บทที่ 1 : ฟื้นฟูจิตใจ
ทั้งลิลลี่และครรชิตต่างอึ้งกับการแสดงออกของลูน่า ลิลลี่นิ่งเหมือนเป็นหินและหน้าแดงมากๆ ส่วนครรชิตถึงแม้หน้าจะช็อคค้างติ่งอยู่แบบนั้น แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ตอบรับคำพูดของลูน่าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"หยุดก่อน จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วย" เป็นครรชิตที่ได้สติก่อน เขาลุกขึ้นยืนและจ้องหน้าลูน่าพร้อมออกคำสั่งไปด้วย ในตอนที่ได้สติเด็กหนุ่มต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากที่จะสะกดข่มอารมณ์ที่พุ่งขึ้นมาเมื่อสักครู่
"ค่ะ" ลูน่าตอบรับหน้าตายก่อนจะปล่อยกระโปรงเมดสีน้ำเงินเข้มลง แล้วจัดมันให้เข้าที่เข้าทาง
ลูน่าเหมือนหุ่นยนต์ที่ทำตามคำสั่งมากกว่าจะเป็นมนุษย์เสียอีก เขาคงต้องทำอะไรบ้างอย่างสินะ นี้เป็นหนึ่งในผลกระทบจากการทำสัญญาทาสฝ่ายเดียวสินะ หลังจากนี้คงต้องศึกษาความรู้ให้หลากหลายมากขึ้น
"มานั่งตรงนี้" เขาตบปุ๊ๆที่ข้างตัวเขา
ลูน่าปิดประตูห้องก่อนจะเข้ามานั่งที่ข้างเด็กหนุ่ม ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับลิลลี่ เธอมองไปยังเด็กหนุ่มเหมือนรอคำสั่งต่อไป ครรชิตที่เห็นดังนั้นได้แต่ถอนหายใจออกมา
"ลิลลี่พอจะมีวิธีทำให้ลูน่าเป็นเหมือนคนปรกติไหม" เขาไม่ค่อยรู้เรื่องแบบนี้มากนัก จึงถามกับคนที่พอจะได้เรียนพื้นฐานในเรื่องสัญญามาบ้างอย่างลิลลี่ เขารู้เพียงแค่ว่าสัญญาในอดีตมีอะไรที่น่าสนใจบ้างเท่านั้น(มันเป็นเหมือนตำนานเรื่องเล่าของทักษะสัญญานั้นแหละ) และมันไม่ได้ครอบคลุมถึงสัญญาทาสเสียด้วย
พี่เฟรย่านอกจากจะมาช่วยสอนลิลลี่ในเรื่องการฝึกพลังในตอนเช้าแล้ว ในตอนบ่ายเธอยังช่วยสอนเรื่องสังคม วัฒนธรรมและสิ่งอื่นๆ เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการเข้าศึกษาในโรงเรียนหลวง เพราะท่านป้าเซเรน่าได้จัดเตรียมแผนการศึกษาของลิลลี่ไว้แล้วว่าจะให้เดินตามรอยของพี่โรสแมรี่ โดยเข้าโรงเรียนหลวงหลังจากผ่านประเพณีอเคเซียแล้ว แม้จะไม่มีทักษะสัญญาก็ตาม
ครรชิตเองก็เคยแอบเรียนรู้มาบ้างเล็กๆน้อยๆจากการที่พี่เฟรย่าสอนลิลลี่นั้นเอง เขายังไม่อยากเข้าโรงเรียนที่มีพวกจอมเวทย์เดินไปมาสักเท่าใด เพราะจะทำให้พลังมานาที่อุตส่าห์ปกปิดเอาไว้แตกได้ง่ายๆ เพราะผู้ที่มีระดับมานาขั้นสูงกว่าสามารถใช้เวทย์ตรวจสอบดูระดับพลังของคนที่มีระดับขั้นต่ำกว่าได้ทั้งหมด เขาว่าจะเรียนรู้จากการจ้างพวกครูสอนพิเศษอย่างพี่เฟรย่าน่าจะดี
"ก็พอจะมีนะค่ะ น่าจะเป็นคำสั่งปลดเข็มมานากดความคิด ข้าก็ไม่แน่ใจเรื่องนี้นักท่านพี่"
"อืม ปลดเข็มมานากดความคิด" สิ้นเสียงคำสั่งของครรชิต ร่างของลูน่ากระตุกครั้งหนึ่ง ก่อนจะนิ่งไปสักพักก่อนที่จะกลับมานั่งตัวตรงและเริ่มมีประกายในตาปรากฏให้เห็นขึ้นมา จากที่ก่อนหน้านี้มีแต่แววตาไร้ประกายและใบหน้าไร้อารมณ์
