ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF.PROJECT] Evil's Story. : WONKYU

    ลำดับตอนที่ #41 : [S Fic] Rose Addict. [ -6- ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 683
      2
      19 ก.ย. 56

    Rose Addict


    - 6 -

     

                ลวดลายมังกรซึ่งพาดผ่านไปตามหัวไหล่หนากำลังเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต เจ้าของร่างสูงใหญ่เงยหน้ารองรับสายน้ำเย็นภายใต้ฟักบัว สายเอาการกว่าเขาจะพาตัวเองลุกออกจากเตียงนอน ภารกิจรักเมื่อคืนแม้จะจบลงในเวลาอันสั้นอาจด้วยเพราะปัจจัยหลายๆ แต่แปลกที่เขากลับหลับลึกตลอดทั้งคืน มันนานมากแล้วที่หัวสมองของท่านประธานชเวจะไม่มีเรื่องงานเข้ามารบกวนทว่ากลับมีเพียงแต่เด็กตัวขาวที่ปั่นป่วนใจเขาแทบจะทุกวินาที เพียงแค่ตื่นนอนเขาก็ห้ามใจที่จะจุมพิตอรุณสวัสดิ์ไม่ได้ ห้ามไม่ให้ป้อนจูบดูดดื่มไม่ได้ และห้ามไม่ให้แตะสัมผัสเรือนร่างสวยงามนั่นไม่ได้เช่นกัน...กว่าจะยับยั้งชั่งใจไม่ทำให้ร่างนี้ต้องบอบช้ำไปมากกว่าเก่า ลูกแมวของเขาก็แทบกลั้นเสียงครางจนตัวอ่อน

                ชเว ชีวอนเสียงานราวกับเด็กวัยคะนองและดูเหมือนลูกน้องของเขาก็คงจะทำเป็นปิดหูปิดตา...ไม่แม้แต่จะขึ้นมารบกวนทั้งที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดแท้ๆ

                หลังทำธุระส่วนตัวเสร็จ เขาก้าวออกมาจากห้องน้ำพลางทอดสายตาไปยังเตียงนอนกว้างขวางซึ่งยังคงมีกองผ้าห่มกองใหญ่ ภายในบรรจุเด็กหนุ่มที่กำลังนอนขดตัวเนื่องด้วยอาการอ่อนเพลียจากบทรักเมื่อคืน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ควรปลุกเจ้าตัวให้ตื่นขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวเสียดีกว่านอนขลุกอยู่เช่นนั้น เมื่อคิดได้ชเว ชีวอนก็นั่งลงที่ปลายเตียง ส่งฝ่ามือใหญ่ไปลูบแผ่นหลังบางภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ไม่นานลูกแมวตัวขาวก็สะดุ้งตื่น ดวงตาคู่โตตวัดมองกันเล็กน้อย พร้อมด้วยใบหน้าที่จู่ๆ กลับขึ้นสีขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขายิ้มขำในขณะที่สวมเสื้อกล้ามไปด้วย

                “ไปอาบน้ำเถอะ...สายมากแล้ว”

                “อ่าครับ...” เสียงนุ่มทุ้มฟังดูพร่าไปเสียหน่อย ใบหน้าที่เหยเกไปเล็กน้อยเมื่อขยับตัวบ่งบอกถึงความบอบช้ำทางร่างกายได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มนึกปลง บางทีเขาควรต้องเว้นระยะการมีสัมพันธ์สวาทไปคยูฮยอนอีกนานแม้จิตใต้สำนึกภายในจะต้องการเด็กคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม

                “ลุกไหวหรือเปล่า...” เมื่อไม่มีการตอบรับ...เขาจึงเลือกที่จะอุ้มร่างโปร่งซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยผ้าห่มไปส่งถึงหน้าห้องน้ำให้รู้แล้วรู้รอด เจ้าตัวอ้าปากจะพูดอะไรต่อ หากท่านประธานชเวก็ไม่อยากให้ใครอีกคนต้องเอ่ยอะไรไปมากกว่านี้ เขากดจูบลงไปเบาๆ บนปลายจมูกรั้น ส่วนมือก็รับเอาผ้าห่มจึงห่อตัวเรือนร่างโปร่งกลับมาอีกที ประตูห้องน้ำปิดสนิทซึ่งชายหนุ่มเองคงไม่รู้ว่าเบื้องหลังประตูที่ว่าใครอีกคนใจเต้นจนอกแทบจะระเบิด...

                เรือนร่างตรงหน้าในเงากระจก...มันคือตัวเขาจริงๆ น่ะหรือ...เรียวนิ้วลูบใบหน้าไล่ลงมาที่ริมฝีปาก...ลำคอของเขามีรอยคิสมาร์คไม่ค่อยเด่นชัดมากอาจเพราะชเว ชีวอนรู้ดีว่าหากมีใครมาพบเข้า มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเท่าไหร่ ทั้งโจ คยูฮยอนก็คงไม่มีคำอธิบายแก้ข้อสงสัยแด่ผู้พบเห็นมากไปกว่าการอ้างว่าถูกแมลงกัด มันฟังดูไม่เข้าท่าหรอก... เนินอกราบเรียบมีรอยแดงประปรายมากจนน่าตกใจ เนื้อผิวสีขาวจัดตัดกับรอยประทับสีกุหลาบ เด็กหนุ่มไม่กล้าไล่สายตามองช่วงล่าง มันปวดหนึบทิ้งความเจ็บแรกบริสุทธิ์ ไม่สบายตัวเพราะคราบรักและเลือดที่เปื้อนตรงโคนขา

                ความฝันในตอนนั้น...มันอาจหมายถึงสิ่งนี้...

