ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not gay!! แต่คนที่ชอบบังเอิญเป็นผู้ชาย (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #30 : Rule 24 : ลาออกดีมั้ยนะ??

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.92K
      25
      26 มี.ค. 56

    Rule 24 : ลาออกดีมั้ยนะ??




     

    ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มทำให้คนข้างนอกยิ้มตามไปด้วย  เรื่องอะไรผมจะต้องเอาเรื่องไอ้บ้านี่มาเก็บให้รกสมองด้วย

    หลังจากทานข้าวเสร็จพวกผมก็เก็บกวาดและขึ้นไปเล่นไพ่กันด้านบนโดยมีพ่อเป็นแกนนำ  โฮก พ่อผม!! พ่อพาลูกเล่นไพ่  เจริญล่ะครับประเทศไทย
     

    “ป๊ะป๋าเป็นเจ้ามือนะครับ” ไอ้วาพูดพลางยื่นสำรับไพ่ที่พกมาด้วยให้พ่อ  พ่อพยักหน้าก่อนจะยิ้มกริ่ม
     

    “ป๊าโชคดีนะจะบอกให้” พ่อยิ้ม
     

    “จัดเลยครับป๊า” ไอ้วาเองก็ยิ้มสู้  ตอนเล่นไพ่กับพวกพี่จิ้นไอ้วายังไม่เคยโดนกินเลยซักครั้งแสดงว่าดวงมันดีมากเลยทีเดียว
     

    หลังจากเล่นไปได้เกือบสิบครั้งพวกผมก็ต้องบอกให้เปลี่ยนเจ้ามือเพราะพ่อผมได้กินตลอดเลย  ขนาดไอ้วาที่ว่าดวงดียังโดนกินไปด้วย
     

    “พ่อโกงใช่ไหม?” ผมถาม  มันชักจะแปลกๆ แล้วนะ
     

    “ฮึๆ ไม่ได้โกง บอกแล้วว่าป๊ะป๋าดวงดี” พ่อยิ้มพลางชูเงินที่ได้จากพวกผมขึ้นเหมือนจะอวด
     

    “ป๊าเลิกเล่นเถอะครับ  พวกผมจะหมดตัวอยู่แล้ว” ไอ้มินทร์บ่นพลางทิ้งไพ่ในมือลงเมื่อรู้ว่ายังไงก็ไม่ชนะ
     

    “ฮ่าๆๆ เลิกก็ได้ๆ” พ่อผมพูดพลางขยับออกจากวงไพ่เพื่อเปลี่ยนมาเป็นคนดูแทน
     

    แม้พ่อจะเลิกเล่นไปแล้วแต่คนที่ได้เงินก็ไม่ใช่ผมอยู่ดี  โธ่ ทำไมผมถึงไม่มีโชคเหมือนพ่อล่ะ   นี่ผมเป็นลูกคนข้างบ้านหรือเปล่าเนี่ย? โธ่!!!



     

     

    ไม่นานพ่อก็ถูกเรียกตัวออกไปเพราะมีเคสผ่าตัดพิเศษเข้ามา  พอพ่อผมออกไปไม่รู้ทำไมผมถึงเริ่มได้เงิน  สงสัยเพราะมีคนดวงดีมาอยู่ข้างๆ ทำให้โชคผมหมดเพราะถูกรัศมีของพ่อบดบังล่ะสินะ



     

     

    เย็นวันอาทิตย์พวกผมก็กลับหอโดยมีพ่อไอ้พีทกับเจ๊พริมตามาส่งด้วย  เมื่อเจ๊เดินเข้ามาส่งพวกผมถึงในหอไอ้พวกเสือสิงห์แห่งโรงเรียนชายล้วนถึงกับมองตามด้วยสายตาหวานเยิ้ม  เห็นผู้หญิงแล้วลืมผู้ชายเลยนะพวกมึง ฮ่าๆๆ
     

    หลังจากที่ร่ำลากับเจ๊เรียบร้อยพวกผมก็เดินลับเข้าไปในหอและสิ่งที่ผมเจอเป็นสิ่งแรกคือไอ้คีตะที่กำลังนั่งไขว่ขาทำหน้าดุอยู่บนโซฟากลางห้องโถง  ผมทำเป็นไม่สนใจก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว  ไม่อยากมองหน้าไอ้บ้านี่เลย
     

