ตอนที่ 145 : เศษมงกุฎทศธาตุชิ้นที่สอง
บทที่ 3 : เศษมงกุฎทศธาตุชิ้นที่สอง
ดูเหมือนว่าราคาของหนังสัตว์เก่าขาดนี้จะมีราคาไม่สูงอย่างที่เขาคิด มันใช้เพียงยาอายุวัฒนะเพียงเจ็ดขวดเท่านั้นเอง
จากคำบอกกล่าวของผู้จัดการได้บอกกับเขาหลังจากแลกเปลี่ยนกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เศษหนังสัตว์นี้อยู่คู่กับหอวีรชนทลายฟ้ามานับหมื่นปี แต่กลับไม่มีใครคิดจะซื้อมันไปเลยสักคนเดียว ถึงแม้จะมีคนซื้อไปไม่นานก็ถูกนำมาขายคืนเสียหมด
ด้วยการที่มันหาประโยชน์มิได้เลยนอกจากใช้เป็นโล่ช่วยชีวิตหนึ่งครั้ง แต่สิ่งแลกเปลี่ยนในการใช้โล่คือพลังมานาแทบหมดตัวผู้ใช้ ทำให้มันไม่เป็นที่ต้องการเพราะมีของที่ทำหน้าที่คล้ายกัน แต่ใช้มานาน้อยกว่าและใช้ได้หลายครั้งกว่าเจ้าเศษหนังสัตว์เวทนี้
หลังจากการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น ครรชิตได้ครุ่นคิดอยู่ในห้องนั้นสักพัก ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างยินดี เพราะที่แห่งนี้อาจจะมีของที่เขาต้องการอีกหลายอย่างก็เป็นได้
"ผู้จัดการ ท่านมีห้องเวลาให้เช่าหรือไม่" เสียงแปล่งๆของชุดเกราะดังขึ้น
ผู้จัดการวัยกลางคนที่รออยู่หน้าห้องอย่างเงียบๆจะสะดุ้งตกใจ เพราะเสียงมันดังขึ้นในระยะประชิดแต่กลับไม่รับรู้ถึงตัวตนของชุดเกราะสีดำนี้แม้แต่น้อย มันหันมายิ้มประจบประแจกในทันทีหลังจากปั้นหน้ายิ้มแย้มได้หลังจากนั้น
"มีขอรับ ไม่ทราบว่าท่านต้องการแบบใด สามเท่าแบบปรกติหรือมากกว่านั้น เรามีบริการถึงหกเท่าขอรับ" มันพูดพร้อมกับเดิมนำชุดเกราะสีดำไปยังมุมหนึ่งของชั้นสองนี้
ที่ที่ผู้จัดการพาครรชิตไป มันเป็นส่วนในสุดของชั้นสองแห่งนี้ การจะเข้ามาที่นี้ต้องผ่านประตูที่แบ่งไว้สำหรับการจัดแสดงสินค้า ซึ่งยิ่งลึกยิ่งเป็นของราคาแพงหรือของที่หายากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
เมื่อมาถึงส่วนในสุด พวกเขาก็พบกับเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานหญิงนั่งรออยู่ เธอลุกขึ้นและทำความเคารพครรชิตและผู้จัดการอย่างนอบน้อม ก่อนจะส่งรายการการใช้ห้องเร่งเวลาให้ผู้จัดการร้าน
"นี้ขอรับเป็นรายการห้องที่เรามีทั้งหมด รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมงอีกด้วย" มันยื่นส่งมาให้ครรชิต ซึ่งเขาก็รับไปดูอย่างสนใจเล็กน้อย
ราคาของห้องเร่งเวลาสามเท่ามีราคาอยู่ที่ชั่วโมงละหมื่นเหรียญจิตอสูร ซึ่งถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับราคาของสิ่งต่างๆในชั้นนี้ ยิ่งมีการเร่งเวลามากขึ้นเท่าใดราคาของมันก็ยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น
