ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Reborn] 10th I - Only Me ผมเท่านั้นที่จะขย้ำผืนนภานี้ได้

    ลำดับตอนที่ #13 : ควาเศร้ามาเยือน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.03K
      10
      20 ม.ค. 54

    “อ้าว กลับมายังงั้นเหรอ แหม กลับมาเร็วแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้มีเวลาแต่งหน้าแต่งตาเลือกชุดใส่ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงลูกชายฉันก็จะมาแล้วล่ะนะ เอาล่ะ เธอตามโยเนะไปล่ะกันนะ ฉันจะไปจัดการเลือกห้องแล้วก็กับข้าวที่จะทานกัน”

                “ค่ะ ทราบแล้วค่ะ”

                ฮิบาริ คงจะ....ยังหลับอยู่สินะ ดีล่ะ งานนี้ต้องใช้พลังแห่งความดราม่า

                “เอ่อ ขอตัวเดี๋ยวนะค่ะ พอดีแขกท่านเมื่อวานนี้อยากให้ฉันช่วยเสิร์ฟน้ำชาให้น่ะค่ะ”

                “อ้อ ถ้ายังงั้นก็ตามสบายนะค่ะนายหญิงน้อย แล้วห้องที่นายหญิงน้อยต้องาคือห้องนี้นะค่ะ”

                “ค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ”

                ครืดดด

                อ้าว ทำไม วันนี้ถึงได้ตื่นแต่เช้าล่ะเนี่ย

                “ไงค่ะ ฮิบาริซัง....”

                “ซือโนะ เธอ...ยังโกรธฉันอยู่หรือเปล่า เรื่องเมื่อวานน่ะ”

                “อ้อ ไม่ต้องไปคิดมากนักหรอกค่ะ แต่ว่าท่านทางยังดูง่วงๆอยู่เลยนะค่ะ ถ้ายังไงจะรับชาเขียวร้อนๆ หน่อยมั้ยค่ะ จะได้ช่วยทำให้ตาสว่างขึ้นน่ะค่ะ”

                “อืม เอาก็ได้ ขอบใจมากเลยนะ”

                ฮิบาริรับถ้วยน้ำชาจากซือโนะแล้วค่อยดื่มไปทีละนิดทีละนิด จนกระทั่ง....
                “ซะ...ซือโนะ ทำไมล่ะ....มึนแฮะ”

                “ขอโทษด้วยนะฮิบาริซัง ฉันจำเป็นต้องทำ หลับให้สบายเถอะนะ”

                “ซือ....โนะ....”

                ฮิบาริสลบลงไปด้วยฤทธิ์ยานอนหลับที่ผสมกับน้ำชาที่ฮิบาริดื่มไป ซึ่งยาตัวนี้ทำให้ฮิบาริต้องสลบไปประมาณวันหนึ่งเต็มๆ ซือโนะเมื่อเห็นว่าฮิบาริหลับไปเรียบร้อยแล้วก็เตรียมใจที่จะพบหน้ากับลูกชายของเจ้าของโรงแรมที่จะแนะนำให้เป็นคู่หมั้น เวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมง ซือโนะในตอนนี้ได้รับการจัดแต่งทรงผมและแต่งชุดกิโมโนที่ดูสวยและงดงามเป็นอย่างยิ่ง ซือโนะกำลังนั่งรอคอยการพบครั้งแรกของว่าที่คู่หมั้น

                “แต่ผมไม่อยากนี้ครับแม่”

                “ทำไมล่ะห่ะ แจะลองให้ลูกลองดูตัวผู้หญิงคนนั้นดูหน่อยก็เท่านั้นเอง”

                “ก็ผมน่ะ ก็ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วนี่นา”

                “มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน แกก็เคยบอกนี่นาว่าไม่เคยชอบใครทั้งนั้น แล้วทำไมอยู่ๆถึงได้....ไม่ว่ายังไงแม่ก็อยากให้แกลองดูซักนิดก็ดี ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ม่ะ เข้ามาได้แล้ว”

                ครืดดดด

                เสียงประตูกระดาษถูกเปิดออกทำให้ซือโนะได้เห็นหน้าค่าหน้าตาของว่าที่คู่หมั้นที่ไม่ได้เคยพบเคยเห็น....