    “ชนินทร์!” หมอนั่นเรียกชื่อผมทั้งๆ ที่ตัวเองยังนั่งเก๊กอยู่บนโซฟาอยู่เลย  เรื่องอะไรผมจะต้องไปสนใจไอ้หมอนั่นด้วย
     

    “รีบไปเถอะคิทตี้” ไอ้วากระซิบกับผมก่อนจะรุนหลังให้ผมรีบเดินขึ้นไปที่ห้องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
     

    “ชนินทร์!!!” หมอนั่นเรียกผมให้ดังกว่าเดิมทำให้คนในหอเริ่มหันมาสนใจ  ผมหยุดเดินแต่ไอ้วาพยายามจะลากผมขึ้นไปให้ได้
     

    “ไม่เป็นไรวา  กูจัดการเอง  พวกมึงขึ้นไปก่อนเลย” ผมบอกพวกเพื่อนๆ พวกมันพยักหน้ารับ “มีอะไรกับผมเหรอครับ  รุ่นพี่” ผมสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับไอ้คีตะ
     

    “อีกห้านาทีไปซ้อมที่ชมรมด้วย” หมอนั่นพูด
     

    “เข้าใจแล้วครับ” ผมพยักหน้าก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่ห้องเพื่อเอาของไปเก็บและเปลี่ยนชุด



     

     

    ผมเข้าไปในชมรมและแอบซ้อมคนเดียวเงียบๆ ตอนนี้ผมรู้สึกเข้าหน้าพี่บอลไม่ติดเพราะผมเพิ่งไปก่อเรื่องให้พี่แกปวดหัวมา  พรุ่งนี้ผมจะต้องไปเจอกับทีมที่ผมจะต้องเอาชนะให้ได้  ไม่รู้ผมจะได้ลงเล่นหรือเปล่า  ผมว่าผมไม่ได้ลงแน่เลย  เพราะหน้าผมยังช้ำไม่หายมันอาจจะส่งผลกระทบต่อการเล่นบาสด้วยก็ได้
     

    “แม่งเอ๊ย  ไม่มีกะจิตกะใจจะเล่นเลยว่ะ” ผมทรุดลงนั่งบนพื้นโรงยิมก่อนจะกอดลูกบาสไว้  รู้สึกเพลียใจจนเล่นไม่ออกเลย
     

    “คิท เป็นอะไร เล่นไหวไหม?” พี่จิ้นเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นผมไม่มีอารมณ์จะซ้อม
     

    “อ่า ไหวครับพี่  ผมแค่รู้สึกไม่ดีนิดหน่อยน่ะครับ” ผมพูดพลางลุกขึ้นโดยหยิบลูกบาสขึ้นมาด้วย
     

    “งั้นก็ดีแล้ว  พรุ่งนี้พี่จะให้คิทลงไปเล่น  ทีมนั้นเก่งใช่ย่อยเพราะฉะนั้นคิทต้องเล่นให้ดีเข้าใจไหม?” พี่จิ้นบอก  ผมได้ยินก็ยิ้มกว้าง  ผมจะได้ลงจริงๆ เหรอเนี่ย! ฮึๆ ไอ้มอส! แล้วมึงจะรู้ว่ากูพัฒนาขึ้นไปมากแค่ไหน  และกูจะไม่มีทางแพ้มึงอีก! ฮึ่ม!!!
     

    “ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ!” ผมยิ้ม
     

    “อืม ดีมาก  แมทช์นี้พี่มั่นใจว่าเราต้องชนะ  ไอ้คิทกับไอ้บอลก็ลงและพี่มั่นใจว่าคิทจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง” พี่จิ้นตบไหล่ผมก่อนจะเดินจากไป  ผมยิ้มก่อนจะฮึดขึ้นมา



     

     

    วันจันทร์
     

    ผมกับไอ้มอสยืนจ้องกันในสนามก่อนที่จะลงแข่ง  หน้าตามันยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน  ส่วนสูงเพิ่มขึ้นนิดหน่อยและดูมีกล้ามเนื้อมากขึ้น  มันแสยะยิ้มใส่ผมเหมือนจะบอกว่าผมไม่มีทางชนะมันได้อย่างแน่นอนและผมก็แสยะยิ้มกลับไปให้มัน ฮึๆ กูฝึกมาดี  มึงอย่าดูถูกกูนะเว้ย!
     

