คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : Rule 23 : รุ่นพี่พยายามข่มขืนผมอีกแล้วครับ
ผมต้องหน้าคะมำอีกครั้งเมื่อรถเบรกอย่างกะทันหัน หมอนี่ขับมาด้วยความเร็วที่ทำให้ผมใจหายก่อนจะเบรกจนรถตวัดเมื่อมาถึงที่หมาย หมอนี่ไม่ได้พาผมกลับมาที่โรงเรียนแต่พามาที่คฤหาสน์หลังโตเหมือนวังที่ชาตินี้ทั้งชาติผมคงไม่มีทางได้มาอยู่ในที่แบบนี้แน่ เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนนี่รวยขนาดนี้เลยเหรอวะ?
“นี่นาย...อื้อ!” ขณะที่ผมกำลังจะถามว่าพามาที่นี่ทำไมหมอนั่นก็เอี้ยวตัวมาจูบผมจนผมพูดอะไรออกไปไม่ได้ ผมหลับตาแน่นก่อนจะจิกขาตัวเองเมื่อริมฝีปากถูกกัด
หมอนั่นผละออกจากผมก่อนจะเปิดประตูเพื่อออกจากรถ ผมอาศัยจังหวะนั้นรีบเปิดประตูและรีบวิ่งออกไปที่ประตูทางเข้าที่โคตรจะไกล
หมับ!! อื้อ!! หมอนั่นวิ่งมาคว้าแขนผมก่อนจะดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้ง ตัวผมถูกอ้อมแขนแข็งแรงรัดแน่นจนขยับไม่ได้
ตุบ!! เมื่อแขนผมขยับไม่ได้ผมก็กระทืบเท้าหมอนั่นจนมันร้องครางและปล่อยตัวผม ผมรีบวิ่งสุดฝีเท้าแต่สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอดเพราะผมดันสะดุดขาตัวเองจนล้มไถลไปกับพื้น
“ดื้อจังนะ!!” หมอนั่นคำรามในลำคอก่อนจะกระชากตัวผมแล้วอุ้มขึ้นพาดบ่า ผมโวยวายพลางดิ้นและทุบตีหมอนั่น บ้านหลังใหญ่แบบนี้ต้องมีแม่บ้านแน่ๆ (เหมือนในหนังไง) ผมจึงแหกปากโวยวายขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย!! อ๊าก! ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย! ช่วยผมด้วยครับ! ช่วยด้วยยยย!”
“หยุดร้องได้แล้ว ร้องให้คอแหกก็ไม่มีใครมาหรอก เพราะวันนี้ที่นี่ไม่มีใครอยู่!!” หมอนั่นบอกก่อนจะพาผมเดินขึ้นข้างบนและเข้าไปในห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องของมัน
ห้องก็หรูเว้ย เหมือนห้องในโรงแรมห้าดาวในทีวีเลย อิจฉา(อีกที)!!
ตุบ!!
ร่างผมถูกโยนลงบนที่นอนสีขาวสะอาดหนานุ่มขนาดคิงไซส์ก่อนร่างใหญ่ๆ ของหมอนั่นจะทาบทับลงมาพร้อมกับปากบางสีส้มประทับลงบนปากของผมอีกครั้ง
ผมเม้มปากและกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้หมอนั่นรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของผม หมอนั่นจึงเอามือบีบจมูกผมทำให้ผมหายใจทางจมูกไม่ได้และสุดท้ายผมก็ต้องเปิดปาก ลิ้นอุ่นร้อนที่คุ้นเคยรุกเข้ามาในปากผมอีกครั้งก่อนจะดูดดุนอย่างรุนแรงและหื่นกระหายจนผมตามไม่ทัน ริมฝีปากล่างของผมถูกงับก่อนจะถูกดึงถูกเล่นอยู่อย่างนั้นจนผมไม่มีแรงจะดิ้น อยู่ดีๆ แรงก็หดหายทำให้ผมรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปซะเฉยๆ
“อึก อื้อ พะ...พอได้แล้ว” ผมเบนหน้าหนีก่อนจะเอามือปิดปากไว้และหลับตาแน่นเพราะไม่อยากมองหน้าของไอ้คีตะ
“ไม่พอ” หมอนั่นพูดก่อนจะดึงมือผมออกและรวบตรึงไว้เหนือหัวด้วยมือเพียงข้างเดียวจากนั้นก็ก้มลงมาเลียและกัดติ่งหูผมเบาๆ ก่อนจะเริ่มซุกไซ้ซอกคอของผม ผมสะบัดหน้าไปมาอย่างต่อต้านก่อนจะถูกกัดและดูดอย่างแรงที่คอจนร่างสั่นสะท้าน
ภาพที่ผมเคยประสบสมัยม.ต้นหลั่งไหลเข้ามาในหัวจนผมรู้สึกกลัว ภาพของพี่กวินซ้อนทับภาพไอ้คีตะ เหมือน...กับตอนนั้นเลย ทำไงดี ผมต้องทำอย่างไร ตอนนี้ผมไม่มีแรงจะขัดขืนเลย ผมจะทำอย่างไรดี? ช่วยด้วย...ช่วยผมด้วย ผมกลัว!!
