ตอนที่ 111 : จบการประลองรอบแรก
บทที่ 2 : จบการประลองรอบแรก
ในการประลองประจำตระกูลแอสลาสนั้น มันได้ดำเนินการประลองมาแล้วนับเดือน ในตอนนี้มันย่างเข้าเดือนที่สามของการประลองแล้ว
การประลองในครั้งนี้กำลังจะจบครึ่งแรกของการประลองในไม่ช้า ผู้ลงประลองทั้งรุ่นเยาว์และรุ่นอาวุธโส ต่างขับเคี่ยวกันอย่างบ้าคลั่งอย่างแท้จริง เพราะเดินพันในครั้งนี้นับว่าสูงเป็นอย่างมาก
ในรุ่นเยาว์ การประลองในครั้งนี้สำหรับในตระกูลรองผู้ชนะจะได้ชื่อว่า เป็นผู้มีสิทธิ์สูงที่จะได้เป็นว่าที่หัวหน้าตระกูลรองในอนาคต ซึ่งตำแหน่งนี้ยากที่จะได้มาถ้าไม่อาจจะชนะการประลองในตระกูลตนได้
นั้นจะทำให้พวกมันได้รับทรัพยากรจำนวนมากสำหรับฝึกฝน ซึ่งหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันจะเป็นผู้มอบให้ เพื่อให้มันมีพัฒนาการในการฝึกฝนที่สูงยิ่งขึ้นไป จนมีความเหมาะสมจะเป็นผู้นำตระกูล
แต่สำหรับรุ่นเยาว์ในตระกูลหลักแล้ว การประลองในครั้งนี้เป็นการจัดลำดับของพวกมันเท่านั้น และรางวัลสำหรับคนที่ได้รับคะแนนสูงๆนั้นก็ไม่ใช่อะไร นอกเสียจากทรัพยากรและเคล็ดวิชาฝึกฝนประจำตระกูลส่วนหนึ่ง
แม้ผู้ได้อันดับสุดท้ายของตระกูลหลัก ก็อาจจะได้ทรัพยากรมากกว่าผู้ชนะของตระกูลรองเสียอีก
ผู้ชนะรุ่นเยาว์จะมาแข่งกันต่อในการประลองรอบที่สอง ซึ่งในรอบนี้ผู้ชนะของแต่ละตระกูลจะถุกจับฉลากประกับคู่ ซึ่งหาผู้ชนะและอันดับที่สองและสาม ซึ่งในแต่ละอันดับก็จะมีของรางวัลจากทางตระกูลใหญ่ที่แตกต่างกัน
อันดับหนึ่งในทุกปีจะเป็นสิทธิ์ในการฝึกฝนวิชาประจำตระกูลได้หนึ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิชาดาบขั้นสูงหรือการฝึกฝนมานาในร่างกาย รวมทั้งเคล็ดการโคจรมานาอันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล
นั้นทำให้การแข่งขันในรอบที่สองจะรุนแรง และบ้าคลั่งยิ่งกว่ารอบแรกอย่างมหาศาล ในทุกปีจะมีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมากในแต่ละการประลอง
แม้อันดับสองและสามจะได้รางวัลที่น้อยกว่า แต่มันก็เป็นของล้ำค่าที่ไม่อาจจะประเมิณค่าได้เช่นกัน ซึ่งแต่ละการประลองก็มีของรางวัลแตกต่างกันไป ในปีนี้เป็นยาคืนชีพเส้นพลัง ซึ่งถือเป็นยาขั้นสูงที่ล้ำค้าพอๆกับยาอายุวัฒนะ
ยาคืนชีพเส้นพลังนั้นเป็นยาที่ฟื้นฟูสภาพร่างกายเช่นยาอายุวัฒนะเช่นกัน แต่ทว่าผลการฟื้นฟูนั้นแตกต่างกันอย่างมาก โดยยาอายุวัฒนะเป็นการฟื้นฟูร่างกายให้เหมือนหนุ่มสาวอีกครั้ง โดยไม่มีการแทรกแซงพลังมานาในร่างกายแต่อย่างใด เหมือนเป็นการเพิ่มอายุขัยของคนๆนั้นเท่านั้น
