ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not gay!! แต่คนที่ชอบบังเอิญเป็นผู้ชาย (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #33 : Rule 27 : (Special Ball x Din) รักแรกของผม 2 (จบ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.1K
      21
      26 มี.ค. 56

    Rule 27 : (Special Ball x Din) รักแรกของผม 2 (จบ)

     


                    หลังจากเรียนว่ายน้ำกับพ่ออย่างทุลักทุเลผมก็ได้พักผ่อน  วันต่อมาผมก็ไปหอสมุดอีกครั้งและครั้งนี้ผมก็ไปพร้อมพ่อเพราะผมจะให้พ่อสอนหนังสือ
     

                    วันนี้หมอนั่นก็มานั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิมและยังเท่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย
     

                    “อย่างนี้นี่เอง  อยากเป็นเหมือนเขาใช่ไหมล่ะ?” พ่อมองตามสายตาผมก่อนจะถาม  แหม...รู้ใจลูกจริงๆ
     

                    “ครับ” ผมตอบอ้อมแอ้ม  ก็ผมอายนี่
     

                    “เอาล่ะ  งั้นมาติววิชาที่ลูกไม่ถนัดที่สุดก็แล้วกันนะ” พ่อพูดพลางพาผมเดินไปหาหนังสือในหมวดวิชาคณิตศาสตร์
     

                    “เอ๋?” ผมงง  พ่อจะรู้ได้ไงว่าผมไม่ถนัดวิชาไหนมากที่สุด
     

                    “ฮึๆๆ ก็เกรดวิชาคณิตของลูกมันห่วยแตกที่สุดน่ะสิ!” เอื๊อก! ผมคิดผิดหรือคิดถูกที่ให้พ่อมาติวให้



     

     

                    พอกลับถึงบ้านผมก็ต้องเรียนว่ายน้ำกับพ่อต่อ  วันนี้ผมรู้ซึ้งแล้วครับว่าผมควรให้พ่อจ้างครูมาสอนผม  พ่อเป็นครูที่โคตรโหดเลย!!



     

     

                    เลิกเรียนวันต่อมาผมก็มาที่หอสมุดคนเดียว  วันนี้พ่องานยุ่งจนปลีกตัวออกมาหาผมไม่ได้ผมจึงรอดพ้นจากเงื้อมือมาร เหอๆ
     

                    “นี่  อ่านหนังสือยากๆ อีกแล้วเหรอ?” ผมเดินเข้าไปทักเจ้าแว่น  เมื่อวานเพราะมากับพ่อผมเลยไม่ได้ไปทัก
     

                    “อืม” หมอนั่นพยักหน้าและอ่านหนังสือต่อ
     

                    “สอนหน่อยสิ”
     

                    “ฉันสอนใครไม่เป็นหรอก” หมอนั่นตอบทันที
     

                    “อือ งั้นไม่เป็นไร” ผมหน้าจ๋อยลงก่อนจะนั่งสงบเสงี่ยมมองดูหมอนั่นอ่านหนังสือด้วยสีหน้านิ่งเฉย  พอนั่งนิ่งๆ หมอนี่ดูเย็นชาเป็นบ้า  ผมอยากจะชวนคุยแต่ดูเหมือนว่าวันนี้หมอนี่จะอารมณ์ไม่ดี  คิ้วขมวดใหญ่เลย
     

                    ...เงียบ...
     

                    “เฮ้อ ไปกินไอติมป่ะ” หมอนั่นถอนหายใจก่อนจะปิดหนังสือลงและหันมามองหน้าผม
     

                    “เอ๊ะ?” ผมมองหน้าหมอนั่นงงๆ
     

                    “ก็สัญญาไว้แล้วนี่” หมอนั่นพูด  ผมยิ้มจนตาหยีก่อนจะพยักหน้าจากนั้นหมอนั่นก็เดินเอาหนังสือไปเก็บและพาผมเดินออกไปร้านไอศครีมที่อยู่ข้างๆ ร้านกาแฟตรงข้ามหอสมุด



     

     

                    ผมเดินเข้ามานั่งในร้านไอติมก่อนจะนั่งจ้องหน้าเจ้าแว่นที่กำลังไล่สายตาดูเมนู  ไม่อยากจะบอกเลยว่าผมสั่งไม่เป็น  เวลามาร้านแบบนี้ทีไรแค่ชี้ให้คุณพ่อบ้านดูคุณพ่อบ้านก็สั่งให้แล้ว
     

                    “เฮ้ย! ไอ้บอลนี่หว่า  ไงมึง!” จู่ๆ ผู้ชายคนที่ตัวสูงพอๆ กับเจ้าแว่นก็เดินมาตบไหล่เจ้าแว่นจากด้านหลัง  เจ้าแว่นชื่อบอลเหรอเนี่ย?
     

                    “เชี่ยขิม? มึงมากับใครวะ?” เจ้าแว่นหันไปถามคนที่ท่าทางกวนส้นตีน  มึง? เชี่ย? เอ่อ...ท่าทางจะสนิทกันมากนะเนี่ย
     

                    “กูมากับพี่สาวม.ปลายน่ะ คิกๆ” นายคนที่ท่าทางกวนตีนหัวเราะคิกคัก  พี่สาวม.ปลาย? ไอ้หมอนี่ยังใส่ชุดม.ต้นอยู่เลยแต่กลับเดินควงสาวม.ปลายเนี่ยนะ?
     