                “ฮะ...ฮาจิเมะเหรอ”

                “อ้าว ซะ...ซือโนะเองเหรอเนี่ย”

                “เฮ้อ ทำหน้าอย่างนี้แสดงว่าไม่สินะ....”

                ผู้เป็นแม่ถอนหายใจออกาอย่างผิดหวัง เพราะดูเหมือนว่าลูกชายของตนหรือก็คือ ฮาจิเมะ จะไม่ชอบซือโนะ

                “แม่ครับ อย่าบอกนะว่า นี้คือคนที่จะเป็นคู่หมั้นของผมน่ะ”

                “ก็ใช่ไง แต่ไม่ชอบแม่ก็ไม่ว่าหรอกนะ เดี๋ยวแม่หาที่เหมาะสมกับลูกให้เอง ไม่ต้องห่วง ยังไงก็ต้องขอโทษเธอด้วยล่ะกันนะซือโนะ เรื่องแจกันฉันไม่ว่าแล้ว เพราะดูเหมือนว่าลูกชายฉันจะปฏิเสธน่ะ”

                “แม่....ผม....อยากหมั้นกับผู้หญิงคนนี้ครับ”

                “ยังงั้นเหรอ ไม่อยาก เอ๊ะ....เมื่อกี๊ แกพูดว่าอะไรนะฮาจิเมะ”

                “ผม อยาหมั้นกับซือโนะครับ แม่ ผมรู้จักตัวเธอดี ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”

                ไม่จริงน้า ทำไม...ทำไมฮาจิเมะถึงเป็นลูกชายของโรงแรมนี้ล่ะ แต่ว่า....เขา...ชอบเรายังงั้นเหรอ อ๊ะ หรือว่าจะเป็น เมื่อตอนเช้านี้ บ้าน่า คนเราไม่ได้หลงรักแบบชั่วแวบเดียวหรอกน้า         

                “ฮาจิเมะ ลูก ทำไมถึงอยู่ๆพูดออกมาแลยล่ะ ทั้งๆที่เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรกแท้ๆน่ะ”

                “พอดี ดูเหมือนว่าเมื่อตอนเช้า ตอนที่พวกคุณแม่ให้ซือโนะไปซื้อดอกไม้ ซือโนะโดยขอร้องแกมบังคับให้เป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลของทีมบาสดรงเรียนที่มาแข่งกับผมไงครับ แล้วตอนนั้นผมก็....ได้เจอเธอ”

                “งั้นแสดงว่าลูก...อยากจะหมั้นกับเด็กคนนี้สินะ งั้นแล้วเธอล่ะ...”

                “เอ่อ ฉัน...ฉัน...”

                ครืดดด

                “ดูเหมือนว่าจะไม่ได้หรอกนะ....”

                “คุณเป็นใครกันล่ะเนี่ย กล้าดียังไง!!!

                “คะ...คุณดีโน่....ทำไมล่ะ”

                “อ้อ ซือโนะ แหม ใส่ชุดแบบนี้ก็ดูสวยไปอีกแบบนะเนี่ยน้า มาเข้ากันดีกว่า...”

                ดีโน่ที่เข้าห้องมาก็เริ่มบอกเรื่องต่างๆของซือโนะให้ทุกคนในห้องฟังว่า...

