ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF.PROJECT] Evil's Story. : WONKYU

    ลำดับตอนที่ #40 : [S Fic] Rose Addict. [ -5- ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 912
      4
      5 ต.ค. 56

    Rose Addict

     

    - 5 -

     

    โจวมี่จำต้องนอนพักที่โรงพยาบาลเอกชนในไต้หวันด้วยเพราะเจ้าตัวเสียเลือดมาก ถึงจะเป็นคนร่างกายแข็งแรงมากขนาดไหนแต่กระสุนก็แทบจะเฉียดจุดสำคัญ นับว่าใจสู้ไม่น้อยที่บอดี้การ์ดหนุ่มอดทนกัดฟันมาถึงโรงพยาบาลได้โดยสติครบถ้วนเป็นอย่างดี ส่วนคนเป็นนายกลับเดินคล่องปร๋อทั้งที่มีผ้าพันแผลที่ต้นแขนขวา ใบหน้าคมคายมีรอยฟกช้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อใช่ไหม...แต่สำหรับคยูฮยอนแล้ว... เขาคิดว่า ชเว ชีวอน เป็นยิ่งว่าชายหนุ่มผู้มีอำนาจมากล้นอยู่ในมือ ผู้ชายคนนี้แกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ เด็กหนุ่มรู้ว่าแผลของชีวอนมันคงเจ็บไม่หยอก แต่จะทำอย่างไรได้ ท่านประธานที่ใครๆ ต่างก็เกรงขามจะแสดงท่าทีว่าเจ็บนั้นคงทำให้ลูกน้องเสียขวัญน่าดู

                หลังเดินทางกลับจากโรงพยาบาล...คนของกลุ่มชเวเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยให้แน่นหนามากขึ้น กลุ่มคนมากมายรายล้อมตั้งแต่โรงพยาบาลจนถึงโรงแรม ได้ยินแว่วๆ ว่าเป็นคนของคุณปู่ชเวและคนจากกลุ่มฮันส่งมาสมทบด้วยอีกขั้น ร่างสูงใช้เสื้อสูทตัวนอกหลุมหัวไหล่ของเด็กตัวขาวไว้ ในขณะที่เจ้าตัวเองไม่ได้สนใจเสื้อเชิ้ตสีอ่อนของตัวเองซึ่งมันเปรอะไปด้วยเลือดสีคล้ำจากการโดนยิงที่ต้นแขน ชายหนุ่มก้าวเดินอย่างมั่นคงราวกับบาดแผลแค่นั้นไม่ได้ระคายผิวแต่อย่างใด คยูฮยอนช้อนสายตามองอีกคนเป็นพักๆ กว่าจะผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่มาได้ เขาใจเสียไปไม่รู้เท่าไหร่ แต่...เขาแค่เชื่อว่าชีวอนจะต้องเอาชนะคนพวกนั้นได้... และทุกอย่างก็เป็นดังที่หวัง...

                ชเว ชีวอนยังคงอยู่ตรงนี้... ไม่ไปไหน...

                ท่ามกลางความวุ่นวายของล็อบบี้โรงแรม ภายใต้แผ่นหลังซึ่งยังคงสง่าผ่าเผยเสมอ เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปรั้งฝ่ามือหยาบ ร่างสูงชะงักจังหวะการเดินเล็กน้อย เขาเกาะกุมฝ่ามือนั้นพลางมองใบหน้าคมคายที่ทอดสายตามองลงมาเช่นเดียวกัน คยูฮยอนรู้คำตอบของตัวเองแล้วว่าการเป็นคนของชเวไม่ได้กินความหมายแคบๆ ว่าเป็นเพียงคนในปกครอง...มันมีความหมายยิ่งกว่านั้น... คนของชเว จะไม่ใช่เพียงแค่คนที่ชเว ชีวอนปกป้องแต่จะเป็น...คนที่อยู่เคียงข้างชเว ชีวอนเสมอแม้ในวันที่ใครอีกคนมีชีวิตอยู่บนเส้นของความเป็นความตายก็ตาม...

                เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน...

                พวกเขาก้าวเข้ามาสู่ตัวห้องพักโดยไม่มีโจวมี่ขึ้นมาอารักขาถึงหน้าห้องพักเช่นวันก่อนด้วยเจ้าตัวยังคงนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล คยูฮยอนถอนหายใจด้วยเพราะโล่งอกเหลือเกิน...กลุ่มชเวไม่เสียกำลังไปสักคน แต่กลุ่มคิม...ไม่เหลือซาก ใบหน้าขาวจัดอดจะกดยิ้มเหยียดให้คนพวกนั้นไม่ได้ พวกจิตใจสกปรกที่คิดแต่จะตามทำร้ายใครแบบนั้น...ลงนรกไปซะได้ก็ดี!

                “ทำไมทำหน้าแบบนั้น...” เสียงทุ้มเอ่ยถามเขาพร้อมร่างสูงใหญ่ที่ค่อยๆ ก้าวไปนั่งลงบนโซฟากลางห้องพัก สีหน้าไม่สู้ดีของชเว ชีวอนเพิ่งจะแสดงออกมาก็ตอนที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง แผลโดนยิงที่แขนขวาต้องสร้างความลำบากให้แก่ชายหนุ่มเป็นแน่ ในเมื่อเจ้าตัวเป็นคนถนัดขวาแบบนั้น คยูฮยอนสืบเท้าไปนั่งลงบนพื้นพรมตรงหน้าเจ้าของชีวิตของเขา เด็กหนุ่มนั่งคุกเข่าอยู่เช่นนั้น ไล่สายตามองสภาพสะบักสะบอมของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นท่านประธานของกลุ่มชเว แปลกที่แค่มองยังรู้สึกเจ็บแทน...

                “แค่สมน้ำหน้าพวกกลุ่มคิมน่ะครับ” เขาตอบน้ำเสียงติดจะมีน้ำโหเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าคมคายเล็กน้อย แต่อารมณ์แบบนี้คยูฮยอนยิ้มตามอีกคนไม่ได้หรอกนะ...แค่คิดว่าชีวอนต้องเจ็บแบบนี้เพราะถูกลอบทำร้าย เขาก็พาลหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ

                “เธออาจไม่รู้ว่าระหว่างกลุ่มชเวและกลุ่มคิมบาดหมางกันมานานแล้วล่ะ แผลที่แขนมันไม่ใช่แผลแรกหรอก...” ท่าทีสบายๆ ของชเว ชีวอนทำให้คยูฮยอนเลิกคิ้วมองอีกคนซึ่งพูดดั่งแผลถูกทำร้ายหายได้เพียงไม่กี่วัน เขาก็พอจะเดาได้ว่าระดับประธานของกลุ่มชเวคงผ่านการต่อสู้แบบลูกผู้ชายมาอย่างโชกโชน ผ่านใต้เสื้อเชิ้ตสีอ่อนมอมแมมนี้อาจเต็มไปด้วยแผลเป็นจากวิถีบนโลกมืดเหล่านั้นก็เป็นได้

                “ผมไม่อยากให้คุณต้องเจ็บอีก...” เอ่ยออกไปเสียงแผ่ว ดวงตาไม่ได้ละไปจากโครงหน้าหล่อเหลา ชายหนุ่มถือโอกาสอ้าแขนซ้ายซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บคล้ายกำลังจะบอกให้เขาลุกขึ้นจากพื้น มันเป็นสิ่งที่คยูฮยอนไม่ต้องคิดไตร่ตรองให้มาก เด็กหนุ่มนั่งลงบนตักของอีกฝ่ายพร้อมกับเอนศีรษะลงไปตามแรงของฝ่ามือที่รั้งให้เขาใช้อกแกร่งเป็นแหล่งพักพิง

