    “ไปไหนมาน่ะยายลูกหยี แล้วนี่หายป่วยแล้วหรือไง”

    เมื่อยาหยีพาตัวเองกลับมาถึงห้องพัก ลินดาที่เดินกลับไปกลับมาในห้องก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ วิ่งเข้ามาโอบกอดแน่น

    “นึกว่าถูกผู้พ่อเทพบุตรเถื่อนตาสีเขียวฉุดไปข่มขืนรอบสองเสียแล้ว”

    แก้มสาวแดงก่ำแทบไหม้ทันทีเมื่อคำพูดของลินดาทำให้สมองของหล่อนหวนคิดไปถึงฉากรักอันแสนเร่าร้อนบนโต๊ะไม้ใหญ่ในห้องทำงานของคอร์เนล เขาครอบครองหล่อนอย่างดุดันบนโต๊ะไม้นั่น และหล่อนก็หน้าด้านเหลือเกินที่ร่ำร้องครวญครางออกมาด้วยความพึงพอใจสุดขีด เสียงร้องด้วยความสุขสมยามที่มีเขาอยู่ภายในกายยังติดตรึงอยู่ในสมอง ทั้งที่อยากจะลืมแต่มันก็กลับจดจำ

    “ฉันไม่อยากพูดถึงผู้ชายคนนั้นอีก” ยาหยีตัดบทด้วยใบหน้าที่ยังแดงเถือกไม่เลิก ขณะพากายสาวที่อิดโรยมาทรุดนั่งลงบนเตียง ลินดาอยากจะเชื่อคำพูดของเพื่อนอยู่เหมือนกัน แต่พอมองสภาพของแม่เพื่อนสาวแล้วก็เชื่อไม่ลง

    ใครจะเชื่อเข้าไปลงล่ะ ในเมื่อปากยังเจ่อบวมช้ำอยู่เลย แถมสภาพก็เหมือนพึ่งถูกเสพสุขมาอย่างหนักหน่วงแบบนี้

    ลินดาถอนใจออกมา ก่อนจะมานั่งเคียงข้างยาหยี

    “บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่เธอรอคอยก็ได้นะยายลูกหยี ผู้ชายหล่อร้ายที่ผู้หญิงทุกคนฝันหา”

    “เขาไม่ใช่คนๆ นั้นหรอก” ยาหยีเถียงเสียงเรียบ น้ำตาซึมออกมาด้วยความน้อยใจ คอร์เนลแสดงท่าทางเย็นชาใส่หล่อนทุกครั้งหลังจากจบเกมรักเร่าร้อน เขาทำกับหล่อนยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก ขับไล่ไสส่งอย่างไม่รักษาน้ำใจกัน

    “ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าใช่หรือไม่ใช่ มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่จะเป็นคนตอบคำถามให้กับหัวใจตัวเองได้ว่าเขาใช่คนที่เธอรอคอยหรือเปล่า และหัวใจของเธอรักเขาไหม

    รักหรือ? หล่อนรักผู้ชายคนนั้นหรือเปล่านะ ไม่ ไม่มีทางรักหรอก หล่อนก็แค่หลงใหลได้ปลื้มกับความหล่อเกินมนุษย์มนาของเขาเท่านั้นเอง

    “ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว”

    “อย่าลืมสิ เขาเป็นคนแรกของเธอนะลูกหยี ผู้หญิงหัวโบราณแบบเธอคงไม่ดีใจนักหรอกที่จะมีผัวสองใช่ไหม” คำพูดของลินดาตีแผ่ความจริงจนแตกกระจุย

    จริงสินะ หล่อนคิดภาพผู้ชายคนอื่นบนร่างกายของตัวเองไม่ออกจริงๆ แค่คิดว่ามือของใครบางคนที่ไม่ใช่ของคอร์เนลมาสัมผัสผิวกาย แค่นั้นก็แทบจะอาเจียนออกมาอยู่รอมร่อ หล่อนคงหลงใหลเซ็กส์ของคอร์เนลจนโงหัวไม่ขึ้นเสียแล้วล่ะ

    “มันก็แค่ความผิดพลาดที่สุดในชีวิต และฉันก็มั่นใจว่าตัวเองสามารถอยู่คนเดียวได้โดยไม่ต้องอาศัยใบบุญของผู้ชายคนไหนไปตลอดชีวิต”

    ลินดาฟังน้ำเสียงของยาหยีแล้วก็พอจะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังน้อยอกน้อยใจพ่อเทพบุตรตาเขียวดุจมรกตเนื้อดีคนนั้นมากแค่ไหน

    “แล้วหากเธอท้องล่ะ”

    เหมือนสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมากลางหัวใจ ยาหยีหันขวับ จ้องมองใบหน้าของลินดาเขม็ง

    “ท้องอย่างนั้นเหรอ?

    ลินดาพยักหน้ารับ

    “ก็ใช่น่ะสิ สาวบริสุทธิ์แบบเธอคงไม่ได้ป้องกันหรอกจริงไหม”

    “ใช่ ฉันไม่ได้คุมกำเนิด”

    น้ำเสียงเบาหวิวดังออกมาจากกลีบปากชอกช้ำพร้อมๆ กับใบหน้างามที่ซีดเผือดลงทีละน้อย ลินดามองเพื่อนด้วยความสงสาร ก่อนจะพูดให้กำลังใจออกไป

    “อย่าคิดมากเลยน่า ผู้ชายคนนั้นอาจจะป้องกันก็ได้ เธอเห็นเข้าใส่ถุงยางไหม”

    ยาหยีพยายามนึกแต่ความเร่าร้อนเจียนคลั่งในเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนั้นก็ทำให้หล่อนจำอะไรไม่ได้เลย

    “ฉันไม่รู้...”