                “ซือโนะ หรือก็คือทายาทอันดับหนึ่ง เป็นถึงหัวหน้าคนต่อไป คงจะมาแต่งงานแบบมั่วๆซั่วๆ ไม่ได้หรอกนะครับ แล้วอีกอย่างหนึ่ง คุณเองก็คงไม่รู้ว่าเธอคนนี้เป็นใครสินะ”

                “ก็แหงสิ เด็กคนนี้เป็นแค่แขกในโรงแรมของฉันแล้วทำไมกันล่ะ”

                “โอ้ งั้นผมขอบอกเลยนะครับว่า เด็กคนนี้ คือทายาทแห่งแก๊งวองโกเล่รุ่นที่ 10 หรือก็คือเป็นคนที่จะกุมอำนาจโรงแรมที่คุณกำลังดูแลอยู่ยังไงล่ะ”

                “ว่าไงนะ ไม่ใช่ว่าทายาทคนนั้นเป็นเด็กผู้ชาย หรอกเหรอ”

                เจ้าของโรงแรมถึงกับตกใจแต่ก็ยังมีความไม่เชื่อถือในคำพูดของดีโน่อยู่ ฮาจิเมะเองก็คงจะคิดเหมือนกับผู้เป็นแม่อย่างแน่นอน

                “พอดีว่าเด็กคนนี้เป็นน้องสาวฝาแฝดของ ซาวาดะ สึนะโยชิ แต่ว่าตอนนี้ สึนะโยชิ ได้หายตัวไป เราเลยให้ทางวองโกเล่เลื่อนขั้นคนน้องเป็นทายาทชั่วคราวไปก่อน หากคุณยังไม่เชื่อคุณก็สามารถอ่านหมายเพลิงมรณะของท่านรุ่นที่ 9 ก็ได้นะครับ”

                “สรุปก็คือ เอ่อ แล้วทำไมฉันไม่รู้ล่ะเนี่ย ว่าเด็กคนนี้น่ะเป็น....โธ่ จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย ฉันบังคับเด็กคนนี้แถมยังมาจับให้หมั้นกันอีก เอ่อ ถ้ายังไงก็อภัยให้ฉันด้วยเถอะนะค่ะ คือฉันไม่รู้จริงๆ ยังไงก็โปรดยกโทษให้ด้วยเถอะนะค่ะ”

                เจ้าของโรงแรมก้มหัวให้ซือโนะปลงๆ จนซือโนะทำอะไรไม่ถูก ดีโน่ก็เลยพาตัวซือโนะออกมาจากห้องๆนั้น

                “เอ่อ คุณดีโน่ ทำไมรู้ล่ะว่าฉันน่ะจะถูกหมั้นน่ะ....”

                “อ้อ พอดีรีบอร์น ก่อนที่จะส่งตัวเธอขึ้นรถไฟไปกับฮิบาริ หมอนั่นแอบติดเครื่องดักฟังไว้ที่เธอยังไงล่ะ ตรงนี้ไงล่ะ”

                “วะ แหวนเนี่ยนะ...เจ้าบ้านั่นแอบมาติดกันได้นะ ถ้ายังงั้นรีบอร์นก็ได้ยินหมดเลยน่ะสิ”

                “ใช่ แล้ว...เคียวยะล่ะ ตอนนี้ไปอยู่ไหนแล้วล่ะ หืมม....”

                ไม่ได้ เราจะบอกไม่ได้ว่าเราทำอะไรกับฮิบาริซัง “อ้อ คงจะ...หลับอยู่ล่ะมั้งค่ะ”

                “เอ๊ แปลกหมอนั่นไม่เคยหลับยาวขนาดนี้นี่นา บ๊ะ ช่างมันเถอะนะ แต่ว่าที่ฉันมาที่นี้ ไม่ใช่เรื่องแค่นี้หรอกนะ”

                “หมายความว่ายังไงค่ะ...”

                “ตอนนี้มีข่าวมาว่าเดม่อนได้ออกมาอาละวาดน่ะ”

                “หมายความว่ายังไงกัน ก็เดม่อนน่ะ เป็นผู้พิทักษ์ของรุ่นที่ 1 นี่นา แล้วทำไมกันล่ะ หรือว่า....”