“พอเถอะ...ฉะ...ฉันขอร้อง” ผมเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเมื่อเสื้อถูกรั้งขึ้นจนถึงคอเผยให้เห็นร่างกายของผม หมอนั่นที่กำลังจะชิมรสจากยอดอกชะงักและมองหน้าของผมที่คาดว่าน่าจะแดงก่ำด้วยความอายและความโกรธ
เมื่อเห็นว่าหมอนั่นคลายมือที่ตรึงผมออกผมจึงดึงมือของตัวเองออกมาและลุกขึ้นถอยกรูดชิดหัวเตียง ผมชันเข่าขึ้นก่อนจะกอดเข่าตัวเองเอาไว้และก้มหน้าลง กลัว...ทำไงดี? หมอนั่นจะใช้กำลังบังคับผมอีกไหม? แต่ถึงจะหนีไปตอนนี้ผมคงหนีไม่พ้นแน่ ทำไงดี...ทำไงดี...? อีกแล้วเหรอ? นี่ผมจะถูกรุ่นพี่หักหลังความรู้สึกอีกแล้วเหรอ?
เฮือก!! สัมผัสเย็นๆ จากปลายนิ้วเรียวยาวทำให้ผมสะดุ้งแต่ก็ไม่กล้าเงยหน้าไปดู ผมก้มหน้าลงจนชิดกับเข่า จิกขาตัวเองเพื่อระงับอาการสั่นที่เกิดขึ้นกับร่างกาย แต่ทำไงดี...ผมหยุดสั่นไม่ได้เลย
“พ่อครับ ผมกลัว” ผมพึมพำออกมากับตัวเองด้วยเสียงที่สั่นเครือ “พ่อ...ช่วยด้วย...ผมกลัว พ่อ...ไม่เอาแล้ว พ่อครับ...” ผมเรียกหาพ่อทั้งๆ ที่รู้ว่าถึงเรียกไปพ่อก็ไม่อยู่ที่นี่ ผมกอดตัวเองแน่นกว่าเดิมเมื่อรู้สึกว่ามีเงาใหญ่ๆ มาทาบทับร่างของตัวเอง ผมกลัวจนสั่นไปหมด ตอนนั้นที่ถูกพี่กวินข่มเหงผมสามารถเอาตัวรอดมาได้แต่พอมีเหตุการณ์ซ้ำกันเกิดขึ้นอีกผมก็ไม่มีอารมณ์ที่จะหนี มันรู้สึกหดหู่จนไม่มีแรง ยิ่งเป็นหมอนี่ผมยิ่งกลัว...กลัวทั้งใจของมันและใจของผมเอง
หมับ!
“ขอโทษ ฉันขอโทษนะชนินทร์” ผมเบิกตากว้างเมื่อร่างกายถูกโอบกอด ผมจิกขาตัวเองแรงยิ่งขึ้น รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกายทั้งใจ
“กละ...กลัว...”
