ตอนที่ 63 : ดินแดนแห่งป่า
บทที่ 2 : ดินแดนแห่งป่า
ในเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยป่าโปร่ง บ้านเรือนและกำแพงเมืองต่างทำด้วยไม้ มีบ้างส่วนที่ทำด้วยหินหรือว่าดินเหนียว ในเมืองเต็มไปด้วยต้มไม้ขึ้นแทรกทุกพื้นที่ ทำให้เหมือนว่าเมืองแห่งนี้ถูกต้นไม้รุกคืบ แต่เมืองมองอย่างละเอียด จะพบว่าต้นไม้ที่ขึ้นแทรกนั้นต่างได้รับการออกแบบมาแล้ว ทำให้เมืองมองจากบนอากาศจะมิได้เห็นซึ่งเมืองที่ซ่อนอยู่
เมืองหน้าด่านนี้มีถนนสีสายหลัก พวกมันมุ่งไปตามทิศต่างๆ โดยมีจตุรัสที่ตรงกลางเป็นรูปแกะสลักหิน มันเป็นรูปต้นไม้อยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยมนุษย์ บนท้องถนนมีทั้งรถม้าและคนเดินเท้า แต่ละคนต่างเร่งรีบไปทำธุระของตน สองข้างทางมีเหล่าพ่อค้าแม่ค้าต่างตะโกนเรียกลูกค้าและนักเดินทางบนท้องถนน ทำให้เมืองดูมีชีวิตชีวา
บนถนนหลักสายหนึ่ง ปรากฏกลุ่มคนที่สวมชุดคล้ายๆกัน มันเป็นชุดเสื้อผ้าสีเขียวอ่อนและบางส่วนเป็นเกราะหนังสีเขียวเข้ม มีลักษณะคล้ายชุดพรางตัวของเหล่าทหารนั้นเอง พวกเขาทั้งหมดเจ็ดคนกำลังเดินทางเข้าไปยังกิลด์ทหารรับจ้างแห่งหนึ่งบนถนนนี้เอง
โดยด้านหลังของพวกเขามีกลุ่มคนที่แต่งตัวหลากหลายรูปแบบ แต่ที่เหมือนกันคือ ทุกคนต่างสวมชุดที่เน้นไปทางต่อสู้นั้นเอง พวกเขาคือกลุ่มคนที่เพิ่งเดินทางมาจากอาณาจักรอเคเซีย ทุกคนต่างใส่ชุดที่ปกปิดร่างกายเป็นส่วนใหญ่ ทุกคนได้ร่วมกันว่าจ้างกิลด์ทหารรับจ้างกลุ่มนี้ในการนำพวกตนไปยังเมืองต่อไปของอาณาจักรพฤษาพันปี
ในกลุ่มผู้มาเยือน มีอยู่หนึ่งคนที่แตกต่างจากคนอื่นๆโดยสิ้นเชิง มันเป็นบรุษอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครในกิลด์ทหารรับจ้างที่ทราบถึงใบหน้าของมันเลยแม้แต่น้อย เพราะมันสวมหน้ากากสีดำมีรูปสลักคล้ายใบหน้ามนุษย์ที่มีเขี้ยวปิดครึ่งหน้าด้านล่างเอาไว้ ทำให้เห็นเพียงดวงตาและหน้าผากของมันเท่านั้น ตั้งแต่ลงรถม้ามามันก็อยู่ในรูปลักษณ์นี้เสียแล้ว
มันสวมชุดเกราะหนังผสมโลหะสีเงิน ประดับไปด้วยลวดลายจารึกเวทย์สีดำ ด้านในเป็นชุดผ้าไหมเนื้อดีสีอ่อน ปลอกแขนข้างซ้ายมันเป็นปลอกหนังสีน้ำตาลเข้ม มีรูปสิงโตวายุคลั่งเป็นลวดลายบนนั้น และมีศิลาจิตอสูรประดับไว้บนส่วนหนึ่งของปลอกแขน นี้แสดงให้เห็นว่าเจ้าปลอกแขนอันนี้มีสัตว์เวทสิงโตวายุคลั่งประดับไว้ ส่วนปลอกแขนอีกข้างเป็นปลอกแขนสีเงินแวววาว ทีมีอักขระและการจารึกที่มากยิ่งกว่าชุดเกราะเสียอีก