    “แล้วเขา...เอ่อ...ปล่อยในตัวของเธอหรือเปล่า”

    แม้มันจะกระดากปากมากแค่ไหนแต่ก็ต้องฝืนพูดออกไปเพื่อที่จะได้รู้ว่าเพื่อนสนิทของตัวเองมีสิทธิ์ที่จะอุ้มท้องทั้งๆ ที่ยังศึกษาอยู่หรือเปล่า

    “ปล่อย?” คิ้วงามของยาหยีเลิกขึ้นสูง แล้วก็ต้องแก้มแดงก่ำเมื่อเข้าใจความหมายคำพูดของคู่สนทนา

    ลินดาพยักหน้า มองใบหน้านวลของยาหยีที่แดงสลับขาวด้วยความเวทนา

    “ใช่...ปล่อยหรือเปล่า”

    “ฉะ...ฉันไม่รู้”

    ตอบออกมาปากสั่นระริก สมองนึกภาพตามสิ่งที่ลินดาพยายามสื่อความหมาย แต่หล่อนไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ ช่วงจังหวะที่เขากับหล่อนแนบชิดกันนั้นมันเหมือนกับการหลุดหลงเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์แห่งหนึ่ง ดินแดนที่มีแต่ความเสียวซ่านและรัญจวนจิตเพียงเท่านั้น

    “ฉันไม่รู้จริงๆ นะลินดา ไม่รู้จริงๆ” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้าร่ำไห้ ลินดารีบดึงเข้ามากอดอีกครั้งด้วยความเวทนาสงสาร

    “เอาละๆ เลิกร้องไห้เถอะลูกหยี ทุกอย่างมันผ่านไปหมดแล้ว ลืมมันซะนะ”

    “แต่ฉันกลัวท้อง ลินดา ฉันกลัวจริงๆ นะ” ยาหยีลดมือที่ปิดหน้าลงและมองคู่สนทนาอย่างขอความช่วยเหลือ

    ลินดาถอนใจออกมาแรงๆ ด้วยความกลัดกลุ้มเช่นกัน ยาหยีไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรกับหล่อนเลยให้ตายสิ นี่แหละน่า ข้อเสียของสาวบริสุทธิ์ที่ไม่แม้แต่จะอ่านนิยายโรมานซ์

    “เธอต้องถามผู้ชายคนนั้นแล้วล่ะลูกหยี”

    “ถามเขา?

    ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ความตื่นตระหนกอัดแน่นอยู่เต็มกระแสเสียง ก่อนจะรีบส่ายหน้าพรืดโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

    “ไม่...ฉันไม่มีทางยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว”

    “ถ้าเธอไม่ถาม แล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ ไม่งั้นก็นั่งเครียดกันตายเลย แถมยังจะสอบในอีกวันสองวันนี่แล้วด้วย คงไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านหนังสือแน่ แล้วไอ้เกรดเอที่เธอกวาดเรียบทุกวิชามาทุกเทอมน่ะคงต้องหลุดมือไปแน่ๆ”

    ลินดาพยายามหว่านล้อม แต่เจ้าตัวก็เอาแต่นิ่งเงียบ ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด จนปัญญาที่จะช่วยเหลือแล้วจริงๆ

    “ทำใจดีๆ ไว้นะลูกหยี นอนหลับพักผ่อนซะให้สบายใจ พรุ่งนี้ค่อยหาทางแก้ปัญหากันใหม่ แล้วนี่เธอมั่นใจได้ยังไงว่าพ่อรูปหล่อน่าฟัดนั่นจะไม่มาลากเธอไปกกอีกน่ะ เมื่อตอนเช้าก็บุกไปหาเธอที่ห้องเรียนมาครั้งหนึ่งแล้ว” คำพูดของลินดาทำให้คนที่กำลังร่ำไห้อยู่ถึงกับหยุดร้องไห้กึก พร้อมๆ กับถามออกมาเสียงสั่นเครือ

    “เขาไปหาฉันที่ห้องเรียนเหรอ”

    “ก็ใช่น่ะสิ สาวๆ ในห้องน่ะกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ แต่พอรู้ว่าเป็นผู้ชายของเธอ พวกนั้นก็อิจฉากันตาร้อนผ่าว รวมทั้งฉันด้วย นี่รู้ไหมว่าเธอน่ะโชคดีแค่ไหนที่ได้เทพบุตรสุดหล่อแถมท่าทางจะรวยระเบิดมานอนกก ฉันหามาทั้งชีวิตยังได้แค่โกวิทลูกชายเจ้าของร้านทองเอง”

    อยากจะดีใจอยู่หรอก แต่หล่อนจะดีใจลงไปได้ยังไงกันล่ะในเมื่อรู้ฐานะตัวเองในสายตาของคอร์เนลดีว่าเขามองหล่อนยังไง

    เหยื่อแค้น อีตัว หรือไม่ก็นางบำเรอ

    “หากการได้เจอกับผู้ชายคนนี้เป็นเรื่องโชคดีละก็ ฉันขออยู่แบบโชคร้ายดีกว่า อยู่โดยไม่ต้องพบเจอผู้ชายใจร้ายคนนี้...ผู้ชายใจดำ”

    “โอ๋...หยุดร้องไห้ได้แล้วลูกหยีจ๋า เธอคงโกรธเขามากที่เขารุนแรงด้วยใช่ไหมล่ะ มันก็ธรรมดาของผู้ชายนั่นแหละ ยิ่งเป็นผู้ชายยุโรป ผู้ชายอเมริกันด้วยแล้ว พวกนี้เซ็กส์ค่อนข้างรุนแรง ป่าเถื่อน แต่อีกหน่อยเธอก็จะชอบมัน...เหมือนกับฉันนี่แหละ”

    “ฉันไม่มีทางชอบคนเถื่อนแบบนั้นหรอก”

    แม้จะกำลังคร่ำครวญอยู่แต่หญิงสาวก็ยังอดคัดค้านออกไปไม่ได้ แม้ความเป็นจริงแล้วหล่อนจะหลงใหลสัมผัสของคอร์เนลจนโงหัวไม่ขึ้นก็ตาม แต่หล่อนไม่มีทางยอมให้ใครรับรู้ได้หรอก ปล่อยให้มันตายไปพร้อมๆ กับลมหายใจของหล่อนเนี่ยแหละ หล่อนจะต้องบอกว่าเกลียดเขาทุกครั้งที่เจอหน้า

