ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not gay!! แต่คนที่ชอบบังเอิญเป็นผู้ชาย (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #29 : Rule 23 : รุ่นพี่พยายามข่มขืนผมอีกแล้วครับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.64K
      26
      26 มี.ค. 56

    Rule 23 : รุ่นพี่พยายามข่มขืนผมอีกแล้วครับ



     

     

                    ผมต้องหน้าคะมำอีกครั้งเมื่อรถเบรกอย่างกะทันหัน  หมอนี่ขับมาด้วยความเร็วที่ทำให้ผมใจหายก่อนจะเบรกจนรถตวัดเมื่อมาถึงที่หมาย  หมอนี่ไม่ได้พาผมกลับมาที่โรงเรียนแต่พามาที่คฤหาสน์หลังโตเหมือนวังที่ชาตินี้ทั้งชาติผมคงไม่มีทางได้มาอยู่ในที่แบบนี้แน่  เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนนี่รวยขนาดนี้เลยเหรอวะ?

                    “นี่นาย...อื้อ!” ขณะที่ผมกำลังจะถามว่าพามาที่นี่ทำไมหมอนั่นก็เอี้ยวตัวมาจูบผมจนผมพูดอะไรออกไปไม่ได้  ผมหลับตาแน่นก่อนจะจิกขาตัวเองเมื่อริมฝีปากถูกกัด
     

                    หมอนั่นผละออกจากผมก่อนจะเปิดประตูเพื่อออกจากรถ  ผมอาศัยจังหวะนั้นรีบเปิดประตูและรีบวิ่งออกไปที่ประตูทางเข้าที่โคตรจะไกล
     

                    หมับ!! อื้อ!!  หมอนั่นวิ่งมาคว้าแขนผมก่อนจะดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้ง  ตัวผมถูกอ้อมแขนแข็งแรงรัดแน่นจนขยับไม่ได้
     

                    ตุบ!! เมื่อแขนผมขยับไม่ได้ผมก็กระทืบเท้าหมอนั่นจนมันร้องครางและปล่อยตัวผม  ผมรีบวิ่งสุดฝีเท้าแต่สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอดเพราะผมดันสะดุดขาตัวเองจนล้มไถลไปกับพื้น
     

                    “ดื้อจังนะ!!” หมอนั่นคำรามในลำคอก่อนจะกระชากตัวผมแล้วอุ้มขึ้นพาดบ่า  ผมโวยวายพลางดิ้นและทุบตีหมอนั่น  บ้านหลังใหญ่แบบนี้ต้องมีแม่บ้านแน่ๆ (เหมือนในหนังไง) ผมจึงแหกปากโวยวายขอความช่วยเหลือ
     

                    “ช่วยด้วย!!  อ๊าก! ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย! ช่วยผมด้วยครับ! ช่วยด้วยยยย!

                    “หยุดร้องได้แล้ว  ร้องให้คอแหกก็ไม่มีใครมาหรอก  เพราะวันนี้ที่นี่ไม่มีใครอยู่!!” หมอนั่นบอกก่อนจะพาผมเดินขึ้นข้างบนและเข้าไปในห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องของมัน
     

                    ห้องก็หรูเว้ย  เหมือนห้องในโรงแรมห้าดาวในทีวีเลย  อิจฉา(อีกที)!!
     

                    ตุบ!!
     

    ร่างผมถูกโยนลงบนที่นอนสีขาวสะอาดหนานุ่มขนาดคิงไซส์ก่อนร่างใหญ่ๆ ของหมอนั่นจะทาบทับลงมาพร้อมกับปากบางสีส้มประทับลงบนปากของผมอีกครั้ง
     

    ผมเม้มปากและกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้หมอนั่นรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของผม  หมอนั่นจึงเอามือบีบจมูกผมทำให้ผมหายใจทางจมูกไม่ได้และสุดท้ายผมก็ต้องเปิดปาก  ลิ้นอุ่นร้อนที่คุ้นเคยรุกเข้ามาในปากผมอีกครั้งก่อนจะดูดดุนอย่างรุนแรงและหื่นกระหายจนผมตามไม่ทัน  ริมฝีปากล่างของผมถูกงับก่อนจะถูกดึงถูกเล่นอยู่อย่างนั้นจนผมไม่มีแรงจะดิ้น  อยู่ดีๆ แรงก็หดหายทำให้ผมรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปซะเฉยๆ
     

