คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Rule 01 : เข้าหอครั้งแรก
น่าแปลกนะครับที่ทั้งๆ ที่ผมถูกเรียกเข้าห้องกรรมการนักเรียนเพราะไปต่อยหนึ่งในกรรมการนักเรียนเข้าแต่ผมกลับไม่ถูกด่าแม้แต่นิดเดียว บรรยากาศตอนที่ผมเดินเข้าไปก้าวแรกกลับไม่ตึงเครียดอย่างที่คิดนอกจากไอ้คนตัวสูงผิดมนุษย์ที่นั่งทำหน้าไม่พอใจอยู่บนโซฟาตัวใหญ่
พอผมเดินเข้าไปเท่านั้นแหละเสียงหัวเราะดังครืนขึ้นทันที พี่ประธานนักเรียนที่ชื่อว่าบดินทร์เดินมาตบไหล่ผมพร้อมกับพูดว่า
“นายเจ๋งเป็นบ้าเลยว่ะไอ้หนู กล้าต่อยไอ้คิทต่อหน้าสาธารณชน ได้ใจพี่ไปเลย ฮ่าๆๆ”
แทนที่จะด่าผมแต่กลับมาชมผมเสียได้ ระหว่างที่พวกพี่ๆ หัวเราะขำขันกับการกระทำของผมพวกเราก็เริ่มสนิทกันยกเว้นแต่ไอ้คิทคนเดียว
เนื่องจากชื่อผมและชื่อหมอนั่นเหมือนกันพวกพี่ๆ จึงตั้งฉายาให้ คิทตี้ คือฉายาของผมส่วน คีตะ คือฉายาของหมอนั่น ทำไมผมต้องต้องชื่อคิทตี้ด้วยยยยยยย บ้าชะมัด!!
“เฮ้ย! ไอ้เด็กใหม่ตรงนั้นน่ะ ใช่ไอ้หมาบ้าหรือเปล่า?” ขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับไปที่หอผู้ชายสองคนรุ่นเดียวกันกับผมก็เดินมาขวางทางไว้
“ใครเป็นหมาบ้าวะ พูดให้มันดีๆ นะโว้ย” ผมล้วงกระเป๋าพลางทำหน้าหงุดหงิดใส่ไอ้สองตัวที่ยืนขวางหน้าผมอยู่ ยืนใกล้ๆ แบบนี้แล้วผมดูเตี้ยไปเลยเพราะไอ้สองตัวนี้ค่อนข้างสูงแต่ก็ยังสูงไม่สู้ไอ้คีตะเลย ผมอยากรู้ชะมัดว่ามันกินอะไรทำไมถึงสูงชะลูดตูดปอดขนาดนี้
“โว้วๆ โหดจริงอย่างที่คนเขาลือกันจริงๆ แฮะ” ไอ้ที่หน้าตาดีและสูงที่สุดพูดพลางหัวเราะชอบใจ แล้วใครลือกันเรื่องอะไร
“ลือ? ลือบ้าลือบออะไรวะ” ผมขมวดคิ้วถาม
“ก็นายไปต่อยกรรมการนักเรียนที่ได้ชื่อว่าโหดที่สุดนี่นา กล้าชะมัดยาดเลยแฮะ เฮียคิทน่ะโหดจริงอะไรจริง” ไอ้เมื่อกี้พูดอีกครั้ง เฮียคิท?
“เออ ต่อยแล้วไงวะแล้วนายสนิทกับไอ้หมอนั่นรึไงถึงเรียกกันแบบนั้น” ผมถามอย่างไม่สบอารมณ์ ผมไม่ชอบทั้งหน้าไอ้หมอนี่และหน้าไอ้คีตะนั่นเลย
“ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันนี่นา” ไอ้คนที่ยืนข้างๆ พูดขึ้น
“ชิ! น่ารำคาญกันทั้งพี่ทั้งน้อง” ผมเบะปากก่อนจะเดินแทรกกลางสองคนนั้นอย่างวางมาดแต่ไม่ทันได้เดินผ่านไปมือใหญ่ก็คว้าข้อมือของผมไว้ก่อน ไอ้คนน้องงี่เง่า!!
“นอกจากจะลือว่าโหดแล้วเขายังลือกันว่านายน่ารักสุดๆ อีกด้วย เห็นใกล้ๆ แบบนี้ยิ่งน่ารักนะรู้ตัวบ้างไหม?” ไอ้หมอนั่นดึงผมเข้าไปใกล้ก่อนจะยื่นหน้ามากระซิบที่ริมหู อึ๋ยยย
ผลัวะ!!