                    “งั้นมึงรีบไปหากิ๊กมึงเลยไป” เจ้าแว่นโบกมือไล่เพื่อน  เจ้าเพื่อนคนนั้นจึงเดินไปที่มุมอีกมุมหนึ่งของร้าน
     

                    “เพื่อนเหรอ?” ผมถาม  ผมอยากจะรู้เหลือเกินว่าผมเตี้ยเกินไปหรือพวกนั้นสูงเกินไป  หรือมันเกินไปทั้งสองฝ่าย  ผมคิดว่าเจ้าหมอนี่สูงเกินเด็กม.ต้นแล้วนะนี่ยังมีเพื่อนที่สูงพอๆ กันอีกเหรอเนี่ย?
     

                    “อืม”
     

                    “พวกนายอยู่ม.ต้นกันจริงๆ เหรอ?” ผมถาม
     

                    “เอ๊ะ? อืม ม.1น่ะ” เอิ๊ก!! โคตรพ่อโคตรแม่! ม.1เนี่ยนะ!!  ชั้นเดียวกันแท้ๆ แต่ทำไมความสูงมันต่างกันจังวะ??  หรือว่าเพราะเรียนที่โรงเรียนชายล้วนก็เลยสูง  มันเกี่ยวไหมอ่ะ? “แล้วนายอ่ะ  อยู่ป.อะไร?”  ถามเสียมารยาทมาก  อาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยใส่เครื่องแบบนักเรียนต่อหน้าหมอนี่ล่ะมั้ง
     

                    “ม.1” ผมตอบอายๆ
     

                    “งั้นเหรอ?” หมอนั่นพยักหน้าก่อนจะหันไปสั่งไอติมกับพนักงานที่มารอรับออร์เดอร์
     

                    “เอ่อ...เอา อะ...ไอ้นี่ครับ”  เนื่องจากสั่งไม่เป็นผมจึงชี้ไปที่รูปที่ผมชอบ  พนักงงานรับออร์เดอร์ยิ้มๆ ก่อนจะเก็บเมนูกลับไป



     

                   

                    หลังจากกินเสร็จเรียบร้อยพวกผมก็ไปเดินเล่นที่สวนสารธารณะเพราะหอสมุดปิดแล้ว  ผมเพิ่งรู้ว่าหอสมุดปิดตั้งแต่ห้าโมงครึ่ง
     

                    “ทำไมนายตัวสูงจัง” ผมถามเจ้าแว่นที่เดินเล่นอยู่ข้างๆ  ก็แบบ...อยากสูงมั่ง
     

                    “เล่นบาสน่ะ” หมอนั่นพูด  อืม...ถ้าเล่นบาสแล้วจะสูงขึ้นสินะ  พรุ่งนี้ไปสมัครเข้าชมรมบาสดีกว่า
     

                    “แล้ว...เจ้าขนฟูที่นายเก็บไปเลี้ยงวันนั้นเป็นบ้าง” ผมถามอย่างนึกขึ้นได้
     

                    “ก็ยังหงอยๆ อยู่น่ะ  แต่พอมีเพื่อนมันก็ดีขึ้น” หมอนั่นพูด  พอพูดถึงหมาหน้าตาสดใสขึ้นมาเลยนะ
     

                    “เพื่อนเหรอ?” ผมถาม
     

                    “บ้านฉันเลี้ยงหมาไว้สิบเอ็ดตัวน่ะ” บ้านหมอนี่น่ากลัวเป็นบ้าเลย
     

                    “เหอๆๆ บ้านนายเป็นสถานที่สยองขวัญสำหรับฉันเลย” ผมพูดพลางทำท่าขนลุก 
     

                    “ทำไมถึงกลัวขนาดนั้นล่ะ”
     

                    “ก็เคยถูกกัดน่ะ” ไม่บอกเด็ดขาดว่าที่ถูกกัดเพราะไปแกล้งมัน เหอๆๆ
     

                    “งั้นเหรอ? ฉันก็เคยนะแต่ก็ยังชอบอยู่ดี” หมอนั่นพูดยิ้มๆ อ่า...ให้ตายเถอะ  รอยยิ้มหมอนี่ทำให้ผมตาพร่า
     

                    “ใจดีจังนะ” ผมพูดออกมาเบาๆ
     

                    “เอ๊ะ? เหรอ?”
     

                    “อืม ฉันชอบนายที่เป็นแบบนี้” เอิ๊ก! พูดอะไรออกไปวะเรา
     

                    “นั่นสินะ  มีแต่คนบอกกับฉันแบบนี้  สุดท้าย...ก็ทิ้งฉันไปทุกคน” เจ้าแว่นพูดด้วยรอยยิ้มขื่นๆ
     

                    “เอ๊ะ? หมายถึงอะไรอ่ะ?”
     

                    “แฟนไง” หา!! ไอ้หมอนี่มีแฟนด้วยเหรอ?? แถมยังบอกว่าทิ้งไปทุกคน  งั้นก็หมายความว่าหมอนี่มีแฟนมาแล้วหลายคนน่ะสิ  ไม่น้า!!
     

                    “หา!?!
     