ในห้องที่เร่งเวลาถึงหกเท่า ราคาของมันตกอยู่ที่ชั่วโมงละสองหมื่นเหรียญจิตมาร ซึ่งก็เหมาะสมอยู่สำหรับราคานี้ เพราะมันก็ใช้ศิลาจิตอสูรที่มีราคาครึ่งหนึ่งในการเปิดใช้งานหนึ่งชั่วโมง
หลังจากยืนอ่านอยู่หลายวินาที เขาก็หันไปมองยังผู้จัดการร้านและเริ่มบอกความต้องการ
"ข้าจะเช่าห้องสี่เท่าสามชั่วโมง เจ้าคงไม่ว่าอะไรสินะ" เขาถามออกไป ก่อนจะยื่นเงินไปให้ตามราคาของมัน
"มิได้ขอรับ เช่นนั้นเชิญทางนี้" ผู้จัดการยื่นจารึกเวทย์แผ่นหนึ่งมาให้เขา ซึ่งมันเป็นกุญแจที่จะเปิดห้องเร่งเวลาสี่เท่าห้องหนึ่ง ก่อนจะนำเขาไปยังห้องห้องนั้น
มันนำเขาไปยังห้องที่ดูดีทีเดียว ภายในมีชุดโชฟาอย่างดีหนึ่งชุด พร้อมกับเครื่องดื่มและของทานเล่นอีกหลายชนิดที่ถูกเก็บไว้ในเคาน์เตอร์บาร์ เขาพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนที่จะหันมาเผชิญหน้ากับผู้จัดการร้านก่อนเข้าไปยังห้องเร่งเวลา
"นี้สำหรับการจัดการอำนวยความสะดวกให้ข้า อย่างเมาก่อนที่ข้าจะออกมาเสียละ ข้าไม่อยากจะคุยกับคนอื่นสักเท่าใด" เสียงขบขันที่ดังออกมาจากชุดเกราะ มันให้ความรู้สึกขนลุกมากกว่าขบขันเสียอีก
สิ่งที่เขามอบให้คือสุรากลั่นที่บ่มมาแล้วเกือบหกปีในวงเวทย์เร่งเวลาสองเท่า ซึ่งเป็นวงเวทย์เร่งเวลาสูงสุดที่ไม่ส่งผลกระทบต้องผู้ใช้ นอกจากกล่องที่มีสุราแล้วมันยังมีแก้วซ็อตอีกหนึ่งใบที่แนบวิธีการดื่มให้อีกฝ่ายด้วย
สุรานี้ถูกกลั่นมาจากเหล้าที่มักด้วยผลกระบอกเพชรกระดูก ซึ่งมันเติบโตอยู่มากมายในทะเลทรายรอบเมืองโคลอสเซียมทะเลทราย และมันยังเป็นเหล้าที่นิยมของคนในเมืองนั้นอีกด้วย
ครรชิตได้หายเข้าไปในห้องเร่งเวลาโดยไม่รอฟังคำตอบของผู้จัดการหอวีรชนทลายฟ้าแม้แต่วินาทีเดียว ทิ้งให้เขายืนอ้าปากค้างเหมือนกับจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พูดไม่ออก
หลังจากนั้นหลายนาทีผู้จัดการและขบวนคนคุ้มกันก็ได้สติและกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ส่วนผู้จัดการตรงไปยังห้องของตน ก่อนจะลงมือลิ้มรสสุรากลั่นที่ได้มา เพียงแก้วเดียวคอเหล้าเช่นเขากลับเมาจนแทบจะไม่รู้สึกตัว ต้องใช้เวลาหลายสิบนาทีถึงจะกลับมาเป็นปรกติ
"นี้มันอะไรกัน ร้อนแรงราวกับไฟลวก แต่ก็หอมหวานในลำคอจนวางไม่ลงเช่นนี้ เพียงแค่จิบเดียวก็ราวกับดื่มเหล้าทั้งถังเลยทีเดียว" มันพึมพำอย่างเหม่อลอยออกมา
ทางด้านครรชิตหลังจากเข้าไปยังห้องเร่งเวลา สิ่งที่เขาทำกลับเป็นการเอายาอายุวัฒนะออกมาเรียงไว้รอบๆตัวเขา ก่อนจะนั่งวิเคราะห์หนังสัตว์เวทเก่าๆด้วยความจริงจัง เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกคุ้มเคยกับมันมาก่อน