แต่สำหรับยาคืนชีพเส้นพลัง กลับเป็นการฟื้นคืนรูบนผิวหน้าของเม็ดพลังมานา ให้มีเท่ากับตอนกำเนิดได้อย่างสิบส่วน นั้นจะทำให้การฝึกพลังมานาของคนๆนั้นพุ่งทะยายอย่างรวดเร็ว และไร้ซึ่งขีดจำกัดใดๆทั้งสิ้น มันนับเป็นยาที่วิเศษอย่างแท้จริง
ส่วนรางวัลของอันดับที่สามนั้น เป็นอาวุธขั้นสูงซึ่งแทบจะประเมิณค่ามิได้ เพราะอาวุธขั้นสุงนั้นกว่าจะสร้างได้แต่ละชิ้นต้องใช้เวลาไม่รู้กี่สิบปี และยังเปลื้องทรัพยากรเป็นอย่างยิ่ง เพียงเพื่อตีดาบระดับสูงขึ้นมาสักเล่ม เพราะทั้งวัสดุที่ใช้รวมทั้งช่างฝีมือ ทุกอย่างต้องอยู่ในระดับสูงสุดขององค์ความรู้ในปัจจุบันทั้งสิ้น
เพราะอาวุธที่แทบทุกคนใช้อยู่ตอนนี้นั้น มันมักจะเป็นเพียงของระดับต่ำสุด ซึ่งสร้างจากเหล็กหรือโลหะที่ต่ำชั้นยิ่งกว่า และของระดับต่ำอย่างน้อยต้องใช้โลหะเวทมนตร์เป็นส่วนประกอบ ส่วนขั้นกลางต้องสร้างจากโลหะเวทมนตร์ทั้งชิ้น ส่วนในขั้นสูงนั้นต้องใช้โลหะเวทมนตร์ระดับกลางขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งมันไม่ใช่ของหาง่ายแม้แต่น้อย
"นายน้อย นี้คือรายการของที่สามารถแลกเปลี่ยนจากแต้มประลองได้ขอรับ" เสียงของชายชราดังขึ้น ขณะที่เด็กหนุ่มซึ่งเป็นนายน้อยกำลังนั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟา
"ขอบใจมาก พ่อบ้านโฮซาเอล" ครรชิตพยักหน้าให้เบาๆ ก่อนจะโยนหนังสือที่อ่านอยู่เก็บลงไปในแหวนมิติ แล้วหยิบเอารายการของสิ่งของบนแผ่นกระดาษที่ยาวเกือบสองเมตรขึ้นมาดู
"ไม่เป็นไรมิได้ขอรับ" เสียงของพ่อบ้านโฮซาเอลดังขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินจากไปทิ้งให้ทั้งห้องเหลือเพียงชายหนุ่ม
รายการสิ่งของที่ให้แลกเปลี่ยนได้มีอยู่นับพันอย่าง มีตั้งแต่ของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งอาวุธและยารักษาทั่วไป อุปกรณ์เวทย์ระดับต่ำจนถึงระดับกลาง รวมไปถึงของจิปาถะที่ไม่ค่อยมีความจำเป็นมากนัก ของทุกชิ้นนั้นว่ามีค่าเป็นอย่างมากสำหรับครอบครัวทั่วไป แต่สำหรับตระกูลแอสลาสแล้วของพวกนี้ เป็นสิ่งของธรรมดาสามัญซึ่งสามารถหาเมื่อไรก็ได้
มีเพียงของที่ใช้แต้มมากกว่าห้าสิบขึ้นไปถึงจะเป็นของหายากขึ้นมาหน่อย อย่างพวกอุปกรณ์เวทย์ระดับกลางจนถึงระดับสูง ทั้งแหวนมิติ เครื่องประดับเสริมพลังหรือพวกอาวุธและเกราะระดับต่ำ ซึ่งมีการจารึกเวทย์ระดับกลางลงไปบนตัวอาวุธ ซึ่งนับว่าเรียกความสนใจของชายหนุ่มได้เล็กน้อย แต่กเขาก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก เพราะของพวกนี้เขามีพวกมันเต็มแหวนมิติขนาดกลางเสียด้วยซ้ำ