ข้างเอวประดับไปด้วยดาบสองเล่มที่เก็บเอาไว้ในฝัก และจากรูปร่างของฝักดาบที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด นี้คงเป็นดาบสองคมอย่างแน่นอน กางเกงเป็นกางเกงหนังผสมโลหะสีดำในบางจุด และยังมีสนับแข้งที่ทำจากโลหะสีดำอีกหนึ่งชุด นอกจากนี้ยังมีเข็มขัดที่เต็มไปด้วยซองใส่ของและกระเป๋าขนาดเล็กไว้รอบเข็มขัด โดยเข็มขัดนี้รัดส่วนของชุดผ้าไหมที่ยาวถึงพื้นเอาไว้
ชายคนนี้ไม่ใช้ใครนอกจากครรชิตนั้นเอง ชุดพวกนี้เขาได้ประกอบมันขึ้นมาเมื่อสิบวันก่อน ในตอนที่เขาออกจากเมืองหลวงอเคเซียนั้นเอง พวกชิ้นส่วนพวกนี้เขาได้ให้ลุงคามิลสร้างไว้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่เขายังไม่มีโอกาศไปเอามันมานั้นเอง แต่เมื่อเขาจะออกไปผจญภัย ก็ถือโอกาศแวะไปเอามันมา แล้วเริ่มประกอบมัน โดยเอาชิ้นส่วนโลหะไปใส่ลงในชุดเกราะหนังนั้นเอง
ชุดนี้เพิ่มน้ำหนักให้ตัวเขาถึงห้าสิบกิโลกรัม เพราะวัสดุที่ใช้ทำในส่วนโลหะ มันคือแร่เหล็กทมิฬ ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าแร่เหล็กทั่วไปเกือบสิบเท่า ส่วนมากมักน้ำไปทำเป็นที่ถ่วงน้ำหนักในการฝึกนั้นเอง มันมีความแข็งแรงกว่าแร่เหล็กประมาณสามเท่า ซึ่งน้อยกว่าแร่เหล็กฟ้าที่ใช้ทำอาวุธของเขานั้นเอง ใช่แล้วดาบสองคมทั้งสองเล่มนี้เองก็ทำจากแร่เหล็กฟ้า เช่นเดียวกับดาบสองคมขนาดใหญ่ที่เขาใช้ก่อนหน้า ซึ่งตอนนี้มันอยู่ในแหวนมิตินั้นเอง
ทั้งกลุ่มเดินเข้าสู่ที่การกิลด์ ด้านในตกแต่งด้วยดอกไม้และต้นไม้เป็นส่วนใหญ่ มันเป็นห้องโถงโล่งๆที่มีมุมหนึ่งเป็นเคาน์เตอร์รับงาน และมุมที่เหลือเป็นชุดโต๊ะสำหรับนั่งสังสรรค์กันนั้นเอง กลุ่มคนในชุดเกราะสีเขียวด้านหน้า พาพวกเขาไปยังเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานต้อนรับอยู่สิบกว่าคน
"ไอวี่ ข้าพานักเดินทางมายื่นคำร้อง มีใครว่างอยู่มั้ง ขอรับคุ้มกันมากๆหน่อย" ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเกราะเขียวถามพนักงานต้อนรับที่กำลังว่างอยู่
"รอสักครู่ไอแซค มีกลุ่มของเดซี่กับกลุ่มของพริมสันที่ว่างอยู่ รับคุ้มกันไม่เกินเจ็ดคนต่อกลุ่ม" พนักงานหญิงส่งกระดาษไปให้ชายหนุ่มก่อนที่จะค้นหาต่อไป
"มีอีกกลุ่มของเซฟรับคุ้มกันสี่คน ที่เหลืออีกสามกลุ่มรับคุ้มกันไม่เกินสาทคนละนะ"
"ขอบใจมาก เอาล่ะพวกนายตามข้ามาละกัน" ชายหนุ่มรับกระดาษมาทั้งหมดหกใบ ก่อนจะเดินนำทุกคนไปยังโต๊ะที่อยู่รอบๆ