หลังจากมองดูและทดลองอะไรหลายๆอย่าง เขาก็พบว่ามันเร่งการดูซับพลังธาตุไม้ได้เล็กน้อยจริงๆ ซึ่งคลายกับสิ่งที่เขามีอยู่แล้วในตอนนี้
"ดูเหมือนว่ามันจะคล้ายกับสิ่งนี้สินะ" เขาเอาเศษมงกุฎทศธาตุออกมา มันเป็นส่วนที่คล้ายกับจุดที่ฝั่งอัญมณีเอาไว้ เมื่อมันออกมาด้านนอกของแหวนมิติ มันพลันพุ่งตัวไปยังแผ่นหนังสัตว์เวทในทันที
มันลอยอยู่เหนือแผ่นหนังสัตว์ ก่อนที่รูปร่างของมันจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากส่วนที่มีแต่จุดใส่อัญมณี ตอนนี้มันกลับมีบางส่วนของโลหะที่งอกออกมาจากส่วนเดิม มันเป็นเส้นโลหะเล็กๆที่งอกยาวออกมาจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง
ทำให้มันดูคล้ายกับกำไลแทนที่จะเป็นเพียงชิ้นส่วนเล็กๆขนาดหนึ่งฝ่ามือเช่นเดิม ที่ตรงกลางของจุดที่เคยมีอัญมณีตอนนี้มันมีจุดแสงสีดำเปล่งประกายออกมา ลวดลายของมันยังคงเดิมไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปและไม่มีสิ่งใดเพิ่มเติมไปมากกว่านี้
ในขณะเดียวกันม้วนหนังสัตว์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน มันบิดตัวเองจนกลายเป็นเกลียวและยืดตัวเองยาวหลายสิบเซนติเมตร ในแต่ละครั้งของการบิดตัวของมัน จะมีของเหลวสีเขียวเข้มหยดลงบนโต๊ะไม้
พวกมันหยดลองไปก่อนจะรวมตัวกันเป็นของเหลวสีเขียวเข้มที่เคลื่อนไหวได้เอง มันรวมตัวกันจนมีขนาดเท่ากำปั้นเด็กทารก แล้วเริ่มกระจายตัวเป็นวงเวทย์ที่ซับซ้อนบนโต๊ะไม้ ก่อนที่มันจะเปล่งแสงสีน้ำตาลอมดำออกมา
มันปรากฏแสงสีน้ำตาลอมดำนานหลายวินาที ก่อนที่มันจะหลายไปพร้อมกับของเหลวสีเขียวเข้ม สิ่งที่ปรากฏแทนที่ของเหลวสีเขียวเข้มคือชิ้นส่วนที่คล้ายกับเศษมงกุฎทศธาตุชิ้นแรกที่เขามี มันมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ เพียงแต่ชิ้นนี้มีจุดแสงสีเขียวเข้มแทนที่จะเป็นสีดำปรากฏขึ้นแทนที
ทั้งสองชิ้นส่วนลอยเข้าหายกัน ก่อนที่มันทั้งสองชิ้นจะระเบิดกลุ่มควันสีดำผสมสีเขียวเข้มออกมา มันปกคลุมไปทั่วทั้งโต๊ะไม้จนมองไปเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านใน จนเมื่อควันค่อยๆสลายตัวไปเองเขาถึงเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในได้ชัดเจน
ที่ด้านตรงข้ามของเศษชิ้นส่วนมงกุฎทศธาตุธาตุมืด มีชิ้นส่วนของเศษมงกุฎทศธาตุธาตุไม้ประกอบเข้าด้วยกัน ทั้งสองต่างกระวัดและเกี่ยวกันด้วยลวดโลหะสีเงิน มันเริ่มมีลวดลายที่เพิ่มเติมขึ้นมาเล็กน้อย มันมีขนาดใหญ่พอที่จะเป็นรัดเกล้าได้เลยทีเดียว