    “อึก อื้อ  พะ...พอได้แล้ว” ผมเบนหน้าหนีก่อนจะเอามือปิดปากไว้และหลับตาแน่นเพราะไม่อยากมองหน้าของไอ้คีตะ
     

    “ไม่พอ” หมอนั่นพูดก่อนจะดึงมือผมออกและรวบตรึงไว้เหนือหัวด้วยมือเพียงข้างเดียวจากนั้นก็ก้มลงมาเลียและกัดติ่งหูผมเบาๆ ก่อนจะเริ่มซุกไซ้ซอกคอของผม  ผมสะบัดหน้าไปมาอย่างต่อต้านก่อนจะถูกกัดและดูดอย่างแรงที่คอจนร่างสั่นสะท้าน
     

    ภาพที่ผมเคยประสบสมัยม.ต้นหลั่งไหลเข้ามาในหัวจนผมรู้สึกกลัว  ภาพของพี่กวินซ้อนทับภาพไอ้คีตะ  เหมือน...กับตอนนั้นเลย  ทำไงดี  ผมต้องทำอย่างไร  ตอนนี้ผมไม่มีแรงจะขัดขืนเลย  ผมจะทำอย่างไรดี?  ช่วยด้วย...ช่วยผมด้วย  ผมกลัว!!

    “พอเถอะ...ฉะ...ฉันขอร้อง” ผมเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเมื่อเสื้อถูกรั้งขึ้นจนถึงคอเผยให้เห็นร่างกายของผม  หมอนั่นที่กำลังจะชิมรสจากยอดอกชะงักและมองหน้าของผมที่คาดว่าน่าจะแดงก่ำด้วยความอายและความโกรธ
     

    เมื่อเห็นว่าหมอนั่นคลายมือที่ตรึงผมออกผมจึงดึงมือของตัวเองออกมาและลุกขึ้นถอยกรูดชิดหัวเตียง  ผมชันเข่าขึ้นก่อนจะกอดเข่าตัวเองเอาไว้และก้มหน้าลง  กลัว...ทำไงดี? หมอนั่นจะใช้กำลังบังคับผมอีกไหม?  แต่ถึงจะหนีไปตอนนี้ผมคงหนีไม่พ้นแน่  ทำไงดี...ทำไงดี...?  อีกแล้วเหรอ? นี่ผมจะถูกรุ่นพี่หักหลังความรู้สึกอีกแล้วเหรอ?
     

    เฮือก!! สัมผัสเย็นๆ จากปลายนิ้วเรียวยาวทำให้ผมสะดุ้งแต่ก็ไม่กล้าเงยหน้าไปดู  ผมก้มหน้าลงจนชิดกับเข่า  จิกขาตัวเองเพื่อระงับอาการสั่นที่เกิดขึ้นกับร่างกาย  แต่ทำไงดี...ผมหยุดสั่นไม่ได้เลย
     

    “พ่อครับ ผมกลัว” ผมพึมพำออกมากับตัวเองด้วยเสียงที่สั่นเครือ “พ่อ...ช่วยด้วย...ผมกลัว  พ่อ...ไม่เอาแล้ว พ่อครับ...” ผมเรียกหาพ่อทั้งๆ ที่รู้ว่าถึงเรียกไปพ่อก็ไม่อยู่ที่นี่  ผมกอดตัวเองแน่นกว่าเดิมเมื่อรู้สึกว่ามีเงาใหญ่ๆ มาทาบทับร่างของตัวเอง  ผมกลัวจนสั่นไปหมด  ตอนนั้นที่ถูกพี่กวินข่มเหงผมสามารถเอาตัวรอดมาได้แต่พอมีเหตุการณ์ซ้ำกันเกิดขึ้นอีกผมก็ไม่มีอารมณ์ที่จะหนี  มันรู้สึกหดหู่จนไม่มีแรง  ยิ่งเป็นหมอนี่ผมยิ่งกลัว...กลัวทั้งใจของมันและใจของผมเอง
     

    หมับ!
     

    “ขอโทษ  ฉันขอโทษนะชนินทร์” ผมเบิกตากว้างเมื่อร่างกายถูกโอบกอด  ผมจิกขาตัวเองแรงยิ่งขึ้น  รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกายทั้งใจ
     

    “กละ...กลัว...”
     