                    “อ่ะนะ”



     

     

                    หลังจากนั้นผมก็ไปที่หอสมุดทุกๆ วัน  บางวันก็อ่านหนังสือบางวันก็นั่งมองหน้าเจ้าแว่นจนเพลินและเผลอหลับไป  และผมก็ชอบเจ้าหมอนั่นมากขึ้นทุกวันๆ
     

                    “วันนี้มาช้านะ!” ผมทำหน้าบูดหลังจากที่นั่งรอเจ้าแว่นตั้งแต่โรงเรียนเลิกและนี่ก็ใกล้เวลาหอสมุดจะปิดแล้วด้วย  ทำไมเพิ่งจะมาเอาตอนนี้นะ  ไม่รู้รึไงว่าฉันคิดถึงนายน่ะเจ้าแว่น!!
     

                    “ที่นายมาที่นี่เพราะอะไรเหรอ? มาอ่านหนังสือหรือมารอฉัน” จู่ๆ เจ้าแว่นก็ถามขึ้น  คำถามนั้นจี้ใจดำจนผมชะงักและนิ่งไปนาน
     

                    “เอ่อ ทั้งสองอย่าง” ผมตอบอ้อมแอ้ม แอบเขินเบาๆ
     

                    “ที่ฉันมาวันนี้ฉันจะมาบอกนายว่าฉันจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว” คำพูดของหมอนั่นทำให้ผมอึ้งไปนานเลยทีเดียว
     

                    “ทะ...ทำไมล่ะ?” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ
     

                    “ดูเหมือนว่านายจะชอบฉัน  ซึ่งเรื่องนั้นมันไม่ถูกต้อง  เรามาจบความสัมพันธ์ที่ออกจะแปลกๆ แบบนี้ดีกว่า” หมอนั่นพูด
     

                    “ทะ...ทำไมล่ะ? ฉันชอบนายก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกันนี่  แค่มองเฉยๆ ไม่ได้รึไง?” เสียงผมเริ่มสั่น  ไม่นะ...หมอนี่เป็นรักแรกของผมนะ  ผมไม่ยอมให้จบแบบนี้หรอก
     

                    “มันไม่ดีทั้งต่อตัวนายและตัวฉัน  นายยังต้องเจอใครอีกมากมายอย่ามาชอบผู้ชายอย่างฉันเลย”
     

                    “ตะ...แต่ว่า...”
     

                    “ลาก่อนนะ” หมอนั่นยิ้มก่อนจะเดินออกไป  ผมมองตามแผ่นหลังของหมอนั่นก่อนน้ำตาจะร่วงลงมา
     

                    รักแรกของผม...จากไปทั้งๆ ที่เราต่างคนต่าก็ยังไม่รู้จักกันดี  แม้แต่ชื่อของผมเขาก็ยังไม่รู้



     

     

                    ม.3(ช่วงกำลังจะจบ)

                    ผมเอารถที่อุตส่าห์แต่งสำหรับซิ่งโดยเฉพาะออกมาขับบนถนนที่เงียบสงัดยามค่ำคืน  หลังจากที่ผมถูกสลัดรักครั้งนั้นผมก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง  ทั้งเล่นกีฬาและเรียนจนไต่ระดับมาอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าหัวกะทิ(มั้ง?) ตอนนี้ส่วนสูงผมก็เพิ่มขึ้นมาก จาก 159 (ตอนม.1)เป็น 178  ถ้าให้เทียบกับตอนนั้นผมเปลี่ยนไปมาก  หน้าที่เคยหวานก็เปลี่ยนมาเป็นหล่อดูสมชาย  น้ำผมก็ว่ายเป็นแล้ว  แม้กระทั่งตอนนี้ผมก็สามารถดริฟต์รถได้ขั้นเทพ
     

                    เนื่องจากพ่อผมเคยเป็นนักซิ่งเมื่อตอนยังเรียนอยู่พ่อจึงถ่ายทอดวิชาเป็นนักซิ่งให้ผม  และนั่นก็ทำให้ผมมีสาวๆ มาติดพันมากกว่าเดิม  ถึงแม้ผมจะเคยมีแฟนมาหลายคนแต่ผมก็ไม่เคยลืมรักแรกของผมเลย  เจ้าแว่น...ถ้าเราเจอกันอีกครั้งนายจะจำฉันได้ไหมนะ?
     

                    ขณะที่ผมกำลังเข้าโค้งก็มีรถคันหนึ่งพุ่งแซงผมขึ้นไป  ผมมองตามรถคันนั้นอย่างโกรธแค้นก่อนจะรีบเหยียบตามไปให้ทัน  พอถึงทางโค้งรถทั้งสองคันก็ทิ้งตัวไถลตามทางโค้งได้อย่างสวยงาม  หนอย...ผมดริฟต์รถที่นี่มาหนึ่งปีเพิ่งเจอไอ้บ้านี่แหละ  บังอาจมาดริฟต์รถแข่งกับฉันเรอะ  ฝัน!!
     

                    เอี๊ยดดดด!!!
     