ผมเอี้ยวตัวสะบัดมือออกก่อนจะต่อยเข้าไปที่หน้าไอ้คนน้องอย่างจัง แหวะ อยากอ้วกว้อย ถ้าเป็นสาวสวยๆ มากระซิบนี่เต็มใจลากเข้าห้องเลยแต่นี่มันผู้ชายแถมยังมาชมว่าน่ารัก ไม่ได้ดีใจเลยเว้ย
“โอ๊ะ! ฮ่าๆๆ โดนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยว่ะ ฮ่าๆๆ” ไอ้คนเพื่อนกุมท้องหัวเราะก๊ากอย่างสุดจะกลั้น ไอ้พวกนี้มันเป็นอะไรของมันวะ เห็นเพื่อนโดนต่อยแทนที่จะช่วยแต่กลับหัวเราะซะงั้น
“รู้ไว้ซะว่าข่าวลือนั่นมันเป็นความจริง ชั้นสะอิดสะเอียดพวกเกย์ชะมัด น่ารังเกียจที่สุด” ผมพูดพลางสะบัดหน้าเดินหนี
นี่มันโรงเรียนบ้าบออะไรกันวะ!!
ผมเดินเข้าไปในห้องของตัวเองพลางจัดของที่กองกันมหาศาลอยู่ในห้อง รูมเมทของผมมาจัดของๆ ตัวเองจนเรียบร้อยหมดแล้วแต่ผมกลับไม่ปรากฏเห็นตัวมันเลย แต่ดูท่าว่ารูมเมทผมจะนิสัยดีไม่น้อยเพราะมันอุตส่าห์เขียนโน้ตไว้ว่า ฉันไม่รู้ว่านายชอบนอนเตียงตรงไหนเพราะงั้นนายเลือกได้เลยเพราะฉันยังไงก็ได้
ผมขยำโน้ตพลางปาทิ้งถังขยะเพราะไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมนี่เนอะ ผมไม่ชอบอากาศหนาวเพราะงั้นผมก็เลยเลือกเตียงที่อยู่ใต้แอร์
ห้องพักในหอนี้ถือว่าชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว ห้องกว้างดูไม่อึดอัด มีตู้เสื้อผ้าสองตู้กับตู้เย็นหนึ่งตู้ โต๊ะสำหรับทำการบ้านมีให้สองที่ติดเตียงนอนของแต่ละคนแถมห้องน้ำก็กว้างอีกด้วย ข้างประตูก็มีตู้สำหรับเก็บรองเท้า มีทีวีจอไม่ใหญ่มากให้อีกด้วย สุดยอดเลย
ผมเปิดดูตู้รองเท้าปรากฏว่าผมอยากกระโดดถีบไอ้รูมเมทผมเหลือเกิน มันจะมาเปิดร้านขายรองเท้าหรือยังไง รองเท้าผ้าใบหลากสีหลากแบรนด์ห้าคู่ รองเท้าแตะแลดูมีราคาสามคู่ ไหนจะรองเท้านักเรียนอีก รองเท้าหนังแก้วชั้นดีก็มี บ้านมันจะรวยไปไหนครับ มีแต่รองเท้าแบรนด์เนมทั้งนั้น ส่วนของผมมีแค่รองเท้าแตะสีดำไร้ราศีกับรองเท้าผ้าใบไนกี้คู่เก่าที่กว่าจะเก็บเงินซื้อได้และรองเท้านักเรียนเพียงเท่านั้น
ไอ้รูมเมทของผมมันเหลือที่ไว้พอดีกับรองเท้าผมเป๊ะเลย!! ให้ตายเหอะ!!