เขามองดูมันอย่างฉงน เพราะไม่คิดว่ามันจะเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วและมากมายเช่นนี้ โดยที่เขายังไม่ทันหายตกตะลึง มันก็พุ่งทะลุชุดเกราะราวกับไม่มีตัวตน มันพุ่งเข้าไปอยู่บนศีรษะของเขาและไม่สามารถถอดมันออกได้
"เกิดอะไรขึ้น มันมีเจตจำนงอย่างงั้นรึ" เขาพูดออกมา ก่อนที่จะถอดเกราะส่วนหัวออก แล้วลองจับไปบนศีรษะของเขาดู มันส่งแสงออกมาเล็กน้อยตอบรับกับคำพูดของชายหนุ่ม ก่อนที่มันจะเลือนลางราวกับจะหายไป แต่เขาก็สามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของมันได้อย่างชัดเจน
"เอาเถอะ เจ้าอยากจะอยู่ก็อยู่ไป ข้าไม่ได้ขัดข้องอะไรอยู่แล้ว" เขาพูดออกมา ก่อนจะให้ความสนใจไปยังเตาหลอมระดับวิเศษแทน
แม้จะยังไม่มีส่วนผสมสำหรับการหลอมยาอายุวัฒนะระดับกลางได้ แต่การลองหลอมยาวิเศษด้วยหม้อหลอมใบนี้ดูก็เป็นความคิดที่ไม่เลว เพราะมันทั้งลดเวลาและเพิ่มความสำเร็จในการหลอมอีกมากมาย
ที่ผ่านมาการหลอมยาวิเศษเกือบครึ่งกลายเป็นขี้เถ้าและสารพิษทั้งสิ้น นั้นทำให้เขารู้สึกขัดใจเล็กน้อย เพราะของสำหรับทำยาวิเศษเสียเปล่าไปอย่างมาก และยังทำให้เขาเสียเวลาไปกับมันหลายเดือนเลยทีเดียว
ตอนนี้ยาวิเศษของเขามีอยู่หลายร้อยขวดจากเกือบสองพันพันขวด ทั้งยารักษาโรคต่างๆ ยาเร่งการดูดซับพลัง ยาพิษและยาแก้พิษ เขาได้ใช้ส่วนหนึ่งเป็นรางวัลและอีกส่วนในการขายแบบประมูลออกไป เช่นเดียวกับอีกหลายส่วนที่มอบให้กับครอบครัวของเขา
"ดูเหมือนว่าเวลาจะหมดลงแล้วสินะ" เขาพูดออกมาหลังจากที่รู้สึกได้ว่าวงเวทย์ที่ครอบคลุมทั้งห้องกำลังอ่อนกำลังลงไป
เวลาผ่านมาสิบสองชั่วโมง สิ่งที่เขาปรุงออกมามีเพียงยาวิเศษสิบกว่าขวดเท่านั้น นี้คือระดับสูงสุดในการปรุงมันต่อวันแล้ว ปรกติยาวิเศษสิบกว่าขวดเขาต้องใช้เวลาเกือบเจ็ดวันในการปรุงมันออกมา แต่ด้วยเตาหลอมยาอันใหม่นี้ ทำให้ความเร็วในการหลอมยามากขึ้น เช่นเดียวกับที่ความล้มเหลมในยาระดับยาวิเศษน้อยลงไปอีกเช่นกัน
เตาหลอมระดับวิเศษเช่นนี้ไม่มีการสร้างมานานนับพันปีแล้ว สูงสุดที่มนุษย์ในยุคนี้สร้างได้คือเตาหลอมยาระดับเพชรเพียงเท่านั้น เตาระดับสูงกว่านั้นถ้าไม่ใช่ของที่สืบทอดกันในตระกูล ก็ต้องหามาจากดันเจี้ยนระดับสูงทั้งสิ้น
"ดูเหมือนว่าเจ้ายังไม่เมาสินะ ฮ่าๆๆ" ครรชิตพูดออกมาหลังจากออกมาจากห้องเร่งเวลา
ที่ด้านหน้าห้องมัชายวัยกลางคนที่สีหน้าแดงออกมาเล็กน้อยจนสังเกตเห็นได้ มันกำลังจ้องมายังชายหนุ่มอย่างเคารพและอ้อนวอนเล็กน้อย มันกระแอมไอออกมาเบาก่อนจะเดินเข้ามาประชิดตัวชายหนุ่ม ก่อนจะกระซิบเบาๆ
'ท่านมีอีกหรือไม่ ข้าพร้อมจะสู้ราคามันอย่างที่สุด!'