และสำหรับของระดับสูงมันต้องใช้แต้มมากถึงหนึ่งร้อยแต้ม พวกมันมีเพียงไม่กี่สิบชิ้นเท่านั้น และส่วนมากก็เป็นอาวุธและชุดเกราะระดับกลางเสียทั้งสิ้น มีเพียงสองชิ้นที่ดูไม่เข้ากันอย่างที่สุด
สิ่งหนึ่งเป็นแหวนโลหะสีดำเกลี้ยงเกลาไร้รอยตำหนิ มันมีชื่อว่าแหวนโล่ทมิฬซึ่งคำอธิบายของมันบอกเพียงว่า มันเป็นแหวนที่สามารถสร้างสนามพลังขึ้นรอบผู้ใช้ได้ มันจะทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีสนามพลังไร้พลังต่อสู้โดยสิ้นเชิง แต่กลับผู้ใช้สนามพลังนี้กลับมีพลังต่อสู่อย่างเต็มเปี่ยมแทน
แต่ของสิ่งนี้ก็ไม่อาจจะใช้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวผู้ใช้ได้เช่นกัน มันจึงมีของเสียที่ใหญ่เกินกว่าจะนำไปใช้ได้จริง เพราะถ้ามีพลังมากกว่าก็สามารถกำจัดคนที่ต่ำกว่าได้อยู่แล้ว โดยไม่ต้องพึงอุปกรณ์เวทย์ระดับสูงชิ้นนี้แม้แต่น้อย
ส่วนอีกชิ้นเป็นเศษชิ้นส่วนของของบางสิ่ง มันไม่มีรายละเอียดระบุไว้มากนัก มีเพียงคำอธิบายสั้นๆเท่านั้น 'เพิ่มความเร็วในการดูดซับมานาธาตุมืดได้เล็กน้อย'
"เพิ่มความเร็วในการดูดซับธาตุได้งั้นรึ ก็สมกับเป็นของระดับสูงอยู่บ้าง" เขาพูดขึ้นหลังจากอ่านคำอธิบายของมัน
และยังมีของอีกหนึ่งชิ้นที่พิเศษ เพราะมันต้องใช้แต้มแลกถึงหนึ่งร้อยห้าสิบแต้ม ซึ่งเป็นแต้มสูงสุดที่สามารถเก็บได้จากการประลองรอบแรก เพราะในการประลองนั้นทุกคนต้องต่อสู้ทั้งสิ้นห้าสิบรอบ ซึ่งรอบหนึ่งถ้าชนะจะได้สามแต้ม นั้นหมายความว่าต้องชนะทั้งหมดเพื่อให้ได้แต้มครบร้อยห้าสิบแต้ม
มันเป็นตุ้มหูที่ดูแปลกๆ เพราะมันมีขนาดเล็กเพียงเท่าเมล็ดข้าวหนึ่งเมล็ด แต่กลับมีพลังที่ปลดปล่อยออกมาอย่างมากมายมหาศาล ซึ่งจากคำอธิบายที่แนบมาให้ พลังที่มันปลดปล่อยออกมาสามารถนำไปใช้แทนพลังมานาได้ โดยมันสามารถใช้ได้สามครึ่งต่อการหยุดชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งเวลาในการชาร์จนั้นอยู่ที่หนึ่งเดือน
ซึ่งถือว่าเป็นของสำคัญที่ช่วยในการต่อสู้ที่ถึงชีวิต เพราะมันอาจจะช่วยชีวิตในวินาทีสุดท้ายก็เป็นได้ เพราะในการต่อสู้พลังมานาใครหมดก่อน หรือเหนื่อยล้าจากการใช้พลังจนหมดก็อาจจะเป็นการฆ่าตัวตาย ซึ่งถ้ามีสิ่งนี้ก็สามารถพลิกกลับมาชนะในเสี้ยววินาทีได้
"ของหายากแบบนี้ก็มีให้แลกงั้นหรอ แสดงว่าปีนี้การแข่งขันมันสำคัญมากสินะ" เขาเก็บรายการนั้นลงแหวนมิติไป ก่อนที่ย้ายตัวเองออกจากที่พัก
ในตอนนี้มันเป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว เขาที่เพิ่งกลับมาจากการประลองรอบที่ห้าสิบได้มีความเหนื่อยล้าเล็กน้อย เพราะเขาต้องรอเกือบทั้งวันถึงจะได้ลงประลอง ซึ่งมันทำให้เขานั่งรอจนเมื่อยไปหมดทั้งตัว