ผมเดินออกจากห้องด้วยความเซ็งจิตพลางเดินไปหาไอ้พีทที่อยู่ถัดจากห้องผมไปสี่ห้องเพื่อหาอะไรทำแก้เบื่อ
“โย่ว!” ผมโบกมือเมื่อไอ้รูมเมทไอ้พีทเปิดประตูออกมา โอ้วไอ้หมอนี่โคตรหล่อเลยเหอะ! มันมีจุดประสงค์อะไรกับไอ้พีทหรือเปล่าเนี่ย ถึงไอ้พีทจะสูงกว่าผมนิดหน่อยแต่น่าตามันน่ารักกว่าผมเสียอีกนะ(เข้าข้างตัวเองเพราะไม่อยากหน้าตาน่ารัก อิ๊ๆ)
“มาหาใครครับ?” ไอ้รูมเมทไอ้พีทถาม
“ไอ้พีทอยู่ไหม?” ผมถามเสียงห้วน ผมเป็นโรคเกลียดคนหน้าตาดีครับ
“อยู่ครับ พีท เพื่อนมาหา” ไอ้หมอนั่นพูดแล้วหันเข้าไปในห้องเพื่อเรียกไอ้พีทให้
“โอ้! ไอ้คิท! เอ้อนี่ รูมเมทกูเองชื่อมินทร์ ส่วนนี่เพื่อนสนิทฉันเองชื่อคิท” ไอ้พีทแนะนำให้เรารู้จักกัน มันยิ้มนิดๆ ให้แต่ผมกลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่
“เฮ้ย อย่ามองอย่างนั้นดิวะ มินทร์เป็นผู้ชายปกติเว้ย เค้าก็เพิ่งเข้าม.ปลายที่นี่เหมือนพวกเรานั่นแหละ” ไอ้พีทพูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาที่ผมมองไอ้มินทร์ ทำไงได้ ก็ผู้ชายโรงเรียนนี้มันน่าไว้ใจซะที่ไหนกัน
“ถ้าปกติก็แล้วไป ขอเข้าไปในห้องหน่อยดิ เบื่อ ไม่มีอะไรทำ” ผมพูด
“อืม เอาดิ ฉันกำลังติดตั้งเกมเพลย์สเตชั่น3อยู่พอดี มาเล่นด้วยกันไหมล่ะ” ไอ้มินทร์ชวน
“เยี่ยม กำลังอยากเล่นเกมพอดี” ผมพูดพลางเดินตามไอ้สองคนนั้นเข้าไปในห้อง
โหว ห้องไอ้พวกนี้โคตรรกเลย พวกมันยังไม่จัดของอะไรกันเลย สงสัยเอาเวลามาขลุกอยู่กับเกม เจริญล่ะพวกมึงเอ๊ย
“เออ ห้าโมงเย็นนี้มีนัดประชุมเด็กใหม่เพื่อรับเข็มกลัดประจำหอน่ะที่ห้องโถงด้านล่างถ้าไม่รีบไปให้ทันเวลาจะโดนทำโทษ ไปด้วยกันไหม?” ไอ้มินทร์หันมาถาม
“เออ ก็ดี ณ เวลานี้ฉันยังไม่เห็นหนังหน้ารูมเมทของฉันเลย” ผมพูดพลางลงไปเกลือกกลิ้งบนเตียงของใครก็ไม่รู้ขณะรอไอ้มินทร์จัดการกับเกมอยู่ ส่วนไอ้พีทเห็นมันบ่นปวดขี้แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป
ห้องโถงของหออยู่ด้านล่าง ที่ห้องโถงมีที่สำหรับให้อ่านหนังสือและมีของว่างให้ทานเป็นเวลาๆ ตอนเช้าถ้าใครไม่อยากออกไปหาอะไรกินที่โรงอาหารที่หอก็จะมีแม่บ้านมาทำเบรกฟาสต์ไว้ให้ ด้านล่างจะมีห้องย่อยอีกห้องหนึ่งเป็นห้องสำหรับซักผ้า มีเครื่องซักผ้าอัตโนมัติหยอดเหรียญอยู่ประมาณยี่สิบเครื่องได้ ส่วนสมาชิกในหอก็มีประมาณสองร้อยคน โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนสำหรับสายวิทย์โดยเฉพาะเพราะไม่มีสายอื่นเลย
“จริงเหรอ แต่เดี๋ยวก็เจอเองแหละ เออนี่คิท...คือว่าฉันได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนายมาด้วยแหละ ตอนปฐมนิเทศนายไปต่อยพี่กรรมการนักเรียนฝ่ายปกครองมาเหรอ?” ไอ้มินทร์หันมาถาม
“อืม ก็มันกวนประสาทนี่นา ช่วยไม่ได้” ผมยักไหล่อย่างไม่แคร์สื่อ
“หวา นายนี่โหดอย่างที่เขาลือกันจริงๆ แฮะ พีทก็บอกอยู่นะว่านายแข็งแกร่ง”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ชั้นก็ไม่คิดหรอกนะว่าฉันจะแพ้ใคร และแน่นอนว่าใครกล้ายุ่งกับไอ้พีทมันไม่ตายดีแน่” ผมจ้องจิกไอ้มินทร์อย่างเต็มที่