    “ไม่ทำอะไรแล้ว  ขอโทษ...ขอโทษ  อย่ากลัวไปเลยนะ  ไม่ต้องกลัว” หมอนั่นเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเหมือนกำลังปลอบโยนผมที่กำลังสั่นจนยากที่จะหยุด
     

    แต่น่าแปลกที่ผมสงบลง
     

    “พี่กวิน อย่าทำอะไรผม  ผมกลัวแล้ว  อย่า...” ผมเริ่มดิ้นอีกครั้งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เดิมๆ
     

    “ไม่ต้องกลัวนะ  นิ่งซะนะชนินทร์” หมอนั่นพูดก่อนจะลูบศีรษะผมเบาๆ และนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้ผมไม่ได้ถูกพี่กวินข่มเหงแต่ผมกำลังถูกไอ้คีตะปลอบโยน  ผมเอนตัวซบกับอกกว้างก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมสติให้กลับมาเหมือนเดิม



     

     

    หลังจากได้สติผมก็เริ่มแผลงฤทธิ์อีกครั้ง  ผมผลักไอ้คีตะออกก่อนจะตบหน้ามันฉาดใหญ่  หน้ามันหันไปตามแรงตบของผมก่อนจะค่อยๆ หันกลับมาแล้วยิ้มฝืดๆ ส่งมาให้
     

    “ฮึ! นายมันก็ไม่ต่างจากฉันหรอก  ชอบใช้กำลังเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ  เผลอๆ เป็นหนักกว่าด้วยซ้ำ” ผมขบกรามก่อนจะพูดแล้วคลานลงจากเตียงไปยืนอยู่มุมห้อง
     

    “อืม มันก็จริงอย่างที่นายพูด” หมอนั่นก้มหน้าลง
     

    “ใช้แต่กำลังข่มเหงคนอื่นแบบนี้มันสนุกนักรึไงกัน  ต่อไปนี้นายอย่าเข้ามาใกล้ฉันอีกเลย ได้โปรด!” ผมกระแทกเสียง  ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งรู้สึกเจ็บแปล๊บในใจทุกครั้ง
     

    “ฉันทำไม่ได้” หมอนั่นพูดเสียงเบา
     

    “โอเค ถ้านายทำไม่ได้ฉันจะทำเอง!” ผมพูดก่อนจะเดินกระแทกเท้าไปที่หน้าประตูเพื่อจะหนีออกจากที่แห่งนี้
     

    “ถ้านายก้าวออกจากห้องของฉันแม้แต่ก้าวเดียว  ฉันจะทำให้นายเป็นของฉันอย่างเต็มตัว” หมอนั่นพูดขู่  ผมชะงัก  ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจอีกครั้ง
     

    ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะรีบเปิดประตูและวิ่งสุดฝีเท้า  เสียงฝีเท้าของอีกคนด้านหลังทำให้ภายในใจของผมกดดันถึงขีดสุด  หัวใจเต้นระรัวทั้งกลัวทั้งหวาดหวั่น  ฝีเท้าของไอ้คีตะดังเข้าใกล้เรื่อยๆ ในขณะที่ผมก็รีบสับขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้  และสุดท้าย...กูก็ตกบันได
     

    อีกสามขั้นผมก็จะลงถึงพื้นเรียบๆ ได้อย่างสวัสดิภาพแต่แล้วผมก็สะดุดขั้นบันไดล้มกระแทกพื้นก่อนจะกลิ้งหลายตลบบนพรมสีขาวที่ปูอยู่ทั่วบ้าน  บ้านไอ้หมอนี่ปูพรมเสียทั่วบ้านเลย  ไฮโซจริงๆ
     

    เมื่อเห็นว่าผมนอนแผ่อยู่บนพื้นไอ้คีตะก็ไม่รีรอรีบมาคร่อมตัวผมไว้  ผมเบิกตากว้างด้วยความกลัว  ทำอะไรไม่ถูก  คราวนี้...ผมไม่รอดแน่
     

    “เป็นของฉันเถอะชนินทร์” ไอ้คีตะก้มลงมากระซิบที่ปลายหูก่อนจะไล้เลียเบาๆ  ผมหลับตาปี๋และจิกพื้นแน่น  แม้ผมจะตัวสั่นแต่ดูเหมือนหมอนี่จะไม่ยอมหยุด “ฉันจะอ่อนโยนกับนาย”
     

    ไอ้คีตะดึงเสื้อผมขึ้นจนถึงคอก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างบีบเค้นส่วนเอวของผมก่อนจะเลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่หน้าอก  หมอนั่นบีบหน้าอกของผมก่อนจะสะกิดยอดเบา  ร่างของผมกระตุกก่อนเสียงที่ไม่น่าจะใช่ของผมจะดังขึ้น
     

    “อ๊ะ!” เฮือก!! นี่มันไม่ใช่เสียงของผมใช่ไหม?  ผมร้องออกไปแบบนั้นได้ยังไง!?!
     