                เขาตกเป็นของใครคนนั้นอย่างสมบูรณ์...ปฏิเสธไม่ได้ว่าพื้นที่ในหัวใจก็กำลังถูกกัดกิน...

                มันเป็นช่วงเวลาอันสั้นที่เต็มไปด้วยอันตราย...เวลาสั้นๆ ที่ได้พบกันมันอาจไม่ได้สร้างความมั่นคงให้กับคนอื่น แต่สำหรับโจ คยูฮยอน...มันเป็นข้อยกเว้น

                หลังจากอาบน้ำอุ่นจนสบายตัว เด็กหนุ่มคว้าเอาเสื้อคลุมที่ดูเหมือนจะเป็นไซส์ของเจ้าของห้องซึ่งมันแขวนไว้ราวกับรอให้กายบางนำมันมาปกปิดร่างกายชั่วคราว ทุกก้าวที่ย่างเดินลำบากขึ้นมานิดหน่อย บางทีคยูฮยอนกลับยังรู้สึกว่าผู้ชายคนคนนั้นยังคงอยู่ในตัวเขาด้วยซ้ำ อดจะกัดริมฝีปากล่างไม่ได้เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บที่แล่นแปลบขึ้นมาจากช่วงล่าง ในตอนนี้ชเว ชีวอนไม่ได้อยู่ในห้องนอนเสียแล้ว เตียงนอนหลังใหญ่ถูกเปลี่ยนผ้าปูใหม่เอี่ยม น่าแปลกที่ใช้เวลาเพียงไม่นานแถมยังเงียบเชียบ แม้แต่แม่บ้านซึ่งเป็นคนของชเวยังน่าทึ่งอยู่ไม่หยอก ใกล้กันนั้นมีชุดลำลองของเขาว่างเตรียมไว้อย่างเป็นระเบียบ

                “...ชุดนักเรียนล่ะ?” เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง... ห้วนนึกถึงตอนฝ่ามือใหญ่เกี่ยวแกะชุดที่ว่าแล้วแก้มนวลยิ่งแดงซ่าน โจ คยูฮยอน สะบัดใบหน้าไล่ภาพที่ติดผนึกในห้วงความคิด เขาคิดว่าตัวเองควรใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วออกไปหาอะไรทานตามที่กระเพาะส่งเสียงเรียกร้องเสียที!

                ชายหนุ่มที่มีดีกรีเป็นถึงท่านประธานของกลุ่มชเวก็ยังคงดูดีเสมอแม้ไม่ได้ใส่สูทผูกไทด์ เส้นผมสีเข้มที่ไม่ได้เซ็ตเป็นทรง ร่างกำยำสวมเสื้อกล้ามเผยรอยสักตรงหัวไหล่ซ้าย ภาพลักษณ์แบบนี้ทำให้ท่านประธานชเวที่ใครต่อใครเกรงขามกลับดูเด็กลงหลายปี เป็นอีกมุมหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นจากคนคนนี้ คยูฮยอนสืบเท้าไปยังโต๊ะอาหารซึ่งมีเจ้าของรูปหน้าคมคายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว คยูฮยอนเหลือบสายตามองนาฬิกาฝาผนังแล้วก็ต้องเบิกตาโพลง แหงล่ะ...ที่มันเกือบเที่ยงแล้วหรือ? ถึงอย่างนั้นบนโต๊ะกลับมีออมเล็ตหน้าตารับประทานส่งกลิ่นหอมยวนสายตา เคียงด้วยแซนวิชขนาดพอดีคำ มันน่าทานเสียจนนึกอยากจะจับช้อนตักเข้าปากเลยเสียเดี๋ยวนี้...ติดก็ตรงที่อีกคนมัวแต่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่เช่นนั้น...

                “คุณชีวอน...” เด็กหนุ่มเรียกชื่ออีกคนเสียงเบากระนั้นเจ้าของชื่อก็ลดหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งบดบังโครงหน้าได้รูปลงในทันที

                “ทานสิ...เสียงท้องของเธอมันดังมากเสียจนฉันหิวแทนแล้วล่ะ” เสียงหัวเราะทุ้มๆ พร้อมรอยยิ้มขำๆ ชวนน่าหงุดหงิดดีเป็นบ้า คยูฮยอนไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่าตัวเองจะดูน่าตลกในสายตาของคนอายุมากกว่าอย่างไร เจ้าตัวจับช้อนส้อมให้ถนัดมือก่อนจะลงมือทานอาหารมื้อแรกของวันท่ามกลางสายตากึ่งหมั่นเขี้ยวกึ่งเอ็นดู