ทุกการประลองที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเยาว์คนใดในตระกูลรองของเขา เขาก็เอาชนะด้วยความรวดเร็วและหมดจดทุกการประลองไป เขาทำคู่ต่อสู้กระเด้นออกนอกสนามประลองเสียส่วนมาก มีเพียงพวกที่ต้องการทำร้ายเขาอย่างจริงจังเท่านั้น ที่จะถูกเขาทรมานเล่นอยู่บนเวที
มีหลายครั้งที่เขาเจอญาติพี่น้องของตัวเอง แต่ทั้งหมดกลับมีระดับการฝึกฝนไม่เกินระดับผู้ใช้ศาสตราขั้นกลางสักคน มีเพียงแค่คนเดียวที่อยู่ในขั้นกลางที่ใกล้จะก้าวผ่านไปสูงขั้นสูงแล้ว แต่ก็พ่ายแพ้ให้แก่เขาอยู่ดี
แล้วในการประลองครั้งสุดท้ายยี้ เขาก็พบกับพี่ชายของเขาซึ่งมันเป็นลูกชายของลุงอาร์ค มันเป็นที่ยโสโอหังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการวางตัวหรือคำพูดคำจาที่ส่อไปในทางดูถูกผู้คนในตระกูล ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก ถึงแม้มันจะมีระดับการฝึกฝนที่ผู้ใช้ศาสตราขั้นสูง
เมื่อการประลองเริ่มขึ้น มันก็เอาแต่พล่ามเรื่องนู้นเรื่องนี้อย่างไม่หยุดหย่อน
"เจ้าสวะ! เจ้าไม่น่าจะมาประลองกับข้า เจ้าเป็นเพียงลูกชายของคนพิการ เจ้าไม่น่าจะกลับให้ขายขี้หน้าเลย" มันชี้หน้าเขาก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงแหลม ซึ่งฟังจากเสียงแล้วมันยังไม่แต่เนื้อหนุ่มด้วยซ้ำ และยิ่งไม่เข้ากับรูปร่างที่สูงใหญ่ของมันอีกด้วย
"ในการประลองนี้ยังไงเจ้าก็ไม่อาจจะเป็นที่หนึ่งได้ เพราะเจ้ามาเจอกับข้ายังไงล่ะ" โดยที่มันยังคงเท้าสะเอวแล้วพูดขึ้นต่อในทันที ไม่เปิดโดอกาศให้ครรชิตพูดแทรกแม้แต่น้อย แต่ก็เพราะเขาไม่ต้องการพูดแทรกมันมากกว่า
"ข้าคืออัจฉริยะของตระกูล ข้าคือที่หนึ่งของตระกูลรองนี้ ข้าคือ'โซการ์'ผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าเป็นได้เพียงคนรับใช้ของข้าเท่านั้น!" มันเชิดหน้าอย่างถือดี ก่อนจะมองลงมายังเขาด้วยสีหน้าของผู้เหนือกว่า
"น่าเบื่อ" สิ้นเสียงเขาก็ถอนหายใจเบา หลังจากฟังมันพล่ามมาสามครั้ง แต่ละครั้งกลับไม่มีสาระอันใดแม้แต่น้อย เขาก็จัดกับมันด้วยการตบปากมันจนเลือดกลบปาก แล้วกลิ้งไปหลายตลบ
นั้นกลับไม่ได้หยุดการพล่ามของมันได้ มันลุกขึ้นมาราวกลับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น มันเพียงปัดฝุ่นผงที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้า แล้วเช็ดเลือดที่มุมปากเล็กน้อย แล้วเพิ่มพูดต่อเสียอย่างโมโหเล็กน้อย