"อันนี้กลุ่มของไอวี่ พวกเจ้าหกคนที่เป็นกลุ่มเดียวกัน ก็ตกลงค่าจ้างกันเองละ ข้าจะพาที่เหลือไปหากลุ่มอื่น" กลุ่มคนหกคนที่ใส่ชุดคลุมสีแดงมีสัญลักษณ์ของโรงเรียนอัศวินของอาณาจักรอเคเซีย พยักหน้าให้กับชายหนุ่ม ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะที่มีกลุ่มหญิงสาวและชายหนุ่มนั่งอยู่ก่อนแล้วแปดคน
กลุ่มที่เหลือต่างตามชายชุดเกราะเขียวนี้ต่อไป แต่ละกลุ่มก็ตกลงเลือกกลุ่มคุ้มกันไปจนหมด จนในที่สุดก็เหลือเพียงครรชิตที่สวมหน้ากาก และใส่ชุดเกราะประหลาดเพียงคนเดียวที่เดินตามหลังชายหนุ่มคนนั้นไป
จนในที่สุดเขาก็พบกับกลุ่มทหารรับจ้างที่จะตกลงสัญญาว่าจ้าง พวกเขาเป็นกลุ่มคนช่วงวัยรุ่นตอนปลายมีกันสามคน โดยมีชายหนุ่มหนึ่งคนและหญิงสาวอีกสองคน พวกเขาใส่ชุดคล้ายกับทหารรับจ้างที่พาเขามาในกิลด์นี้นั้นเอง เหมือนกับว่าชุดเกราะสีเขียวนี้จะเป็นชุดเกราะประจำกิลด์นี้ละมั้ง
"เอาล่ะ พวกเจ้าตกลงกันเอาเอง ข้าขอไปพักล่ะ" ไอแซคเดินจากไป โดยทิ้งให้ทั้งสี่คนนั่งอยู่ด้วยกัน
"ก่อนอื่นก็ ข้าโจ โจเซฟ นี้ภรรยาข้าพูริน ส่วนนั้นน้องสาวข้าเมร่า" ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ระหว่างสองสาวได้แนะนำตัวเอง
โดยตัวชายหนุ่มมีลักษณะเหมือนนักรบ ไว้ผมสั้นหน้าตาดูคมเข้ม มีร่างกายแข็งแรงและมีกล้ามเนื้อเข้ารูป ใส่ชุดเกราะหนังสีเขียวเข้มและมีบางส่วนเป็นโลหะผสมอยู่บ้าง ใช้ดาบสองคมขนาดกลางเหมาะกับการโจมตี และมีโล่กลมอีกอันที่วางอยู่ข้างเก้าอี้ ส่วนภรรยาของเขาพูริน อยู่ในชุดคลุมสีเขียวของพวกนักเวทย์นั้นเอง ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าที่ชัดเจน แต่ก็พอมองออกมาสวยใช้ได้ และมีเกราะหนังอยู่บ้างตามจุดสำคัญ ส่วนอาวุธเข้ายังไม่เห็น แต่น่าจะเป็นไม้คฑาไม่ก็ไม้เท้าของนักเวทย์ทั่วไป
ส่วนคนสุดท้ายเป็นหญิงสาวที่ใส่ชุดเกราะหนังเช่นคล้ายหญิงสาวอีกคน โดยเธอมิได้ใส่ฮูดจึงทำให้เห็นหน้าตาได้ชัดเจน เธอมีหน้าตาคล้ายชายหนุ่มที่เป็นพี่ของเธอ แต่เธอมีโครงหน้าที่อ่อนหวานมากกว่า อาวุธของเธอเป็นธนูไม้สีน้ำตาลและมีจารึกเวทย์อยู่บ้างส่วน และมีดสั้นที่เหน็บอยู่ข้างเอวอีกสองเล่ม
"ข้าครรชิต" ทุกคนพยักหน้าให้ครรชิต ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นตัวแทนของกลุ่ม สอบถามถึงรายละเอียดของสัญญาจ้างในครั้งนี้