    “ฮึๆ ท่าทางทีมของโรงเรียนนี้จะตกต่ำเอาการถึงได้เอาคนอย่างมึงมาลงแข่ง” ไอ้มอสเดินมาหยุดตรงหน้าผมก่อนจะพูด  พวกพี่ๆ ที่อยู่ข้างๆ ถึงกับของขึ้นเมื่อได้ยินมันพูดแบบนั้น
     

    “ท่าทางโรงเรียนของมึงก็คงจะตกต่ำถึงได้เอาคนอย่างมึงมาลงเหมือนกัน  ไอ้มอส” ผมแสยะยิ้มไม่ยอมแพ้
     

    “นั่นสินะ  แต่คนขี้แพ้อย่างมึงเนี่ยจะได้ลงเล่นเหรอ  คงจะเหมือนตอนม.ต้นซะล่ะมั้ง  ได้เป็นแค่ตัวประกอบนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ข้างสนาม  น่าสมเพชชะมัด” มันหัวเราะเยาะ  ผมกัดฟันกรอด  ก็ที่มันพูดมาเป็นความจริงนี่นา
     

    “แล้วมึงคอยดูละกัน  ครั้งนี้กูได้ลงแน่”
     

    “ฮึๆ ไม่เปลี่ยนไปเลยนะไอ้ความมั่นใจที่แสนจะไร้ประโยชน์ของมึงเนี่ย  นิสัยบ้าๆ ของมึงไม่เข้ากับหน้าตาน่ารักแบบนี้เลยนะ ฮึๆๆ” ไอ้มอสยื่นหน้าเข้ามาก่อนจะใช้นิ้วไล้คางผมเบาๆ ผมรีบปัดมือมันออกอย่างไม่ชอบใจ
     

    “มึงก็เหมือนกัน  ชอบดูถูกคนอื่น ซักวันจะต้องเสียใจ”
     

    “โทษที คงไม่มีวันนั้น” ไอ้มอสหัวเราะร่า  ผมกำหมัดแน่น  อยากจะต่อยปากมันให้พูดไม่ได้ไปซักสามเดือนจริงๆ
     

    “พอได้แล้วมั้งมอส  ชอบดูถูกคนไม่เปลี่ยนเลยนะ” เสียงคุ้นๆ ดังขึ้นผมกับไอ้มอสจึงหันไปมอง  เมื่อรู้ว่าเป็นใครไอ้มอสถึงกับทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ  ก็คนเดียวที่มันเคยแพ้ก็คือพี่กวินนี่นา
     

    “พี่วิน มาดูด้วยเหรอ” ไอ้มอสถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจ
     

    “เออสิ  จะมาดูความพ่ายแพ้ของมึงไงมอส  อย่าดูถูกทีมนี้จะดีกว่านะ” พี่วินพูด
     

    “แล้วไง? ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่  มีแต่คนท่าทางไม่ได้เรื่อง  ดูอย่างหมอนี่สิ ตัวก็เตี้ยเหมือนเดิม จะเอาอะไรไปสู้กับคนอื่นเค้า  ที่ได้รางวัลเมื่อปีที่แล้วก็คงจะเป็นเพราะรุ่นพี่ที่จบไปแล้วล่ะมั้ง  ถ้าทีมนี้แพ้ทีมพี่แสดงว่าผมก็ชนะทีมนี้ได้ไม่ยาก” ไอ้มอสชายตามองพี่วิน  ไอ้หมอนี่มันดูถูกพี่วินคนที่มันเคยแพ้แบบหลุดลุ่ยเนี่ยนะ  ไม่เจียมตัวเอาซะเลย
     

    “ฮึ กูหวังว่ามึงจะสามารถเข้ารอบมาแข่งกับกูได้นะมอส  คิท พี่จะรอในรอบชิงนะ” พี่กวินยิ้มก่อนจะเดินหันหลังจากไป
     

    “นี่พี่วิน! พี่หมายความว่าไง  พี่ว่าผมจะเข้าไปไม่ถึงรอบชิงใช่ไหม!?!” ไอ้มอสตะโกนตามหลังพี่กวินไปอย่างเดือดดาล
     

    “เออสิ” พี่วินหันมาแสยะยิ้มก่อนจะเดินไปนั่งที่ที่นั่งคนดู



     

     