                “ถูกต้อง ดูเหมือนว่าเจ้านั้นเล็งนายอย่างจริงๆจังแล้วยังไงล่ะซือโนะ”

                “เป็นไปไม่ได้ ก็...ก็ผมได้ยินมาว่าเดม่อนเคยช่วยชีวิตผมเอาไว้นี่นาคุณดีโน่”

                ซือโนะถึงกับไม่เข้าใจและพูดสรรพนามตนเองเปลี่ยนไป ทั้งๆที่ช่วงนี้มักจะเรียกตัวเองว่า “ฉัน”

                “เพราะงั้นฉันจึงอยากจะถามนายอะไรบางอย่าง ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้นายตกลงนะซือโนะ...”

                “แล้วจะถามอะไรฉันเหรอ คุณดีโน่”

                “เฮ้อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ นายจะได้รับจดหมายได้ไปยังที่แห่งหนึ่ง รอไว้ได้เลยล่ะ อ้อ ใช่ ตอนนี้ก็ได้เวลากลับแล้วล่ะ เพราะอยู่ที่นี้มันไม่ปลอดภัยซักเท่าไร”

                ดีโน่พูดจบก็เดินไปที่ห้องที่ซือโนะพัก แล้วพบว่าฮิบาริยังนอนหลับอยู่ ดีโน่ก็ไม่สนใจอะไรก็ให้ฮิบาริที่ยังหลับอยู่ขี่หลังไป

                “เอาล่ะ ตอนนี้ทางเราก็กำลังพยายามที่จะทำให้เธอกลับมาเป็นปกติอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าเธอจะเลือกที่จะเป็นแบบนี้หรือ...กลับไปเป็นแบบเดิม”

                จริงเหรอ....แล้วจะให้เราเลือกทำไมกันนะ ทั้งๆที่ในอนาคตเราก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมนี่นา ยังไงซะเราก็ต้องเลือกที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมสิ

                หลังจากที่ซือโนะเดินทางกลับบ้านก็เริ่มไปโรงเรียนเป็นปกติ อยู่กับเพื่อนๆ มีเด็กแสบให้คอยปวดหัว ยกเว้นแค่ ฮิบาริหายหน้าไปในตอนนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว

                แกร๊กก

                เสียงตู้จดหมายถูกเปิดโดยซือโนะ เพราะซือโนะรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึงวันที่ถูกเรียกตัวเพื่อบางสิ่งบางอย่าง

                “ฮัลโหล โกคุเทระคุง อ้อ ได้รับจดหมายไปแล้วใช่มั้ยน่ะ อือ งั้นเดี๋ยวไปเจอกันนะ”

                ซือโนะในวันนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนเป็นเพราะจดหมายเรียกตัวนั้นถูกเรียกในเวลาสิบโมงเช้า ซึ่งชุดที่ต้องใส่ไปนั้นเป็นชุดสูทมาเฟียสีดำ ถึงแม้ว่าซือโนะจะเป็นผู้หญิง แต่หากเป็นบอสต้องสวมชุดที่น่าเกรงขามต่อรุ่นที่ 9 และเหล่าวาเรีย สถานที่นัดพบเป็นตึกระฟ้าที่หรูระดับ 5 ดาว ซึ่งถูกเหมาเช่าเอาไว้ทั้งหมดแล้ว

                “ท่านซือโนะ ทำไมพวกรุ่นที่ 9 วาเรียแล้วก็คาบัคโรเน่แฟมิลี่ต้องมาเรียกตัวพวกเราดว้ยล่ะครับ”

                “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ทำไมฉันรู้สึกใจไม่คอยดีเลยยังไงก็ไม่รู้สิ”

                เมื่อซือโนะมาถึงตึกที่ว่าก็ถูกต้อนรับเป็นอย่างดี ซือโนะและเหล่าผู้พิทักษ์เดินไปด้วยหัน จนกระทั่ง....

                “ตั้งแต่ตรงนี้ไป เราจะให้เข้าไปได้แค่ผู้นำสูงของแต่ล่ะฝ่าย อันได้แก่ ท่านรุ่นที่ 9 ท่านแซนซัส ท่านดีโน่ แล้วท่านซือโนะ ส่วนเหล่าผู้พิทักษ์กรุณารออยู่ข้างนอกจนกว่าการประชุมจะเสร็จสิ้นด้วยครับ”

                “เข้าใจแล้ว....”

                ซือโนะเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับทั้ง 3 คน ซึ่งในห้องนั้นถูกสร้างมาเพื่อเก็บเสียง ไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไปข้างนอกได้ ทำให้คนที่รอคอยอยู่ข้างนอกไม่รู้เลยว่ากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ และแล้วเมื่อทุกคนได้ยินเสียงนี้ก็ถึงกับต้องวิ่งที่ยังห้องๆนั้น

                ปังง!!!!....

                “เสียงปืน....หรือว่า ท่านซือโนะ”

                “ซือโนะ...”

                “ท่านรุ่นที่ 9

                ประตูถูกเปิดออกโดยเหล่าผู้พิทักษ์แต่ล่ะฝ่าย แต่ทุกคนต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นอยู่ตรงหน้า

                “มะ...ไม่....ไม่จริงน้า...”

                ฮิบาริถึงกับทรุดลงไป เพราะวันนี้ ฮิบาริกะว่าจะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนไปเที่ยวด้วยกัน แต่ก็มิอาจได้บอกความจริงออกไป

                “ซือโนะ!!!!!

                ร่างของซือโนะนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นที่ถูกพรมสีแดงสดอย่างสวยงาม ถึงแม้ว่าพรมจะเป็นสีแดงแต่ก็ยังคงเห็นเลือดของซือโนะที่ไหล่ลงมาจากอกได้ดี ส่วนรุ่นที่ 9 ดีโน่ และแซนซัสนั้นต่างก็มีบาดแผลเล็กๆน้อยๆอยู่ตามตัว ซึ่งสามารถสรุปได้เลยว่าคนที่ทำแบบนี้หวังที่จะฆ่าซือโนะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

                “แหมๆๆ ดูเหมือนว่าจะได้ผลดีนะเนี่ย....”

                “นายเป็นใครกัน....แก แกมาจากแฟมิลี่ไหนกัน”

                “ฉันนะเหรอโกคุจัง จะว่ายังไงดีล่ะ อืม บอกได้เลยว่าฉันแค่มาช่วยให้ซือโนะได้พักผ่อนก็เท่านั้นน่ะ อีกอย่างชื่อของฉันคือเบียคุรัน ฉันคงต้องไปแล้วล่ะนะ บ๊ายบาย”

                เบียคุรันในโลกสิบปีข้างหน้าที่ซือโนะเคยได้พบตอนที่มาร่วมการลงนามเป็นพันธมิตรของวองโกเล่รุ่นที่ 10 ได้กลับมายังโลกอดีตและฆ่าซือโนะทิ้งแล้วจากไป ซึ่งยังคงเป็นปริศนาว่าทำไม เบียคุรันถึงต้องฆ่าซือโนะกันด้วย

                “ท่านรุ่นที่ 9 ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงทีเดียวเลยนะเนี่ย”

                “อืม ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องทำตามมาตราการที่เคยทำเอาไว้แบบแซนซัส เราต้องปิดเรื่องๆนี้เอาไว้ จัดการด้วยล่ะ ทางฉันจะตามลากเจ้าหมอนั่นมาเอง”

                “อย่าเลยครับ ท่านรุ่นที่ 9....ผมน่ะรู้...ว่าหมอนั่นเป็นใคร คุณคงไม่สามารถตามหาหมอนั่นได้หรอก ถึงแม้ว่า แค่กๆๆ”

                ซือโนะพูดไปจนถึงกลับต้องกระอักเลือดออกมา ซึ่งโกคุเทระก็พยายามที่จะห้ามไม่ให้ซือโนะพูดไปมากกว่านี้

                “ท่านซือโนะ อย่าพูดอีกเลยครับ....ผมขอร้อง”

                “เฮ้ย! ไอ้สวะ แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ ทำไมไม่พาไปหาหมอเล่า แล้วพวกแพทย์ของวองโกเล่ไม่ได้มาด้วยหรือยังไงกัน ชิส์ แล้วทำไมอยู่หมอนั่นถึงได้....”