    หมอนั่นผละออกจากการนัวเนียอยู่ที่คอของผมก่อนจะเลื่อนหน้าลงมาตรงหน้าอกของผมแล้วใช้ลิ้นเล่นกับหน้าอกก่อนจะทั้งขบกัดและดูดดุน  สัมผัสที่ไม่เคยได้รับมาก่อนทำให้ผมขนลุกวาบไปทั้งกาย  ร่างที่สั่นอยู่แล้วสั่นมากกว่าเดิมเสียอีก
     

    “อ๊ะ อ๊ะ พะ...พอ...หยุด!” ผมพยายามจะดันใบหน้าของมันออกจากผม  ไม่ไหวแล้ว...กลัวเหลือเกิน
     

    “หน้ากับเสียงเชิญชวนขนาดนี้  หยุดไม่ได้แล้วล่ะ” หมอนั่นแสยะยิ้มก่อนจะสอดมือเข้าไปในกางเกงของผม  ผมสะดุ้งเฮือกด้วยความรู้สึกที่แปลกออกไป
     

    ผมดิ้นไปสักพักก่อนจะหยุดนิ่งไปเพราะไร้เรี่ยวแรงที่จะต้านทาน  ผมกัดริมฝีปากจนเลือดไหลเพื่อกลั้นเสียงที่เกิดขึ้นจากการถูกเล้าโลม  เมื่อเห็นว่าผมนิ่งไปหมอนั่นก็เงยหน้าขึ้นมามองผม  ผมเอาแต่จ้องไปที่จุดๆ หนึ่งอยู่บนเพดานไม่ละสายตาไปไหนเหมือนคนเหม่อลอย  ผมไม่อยาก...มองอะไรอีกแล้ว
     

    “อึ๊ อึ๊” ผมเผลอครางออกมาอีกครั้งเมื่อหมอนั่นช่วยให้ผมเสร็จกิจ  ดูเหมือนว่ามันจะไม่สนใจเลยว่าผมกลัวมากแค่ไหน  ถึงจะรู้สึกดีที่ได้ปลดปล่อยแต่แบบนี้ผมไม่เอาด้วยหรอก  ผมกลัวจริงๆ นะ
     

    หมอนั่นถอนหายใจก่อนจะดึงผมไปนั่งบนตักและกอดเอาไว้  ตัวผมเหมือนจะจมหายไปในอ้อมกอดของหมอนั่นเพราะขนาดตัวของเรามันต่างกันมาก
     

    “ทำให้มันเสร็จๆ ไปเลยดีไหม? มาถึงขั้นนี้แล้ว” ผมพูดเสียงเย็น  สายตาของผมยังโฟกัสอยู่ที่จุดๆ เดิมเหมือนคนเลื่อนลอย
     

    “ตัวสั่นขนาดนี้ฉันคงทำต่อไม่ได้” หมอนั่นพูดเบาๆ อยู่ที่ข้างหู
     

    “ห่วงเรื่องนั้นด้วยเหรอ? ทำสิ ทำเลย ทำให้ฉันรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ไม่อาจลืมไปชั่วชีวิตหน่อยสิ  ฉันจะได้จำมันไว้เป็นบทเรียนว่าอย่าเชื่อใจใครง่ายๆ” ผมพูดพลางหัวเราะอย่างสมเพชตัวเอง
     

    “ถ้านายยืนยันแบบนั้น...” หมอนั่นจับตัวผมกดลงบนพื้นอีกครั้ง  ผมสะดุ้งเบิกตากว้าง  ท้าเขาเองสุดท้ายตัวเองก็ต้องมาเสียใจอยู่แบบนี้
     

    หมอนั่นเบิกตาอย่างตกใจก่อนจะผละออกจากผม  นั่นอาจจะเป็นเพราะ...ความอ่อนแอของผมมันขับให้น้ำตาไหลออกมาน่ะสิ  ทั้งๆ ที่ยังเบิกตากว้างอยู่แท้ๆ แต่สุดท้ายก็ไหลออกมา  ผมคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งและเข้มแข็งมาโดยตลอด  ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะอ่อนแอขนาดนี้
     

    “ไม่ทำเหรอ ฮึๆ  รังเกียจใช่ไหมล่ะ? เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่กลับร้องไห้แบบนี้  มันน่ารังเกียจชะมัดเลย  ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะทั้งน้ำตา  ความรู้สึกตอนนี้มันผสมปนเปกันไปหมด
     