จากแววตานิ่งๆก็ปรากฏความเศร้าและความหวาดกลัวขึ้นมา เมื่อแววตาเธอเปลี่ยนไป ลูน่าก็เอาแต่กอดเข่าตัวเองแล้วเริ่มร้องไห้ ลิลลี่ทำอะไรไม่ถูกได้แต่หันไปจ้องเด็กหนุ่มข้างกาย ส่วนเด็กหนุ่มข้างกายก็เป็นเหมือนกับเธอ เขาหันมาจ้องเธออย่างขอความช่วยเหลือ
ถึงแม้จะเคยเป็นเพลย์บอยมาบ้าง แต่ไม่เคยมีประสบการณ์รับมือกับหญิงสาวที่เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ และในการสร้างเกมเนื้อเรื่องที่เขาสร้างมันก็กว้าง ส่วนเนื้อเรื่องของตัวละครเขาก็ให้พนักงานออกแบบทำไป ส่วนการเข้าไปเนียนเป็นเอ็นพีซีก็ไม่เคยเจอผู้คนที่มีนิสัยแบบนี้เลยสักคนเดียว แล้วเขาจะทำไงดี
"อืม" ครรชิตใช้ความคิดอย่างหนัก จะทำให้ผู้หญิงอารมณ์ดีต้องทำยังไงมั้งนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็พาไปช้อปปิ้ง ดูหนัง พาไปเที่ยว แล้วที่นี้ทำอะไรได้มั้งหว่า
ลิลลี่เห็นเด็กหนุ่มข้างกายหน้านิ่วคิ้วขมวด ก็ได้แต่ให้กำลังใจเงียบๆ จนกระทั่งเห็นเขาเริ่มหยิบของออกมาจากแหวนมิติที่ละอย่าง มันมีทั้งกล่องที่ใส่แหวนมที่เพิ่งซื้อมา อัญมณีสีต่างๆ อุปกรณ์ปรุงยาขนาดเล็ก เครื่องประดับสวยๆหรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่ออกแบบอย่างสวยงามแต่ดูแปลกตา
"พี่จูเนียร์เอาออกมาทำไมเยอะแยะเนี๊ยะ" ลิลลี่ถามอย่างสงสัย
"ก็พี่ไม่รู้จะเอาอะไรไปปลอบลูน่าดีอะสิ" ครรชิตเอ่ยอย่างจนปัญญา
ทางด้านลูน่าก็ยังร้องไห้ สะอึกสะอื้นต่อไป โดยไม่ได้สนใจรอบข้างเลยแม้แต่น้อย
"อันนี้ดีไหมนะ อันนี้น่าจะทำให้ดีใจแต่อาจจะทำให้คิดถึงอดีตเหมือนกัน ไม่ไหวอ่า" ลิลลี่ยกมือยอมแพ้ก่อนจะหันไปกอดลูน่าเบาๆอย่างเห็นใจ
สิ่งที่ลิลลี่เลือกคือเครื่องปรุงยาเล็กๆ มันเป็นสิ่งที่นักปรุงยามักจะพกติดตัวและเป็นของรักของห่วงประจำตัวนักปรุงยา แต่ถ้ามอบให้ก็คงทำให้ลูน่านึกถึงท่านพ่อท่านแม่สินะ ครรชิตเก็บมันเข้าแหวนมิติไป อันต่อมาเป็นชุดสวยๆคงต้องเก็บไป เพราะอันนี้ออกจะไม่เกี่ยวสักเท่าใดและลูน่าเองคงเป็นพวกไม่ค่อยแต่งตัวเพราะเริ่มปรุงยาตั้งแต่เด็กๆ และของอีกหลายอย่างที่เก็บเข้าไปจนเหลือแต่แหวนที่เพิ่งซื้อมากับสร้อยคอที่ป้ามาเรียมอบให้เป็นของตอบแทน ในเรื่องเป็นผู้ช่วยเขียนจารึกเวทย์ให้ทางร้านที่กำลังขาดสินค้าอยู่พอดี
เขามองลิลลี่ที่กอดลูน่าอยู่ มันเป็นภาพที่แปลกพอสมควรเลยละ ที่เด็กสาวตัวน้อยกำลังกอดเด็กสาวตัวโตแล้วลูบหัวไปมาอย่างนี้ จนทำให้เขารู้สึกอย่างเข้าไปกอดแล้วลูบหัวทั้งคู่ขึ้นมาเลยทีเดียว
หลังจากชั่งใจอยู่นานในที่สุดเด็กหนุ่มก็โอบกอดทั้งสองคนไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะลูบหัวทั้งคู่เบาๆ ส่วนปากก็เอ่ยถามถึงสิ่งที่ลูน่าไม่สบายใจ หรือปัญหาที่ประสบมาเพื่อช่วยระบายเรื่องอัดอั้นตันใจของเธอ หญิงสาวจะได้มีกะจิตกะใจช่วยตนทำงานโดยไม่ต้องใช้สัญญาทาสบังคับ