    ลินดานั่งปลอบเพื่อนสนิทอยู่พักใหญ่ก็ขอตัวออกไปทำธุระข้างนอก

    “ฉันมีนัดกับโกวิทน่ะลูกหยี อาจจะกลับดึกสักหน่อยนะ แต่รับรองไม่เกินเวลาที่หอปิดแน่ เพราะฉันไม่มีวันยอมนอนตากน้ำค้างหน้าหอแบบเธอหรอก” ร่างอรชรในชุดสวยลุกขึ้นยืน ยิ้มให้กับยาหยีอย่างให้กำลังใจ

    “นอนซะนะ พักผ่อนซะ อย่าคิดมาก เดี๋ยวฉันกลับมา”

    “ไม่ต้องห่วงฉันหรอกลินดา เธอไปเที่ยวกับโกวิทให้สบายใจเถอะ” ยาหยีฝืนยิ้มให้กับคู่สนทนาทั้งน้ำตา ความขมขื่นที่เกิดจากความไม่แยแสของคอร์เนลยังคงมีอานุภาพรุนแรงต่อหัวใจของหล่อนมากมายเช่นเดิม

    “งั้นฉันไปนะลูกหยี”

    “จ้ะ ขอให้สนุกนะ”

    ยาหยีโบกมือให้กับเพื่อนรัก มองจนลินดาหายวับไปกับบานประตูแล้วจึงล้มตัวลงนอนหงายบนเตียงนอน ร้องไห้ออกมาอย่างหนักจนตัวโยน เจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกินกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

    เสียตัว มันยังไม่เจ็บปวดรวดร้าวเท่ากับการที่ต้องเสียหัวใจให้กับผู้ชายที่มองไม่เห็นค่าของมันเลยแม้แต่นิดเดียว

     

     

    “ยาหยีไปไหน!

    คอร์เนลคำรามก้องบ้านเมื่อเดินไปหาหญิงสาวที่ห้องนอนฝั่งตะวันออกแล้วไม่พบเจ้าหล่อนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

    “ฉันถามว่าผู้หญิงคนนั้นไปไหน หูแตกกันหรือไง!

    บรรดาสาวใช้และเหล่าบอดี้การ์ดสะดุ้งโหยงกับอารมณ์เกรี้ยวกราดบ้าคลั่งของเจ้านายหนุ่ม โดยเฉพาะเซอร์เกที่ตกใจแทบช็อกกับโทสะของนายน้อยตัวเอง เพราะตั้งแต่รับใช้กันมาหลายปี ไม่ว่าจะมีเรื่องผิดพลาดรุนแรงแค่ไหน ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่คอร์เนลจะฟิวส์ขาดขนาดควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้แบบนี้

    แม่เด็กสาวคนนี้มีอิทธิพลอย่างรุนแรงต่อนายน้อยของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ อันตราย หายนะลูกใหญ่กำลังจะเคลื่อนเข้ามาทาบทับจิตวิญญาณของคอร์เนล เซอร์เกทำนาย และก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทายพลาดด้วย เพราะท่าทางของเจ้านายหนุ่มหลงใหลยาหยีจนโงหัวไม่ขึ้นเชียวแหละ

    นี่แหละน่าคนที่ไม่เคยคิดจะรักใคร พอมีความรักขึ้นมาจริงๆ ก็รักแรงแบบนี้นั่นแหละ แม้เจ้าตัวจะยังไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองก็ตามที

    “เธอกลับไปแล้วครับ”

    เซอร์เกเป็นคนตอบคำถาม และก็ได้เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความขัดเคืองใจจากคอร์เนลมาเป็นรางวัล

    “ปล่อยกลับไปหรือ นี่พวกนายเป็นบ้าอะไรกัน ฉันอุตส่าห์ไปลากเธอมาจากมหาวิทยาลัย แต่พวกนายกลับปล่อยเธอไปง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ”

    คอร์เนลประชดเสียงเดือดดาล ขณะเดินกลับไปกลับมาด้วยความงุ่นง่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เชอรี่ อีวาน และเหล่าสาวใช้ รวมทั้งบอดี้การ์ดต่างอึ้งไปตามๆ กัน มีเพียงเซอร์เกเท่านั้นที่มองออกว่าเจ้านายของตัวเองกำลังเป็นอะไร

    “เธอบอกว่านายน้อยไล่ให้กลับ ผมก็เลยให้คนขับรถไปส่ง”

    “ดี...ทำได้ดีมาก ระวังเถอะฉันจะไล่พวกนายออก”

    หนุ่มหล่อที่ตอนนี้ร้อนเป็นไฟเพราะสตรีที่คะนึงหาขัดคำสั่งหนีหายไปกัดฟันแน่น กรามแกร่งปูดเป่งแทบแตกละเอียด

    “ให้ผมไปรับเธอกลับมาไหมครับ” อีวานเสนอตัว แต่ก็ถูกคอร์เนลตัดบทด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมจนต้องสงบปากนิ่งเช่นเดิม

    “หุบปากไปซะ ฉันจะกลับมาจัดการกับพวกนายแน่” หนุ่มหล่อคำรามเสียงดุดัน ขณะหันไปหาเซอร์เกที่ยืนก้มหน้าอยู่ไม่ห่าง

    “กุญแจรถ”

    “กุญแจรถหรือครับ” เซอร์เกทวนคำสั่งของคอร์เนลด้วยน้ำเสียงกังวล นี่นายน้อยของเขาจะขับรถเองอีกแล้วเหรอ เขาไม่ไว้ใจให้เจ้านายขับรถเองเลยให้ตายสิ เพราะคอร์เนลขับรถเร็วมาก กลัวจะเกิดอันตรายขึ้น

    “ก็ใช่น่ะสิ เอากุญแกรถสปอร์ตมาให้ฉัน เร็วเข้า”

    “ให้ผมขับให้เถอะครับ”

    “อย่าทำให้ฉันเดือดมากไปกว่านี้นะ ฉันต้องการกุญแจรถ หรือต้องให้ฉันไปหาเอง เซอร์เก!