“ไม่ทำอะไรแล้ว ขอโทษ...ขอโทษ อย่ากลัวไปเลยนะ ไม่ต้องกลัว” หมอนั่นเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเหมือนกำลังปลอบโยนผมที่กำลังสั่นจนยากที่จะหยุด
แต่น่าแปลกที่ผมสงบลง
“พี่กวิน อย่าทำอะไรผม ผมกลัวแล้ว อย่า...” ผมเริ่มดิ้นอีกครั้งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เดิมๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ นิ่งซะนะชนินทร์” หมอนั่นพูดก่อนจะลูบศีรษะผมเบาๆ และนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้ผมไม่ได้ถูกพี่กวินข่มเหงแต่ผมกำลังถูกไอ้คีตะปลอบโยน ผมเอนตัวซบกับอกกว้างก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมสติให้กลับมาเหมือนเดิม
หลังจากได้สติผมก็เริ่มแผลงฤทธิ์อีกครั้ง ผมผลักไอ้คีตะออกก่อนจะตบหน้ามันฉาดใหญ่ หน้ามันหันไปตามแรงตบของผมก่อนจะค่อยๆ หันกลับมาแล้วยิ้มฝืดๆ ส่งมาให้
“ฮึ! นายมันก็ไม่ต่างจากฉันหรอก ชอบใช้กำลังเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ เผลอๆ เป็นหนักกว่าด้วยซ้ำ” ผมขบกรามก่อนจะพูดแล้วคลานลงจากเตียงไปยืนอยู่มุมห้อง
“อืม มันก็จริงอย่างที่นายพูด” หมอนั่นก้มหน้าลง
“ใช้แต่กำลังข่มเหงคนอื่นแบบนี้มันสนุกนักรึไงกัน ต่อไปนี้นายอย่าเข้ามาใกล้ฉันอีกเลย ได้โปรด!” ผมกระแทกเสียง ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งรู้สึกเจ็บแปล๊บในใจทุกครั้ง
“ฉันทำไม่ได้” หมอนั่นพูดเสียงเบา
“โอเค ถ้านายทำไม่ได้ฉันจะทำเอง!” ผมพูดก่อนจะเดินกระแทกเท้าไปที่หน้าประตูเพื่อจะหนีออกจากที่แห่งนี้
“ถ้านายก้าวออกจากห้องของฉันแม้แต่ก้าวเดียว ฉันจะทำให้นายเป็นของฉันอย่างเต็มตัว” หมอนั่นพูดขู่ ผมชะงัก ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจอีกครั้ง
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะรีบเปิดประตูและวิ่งสุดฝีเท้า เสียงฝีเท้าของอีกคนด้านหลังทำให้ภายในใจของผมกดดันถึงขีดสุด หัวใจเต้นระรัวทั้งกลัวทั้งหวาดหวั่น ฝีเท้าของไอ้คีตะดังเข้าใกล้เรื่อยๆ ในขณะที่ผมก็รีบสับขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ และสุดท้าย...กูก็ตกบันได
อีกสามขั้นผมก็จะลงถึงพื้นเรียบๆ ได้อย่างสวัสดิภาพแต่แล้วผมก็สะดุดขั้นบันไดล้มกระแทกพื้นก่อนจะกลิ้งหลายตลบบนพรมสีขาวที่ปูอยู่ทั่วบ้าน บ้านไอ้หมอนี่ปูพรมเสียทั่วบ้านเลย ไฮโซจริงๆ
เมื่อเห็นว่าผมนอนแผ่อยู่บนพื้นไอ้คีตะก็ไม่รีรอรีบมาคร่อมตัวผมไว้ ผมเบิกตากว้างด้วยความกลัว ทำอะไรไม่ถูก คราวนี้...ผมไม่รอดแน่
“เป็นของฉันเถอะชนินทร์” ไอ้คีตะก้มลงมากระซิบที่ปลายหูก่อนจะไล้เลียเบาๆ ผมหลับตาปี๋และจิกพื้นแน่น แม้ผมจะตัวสั่นแต่ดูเหมือนหมอนี่จะไม่ยอมหยุด “ฉันจะอ่อนโยนกับนาย”
ไอ้คีตะดึงเสื้อผมขึ้นจนถึงคอก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างบีบเค้นส่วนเอวของผมก่อนจะเลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่หน้าอก หมอนั่นบีบหน้าอกของผมก่อนจะสะกิดยอดเบา ร่างของผมกระตุกก่อนเสียงที่ไม่น่าจะใช่ของผมจะดังขึ้น
“อ๊ะ!” เฮือก!! นี่มันไม่ใช่เสียงของผมใช่ไหม? ผมร้องออกไปแบบนั้นได้ยังไง!?!
