ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Reborn] 10th I - Only Me ผมเท่านั้นที่จะขย้ำผืนนภานี้ได้

    ลำดับตอนที่ #12 : ฮาจิเมะมาแล้ว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.03K
      9
      16 ธ.ค. 53

    เวลาผ่านไปซักพัก ในที่สุดซือโนะก็ได้ออกจากสถานีและพอเดินออกไปนอกสถานีก็....

                “ท่านซาวาดะ ซือโนะสินะครับ”

                “อ่ะ เอ่อ เอ่อ ค่ะ ฉันซาวาดะ ซือโนะค่ะ แล้วพวกคุณ”

                “พวกผมเป็นคนในสังกัดของท่านรุ่นที่ 9 มาที่นี้เพื่อพาท่านซือโนะและผู้พิทักษ์เมฆาไปยังที่พักครับ เชิญขึ้นรถเลยครับ พวกสัมภาระเราจะจัดการให้ครับ”

                “อ่ะ เอ่อ ค่ะค่ะ”

                ซือโนะตกใจในการเตรียมการของท่านรุ่นที่ 9 เป็นอย่างมาก ซือโนะที่นั่งอยู่บนรถก็ได้แต่นั่งเกร็ง ส่วนฮิบาริก็นั่งอมยิ้มอย่างมีความสุขไปพลาง มองวิวข้างนอกไปพลาง จนถึงที่พัก

                “ทางเราจะมารับท่านทั้งสองในอีกสามวันข้างหน้า หากมีปัญหาอะไรบอกกับคนในโรงแรมได้นะครับ พวกผมขอตัวก่อนนะครับ”

                “เอ๊ะ ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะค่ะ”

                ซือโนะกับฮิบาริก็ได้เดินเข้าไปข้างในโรงแรมแล้วพนักงานก็พาไปยังห้องพักซึ่งเป็นห้อง VIP แต่ว่า...ที่นอนนั่นเป็นที่นอนแบบคู่ซึ่งเป็นแบบปูพื้น (พูดง่ายๆ ไม่มีเตียงต้องปูฟูกนอน)

                ซะ ซวยแล้ว ทำยังไงดีล่ะเนี่ย ที่นอนมีแบบที่เดียว อ๊ากกก ทำยังไงดีล่ะเนี่ย

                “ขออภัยด้วยนะค่ะ คือว่าจะรับประทานอาหารค่ำเวลาไหนดีค่ะ”

                “เอ่อ เอาเป็น...เอ่อ เป็นหนึ่งทุ่มก็แล้วกันค่ะ”

                “ทราบแล้วค่ะ....”

                ฮิบาริและซือโนะจัดสัมภาระเป็นที่เรียบร้อย ฮิบาริก็ชวนให้ซือโนะไปลงบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งซือโนะก็ตอบตกลง เพราะยังไงซือโนะก็ได้อาบในห้องแยกชายหญิง พอทั้งคู่ไปถึง....

                ขออภัยในความไม่สะดวก ตอนนี้กำลังทำความสะอาด ขอเชิญใช้บ่อรวมค่ะ

                ทะ ทำไม ทำไมล่ะ....จะวิ่งไปที่ห้องก็คงจะไม่ได้ ไม่อาบก็คงจะน่าเกลียด ทำไมฉันถึงได้ซวยมภิมหาซวยแบบนี้

                “ไม่ต้องกังวลไปหรอกน้า ฉันไม่มองเธอหรอกนะ เดี๋ยวหันหลังแล้วแช่น้ำเอาก็ได้”

                “อ๊ะ อือ งั้นก็ต้องเข้าไป”

                อ้าว ทำไม...ทำไมไม่มีคนเลยล่ะ แต่ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องแคร์สายตาคนรอบข้าง

                ที่ไม่มีคนอยู่เลยนั่นเป็นเพราะคนในโรงแรมเห็นซือโนะดูลำบากใจเลยติดต่อไปที่คนที่รุ่นที่ 9 ส่งมา ให้มาเคลียร์ในเรื่องนี้