                “พวกเราไม่นึกเลยว่าแผนที่วางเอาไว้จะกลายเป็นเรื่องจริงนะเนี่ย ไม่น่าเลย”

                ดีโน่พูดออกมาเลยทำให้ฮิบาริที่กำลังช็อกถึงกลับต้องปรี่ไปกระชากคอเสื้อของดีโน่ให้อธิบายเรื่องทั้งหมด

                “มันหมายความว่ายังไงกัน ห่ะ ไอ้ม้าบ้า!!! แผนอะไรของแกกันแน่”

                “พวกเราทั้งวาเรีย ท่านรุ่นที่ 9 และฉัน รวมถึงรีบอร์น ได้วางแผนเอาไว้ว่าจะให้ซือโนะแกล้งทำเป็นถูกยิงเพื่อให้เขาได้รอดผลจากเงือมมือของเดม่อน หรือก็คือผู้พิทักษ์สายหมอกของรุ่นที่ 1 เราก็ยังไม่แน่ชัดว่านั้นเป็นวิญญาณที่สถิตอยู่ในแหวนหรือเป็นร่างที่แท้จริงของหมอนั่น ฉันเลยกะว่าจะทำเป็นแกล้งฆ่าซือโนะ หมอนั่นจะได้รามือ แต่ว่า....มันกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้....”

                “ค่อกๆๆ แฮ่กๆ ดะ ดูเหมือนว่าจะถึงขีดสุดแล้วสินะเนี่ย งั้นฉันขอพูดอะไรบางอย่างเป็นสิ่งสุดท้ายก็แล้วกันนะ อ๊อก หวังว่าในวันข้างหน้าเราจะได้พบกันอีกนะครับ...ทุกคน....”

                ซือโนะได้สิ้นใจลงต่อหน้าทุกๆคน แรมโบ้ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไรยังรู้เลยว่าซือโนะได้จากไปแล้ว ฮิบาริก็ได้แต่กำคอเสื้อดีโน่เอาไว้อย่างนั้นมาซักพักถึงจะเดินไปยังร่างที่ไร้ชีวิตของซือโนะและพูดออกไปว่า

                “ขอโทษ สำหรับทุกเรื่อง ฉันน่าจะบอกเธอตั้งแต่แรก แต่ว่า....ฮึก...”

                ฮิบาริถึงกลับหลั่งน้ำตาแห่งความเศร้าของการจากไปของคนที่ตนรู้สึกรักเป็นที่สุดไป

                “เราต้องนำร่างของซือโนะไปเก็บไว้ ที่ไหนซักแห่ง เพราะฉันรู้ดีว่าพวกนายคงไม่อยากให้ร่างของซือโนะหายไปสินะ ส่วนเรื่องครอบครัวฉันจะแกล้งทำเป็นว่าเขาไปอิตาลีกับฉันล่ะกัน รีบอร์นช่วยจัดการด้วล่ะ”

                “ครับ ท่านรุ่นที่ 9 ผมจะจัดการให้ แรมโบ้....ลุกได้แล้วเห็นอย่างนี้นายยังจะร้องไห้อีกหรือไง”

                “ฮึก แง้ๆๆๆ”

                เวลาผ่านไปหลายวัน จนเป็นเดือนและล่วงเลยเป็นปี ทุกคนต่างก็มาเยี่ยมเยือนทั้งยามาโมโตะ โกคุเทระ โคลม มุคุโร่ เรียวเฮ แรมโบ้ต่างก็มาเยี่ยมซือโนะในป่าที่ถูกปกป้องโดยคนในองค์กรนอกแก๊งค์นำโดยอิเอมิสึหรือก็คือพ่อของซือโนะ ร่างของซือโนะอยู่ภายในโลงสีดำมีตราของวองโกเล่ และเลขอิตาลีเลขสิบ แสดงถึงความเป็นวองโกเล่รุ่นที่ 10

                “ซือโนะ ตายไปแล้วจริงๆ ยังงั้นเหรอ โธ่เว๊ย! เจ้าคนที่ชื่อเบียคุรันนั้นเป็นใครกัน แล้วทำไมซือโนะบอกว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะตามลากตัวมันมาล่ะ”

                “อ๊ะ ดูเหมือนว่า ไม่สิ นี่ก็...ถูกปิดเอาไว้นี่นา”

                “หมายความว่ายังไงโคลม....”