หมอนั่นผละออกจากการนัวเนียอยู่ที่คอของผมก่อนจะเลื่อนหน้าลงมาตรงหน้าอกของผมแล้วใช้ลิ้นเล่นกับหน้าอกก่อนจะทั้งขบกัดและดูดดุน สัมผัสที่ไม่เคยได้รับมาก่อนทำให้ผมขนลุกวาบไปทั้งกาย ร่างที่สั่นอยู่แล้วสั่นมากกว่าเดิมเสียอีก
“อ๊ะ อ๊ะ พะ...พอ...หยุด!” ผมพยายามจะดันใบหน้าของมันออกจากผม ไม่ไหวแล้ว...กลัวเหลือเกิน
“หน้ากับเสียงเชิญชวนขนาดนี้ หยุดไม่ได้แล้วล่ะ” หมอนั่นแสยะยิ้มก่อนจะสอดมือเข้าไปในกางเกงของผม ผมสะดุ้งเฮือกด้วยความรู้สึกที่แปลกออกไป
ผมดิ้นไปสักพักก่อนจะหยุดนิ่งไปเพราะไร้เรี่ยวแรงที่จะต้านทาน ผมกัดริมฝีปากจนเลือดไหลเพื่อกลั้นเสียงที่เกิดขึ้นจากการถูกเล้าโลม เมื่อเห็นว่าผมนิ่งไปหมอนั่นก็เงยหน้าขึ้นมามองผม ผมเอาแต่จ้องไปที่จุดๆ หนึ่งอยู่บนเพดานไม่ละสายตาไปไหนเหมือนคนเหม่อลอย ผมไม่อยาก...มองอะไรอีกแล้ว
“อึ๊ อึ๊” ผมเผลอครางออกมาอีกครั้งเมื่อหมอนั่นช่วยให้ผมเสร็จกิจ ดูเหมือนว่ามันจะไม่สนใจเลยว่าผมกลัวมากแค่ไหน ถึงจะรู้สึกดีที่ได้ปลดปล่อยแต่แบบนี้ผมไม่เอาด้วยหรอก ผมกลัวจริงๆ นะ
หมอนั่นถอนหายใจก่อนจะดึงผมไปนั่งบนตักและกอดเอาไว้ ตัวผมเหมือนจะจมหายไปในอ้อมกอดของหมอนั่นเพราะขนาดตัวของเรามันต่างกันมาก
“ทำให้มันเสร็จๆ ไปเลยดีไหม? มาถึงขั้นนี้แล้ว” ผมพูดเสียงเย็น สายตาของผมยังโฟกัสอยู่ที่จุดๆ เดิมเหมือนคนเลื่อนลอย
“ตัวสั่นขนาดนี้ฉันคงทำต่อไม่ได้” หมอนั่นพูดเบาๆ อยู่ที่ข้างหู
“ห่วงเรื่องนั้นด้วยเหรอ? ทำสิ ทำเลย ทำให้ฉันรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ไม่อาจลืมไปชั่วชีวิตหน่อยสิ ฉันจะได้จำมันไว้เป็นบทเรียนว่าอย่าเชื่อใจใครง่ายๆ” ผมพูดพลางหัวเราะอย่างสมเพชตัวเอง
“ถ้านายยืนยันแบบนั้น...” หมอนั่นจับตัวผมกดลงบนพื้นอีกครั้ง ผมสะดุ้งเบิกตากว้าง ท้าเขาเองสุดท้ายตัวเองก็ต้องมาเสียใจอยู่แบบนี้
หมอนั่นเบิกตาอย่างตกใจก่อนจะผละออกจากผม นั่นอาจจะเป็นเพราะ...ความอ่อนแอของผมมันขับให้น้ำตาไหลออกมาน่ะสิ ทั้งๆ ที่ยังเบิกตากว้างอยู่แท้ๆ แต่สุดท้ายก็ไหลออกมา ผมคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งและเข้มแข็งมาโดยตลอด ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะอ่อนแอขนาดนี้
“ไม่ทำเหรอ ฮึๆ รังเกียจใช่ไหมล่ะ? เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่กลับร้องไห้แบบนี้ มันน่ารังเกียจชะมัดเลย ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะทั้งน้ำตา ความรู้สึกตอนนี้มันผสมปนเปกันไปหมด
“ชิ!!” หมอนั่นฟาดมือลงบนพื้นอย่างเจ็บใจ
“นี่...ไม่อยากทำแล้วเหรอ? อ้อ นั่นสินะ ฉันมันเป็นผู้ชายจะให้ทำได้อย่างไรล่ะเนอะ ฮ่าๆ” ผมพูด รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองบ้าไปแล้ว ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ผมไม่ได้อยากทำแต่ที่พูดออกไปแบบนั้นเพราะผมประชดความอ่อนแอที่น่ารังเกียจของตัวเอง