                “ว่าแต่...คุณไม่ไปทำงานหรอ?” ทั้งที่ยังตั้งใจทานออมเล็ตแต่มันก็อดถามไม่ได้ ท่านประธานของกลุ่มชเวขาดงานไปเสียเฉยๆ แบบนี้ได้อย่างไรกันล่ะ? ทว่าท่าทีสบายๆ ของชเว ชีวอนก็ทำให้คยูฮยอนเดาคำตอบได้ไม่ยากนัก

                “หยุดพักสักวันก็ไม่เห็นจะเป็นไร”

                “แหงสินะ...คนเป็นประธานบริษัทจะขาดงานวันไหนก็ได้นี่...อ่า แย่แล้ว!” นั่นน่ะสิ!!! เขาลืมไปได้อย่างไรว่าวันนี้มีสอบเก็บคะแนนวิชาภาษาจีน...แถมคาบเรียนยังเป็นคาบเช้าอีกต่างหาก คิดได้ดังนั้นคยูฮยอนก็ถลาตัววิ่งไปหยิบโทรศัพท์มือถือภายในห้องนอน กดเบอร์โทร.หาเพื่อนสนิทตาตี่ ชายหนุ่มมองภาพโกลาหลเล็กๆ ของเด็กหน้าแมว ร่างโปร่งเดินวนไปวนมารอบห้องในขณะที่คุยโทรศัพท์ไปด้วย เรียวคิ้วที่ขมวดมุ่นบ่งบอกถึงความวิตก เมื่อวางสายคยูฮยอนก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะอาหารพร้อมใบหน้าที่บูดบึ้งเสียยิ่งกว่าเดิม

                “ผมลืมไปเลยว่าวันนี้มีสอบเก็บคะแนนภาษาจีนน่ะครับ”

                “แล้วเพื่อนเธอว่ายังไงล่ะ?”

                “ซองกยูบอกว่าถ้าใครไม่สอบก็คือไม่มีคะแนนเก็บส่วนนี้ แต่ถ้าอยากมีคะแนนสักครึ่งหนึ่งก็ต้องคัดจีนไปส่ง...ดูเหมือนว่าต้องเขียนเป็นความเรียงซะด้วย ผมเก่งภาษาจีนที่ไหนกันล่ะ!” ยิ่งพูดเด็กหนุ่มยิ่งมีน้ำโห ขึ้นชื่อว่าเป็นคุณครูลีอินแล้ว เธอเป็นครูสาวชาวจีนที่เข้มงวดเสียจนน่าปวดหัว แล้วเขาเองไม่ได้มีคะแนนที่ดีในวิชานี้เลยเสียด้วยซ้ำ นี่อาจต้องคว้าเกรดแบบลุ่มๆ ดอนๆ อีกแล้ว นึกกระฟัดกระเฟียดกับตัวเองได้สักพัก เจ้าของเสียงทุ้มก็กล่าวขึ้น

                “ภาษาจีนกับฉันมันเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ไหนๆ วันนี้ฉันก็ไม่ได้ไปทำงาน ถือว่ามาเป็นครูสอนพิเศษให้เธอล่ะกันนะคยูฮยอน” ไม่มีเหตุผลอันใดที่คยูฮยอนจะไม่เชื่อในทักษะภาษาจีนของท่านประธานชเวซึ่งเพิ่งจะไปติดต่อเจรจามาหมาดๆ กับทางกลุ่มฮัน แต่มากไปกว่านั้น เขามองรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของอีกฝ่ายอย่างรู้เชิงต่างหาก ถึงแม้ชเว ชีวอนจะไม่ใช่คนแสดงออกทางสีหน้ามากนัก...แต่น้อยครั้งที่รอยยิ้มที่ว่าจะปรากฏ และน้อยครั้งมากอีกนั่นแหละที่ดวงตาคู่คมกำลังฉายแววขี้เล่น

                ชเว ชีวอน เป็นผู้ชายที่เดาอารมณ์ได้ยากยิ่ง...นั่นคือสิ่งที่คยูฮยอนประจักษ์แก่ใจ

    “หวังว่าคุณจะไม่คิดค่าจ้างหรอกนะ!

    “แน่นอน...ก็แค่อาจมีรางวัลตอบแทนนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น... รีบทานอาหารเถอะ เดี๋ยวมันจะเย็นชืดหมด” อดจะหมั่นไส้ท่าทีสบายๆ ไม่ได้ ชายหนุ่มละเมียดทานออมเล็ตโดยไม่สนใจสายตาคาดโทษของเด็กตัวขาวอีกต่อไป

    ...ขอให้ไอ้รางวัลตอบแทนที่ว่าไม่ส่งผลเสียต่อตัวเขาเป็นพอ!