                อ๊า น้ำอุ่นดีจัง แล้วฮิบาริซังล่ะ

                ครืดดด

                ฮิบาริออกมาในสภาพเปลือยท่อนบน ซึ่งเผยให้เห็นหน้าท้องขาวๆ ทำให้ซือโนะถึงกับหน้าแดง เพราะไม่เคยเห็นใครหุ่นดีขนาดนี้มาก่อน นอกจากยามาโมโตะ

                “นะ น้ำร้อนกำลังดีเลยนะค่ะ ฮิบาริซัง”

                “อือ แบบนี้แหละที่ฉันชอบ ทั้งบรรยากาศ และก็....”

                “มะ ไม่ได้นะค่ะ ฮิบาริซังสัญญาไว้แล้วนี่นาว่าจะไม่หันมาน่ะ”

                “อ๊ะ จริงด้วยสินะ ขอโทษด้วยก็แล้วกัน จะขึ้นเมื่อไรก็บอกล่ะ”

                ฮิบาริพูดด้วยน้ำสีดูเศร้าๆ ซึ่งซือโนะรู้ได้ทันทีว่า ตอนนี้ฮิบาริเองก็กำลังพยายามที่จะอดทนเอาไว้ ทั้งคู่แช่น้ำกันนานจัด ซือโนะก็รอจนกว่าฮิบาริจะขึ้น จนตัวร้อนมากเกินไปด้วยอุณหภูมิของน้ำเลยเป็นลมไป

                “ซือโนะ ซือโนะ แย่ล่ะสิ ไม่มีทางเลือกแล้ว”

                ฮิบาริเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมร่างของซือโนะแล้วอุ้มพากลับไปที่ห้องพัก ฮิบาริก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป หากเอาชุดยูกาตะของโรงแรมให้ซือโนะใส่ก็คงจะร้อนเกินไป ฮิบาริเลยเอาเสื้อเชิร์ตที่ชอบใส่ไปโรงเรียนมาใส่ให้ซือโนะ โดยพยายามไม่มองร่างที่เปลือยเปล่าของซือโนะ

                “จริงๆเลย รู้ว่าไม่ไหวก็ไม่ยอมขึ้น ฮึๆๆ เฮ้อ ไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย”

                ฮิบาริหัวเราะแล้วก็มองหน้าซือโนะที่สลบหลับไป ซักพักพนักงานก็เอาอาหารค่ำมาให้ ฮิบาริก็นั่งรอจนซือโนะตื่น

                “อือ ฮิบาริซัง ทำไมฉันถึงได้....”

                “อ้อ เธอเป็นลม แล้วชุดน่ะ ฉันใส่ให้เองแต่ไม่ได้มองนะ เอาเถอะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ แล้วมาทานข้าวล่ะ ฉันจะรอ”

                ง่า ปล่อยแกร่วจนได้สิน้าเรา เอ๊ย ทำไม...ทำไมเราถึงมาอยู่ในชุดนี้ได้ล่ะเนี่ย แล้วเสื้อนี้มันของฮิบาริซังนี่นา สะ...แสดงว่า....

                ซือโนะหลังจากที่เปลี่ยนจากเสื้อของฮิบาริมาเป็นชุดยูกาตะก็เดินไปนั่งกินข้าวซึ่งอยู่ตรงข้ามกับฮิบาริในระยะประชิด

                “เอ่อ...คือ....”

                “หืม...มีอะไรเหรอ”

                “คือว่า....จะ...จะเพิ่มข้าวหน่อยมั้ยค่ะ”

                “อ้อ งั้นรอให้ถ้วยนี้กินหมดก็แล้วกันนะ”

                ฮิบาริพูดจบก็ทานต่อไปเรื่อยๆ ส่วนซือโนะก็ทานแต่เป็นท่าทางที่ดูเก้ๆกังๆ

                ง่า พูดไม่ออกแฮะว่า ฮิบาริซังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เราหรือเปล่า เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน

                “เอ่อ ฮิบาริซัง คือว่าตอนนี้ฉันสลบไปเนี่ย คุณ....เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันใช่มั้ยค่ะ”

                “อ้อ อืม....”