"เจ้าชื่อครรชิตสินะ ชื่อแปลกดี แต่ว่าขอฟังรายละเอียดหน่อยได้ไหม ว่าจะเดินทางอย่างไรและให้ไปส่งที่ไหน ราคาค่อยคิดจากเป้าหมายอีกที"
"ข้าต้องการไปภูเขามานา'แกล'อย่างเร็วที่สุด ส่วนจะเดินทางยังไงก็แล้วแต่พวกเจ้า จะใช้สัตว์ขี่หรือเดินเท้าก็ได้ แต่ต้องเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนค่าจ้างเป็นเจ้านี้ พอหรือไม่" ครรชิตเอาขวดยาที่ทำจากหินสีฟ้าออกมาหนึ่งขวด
"ยา?" ทั้งสามคนถามอย่างประหลาดใจ เพราะน้อยครั้งหรือแทบจะไม่มี ที่จะมีใครจ้างทหารรับจ้างด้วยยาเช่นนี้
"มันเป็นยาเวทย์ที่ชื่อว่า'ฟื้นฟูพริบตา' เป็นยาเวทย์ระดับกลางค่อยไปทางสูง ขวดหนึ่งมีหกเม็ด มันสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของร่างกายและจิตวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว ราคาในท้องตลาดอยู่ที่สิบเหรียญจิตปีศาจต่อขวด" ครรชิตบอกถึงสรรพคุณและราคาของมัน ก่อนจะมองไปที่ทั้งสามคนตรงหน้า ที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปแล้ว
เพียงแค่ได้ยินว่ามันเป็นยาระดับกลางค่อนไปทางระดับสูง ทุกคนต่างก็ทำสีหน้าตกตะลึงไปแล้ว แต่เมื่อได้ฟังถึงสรรพคุณและราคาของมัน เกือบทำให้ทั้งสามคนหมดสติ เพราะของที่ดีและราคาเหมาะสมกับมันเช่นนี้ ต่อให้ราคาแพงกว่านี้สิบเท่าก็มีคนซื้อ เพราะการรักษาอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็วเช่นนี้นับว่าหายาก และไม่ค่อยมีประสิทธิภาพถึงขนาดรักษาจิตวิญญาณหรือพลังมานาได้มากนักหรอก
"ตะ ตกลง" ทั้งสามคนตอบอย่างตะกุกตะกัก แต่ก็พูดเสียงเบาๆ พร้อมหันไปมองรอบข้าง เพียงเพื่อมองดูว่ามีใครได้ยินที่พวกเขาพูดกันหรือไม่ โชคดีที่โต๊ะรอบข้างของพวกเขาไม่มีคนอยู่ และเสียงของนายจ้างพวกเขาก็ไม่ดังมากนัก จึงไม่ดึงดูดความสนใจของคนอื่น
พวกเขาทั้งสามคนคิดอย่างเหงื่อตก เพราะค่าจ้างสิบเหรียญจิตปีศาจ นับว่ามากเท่าเงินที่ทั้งสามคนทำงานที่ผ่านมานานถึงหกปีเต็ม! แต่พวกเขากลับได้มาอย่างง่ายๆเช่นนี้ นับว่าพวกตนโชคดียิ่งนัก และพวกเขาต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จให้จงได้
"ด้วยเกียรติของกิลด์ทหารรับจ้างพฤษาเขียวขจี พวกข้าจะทำภารกิจนี้อย่างดีที่สุด" ชายหนุ่มพูดขึ้นมา ก่อนจะเอาสัญญาว่าจ้างขึ้นมาเขียนรายละเอียด
