ตอนที่ 22 : The Keyz 22 เปิดใจ & ด่ำดิ่งสู่ความมืด
[22]
ตุบ..
ร่างทั้งร่างของฉันถูกโยนลงบนเตียงนุ่มนิ่ม แม้ว่าจะนิ่มแค่ไหนแต่ด้วยแรงและความเร็วในเวลาบาดเจ็บแบบนี้มัน…แทบจะร้องเลยทีเดียว
“มันเจ็บนะT^T”ฉันบ่นอุบ ฟังเสียงหายใจของคนที่โยนฉันเมื่อกี้อย่างตั้งใจ เขาอยู่ข้างๆเตียงฉัน และคงกำลังจ้องมองฉันด้วยสายตาพิฆาต(เดาเอา) ฉันจึงรีบทิ้งตัวลงนอนหลับตา แถมเสียงกรนด้วย(YY)เพราะฉัน..ไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันเป็นอะไร ถึงฉันจะกังวล แต่เขาไม่ควรจะมากังวลเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ฉันสร้างเรื่องให้มากพอแล้ว ฉันรู้ดี..
“ไปหาเรื่องอะไรมาอีก”เสียงทุ้มแฝงแววเกรี้ยวกราดอยู่นิดๆ ดังขึ้นข้างๆ ฉันไม่จำเป็นต้องจินตนาการสีหน้าเขามากมายนัก คงจะขมวดคิ้วแล้วจ้องมองฉันเหมือนจะฆ่ากันด้วยสายตาสินะYY
“ฉันเนี่ยนะหาเรื่อง”ฉันเผลอตอบไป แต่ยังไม่ลืมที่จะหลับตาเอาไว้ “เรื่องมันมาหาฉันต่างหาก”
เสียงพ่นลมหายใจแรงๆ ทำให้ฉันถอนหายใจตาม
“หึ”
เสียงฝีเท้าดังขึ้น แล้วค่อยๆเบาลงไป ฉันเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ และก็พบว่าทรอนซ์คงจะเดินออกจากห้องไปแล้ว ทำให้ฉันค่อยๆลืมตา…ทั้งๆที่ภาพยังคงเป็นสีเข้มอย่างเดิม
ทรอนซ์…ฉันกลัว
ฉันกลัวมากๆเลยนะ นี่ฉันเป็นอะไรไป ทำไม…ทำไมถึง..
ฉันสูดหายใจเข้าเต็มปอด พยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา ภาพผู้หญิงคนนั้นวนเวียนอยู่ในสมอง ภาพสุดท้ายที่มองแล้วมันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
ราล์ฟ มารีอา ทรอนซีรา ช้อกกี้พิงค์…ภาพที่พวกเขาเดินหันหลังให้ฉัน และกำลังจะไปกินข้าว ในตอนนั้นฉันที่กำลังวิ่งออกไป อดไม่ได้ที่จะเหลียวหลังกลับไปมอง แต่แล้วมันกลับเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันได้จดจำเกี่ยวกับพวกเขา
“นี่เธอ..”
“ห๊ะ..”ฉันสะดุ้งสุดตัว เพราะเสียงที่ดังขึ้นข้างๆ แถมใกล้มากด้วย มันเป็นเสียงของทรอนซ์!!? แต่ว่า เขาเข้ามาตอนไหนนะ?
“เธอ…สูญเสียการมองเห็นสินะ”
“O_O”
ฉันเบิกตาโพลง พยายามกลอกตาไปมาแต่ก็พบว่ามันมืดสนิท
“ฉัน…ปล่าว”
“อย่าโกหกฉัน…ฉันเกลียดคนโกหก”
“ใช่…ฉันมองไม่เห็นT^T!!”ฉันตัดบทแทบจะทันที เมื่อนึกถึงฉากที่ฉันสตอร์เบอร์รี่ใส่ทรอนซ์ตอนที่กลับไปแก้เอกสารในโรงเรียน แค่นึกถึงใบหน้าอันเย็นชาของเขาในตอนนั้นแล้ว…โอ้ ไม่อยากจะคิด
“…”เสียงของทรอนซ์เงียบหายไป ได้ยินเพียงเสียงของตัวฉันเองที่พยายามกลั้นสะอื้น ในขณะที่ก๊อกน้ำตาถูกเปิดไปแล้ว Y_Y
ฉันได้ยินทรอนซ์สบถสองสามคำ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง แล้วปิดประตูดังปัง!
สองเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างคงที่สม่ำเสมอ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มคมกริบมองตรงไปข้างหน้าแน่วแน่ แม้กลุ่มคนที่เขาเดินผ่านจะเพ่งมองมาโดยไม่ปิดบัง พร้อมทั้งกระซิบนินทาไปต่างๆนานา เท้าทั้งสองนั้นก็ยังคงก้าวต่อไปโดยไม่หยุดพัก
โถงกว้างถูกประดับด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงสด ให้ความรู้สึกหรูหรา เหมือนเดินบนพรมแดงในประสาทราชวัง
ร่างหนาเลี้ยวขวาตรงทางโค้ง ที่มีป้ายหรูสลักเอาไว้ว่า ‘หอพักธาตุไฟ’
ไม่แปลกเลยที่ทุกคนที่เดินสวนกับเขาจะเหลียวหลังกลับมามองด้วยความงุนงง ฉงนสงสัย เพราะเขาไม่เคยเลยที่จะเหยียบมาที่นี่…ไม่สิ ไม่เคยมีประวัติว่านักเรียนธาตุน้ำคนไหนกล้าบุกถิ่นของนักเรียนธาตุไฟที่รู้ๆกันอยู่ว่าเป็นอริกันโดยสัญชาติ
“เอ๊ะนั่นมัน…ทรอนซีรา?”เสียงกลุ่มคนพากันกระซิบกระซาบกันเป็นระลอก หากแต่ผู้ที่ถูกกล่าวถึงกลับไม่มีเวลามาสนใจแม้แต่จะปรายตามอง เขายังคงตามหาเป้าหมายต่อไป
“อ๊ะ เดี๋ยวสิ”เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งเรียกความสนใจให้ทรอนซ์จำเป็นต้องหันไปมอง และพบว่าเขายืนอยู่ตรงหน้าห่างกันเพียงสองก้าว ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีส้มประหลาด “หลงทางรึเปล่า หืม? ปริ๊นซ์ทรอนซีราแห่งธาตุน้ำ”
“…”ทรอนซ์มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างประเมิน แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆที่ ณ ตอนนี้เขาเป็นเพียงจุดสนใจเดียวที่ดวงตาของทุกคนเพ่งเล็งอยู่ แต่ละคนมีสีหน้าต่างๆกันไป
“หยามกันไปหน่อยมั้ย เดินจ้ำเข้ามาในเขตของพวกเรา”เสียงชายอีกคนตะโกนมาจากมุมห้อง เรียกเสียงฮือจากนักเรียนคนอื่น
“นี่ คุณปริ๊นซ์”ชายหนุ่มนัยน์ตาสีส้มหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วก้าวเดินสำรวจรอบๆตัวเขา“ตกลงว่ามีธุระอะไรกันแน่ หืม?”
“แพทริกซ์”ทรอนซ์เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น ทำให้ทุกคนพากันกลั้นหายใจไปตามๆกัน “อยู่ไหน ฉันต้องการพบ”
“บังอาจมากที่เรียกท่านแพทริกซ์โดยไม่ให้ความเคารพ!”เสียงคนจากอีกมุมห้องหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล ปลุกระดมเสียงฮือฮาขึ้นมาก้องโถงใหญ่ ประกายไฟแล๊บแปล๊บๆเป็นระยะๆจากมือของแต่ละคน
“หืม เมื่อกี้นายเรียกคิงของเราว่ายังไงนะ?”ชายหนุ่มคนข้างๆทรอนซ์จับไหล่ขวาของเขาไว้แน่น แต่ทันทีที่แตะก็ต้องปล่อยเพราะน้ำแข็งที่เริ่มเกาะจากปลายนิ้วลามไปจนถึงไหล่ด้วยเวลาอันรวดเร็ว!
แล้วเสียงเงียบกับบรรยากาศขุ่นมัวก็เข้าปกคลุมพื้นที่
ทรอนซ์ถอนหายใจแรง ก่อนจะประกาศลั่น “ฉันต้องการพบแพทริกซ์!!”
“ฉันอยู่นี่”เสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้นจากระเบียงชั้นบน ทำให้ทรอนซ์ต้องแหงนหน้าขึ้นไปสบกับนัยน์ตาสีแดงฉานดุจโลหิตที่จ้องอยู่ก่อน คนทั้งห้องพากันยอบเข่าลงข้างหนึ่งแล้วค้อมศีรษะแสดงความเคารพ…แน่นอนว่ายกเว้นบุรุษผู้บุกรุก
“นายกับฉันมีเรื่องต้องคุยกัน”เจ้าชายน้ำแข็งลั่นวาจา ไม่ยอมละสายตาจากราชามัจจุราชแห่งไฟนรกโลกันต์
“ฉันจำไม่ได้ว่าเราสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่”แพทริกซ์หรี่ตาลง ไอร้อนๆแผ่ออกมาจากตัวเขาแม้กระทั่งทรอนซ์ที่อยู่ชั้นล่างยังสัมผัสได้ “กลับไปซะ”
“ชาร์ลีน…ได้รับบาดเจ็บ”ทรอนซ์กระซิบเย็น แผ่วเบาหากแต่ได้ยินกันทั่วถึง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้นเมื่อประกอบกับใบหน้าแข็งกร้าวในเวลานี้ ทำเอาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้เขามากที่สุดต้องเดินถอยหลังหลบไปหลายก้าว
“อะไรนะ”
“เพราะพวกของนาย…ฉันต้องมาเจรจา”
“…ตามมา”แพทริกซ์ตัดบท ก่อนจะหันหลังไปเข้าประตูไม้สลักบานใหญ่ที่สุดในโถงแห่งนี้ กลุ่มคนพากันหลบทรอนซ์ที่ก้าวขึ้นบันไดหินอ่อนอย่างรวดเร็ว แล้วพากันเกาะกลุ่มวิจารณ์กันไปต่างๆนานา
ปัง..