                “จะ จริงเหรอค่ะ....แล้วเห็นฉัน เอ่อ แบบว่ายังงั้นหรือเปล่าค่ะ”

                ยังงั้นของซือโนะหมายถึงเห็นตอนที่โป๊หรือเปล่า

                “อ้อ อืม เห็นสิ ฮึๆๆ”

                “ทำไมกันล่ะ....ทำไมต้องมองด้วยล่ะค่ะ ฉันน่ะ ฉันน่ะ....เกลียดฮิบาริซังที่สุดเลย”

                ปังงง!!!!

                ซือโนะวิ่งออกไปโดยไม่ถามฮิบาริให้ชัดเจนเลยว่ายังงั้นสำหรับฮิบาริมันหมายความว่ายังไง สำหรับฮิบารินั้นคำว่า ยังงั้น นั้นหมายถึงหน้าตอนนอนหลับของซือโนะ ฮิบาริเห็นว่าซือโนะวิ่งออกไปเลยวิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง

                แฮ่กๆ อยู่ไหนกันนะ มืดแล้วด้วยสิเนี่ย แถมยังใส่ชุดแบบนั้นอีกด้วย อยู่ไหนกันนะ ซือโนะ

               

                “ฮึก... หมดกัน เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เราเป็นผู้ชายแล้วทำไมเราถึงได้....อ่า แล้วที่นี้มันที่ไหนกันล่ะเนี่ย เห๊ะ ป้ายนี้มันอะไรกันล่ะเนี่ย”

                บ่อน้ำแห่งอนาคต หากท่านมองลงไปในน้ำในวันที่พระจันทร์เต็มดวง ท่านจะได้เห็นอนาคตในวันข้างหน้า

                ระ...เรื่องจริงเหรอ อ่ะ มีคนมาหรือว่าเป็นฮิบาริซัง ไปทางบ่อน้ำล่ะกัน หวังว่าเขาคงจะไม่รู้นะ

                “แฮ่กๆ หายไปไหนนะ ชิส์ ทางนี้ล่ะมั้ง โอ๊ะ จริงด้วย ช่วยทีล่ะ”

                จิ๊บ....

                จะ จิ๊บเหรอ สะ แสดงว่าต้องเป็นฮิเบิร์ดชัวร์ๆ หง่า ทำยังไงดีล่ะเนี่ย ดีล่ะ งั้นต้องไปทาง.....

                “ซะ ซวยแล้ว ว๊ายยย!!!

                ซือโนะร้องตกใจเพราะว่าในจังหวะที่หันหลังแล้วก้าวเท้าไป ปรากฎว่าทางข้างหน้าไม่ใช่ทางเดินแต่เป็นบ่อน้ำขนาดย่อมๆ ซือโนะก็เลยตกลงไปในน้ำ ด้วยเหตุที่ว่าไม่รู้

                “แค่กๆ โอ๊ย ตายแน่ๆ อ่ะ อ๊าเด๊ ตื้นนี่นา เฮ้อ รอดไป อืม มืดแฮะ แล้วนั้นมัน....เงาใครกันล่ะเนี่ย เอ๊ะ....เงานี้มันหรือว่า....ฮิบาริซะ.... มะ ไม่ใช่หรอกเหรอ แล้วนั้นมัน...เงาของใครกันล่ะ ผมสีเงิน สวยจังเลย....”

                แต่ว่าทำไมเงานี้มันเหมือนกับว่า....ฮิบาริซังกำลังจ้องมองดูเราอยู่ สายตาก็ดูอ่อนโยนจัง แล้วเงาอีกเงานั้นเป็นของใครกันน้า ฮ่ะๆ บ้าน้า แต่ว่า....เราเองก็คงจะ....ปฏิเสธได้นี่นา ว่าเราน่ะ......