“แหม อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ ฉันก็เป็นเหมือนพวกนายนั่นแหละน่า ถ้าไม่ถูกพ่อบังคับให้เข้าโรงเรียนนี้ฉันก็ไม่มาหรอก”
“นั่นสิ ฉันนก็ถูกพ่อบังคับเหมือนกัน” พูดแล้วก็อดเหนื่อยใจไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะพ่อไม่มีเวลามาเอาใจใส่ผมล่ะมั้งก็เลยส่งผมเข้าโรงเรียนประจำ
ผมนั่งคุยกับไอ้มินทร์ไปได้ซักพักไอ้พีทก็ออกมาจากห้องน้ำพวกเราจึงเล่นเกมด้วยกันและนั่นทำให้ผมรู้ว่า ผมที่เคยคิดว่าตัวเองเล่นเกมเก่งต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เมื่อผมเล่นแพ้ไอ้มินทร์แบบหลุดลุ่ยแล้วอย่าถามถึงไอ้พีท ไอ้นี่มันโคตรอ่อน
“กูจะไม่เล่นกับพวกมึงอีกแล้ว เชี่ยยยยยย!” ไอ้พีทกระเง้ากระงอดลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้น ตอนเล่นเกมพวกเราสบถคำหยาบทุกครั้งที่พลาดท่า บางทีก็พูดกูมึงกับไอ้มินทร์จนตอนนี้พวกเราไม่เกรงใจที่จะพูดคำหยาบด้วยกันอีกแล้ว สนิทกันเร็วดีเนอะ
“ฮ่าๆๆๆ กากฉิบหายเลยมึงเอ๊ย” ผมหัวเราะสะใจ
“เฮ้ยนี่ พวกเราเล่นเกมเพลินไปหรือเปล่าวะ ห้าโมงสิบห้าแล้วว่ะ!!” ไอ้มินทร์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูพลางเบิกตาโต เฮ้ย!! ซวยอีกแล้วตู
พวกเรารีบวางจอยสติ๊กลงพลางวิ่งติดเกียร์หมาลงไปที่ห้องโถงทันที
สายตาเกือบสองร้อยคู่จ้องมาที่พวกเราทั้งสามเมื่อพวกเราวิ่งกระหืดกระหอบลงมาที่ห้องโถง นักเรียนแต่และชั้นปีนั่งจัดแถวตามห้องกันอย่างเป็นระเบียบโดยมีไอ้คีตะยืนเด่นอยู่ด้านหน้า
“พวกคุณทั้งสามคนมาสายนะครับ” ไอ้คีตะกอดอกพูดพลางมองพวกผมด้วยสายตาตำหนิ
“แล้วไง” ผมเบะปากจนไอ้มินทร์กับไอ้พีทต้องพร้อมใจกันเอื้อมมือมาปิดปากผมไว้
“พวกผมต้องขอโทษด้วยครับ” ไอ้พีทยิ้มแหยๆ ส่งให้ไอ้คีตะ ไปขอโทษมันทำไมวะ! แล้วนี่มึง...ไอ้พีท มึงขี้เสร็จมึงล้างมือสะอาดรึเปล่าวะ
“เชิญ นั่งเป็นแถวตามห้องด้วยนะครับ” ไอ้คีตะพูดพลางทำหน้านิ่ง ไอ้ขี้เก๊กเอ๊ย มองกูเป็นพิเศษเลยนะมึง แค้นกูล่ะซี้
โชคดีที่ห้องผมกับห้องไอ้พีทแถวอยู่ติดกันก็เลยอุ่นใจที่มีเพื่อนอยู่ใกล้ๆ
“ต่อไปนี้เราจะทำพิธีมอบเข็มกลัดหอให้กับนักเรียนใหม่ทุกคน เข็มกลัดนี้ไม่มีขายที่ไหนหากใครทำหายพวกคุณต้องมาติดต่อขอใหม่กับผมโดยตรง แน่นอนว่าจะต้องถูกทำโทษโทษฐานที่ไม่รู้จักรักษาสมบัติของตัวเอง เข็มกลัดนี้สำคัญในการขออนุญาตออกจากหอยามจำเป็นหากคุณทำหายแน่นอนว่าผมจะไม่ให้ออกไปไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น” ไอ้คีตะเอามือไขว่หลังพลางพูดเสียงดัง ทำท่าอย่างกับกำลังฝึกทหารแน่ะ ไอ้ขี้เก๊กงี่เง่า
“ม.4 ห้องหนึ่งลุกครับ มารับเข็มกลัดกับผมทีละคนและเดินไปเซ็นชื่อรับกับพี่ม.5ทางด้านซ้ายมือ” เมื่อไอ้ขี้เก๊กพูดจบห้องของไอ้พีทก็พร้อมใจกันลุกขึ้นยืนและเดินไปหาไอ้หมอนั่นเพื่อให้มันติดเข็มกลัดให้ ทำไมต้องติดให้ด้วยวะ!!