    ท่าทางของคอร์เนลไม่มีผ่อนปรนเลย ทำให้เซอร์เกหมดปัญญาที่จะเหนี่ยวรั้งไว้ได้อีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพิษรักของยาหยีจะออกฤทธิ์รุนแรงถึงเพียงนี้ แค่วันสองวันทำเอานายน้อยของเขาติดงอมแงมราวกับติดยาเสพติดอย่างนั้นแหละ

    “นี่ครับกุญแจ นายน้อย”

    คอร์เนลกระชากกุญแจรถจากมือของคนสนิท กำลังจะหมุนตัวเดินไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินน้ำเสียงห่วงใยของเซอร์เกดังขึ้น

    “ให้ผมขับรถตามนายน้อยไปนะครับ”

    หนุ่มหล่อหันกลับไปมองคนสนิท ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

    “อย่าเลยเซอร์เก นอนหลับอยู่บนเตียงให้สบายเถอะ เพราะบางทีฉันอาจจะค้างคืนที่หอพักของยาหยี” จบคำพูดห้วนกระด้างนั้นแล้ว คอร์เนลก็เดินหายออกไปจากตึกใหญ่ในพริบตา

    เชอรี่ยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ ขณะหันไปพูดเบาๆ กับเซอร์เก

    “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายน้อยของเราจะคลั่งแบบนี้เพียงเพราะว่าแม่หนูยาหยีหนีกลับหอพักไป เมื่อสามเดือนก่อนตอนสำนักงานถูกไฟไหม้นายน้อยยังไม่เดือดดาลขนาดนี้เลย”

    “เดี๋ยวคุณเชอรี่ก็ชินเองนั่นแหละ เพราะต่อจากนี้ไปนายน้อยคงจะแสดงอภินิหารแปลกๆ ให้พวกเราดูอีกหลายอย่างทีเดียว หากเด็กยาหยียังไม่ยอมศิโรราบให้กับนายน้อยนะ”

    แม้จะไม่เข้าใจความหมายของคู่สนทนาอย่างเซอร์เกนัก แต่เชอรี่ก็อดถอนใจออกมาไม่ได้

    “ก็นายน้อยไม่เคยถูกใครขัดใจนี่นา พอถูกงัดข้อก็เต้นแบบนี้แหละ น่าสงสารนายน้อยจัง เพราะถ้าขืนโมโหควันออกหูแบบนี้บ่อยๆ เดี๋ยวโรคหัวใจก็ถามหากันพอดี”

    เซอร์เกส่ายหน้าน้อยๆ ยิ้มบางๆ

    “นายน้อยของเราไม่น่าสงสารหรอกคุณเชอรี่ แต่คนที่น่าสงสารที่สุดในตอนนี้ก็คือแม่หนูยาหยีของคุณเชอรี่ต่างหาก ยิ่งไปแบบคลั่งๆ แบบนี้ด้วย คงโดนเละแน่”

    แม่บ้านวัยกลางคนยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตื่นตกใจ เบิกตากว้างขณะร้องอุทานออกมา

    “นายน้อยจะฆ่าแม่หนูยาหยีของฉันไหมเนี่ย”

    “ฆ่าน่ะคงไม่ฆ่าหรอกคุณเชอรี่ แต่คงจะบอบช้ำยิ่งกว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง” เจ้าของคำพูดเดินหนีจากไปแล้ว ทิ้งให้เชอรี่ยืนตาเหลือกตกใจอยู่เพียงลำพัง

    “ช้ำยิ่งกว่าคืนนั้นเหรอ แล้วจะรอดไหมเนี่ยแม่หนูยาหยี”

    ภาพปากเจ่อๆ ผิวกายแดงเป็นจ้ำๆ ของยาหยียังติดตรึงตาไม่จางหาย เชอรี่ถอนใจออกมาด้วยความเวทนา แต่ก็จนใจที่จะช่วยเหลือ เพราะคนอย่างคอร์เนลใครขัดใจได้ที่ไหนกันล่ะ ขัดใจเป็นเละ

     

     

    “คุ? มาอีกแล้วเหรอ”

    ลินดาที่พึ่งลงมาจากหอพักอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นคอร์เนลหยุดอยู่ตรงหน้า เผลอมองอย่างคลั่งไคล้อยู่หลายอึดใจกว่าจะสามารถรวบรวมสติสตังที่กระเจิดกระเจิงกลับมาค้นหาคำพูดได้

    “มีอะไรกับเพื่อนของฉันอีกคะ พึ่งลากไปเมื่อตอนสาย เย็นมาตามอีกแล้ว”

    “เขาหนีผมมา และผมก็มีสิทธิ์ที่จะมาลากตัวเพื่อนของคุณกลับไปทำโทษ” คอร์เนลพูดเสียงเย็นชา กำลังจะก้าวขึ้นบันไดหอ แต่ก็ถูกลินดาเรียกเอาไว้เสียก่อน

    “นี่มันหอหญิงนะคะ คุณเป็นผู้ชายขึ้นไปไม่ได้หรอก”

    “ครั้งแรกผมยังขึ้นไปได้ แล้วทำไมครั้งนี้ผมจะขึ้นไปไม่ได้ หุบปาก และคุณก็จงไสหัวไปให้พ้นๆ ซะ”

    หนุ่มหล่อแต่นิสัยร้ายโคตรควักธนบัตรปึกใหญ่ในกระเป๋าสตางค์ราคาแพงส่งให้กับสตรีตรงหน้า ลินดารีบรับเอาไว้ทันทีโดยที่คอร์เนลไม่ต้องเสียเวลาคะยั้นคะยอใดๆ เลย

    “คืนนี้ไม่ต้องกลับมาที่นี่”

    “อย่าบอกนะว่าคุณจะค้างที่นี่กับยายลูกหยี...” ลินดาอุทานออกมา อดอิจฉาเพื่อนรักไม่ได้เลยให้ตายสิ มีผู้ชายหล่อปานเทพบุตรตามมาหาถึงที่ แล้วอย่างนี้ทำไมเพื่อนของหล่อนถึงยังเอาแต่ร้องห่มร้องไห้นะ ดูท่าทางของเขาก็ไยดีแม่ยาหยีดีนี่นา