                ซือโนะก็รีบส่ายหัวสะบัดน้ำออก แล้วเดินไปยังที่พัก แต่ทว่า....

                “ฮะ....ฮัดชิ้ว!!! อ่ะ โอ๊ะๆๆ”

                เพล้งงงงง!!!

                ซือโนะตอนที่จามนั้นมือไปกระแทกโดนกับแจกันที่วางประดับอยู่จนแตกเสียงดังลั่น

                “วะ แว๊กก ทะ ทำยังไงดีล่ะเนี่ย ซวยชะมัดง่า....ทำไงดีๆ”

                “ตายแล้ว แย่แล้วสิเนี่ย แจกันประจำตระกูลของโรงแรม แย่แล้ว คุณสินะที่เป็นคนทำแตกน่ะ”

                “อ่ะ เอ่อ ขะ ขอโทษค่ะ คือว่าจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ยังไงก็ขอโทษด้วยล่ะกันนะค่ะ”

                “ดิฉันต้องนำเรื่องนี้ไปเรียนคุณท่านก่อนค่ะ ยังไงก็ช่วยตามมาด้วยค่ะ”

                ซือโนะก็ต้องไปแต่เดินตามไปอย่างเลือกไม่ได้....

               

                “แฮ่กๆ ยัยนั่น หายไปไหนกันนะ ลองเข้าไปหาข้างในโรงแรมอีกรอบดีกว่า”

                “อ๊ะ ยินดีต้อน....รับ.....ค่ะ”

                “ซะ ซือโนะ ทำไมกันล่ะ....”

                “คือว่า.....”

                “อ้าว นายหญิงน้อยค่ะ ทำไมไม่พาแขกไปที่ห้องพักล่ะค่ะ”

                “อ่ะ ค่ะ ชะ...เชิญทางนี้เลยค่ะ”

                ซือโนะในชุดกิโมโนที่ดูสวยและสง่างามนั้นกำลังทำงานเป็นนายหญิงน้อยแห่งออนเซ็นแห่งนี้ ซึ่งในตอนนี้กำลังนำทางให้ฮิบาริไปที่ห้องพัก

                “นี่ ทำไมเธอถึงมาทำแบบนี้ล่ะ”

                “อ้อ เรื่องนั้นน่ะเหรอค่ะ คือว่ายังไงดีล่ะค่ะ คือ....”

                “นายหญิงน้อยค่ะ ถ้าหากมีเวลาคุยกับแขกยังงี้ล่ะก็ช่วยกรุณาพาแขกไปที่ห้องเร็วเถอะค่ะ”

                “ค่ะ ขอประทานโทษด้วยนะค่ะ”

                ซือโนะได้แต่ทำตามคำสั่งของเจ้าของโรงแรมนี้อย่างช่วยไม่ได้

                “ยังไงก็ขอให้พักผ่อนตามสบายนะค่ะ ขอตัวก่อนล่ะค่ะ”

                “เดี๋ยว.....”

                ฮิบาริจับข้อมือของซือโนะเพื่อให้หันกลับมาก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง

                “เอ่อ ยังไงก็กรุณาปล่อยก่อนเถอะค่ะ พอดีดิฉันมีเรื่องที่ต้องไปทำต่อน่ะค่ะ ขอตัวนะค่ะ”

                ซือโนะรีบเดินไปก่อนที่ฮิบาริจะรั้งตัวไม่ได้ไปไหน แต่ใบหน้าของซือโนะที่มองไปที่ฮิบารินั้นดูเป็นใบหน้าที่เย็นชา ดวงตาเหมือนกับจะบอกว่าไม่ได้สนใจคนที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

                “ฉัน...ทำอะไรผิดล่ะเนี่ย”

                ฮิบาริพูดออกมาก็ทรุดลงไปตรงหน้าประตูที่ซือโนะได้ออกไปและปิดลง

               

                “แหม ทำได้ดีมากเลยนะค่ะ นายหญิงน้อย....”