เสียงจ้อกแจ้กของผู้คนเงียบสนิททันทีที่ประตูไม้ถูกปิด ทรอนซ์หันหน้ามาเผชิญกับแพทริกซ์ที่เอนหลังพิงหน้าต่างบานใหญ่ใกล้ๆโต๊ะทำงานในมุมหนึ่งของห้อง
“ชาร์ลีนเป็นอะไร”เสียงทุ้มแหบพร่าเปรยขึ้นก่อน แม้การกระทำจะยังคงดูเป็นปกติหากแต่มือทั้งสองข้างของเขากำแน่น แน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อสร้างรอยแผลที่มีเลือดไหลซิบ แต่ไม่กี่อึดใจมันก็ถูกรักษาเองโดยอัตโนมัติ
“สูญเสียการมองเห็น” บุรุษอีกคนในห้องยืนนิ่งราวกับรูปสลัก น้ำเสียงฟังดูมีพลัง ดุดัน น่าเกรงขาม ต่างจากสีหน้าของเขาที่ยังคงเรียบเฉย ”ดูแลคนของนายให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
“สูญเสียการมองเห็น…หรือว่าจะเป็น..”แพทริกซ์ทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนที่คิ้วที่ขมวดเป็นปมจะคลายออก เขาออกคำสั่งเสียงเย็น “ริช…เรียกโรสเซลล่าเข้ามาพบฉัน”
“ครับ”ชายผู้มีนัยน์ตาสีกุหลาบแดงที่หลบอยู่มุมห้อง ก้าวขาออกมายอบเข่ารับคำสั่ง ก่อนจะออกจากประตูอย่างรวดเร็วฉับไว
“เถาวัลย์หนามนั่นมีพิษ ทำให้สูญเสียประสาทสัมผัส มันจะเริ่มจากตา หู และรับรส เป็นเวลาสามวัน”แพทริกซ์หลุบตาลงต่ำ ซ่อนอารมณ์และสีหน้าบางอย่าง เขายกมือขวาขึ้นมาช้าๆก่อนจะเรียกลูกไฟก้อนเล็กๆออกมากำเล่นในมือ”ส่งชาร์ลีนมาให้ฉันรักษา ถ้าใส่พลังมากพอเธอจะหายได้ทันที”
..และจะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงกับผู้รักษาซึ่งทุ่มเทพลังเวทย์ไปมากขนาดนั้นด้วย
“คนของฉัน ฉันดูแลเอง”ทรอนซ์ทิ้งท้าย ก่อนจะหันหลังกลับ ยกมือขึ้นจับลูกบิดประตู
“ในเมื่อคนรักของนายกลับมาแล้ว ทำไมถึงยังไม่ปล่อยเธอไป ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรอ…ทรอนซีรา”แพทริกซ์กดเสียงลงต่ำ ขณะที่ลูกไฟในมือเขาได้ดับมอดลงไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงลูกไฟเล็กๆที่ลอยกรุ่นอยู่ในตาทั้งคู่ กับดวงหน้าเย็นชาไร้อารมณ์
ทรอนซ์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะดึงประตูให้เปิด แล้วปิดลงอย่างเงียบๆตามเดิม โดยแม้แต่จะหันหลังกลับ
“...พอถึงฉากงานเลี้ยง ฉันก็เอะใจแล้วว่าต้องเกิดเรื่อง ด้วยไหวพริบอันชาญฉลาดหาที่เปรียบมิได้ของฉันอะนะ ฉันเลยรีบเปลี่ยนบทในหัวทันทีทันใด!!!^^”ราล์ฟหัวเราะเสียงใส ในขณะที่ปากยังคงบรรยายสรรเสริญตัวเองอย่างต่อเนื่อง “ถ้าไม่ได้ฉันนะ ละครก็คงล้มไม่เป็นท่าแล้วแหหละ”
“นายเปลี่ยนให้เจ้าชายป่วย นอนซมอยู่ในห้อง แล้วนางฟ้าก็เนรมิตตัวเองเป็นชายหนุ่มในงานเลี้ยง”มารีอาขึ้นเสียง ฟังจากน้ำเสียงแล้วสีหน้าหล่อนคงจะดุอีกตามเคย “นางฟ้า คู่กับ ซินเดอเรลลา ให้ตายเหอะ”
“มีใครคิดอะไรได้ดีและรวดเร็วอย่างฉันไหมล่ะ?”ราล์ฟเถียงเสียงกวนๆ
“^_____^แหะๆ”ฉันยิ้มไปฟังไป หัวจินตนาการถึงสีหน้า ท่าทางของทั้งคู่…ราล์ฟคงทำหน้าทะเล้นกวนอวัยวะเบื้องล่าง ส่วนมารีอาก็คงทำหน้ายุ่งๆอีกล่ะสิ
“ยิ้มอะไรไม่ทราบ…ไอที่เธอให้บทนางฟ้ากับฉัน อย่าคิดว่ามันจะจบง่ายๆนะ”เสียงเนือยๆของเด็กหนุ่มที่ไม่ต้องคิดเลยว่าใคร ดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้อง ทำให้ฉันค่อยๆเลื่อนสายตาไปตามเสียงอย่างแนบเนียน
“ฉันว่า…นายต้องขอบคุณฉันมากกว่าซะอีกนะ^^”ฉันยิ้มตาหยี เพราะมันจะทำให้ฉันไม่ต้องเดาทิศทางที่ต้องจ้องมากมายนัก
“ม..หมายความว่ายังไงหะ!”โซลพูดเสียงตื่นๆเล็กน้อย ทำให้ฉันเผลอยิ้มออกมา
“เออ นั่นสิ เห็นดูมีความสุขดี ไม่ใช่รึไง”น้ำเสียงของการ์มีฉายแววล้อเลียนชัดเจน ฉันล่ะอยากจะเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้จริงๆ “เห้ย ทำไมต้องหน้าแดงวะ”
“แพทตี้ ตกลงว่าเธอกับเจ้านั่น…”ราล์ฟแซวอีกคน ฉันขยับตัวนิดๆตั้งอกตั้งใจฟังเพราะไม่อยากจะพลาดข่าวเด็ดข่าวดังเลยซักช๊อตเดียว ><
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!! นี่ของจริงเลย มันเขินหวะ”ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงสบถด่าจากโซล และเสียงหัวเราะเบาๆของฉัน…
ดีจัง…ความรู้สึกแบบนี้
ถ้าฉันสามารถมองเห็นได้ ฉันจะเก็บมันไว้ในความทรงจำตลอดไป…น่าเสียดาย ที่สมองได้แต่บันทึกการสนทนาเท่านั้น
ฉันกำผ้าห่มแน่น พยายามปลอบตัวเองในใจ ตอนนี้ยังไม่มีใครสงสัยอะไรในตัวฉัน…นอกจากทรอนซ์ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ว่าแต่…เขาหายไปไหนนะ?