"เจ้านี้ไม่ดูตัวเองแม้แต่น้อย! เหมือนถึงความแตกต่างของข้ากับเจ้าหรือไม่ ข้านะแข็งแกร่งจนไม่มีอะไรมาทำลายข้าได้หรอก!" สิ้นเสียงมันก็ทำท่าเบ่งพลังออกมา ซึ่งตามมาด้วยพลังกดดันทางมานาที่ดูเหมาะกับระดับของมัน แต่มันกลับไม่ระคาผิวของครรชิตแม้แต่น้อย
"ก็นับว่ายังมีดีอยู่บ้าง" เขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะปัดฝุ่นที่ปลิวมาจากการเบ่งพลังของมัน ซึ่งมันก็ยังค้างอยู่ในท่านั้นอย่างยาวนาน และไม่ได้มีการโจมตีตามมาแม้แต่น้อย
"หืม?" ครรชิตมองไปที่มันอย่างมึนงง นี้คือการประลองแต่มันกลับยืนเบ่งพลังอยู่กับที่ นี่มันหมายความยังไงกันแน่ เขาได้แต่ยืนมองมันเพ่งพลังอยู่อีกสักครู่ ก่อนที่จะเริ่มโจมตีต่อไป
ฟุ๊บ!
เขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเพื่อเขาประชิดตัวมัน ก่อนจะเริ่มการโจมตีไปที่ร่างกายของโซการ์ ถึงแม้อันตรายจะเข้าไปหามันแล้ว แต่ทว่าเจ้าโซการ์กับยืนรอรับการโจมตีอยู่เสียอย่างนั้น ไม่มีการป้องกันการโจมตีแม้แต่น้อย
เสียงของกำปั้นที่ปะทะกับกล้ามเนื้อของทั้งสองคน ดังออกมาเหมือนกับเหล็กกระทบกันอย่างแรก ทั้งคู่ต่างพุ่งออกจากกันเพื่อรักษาระยะห่าง ถึงแม้จะมีคนหนึ่งที่เหมือนกับจะไม่ได้ตั้งใจอย่างงั้นก็ตาม
ครรชิตที่ถอยหลังไปสามก้าวเพื่อเตรียมรับการโจมตีสวนกลับ ได้แต่ยืนค้างอยู่ในท่าป้องกันอย่างเสียเปล่า เพราะฝ่ายของโซการ์นั้นที่กระเด็นออกไปหลายสิบก้าวกับเช็ดหน้าเช็ดตา ก่อนจะเริ่มตั้งท่าเบ่งพลังต่อไปโดยไม่มีทีท่าจะขยับตัว พร้อมส่งสายตามายังชายหนุ่มอย่างเหนือกว่า
"บัดซบ! นี้มันบ้าอะไรกัน" เขาสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปมองยังกรรมการ เพราะเขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี
"อ่า~ การประลองบนสนามที่เจ็ดเริ่มจริงจังอีกแล้วขอรับ วันนี้นายน้อยลำกับที่หนึ่งและลำดับที่สองของตระกูลรอง ที่ท่านยูโซเป็นผู้ก่อตั้งได้ลงสนามประลองกันแล้วขอรับ ในการปะทะครั้งแรกท่านโซการ์กระเด็นไปหลายเมตร ก่อนจะลุกขึ้นมาอย่างไม่เป็นอะไร และในการปะทะในรอบที่สองก็เช่นกัน นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ
ในการประลองรอบที่ผ่านมา ไม่มีใครสามารถโจมตีนายน้อยโซการ์ในครั้งที่สองแม้แต่น้อย เพียงแค่การประมือครั้งแรกทุกคนก็ต่างยอมแพ้กันเสียสิ้น แล้วด้วยการโจมตีของนายน้อยบิชอบ จูเนียร์ ก็ไม่ควรมีใครรับได้ถึงสองครั้งมิใช่หรอขอรับ หรือว่านายน้อยจูเนียร์จะทรมานคู่ประลองอีกครั้งแล้ว?" เสียงของพิธีกรดังขึ้นเมื่อเห็นสายตาของครรชิต และมันเองก็ส่งสายตาออกไปอย่างจนปัญญาเช่นกัน แต่มันก็ได้ส่งข้อความไปให้ชายหนุ่มให้รับทราบ