ทั้งสี่คนต่างตกลงถึงสัญญาการว่าจ้าง และรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทาง โดยพวกเขาจะออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้ เพราะตอนนี้มันเลยเที่ยงมาหลายชั่วโมงแล้ว โดยพรุ่งนี้เช้าพวกเขาจะออกเดินทางด้วยสัตว์ขี่ โดยทุกคนต่างก็มีสัตว์ขี่เป็นของตัวเอง ทางกลุ่มทหารรับจ้างพฤษาเขียวขจีมีสัตว์ขี่เป็นหมาป่าสายลม สัตว์เวทระดับสองที่พบได้มากพอๆกับหมาป่าทมิฬ โดยจะพบเฉพาะในป่าทึบเท่านั้น
ส่วนครรชิตเขาจะขี่เจ้าไล่ก้า โดยให้มันเก็บปีกไม่ได้บินไป เพราะทางระหว่างสองเมืองมิได้เป็นถนนเช่นอาณาจักรอื่น แต่เป็นป่าเขาวงกต ที่มีแต่ผู้ที่เกิดในอาณาจักรและทำบัตรแสดงตน จากคริสตัลเมืองของอาณาจักรพฤษาพันปีเท่านั้น ที่จะสามารถผ่านป่าวงกตนี้ไปได้ โดยที่ชายหนุ่มจะเคลื่อนตัวอยู่ตรงกลางกลุ่มเสมอ
"ตกลงตามนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปหาที่พักก่อน เจอกันที่กันที่นี้ในตอนเช้า" ครรชิตเอ่ยลา ก่อนจะออกจากที่ตั้งกิลด์ไป แล้วเดินเตร็ดเตร่หาที่พักไปด้วย
ใช้เวลาไม่นาน ในที่สุดเขาก็ได้ที่พักที่ดีและราคาไม่แพงมากนัก เพียงคืนละสิบเหรียญจิตมารเท่านั้นเอง มันเป็นโรงแรมสามชั้นที่สร้างจากต้นไม้ทั้งต้นที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยต้นไม้นี้มีความกว้างของลำต้นเท่ากับยี่สิบคนโอบ มันมีทั้งหมดสี่ต้นที่ขึ้นใกล้ๆกัน ถูกขุดและดัดแปลงมันเป็นห้องพักนับสิบห้องในแต่ละชั้น
โดยมีชั้นล่างเป็นที่พักของเจ้าของ ห้องโถงรับแขก ห้องครัวและห้องอาหาร พร้อมกับเป็นบาร์เหล้าในเวลากลางคืนอีกด้วย ส่วนชั้นสองและชั้นสามเป็นที่พักนับสิบห้อง โดนแต่ละห้องก็มีการตกแต่งคล้ายกันนั้นเอง โดยส่วนใหญ่เป็นพวกของใช้จำเป็น และของประดับฝาผนังอีกเล็กน้อย
ทุกโรงแรมของเมืองนี้ แทบทั้งหมดต่างก็สร้างด้วยวิธีการนี้ มีเพียงไม่กี่แห่งที่สร้างจากไม้แปรรูป ทำให้เมืองแห่งนี้คล้ายกับเมืองต้นไม้นั้นเอง เช่นเดียวกับบ้านเรือนส่วนใหญ่ ที่สร้างจากต้นไม้ทั้งหลังเช่นเดียวกัน โดยการเสริมโครงสร้างของห้องเข้าไปในส่วนต่างๆของต้นไม้ และด้วยความที่ว่าทุกคนต่างมีธาตุหลักเป็นธาตุไม้ ทำให้การทำแบบนี้เป็นเรื่องง่ายนั้นเอง
"ขอให้มีความสุขกับโรงแรมของเรานะครับ" เจ้าของโรงแรมที่เป็นชายหนุ่ม กล่าวอวยพรไล่หลังชายหนุ่มที่สวมหน้ากาก ที่ตอนนี้ขึ้นไปยังห้องนอนของต้นที่ชั้นสามเป็นที่เรียบร้อย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ลูน่าหายไปไหนครับ
คำว่านี่เอง นั่นเอง เยอะไปครับ
พอจะมีรูปฝักดาบทรงข้าวหลามตัดให้ดูมั้ย นึกภาพไม่ออกครับ