    “ลูกหยี?” คิ้วเข้มที่ขนานกับดวงตาคมกริบไม่ผิดจากใบมีดโกนเลิกขึ้นน้อยๆ

    “นี่แสดงว่าคุณยังไม่รู้สิท่าว่ายาหยีมีชื่อเล่นว่าลูกหยี” ลินดาหัวเราะเบาๆ ขณะเก็บเงินใส่กระเป๋าสตางค์สีหวานจ๋อยของตัวเอง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพูดกับผู้ชายที่หล่อสุดในสามโลกอย่างคอร์เนลเสียงจริงจัง

    “ถ้าคุณจริงจังกับลูกหยี อะนี่กุญแจห้อง”

    หญิงสาวยื่นกุญแจห้องตัวเองให้กับคอร์เนล เพราะตอนที่ตัวเองออกมานั้นจำได้ว่ากดล็อกลูกบิดเอาไว้

    “แต่ถ้าไม่จริงจัง ก็โยนมันทิ้งซะ แล้วกลับไป”

    คอร์เนลยักไหล่กว้างอย่างไม่แยแสในคำพูดของลินดา ก่อนจะชูกุญแจในมือของตัวเองให้กับหญิงสาวได้เห็น

    “ผมไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร แล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำพูดของใครด้วย ไปเที่ยวให้สบายใจซะเถอะ รับรองว่าผมจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับเพื่อนของคุณ” คนตัวโตหยุดพูดเล็กน้อย ขณะระบายยิ้มเลือดเย็นออกมา

    “หากแม่ตัวดีไม่พยศมากจนเกินงามอะนะ”

    “ไม่รุนแรงอะไรล่ะ เดี๋ยวก็ช้ำทั้งตัวเหมือนเมื่อคืนนี้อีกหรอก” ลินดาบ่นอุบอิบ ก่อนจะยัดกุญแจของตัวเองใส่มือใหญ่ของคอร์เนล และเดินจากไปทันที หนุ่มหล่อก้มลงมองมือตัวเองแล้วก็ระบายยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา

    “เจอดีแน่แม่ตัวแสบ บอกให้ไปรอในห้องนอนดันหนีกลับมาซะนี่” กรามแกร่งขบกันแน่นจนแทบระเบิด ขณะเคลื่อนเท้าแกร่งขึ้นไปตามขั้นบันไดที่ค่อนข้างเก่าแก่นั้นด้วยความเดือดดาลที่ยังกรุ่นอยู่ในกระแสเลือด

     

     

    ลังจากนอนร้องห่มร้องไห้อยู่นานพอสมควร ยาหยีก็ผุดลุกขึ้นนั่ง คว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาต่อสายหาบิดา เบอร์เก่าไม่ติด แต่หล่อนมีเบอร์ใหม่ของพ่อไม่ใช่หรือ สาวน้อยรีบควานหาเศษกระดาษในกระเป๋าของตัวเอง และก็ระบายยิ้มออกมาเมื่อหาเจอ

    “พ่อจ๋า”

    นิ้วเรียวยาวขาวสะอาดกดต่อสายตามเบอร์ในกระดาษแผ่นเล็ก เสียงสัญญาณดังอยู่หลายครั้งกว่าปลายสายจะมีคนรับ เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ยาหยีคลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

    “พ่อ! พ่ออยู่ไหนคะ ทำอะไรอยู่ พ่อสบายดีไหม มีใครทำร้ายพ่อหรือเปล่า”

    หญิงสาวยิงคำถามที่เต็มไปด้วยความห่วงใยใส่เป็นชุด แต่พอได้ยินคำว่าพ่อสบายดีเท่านั้น หล่อนก็ดีใจอย่างสุดซึ้ง

    “แต่เขามาแล้วนะคะ ผู้ชายคนนั้นมาตามหาพ่อ และเขาก็รู้ที่อยู่ของพ่อแล้วด้วย พ่อต้องรีบหนีไปนะ ลูกหยีกลัวว่าพ่อจะถูกทำร้าย เขาบอกว่าพ่อขโมยเพชรของเขาไป” ยิ่งบิดานิ่งเงียบไปนานเท่าไร คำว่า โจร ที่ทุกคนในคฤหาสน์หลังนั้นหยิบยื่นให้บิดาของหล่อนก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หล่อนไม่อยากเชื่อ ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าพ่อของหล่อนจะทำอะไรที่น่าละอายแบบนี้

    “พ่อขโมยเพชรของเขามาใช่ไหมคะ บอกลูกหยีมาเถอะค่ะ”

    พยายามหาคำตอบแต่สิ่งที่ได้ยินจากปากของบิดาก็คือให้หล่อนดูแลตัวเองดีๆ แล้วท่านจะรีบกลับมาหา จากนั้นสายก็ตัดไป

    “พ่อ! พ่อคะ พ่อ...”

    แต่ไม่ทันแล้ว สายถูกตัดไปแล้วจริงๆ หญิงสาวพยายามต่อสายหาใหม่อีกครั้งก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ และแม้แต่กดหาอีกเป็นสิบครั้งก็ยังได้ยินคำพูดเดิมๆ นั่นคือ...