    พอเริ่มแข่งไอ้คีตะที่ปัดลูกได้ก็บุกหนักทำคะแนนตั้งแต่สิบวิแรก  สงสัยจะได้ยินที่ไอ้มอสดูถูกทีมเราไว้ก็เลยฮึด  ทั้งๆ ที่ปกติหมอนี่ไม่เน้นการเล่นแบบบุก(พี่จิ้นบอก)แต่จะเน้นการเล่นป้องกันและชู้ตระยะไกล  ส่วนคนบุกของทีมเราคือพี่บอล
     

    “อย่าให้ใครดูถูกง่ายๆ สิ” ไอ้คีตะที่วิ่งเลี้ยงบอลผ่านตัวผมพูด  ผมยืนนิ่งก่อนจะได้สติและวิ่งตามหมอนั่นไป
     

    สวบ!!
     

    ไม่รู้ไอ้คีตะมันเป็นบ้าอะไรทำไมถึงรุกหนักจนไม่มีที่ให้ผมได้โชว์  เมื่อกี้มันก็เพิ่งดังค์โชว์จนเกิดเสียงฮือฮากระหึ่มสนาม  ไอ้บ้าอ๊ย!! บาดเจ็บเสือกไม่เจียมสังขาร  หมั่นไส้จริงโว้ย!
     

    หมับ!
     

    ผมได้รับบอลอย่างไม่คาดคิดจากไอ้คีตะ  ผมนึกว่ามันจะโชว์อยู่คนเดียวเสียอีก  เมื่อได้ครองบอลผมก็เลี้ยงบอลหลบฝ่ายตรงข้ามแต่ขณะที่ผมกำลังจะชู้ตไอ้บ้ามอสก็แย่งบอลผมไป  หนอย!

    “ก็ยังกระจอก” ไอ้มอสที่ทำคะแนนได้พูดขึ้น  ผมอ่านปากมันเพราะเสียงรอบข้างดังจนกลบเสียงพวกเรา

    มึง...กูของขึ้นแล้วนะโว้ย!!
     

    ผมวิ่งไปรอรับลูกที่ใต้แป้น  ดูเหมือนว่าพี่บอลจะเข้าใจเจตนารมณ์ของผมพี่แกเลยส่งบอลมาให้  เพราะผมตัวเล็กจึงไม่มีใครคิดจะตามประกบ  คงคิดว่าผมอ่อนล่ะมั้ง  ผมจะทำให้พวกมันคิดผิด
     

    ฮึบ!! สวบ!!
     

    ผมกระโดดรับลูกจากพี่บอลก่อนจะโยนลูกลงห่วงอย่างสวยงาม  ผมหันไปยักคิ้วใส่ไอ้มอสที่กำลังทำหน้าตาบึ้งตึง ฮึๆ บอกแล้ว...กูเก่งเว้ย!!



     

     

    ทีมผมกับทีมไอ้มอสผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างเมามัน  ควอเตอร์แรกทีมพวกเรานำแต่ควอเตอร์ที่สองทีมไอ้มอสมีคะแนนนำ  ควอเตอร์ที่สามทีมพวกเราจึงฮึดเป็นพิเศษจนสามารถกลับขึ้นมานำได้  ไม่อยากจะบอกเลยว่านั่นเป็นเพราะไอ้คีตะที่เปลี่ยนฟอร์มการเล่นจากรับมาเป็นรุกทำให้คะแนนของทีมเราพุ่งพรวดๆ
     

    “แฮ่กๆ ไม่เบานี่” ไอ้มอสพูดพลางปาดเหงื่อ  ถึงตอนนี้สายตาที่มันมองมาที่ผมก็ยังเป็นสายตาที่ดูถูกเหมือนเคย
     

    “แกขายหน้าแน่ ไอ้ขี้เก๊ก” ผมแสยะยิ้มก่อนจะวิ่งไปตัดบอลมาจากไอ้มอสแต่ผมพลาดจึงเสียหลักล้ม...
     