     

    สำเนียงภาษาจีนของชเว ชีวอนน่าฟังแถมยังใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา โชคดีที่อย่างน้อยในกระเป๋าเป้ของคยูฮยอนยังก็อุตส่าห์พกหนังสือวิชาภาษาจีนไว้ สำหรับเด็กหนุ่มที่เรียนภาษาจีนมาก็นาน แต่ทักษะก็ไม่ได้แน่นอะไร พอมีครู(คนพิเศษ)มาสอนแบบนี้ก็นับว่าช่วยได้มากทีเดียว ปลายดินสอจรดคัดอักษรจีนตามรูปประโยคไปทีละคำ...คำไหนที่ผิดก็จะถูกปลายปากกาจากอีกคนตีที่หลังมือเบาๆ แล้วแก้คำใหม่ให้อยู่เช่นนั้น ถ้าหากเขาไม่ชินกับใบหน้าคมดุของผู้ชายคนนี้แล้วล่ะก็ คงได้หัวตื้อคิดอะไรไม่ออกมากว่าเดิมแน่ๆ

    “ไม่ใช่คยูฮยอน...เขียนผิดรูปประโยคอีกแล้ว” เด็กหนุ่มมุ่นหน้าเป็นรอบที่ร้อยของวัน

    “ก็...” พูดได้แค่นั้นก็ต้องก้มหน้าใช้ยางลบลบแล้วแก้ใหม่โดยที่คราวนี้ชายหนุ่มไม่บอกเสียด้วยว่าไอ้คำที่เขาเขียนผิดมันผิดตรงไหน อย่างไร ในสายตาคยูฮยอนแล้ว...มันก็เขียนถูกแล้วนี่!

    “ภาษาจีนมันไม่ได้ยากหรอกนะ...ถ้าเธอขยันอ่าน ขยันทบทวนมากกว่านี้ สำเนียงภาษาจีนเธอก็นับว่าใช้ได้ ฝึกอีกหน่อยเดี๋ยวก็เก่ง” นับว่าเป็นคำปลอบใจที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย คยูฮยอนวางดินสอลงอย่างจนใจ ฟุบใบหน้าลงกับกระดาษที่เต็มไปด้วยความเรียงที่เขาเขียน หัวสมองของเขามันหยุดนิ่งชั่วขณะ แค่เห็นอักษรภาษาจีนก็ตาลายไปหมด อดจะบ่นอุบอิบไม่ได้

    “ยากจะตาย ใครจะอยากทบทวน”

    斗、寻觅发现,而不屈服。[人丁尼生](Fèndòu, xúnmì, fāxiàn, ér bù qūfú [Shīrén dīng ní shēng]) ประโยคคำคมภาษาจีนเมื่อครู่ทำให้คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นสบตาใครอีกคนที่มองมาอย่างเอ็นดูก่อนริมฝีปากได้รูปจะขยับเอ่ยความหมาย ต่อสู้ ค้นหา ค้นพบ และไม่ยอมแพ้”

    “........” ใบหน้าขาวพยักหน้ารับฟัง เพราะอย่างนี้สินะ...ความแตกต่างระหว่างเขากับผู้ชายคนนี้ ดูเหมือนความเป็นเด็กในตัวเขาช่างแตกต่างกับมุมมองความเป็นผู้ใหญ่ของชเว ชีวอนอย่างสิ้นเชิง

    “ฉันสักคำว่า 斗、(ต่อสู้) ไว้ที่อกซ้ายก็เพื่อทำให้ตระหนักอยู่เสมอว่า ฉันเดินอยู่บนเส้นทางที่ไม่เหมือนคนอื่น... การต่อสู้เท่านั้นคือสิ่งที่ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไป”

    “อ่า ผมจำได้แล้ว...” เด็กหนุ่มรับคำอ้อมแอ้มในลำคอพลางนึกถึงตอนที่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของเจ้าของร่างสูงใหญ่เมื่อคืน นอกเหนือจากลวดลายมังกรเล่นไฟตรงหัวไหล่ของผู้ชายคนนี้แล้ว รอยสักที่เขาสงสัยว่ามันคือคำว่าอะไร ก็คือคำๆ นี้อย่างนั้นสินะ

    “เธออายุก็แค่นี้ ฉะนั้นอย่าเพิ่งท้อใจอะไรง่ายๆ นักสิ อีกหน่อยพอเป็นนายน้อยของกลุ่มชเวจริงๆ แล้วจะบ่นเหนื่อยไม่ได้เชียว” ว่าพลางกลั้วหัวเราะ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมาขยี้กลุ่มผมสีเข้มก่อนจะเลื่อนลงมาดีดปลายนิ้วลงบนสันจมูกรั้นเบาๆ ดวงตาคู่โตตวัดมองเอาเรื่อง คนที่ชอบทำตัวเหมือนแมวอ้าปากจะงับปลายนิ้วที่บังอาจมายุ่งย่ามบนเครื่องหน้าของเขา ทว่าไม่ทันจะได้งับลงหรอก เรียวปากอุ่นๆ ก็เคลื่อนมาแตะสัมผัสลงที่ข้างมุมปากเสียก่อน...รูปหน้าหล่อเหลาผละออกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ จุดอ่อนของเขากลายเป็นเรื่องที่ชเว ชีวอนเดาได้ไม่ยากแถมยังรู้ดีเสียยิ่งกว่าอะไรไปแล้ว...