    “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ”

    “ทำไมพ่อต้องปิดโทรศัพท์ด้วย นี่พ่อขโมยของของเขามาจริงๆ หรือคะ”

    หญิงสาวล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง สะอื้นไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด เสียงประตูหน้าห้องถูกเคาะเพียงแค่ครั้งเดียวมันก็ถูกเปิดผลัวะเข้ามาทันที ยาหยีผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่เกือบเท่าบานประตูปรากฏอยู่ตรงหน้า

    คอร์เนลยังคงหล่อเหลาและดูดีจนหล่อนต้องเบิกตาค้างด้วยความตื่นตะลึงเช่นเคย เขาหล่อเหลาได้อย่างร้ายกาจ และหล่อนก็มึนเมาทุกครั้งที่ได้มอง กว่าจะปรับสมอง ปรับสายตา และหัวใจที่เต้นแรงระรัวให้เข้าสู่โหมดปกติได้ ก็กินเวลานานหลายอึดใจ

    “คะ...คุณเข้ามา...ได้ยังไง”

    ถามไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักน่าเวทนา คนตัวโตแสยะยิ้มหยันที่มุมปาก ขณะชูกุญแจห้องที่หญิงสาวจำได้ดีว่ามันเป็นของลินดาขึ้นในอากาศ

    “ความจริงผมได้มันมาจากยามแล้วล่ะ แต่เพื่อนคุณเกิดใจดีให้ผมมาอีกพวง”

    ร่างทรงพลังที่มีเสน่ห์ไปซะทุกสัดส่วนเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ หญิงสาวที่ปากคอแห้งผากเพราะความหล่อกระชากใจของแขกหนุ่มรีบตั้งสติและกระถดถอยหนีไปจนสุดขอบเตียงอีกฝั่งด้วยท่าทางระแวดระวัง ดวงตากลมโตหวานฉ่ำจับจ้องใบหน้าหล่อคมสันเขม็ง

    “อย่าเข้ามานะ”

    “สั่งผมหรือ?

    เขาหัวเราะขบขัน ขณะที่คนฟังอย่างหล่อนแอบน้ำตาเล็ดด้วยความหวั่นเกรง ท่าทางของคอร์เนลในตอนนี้ช่างดูดุดันอำมหิตยิ่งนัก

    “ใช่! คุณไม่ควรจะมาวุ่นวายที่นี่อีก ในเมื่อ...”

    แก้มสาวแดงก่ำกับสิ่งที่ยังไม่สามารถพูดออกไปได้ แค่คิดกายสาวก็ร้อนผ่าว วูบวาบหวามไหวจนช่องท้องบีบเกร็งอย่างบ้าคลั่งเสียแล้ว

    “ในเมื่อ?

    คิ้วเข้มที่ยาวขนานไปกับดวงตาสีเขียวคมกริบเลิกขึ้นน้อยๆ พร้อมกับรอยยิ้มหยันที่มุมปากหยักสวยมากความสามารถของเขา

    “ในเมื่อคุณก็ได้ฉันไปอีกครั้งแล้วนี่ ในห้องทำงานของคุณน่ะ” ในที่สุดก็กัดฟันพูดออกมาจนจบประโยคได้สำเร็จ หญิงสาวก้มหน้ามองมือตัวเองที่กำลังบีบกันแน่นบนตักบอบบางของตัวเองเขม็งราวกับกำลังหาลายแทงสมบัติก็ไม่ปาน

    คอร์เนลได้ฟังคำพูดของสาวน้อยที่นั่งตัวสั่นอยู่เบื้องหน้าก็อดขบขันไม่ได้ ทั้งสงสาร ทั้งเอ็นดู แถมยังหลงใหลจนแทบคลั่ง แต่เขาจะไม่มีวันแสดงความรู้สึกใดๆ ออกไปเด็ดขาด จะไม่มีวันยอมให้ใครได้ล่วงรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเป็นอันขาด แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำให้เขาร้อนทุกครั้งที่ได้พบ ได้เห็น และได้อยู่ใกล้ก็ตาม

    “ผมแทบไม่เชื่อว่าเป็นเซ็กส์ครั้งที่สองของคุณ...ลีลาพลิ้วสุดๆ”

    “คนเลว!

    จากที่นั่งก้มหน้ามองมือของตัวเองเปลี่ยนมาเป็นเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้ชายที่ตอนนี้กระโดดขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วเขม็ง ความโกรธทำให้หญิงสาวลืมที่จะถดถอยหนี มือบางยกขึ้นสูงแล้วตวัดใส่ใบหน้าหล่อเหลาที่ยื่นเข้ามาใกล้เต็มแรง รอยนิ้วมือปรากฏครบทั้งห้านิ้วบนแก้มสากของเขา

    “ฉันเกลียดคุณ!”

    “ผมชอบคำว่าเกลียดของคุณจัง เพราะผมมั่นใจว่าตัวเองจะสามารถเปลี่ยนมันเป็นคำว่ารัก เป็นคำว่าปรารถนา ได้เพียงแค่จูบเดียวเท่านั้น”

    คำพูดคำรามออกมาด้วยความเดือดดาลสุดขีด ขณะรวบมือบางของยาหยีเอาไว้ได้ทันก่อนที่เจ้าหล่อนจะทันได้ฟาดมันลงมาบนแก้มของเขาอีกครั้ง กรามแกร่งขบกันแน่นด้วยโทสะร้าย หากหล่อนไม่แลดูเปราะบางและน่าทะนุถนอมแบบนี้ละก็ เขาคงจะขยี้ให้แหลกคามือไปแล้ว

    “ชอบซาดิสต์หรือไง”

    เขาจับมือเรียวทั้งสองข้างไพล่ไปด้านหลัง พร้อมกับกระชากร่างอรชรที่พยายามดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตายเข้ามาสวมกอด ปากร้อนๆ จมูกโด่งงามซุกไซ้ซอกซอนไปทั่วใบหน้าและลำคอระหงด้วยความหิวกระหายจัด หญิงสาวดิ้นรนแต่ก็สู้พละกำลังของคอร์เนลไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องโอนอ่อนปล่อยให้พ่อคนตัวโตกอดจูบลูบขยำไปตามอำเภอใจ แถมยังร้องครางด้วยความพึงพอใจอย่างน่าละอายออกมาเสียอีก

    “บอกสิว่าอยากให้ผมหยุดทำร่างกายของคุณ”

    คนตัวโตพูดพร้อมๆ กับสอดมือใหญ่อบอุ่นเข้าไปใต้เสื้อตัวสวยของยาหยี เขาโอบประคองเต้างามเต็มมือเอาไว้อย่างทะนุถนอมอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะเปลี่ยนโหมดมาเป็นดุดันหนักหน่วงขยำจนเนื้อนวลแทบแหลกเหลวคามือ