"เจ้ามีอะไรอยากบอกนายท่านของเจ้าไหม" ครรชิตพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไปให้หญิงสาวในตอนที่เธอเริ่สะอื้นน้อยลงแล้ว ในขณะเดียวกันก็กอดและลูบหัวเบาๆไปด้วย
"เจ้าสามารถบอกข้าได้นะ ถ้าข้าช่วยได้ข้าจะช่วย"
"ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ข้าทำไม่ได้หรอกนะ"
"เจ้าต้องการใครสักคนคอยดูแล้วหรือเปล่า"
"เจ้าอยากได้นายท่านที่ค่อยปลอบเจ้าไหม"
"หรือเจ้าอยากได้ครอบครัวที่ค่อยดูแลเจ้าล่ะ"
และอีกหลายคำปลอบโยนที่ครรชิตใช้ตรวจปฏิกิริยาของเด็กสาวในอ้อมกอด เมื่อพูดถึงครอบครัวเธอจะสั่นอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆเธอไม่ค่อบตอบสนองเท่าใดนัก แต่อย่างน้อยก็ทำให้เธอหยุดร้องไห้ได้แล้ว ลิลลี่ยิ้มให้เด็กหนุ่มก่อนจะยกนิ้วโป้งมาให้
เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ปรกติเมื่อปลอบเสร็จเขามักจะคอยเอาอกเอาใจไปสักพัก จนอีกฝ่ายอารมณ์ดีแล้วก็เผด็จศึก แต่ว่านี้เป็นการปลอบและฟื้นฟูจิตใจเด็กสาวให้อยู่ในสภาพปรกติเท่านั้น เพื่อให้การทำงานต่อไปของเขาไม่ติดขัดนี้หน่า
"ลิลลี่ทำไงต่อดี" เขาก้มไปกระซิบถามลิลลี่เบาๆ
"ท่านแม่บอก ถ้าทำผู้หญิงร้องไห้ให้ผู้ชายรับผิดชอบค่ะ" ลิลลี่ตอบอย่างใสซื่อ
"รับผิดชอบ? รับผิดชอบยังไง" เขาถามอย่างงงๆ ก็ในเมื่อลูน่าร้องไห้เองโดยไม่เกี่ยวกับเขานี้หว่า
"ท่านเชื่อใจข้าไหม ถ้างั้นพูดตามข้านะพี่จูเนียร์ 'ตอบสนองความปรารถนาของนายท่าน' " ลิลลี่หันมายิ้มให้เด็กหนุ่ม เมื่อเห็นเด็กหนุ่มก็พูดต่อไป เด้กหนุ่มก็ไม่ได้สงสัยอะไร เลยพูดตามที่ลิลลี่บอกถึงแม้มันจะแปลกๆก็เถอะ แต่ในฐานะที่เรียนรู้พื้นฐานมากกว่าเขา เขาจึงได้แต่เชื่อใจเธอ
"รับทราบค่ะ" ลูน่าตอบกลับคำพูดของเขาด้วยใบหน้าแดงๆที่ปรากฏคราบน้ำตาชื้นๆ แววตาของเธอยังมีความเศร้าแต่ในขณะเดียวกันมันก็มีความสุขอยู่ภายในเช่นกัน
รอบตัวของลูน่าเกิดควันจางๆปล่อยออกมาจนทั่วทั้งเตียงขนาดคิงส์ไซด์ มันมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นดอกกุหลาบ แต่ก็มีกลิ่นหอมของสมุนไพรจางๆ นอกจากนี้มันยังทำให้เกิดแรงกระตุ้นขึ้นที่ส่วนต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นประสาทสัมผัสหรือความคิด โดยเฉพาะสัญชาตญาณดิบที่เหมือนถูกกระตุ้นเป็นพิเศษ
ครรชิตสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ เขาได้เริ่มต้นโคจรลมปราณเพื่อสกัดกั้นความรู้สึก และสิ่งกระตุ้นที่ถูกปล่อยออกมา มิให้มันได้มีผลต่อการตัดสิ้นใจและสติของเขา