                “เอ่อ ขอบพระคุณมากค่ะ แล้วมีเรื่องอะไรเหรอค่ะ ถึงได้เรียกตัวดิฉันมาน่ะค่ะ”

                “อ้อ ใช่แล้ว คือ....ยังไงดีล่ะ จากที่ฉันได้เห็นนั้น การทำงานของเธอนั้นตรงกับสิ่งที่ฉันอยากจะให้คนสืบทอดกิจการมี ซึ่งนั้นก็หายความว่า ฉันอยากให้เธอ....ได้หมั้นกับลูกชายของฉันที่กำลังจะกลับมาจากอิตาลียังไงล่ะ”

                “เอ๊ะ แต่ว่า ฉันน่ะ....”

                ซือโนะถึงกลับตกใจในคำพูดของเจ้าของโรงแรม เพราะว่าตนที่เพิ่งจะถูกเอาเรื่องที่ทำแจกันประจำตระกูลแตก กลับต้องมาหมั้นกับลูกชายของโรงแรมนี้ ที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าค่าหน้าตาเลยแม้แต่น้อย

                “เอ่อ ถ้าหากฉันปฏิเสธล่ะค่ะ”

                “ก็แล้วแต่เธอนะ เธอก็....เลือกเอาเองก็แล้วกัน ฉันให้เวลาเธอสองวันล่ะกันนะ”

                “ขอบพระคุณมากค่ะ...”

                ซือโนะที่เกิดความปั่นป่วนในใจถึงกลับต้องเลือกว่าต้องทำยังไงเพราะถ้าหากตนปฏิเสธเรื่องที่ตัวเองทำผิดก็อาจจะเป็นเรื่องที่ร้ายแรง และอีกอย่างถ้าหากเลือกที่จะหมั้นเพื่อลบล้างความผิดที่ตนกระทำมันก็อาจจะทำให้ฮิบาริเสียใจก็เป็นได้

                ดีล่ะ ถ้ายังไงเราก็ต้องไปถามฮิบาริซังก่อน ยังไงซะฮิบาริซังก็ต้องคัดค้านแน่นอน แล้วฮิบาริซังอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย อ่ะ เจอแล้ว....

                “ฮิบาริ.....”

                “อืม ฉันรู้แล้ว อืม สองวันก็กลับตังหาก อือ ไม่ต้องห่วงมากหรอก ไม่เป็นอะไรมากนัก หา อ่ะ อืม รู้แล้วล่ะน้า เอาก็ได้ ฉันรักเธอนะ แค่นี้แหละ แล้วค่อยเจอกัน”

                ซือโนะถึงกลับหมดเรี่ยวแรงหลังจากได้ยินคำสามคำจากปากของฮิบาริก็ถึงกับทรุดลงไป

                ฮะ ฮิบาริ....ซัง งั้นเหรอ งั้นสินะ เข้าใจแล้ว งั้นฉันก็จะเลือกก็แล้วกันนะ

                ครืดดดด

                “อ้าว ไงล่ะนายหญิงน้อย มีธุระอะไรล่ะ”

                “ดิฉันตกลงค่ะ ดิฉัน...จะหมั้นกับลูกชายของคุณค่ะ”

                ในความเป็นจริงของฮิบารินั้น....

                (“ไงฮิบาริ ซือโนะเป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่มั้ยเนี่ยฮ่ะ”)

                รีบอร์นซึ่งอยู่ปลายสายที่ฮิบาริกำลังคุยด้วยอยู่นั้นได้โทรมาหาฮิบาริ เพื่อถามถึงเรื่องของซือโนะ

                “อืม” ฮิบาริตอบอย่างสั้นๆ เพราะว่ากำลังไม่เข้าใจอยู่ว่าทำไมซือโนะถึงได้ดูเย็นชา

                (“อย่าลืมล่ะว่านายต้องดูแลยัยนั่นให้ดีๆน่ะ”)

                “ฉันรู้แล้ว”

                (“นี่เป็นเพราะว่าท่านรุ่นที่ 9 เป็นห่วงนะเนี่ย”)

                “อืม”

                (“เฮ้ย ฮิบาริ อย่าทำอะไรนะเฟ้ย พรุ่งนี้จะกลับแล้วใช่มั้ย!!!”)