ปัง..
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ฉันขยับตัวเงี่ยหูฟัง แต่ก่อนที่จะเดาว่าเป็นเสียงใคร ราล์ฟก็เอ่ยทักผู้มาเยือนเสียก่อน
“อ้าวทรอนซ์ นายหายไปไหนมา”
ไร้ซึ่งการตอบรับ เสียงฝีเท้าก็ดังเข้ามาใกล้จนหยุดอยู่ข้างๆเตียงฉัน…ฉันรับรู้ถึงไออุ่นที่สัมผัสที่มือ ก่อนจะเป็นแรงฉุดดึงเบาๆให้ลงมาจากเตียง และเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่าย
เขาจับมือฉันไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย..
“เอ้า แล้วจะพาชาร์ลีนไปไหนอะ”การ์มีเอ่ยขึ้น ฉันเริ่มปวดหัวตงิดๆกับการที่จะต้องจับทิศทางว่าคนพูดอยู่ตำแหน่งไหนก่อนจะบันทึกในความจำ
“โรงอาหาร”ทรอนซ์ตอบสั้นๆ แล้วเขาก็ไม่ยอมให้ใครถามอะไรต่อ ฉันต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเขาไปในสภาพที่เหยาะแหยะที่สุด
“ทรอนซ์ ช้าลงหน่อยสิ”ฉันบีบมือทรอนซ์แน่นอย่างประท้วง แล้วก็ได้ผล เพราะเขาปรับจังหวะให้เดินช้าลงทำให้ฉันโล่งอกไปเปราะหนึ่ง
“ทำได้ยังไง…หัวเราะทั้งๆที่มองไม่เห็น ปกปิดไม่ให้ใครรู้”เขาพึมพำอยู่ข้างๆฉัน ความจริงเขาคงคิดจะบ่นกับตัวเอง แต่ฉันบังเอิญได้ยินไง
“ฉันไม่อยากให้ใครต้องเป็นกังวลเพราะฉันอีก”ฉันตอบไปพร้อมรอยยิ้ม
“เธอคิด จะปิดบังฉัน?”ทรอนซ์หยุดเดินกะทันหันในขณะที่กำลังก้าวเดินลงบันได ทำให้ฉันเซถลาไปข้างหน้าแล้วมืออีกข้างคว้าหมับที่ไหล่เขาพอดี…เฮ้อ เกือบแล้วYY
“ง่า จะหยุดก็ไม่บอก”ฉันบ่นอุบ แต่ทรอนซ์ยังคงนิ่งเงียบเหมือนรอคอย ฉันจึงถอนหายใจเบาๆแล้วไล่มือจากบ่าขึ้นไปที่ใบหน้าของทรอนซ์ “ฉันไม่ได้อยากจะปิดบังอะไรกับนาย นายรู้ไหมว่าเวลาที่ฉันอยู่ในความมืด มันน่ากลัวแค่ไหน”
ทรอนซ์ยืนนิ่งให้ฉันลวนลาม เอ้ย! ลูบไล้ใบหน้าเขาเบาๆ…ฉันจ้องลึกไปยังตำแหน่งที่เป็นดวงตาของเขา นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มนั่น…
“แต่เพราะมีนายอยู่ข้างๆ…นายเป็นแสงสว่างของฉัน ถึงจะมองไม่เห็นแต่ฉันก็ไม่มีอะไรจะต้องกลัว อีกอย่างฉันไม่อยากโดนดุอีกแล้วTT”ฉันเบ้หน้าเมื่อนึกถึงตอนที่เขาอารมณ์ไม่ดี ชอบทำเสียงดุๆ หน้าดุๆ
“…”ฉันไม่รู้ว่าทรอนซ์ทำหน้ายังไง แต่โดยที่ไม่พูดอะไร เขาก็ดึงฉันให้เดินอีกครั้ง มือยังคงจูงนำทางไว้ ถึงฉันจะสะดุดขั้นบันไดบ่อยแค่ไหนแต่…เขาก็ไม่เคยบ่น และช่วยเหลือฉันทุกครั้ง
แสงสว่างของฉัน…น่ารักที่สุดเลย ^^
ไม่นานนักพวกเราก็น่าจะถึงโรงอาหารแล้ว เพราะเสียงพูดคุยนั่นดังระงมไปทั่ว ดูเหมือนจะเป็นเขตชุมชนละน่ะ
ฉันว่ามันออกจะแปลกไปหน่อยไหม…ที่ทรอนซ์จะจูงมือฉันเข้าโรงอาหารมาในเขตคนเยอะๆแบบนี้ แล้ว เอ่อ…พวกเขาไม่เอาไปนินทาอะไรหรอ _ _
ฉันคลายมือที่บีบทรอนซ์ไว้ แล้วกระซิบถาม”แบบนี้จะดีหรอ”
ทรอนซ์บีบมือฉันเบาๆเป็นคำตอบ…
สรุปว่าเราก็ได้ที่นั่งเรียบร้อย โดยที่ทรอนซ์ไม่ยอมปล่อยมือฉันจนกว่าจะนั่งบนเก้าอี้
“ข้าวต้มโรยผงฟื้นฟู”ทรอนซ์สั่งเรียบๆ เสียงวัตถุเคลื่อนที่มาหยุดข้างๆโต๊ะนั่นคงเป็นโต๊ะบุฟเฟ่ต์เล็กๆสินะ
“ห๊ะ!! อีกแล้วหรอ=[]=”ฉันนึกถึงตอนที่แพทริกซ์พาฉันมาโรงอาหารหลังจากได้ไปทัวร์ปราสาทโทรปิคอร์น เขาก็สั่งให้ฉันกินเมนูแบบนี้เลย…แต่ว่านั่นไม่ใช่ปัญหา ประเด็นหลักๆคือ.. “ทรอนซ์ แล้วฉันจะกินยังไงอะ”
สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบนิ่ง เขาคงเพิ่งจะนึกได้เหมือนกัน ฉันจึงถอนใจเบาๆแล้วยกมือขึ้นควานหาชาม และช้อนที่วางอยู่ข้างๆอย่างลำบากยากเย็น
ควั่ก.. อั้มม!