    ...ล้มใส่ไอ้คีตะที่วิ่งมาพอดี  มันรับผมไว้ก่อนจะวิ่งตามไอ้มอสที่ได้ครองบอล  แม่ง!! ขายหน้าชะมัดเลย



     

     

    หมดควอเตอร์ที่สาม  คะแนนของทีมเรายังเป็นฝ่ายนำ  แต่ดูท่าทางทีมนั้นจะไม่ยอมให้มันจบง่ายๆ เสียแล้ว  ดูจากสายตาที่ไอ้มอสมองมา  มันบอกว่ามันเอาจริงถึงขีดสุด
     

    “คิทไหวไหม? เราถูกวิ่งชนบ่อยมากเลยนะ” พี่จิ้นหันมาถามที่กำลังจะดื่มน้ำดับกระหาย
     

    “ชิลล์ๆ พี่  ผมยังเล่นได้อีกนาน” ผมพูดยิ้มๆ
     

    “ครูว่าควอเตอร์สุดท้ายอย่าให้ชนินทร์ลงเลย  เหนื่อยหอบขนาดนี้คงไม่ไหวแล้ว” ครูกิ๋งพูด  ผมหันไปมองครูอย่างไม่ค่อยชอบใจ  ขัดผมตลอดเลย
     

    “ผมไหวครับ” ผมตอบทันที
     

    “ทีมนั้นมีแต่คนตัวโตๆ เธอตัวเล็กขนาดนี้คงจะสู้ไม่ไหวหรอก  ควอเตอร์สุดท้ายนี้ทีมนั้นต้องรีบตามทำคะแนนแน่  ลงไปก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วงเฉยๆ” ผมขบกรามแน่น  ตัวถ่วงเหรอ?? ฮึ!!
     

    “อย่าดูถูกผมเพราะขนาดตัวสิครับครู  ถ้าผมไม่มีฝีมือผมคงไม่ได้รับเลือกให้เป็นนักกีฬาหรอก” ผมพูดออกมาอย่างอัดอั้น  คำว่าตัวถ่วงมันหน่วงหัวใจผมจนแทบทนไม่ไหว  ไม่ว่าตอนไหนๆ ผมก็เป็นตัวถ่วงของทีมเสมอเลย  ที่ผมฟิตซ้อมอย่างหนักทุกวันเพื่อมาเป็นตัวถ่วงงั้นเหรอ?!
     

    “เอาเป็นว่าควอเตอร์สุดท้ายให้คนอื่นลงแทน” ผมกำหมัดแน่น  ไม่เคยมาดูกูซ้อมแท้ๆ เอาแต่ดูถูกทั้งๆ ที่ไม่เคยมาดูความพยายามของกูสักครั้ง! แม่งเอ๊ย!!
     

    ผมคว้าลูกบาสมาก่อนจะทุ่มลงบนพื้นด้วยความโกรธ  อาจารย์ตกใจหันมามองผมด้วยสายตาตำหนิและจากนั้นสายตาหลายๆ คู่ก็ตำหนิผมใหญ่เลย
     

    “อารมณ์ไม่ดีแบบนี้ถึงลงไปก็ไม่มีสมาธิเล่นหรอก  ไม่ต้องลงแหละดีแล้ว” ไอ้คีตะพูด  ที่กูอารมณ์ไม่ดีเพราะคนของมึงนั่นแหละ!!
     

    “กูชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ” ผมคำรามในลำคอขณะที่ทั้งไอ้คีตะและครูไม่ได้สนใจผม
     

    “ใจเย็นคิท” พี่นักบาสคนหนึ่งคว้าข้อมือผมไว้เพื่อไม่ให้ผมก่อเรื่อง
     

    “ผมเย็นไม่ไหวแล้วพี่  นี่อะไร...ตั้งแต่ครั้งที่แล้วแล้วนะ! ขัดไม่ให้ผมลงตลอด  ผมก็รู้หรอกว่าผมอ่อน แต่โดนคนที่ไม่เคยมาดูเวลาผมซ้อมแบบนี้พูดแล้วมันของขึ้น” ผมกัดฟันกำมือจนตัวสั่นไปหมด
     

    “คิทตี้ ใจเย็นๆ นะ  พี่จะเล่นในส่วนของคิทตี้เอง”พี่บอลเดินมาตบไหล่ผมเบาๆ
     

    “มันแทนกันไม่ได้หรอกครับ  พี่ไม่เห็นเหรอว่าไอ้หมอนั่นมันกำลังดูถูกผม” ผมชี้ไปที่ไอ้มอสที่กำลังมองผมแล้วยิ้มกวนๆ  มันคงได้ยินเรื่องที่ผมถูกสั่งไม่ให้ลงแล้วนึกสมเพชผมอยู่แน่ๆ
     

    “เอาล่ะ เดี๋ยวพี่คุยกับอาจารย์ให้” พี่บอลพูดพลางเดินไปหาอาจารย์ที่กำลังยืนคุยอยู่ไอ้กับไอ้คีตะ
     

    “ครูกิ๋ง ให้คิทลงเถอะครับ เขาเล่นได้ดีมาก  ครูก็เห็น” ผมมองพี่บอลที่กำลังเกลี้ยกล่อมครู
     

    “ถ้าเทียบกับพวกเธอเขาก็แค่ตัวประกอบในสนาม” แม่ม!! ปรี๊ดเลย ปรี๊ดเลยกู!!
     