    “เมื่อกี้น่ะ...ผมถือเป็นค่าจ่างที่คุณมาสอนพิเศษผมแล้วนะ” ฟังจบคนอายุมากกว่าก็หัวเราะในลำคอ

    “เธอจะตอบแทนท่านประธานของกลุ่มชเวด้วยค่าจ้างเพียงเท่านี้ ไม่เอาเปรียบกันไปหน่อยหรือไง?”

    “ผมก็มีเท่านี้ก็เอาไปเท่านี้สิครับ!” เด็กตัวขาวเลือกที่จะเถียงชายหนุ่มผู้ซึ่งถือไพ่เหนือกว่ากันเห็นๆ

    “ฉันไม่เร่งรีบสำหรับค่าจ้างสอนพิเศษเธอหรอกนะ...ยังไงเสีย พอถึงตอนนั้น...ค่าจ้างที่ฉันต้องการ อาจกลายเป็นความสุขของเรา” ท้ายประโยคจงใจเคลื่อนใบหน้ามากระซิบที่ข้างหู ไหนจะน้ำเสียงฟังดูไม่น่าไว้ใจแบบนั้น...คิดว่าเขาไม่รู้หรือไงว่าไอ้ความสุขที่ว่า...มันหมายถึง...

    ..............โว้ย!! ที่แท้ก็ตาลุงลามกล่ะนะ! ผู้ชายคนนี้น่ะ!!!

     

     

    สายตาของไอ้ซองกยูกำลังทำให้คยูฮยอนต้องนั่งเรียนอย่างเป็นสุขตั้งแต่มาถึงห้องเรียนในตอนเช้า ขาดเรียนไปหนึ่งวันกับการบ้านมากมายทำให้เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาเขียนการบ้านอย่างรีบร้อนเพื่อนำไปส่งให้ตรงเวลา นั่นก็คือเที่ยงวันของวันนี้...โชคดีที่คาบเรียนวิชาเคมีงดคลาสเพราะคุณครูชินฮเยไปราชการต่างจังหวัด ชั่วโมงว่างก่อนพักกลางวันจึงเป็นเวลาอันเหมาะเจาะที่จะเคลียร์งานที่คั่งค้างให้หมดไป ทว่า...เขาก็จำต้องถอนหายใจพรูใหญ่ครั้นทนไม่ไหวที่ถูกจ้องไม่คลาดสายตาแบบนี้ อดไม่ได้ต้องหันแหวเสียงใส่อย่างนึกรำคาญ

    “ซองกยู มึงจ้องอะไรกูนักหนา!

    “ห๊ะ...!?” ไอ้เพื่อนตาตี่สะดุ้งโหยงราวกับไม่รู้ตัวว่าตนทำอะไรอยู่ คยูฮยอนหรี่ตามองอีกคนพลางเอ่ยต่อ

    “เอ่อ! มึงอ่ะจ้องกูทำไม”

    “เออ.......โทษนะคยูฮยอน กูว่า...ช่วงนี้มึงดูแปลกๆ อ่ะ คือ....มึงดู....” ซองกยูมีท่าทางแปลกๆ ที่คยูฮยอนเองมองแล้วยังนึกหงุดหงิด หมอนี่ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ คราวนี้มันไม่หันมาสบตาเขา แถมยังพูดเสียงงึมงำๆ ในลำคอ...เงี่ยหูฟังอย่างไรก็ฟังไม่ได้ศัพท์

    “ทำไม...กูดูเป็นยังไง?”

    “เออ...มึงดูปากแดงแปลกๆ ดูน่ารักแปลกๆ อ่ะมึง”

    “อะไรของมึง?”

    “โอเคๆ กูเข้าใจล่ะ...คนมีผัวแล้วมันเป็นแบบมึงสินะ...”

    “ไอ้....” คนฟังถึงกับหมดคำจะพูด...คยูฮยอนไม่อาจพูดอะไรได้มากนอกจากถอนหายใจอีกครั้ง คราวนี้เขาหมดความข้องใจที่ถูกเพื่อนตาตี่จ้องแล้วล่ะ ช่างมันล่ะกัน...จะคิดยังไงเกี่ยวกับตัวเขาก็ช่างเถอะ ขืนต่อความยาวสาวความยืด ตัวเขาเองสิที่จะเป็นคนเผลอพูดอะไรๆ ที่ส่อไปในทางเผยความลับตัวเองเสียมากกว่า เด็กหนุ่มหันมาตั้งใจทำโจทย์เลขคณิต ปล่อยให้ซองกยูมันจ้องเขาอยู่พักหนึ่ง ไม่นานมันก็เป็นฝ่ายเดินไปหาดงอูกับยงกุกที่นั่งเล่นกีต้าร์อยู่หลังห้อง คอร์ดกีต้าร์ง่ายๆ ถูกบรรเลงขึ้น คยูฮยอนหยุดฟังเสียงร้องของเจ้าพวกนั้นเพราะเนื้อเพลงมันมีความหมายที่ตรงไปตรงมาอย่างบอกไม่ถูก...