                    แต่ก่อนที่จะได้แข่งกันไปมากกว่านี้รถคันนั้นก็เข้าไปจอดในลานชมวิวที่กำลังจะขับผ่าน  เห็นมันจอดผมก็จอดบ้างแต่จอดอยู่ข้างถนนนะ  ไม่กล้าไปจอดในลานชมวิวเหมือนเจ้านั่นเพราะเดี๋ยวจะดูเหมือนว่าผมจงใจท้าทายเกินไป
     

                    ผมมองเข้าไปในลานชมวิวก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว  เป็นผู้ชายผมสีทองตัวสูงโคตรและหน้าตาโคตรดีแต่...ผู้ชายคนนั้นผมรู้จัก!!  ไอ้คนที่หน้าอย่างกับเทวดานั่นคือไอ้คิทที่เป็นลูกของเพื่อนพ่อนี่นา  มันเคยมาเล่นบ้านผมบ่อยๆ สมัยม.1 ม.2 พวกเราค่อนข้างสนิทกันทีเดียว  ว่าแต่...หมอนั่นมายืนทำเท่อะไรตรงนี้วะ
     

                    ขณะที่ผมกำลังจะลงไปทักทายไอ้คิท ไอ้เจ้าของรถที่มันกล้าแซงผมขณะเข้าโค้งก็เปิดประตูรถลงมาทำเอาผมอึ้ง! แผ่นหลังของหมอนั่นช่างคุ้นอะไรอย่างนี้นะ!!
     

                    หมอนั่นเดินไปทักทายไอ้คิทก่อนจะเอนหลังพิงขอบกั้นรั้วของลานชมวิว  และเมื่อหมอนั่นทำแบบนั้นใบหน้าของหมอนั่นก็หันออกมาให้ผมเห็นพอดี
     

                    จะ...จะ...จะ...เจ้าแว่น!!!
     

                    ถึงจะดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมและดูตัวสูงกว่าเดิมแต่หน้าหมอนั่นก็ไม่เปลี่ยนไปเลย  รอยยิ้มอ่อนโยนและดวงตาคมแต่ดูใจดีก็ยังเหมือนเดิม  ฉะ...ฉันตามหานายมาตั้งนาน  ฉันรอนายอยู่ที่หอสมุดตั้งสองปี!!
     

                    ผมโทรหาไอ้คิทดีกว่า!
     

                    “ฮัลโหล” ไอ้คิทรับสายจากผม
     

                    “คิท มึงอยู่ไหน?” ผมถาม
     

                    “อยู่จุดชมวิวที่xxxน่ะ  ทำไมวะ?” มันเอ่ยถาม
     

                    “มึงอยู่กับใคร?” ผมถามต่อ  ตาของผมก็กำลังจับจ้องไปที่พวกมันสองคน
     

                    “หืมม์? อยู่กับเพื่อน ทำไมวะ?  มึงอยู่แถวนี้เหรอ?” ไอ้คิทพูดพลางหันหน้ามามองหาผม  ผมจึงต้องรีบถอยรถให้พ้นรัศมีการมองเห็นของมัน  สายตามันยิ่งดีๆ อยู่ด้วย
     

                    “เปล่าๆ กูก็ถามไปงั้นแหละ  เอ้อ วันสอบเข้าโรงเรียนมึงนี่วันไหนนะ?” ผมแสร้งถามไปเรื่อย  ไอ้คิทมันเป็นลูกเจ้าของโรงเรียนเอกชนชายล้วนที่เจ้าแว่นเรียนอยู่นั่นแหละ  มีทั้ง ม.ต้นกับม.ปลาย แต่ฝั่งม.ต้นกับมปลายจะแยกกันอยู่จนดูเหมือนเป็นคนละโรงเรียนกัน  ม.ปลายน่ะเป็นโรงเรียนประจำ
     

                    “วันจันทร์หน้า  มึงมาสอบด้วยล่ะ” ไอ้คิทบอก  ผมตั้งใจจะเข้าโรงเรียนของมันเพราะผมอยากจะเข้าไปตามหาเจ้าแว่นและโรงเรียนนี้ขึ้นชื่อเรื่องนักเรียนคุณภาพ  แน่นอนว่าลูกเจ้าของโรงเรียนอย่างมันต้องเรียนเก่งมากด้วย
     

                    “เออๆ งั้นแค่นี้แหละ  กูกำลังขับรถอยู่” ผมพูดก่อนจะวางสายไป
     

                    ผมชะโงกหน้าไปมองพวกมันเล็กน้อยก็จะขับรถวนกลับทางเดิม  ขืนขับผ่านไปอีกทางไอ้คิทก็รู้น่ะสิว่าผมอยู่แถวนี้  มันจำรถของผมได้เสียด้วย



     

     

                    จะได้เจออีกครั้งแล้วนะ...เจ้าแว่น

     



     

                    จะบ้าตาย!!!
     

                    ในวันที่ผมมาสอบเข้าโรงเรียนไม่รู้ไอ้บ้าหน้าไหนมันดันมาปล่อยลมยางรถของผม  มันเล่นซะแบนทั้งสี่ล้อเลย  แม่งเอ๊ย!! อย่าให้เจอนะมึง  พ่อจะจับเจื๋อน!!
     

                    “ขอโทษนะครับ  รถเป็นอะไรเหรอครับ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังทำให้ผมหงุดหงิดมากกว่าเดิม  อย่ามาทักกูได้ไหมกูกำลังอารมณ์เสีย!