    “ไม่มีใครเป็นตัวประกอบหรอกครับ”
     

    “บอล เงียบไปเลย! ถ้าเราแพ้ในรอบนี้เราจะไม่มีสิทธิ์เข้ารอบชิงชนะเลิศนะ”
     

    “ผมเชื่อว่าเราต้องชนะ”
     

    “แต่ครูไม่เชื่อ! บอกว่าไม่ให้ลงก็คือไม่ให้ลง  ถึงเธอจะเป็นกัปตันแต่เรื่องแบบนี้คนที่จะต้องตัดสินใจคือครูนะ”
     

    “ไม่เป็นไรครับพี่บอล  กับคนที่ไม่เคยมาดูนักกีฬาของตัวเองซ้อมแบบนี้ถึงพูดไปก็ไม่เข้าใจ” ผมโพล่งขึ้น  ผมยังไม่เคยเกลียดครูคนไหนเลยนะแต่ดูเหมือนว่าคนคนนี้จะเป็นคนแรก
     

    “ชนินทร์ เงียบไป  อย่าลามปามอย่างนี้!” ไอ้คีตะตวาดใส่ผม
     

    ผมกัดฟันกรอดก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกจาสนามไป  เออ!! ปกป้องกันเข้าไป  นี่สงสัยคงจะรวมหัวกันแกล้งผมแน่  ใช่สิ! ผมมันก็แค่ตัวถ่วงของทีม  ไม่มีใครสนใจหรอกว่าผมจะรู้สึกยังไง!!



     

     

    “คิท คิท” ขณะที่ผมกำลังเดินมาที่คอร์ทข้างๆ พี่กวินก็ลุกจากที่นั่งคนดูแล้ววิ่งตามผมมา
     

    “ผมกำลังอารมณ์เสียนะพี่กวิน!” ผมตะคอก
     

    “พี่รู้  พี่เป็นห่วงก็เลยมาหา” พี่กวินพูด ตอนนี้พี่กวินเปลี่ยนชุดมาใส่ชุดนักบาสแล้วเพราะรอบต่อไปพี่แกจะต้องลงแข่ง
     

    “ทำไมอ่ะพี่!! ผมเล่นแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ!?! ทำไมเจ๊คนนั้นถึงต้องขัดขวางผมตลอดเลย  ถ้าเป็นผู้ชายพ่อต่อยปากแตกไปนานแล้ว” ผมวีนก่อนจะเตะเก้าอี้ที่ตั้งอยู่แถวนั้นจนล้มระเนระนาด
     

    “คิทไม่ได้เล่นแย่หรอก  อย่าอารมณ์เสียไปเลยถ้าพี่ได้เจอกับหมอนั่นพี่จะแก้แค้นให้เอง” พี่กวินพูด
     

    “ยังไงหมอนั่นก็ต้องมองผมอย่างดูถูกเหมือนที่ผ่านๆ มา  ผมรอที่จะลบคำสบประมาทของมันมาตั้งนานแต่มันกลับพังทั้งๆ ที่เหลืออีกแค่ควอเตอร์เดียว  ถ้าผมได้เล่นอย่างเต็มที่แต่ผมแพ้มันผมจะไม่เสียใจเลย” ผมเหวี่ยงเก้าอี้ที่พี่กวินเพิ่งจะเก็บมันขึ้นมาวางไว้ดีๆ ให้ล้มลงไปกองอีกครั้ง

    “ไม่หรอก  หมอนั่นคงกำลังคิดว่าคิทเก่งขึ้นมากแน่ๆ เชื่อพี่” พี่กวินพูดพลางเดินมาดึงเก้าอี้ใกล้ตัวผมออกให้ห่างจากผมเพื่อกันไม่ให้มันถูกประทุษร้ายอีก
     