    “บอกสิว่าอยากให้ผมหยุดทุกอย่าง”

    “ไม่...อย่าหยุดนะคะคอร์เนล”

    ในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับแรงปรารถนาที่หล่อนไม่เคยเอาชนะได้เลยสักทีอีกครั้ง มือบางที่เป็นอิสระนานแล้วยกขึ้นตวัดรอบลำคอแข็งแกร่งเอาไว้แน่น กลีบปากอิ่มเผยอขึ้นหาริมฝีปากร้อนระอุของผู้ชายแสนหล่อที่กำลังบีบขยำเต้างามของตัวเองด้วยความโหยหาจับใจ

    “ได้โปรด...อย่าหยุด...ฉันต้องการคุณ”

    เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาจากลำคอของคอร์เนล แต่ตอนนี้ยาหยีไม่สนใจอะไรอีกแล้ว หล่อนกำลังคลั่ง และคนที่เป็นตัวการทำให้หล่อนคลั่งแบบนี้ก็คือคอร์เนล ผู้ชายหล่อระเบิดระเบ้อคนนี้

    ยาหยีห่อปากปล่อยให้ลิ้นแกร่งบุกรุกเข้ามาหา หล่อนเกี่ยวลิ้นใหญ่เอาไว้ด้วยลิ้นเล็กๆ ของตัวเอง ก่อนจะลองแหย่ลิ้นหวานเข้าไปในอุ้งปากร้อนผ่าวของคนตัวโตบ้างด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ แต่พอได้ยินเสียงร้องครวญครางที่บอกให้รู้ว่าเจ้าของเสียงพึงพอใจมากแค่ไหน หญิงสาวก็ระบายยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ พลางแอ่นเต้างามใส่มือใหญ่ร้อนผ่าวด้วยท่าทางเชิญชวน

    “คุณร้อนแบบนี้กับผมได้คนเดียวเท่านั้นแหละ”

    คอร์เนลร้องครางออกมาด้วยเสียงห้าวที่แหบแห้ง ไฟปรารถนาปะทุใส่ใจกลางกายอย่างรุนแรง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายที่หยิ่งผยองในสายเลือดและศักดิ์ศรีของตัวเองมากมายเช่นเขาจะต้องมาศิโรราบให้กับเสน่ห์นางของลูกสาวคนทรยศอย่างยาหยีได้แบบนี้

    เขาหลง เขาคลั่งไคล้ และเขาก็ไม่อาจจะต้านทานเจ้าหล่อนได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่เคยพยายามจะทำใจแข็ง พยายามที่จะแข็งใจไม่แตะต้อง แต่แค่ได้กลิ่นกายหอมๆ ได้เห็นทรวดทรงองค์เอวที่งามดุจช่างปั้นเท่านั้น เขาก็ตบะแตกเสียแล้ว

    ก็ดูสิ พึ่งจะฟาดเจ้าหล่อนบนโต๊ะทำงานมาเมื่อไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ตอนนี้ดันรู้สึกต้องการเจ้าหล่อนจนแทบบ้าอีกแล้ว อยากได้ อยากชิม อยากฝังเร้นกายเข้าไปในความนุ่มลื่นดุจกำมะหยี่นั้นอีกครั้ง อยากมากจนไม่อาจจะรอได้อีกต่อไป

    “ยาหยี...ลูกหยี...คุณน่ารักเหลือเกิน”

    สองมือใหญ่ลูบไล้ฟอนเฟ้นเคล้าคลึงร่างงามหนักหน่วง ตั้งแต่เต้าอิ่มไปยังบั้นท้ายอวบ ปากของเขาวิเศษยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้เสียอีก มันสามารถทำให้หล่อนร้อนวูบวาบแล้วก็เสียวซ่านในท้องน้อยอย่างรุนแรง

    “คอร์เนล...ได้โปรด...”

    สาวน้อยร้องครางด้วยความเสียวกระสันขณะตอบสนองสัมผัสสวาทแสนชำนาญของคนตัวโตผู้หิวจัดด้วยลีลาสาวร่านรักเจนโลก เส้นผมสีดำขลับสยายยุ่งเหยิงเต็มที่นอน ขณะที่สะโพกอวบงามส่ายพลิ้วราวกับใบไม้ต้องลมหนาว

    “คุณทำให้ผมคลั่ง...ทูนหัว...”

    ทั้งสองกอดรัดกันแน่น บดเบียดอัดเคล้าคลึงกันจนแทบจะหลอมกลายเป็นเนื้อเดียวกัน เสียงเตียงสั่นสะเทือนเมื่อคอร์เนลประกาศความเป็นเจ้าของร่างงามอย่างดุดัน ทุกจังหวะรักที่ถูกคนตัวโตขับเคลื่อนเดินไปข้างหน้าด้วยลีลาเร่าร้อน บทสวาทของคอร์เนลยังดุเดือดและป่าเถื่อนไม่เปลี่ยนแปลง แต่หล่อนก็ชอบมัน รักมัน และติดใจมันจนโงหัวไม่ขึ้น

    ช่างมันเถอะ อะไรจะเกิดก็ช่างมัน ตอนนี้ขอแค่ได้อยู่กับคอร์เนล ได้กอดเขาไว้แบบนี้ ได้นอนฟังเสียงครางด้วยความเสียวกระสันของเขาบนกายของตัวเอง แค่นี้ก็พอใจแล้วล่ะ

     

     

    ายุสวาทสุดป่าเถื่อนแต่ก็แสนหวานจบลงไปแล้ว จบลงพร้อมๆ กับการเคลื่อนไหวและเสียงสั่นคลอนของเตียง แต่ทำไมนะ ทำไมความเสียวซ่านถึงยังคงกัดกินร่างกายของหล่อนอยู่มากมายขนาดนี้ ทำไมผิวสาวถึงยังร้อนผ่าว ช่องท้องถึงได้ตื่นเร้ารุนแรง เหมือนกับยังไม่พอ เหมือนกับยังไม่อิ่ม