                    “อย่ามายุ่ง!!” ผมหันไปตวาดใส่ไอ้ที่มาทักผมด้วยความหวังดี  เมื่อเห็นคนทักผมถึงกับทรุด  เจ้าแว่นนั่นเองที่มาทัก  อ่า...เสียงต่ำกว่าเดิมอีกนะเนี่ย
     

                    “เอ๋? อ่า ไม่ยุ่งก็ได้ครับ” เจ้าแว่นเกาคอแก้เก้อก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนตามแบบฉบับของตัวเอง  ดูจากท่าทางแล้ว  หมอนี่คงจำผมไม่ได้ซะล่ะมั้ง
     

                    “เอ่อ  ยางแบน  สี่ล้อเลย” ผมบอกเสียงอ้อมแอ้ม  ถ้าเจ้าแว่นจำผมไม่ได้ก็ไม่แปลก  เสียงผมก็เปลี่ยน หน้าตาก็เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคนแถมยังสูงขึ้นมากด้วย
     

                    “งั้นเหรอครับ? ที่นี่โรงเรียนชายล้วน  คงมีคนเล่นอะไรแผลงๆ กับรถของคุณ” เจ้าแว่นพูด
     

                    “ทำไมถึงรู้ล่ะว่ามีคนมาแอบปล่อยลมรถฉัน?” ผมถาม
     

                    “ก็...แบนทั้งสี่ล้อเลยใช่ไหมล่ะ? มันผิดปกตินี่” หมอนั่นพูด  อืม...วิเคราะห์ได้ดี
     

                    “เฮ้ โย่ว! ไอ้ดินนี่หว่า! รถมึงเป็นไรวะ” ไอ้คิทโบกมือหย็อยๆ ก่อนจะก้าวขายาวๆ มาหาผม “โอ้ว! ไอ้บอลก็อยู่ด้วยนี่หว่า” ไอ้คิทมองเจ้าแว่นอย่างสงสัย
     

                    “เอ๊ะนี่? คันนี้รถมึงเหรอ?” ไอ้คิทถามผมอย่างสงสัย  อ้าว...มึงนั่งรถกับกูออกจะบ่อย มึงจำไม่ได้เหรอไอ้เสร่อ!
     

                    “อือ”
     

                    “ถูกไอ้บอลเล่นแล้วมึง” ไอ้คิทพึมพำเบาๆ ผมจึงหันไปมองเพื่อให้มันพูดอีกรอบ
     

                    “ไม่มีอะไรๆ อย่าไปสนใจไอ้คิทเลย” เจ้าแว่นเตะขาไอ้คิทก่อนจะโบกมือไปมาเพื่อไม่ให้ผมสนใจสิ่งที่ไอ้คิทพูด
     

                    “เฮ้อ แล้วกูจะกลับบ้านไงวะเนี่ย? โรงเรียนก็แม่งโคตรกันดารเลย” ผมบ่น ก็โรงเรียนนี้ตั้งอยู่โคตรไกลจากตัวเมืองอะดิ  แต่ผมว่ามันก็ดีนะเพราะนักเรียนจะได้ไม่ออกนอกลู่นอกทางเนื่องจากไม่มีสิ่งยั่วยุอย่างพวกผับหรือบาร์
     

                    “รถมึงยางแบนเหรอ?” ไอ้คิทถาม
     

                    “อืม สี่ล้อเลย  ใครมาแกล้งก็ไม่รู้” ผมบ่นพลางนั่งลงพิงรถ
     

                    “ก็ไอ้แว่นนี่...อุ๊บ!
     

                    “เอางี้ไหม? บ้านนายอยู่ไหนเดี๋ยวฉันไปส่งให้  ฉันเองก็ขับรถมาเหมือนกัน” ไอ้เจ้าแว่นเอามือปิดปากไอ้คิทไว้ก่อนจะหันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผม  อ่า...ตาพร่าเพราะรอยยิ้มของไอ้หมอนี่อีกแล้ว
     

                    “เอ๊ะ อืม ขอบใจนะ” ผมพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเดินตามเจ้าแว่นไปที่รถคันที่ผมเห็นเมื่อวันก่อนโน้น  ไอ้บ้านี่จริงๆ ด้วยที่บังอาจมาซิ่งแข่งกับผม ฮึ่ม!




     

                    และนี่...ก็เป็นเรื่องสมัยนั้นที่ผมได้เจอกับไอ้บอลครั้งแรกๆ  และตอนนี้พวกเราก็กำลังคบกันเป็นแฟนอยู่  หลังจากใช้เวลาฉันท์เพื่อนอยู่ด้วยกันมาหนึ่งปีกว่าๆ ไอ้บอลก็ตกหลุมรักผมและผมก็ยังรักไอ้บ้านี่สืบเนื่องมาตั้งแต่ม.หนึ่งและนั่นทำให้พวกเรามาลงเอยกันแบบนี้  และแน่นอนว่าผมไม่มีทางบอกไอ้บอลเด็ดขาดว่าเราเคยเจอกัน  จนถึงตอนนี้ไอ้บอลก็ยังจำผมไม่ได้
     

                    อ้อ หลังจากสนิทกันได้ไม่นานผมก็เพิ่งจะรู้ว่าที่ยางรถผมมันแบนแต๊ดแต๋แบบนั้นเป็นฝีมือไอ้บอลนั่นเอง  สาเหตุที่มันปล่อยลมยางรถผมก็เพราะมันจำได้ว่ารถคันนี้เคยคิดจะซิ่งแข่งกับมัน  เวรกรรม!
     