“เชิญห้องสองครับ” อ๊ากกกก! ผมอยู่คนสุดท้ายเสียด้วยสิ ไม่อยากจะเข้าใกล้มันเลยให้ตายเหอะ
ผมค่อยๆ ก้าวเข้าไปหามันพลางมองมันด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“แย่หน่อยนะที่ดันมาอยู่หอนี้ซะได้ เตรียมใจรับมือกับฉันได้เลย หมาบ้า” มันกระซิบ
“โอ้ว โดนต่อยนี่ยังไม่พอใช่ไหม วันหลังหัดให้ข้าวหมาในปากเยอะๆ หน่อยนะจะได้ไม่ต้องออกมาเห่าให้หนวกหู... โอ๊ย!!” พูดยังไม่ทันจบไอ้คีตะก็ตั้งใจให้เข็มปักที่เนื้อผม ไอ้บ้านี่ไม่ออมแรงเลย เจ็บชะมัด เข็มเมื่อกี้ปักลงไปลึกเสียด้วยสิ
ผมกลับไปนั่งที่แถวอีกครั้งเมื่อลงชื่อรับเข็มกลัดแล้ว
“เป็นไรวะคิท ทำหน้าแปลกๆ พี่เขาเอาคืนหรือไง” ไอ้พีทชะโงกหน้ามาถาม
“เออสิ แม่งเอ๊ย!” ผมเบ้หน้าอย่างไม่พอใจ
“คิท หันมาซิ” จู่ๆ ไอ้มินทร์ก็จับตัวผมหมุนไปเผชิญหน้ากับพวกมัน
“อะไรของมึงวะไอ้มินทร์” ผมถามอย่างไม่พอใจ
“เล่นแรงนะเนี่ย” ไอ้มินทร์พูดพลางเอื้อมมือมาแตะที่หน้าอกของผมผมจึงยกเท้าขึ้นกันมันออกไป เล่นอะไรแรง? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนมกู!?
“ทำอะไรวะ!” ผมถามเสียงดังแต่โชคดีที่คนอื่นๆ กำลังชุลมุนกับพิธีมอบเข็มกลัดให้กับม.4ห้องสามกันอยู่จึงไม่ได้หันมาสนใจเสียงแหกปากของผม
“มึงอยู่นิ่งๆ ไปเลยคิท” เมื่อเห็นว่าผมมีท่าทีต่อต้านไอ้มินทร์ ไอ้พีทก็ปัดขาผมออกและเอื้อมมือมาแทน ผมก้มลงดูมือไอ้พีทที่กำลังปลดเข็มกลัดที่อกซ้ายของผมออก
“เฮ้ย! เลือดนี่หว่า” ผมอุทานเบาๆ โอย จะเป็นลม
“ก็เออสิ” ไอ้มินทร์ทำปากจู๋อย่างงอนๆ ท่าทางจะงอนที่ผมขู่ฟ่อๆ พลางยกเท้าขึ้นจะถีบมัน
“ขอโทษละกัน คนมันตกใจนี่หว่า” ผมยิ้มจืดๆ ผมน่ะ...ไม่ถูกกับเลือดที่ถูกรีดออกจากร่างกายตัวเองจริงๆ
ไอ้พีทโยนเข็มกลัดให้ไอ้มินทร์ถือไว้พลางปลดกระดุมเสื้อนักเรียนผมออกเพื่อที่จะดูแผลที่เป็นสาเหตุของเลือด
“ตรงนั้นทำอะไรกันน่ะ!!” เสียงเย็นดังขึ้นไอ้พีทจึงรีบผละออกจากผม
“ยุ่งอะไรด้วยวะ” ผมยักคิ้วถามกวนตีน
“พวกคุณกำลังทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรอยู่ ตรงนี้มีคนอยู่ตั้งเยอะแยะแล้วพวกคุณยังจะกล้าทำอะไรประเจิดประเจ้อกันอีกอยู่เหรอ!?!” ไอ้คีตะขมวดคิ้วถาม