“นายอย่าประชดฉันนักจะได้ไหม!?!” หมอนั่นตะคอกก่อนจะคร่อมผม มันจ้องหน้าผมก่อนจะก้มลงมาจูบอย่างดุดัน ฮึก กูไม่น่าท้ามันเลย มันดึงทึ้งเสื้อของผมทำให้เสื้อผมหลุดออกไป เมื่อหลุดออกไปกางเกงของผมก็ถูกดึงลงด้วย ผมหลับตาปี๋รอรับชะตากรรมของตัวเอง
เสียงรูดซิบกางเกงลงทำให้ผมลืมตาขึ้น นี่มันเอาจริงใช่ไหม? และสิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาของผมทำให้ผมลมแทบจับ ตัวใหญ่ไม่พอตรงนั้นยังใหญ่ด้วย!! แถมขนตรงนั้นยังเป็นสีอ่อนๆ อีกต่างหาก ณ เวลานี้ ผมควรอิจฉาหมอนี่หรือควรสงสารตัวเอง?
“นายท้าฉันเองนะ” หมอนั่นพูดก่อนจะจับขาของผมให้แยกออกจากกันแล้วแทรกตัวเข้ามา ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้หน้าตาผมเป็นอย่างไรผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมกลัวมาก กลัวกว่าตอนพี่กวินด้วยซ้ำ ผมเอาตัวรอดจากสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้เลย
“ฮึก อือ ฮือ” ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าก่อนจะสะอื้นตัวโยน ก็ผมกลัวนี่ครับ
ปึงๆๆๆ
หมอนั่นที่กำลังจะรุกผมหยุดชะงักเมื่อเสียงทุบประตูดังขึ้น ไม่ได้เคาะนะครับ ทุบเลย จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีที่ไอ้คีตะมันล็อคประตูหน้าบ้านไว้ทำให้คนข้างนอกไม่เข้ามาเห็นเราในสภาพแบบนี้
“ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย” หมอนั่นหยิบกางเกงมาให้ผมก่อนตัวเองจะสวมเสื้อให้ ผมปัดมือหมอนั่นออกก่อนจะสวมเสื้อเองหมอนั่นจึงหันไปรูดซิบกางเกงตัวเองขึ้น
แอ๊ด
“คิทตี้!! เฮีย!! ทำให้เพื่อนผมร้องไห้อีกแล้วนะ!!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นก่อนร่างสูงคุ้นตาจะปรากฏแก่สายตาของผม
ไอ้วา!! ไอ้วามาช่วยผมแล้ว โฮ!! โคตรดีใจเลย
“ไอ้วา” ผมเบ้ปากร้องไห้หนักกว่าเดิมก่อนจะวิ่งไปหลบด้านหลังไอ้วา ครั้งนี้ไอ้วามาคนเดียวพวกเพื่อนๆ คนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย สงสัยเจ๊พริมไปบอกล่ะมั้งว่าผมถูกไอ้หมอนี่ลากมา
“คิทตี้ ไม่เป็นไรนะ วามาช่วยแล้ว” ไอ้วาจับมือผมไว้
“ฮือ ทำไมมึงมาช้าล่ะ ฮึก! กูกลัวแทบตาย!” ผมร้องไห้โฮก่อนจะซบหน้าลงบนไหล่ไอ้วา
“ไม่ต้องกลัวนะคิทตี้ ต่อจากนี้วาจะปกป้องคิทตี้เอง” ไอ้วาพูดอย่างอ่อนโยน ผมปล่อยโฮก่อนจะกอดไอ้วาไว้แน่น เมื่อมีคนมาปลอบผมยิ่งร้องไห้หนักเพื่อระบายความอัดอั้นภายในใจ
“วา กูทนไม่ไหวแล้ว กูไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากไปโรงเรียนอีกแล้ว” ผมสะอื้นฮัก
“กลับกันเถอะคิทตี้ ทุกคนรออยู่นะ” ไอ้วายิ้มก่อนจะโอบไหล่ผมไว้หลวมๆ
“เฮ้ย! มึงมีสิทธิอะไรมาแตะต้องชนินทร์ มึงปล่อยนะวา” ไอ้คีตะตะคอกขณะที่พวกเรากำลังจะเดินออกจากบ้าน
“เฮียนั่นแหละมีสิทธิอะไร คิทตี้ไม่เหมือนคนอื่นๆ นะที่จะยอมพลีกายเพราะอยากให้เฮียสัมผัสน่ะ เขาไม่ไร้ค่าเหมือนคนคนนั้น” ไอ้วาพูด คนคนนั้น?