    “ชิ!!” หมอนั่นฟาดมือลงบนพื้นอย่างเจ็บใจ
     

    “นี่...ไม่อยากทำแล้วเหรอ?  อ้อ นั่นสินะ ฉันมันเป็นผู้ชายจะให้ทำได้อย่างไรล่ะเนอะ ฮ่าๆ” ผมพูด  รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองบ้าไปแล้ว  ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ  ผมไม่ได้อยากทำแต่ที่พูดออกไปแบบนั้นเพราะผมประชดความอ่อนแอที่น่ารังเกียจของตัวเอง
     

    “นายอย่าประชดฉันนักจะได้ไหม!?!” หมอนั่นตะคอกก่อนจะคร่อมผม  มันจ้องหน้าผมก่อนจะก้มลงมาจูบอย่างดุดัน  ฮึก กูไม่น่าท้ามันเลย  มันดึงทึ้งเสื้อของผมทำให้เสื้อผมหลุดออกไป  เมื่อหลุดออกไปกางเกงของผมก็ถูกดึงลงด้วย  ผมหลับตาปี๋รอรับชะตากรรมของตัวเอง
     

    เสียงรูดซิบกางเกงลงทำให้ผมลืมตาขึ้น  นี่มันเอาจริงใช่ไหม?  และสิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาของผมทำให้ผมลมแทบจับ  ตัวใหญ่ไม่พอตรงนั้นยังใหญ่ด้วย!!  แถมขนตรงนั้นยังเป็นสีอ่อนๆ อีกต่างหาก  ณ เวลานี้  ผมควรอิจฉาหมอนี่หรือควรสงสารตัวเอง?
     

    “นายท้าฉันเองนะ” หมอนั่นพูดก่อนจะจับขาของผมให้แยกออกจากกันแล้วแทรกตัวเข้ามา  ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้หน้าตาผมเป็นอย่างไรผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมกลัวมาก  กลัวกว่าตอนพี่กวินด้วยซ้ำ  ผมเอาตัวรอดจากสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้เลย
     

    “ฮึก อือ ฮือ” ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าก่อนจะสะอื้นตัวโยน  ก็ผมกลัวนี่ครับ



     

     

    ปึงๆๆๆ
     

    หมอนั่นที่กำลังจะรุกผมหยุดชะงักเมื่อเสียงทุบประตูดังขึ้น  ไม่ได้เคาะนะครับ  ทุบเลย  จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีที่ไอ้คีตะมันล็อคประตูหน้าบ้านไว้ทำให้คนข้างนอกไม่เข้ามาเห็นเราในสภาพแบบนี้
     

    “ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย” หมอนั่นหยิบกางเกงมาให้ผมก่อนตัวเองจะสวมเสื้อให้  ผมปัดมือหมอนั่นออกก่อนจะสวมเสื้อเองหมอนั่นจึงหันไปรูดซิบกางเกงตัวเองขึ้น
     

    แอ๊ด
     

    “คิทตี้!! เฮีย!! ทำให้เพื่อนผมร้องไห้อีกแล้วนะ!!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นก่อนร่างสูงคุ้นตาจะปรากฏแก่สายตาของผม
     

    ไอ้วา!! ไอ้วามาช่วยผมแล้ว  โฮ!! โคตรดีใจเลย
     

    “ไอ้วา” ผมเบ้ปากร้องไห้หนักกว่าเดิมก่อนจะวิ่งไปหลบด้านหลังไอ้วา  ครั้งนี้ไอ้วามาคนเดียวพวกเพื่อนๆ คนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย  สงสัยเจ๊พริมไปบอกล่ะมั้งว่าผมถูกไอ้หมอนี่ลากมา
     

    “คิทตี้ ไม่เป็นไรนะ  วามาช่วยแล้ว” ไอ้วาจับมือผมไว้
     

    “ฮือ  ทำไมมึงมาช้าล่ะ ฮึก! กูกลัวแทบตาย!” ผมร้องไห้โฮก่อนจะซบหน้าลงบนไหล่ไอ้วา
     

    “ไม่ต้องกลัวนะคิทตี้  ต่อจากนี้วาจะปกป้องคิทตี้เอง” ไอ้วาพูดอย่างอ่อนโยน  ผมปล่อยโฮก่อนจะกอดไอ้วาไว้แน่น  เมื่อมีคนมาปลอบผมยิ่งร้องไห้หนักเพื่อระบายความอัดอั้นภายในใจ
     