"ไม่ต้องห่วงผู้จัดการ ข้าไม่เอาเปรียบท่านเกินไป ราคาของมันแค่ขวดละหนึ่งเหรียญจิตมารเท่านั้น" เขาพูดออกมาพร้อมกับเรียกเอากล่องไม้อย่างดีออกมาสิบกว่ากล่อง
"เจ้าต้องการเท่าใด" ครรชิตพูดเสียงเรียบ
"เท่าที่ท่านมี" มันพูดออกมา เพราะสิ่งนี้สำหรับคอสุราเช่นมันแล้ว นับว่ามีค่าเสียยิ่งกว่าทอง
"ข้ามีเพียงยี่สิบกล่องเท่านั้น เจ้าเอาไปทั้งหมดเลยก็ได้ และข้าอยากจะฝากขายสิ่งนี้ด้วย แม้มันจะมีราคาค่างวดไม่มากมายนัก" เขาส่งกล่องไม้ทั้งยี่สิบกล่องไปให้ผู้จัดการหอวีรชนทลายฟ้า พร้อมกับส่งศิลาจิตอสูรระดับเจ็ดไปให้มัน ซึ่งมาพร้อมชิ้นส่วนและเลือดของมันอีกหลายขวด
มันเป็นศิลาจิตอสูรและชิ้นส่วนจากกิ้งก่าเมฆาเพลิง ที่เป็นสัตว์เวทระดับเจ็ดที่อยู่ลึกในภูเขาไฟที่ดับแล้วทางเหนือของอาณาจักร เขาพบมันหลายสิบตัวเมื่อครั้งออกไปล่าศิลาจิตอสูรให้สาวๆ
ในตอนแรกเขากะจะใช้มันสำหรับหลอมรวมกับเม็ดพลังลมปราณของเขา แต่มันกลับมีสองธาตุเสียนี้ จึงทำให้มันไม่บริสุทธิ์มากพอจะหลอมรวมได้ เขาจึงเก็บมันไว้รอทำเป็นอาวุธแะชุดเกราะให้แก่กองกำลังของเขา
แต่จะเอามาขายสักชิ้นสองชิ้นคงไม่ผลเสียสำหรับเขาสักเท่าใดนัก เขาเลยปล่อยให้ผู้จัดการหอวีรชนทลายฟ้าเป็นผู้ปล่อยข้ามัน เพราะถ้านำไปให้กลุ่มการค้า'Orebal'เปิดประมูล คงถูกปล้นหรือไม่ก็ถูกกดดันจนต้องขายในราคาถูกแน่นอน
"ไม่ต้องห่วงนายท่าน ข้าจะทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน" มันพยักหน้าอย่างยินดี
นี้คือสิ่งที่หาได้ยากในอาณาจักเล็กๆเช่นนี้ เพราะเพียงแค่ศิลาจิตอสูรระดับเจ็ดก็เพียงพอจะส่งผลกระทบสำหรับจอมเวทย์ทวิธาตุทั้งหลายแล้ว ด้วยความที่มันสามารถช่วยให้ผู้ที่มีระดับจอมเวทย์ธาตุไปจนถึงระดับจอมเวทย์ทวิธาตุสามารถก้าวไประดับต่อไปได้เร็วขึ้น ทำให้มันมีการแข่งขันกันสูงในการครอบครองสิ่งนี้
แต่ด้วยความที่จอมเวทย์หนึ่งจะสูงกับสัตว์เวทระดับเจ็ดและฆ่ามันได้แทบเป็นไม่ได้ เช่นเดียวกับจอมเวทย์ทวิธาตุที่อย่างมากก็ทำให้มันบาดเจ็บสาหัสได้ แต่การจะฆ่ามันต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดในการจัดการ ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งความตายของมันก็ได้
การที่พวกมันสามารถหาซื้อศิลาจิตอสูรมาได้เอง โดยไม่ต้องเสี่ยงตายไปหามันมาครอบครอง ทำให้พวกมันสามารถพัฒนาความสารถได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ นี้เป็นความคิดของคนในอาณาจักรเล็กๆเช่นนี้