“วา มึงอย่าลามปามถึงกิ๋งนะ!” อึก! หมอนี่กับอาจารย์...
“ผมแค่พูดความจริง เฮียมีเธออยู่แล้วเพราะงั้นอย่ามายุ่งกับคนคนนี้ ถ้าเฮียไม่คิดจะให้ความสำคัญกับคิทตี้เฮียก็อย่ามายุ่งเพราะผมให้ความสำคัญกับเขามาก!!” ไอ้วาตวาดกลับ วา...ทำไมมึงถึงดีกับกูขนาดนี้ทั้งๆ ที่กูไม่เคยมองมึงเลย พอคิดได้แบบนี้น้ำตาของผมก็ไหลออกมาอีกระลอกใหญ่
“ทำไมกูจะไม่ให้ความสำคัญ นี่คือวิธีการของกู” ไอ้คีตะพูด
“เฮีย...เฮียน่ะชอบผู้หญิง เฮียไม่เคยยุ่งกับผู้ชายเลย ผมไม่เชื่อว่าเฮียจะชอบคิทตี้จริงๆ” กูก็คิดอย่างนั้น
“ใจคนมันเปลี่ยนกันได้นี่และวันนี้กูก็ชอบชนินทร์จริงๆ”
“เฮียเอาครูกิ๋งไปไว้ไหน” หัวใจผมกระตุกเมื่อได้ยินคำถามนี้ ไอ้หมอนี่มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับอาจารย์จริงๆ หรือนี่?
“...”
“ถ้าเฮียชอบคิทตี้จริงๆ เฮียจะเลิกยุ่งกับครูได้ไหมล่ะ?”
“...”
“นั่นไง เฮียตอบไม่ได้” พูดจบไอ้วาก็จูงมือผมออกจากบ้านหลังนั้นทันที และเราก็ขึ้นแท็กซี่กลับมาที่บ้านที่มีคนที่ผมเชื่อใจอย่างแท้จริงรอต้อนรับผมอย่างอบอุ่น
ผมนั่งซึมทั้งๆ ที่อาหารตรงหน้าออกจะอร่อยและเป็นอาหารที่พวกเราตั้งใจทำขึ้นมา คนรอบข้างผมพยายามจะทำให้ผมสนุกไปด้วยแต่ผมก็ได้แต่ยิ้มฝืนๆ ออกไป
“คิท ไปล้างหน้าล้างตาแล้วค่อยมากินใหม่ไป” พ่อบอกเมื่อเห็นผมเอาแต่เขี่ยข้าวไม่พูดไม่จาจนเพื่อนๆ หงอยตามไปด้วย
“ครับพ่อ” ผมพยักหน้าก่อนจะวางช้อนลงและลุกไปล้างหน้าล้างตา เฮ่อ วันนี้มึงต้องทำตัวให้สนุกร่าเริงสิวะไอ้ชนินทร์ เพื่อนอุตส่าห์มาบ้านทั้งที ล้างความไม่สบายใจออกไปพร้อมกับคราบสกปรกบนหน้าเลย!!
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะล้างหน้าและยิ้มให้ตัวเองในกระจก ดีมากๆ ยิ้มแบบนี้แหละชนินทร์!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาแก้จ้า
ความคิดเห็น