    ...บางที เขากำลังนึกถึงชเว ชีวอน เพราะเพลงๆ นี้

     กดฟังเพลงเพื่ออรรถรส

    I'll be your hero

    Cause I, I can be everything you need

    If you're the one for me

    Like gravity, I'll be unstoppable

    I, yeah I believe in destiny

    I may be an ordinary guy with heart and soul

    But if you're the one for me

    Then I'll be your hero

     

    (ผมจะเป็นฮีโร่ของคุณ

    เพราะผม... ผมสามารถเป็นทุกสิ่งที่คุณต้องการ

    แค่เพียง คุณเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว

    มันช่างเหมือนแรงดึงดูด ไม่มีอะไรหยุดผมได้เลย

    ผมน่ะ เชื่อในโชคชะตา

    ผมอาจเป็นเพียงผู้ชายธรรมดา ซึ่งมีทั้งหัวใจและจิตวิญญาณ

    แต่... ถ้าคุณเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว

    ผมจะเป็นฮีโร่ของคุณเอง...)

                           

                สำหรับคยูฮยอนแล้ว... ชเว ชีวอนคือผู้ชายธรรมดาที่แบกรับหน้าที่อันหนักอึ้ง การเป็นท่านประธานของกลุ่มชเวคงทำให้คนคนนี้เหนื่อยมากเลยทีเดียว ชีวิตของคนคนหนึ่งต้องแบกรับอะไรหลายๆ อย่างได้มากขนาดนั้นเชียวหรือ...นอกจากหน้าตาชื่อเสียงของกลุ่มชเวแล้วยังมีคนในกลุ่มอีกมากที่ต่างก็ตั้งใจทำงานอยู่ภายใต้การปกครองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ที่ผ่านมา... เขาเหมือนมีชีวอนเป็นฮีโร่ที่เข้ามาช่วยชีวิตไว้เสมอ...

                โจ คยูฮยอนเคยโทษโชคชะตาที่ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความเป็นความตายหลายครั้ง...ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากจะขอบคุณโชคชะตาอีกเหมือนกัน...ที่ทำให้มีใครอีกคนก้าวเข้ามาในชีวิต เขาเองก็ก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของใครอีกคนเช่นกัน...

                my hero choi

    ปลายปากกาจรดเขียนลงบนหลังมือ คยูฮยอนมองตัวอักษรสีน้ำเงินพลางระบายยิ้มบาง

    การเป็นคนของชเว...คือเรื่องดีที่สุดในชีวิตของเขาแล้วล่ะ...

               

                หลังเลิกเรียน โจวมี่มารับเขาที่โรงเรียนเพราะเห็นว่าชเว ชีวอนต้องเคลียร์งานเอกสารกองพะเนินจากเมื่อวานที่ไม่ยอมไปทำงาน ดูเหมือนชายหนุ่มบอดี้การ์ดจะดูแปลกไป ปกติเจ้าตัวมักจะเงียบตลอดทางแต่วันนี้กลับเอ่ยปากถามถึงเรื่องเพื่อนที่โรงเรียนเสียอย่างนั้น... ฟังๆ ดูแล้ว... ดูเหมือนโจวมี่กำลังตั้งใจถามถึงใครบางคนที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของคยูฮยอนเอง... เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเล็กหน่อย เฝ้ามองใบหน้าคมคายของหนุ่มชาวจีนผ่านกระจกมองหลังซึ่งสะท้อนภาพรอยยิ้มของคนคนนี้ที่มักไม่ค่อยจะได้เห็นนัก...รอยยิ้มอย่างกับ...คนมีความรักแน่ะ!

                “นี่ชอบซอนมีหรอ?” คยูฮยอนถามออกไปตรงๆ เด็กหนุ่มลอบยิ้มขำ การที่โจวมี่หลุดพูดว่าเธอคนนั้นคือเด็กสาวน่ารักที่มีคุณพ่อเป็นถึงเจ้าของโรงแรมชื่อดังในโซล นั่นคือสิ่งที่เพื่อนๆ ในห้องรู้ดีอยู่แล้ว และจากปากบอดี้การ์ดหนุ่ม...ท่าทางโรงแรมแห่งนี้คงทำงานร่วมกับกลุ่มชเวบ่อยๆ ด้วยเหตุนี้ล่ะมั้งที่ทำให้ผู้ชายจอมเฉยชาซึ่งทำหน้าที่เป็นถึงมือขวาของท่านประธานชเวเกิดอาการ...สะดุดรักเข้าน่ะ!

                “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับนายน้อย” คนตอบทำสีหน้าเก้อเขิน มองๆ ดูแล้วไม่สมกับเป็นโจวมี่เอาเสียเลย!

                “แล้วถึงขั้นไหนกันล่ะ...เธอดูมีท่าทางสนใจคุณหรือเปล่าล่ะ?”

                “ผมคิดว่า...เธอก็อาจจะ...สนใจผมบ้างล่ะมั้ง เพราะเราเจอกันทีไร เธอมักเข้ามาพูดคุยกับผมอย่างเป็นกันเองเสมอ...”