และก็พบว่าเมื่อจ้วงช้อนลงไปอย่างแม่นยำแล้วตักเข้าปาก กลับสัมผัสกับช้อนอลูมิเนียมเปล่าๆ..
“T T”พลาดค่ะ…ตักไม่โดนแม้แต่หยดเดียว
แล้วฉันก็รับรู้ถึงแรงที่แย่งช้อนจากมือฉัน เสียงวัตถุกระทบกันดังเกร๊งๆ และกลิ่นอาหารหอมๆที่ลอยเข้ามาแตะจมูก
“อะไรหร..อ๊า..มo_O”ฉันที่กำลังอ้าปากจะพูดก็ต้องรีบกลืนอาหารในช้อนที่เบียดเข้ามาในปากอย่างรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว
เสียงวัตถุดังกระทบกัน ตามด้วยกลิ่นหอมของข้าวต้มร้อนๆจ่อที่ริมฝีปากอีกครั้ง…ฉันอ้าปากเล็กน้อย แล้วรับรู้ถึงรสอาหารที่กลมกล่อมกำลังดี
“กริ๊ดดดดด ดูนั่น!!”
“ท่านทรอนซ์ป้อนข้าวชาร์ลีนหรอเนี่ย!”
“ฉันว่าแล้วว่าสองคนนี้ต้องมีอะไรกัน แล้วท่านพิ๊งค์ล่ะ?!”
“นั่นสิ ท่านพิ๊งค์กลับมาแล้ว ทำไมท่านทรอนซ์ถึงไม่สนใจหล่อนเลยล่ะ หรือว่าจะถูกทิ้ง!?”
ร่างเล็กสมส่วนซ่อนตัวอยู่หลังประตู นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายสั่นระริก หูสดับฟังเรื่องราววิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาจากปากผู้ที่เดินเข้าออกโรงอาหาร มือเล็กกำกันจนแน่นเมื่อเหลียวมองภาพที่เหมือนเข็มที่ทิ่มแทงใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทรอนซีรา คุณกำลังแก้แค้นฉันที่ทิ้งคุณไปในวันนั้นใช่ไหมคะ
ช้อคกี้ พิ๊งค์ทรุดกายลงนั่งอย่างอ่อนแรง ไม่นานหลังจากกลับมาถึงที่นี่ ความทรงจำต่างๆก็ถาโถมเข้ามามากมาย ทั้งแต่วันที่เธอจำความได้ รับรู้ว่าตนเองเป็นผู้ใช้เวทย์ธาตุน้ำ และได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษแห่งนี้…ที่ที่เธอพบกับทรอนซีรา
ความทรงจำเริ่มหมุนย้อนกลับไป…
วันแรกที่เธอเห็นเขา…เธอเหมือนต้องมนตร์สะกด ทรอนซีราดูโดดเด่นกว่าคนทั่วไป ทุกย่างก้าวของเขาช่างสง่า เสียแต่ว่าใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์นั่นไม่เคยแสดงความรู้สึก
เหมือนฟ้าจะเข้าข้างเธอเพราะเธอได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกในกลุ่มเดียวกับเขา ในตำแหน่งฮีลเล่อร์ ซึ่งมีเขาเป็นปริ๊นซ์
เธอใช้ความพยายามและความกล้าที่รวบรวมขึ้นมาอย่างยากลำบาก พูดคุยกับเขา ยิ้มให้เขา แม้ว่าไม่มีเลยที่เขาจะตอบสนองบทสนทนา นอกจากนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่ตวัดสายตามาที่เธอแว๊บนึง แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น นอกนั้นเขาไม่เคยเลยที่จะสนใจเธอ รวมทั้งสมาชิกคนอื่นๆ มารีอา ราล์ฟเฟ
ทรอนซีราในสายตาเธอ คือชายหนุ่มผู้โดดเดี่ยว เขาไม่ต้องการเพื่อน แผ่นหลังของเขาช่างว่างเปล่า แต่กลับไม่มีที่ให้ใครยืนข้างๆเลยสักคน ไม่มีเลย…จนกระทั่งวันหนึ่ง
เธอตามหาทรอนซีราในงานเลี้ยงเต้นรำเปิดภาคเรียน และเจอเขาบนหลังคาที่ที่เธอเคยแอบสะกดรอยตามไป และเธอก็ได้พบจริงๆเสียด้วย
เธอเรียกร้องให้เขา…เปิดใจ
ช้อกกี้พิงค์ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สองเท้าหันหลังให้กับประตูโรงอาหาร เรือนผมสีเดียวกับนัยน์ตาสะบัดพลิ้วตามจังหวะก้าวเดิน ดวงหน้าคมขำนั้นเรียบเฉยยากแก่การคาดเดาอารมณ์ หล่อนเดินผ่านกลุ่มนักเรียนที่กำลังซุบซิบนินทา ทันทีที่พวกนั้นเห็นเธอก็พากันแยกย้ายตามระเบียบ
พิงค์ทิ้งภาพเบื้องหลังที่มีกลุ่มคนพากันยืนอออยู่ที่ประตูโรงอาหาร เพราะข่าวลือที่แพร่สะบัดออกไปอย่างรวดเร็วเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายน้ำแข็งและนักเรียนใหม่ที่เป็นที่รู้จักกันดี
ทันทีที่เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กเงียบซาลง หล่อนก็หยุดก้าวเดิน ร่างเล็กทรุดลงนั่งกับพื้นอีกครั้ง กับน้ำตาที่ไหลรินเป็นสาย
หลังจากวันนั้น ทรอนซีราผู้รักสันโดษ ก็ปรากกฎตัวต่อหน้าสมาชิกกลุ่มบ่อยครั้งขึ้น เขาเริ่มเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น เริ่มรู้จักคำว่าเปิดใจ
พวกเรามีความสุขดี ทรอนซ์ไม่หนีไปหลบซ่อนอยู่คนเดียวอีกต่อไป อะไรบางอย่างในแววตาเขาเปลี่ยนไป เมื่อเขาจ้องมองเธอ กระแสความอบอุ่นนั่น เธอแน่ใจว่าเขาคงไม่รู้ตัว และเธอก็รอคอยอย่างมีความหวัง..
“เธอนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ”เสียงบุรุษคนหนึ่งเรียกความสนใจสตรีร่างเล็กที่ก้มหน้าปาดน้ำตาอย่างลวกๆ
“ปล่าวค่ะ..ฉันแค่..”นัยน์ตาสีน้ำเงินไหววูบ ดวงหน้าสวยนั่นปกปิดความเศร้าไม่มิด “คุณคือ..?”
“เอริค..แล้วเธอ..?”ชายหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลแดงรับกับผมชี้ฟูเป็นทรงเท่ห์สีน้ำตาลอ่อน เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วส่งผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งไปให้
“ฉันชื่อพิ๊งค์ค่ะ…ขอบคุณค่ะแต่ไม่เป็นไร”เธอปฏิเสธอย่างสุภาพ ทำให้เอริคชะงักนิดๆแล้วเก็บผ้าเช็ดหน้าลงกระเป๋าเสื้อตามเดิม
“มีเรื่องอะไรที่ทำให้เธอเศร้าขนาดนั้นงั้นหรอ”ชายหนุ่มถอยกลับไปยืนพิงเสารับลมสบายๆที่พัดเอื่อยๆผ่านมาพร้อมไอเย็นของลมฤดูหนาว
“…”พิงค์เหลือบมองเสี้ยวหน้าของชายแปลกหน้าที่เธอเพิ่งเคยพบ แล้วหลุบตาลงต่ำแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันขมขื่น “ถ้าหากว่า คุณมีคนที่คุณรัก และคุณทำผิดกับเขาอย่างไม่น่าให้อภัย แต่คุณรักเขามากเหลือเกิน อยากจะคืนดีกับเขา แต่…เขากลับมีคนอื่นแล้ว คุณจะ…ทำยังไงคะ”
ใบหน้าชายหนุ่มฉายแววฉงนซักพัก เขาทำหน้าครุ่นคิด แล้วตอบไปแบบเรียบๆ “ก็แย่งเขาคืนมาสิ ถ้ามัวแต่นั่งเศร้าแล้วมันคงไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก เธอบอกว่ารักเขามากไม่ใช่หรอ แล้วเธอจะปล่อยเขาไปง่ายๆอย่างนั้นหรอ”
นัยน์ตาสีฟ้าหันไปสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลแดงที่จ้องมองมาก่อน เธอเอียงคอถามคำถามต่อไป “แล้วถ้าหากเขาไม่กลับมาล่ะคะ”
เอริคครางในลำคอ แล้วโคลงหัวไปมาด้วยท่าทางสบายๆ “ถึงยังไงฉันจะไม่ยอมปล่อย ให้คนที่ฉันรักโดนคนอื่นคาบไปง่ายๆหรอกนะ”
ชายหนุ่มกระดกยิ้มที่มุมปาก ยามนึกถึงคนที่เขาตามหามานานแสนนาน ผู้ที่ถูกกำหนดว่าจะมาเป็นภรรยาของเขาในอนาคต
วันนั้น ในป่านั่น เขาเจอเธอแล้ว..
มารีอา ไทรีนอล หญิงสาวผู้มีนัยน์ตาสีชาอ่อนคู่สวยผู้นั้น
เนิ่นนานทีเดียว ที่ต่างฝ่ายต่างจมดิ่งอยู่ในความคิดตนเอง อยู่ในห้วงภวังค์ความฝันอันสวยหรูที่อยากจะให้เกิด แต่ยังไม่เกิด ต่างคนต่างความคิด ต่างอารมณ์ความรู้สึก แต่เป้าหมายนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว ที่สัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง
การนำคนรักกลับมา จากอ้อมกอดของคนอื่น…
นี่ฉันกำลังหลับตา…หรือว่ากำลังลืมตานะ
ฉันพลิกตัวไปมาบนเตียงนุ่มที่ถูกใครบางคนพามา มือขยำเบาะที่ถูกวางอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา เวลานี้คงเป็นเวลาที่นกฮูกออกหากินแล้วล่ะนะ เพราะลมที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างแถมหอบเอาน้ำค้างมาด้วยมันช่างเย็นได้ใจจริงๆ
ก๊อกๆ..