    “โอ๊ยยย!!” ผมแหกปากก่อนจะเตะอะไรใกล้ๆ ตัวเพื่อระบายอารมณ์ 
     

    หมับ! พี่กวินเดินกอดผมไว้เพื่อไม่ให้ผมอาละวาด  ผมอึ้ง อ้าปากค้าง  จะว่าไป...ความรู้สึกขยะแขยงเหมือนที่ผ่านๆ มามันหายไปไหนแล้วนะ  ความรู้สึกนี้เหมือนตอนม.ต้นเลย  พี่กวินคนเดิมของผมกลับมาแล้วเหรอ? เอ๋? น่าจะบอกว่าผมคนเดิมกลับมาแล้วล่ะมั้ง  ที่ผมไม่รังเกียจพี่กวินแล้วอาจจะเป็นเพราะพี่กวินคอยมาอยู่ข้างผมในเวลาแบบนี้เสมอ  ผมแข่งทีไรพี่กวินก็มักจะมาให้กำลังใจ  มารู้ตัวอีกที...วันนี้ผมก็ไม่ได้รังเกียจพี่กวินแล้ว
     

    “พี่ ผมไม่อยากอยู่ทีมนั้นแล้ว” ผมพูดเสียงเบาเมื่อผมรู้สึกสงบลง
     

    “ถ้าไม่สบายใจก็ออกมาเถอะ  บาสน่ะเล่นที่ไหนเล่นกับใครก็สนุกได้  ถ้าเล่นแล้วอึดอัดใจก็เลิกดีกว่า  ถึงไม่ได้เป็นนักกีฬาแล้วแต่ก็ยังเล่นบาสได้นะ” พี่กวินพูดปลอบ  นั่นสินะ  พี่กวินพูดถูก
     

    “ถ้าจบการแข่งขันระดับเขตไปผมจะลาออก  ถึงตอนนั้นก็ช่วยมาเล่นบาสกับผมด้วยล่ะ” ผมพูดก่อนจะผละออกจากพี่กวิน
     

    “ได้สิ” พี่กวินยิ้มกว้าง
     

    “ผมใจเย็นแล้ว ผมกลับทีมล่ะครับ  ขอบคุณมากครับพี่วิน” ผมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยิ้มออกมา  ผมไม่ได้ยิ้มให้พี่กวินนานแค่ไหนแล้วนะ
     

    “ครับ อยากเล่นบาสตอนไหนโทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะ  พี่ใช้เบอร์เดิม” พี่กวินพูด ผมพยักหน้าก่อนจะเดินกลับเข้าทีม



     

     

    ผมกลับมานั่งดูการแข่งขันเช่นเดิมด้วยอารมณ์ที่เย็นลง  อีกไม่กี่นาทีการแข่งก็จะจบและชัยชนะจะต้องเป็นของทีมเรา  แต่ตอนนี้ไม่ว่าทีมจะชนะหรือแพ้ผมก็ไม่สนใจแล้วแหละ   ผมเล่นบาสเพราะผมรู้สึกสนุกกับมันผมไม่ได้เล่นเพราะต้องการชนะอย่างเดียว
     

    “พี่จิ้นครับ บาสนี่สนุกเนอะ” จู่ๆ ผมก็พูดขึ้น  พี่จิ้นจึงหันมามองหน้าผมงงๆ
     

    “อะ...อือ  พี่ก็ว่ามันสนุกนะ”
     

    “ถ้าเล่นแล้วอึดอัดผมว่าผมน่าจะเลิกดีกว่า” ผมพูดยิ้มๆ
     

    “จะบ้าเหรอคิท! นี่คิดจะยอมแพ้แล้วเหรอ?” พี่จิ้นตีแขนผมเบาๆ  พี่จิ้นคงจะคิดว่าผมบ้าไปแล้วสินะ
     

    “ผมไม่ได้ยอมแพ้นะครับพี่  ที่ผมเล่นบาสเพราะผมชอบที่จะเล่น  ถึงไม่ได้เป็นนักกีฬาหรือไม่ได้อยู่ชมรมบาสแล้วผมก็ยังสามารถเล่นบาสได้อีก  ถ้าต้องเล่นแบบไม่สบายใจผมเลิกดีกว่า”ผมยังคงยิ้ม
     

    “อย่าพูดเหมือนจะลาออกจากชมรมแบบนั้นสิ”
     