                “ได้ข่าวว่าซอนมีก็ยังไม่มีแฟนนะ รีบจีบเธอสิครับ...อายุอย่างคุณควรจะมองหาใครสักคนได้แล้วนะ”

                “บางที...ผมก็ไม่อยากให้เธอต้องมาผูกพันกับชีวิตของผมมากหรอกครับ ในเมื่อ...ชีวิตแบบนี้มันตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน...” บรรยากาศภายในตัวรถเงียบลง... คยูฮยอนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่โจวมี่ต้องการจะสื่อ... บางทีหนุ่มชาวจีนอาจคิดว่า...คนที่ทำงานอยู่บนความเสี่ยงอยู่เสมออาจมีชีวิตไม่ยืนยาวพร้อมที่จะปกป้องคนที่รัก แปลกที่คยูฮยอนกลับค้านความรู้สึกของบอดี้การ์ดหนุ่ม

                “ไม่หรอกครับคุณโจวมี่...สำหรับผม จริงอยู่ที่ชีวิตของคนเรามันไม่แน่นอน แต่...แค่สักครั้งในชีวิตที่ได้มีความสุขและมีคนที่รักอยู่เคียงข้าง เป็นกำลังใจให้กัน...มันก็เพียงพอแล้วนะ การจากลามันน่ากลัว ผมรู้...แต่... ผมแค่เชื่อมั่นในตัวคุณชีวอนเท่านั้น...เชื่อว่าเขาจะไม่จากผมไปไหน เหมือนที่ผมจะไม่จากเขาไปเหมือนกัน...”

                “.......”

                “ในเมื่อคุณบอกให้ผมเชื่อมั่นในตัวคุณชีวอนได้... ผมคิดว่า ซอนมีก็ต้องเชื่อมั่นในตัวคุณเหมือนกัน... ขอให้โชคดีในเรื่องความรักนะครับ...”

     

     

                เหมือนมีลูกแมวมานั่งเล่นในห้องยังไงยังงั้น...

                ชเว ชีวอนเหลือบสายตามองเด็กหนุ่มซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟารับแขกภายในห้องทำงานของเขา เจ้าตัวหยิบเอาหนังสือเรียนมาเปิดอ่านได้สักพักก็ทำท่าเหมือนจะหลับ ไม่นานก็สะดุ้งตัวตื่นแล้วกลับมานั่งสับผงกอีกรอบ...ดูน่ารักดีไม่หยอก...เห็นแล้วชักอยากจะบิดแก้มขาวๆ นั่นให้หายหมั่นเขี้ยว ติดที่ต้องนั่งอ่านเอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้างคาสิโนที่ไต้หวันให้แล้วเสร็จเสียก่อนนี่สิ... 

                “เธอจะขึ้นไปรอที่คอนโดฯก่อนก็ได้นะ” ชายหนุ่มว่าในขณะที่ก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ ชเว ชีวอนนึกขอบใจความคิดของตัวเองที่สร้างส่วนพักอาศัยไว้บนชั้นบนสุดของตึกแห่งนี้ นอกจากมันจะช่วยให้เขาสามารถอยู่ทำงานได้ดึกตามต้องการแล้ว...มันยังช่วยประหยัดเวลาในการฝ่าฟันการจราจรของโซลไปยังบ้านหลังใหญ่ที่อยู่แถบชานเมือง บางที...ช่วงนี้เขาก็ไม่ค่อยอยากกลับบ้านใหญ่สักเท่าไหร่หรอก... ขืนปล่อยเด็กคนนี้ไว้ไกลตา...เขาสิที่จะทนคิดถึงไม่ไหวเสียเอง

                “ไม่เป็นไรครับ...ผมรอคุณทำงานจนเสร็จก็ได้...”

                “ไม่หิวข้าวใช่ไหม”

                “ยังครับ...คุณชีวอนทำงานเถอะ ผมไม่อยากกวนคุณนะ อ้อ... วันนี้คุณแม่โทร.มาบอกว่าทั้งคุณพ่อกับคุณแม่จะกลับมาถึงบ้านอาทิตย์หน้าน่ะครับ” นั่นก็แสดงว่าอีกประมาณ 4-5 วัน...

                “แย่หน่อยนะ...เธออาจต้องคิดถึงฉันมากกว่าปกติ” เขาแกล้งแหย่ลูกแมวในปกครอง ทว่าผลที่ได้คือดวงหน้าขาวจัดที่หันมาเบะปากใส่เขาพร้อมอมยิ้มขำกันเสียอย่างนั้น

                “คุณต่างหากที่ต้องคิดถึงผมมากกว่า...หรือไม่จริงล่ะ?”