ในอาณาจักรระดับกลางอื่นๆ พวกมันมักจะรวมตัวกันของกลุ่มจอมเวทย์หลายสิบคน พวกมันจะรวมกันล่าสัตว์เวทระดับหกอย่างบ้าคลั่ง เมื่อได้มากพวกมันก็จะแบ่งสรรปันส่วนกันภายในกลุ่ม เมื่อมีใครก้าวขึ้นเป็นจอมเวทย์ทวิธาตุ พวกมันก็จะเริ่มฃ่าสตัว์เวทระดับเจ็ด วึ่งนั้นจะทำให้พวกมันแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว
และมีบางครั้งที่พวกมันก็เอามาขายให้กับอาณาจักรเล็กๆเช่นอาณาจักรอเคเซียนี้ ทำให้พวกมันมีเงินมาพอที่จะนำไปใช้อยู่อย่างสบายอีกหลายปี หรือจะเอาไปแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรที่ต้องการ เป็นต้น
ทำให้ความแข็งแกร่งของอาณาจักรูกตัดสินใจจากความกล้าหาญและบ้าบิ่นของผู้ฝึกฝนวิถีต่างๆในแต่ละอาณาจักร ซึ่งอาณาจักรเล็กๆมักจะมีความกล้าหาญเพียงเล็กน้อย และพวกมันต้องการจะอยู่เพียงแค่จุดสูงสุดของอาณาจักเล็กๆก็เท่านั้น
"ว่าแต่เจ้ามีสมุนไพรหายากอยู่บ้างหรือไม่ ข้ายังไม่อยากออกไปตามหาพวกมันสักเท่าใด" ครรชิตพูดออกมา ก่อนที่การแลกเปลี่ยนรอบใหม่จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

2,037 ความคิดเห็น
-
#1627 Gnuh (จากตอนที่ 145)วันที่ 19 ธันวาคม 2559 / 11:58ขอบคุณครับ#1,6270
-
#1623 Warakorn Triamthaisonglg (จากตอนที่ 145)วันที่ 18 ธันวาคม 2559 / 23:17เมื่อไร่จะไปฟาร์มอีกครับ ดูท่าพระเอกยังไม่ได้ลงมืออะไรในแมพใหม่เท่าไร่เลย#1,6230
-
#1622 ปกเงิน& (จากตอนที่ 145)วันที่ 18 ธันวาคม 2559 / 22:56ขอบคณคับ#1,6220
-
#1621 supersupersuper (จากตอนที่ 145)วันที่ 18 ธันวาคม 2559 / 22:53^3^ / ขอบคุณครับ#1,6210
-
#1620 พาน (จากตอนที่ 145)วันที่ 18 ธันวาคม 2559 / 21:12จ้ะ แลกมาให้หมด#1,6200
-
#1619 jumpnut (จากตอนที่ 145)วันที่ 18 ธันวาคม 2559 / 21:12ขอบคุณคับ#1,6190
-
#1618 phairatw (จากตอนที่ 145)วันที่ 18 ธันวาคม 2559 / 19:34ขอบคุณครับ#1,6180
-
#1617 kamol1122 (จากตอนที่ 145)วันที่ 18 ธันวาคม 2559 / 14:21สนุกดีครับ#1,6170
-
#1616 kunasin46 (จากตอนที่ 145)วันที่ 18 ธันวาคม 2559 / 14:05ขอบคุณครับ#1,6160
-
#1615 Gardena (จากตอนที่ 145)วันที่ 18 ธันวาคม 2559 / 14:04ขอบคุณค่ะ#1,6150