    “ฮะๆ นั่นสินะครับ  อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้”
     

    “คิท  อย่าให้อารมณ์ชั่ววูบมาตัดสินความรู้สึกที่แท้จริงสิ  กลับไปคิดดีๆ ก่อน  พี่ไม่อยากให้เราลาออกจากชมรมหรอกนะ” จิ้นตีแขนผมอีกครั้ง  เจ็บอ่ะ
     

    “ที่จริงผมก็ลองๆ คิดดูแล้วนะครับ  ตั้งแต่ผมเข้าชมรมมาผมก็ต้องเจอกับเรื่องไม่ดีหลายๆ อย่าง  ทั้งถูกหาเรื่องจนถูกตัดคะแนน  ทั้งถูกกีดกันไม่ให้ลงเล่น  ทั้งต้องเจ็บตัวและเจ็บใจ  และต้องมาเจอกับคนในอดีตที่ผมไม่อยากเจอ  มีแต่เรื่องแย่ๆ ทั้งนั้น”
     

    “แต่ก็มีเรื่องดีๆ อยู่ไม่ใช่รึไง”
     

    “ครับ  แต่ก็นะ...ผมเล่นบาสได้อย่างไม่สนิทใจเลยน่ะครับ  เอาเป็นว่าผมยังไม่ลาออกเร็วๆ นี้หรอกครับ” ผมพูด  พี่จิ้นถอนหายใจก่อนจะนั่งเงียบๆ จนกระทั่งการแข่งขันจบลงและทีมเราก็ได้รับชัยชนะกลับมา  ถึงจะชนะแต่ผมก็ไม่กล้าไปเยาะเย้ยไอ้มอสเพราะผมไม่ได้มีส่วนร่วมในความสำเร็จนั้นอย่างเต็มที่



     

     

    “บอล คิท มึงทำอะไรซักอย่างสิ  น้องคิทบอกว่าจะลาออกจากชมรม” ขณะที่กำลังจะขึ้นรถกลับโรงเรียนหลังจากได้รับชัยชนะมาแล้วพี่จิ้นก็พูดขึ้น  ผมสะดุ้ง  อย่าเอาไปบอกใครสิพี่! โธ่!
     

    “คิทตี้  ทำไมต้องลาออกด้วย?” พี่บอลเดินมาจับไหล่ผมไว้  ไอ้คีตะชายตามองผมก่อนจะเดินไปนั่งข้างอาจารย์  นี่มันกำลังจะบอกผมว่ามันเลือกอาจารย์สินะ  ดีแล้วที่ผมไม่เชื่อคำพูดที่มันบอกว่าชอบผม
     

    “เปล่าครับๆ ผมแค่คิดๆ ไว้ไม่ได้จะลาออกทันทีซักหน่อย  พี่บอลอย่าเสียงดังไปเลยน่า” ผมยกมือขึ้นบอกให้พี่บอลใจเย็นๆ
     

    “พูดแบบนี้แสดงว่าจะลาออกจริงๆ สินะ”
     

    “แฮะๆ บาสมันสนุกนะครับ  แต่ถ้าได้เล่นกับคนที่ไม่ชอบความสนุกมันหายไปไหนก็ไม่รู้ แฮะๆ” ผมยิ้มเจื่อนๆ

    “คิทตี้ไม่ชอบพี่ตรงไหน  บอกได้นะ” พี่บอลบีบตาอ้อนวอน  โอยตาย! ผู้ชายคนนี้จะทำให้ผมหลงไปถึงไหนเนี่ย

    “ผมไม่ได้ไม่ชอบพี่บอลนะครับ  พี่บอลใจดีแบบนี้ผมรักเลยแหละ ฮ่าๆ” ผมพูดติดตลก  ใครจะกล้าเกลียดพี่บอลได้ลงคอ
     

    “คิทตี้ อย่าเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มากวนใจเลยนะ” พี่บอลตบไหล่ผม
     

    “เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ถ้ามันสะสมไปเรื่อยๆ มันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นะครับพี่” ผมพูด  เรื่องระหว่างผมกับไอ้คีตะมันยากเกินแก้แล้วครับพี่
     

    พวกผมเงียบไปก่อนจะแยกย้ายกันไปนั่งที่และกลับไปเรียนตามปกติ

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    มาแก้ๆ

    B B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×