    “วา กูทนไม่ไหวแล้ว  กูไม่อยากอยู่ที่นี่  ไม่อยากไปโรงเรียนอีกแล้ว” ผมสะอื้นฮัก
     

    “กลับกันเถอะคิทตี้  ทุกคนรออยู่นะ” ไอ้วายิ้มก่อนจะโอบไหล่ผมไว้หลวมๆ
     

    “เฮ้ย! มึงมีสิทธิอะไรมาแตะต้องชนินทร์  มึงปล่อยนะวา” ไอ้คีตะตะคอกขณะที่พวกเรากำลังจะเดินออกจากบ้าน
     

    “เฮียนั่นแหละมีสิทธิอะไร  คิทตี้ไม่เหมือนคนอื่นๆ นะที่จะยอมพลีกายเพราะอยากให้เฮียสัมผัสน่ะ  เขาไม่ไร้ค่าเหมือนคนคนนั้น” ไอ้วาพูด  คนคนนั้น?
     

    “วา มึงอย่าลามปามถึงกิ๋งนะ!” อึก! หมอนี่กับอาจารย์...
     

    “ผมแค่พูดความจริง  เฮียมีเธออยู่แล้วเพราะงั้นอย่ามายุ่งกับคนคนนี้  ถ้าเฮียไม่คิดจะให้ความสำคัญกับคิทตี้เฮียก็อย่ามายุ่งเพราะผมให้ความสำคัญกับเขามาก!!” ไอ้วาตวาดกลับ  วา...ทำไมมึงถึงดีกับกูขนาดนี้ทั้งๆ ที่กูไม่เคยมองมึงเลย  พอคิดได้แบบนี้น้ำตาของผมก็ไหลออกมาอีกระลอกใหญ่
     

    “ทำไมกูจะไม่ให้ความสำคัญ  นี่คือวิธีการของกู” ไอ้คีตะพูด
     

    “เฮีย...เฮียน่ะชอบผู้หญิง  เฮียไม่เคยยุ่งกับผู้ชายเลย  ผมไม่เชื่อว่าเฮียจะชอบคิทตี้จริงๆ” กูก็คิดอย่างนั้น
     

    “ใจคนมันเปลี่ยนกันได้นี่และวันนี้กูก็ชอบชนินทร์จริงๆ”
     

    “เฮียเอาครูกิ๋งไปไว้ไหน” หัวใจผมกระตุกเมื่อได้ยินคำถามนี้  ไอ้หมอนี่มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับอาจารย์จริงๆ หรือนี่?
     

    “...”
     

    “ถ้าเฮียชอบคิทตี้จริงๆ เฮียจะเลิกยุ่งกับครูได้ไหมล่ะ?”
     

    “...”
     

    “นั่นไง  เฮียตอบไม่ได้” พูดจบไอ้วาก็จูงมือผมออกจากบ้านหลังนั้นทันที  และเราก็ขึ้นแท็กซี่กลับมาที่บ้านที่มีคนที่ผมเชื่อใจอย่างแท้จริงรอต้อนรับผมอย่างอบอุ่น



     

     

    ผมนั่งซึมทั้งๆ ที่อาหารตรงหน้าออกจะอร่อยและเป็นอาหารที่พวกเราตั้งใจทำขึ้นมา  คนรอบข้างผมพยายามจะทำให้ผมสนุกไปด้วยแต่ผมก็ได้แต่ยิ้มฝืนๆ ออกไป
     

    “คิท ไปล้างหน้าล้างตาแล้วค่อยมากินใหม่ไป” พ่อบอกเมื่อเห็นผมเอาแต่เขี่ยข้าวไม่พูดไม่จาจนเพื่อนๆ หงอยตามไปด้วย
     

    “ครับพ่อ” ผมพยักหน้าก่อนจะวางช้อนลงและลุกไปล้างหน้าล้างตา  เฮ่อ วันนี้มึงต้องทำตัวให้สนุกร่าเริงสิวะไอ้ชนินทร์  เพื่อนอุตส่าห์มาบ้านทั้งที  ล้างความไม่สบายใจออกไปพร้อมกับคราบสกปรกบนหน้าเลย!!
     

    ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะล้างหน้าและยิ้มให้ตัวเองในกระจก  ดีมากๆ ยิ้มแบบนี้แหละชนินทร์!

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    มาแก้จ้า

    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×