                “สองวันก็กลับตังหาก”

                (“ฉันล้อเล่นตังหากเฟ้ย!!!”)

                “อือ”

                (“ช่างหัวเจ้าโกคุเทระมัน อย่าให้เจ้านั้นเกิดเครียดขึ้นมาล่ะ”)

                “ไม่ต้องห่วงมากหรอก ไม่เป็นอะไรมากนัก”

                (“เอางี้ ถ้าหากนายยอมพูดคำว่า ฉันรักเธอ ล่ะก็ ฉันจะยอมบอกก็ได้นะว่าเจ้าซือโนะมันมีจุดอ่อนอยู่ตรงไหน”)

                “หา...”

                (“โอ๊ะ ไม่อยากจะรู้เหรอ งั้นไม่บอกก็ได้นะ”)

                “อ่ะ อืม รู้แล้วล่ะน้า”

                (“ เอ้า พูดสิ ดังๆด้วยล่ะ”)

                “ฉันรักเธอ แค่นี้แหละ แล้วค่อยเจอกัน”

                ปิ๊ดดด

                สรุปก็คือว่าที่ฮิบาริคุยด้วยนั้น ไม่ใช่ผู้หญิงหรือใครอื่นแต่เป็นไอ้แอ๊บเด็กตัวแสบรีบอร์นั้นเอง

                เช้าวันต่อมา ในห้องพักของซือโนะกับฮิบารินั้นมีเพียงแค่ฮิบาริเพียงคนเดียว เพราะว่าซือโนะต้องไปนอนอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องของนายหญิงน้อยของโรงแรมนี้ และในช่วงเช้าตรู่เอามากนั้น ฮิบาริยังคงไม่ตื่นนอน ซือโนะต้องออกไปข้างนอกเพื่อซื้อดอกไม้มาประดับที่โรงแรม

                “อือ จะมามั้ยเนี่ยวันเนี่ย รถเมล์ก็ไม่มีโผล่หัวมาให้เห็นซักคันเลยอ่า โอ๊ะ นั้นมัน แหม เช้าซะขนาดนี้ยังมีคนมาแข่งบาสอีกเหรอเนี่ย ไหนๆก็ไหนๆแล้วระหว่างที่รอรถเมล์เราก็ไปดูเค้าเล่นหน่อยก็คงจะดีแฮ่ะ”

                ว้า คนเยอะชะมัด ทำไมมาดูกันเยอะอย่างนี้น้า อ๊า จริงด้วยสินะ

                “ขอโทษนะค่ะ คือว่านี้แข่งบาสอะไรกันอยู่เหรอค่ะ”

                “อ้อ แข่งกระชับมิตรน่ะจ๊ะ พอดีกะว่าจะให้แข่งกันตอนเช้าสายๆหน่อย แต่เค้าบอกกันว่าจะมีงานมาจัดตรงนี้เลยเลื่อนเวลามาน่ะจ๊ะ โอ๊ะ หน้าตาเธอก็ใช้ได้นะเนี่ย ไหนๆก็หาสาวหน้าตาสวยๆแบบเธอไม่ได้ งั้นขอใช้ตัวเธอหน่อยล่ะกันนะ”

                “ดะ เดี๋ยวสิค่ะ....”

                ซือโนะถูกลากไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดเสื้อขาวคอกลมเสื้อวอร์มสีเหลืองกับลายเส้นสีฟ้า ใส่กระโปรงสีฟ้าสีเดียวกันกับที่ลายเส้นที่เสื้อ บนหัวก็มีหมวกโทนสีเหลืองและสีฟ้าที่เข้ากับชุดอยู่แล้ว สวมถุงเท้าขาวยาวกับรองเท้าผ้าใบ้ธรรมดา

                “คือว่า....”

                “น่าๆ ช่วยหน่อยเถอะ ถือซะว่าฉันขอร้องล่ะ พอดี เอ่อ เธอเห็นคนนั้นมั้ยล่ะ เธอคนนั้นน่ะเป็นแผนกปฐมพยาบาลแต่ว่าไม่ค่อยเก่ง แถมพวกนักบาสก็บอกว่าหน้าตาไม่ผ่าน เลยไม่เอาน่ะ”

                โห่ ทำไมคนพวกนี้แรงได้ใจจริงนะ ไม่คิดจะให้เกียรติผู้หญิงบ้างเลย

                ปริ๊ดดดดด!!!

                เสียงนกหวีดดังขึ้น เป็นสัญญาณให้นักกีฬาได้พักครึ่ง ซือโนะก็ต้องรีบไปทำหน้าที่ที่ถูกขอร้องให้ช่วยทำ โดยการเอาน้ำเกลือแร่กับผ้าขนหนูไปแจก

                “ขอบใจ อ้าว เธอเป็นใครกันล่ะเนี่ย”

                “หืม ที่โค้ชไปเอาผู้หญิงที่ไหนมาล่ะเนี่ย”

                “เอ่อ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อซือโนะค่ะ มาช่วยงานของโค้ชของพวกคุณน่ะค่ะ”

                “อ้อ รับหน้าที่พยาบาลกับดูแลน่ะเหรอ”

                “ค่ะ....เอ่อ ถ้าฉันทำอะไรผิดพลาดก็ต้องขอโทษก่อนเลยก็แล้วกันนะค่ะ”

                “แหม พวกเราชักรู้สึกอยากจะเป็นแผลขึ้นมาแล้วแฮ่ะ ฮ่ะๆๆ”

                “หยุดเลยนะ ไอ้พวกนี้นิ อ๊า แย่ล่ะสิ ซือโนะช่วยไปหยิบน้ำเกลือแร่ที่รถมาเพิ่มให้หน่อยสิ”

                “อ่ะ ค่ะ ได้ค่ะ....”

                เอ๊ แล้วรถมันอยู่ไหนล่ะเนี่ย อ๊า เจอแล้วๆ อ๊อย ทำไมลังน้ำเกลือแร่ถึงได้หนักแบบนี้ล่ะเนี่ย เอาล่ะ สู้ๆซือโนะ

                “อึ๊ย อ๊ายย วะ ว้ายย! ขะ...ขอโทษนะค่ะ เอ่อ เป็นอะไรมั้ยค่ะ”

                ซือโนะที่กำลังขนลังกระป๋องน้ำเกลือแร่อยู่ ได้ไปชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งดูจากเสื้อผ้าแล้วน่าจะเป็นนักบาสที่มาแข่งแต่จากสภาพของเสื้อสีนั้นต้องเป็นทีมคู่แข่งแน่ๆ

                “เอ่อ ลุกไหวมั้ยค่ะ มาค่ะ ฉันช่วยค่ะ อ๊า แย่ล่ะ หล่นหมดเลย”

                “ผมช่วยก็แล้วกันนะครับ”

                “อ๊ะ ขอบคุณค่ะ....”