แม้จะผ่านมาเดือนกว่าๆ แต่ครรชิตไม่เคยสนใจการประลองของโซการ์แม้แต่น้อย เพราะมันเจอแต่พวกคนรับใช้ในบ้านใหญ่ทั้งสิ้น ซึ่งผลการประลองคงจะออกมาเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว นั้นทำให้เขาหันเหความสนใจไปที่อื่นเสียทุกครั้งไป
เขาได้ส่งทั้งหมัดและลูกเตะโดยใช้คาราเต้เป็นพื้นฐาน ระดมโจมตีไปที่มันอย่างรวดเร็วและรุนแรง แต่มันก็สามารถลุกขึ้นมาตั้งท่าเบ่งพลังได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้มันจะมีรอยช้ำอยู่บนร่างกายแต่กลับไม่อาจจะทำลายอวัยวะภายในได้
นั้นทำให้เขาเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะในการต่อสู้ในรอบที่ผ่านมา ใครก็ตามที่โดนเขาโจมตีไปหนักเท่านี้ ทุกรายมักจะสลบเมือดไม่ก็บาดเจ็บจนต้องห่ามออกไปทั้งสิ้น แต่นี้กลับทำได้แต่รอยฟกช้ำเพียงแค่นี้เอง
คงเหลือเพียงแค่วิธีเดียวเท่านั้น คือการทำให้มันกระเด็นตกเวทีไปก็เท่านั้น แต่ทว่าไม่ว่าจะโจมตีแรงหรือแม่นยำสักเท่าใด มันก็ไม่ขยับออกจากเวทีเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะกระเด็นไปมันก็ลุกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วกลับมายืนเบ่งพลังที่กลางเวทีเช่นเดิม
"ใจเย็นๆตัวข้า" ครรชิตปลอบตัวเอง ก่อนจะค่อยปรับลมหายใจให้สงบ แล้วจ้องไปที่มันอย่างพิจารณาอย่างรอบครอบ
"ช่างมัน ข้าขอยอมแพ้" เขาพูดออกไปให้กรรมการได้ยิน เพราะอย่างไรเสียความตั้งใจแต่แรกของเขาก็เพียงแค่ประลองในรอบนี้ให้จบ ไม่ได้ต้องการเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว เพราะแต้มที่มีอยู่ก็มากพอจะเอาที่ดินของเขาคืนมาอยู่แล้ว
เพราะฉนั้นการประลองก็ควรยุติได้แล้ว เพราะพื่นที่ที่เขาต้องการมันเป็นพื้นที่ขนาดเพียงสี่ไร่ซึ่งแทบจะไม่ค่าสำหรับตระกูล และยิ่งมันอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆอย่างกรีนพีชแล้วด้วยมันแทบจะไร่ค่าไปเลย เนื่องจากไม่มีผลประโยชน์ตอบแทนมากมายเท่าใด มันจึงแลกเปลี่ยนด้วยแต้มเพียงไม่กี่แต้ม
หลังจากเขาเดินลงจากเวทีประลองไป โดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างเช่นเดิม แล้วกลับไปรวมกลุ่มกับท่านลุงราทิส ก่อนจะกลับเรือนที่พักไปทั้งอย่างนั้น
เมื่อเขาอาบน้ำเรียบร้อย วันนี้การประลองของเขาก็จบลงไปเสียที หลังจากนี้ก็เป็นการแลกแต้มแล้วออกจากตระกูลไป แล้วไปใช้ชีวิตตามที่ต้องการได้เสียที หลังจากต้องทนอุดอู้อยู่ในเมืองนี้มายาวนาน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อืมๆ น่าจะเปนแบบนี้
แล้วคำอธิบายลักษณะข้าวของเครื่องใช้ นี้เยอะกว่าฉากต่อสู้สะอีก