เสียงประตูถูกเคาะสองครั้ง ทำให้ฉันขมวดคิ้วอย่างงงๆ…ก็นี่มันน่าจะดึกมากแล้วนี่นา
ฉันคลำหาขอบเตียงลงมาเดินเรียบตามกำแพง ทั้งโซฟา โต๊ะเล็ก เก้าอี้ ก็โดนฉันเตะออกไปหมดแหละ ตอนนี้เหมือนมีคนปิดไฟ มืดสนิทมองไม่เห็นลู่ทางT^T
ฉันคลำหาลูกบิดประตูอยู่สักพัก ก่อนจะเจอแล้วออกแรงบิดมันอย่างแรง
“…”ฉันกระพริบตาทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ในตอนนี้ไม่ว่าจะเปิดหรือปิดตา
“ชาร์ลีน ฉันเอง ช้อกกี้พิงค์”
“อ๋อ…ห๊ะ!”ฉันแถบจะเอามือตะครุบปากตัวเองไม่ทัน เพราะเสียงออกจะดูตกใจมากไปหน่อย อาจจะทำให้หล่อนสงสัยเอาได้YY
ว่าแต่ กลางดึกแบบนี้ พิงค์มาหาฉัน?
“ขอเข้าไปคุยด้วยหน่อยนะคะ”เสียงหวานใสดังขึ้นจากตรงหน้า ทำให้ฉันจับระยะได้รางๆว่าเธอน่าจะยืนห่างฉันประมาณสองสามก้าว ฉันพยักหน้านิดๆ แล้วหลบให้เธอเข้ามา…แล้วเพิ่งจะนึกได้ว่าฉันควรจะปฏิเสธไป จะดีกว่ามั้ย?? กลายเป็นว่าฉันต้องแสร้งทำตัวเนียนอีกแล้วล่ะสิเนี่ย
“ทำไมถึงไม่เปิดไฟล่ะคะ”พิงค์เปรยขึ้นเบาๆ เสียงกุกกักนั่นเธอคงกำลังเดินไปเปิดไฟสินะ ฉันเดาว่าอย่างนั้นTT
“ฉัน เอ่อ ชอบอยู่ในที่มืดน่ะ”ฉันแถออกไปสุดฤทธิ์ ทั้งที่เหตุผลที่แท้จริงคือฉันแยกแยะไม่ออกว่าเปิดไฟกับไฟมันต่างกันยังไงน่ะสิ
“เราออกไปคุยกันตรงระเบียงละกันค่ะ”เสียงพิงค์ดังแว่วมาจากตรงระเบียง ซึ่งฉันก็พยายาม คลำหาทางอย่างแนบเนียนอยู่ T_T
ฉันค่อยๆก้าวไปข้างหน้าช้าๆแต่มั่นคง ในขณะที่ในใจยังคงสงสัยกับเรื่องที่พิงค์ขอเข้ามาคุยด้วย
ช้อกกี้พิงค์มองร่างเด็กสาวที่สวมชุดนอนสีฟ้าเรียบๆด้วยแววตาฉงน หล่อนรู้สึกถึงอากัปกริยาแปลกๆของเด็กสาว แต่ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสิ่งที่เธอจะพูดกับเด็กสาวคนนี้อีกแล้ว
ดวงตาคู่สวยเพ่งมองนัยน์ตาสีม่วงอเมทิสต์ ที่ต้องแสงจันทร์แล้วดูงดงามอย่างน่าประหลาด ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องมองไปข้างหน้าดูเลื่อนลอย ผมสีน้ำตาลคลอเคลียบ่าปลิวสยายตามแรงลม
เธอคนนี้มีอะไร ถึงทำให้ทรอนซ์เปลี่ยนไปได้ขนาดนั้น..
พิงค์พิจารณาดวงหน้าของเด็กสาว ที่ไม่แม้แต่จะหันมาสบตาเธอ ทำให้เธอรู้สึกฉุนนิดๆ
“ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษที่เสียมารยาทมารบกวนเธอตอนดึกๆด้วยนะ”
“อื้อๆ ไม่เป็นไรหรอก”ดวงตาคู่สวยนั่นยังคงไม่แม้แต่จะมองมา
“งั้นฉันขอถามเธอตรงๆเลยนะคะ”พิงค์จ้องไปยังร่างที่ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงประตูที่เชื่อมกับระเบียง “เธอเดินมาใกล้ๆกว่านี้ก็ได้นะ”
ชาร์ลีนยิ้มแห้งๆเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆพาร่างของเธอมาหยุดข้างๆพิงค์ มือทั้งสองเกาะขอบระเบียงแน่น…บางที อาจจะแน่นเกินไปด้วยซ้ำ
“กลัวความสูงหรอคะ”พิงค์หรี่ตาลงเก็บความสงสัยไว้ภายในใจ
“ค..คะ? อ่อ ค่ะ”แต่เด็กสาวอีกคนกลับตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องที่ฉันจะพูดในวันนี้ เธอช่วยเก็บเป็นความลับจะได้ไหมคะ”ปากเรียวขยับพูด ขณะที่ยังไม่ละสายตาจากดวงหน้าของหญิงสาวอีกคน ซึ่งแม้แต่วินาทีนี้หล่อนก็ยังไม่แม้แต่จะปรายตามองคู่สนทนาอย่างเธอ ทำให้ไฟโทสะในใจที่มีอยู่ก่อนหน้านี้เริ่มคุกรุ่นขึ้นมา
“อืม…ว่ามาเลย”
“คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันกับทรอนซ์ เราเคยเป็นอะไรกัน”พิงค์เปลี่ยนสรรพนามเรียกอีกฝ่ายอย่างสุภาพ หากแต่น้ำเสียงฟังดูกดดัน
“…”