เขามองไปยังสองสาวที่มีสีหน้าหลงไหลไปกับภาพฝันบางอย่างในจิตใจของพวกเธอ เขามองเห็นภาพนั้นจากหมอกควันที่เกิดขึ้น ลิลลี่ฝันเกี่ยวกับการอยู่ด้วยกันของเขาและเธอ พวกเขาทั้งสองคนแต่งงานกันและย้ายกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านกรีนพีช ในความฝันพวกเขามีลูกด้วยกันสองคน คนหนึ่งเป็นผู้ชายอีกหนึ่งเป็นผู้หญิง พวกเขามีกิจการค้าขายเล็กๆ พอที่จะเลี้ยงดูเด็กทั้งสองและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ส่วนลูน่าฝันถึงการปรุงยาในวัยเด็ก โดยด้านข้างของเธอในวัยเด็กมีชายหนุ่มและหญิงสาวที่มีอายุ ทั้งคู่กำลังสอนเด็กสาวตัวน้อยให้ปรุงยา บ้างครั้งเด็กสาวก็ปรุงยาสำเร็จ ก็จะได้รับการลูบหัวและกอดจากหญิงสาว พวกเขาอาศัยอยู่บนภูเขาสูงที่มีหมู่บ้านเล็กๆอยู่ ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็เป็นนักปรุงยาทั้งสิ้น ทุกคนต่างอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
เด็กหนุ่มจ้องไปยังภาพความฝันทั้งสอง ก่อนที่เขาจะเข้าใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้น นี้คงเป็นเวทย์อะไรบ้างอย่างที่จะสร้างความฝันขึ้น คนที่โดยเวทย์นี้เข้าไปจิตสำนึกจะแสดงความปรารถนาที่เก็บซ่อนออกมา อย่างของลิลลี่คงอยากจะอยู่กับจูเนียร์สินะ ไม่แปลกใจเพราะทั้งสองคนก่อนชอบพอกันอยู่แล้ว ก่อนที่เขาจะมาอาศัยร่างนี้เสียอีก ยังไงเขาก็จะทำตามความต้องการของสหายวัยเยาว์อยู่แล้ว
ส่วนความปรารถนาของลูน่าคงเป็นการปรุงยาสินะ เขาไม่แน่ใจนักว่าเป็นการปรุงยาอย่างเดียวหรือไม่ อาจจะมีเรื่องบิดามารดาของเธอด้วยก็ได้ และจากที่เห็นในภาพเธอก็ไม่ได้ถูกคนอื่นดูถูกทั้งที่ไม่มีพลังเวทย์เสียหน่อย หรือว่าเธอต้องการให้คนอื่นยอมรับในตัวเธอด้วย ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าจะปลอบใจลูน่ายังไงดี
เขาให้พลังปราณสลายพลังเวทย์ที่แพร่กระจายออกมาจากตัวลูน่าจนหมดสิ้น นั้นทำให้ทั้งคู่เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างแท้จริง เขาอุ้มลิลลี่ให้ไปนอนบนเตียงให้เรียบร้อย ส่วนลูน่าที่ลืมตาตื่นขึ้นมาจากการที่เขาอุ้มเธอขึ้นมา เพื่อจัดท่านอนให้เธอหลับสบาย
"เจ้าตื่นแล้วรึ" ครรชิตเอ่ยเสียงนุ่ม ก่อนจะวางเธอลงบนเตียงเบาๆ
"เจ้าค่ะ" ลูน่าหน้าแดง ก่อนจะหลบสายตาเด็กหนุ่มที่จ้องอยู่
"เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะให้เจ้าปรุงยาอย่างแน่นอน แม้เจ้าจะไม่มีมานาก็ตาม เพราะฉะนั้นได้โปรดพยายามเข้าล่ะ" ครรชิตพูดไปลูบหัวหญิงสาวไปอย่างอ่อนโยน
"จะ เจ้าค่ะ" ดวงตาของลูน่าปรากฏน้ำใสๆไหลออกมา เธอกอดชายหนุ่มแน่น เหมือนกลัวว่าเขาจะทิ้งเธอไป
ครรชิตกอดเธอและลูบหลังเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปลูบหัวจนเธอหลับลงไปบนเตียง
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
12ปีก็ผสมพันธุ์กันได้ละฮะ(รึต่ำกว่านั้น?)
จะมีความรัก จะแรดตั้งแต่10ปีก็ไม่แปลกฮะ
ดูลักษณะของเนื้อหา รูปแบบสังคม การปกครอง การดำเนินชีวิต ช่วงเวลาในเรื่องด้วยครับ
อย่าเอาบรรทัดฐานในปัจจุบันไปตัดสินครับ
เด็กผู้ชายก็เหมือนกัน อายุ9-10ขวบอัณฑะก็เริ่มผลิตอสุจิแล้วครับ
เพราะฉะนั้นถ้ามันอย่างทำลูกตอนนี้ก็มีโอกาสได้เหมือนกันครับ