                    ไอ้บอลเป็นคนที่อ่อนโยนมาก ไปที่ไหนๆ ใครๆ ก็รัก  ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนมันไม่เคยอ่อนโยนกับผมเลยสักครั้ง  และนั่นทำให้คนคิดว่ามันเป็นเทวดาที่เพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง  แต่ใครจะรู้!! ว่าไอ้บ้านี่โคตรหื่นเลย!!  เผลอทีไรมันชอบขโมยจูบผมอยู่ร่ำไปและถ้าอยู่ในห้องกันแค่สองคนมันก็มักจะจับผมกด!!  ผมสู้แรงมันได้ซะที่ไหนกันล่ะ  คบกันแบบเป็นแฟนมาได้แค่เดือนเดียวผมก็ถูกมันจกเวอร์จิ้นไปแล้ว!!  และที่เจ็บใจคือ...ผมรับ!!  ทั้งๆ ที่คนอุตส่าห์ฟิตร่างกายมาตั้งหลายปีเพื่อรุกมัน ฮือๆๆ
     

                    ไอ้บอลกับไอ้คิทและไอ้ขิมเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก  ไอ้พวกนี้ถูกส่งไปเรียนที่ประเทศอเมริกามาตั้งแต่ประถมทำให้พวกนี้มีความสามารถทางด้านภาษามาก!  แถมไอ้พวกนี้ยังเรียนเก่งมากด้วย  มิน่าล่ะตอนนั้นไอ้บอลถึงอ่านหนังสือภาษาอังกฤษได้แบบชิลล์ๆ
     

                    อ้อๆ ผมเพิ่งมานึกได้ว่าผมเคยเจอไอ้ขิมก่อนหน้านี้ด้วย  ก็ตอนที่ผมไปกินไอติมกับไอ้บอลไง  ตอนนั้นมันยังควงสาวอายุมากกว่าอยู่เลย  แต่เดี๋ยวนี้หันมากินเด็กสาววัยละอ่อนแทน  พอได้คบมันเป็นเพื่อนผมจึงรู้ว่าไอ้บ้านี่เจ้าชู้ไม่หยอก  กะล่อนด้วยแต่ก็เป็นคนนิสัยดีไม่เบา  ส่วนไอ้คิท  ตอนนี้มันเปลี่ยนลุค  จากเด็กฝรั่งผมทองตาฟ้ามาเป็นเด็กไทยผมดำตาดำ  อิจฉาความหล่อขั้นเทพของมันจริงๆ
     

                    “ดิน จุ๊บหน่อย” ไอ้บอลเดินอ้อมมานั่งบนที่วางแขนของเก้าอี้ประธานนักเรียนที่ผมนั่งอยู่หลังจากที่ไอ้คิทกับไอ้ขิมออกจากห้องกรรมการนักเรียนไปแล้ว
     

                    “ไม่!” ผมตอบเสียงแข็ง  ถ้าได้จุ๊บแล้วเดี๋ยวจะลามไปไกล  ผมยังขยาดอยู่เลยหลังจากที่ถูกไอ้บ้านี่รุก  เจ็บก้นเป็นบ้า! ไซส์ของไอ้บอลเล็กซะที่ไหน  ผมบอกไว้ก่อนเลยว่าไอ้หมอนี่ไม่ใช่เทวดาอย่างที่ทุกคนคิด!! ถึงความอ่อนโยนของมันจะเป็นของจริงก็เถอะ! อย่าคิดว่ามันบริสุทธิ์เลยเชียว!
     

                    “กูสัญญาว่าจะแค่จูบอย่างเดียว” ไอ้บอลอ้อน
     

                    “ไม่ ครั้งก่อนมึงก็พูดแบบนี้!” ผมวางมือจากเอกสารงานประธานนักเรียนก่อนจะสะบัดหน้าใส่ไอ้บอล  ตอนนี้ผมสูงขึ้นอีกแล้วนะครับ(180 cm)  ถ้าผมสูงกว่าไอ้บอลเมื่อไหร่มันเสร็จผมแน่  แต่ผมจะมีหวังไหมเนี่ยเพราะผมเลิกเล่นกีฬาไปแล้ว
     

                    “น่านะ” ไอ้บอลโอบไหล่ผมไว้
     

                    “ไม่เอา! ถ้ามึงไม่เลิกตื๊อล่ะก็กูจะไปป่าวประกาศว่ามึงหื่น โรคจิต ซาดิสม์ด้วย!” ผมพูดขู่
     

                    “ไม่จริงซักหน่อย” ไอ้บอลปฏิเสธหน้าตาย  ฮึ่ม!! จริงอย่างที่สุด!! รอยบนตัวผมยังไม่จางเลย  เป็นหลักฐานอย่างดีทีเดียวว่าไอ้หมอนี่มันรุนแรงกับผม  (แล้วกูจะเอารอยไปโชว์ใครวะ เหอๆๆ)
     

                    “ยังไงก็ไม่ได้  จนกว่ากูจะหายเจ็บมึงห้ามทำอะไรทะลึ่งกับกู” ผมสั่ง  สามวันมาเนี่ยผมยังรู้สึกเจ็บแปลบๆ อยู่เลย  เมื่อก่อนผมก็คิดว่าไอ้บอลเป็นเทวดาเหมือนกัน  แต่เดี๋ยวนี้เลิกคิดไปแล้วล่ะครับ  ถึงจะใจดีแต่หื่นแบบนี้ก็ไม่ไหวหรอก
     

                    “กูทนเก็บความหื่นมาสามวันแล้วนะ” ไอ้บอลบ่น  งั้นมึงก็เก็บมันต่อไปไอ้ความหื่นน่ะ!
     