                ข้อนั้นจะยอมรับก็ได้ล่ะนะ...ปฏิเสธไม่ลงหรอกว่าตอนนี้ โจ คยูฮยอน เปรียบเสมือนสารเสพติดชั้นเยี่ยม ยิ่งได้อยู่ใกล้ยิ่งติดใจ...ยิ่งได้สัมผัสยิ่งอยากจะลิ้มลองทุกครั้งไป ...บางทีชเว ชีวอนก็อาจจะลงแดงเข้าให้สักวัน

                ...ไม่สมกับเป็นท่านประธานชเวอีกแล้ว

                หากไม่ติดที่เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานส่วนเด็กหนุ่มนั่งอยู่อีกฟากของห้องทำงานแล้วล่ะก็...บางทีอาจได้ดึงเจ้าของร่างโปร่งมาจูบแก้มอย่างที่ใจต้องการ ถึงอย่างนั้นเขาก็คงต้องปล่อยให้เด็กคนนี้กระหยิ่มยิ้มย่องไปก่อน...ไม่ทันจะได้ตั้งใจอ่านเอกสารอีกรอบ เรียวคิ้วเข้มก็เป็นอันต้องกระตุกขึ้นเมื่อประตูห้องทำงานของเขาถูกเปิดออกโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต...ผู้ไร้มารยาทที่ว่าก้าวเท้าเข้ามาในห้องของเขาช้าๆ พร้อมใบหน้าปั้นยิ้มที่มองอย่างไรก็ไม่ต่างไปจากพวกสุนัขจิ้งจอก

                “ผมบอกให้เขารอแล้วครับท่านประธาน แต่...” โจวมี่ก้าวตามผู้มาใหม่มาติดๆ โครงหน้าคมคายมีสีหน้าเรียบเฉยตามแบบฉบับชายหนุ่มซึ่งเก็บอารมณ์เก่งเป็นเลิศ แต่หากฟังจากน้ำเสียงก็พอจะทราบว่าบอดี้การ์ดหนุ่มกำลังไม่พอใจอยู่ไม่มากก็น้อย

                “สวัสดีครับ...คุณชเว ยินดีที่ได้พบ” ชายหนุ่มซึ่งอายุน่าจะไล่เลี่ยกับชเว ชีวอนกล่าวทักทาย คยูฮยอนรู้สึกถึงบรรยากาศที่ชักจะตึงเครียดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุแต่เขาก็พอจะเดาได้ลางๆ ว่าคนคนนี้ไม่ใช่คนดี ที่สำคัญ...จะต้องเป็นคนจากกลุ่มคิมเป็นแน่!

                “ท่านประธานจากกลุ่มคิม...มีธุระอะไรหรือ? ถึงต้องอุตส่าห์เดินทางมาด้วยตนเอง ทั้งที่ปกติแล้ว...มักใช้วิธีลอบกัด คิม ยองอุน

                คิม ยองอุนหัวเราะกับคำกล่าวที่เขาจะเหมาว่ามันเป็นคำชม... ดวงตาของเขามองใบหน้าของศัตรูทางธุรกิจเช่นชเว ชีวอน สลับกับเด็กหนุ่มภายใต้ชุดนักเรียนจากสถาบันรัฐชื่อดัง ร่างนั้นยังคงนั่งนิ่ง ไม่ขยับตัวไปไหน ไม่แม้แต่จะยืนโค้งศีรษะเฉกเช่นเด็กที่ควรทำความเคารพผู้ใหญ่ ดวงตาคู่นั้นแสนเย่อหยิ่งไม่แม้แต่จะหลบสายตาทั้งยังไม่หวั่นเกรง...เผลอๆ แววตาคู่นั้นฉายแววเกลียดชังอย่างชัดเจน  

     

                ...นี่น่ะหรอ ว่าที่นายหญิงของกลุ่มชเว...

                ทว่าหากเป็นเด็กผู้ชายก็คงต้องเรียกว่า นายน้อย อย่างนั้นสินะ

               

                ก็นับว่าเป็นเด็กที่น่าสนใจ...มีคุณสมบัติภายนอกที่น่าดึงดูด

                ควรค่าแก่...

     

                การแย่งชิง!

                
    Talk*
    มาอัพแล้วค๊าาาาาาาาาาาา เย้! อัพเสร็จก็ต้องไปอ่านหนังสือสอบ ทำงานส่งจารย์ด้วย ถถถถถถถถ 
    ดิ้นมาอัพจนได้ 5555555555555555
    ตอนนี้ขอบอกเลยนะคะว่าเราไม่ได้มีพื้นฐานด้านภาษาจีนแต่อย่างใด ในพาร์ทที่พี่วอนสอนภาษาจีนน้องยอน หากผิดพลาดส่วนไหนก็ขออภัยล่วงหน้านะคะ T___T
    และ... เปิดตัวประธานกลุ่มคิมเสียที... นั่นคือ คิม ยองอุน หรือ... พี่คังอิน(ของเราเอง) #ห๊ะะะะ
    เจอกันตอน 7 หลังเราสอบเสร็จค่ะ อ้อ... อยากสอบถามค่ะว่าอยากได้รวมเล่มของ Rose Addict กันหรือเปล่า ;w;
    ปล. เพลงสำหรับประกอบตอนนี้ยังมีอีกเวอร์ชั่นค่ะ เวอร์นี้ดนตรีจะหนัก แล้วก็เข้ากับพี่วอนมากกว่า 
    https://www.youtube.com/watch?v=_uo1zDJ7JPU

     

    Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×