                “ฉันรู้สึก...ถึงบางอย่างภายในนั้น แต่ว่าเหมือนกับว่ามีใครบางคนไม่ต้องการให้ฉันได้เห็นเลยต้องปิดกั้นเอาไว้”

                “ไม่เข้าใจแฮะ....แต่ว่าต้องไปแล้วล่ะ เดี๋ยวคนแถวนี้สงสัยเอา ไปเถอะ แรมโบ้เดี๋ยวก็ไม่ค่อยงอแงเลยนี่นา ฉันล่ะสบายใจจริงๆ”

                “ก็พี่ซือโนะน่ะ จากไปแล้วนี่นา ผมเลยจะไม่ทำตัวเป็นเด็กที่วุ่นวายแล้วก็น่ารำคาญ”

                หลังจากที่ทุกคนออกจากอาณาเขตป่า ฮิบาริก็เดินเข้าไปในป่าหลังจากที่มุกคนเดินไปได้ไกลเป็นระยะๆ

                “ซือโนะ นั้นสินะ วันนี้น่ะฉันนอนไม่ค่อยหลับเลยแฮะ อ้อ แล้วก็นี่ช๊อกโกแลตเย็น แล้วฉันก็รู้ด้วยนะว่าเธอน่ะชอบกุหลาบขาวเลยซื้อมาให้ ฉัน...ไม่รู้สิ ขอฉันเห็นหน้าเธอหน่อยก็แล้วกันนะ”

                ฮิบาริที่ทำการปิดกั้นจิตใจมาเป็นเวลานานแสนนาน วันๆได้แต่ซัดพวกสุมหัวไปเรื่อย ไม่ก็ไปนอนบนดาดฟ้าทั้งวัน พร้อมทั้งมองท้องฟ้า เหมือนกับว่าเป็นการเปรียบตัวแทน เมฆคือตัวของฮิบาริ และท้องฟ้าเป็นของซือโนะ เหมือนกับว่าได้อยู่คู่กันตลอด

                แอ๊ดด

                โลงศพสีดำของซือโนะค่อยๆถูกเปิดออก ทำให้ฮิบาริได้พบกับร่างของซือโนะในชุดกระโปรงสีขาวยาวที่นิ้วมีแหวนแห่งนภาสวมอยู่ และกลิ่นหอมของดอดกลิลลี่ซือโนะนอนทับเป็นเหมือนกับเตียงดอกไม้ ดอกลิลลี่จำนวนมากมายส่งกลิ่นหอมหวนให้กับฮิบาริเป็นอย่างมาก

                “ฉันเห็นหน้าเธอแล้ว...รู้สึกดีจังเลยแฮะ ถ้าหาก วันนั้นฉันไม่ชะงักฉันก็คงจะ...พาเธอไปยังโรงพยาบาล ไม่แน่เธออาจจะรอดก็ได้ เอาเถอะ...เอาไว้พรุ่งนี้เจอกันนะ”

                ฮิบาริพูดจบก็ปิดฝาโลงโดยที่น้ำตาไหลพราก หากซือโนะได้เห็นภาพนี้คงเป็นสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจเป็นแน่

                วันต่อมาในตอนเย็นเป็นวันที่ทุกคนรวมถึงฮิบาริที่มักจะมาคนเดียวเสมอ ได้มาเยี่ยมซือโนะกัน ทันทีที่ฝาโลงถูกเปิดออกทำให้ทุกคนถึงกับต้องผงะ

                “ซะ...ซือโนะ อะไรกัน ใครกันที่เอาตัวซือโนะไป”

                “แน่ใจเหรอยามาโมโตะ!!!