                    “ถ้าทนไม่ได้ก็ตายซะไอ้บ้า!” ผมปัดมือไอ้บอลออกจากหัวไหล่ก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้องกรรมการนักเรียน
     

                    ผมคิดผิดหรือคิดถูกเนี่ยที่คบกับมัน  เฮ้อ!! หลังจากถูกมันรุกผมยิ่งต้องระวังหลังมากกว่าเดิมเท่าตัวเลยทีเดียว  ผมเคยลองๆ อ่านในการ์ตูนเกย์นะ  ฝ่ายรับก็ไม่เห็นจะทรมานอะไรนี่ แต่ทำไมผมถึงเจ็บขนาดนี้เนี่ย!?! หรืออาจเพราะครั้งแรก? แถมไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกเช่นโลชั่นอะไรแบบนี้ด้วย  แต่ก็นะ...ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกดีอะไรเลย >///<



     

     

                    วันต่อมา  หลังเลิกเรียนวันนี้ผมต้องมานั่งจัดการกับเอกสารคนเดียวในห้องกรรมการนักเรียนเพราะไอ้บอลกับไอ้คิทไปแข่งบาสยังไม่กลับมาส่วนไอ้ขิมก็ไปป้อเด็กหนุ่มน่ารักๆ (เนื่องจากที่นี่ไม่มีเด็กสาวให้มันขายขนมจีบ)  เฮ้อ เซ็งเป็นบ้าเลย  ชมรมที่ผมสังกัดอยู่ก็ไม่มีอะไรเพราะช่วงนี้ไม่มีงานสมาชิกชมรมจึงไม่จำเป็นต้องเข้าชมรมในช่วงนี้ก็ได้  ชมรมของผมคือชมรมแสดงละคร (ผมถูกรุ่นพี่บังคับให้เข้าตั้งแต่ม.4แล้วครับ)
     

                    เฮ้อ ช่วงนี้ไอ้บอลก็ไม่ได้เข้ามาแตะต้องตัวผมตามที่ผมสั่ง  แต่ใช่ว่าไอ้บอลจะอดทนคนเดียวนะผมก็อดทนเหมือนกัน  ผมก็อยากจะให้มันมากอดมาจูบเหมือนกันนั่นแหละ  แต่ว่าถ้าผมยอมให้มันทำเรื่อยๆ ล่ะก็...ผมเสร็จมันอีกแน่!!
     

                    โฮ่งๆๆ
     

                    เอ๊ะ? เอ่อ...เสียงเมื่อกี้...ผมหูฟาดใช่หรือไม่?
     

                    โฮ่ง! โฮ่งๆๆๆ 
     

                    เอิ๊กกกกก เสียงมันใกล้เข้ามาแล้วครับ  เฮ้ย! ทำไมถึงมีหมาอยู่แถวนี้วะ!!
     

                    ปัง!!
     

                    “ดิน!! กูพาลูกชายมาหา!” ไอ้บอลกับไอ้คิทเปิดประตูห้องกรรมการนักเรียนก่อนจะวิ่งเข้ามาพร้อมกับหมาพันธุ์โกลเด้นตัวเบ้อเริ่ม  เอาแล้วไง  เมื่อกี้คงเป็นเสียงของเจ้านี่สินะ
     

                    ตอนม.ต้น  ผมแก้เรื่องส่วนสูง แก้เรื่องเรียน แก้เรื่องพละกำลังได้  แต่สิ่งที่ผมยังแก้ไม่ได้  นั่นก็คือ...โรคกลัวหมา!!  ขนาดหมาตัวเล็กๆ ผมยังกลัว  นับประสาอะไรกับหมาตัวใหญ่แบบนี้!!
     

                    ผมนั่งนิ่ง  หน้าซีดเผือด เหงื่อไหลย้อย
     

                    “อ๊าย!! หมาใครวะ  น่ารักน่าฟัดมาก” ไอ้ขิมที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องกรรมการนักเรียนอุทานก่อนจะเข้าไปกอดเจ้าหมาตัวโตนั่น
     

                    “ดิน มันน่ารักใช่ไหมล่ะ?” ไอ้บอลพูดพลางจูงหมามาหาผม
     

                    พรวด!!
     