“คุณคงจะอึดอัดสินะคะ เพราะฉันมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว คุณคงจะอึดอัดน่าดู”หล่อนพูดกลั้วหัวเราะ ชายตาแว๊บนึงมองดวงหน้าอีกฝ่ายที่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด “แต่มันเป็นอดีตไปแล้วล่ะค่ะ สำหรับเขา ฉันคงเป็นได้แค่…รักแรกล่ะมั้ง”
“…”ดวงหน้าหญิงสาวอีกฝ่ายนั้นดูหมองลงอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นนัยน์ตาคู่นั้นยังคงทอดมองออกไปไกลแสนไกล
“เป็นฉัน…ที่ทำให้ทรอนซ์รู้จักเปิดใจกับคนอื่น แต่ก่อนน่ะเขาไม่แม้แต่จะคบหากับใคร แม้แต่ราล์ฟ มารีอา ก็ไม่เว้น”พิงค์เน้นทุกคำ ช้าๆชัดๆ เสียงหวานกดลงต่ำฟังดูน่ากลัว ทันทีที่เธอพูดจบประโยคลมหนาวก็พัดเข้ามาปะทะร่างทั้งสองอย่างแรง
ชาร์ลีนยกมือขึ้นกอดอก ทั้งเนื้อทั้งตัวสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม
“คุณรู้ไหมคะ ว่าฉันรักเขามากแค่ไหน ฉันไม่สามารถ…ไม่สามารถยกเขาให้ใครได้ทั้งนั้น!”พิงค์จ้องไปยังร่างที่กำลังกอดตัวเองด้วยความหนาว แต่ไฟในใจเธอกำลังร้อนกรุ่นจนไม่ได้สนใจ แรงโทสะเตรียมจะปะทุออกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะใส่ใจจะสนทนากับเธอเลยสักนิด“มองมาที่ฉันนะ ชาร์ลีน!!”
สิ้นเสียงที่ตะโกนออกไป ร่างบางที่กำลังสั่นสะท้านก็สะดุ้งสุดตัว นัยน์ตาสีม่วงเบิกกว้างอย่างตกใจ เธอก้าวถอยหลังไปชิดขอบระเบียง หลังที่กระแทกอย่างแรงทำให้ร่างเธอหงายลงไป…และร่วงหล่นไปจากที่ตรงนั้น!!
“ช…ชาร์ลีน!!”พิงค์กรีดเสียงร้อง ตาเบิกกว้างมองไปยังภาพเบื้องล่าง ที่ร่างเด็กสาวอีกคนได้ด่ำดิ่งลงไป ไกลลงไปอย่างช้าๆ มือทั้งสองของร่างนั่นพยายามจะไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยว ดวงหน้าเล็กๆนั่นกำลังแตกตื่นจนช้อค แต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังคงว่างเปล่า..
กึก..
พิงค์เหลือบมองเสียงที่ดังจากข้างบนหลังคาเยื้องจากตรงระเบียงไปทางซ้าย และพบกับร่างสูงหนาที่ย่อตัวเตรียมกระโดดลงไปอย่างไม่ลังเล
“ทรอนซีรา!!”เธอกรีดร้องอีกครั้งพร้อมกับร่างหนาที่ถีบขอบกระเบื้องของหลังคา ส่งร่างตนเองให้พุ่งลงไปให้เร็วที่สุด ร่างนั่นแหวกว่ายในอากาศยามค่ำคืนอันหนาวเหน็บแทบจะทันที เสี้ยววินาทีที่เธอเห็นดวงหน้าแข็งกร้าวนั่น นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเฉกท้องฟ้ายามรัตติกาล ที่จ้องมองลงไป ดวงตาที่ฉายชัดถึงอารมณ์ที่เธอไม่เคยได้รับ..
เป็นห่วง..งั้นหรอ
หญิงสาวยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วมากเหลือเกิน หัวใจเต้นอย่างถี่รัวด้วยความตกใจ แตกตื่น และปวดร้าว
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มคมกริบพยายามเบิกตากว้างต้านลมที่ตีเข้ามา เขาเพ่งความสนใจไปยังร่างเล็กที่พยายามไขว่คว้า มือหนายื่นออกไปสุดตัว เขาพยายามรีดพลังทั้งหมดไปที่ขาทั้งสองเพื่อให้มีแรงดันไอน้ำส่งให้ตัวพุ่งลงไปได้อย่างรวดเร็ว ดวงตาทั้งสองสบประสาน หากแต่คู่หนึ่งกลับไม่สามารถมองเห็น
ตูม..
ร่างบางถูกกลืนหายไปกับน้ำในทะเลสาบ นัยน์ตาคมกริบเบิกกว้าง
ในใจของเจ้าชายน้ำแข็งตอนนี้ชาวูบยิ่งกว่าความเจ็บปวดจากไอหนาวที่กรีดร่างทั้งร่างจนไร้ความรู้สึก…
To Be Con.
Writer : ขอขอบคุณ คอมเม้นที่ผ่านมาที่ทำให้ไรเตอร์มีแรงผลักดันที่จะอัพนิยายต่อไปนะคะ
ขอคนละเม้นเหมือนเดิมนะ ^ ^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พวกเราทุกคนรออ่านอยู่นะ
ปล.เรื่องนี้สนุกมากๆเลยค่ะขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมานะค่ะ
ค้างจังง
รอตอนต่อไปนะคะ >_<
สนุกมากเลยค่ะ
รีบ ๆ มาอัพต่อนะ สู้ ๆ
ชาร์ลีนต้องไม่เป็นไรน้าาาาา
ไรเตอร์แต่งสนุกมากกกกก
อัพต่อเลย สู้ๆนะค่ะ