                ในโลงไม่มีร่างของซือโนะอยู่ภายในมีเหลือเพียงแค่แหวนแห่งนภาของซือโนะที่ใส่เอาไว้เมื่อครั้งล่าสุดคือเมื่อวาน

                “อืม นี่เจ้าหนูนี้มันหมายความว่ายังไงกัน”

                “อืม ดูเหมือนว่าเราต้องไปถามกับพวกที่เฝ้าอยู่ข้างนอกสินะเนี่ย”

               

                “เอ๊ ไม่นะครับคุณรีบอร์น มี่ใครหรืออะไรผ่านมาหรือเข้าไปเลยนะครับ”

                “แล้วยัยบ้านั่นหายไปไหนกันล่ะเนี่ย คนตายคงจะเดินไปไหนมาไหนไม่ได้หรอกน้า มันต้องมีใครซักคนนี่แหละที่เอาตัวซือโนะไป”

                “งั้นเดี๋ยวฉันติดต่อท่านรุ่นที่ 9 เองนะรีบอร์น อ้อ โรมาริโอ้จัดหน่วยค้นหา ตามหาตัวซือโนะ พบเบาะแสให้มาบอกฉัน เข้าใจมั้ย”

                “ครับ บอส”

                ยัยบ้านั่น ทั้งๆที่ตายแล้วหายไปไหนกันแน่ ใครกันที่เป็นตัวการ โอ๊ะ ฮิบาริ หืม ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะเป็นเรื่องร้ายแรงไม่ใช่น้อยนะเนี่ย ดีล่ะ เห็นที่ต้องไปคุยกับท่านรุ่นที่ 9 เป็นการส่วนตัวแล้วสิเนี่ย

                ณ อิตาลี คฤหาสน์วองโกเล่

                “ท่านรุ่นที่ 9 แล้วก็แซนซัส คงจะ...รู้เรื่องข่าวแล้วใช่มั้ยครับ”

                “อืม ฉันเริ่มออกคำสั่งให้วางการ์ดไว้มากขึ้น และคอยสังเกตว่ามีใครปล่อยออกมาหรือยังว่าเด็กคนนั้นไม่ได้อยู่ในโลกนี้”

                “ผมก็ไม่รู้ครับ ท่านรุ่นที่ 9 งั้นไงก็แล้วแต่ โอ๊ะ...นั้น...จดหมายตรามรณะเพลิงของท่านเหรอครับ”

                “เอ๊ะ ไม่นี่นา ฉันยังไม่ได้เขียนอะไรไปเลยนี้ อืม ดูเหมือนว่าจะเป็นของจริง ความสว่างของเปลวไฟดับเครื่องชนถึงกับส่องแสงออกมาจากซองจดหมายเลยนะเนี่ย ไหน ดูสิว่าใครเป็นคนส่งมากัน ห๊ะ!!! นะ...นี่มัน มะ...ไม่น่าเชื่อ เป็นไปไม่ได้.....”

                “ใครกันเหรอครับท่านรุ่นที่ 9

                “ดูเหมือนว่าจะเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างไม่ได้พบกันนานทีเดียวเลยเหรอครับ”

                “จะ จากชิม่อน บ้าน่า เป็นไปไม่ได้”

                “ดูเหมือนว่างานนี้ จะต้องเตรียมตัวกันให้ดีซะแล้วสิครับเนี่ย”

                “อืม สั่งการไป เรียกตัวผู้พิทักษ์ทุกคนของเด็กคนนั้นมาที่นี้ซะ”

                “ครับ ท่านรุ่นที่ 9 แล้ว....พวกวาเรียล่ะครับ”

                “มันก็แล้วแต่การตัดสินใจของเธอล่ะนะ แซนซัส....”

                แซนซัสไม่ตอบได้แต่หลับตาลง และเดินจากห้องๆนั้นไป ส่วนรีบอร์นก็พยายามโทรศัพท์หาดีโน่ เพื่อให้เตรียมตั๋วเครื่องบินให้กับพวกผู้พิทักษ์ของซือโนะให้มายังอิตาลี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×