                    ผมลุกพรวดออกจากเก้าอี้ก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่าง “ถ้ามึงเอามันเข้ามากูโดดจริงๆ ด้วย!” ผมปีนขึ้นไปอยู่บนขอบหน้าต่าง  ห้องของพวกเราอยู่ชั้นสาม
     

                    “เฮ้ย ใจเย็น  มึงกลัวหมาเหรอ?” ไอ้บอลถามอย่างตกใจก่อนจะดึงหมากลับไป ผมพยักหน้าอย่างหวาดๆ
     

                    “ฮิ้ว ไอ้ดินกลัวหมา! ไอ้หนู วิ่งไปหามันเลยลูก” ไอ้ขิมแหกปากหัวเราะก่อนจะสั่งให้เจ้าหมานั่นวิ่งมาหาผมซึ่งมันก็ฟังคำสั่งของไอ้ขิม  แกอย่าเชื่องกับใครง่ายๆ แบบนี้สิวะ ไอ้หมาบ้า!

                    “อ๊ากกกก!!” ผมร้องลั่นก่อนจะกลั้นหายใจเตรียมกระโดดออกจากขอบหน้าต่าง
     

                    หมับ!!
     

                    แต่ไอ้บอลก็วิ่งมากอดเอวผมไว้และกระชากตัวผมให้กลับเข้ามาในห้อง  ส่วนเจ้าหมานั่นไอ้คิทดึงมันไว้ได้ทัน  เนื่องจากแรงกระชากของไอ้บอลร่างของผมจึงถลาล้มลงบนพื้นโดยมีไอ้บอลเป็นฐานรองรับ
     

                    “มันอันตรายนะดิน!!” ไอ้บอลมองผมอย่างตำหนิ  ทำไงได้ คนมันกลัวนี่หว่า  เชี่ยขิม...วันนี้มึงตายแน่!!
     

                    “ขิม!! เล่นอะไรไม่เข้าท่านะมึง!!” ไอ้คิทหันไปดุไอ้ขิมที่กำลังก้มหน้าสำนึกผิด  ผมลุกออกจากตัวไอ้บอลด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวก่อนจะกลับไปนั่งบนเก้าอี้ประธานนักเรียน  เอ้อ...เรื่องที่ผมกับไอ้บอลคบกันผมยังไม่ได้บอกไอ้คิทกับไอ้ขิมแต่ดูเหมือนพวกมันจะพอดูออก
     

                    “อ๋า! ดิน กูขอโทษนะเพื่อน” ไอ้ขิมถลามาคุกเข่าสำนึกผิดข้างๆ ผม  เห็นหน้ามันแล้วโกรธไม่ลงแฮะ

                    “ไอ้สารเลว ฮึ่ม!!” ผมหยิบแฟ้มเอกสารมาฟาดหัวมันไปหนึ่งทีจนมันร้องจ๊าก
     

                    “ดิน  มึงกลัวหมามานานรึยัง?” จู่ๆ ไอ้บอลก็ถามขึ้น  ผมสะดุ้ง  อย่าบอกนะว่ามันจำได้
     

                    “เอ๋? อื้ม ตั้งแต่เด็กๆ” ผมพยักหน้าตอบ
     

                    “เรา...เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้ไหม?” เฮือก! มันจำได้จริงๆ สินะ
     

                    “เหรอ? ไม่รู้สิ” ผมแกล้งเฉไฉ  บอกแล้วไงว่าผมจะไม่บอกเรื่องที่เราเคยเจอกันมาก่อน  ผมอายนี่ครับ
     

                    “นั่นสินะ  จะเป็นไปได้ยังไง” ไอ้บอลพึมพำคนเดียวก่อนจะทำท่าทางวัดระดับความสูง  เอ่อ...สมัยก่อนกูเตี้ยขนาดนั้นเลย?
     

                    “ทำไมเหรอ?” ผมถาม
     

                    “หืมม์ เหมือนน่ะ...”
     

                    “เหมือน??”
     

    “รักแรกของกู” ฉ่า! ใครเอาไฟมาเผาหน้าผม!!  นี่เราใจตรงกันตั้งแต่ตอนนั้นเลยเหรอ? อ๊าก! อยากตาย (ระบบความคิดรวนเพราะเขินจัด!)
     

                    “พูดงี้เดี๋ยวไอ้ดินก็หึงหรอก ฮ่าๆๆ” ไอ้คิทแซว ไอ้ขิมจึงพยักหน้าเห็นด้วย  หนอยพวกมึง! ช่างเถอะ  กูไม่หึงหรอกเพราะคนคนนั้นมันกูนี่นา  อ๊าก! ยิ่งพูดยิ่งเขิน
     

                    “หุบปากไปเลยไอ้พวกเชี่ย!!” ผมตบโต๊ะก่อนจะชี้หน้าไอ้พวกนั้นแต่พวกมันก็ยังหัวเราะกันใหญ่
     

                    “นี่ ไม่ต้องหึงหรอกนะ  เพราะ...ตอนนี้กูรักมึง” ท้ายประโยคไอ้บอลชะโงกหน้ามากระซิบที่ข้างหูของผม  หน้าผมร้อนฉ่าอีกครั้ง  มือที่กำลังคว้ารองเท้าแตะขึ้นมาหวังจะปาใส่ไอ้ขิมกับไอ้คิทชะงักไป
     

                    กูอยากจะให้มึงรู้ไว้  ไม่ว่ามึงจะรักกูตอนนั้นหรือตอนนี้...คนคนนั้นก็ยังเป็นกู  รักมึงเหมือนกันนะไอ้เจ้าแว่น!
     

     

    Special part : END

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    มาแก้ๆ

    B B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×