    ใช่สินะ หล่อนยังต้องการคอร์เนลอีก ต้องการอีกจนน่าละอาย

    ยาหยีก้มหน้ายอมรับกับตัวเองอยู่ภายในใจด้วยความขมขื่น เมื่อสมองร้องเตือนว่าหล่อนก็แค่อีตัวบนเตียงที่ยังใช้งานไม่คุ้มก็แค่นั้นเอง

    ความน้อยใจทำให้หญิงสาวเริ่มขยับตัวดิ้นรนอีกครั้ง หลังจากปล่อยให้เขาดื่มด่ำอยู่ภายในกายมาเนิ่นนาน

    คอร์เนลผงกศีรษะทุยได้รูปสวยของตัวเองขึ้นจากเต้างามอย่างไม่เต็มใจนัก ดวงตาคมกริบสีเขียวจัดของเขาดูหนักอึ้งเหลือเกิน

    “ดิ้นทำไมลูกหยี”

    “อย่ามาเรียกฉันแบบนี้นะ คุณไม่ใช่คนสนิทของฉัน”

    “คุณน่าจะรู้นะว่าผมน่ะเป็นยิ่งกว่าคนสนิทของคุณเสียอีก”

    คนตัวโตขยับสะโพกเป็นจังหวะหยอกเย้ามากกว่าจะเอาจริง แต่กระนั้นก็ทำให้สาวน้อยหน้าร้อนผ่าวจนแทบไหม้ได้อย่างง่ายดาย

    “คนลามก!”

    หญิงสาวหน้าแดงก่ำ มือที่เคยใช้โอบกอดเรือนกายชื้นเหงื่อของคอร์เนลเอาไว้ยกขึ้นผลักไสแผงอกกว้างสมบูรณ์แบบเสียเต็มแรงทันที

    คิ้วเข้มของคอร์เนลเลิกขึ้นสูงราวกับต้องการถามว่าเจ้าหล่อนเป็นอะไรไปอีก

    “เมื่อกี้ตอนที่เราสนุกกัน คุณไม่เห็นแสดงท่าทางรังเกียจผมแบบนี้เลย แล้วตอนนี้ทำทำไม?

    “ก็เพราะฉันเกลียดคุณยังไงล่ะ”

    ไม่คิดว่าคำพูดแง่งอนของตัวเองจะส่งผลร้ายแรงได้ถึงเพียงนี้เลยให้ตายสิ เพราะมันทำให้คอร์เนลพลิกกายกำยำลงจากร่างเปลือยของหล่อนในทันที เขาขยับลุกขึ้นไปนั่งหันหลังให้หล่อนที่ขอบเตียง ความเงียบเข่นฆ่ายาหยีอยู่นานหลายอึดใจกว่าที่ชายหนุ่มจะพูดออกมาเสียงเย็นชา

    “ท่องไว้ให้ขึ้นใจนะไอ้คำว่าเกลียดผมน่ะ เพราะเมื่อไรก็ตามที่คุณรักผม คุณจะต้องเสียใจจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อเลยทีเดียวแหละ”

    คนตัวโตลุกขึ้นยืน พร้อมๆ กับจัดการซ่อนเนื้อตัวกำยำที่งามไร้ที่ติของตัวเองกลับเข้าไปในเสื้อผ้าราคาแพงอีกครั้ง ก่อนจะจ้องหน้าหล่อนเขม็งราวกับโกรธเกลียดกันมาสักสิบชาติ

    “เพราะผมไม่มีวันที่จะรักผู้หญิงปากคอเราะรายแบบคุณได้ จำเอาไว้!

    เขาทิ้งคำพูดเหี้ยมโหดใส่หน้าหล่อนอย่างไม่ปรานี ก่อนจะก้าวยาวๆ เดินออกไปจากห้องพักของหล่อนในพริบตา เสียงปิดประตูแรงๆ ทำให้ร่างอรชรสะดุ้งโหยง น้ำตาไหลทะลักออกมาเมื่อเงยหน้าพบกับความเป็นจริง

    คอร์เนลไปแล้ว เขาเดินจากหล่อนไปอีกครั้งแล้ว หลังจากที่ร่วมรักกันจบ หล่อนมันไม่มีค่าอะไรเลย ไม่มีค่า ไม่มีราคาพอที่จะทำให้เขาพูดจาดีๆ ด้วยเลยสักครั้ง

    “ทำไมใจร้ายนักนะคอร์เนล คุณน่าจะรู้ว่าที่ฉันพูดไปแบบนั้นก็เพราะ...น้อยใจคุณ”

    หญิงสาวสะอื้นไห้จนตัวโยน น้ำตาหลั่งรินออกมาอาบแก้ม หัวใจหนาวเหน็บจนสั่นสะท้าน ความสุขสันต์เลือนหายไปในพริบตาเมื่อผู้ชายคนนั้นเดินจากไป หัวใจไม่รักดีสั่งให้หล่อนร้องเรียกและวิ่งตาม แต่สองเท้ากลับไม่มีแรงพอที่จะทำแบบนั้น

    เสียงเครื่องยนต์รถแว่วมาไกลๆ หญิงสาวฝืนพาร่างกายบอบช้ำของตัวเองก้าวลงจากเตียงเดินไปเกาะที่ขอบหน้าต่าง แม้จะอยู่สูงกว่าถึงสามชั้นแต่หล่อนก็สามารถจดจำรถสปอร์ตสีขาวที่กำลังแล่นออกจากหน้าหอพักของตัวเองไปได้เป็นอย่างดี

    เขาไปแล้วจริงๆ จากไปพร้อมๆ กับหัวใจไม่รักดีของหล่อนนั่นแหละ

    “ฉันห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้อีกแล้ว ฉันห้ามใจไม่ได้จริงๆ”

    ยาหยียกมือขึ้นป้ายน้ำตาที่ดูจะไหลออกมามากเสียเหลือเกินทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า มองรถของคอร์เนลไปจนลับตา ก่อนจะทิ้งกายเปลือยเปล่าของตัวเองลงกองกับพื้นห้องข้างหน้าต่างด้วยหัวใจที่ชอกช้ำร้าวราน


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    รอตอน 11 นะคะ
    ขอบคุณค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×