“ทำอะไร? แค่ดูแผลให้กันนี่มันจะตายงั้นเหรอ ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่มึงคิดหรอกไอ้จิตวิปริต” ผมพูดออกไปอย่างเดือดดาล มีอย่างที่ไหนมาว่าผมทำประเจิดประเจ้อ อย่าให้กูขึ้นนะมึง ไม่งั้นกูโดดถีบปากแม่ง
“นี่!!” ไอ้คีตะชี้หน้าผมอย่างโกรธเคือง เออ ยิ่งโกรธยิ่งดี กูยิ่งชอบยั่วโมโหคนอยู่ด้วย
“ผมต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับรุ่นพี่ ผมแค่จะดูแผลที่หน้าอกของมันเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นแอบแฝง ขอโทษจริงๆ ครับ” ไอ้พีทปิดปากผมไว้ก่อนที่ผมจะปล่อยหมาออกไปกัดคนอื่น
“แผลอะไร” ไอ้คีตะถาม
“ก็แผลที่มึงทำไว้ไงวะไอ้คะ...” ก่อนที่ผมจะพูดจบไอ้พีทก็ตะปบปากผมไว้อีกครั้ง คราวนี้มีมือของไอ้มินทร์มาช่วยเป็นปราการอีกชั้นด้วย
“ไม่มีอะไรหรอกครับแค่แผลเล็กๆ ไม่ได้สาหัสอะไร” ไม่สาหัสแต่กูเจ็บ กูกลัวเลือดด้วย!
“แย่จังนะ จะซักออกหรือเปล่าเนี่ยคราบเลือดนี่ เพิ่งได้ใส่วันแรกแต่เสื้อกลับเปื้อนเป็นวงขนาดนี้ ซวยสุดๆ ไปเลยนะครับ...คนสวย” ไอ้คนที่นั่งข้างหน้าผมถือวิสาสะมาจับดูเสื้อของผมพลางเงยหน้าขึ้นมาพูด อ๊ากกกก ไอ้ควายลูกพี่ลูกน้องของไอ้คีตะที่เจอกันตอนออกจากห้องกรรมการนักเรียนนี่หว่า เสือกอยู่ห้องเดียวกันอีก!!
“สวยพ่อมึงสิ” ผมไม่ได้พูดนะ... ฮ่าๆๆๆ ไอ้พีทพูดแทน กร๊ากๆๆ
“โอ๊ะ เพื่อนก็สวย ว้าวๆ” ไอ้ควายนี่มันน่านัก ไอ้พีทไอ้มินทร์ปล่อยกู กูจะด่าให้มันเสียหมาทั้งพี่ทั้งน้อง ปล่อยๆ
“ของกูครับ” ไอ้มินทร์พูดพลางปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากปากของผมและเอาไปโอบเอวพีท ไอ้มินทร์กูจะฆ่ามึงงงงงงงงงงง มึงเตรียมตัวตายไว้เลยไอ้ควายมินทร์ ไหนมึงบอกมึงเป็นผู้ชายปกติไงวะ ไอ้พีทก็อีกคน ทำไมมึงไม่ต่อยปากโทษฐานที่มันพูดจาพล่อยๆ อ๊าก ก ก ก ก กูอยากตาย
“งั้นคนนี้คบกับชั้นนะ” ไอ้ควายบ้า อย่ามาจับหัวกูผงกสิวะ ไอ้ห่ารากกกก เมื่อปากผมทำงานไม่ได้ผมจึงเอามือถอดรองเท้าแล้วปาออกไปสุดแรง ที่จริงหวังจะให้โดนไอ้คนข้างหน้าที่บังอาจมาจับหัวผมผงกรับคำขอคบของมันนี่แหละแต่บังเอิญออกแรงเยอะไปหน่อย รองเท้าหนังสีดำคู่เล็กของผมจึงลอยไปปะทะหน้าไอ้...คีตะ
“ไอ้พวกเด็กเวรเอ๊ย!!!”
ระเบิดลง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาแล้วๆๆๆ
ช่วงนี้กำลังแก้ไขคำผิดอยู่จ้า ถ้าเจอบอกกันด้วยนะ ^O^
ความคิดเห็น