                ทั้งคู่เก็บด้วยกันจนเสร็จ ซือโนะก็ปาดเหงื่อ และพร้อมที่จะขนไปที่ที่นั่งต่อ

                “เดี๋ยว เธอน่ะ ไหวแน่เหรอ มาให้ฉันช่วยดีกว่า เดี๋ยวก็ทำร่วงอีกรอบหรอก”

                “อ่ะ ขอบคุณมากเลยนะค่ะ ฉันชื่อซือโนะนะค่ะ แล้วคุณล่ะ”

                “อ้อ ฮาจิเมะน่ะ แล้วเธออยู่โรงเรียนนั้นเหรอ”

                “อ้อ เปล่าค่ะ พอดีโค้ชของโรงเรียนนั้นขอให้ฉันมาช่วยเป็นผู้ช่วยหรือยังไงดีล่ะ เบ๊ น่าจะดีกว่านะค่ะ” ซือโนะพูดด้วยเสียงที่เหนื่อยล้า เพราะต้องตื่นแต่เช้ามาซื้อดอกไม้แต่ต้องมาทำงานแบบนี้

                “อ่ะ ตรงนี้ก็พอแล้วล่ะค่ะ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณมากเลยนะค่ะ”

                “อืม งั้น...ฉันไปล่ะนะ”

                เวลาในการแข่งก็ผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาแข่งหมดลง สรุปผลคือฝั่งของซือโนะนั้นแพ้ไปเพียง 4 คะแนนเท่านั้นเอง

                “ยะ แย่แล้ว ไปซื้อของไม่ทันแน่ๆเลย ทำยังไงดีล่ะเนี่ย ไปเปลี่ยนชุดก็ไม่ทันแล้วด้วย”

                “โอ๊ะ จริงด้วย ซือโนะชุดนั้นน่ะฉันให้ก็แล้วกันนะ ถือซะว่าเป็นการตอบแทนที่ช่วยฉันล่ะกันนะ ไปล่ะจ้า”

                “ค่า..... ฮือ แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย ไปซื้อดอกไม้ไม่ทันแน่ๆเลยอ่า”

                จึ๊กๆๆ

                ซือโนะถูกใครบางคนสะกิดก็เลยหันไปมอง ซึ่งเป็นฮาจิเมะที่กำลังสะกิดเพื่อเรียกซือโนะให้หันมา

                “นี่ กำลังลำบากใช่ม้า งั้นเดี๋ยวฉันช่วยนะ จะไปซื้อดอกไม้งั้นสินะ งั้นขึ้นมาซ้อนท้ายฉันม่ะ”

                “เอ่อ ขอบคุณมากเลยนะค่ะ...ฮึ๊บบ”

                “เอ้า ไม่จับฉันล่ะ เดี๋ยวร่วงไม่รู้ด้วยหรอกนะ ไปแล้วล่ะนะ”

                “กรี๊ดดด!!!

                ซือโนะตกใจเพราะแรงถีบจักรยานไปข้างหน้าเลยคว้าเอวของฮาจิเมะกอดเอาไว้ หลังจากที่ซือโนะไปที่ร้านและซื้อเสร็จเรียบร้อย ฮาจิเมะก็ขอเบอร์ของซือโนะเอาไว้ เพื่อเป็นการติดต่อหากัน และแน่นอนว่าซือโนะก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้เพราะฮาจิเมะเคยช่วยตนมาหลายครั้ง

                “ยังไงก็ให้ฉันไปส่งเธอด้วยก็แล้วกันนะ ขึ้นมาเร็วๆเข้าสิ”

                “อ่ะ ค่ะ.... เอ่อ คุณรู้จักโรงแรมออนเซ็นนี้มั้ยค่ะ”

                “อ้อ รู้สิ ก็ฉันน่ะ....เอ่อ ก็ฉันเคยไปพักด้วยกันกับเพื่อนๆน่ะ เอาล่ะ ถึงแล้ว”

                “อืม ฉันว่าเราอาจจะได้พบกันในเร็วๆนี้นะ ฉันหวังเอาไว้น่ะ ไปล่ะ”

                ฮาจิเมะบอกลาซือโนะแล้วปั่นจักรยานออกไป เมื่อซือโนะเห็นว่าฮาจิเมะไปแล้วก็เลยถือดอกไม้เข้าไปในโรงแรมเพื่อนำไปแช่ในน้ำ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×