                “เป็นห่วงฉันอย่างนั้นหรือ?” เด็กที่เคยดื้อทั้งยังพยศจนน่าปวดหัวพยักหน้ารับน้อยๆ ไม่วายจะตอบเสียงอ้อมแอ้มในลำคอ

                “ก็.... เป็นห่วงคุณ”

                “มากไหม?” คนถามหัวเราะกับตนนิดๆ ราวกับเขากำลังพูดคุยกับเด็กเล็กๆ ก็ไม่ปาน คนในอ้อมแขนขยับตัวยุกยิก สังเกตเห็นใบหูที่จู่ๆ ก็ขึ้นสีแดง น่าหมั่นเขี้ยวนักล่ะ แม้แขนของเขาจะยังเจ็บอยู่ แต่คนอย่างชเว ชีวอนก็พูดได้เลยว่าแผลครั้งนี้อาจหายเร็วกว่าแผลครั้งไหนๆ...พูดไปก็อาจฟังดูน้ำเน่าทั้งยังบอกถึงอายุที่มากกว่าเด็กคนนี้ก็หลายปี... มียาใจดี อะไรๆ ก็ดีไปเสียทุกอย่าง...

                “..........” เด็กดีเงียบเสียงไปเสียเฉยๆ

                “เธออาจแค่เป็นห่วงฉันแต่พอเป็นพิธีก็ได้สินะ คยูฮยอน”

                “ไม่ซะหน่อย ผมเป็นห่วงคุณมากจนทำอะไรไม่ถูกเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นมันเหมือน...ใจจะขาด”

    “รู้แล้วๆ...ฉันแค่ไม่อยากให้เธอต้องเครียดน่ะเด็กโง่” ชายหนุ่มกดเรียวปากลงบนกลุ่มผมนิ่มอย่างนึกเอ็นดู น้ำเสียงสั่นเครือแบบนั้นฟังก็รู้ว่าใจจะขาดอย่างที่ว่า คนที่มีตำแหน่งเป็นถึงยาใจพิเศษทำตัวได้ว่าง่ายเสียจนชเว ชีวอนเองนึกแปลกใจ และสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าคือการที่เด็กหนุ่มลุกจากหน้าตักของเขาโดยที่เอื้อมมือมาจูงเขาให้เดินตามเจ้าตัวเข้าไปสู่ห้องนอน คยูฮยอนหันกลับมามองหน้าเขาพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาที่กำลังสั่นไหวบ่งบอกอะไรได้หลายๆ อย่าง

                “...ผมไม่คิดว่าชีวิตนี้จะเป็นของใครได้อีก นอกจากคุณ...”

                อะไรทำให้เด็กนี่คิดแบบนี้กัน... ใช่ว่าชเว ชีวอนจะไม่ทราบว่าสิ่งที่โจ คยูฮยอนพูดเมื่อครู่มันหมายถึงอะไร เขารวบร่างโปร่งบางเข้ามากอดโดยไม่สนใจว่าต้นแขนขวาจะเจ็บแปลบขึ้นมา ชายหนุ่มได้ยินเสียงคนในอ้อมแขนพูดพึมพำด้วยประโยคเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่เช่นนั้น “อยากจะเป็นของคุณแค่คนเดียว”

                “เด็กหนอเด็ก”

                “ผมคิดดีแล้ว ...ผมแค่อยากจะเป็นคนของชเว ทั้งทางจิตใจ...และร่างกาย” เขาผละออกเพื่อใช้ดวงตาอันทรงเสน่ห์เฝ้ามองอากัปของอีกคนด้วยนึกเอ็นดู นัยน์ตาใสแจ๋วสั่นระริกเล็กน้อย ไหนจะเรียวปากอิ่มที่เม้มแน่นเสียจนมองๆ ดูยิ่งทำให้น่าหมั่นเขี้ยวระคนยั่วยวนพิกล... เด็กคนนี้อาจไม่ทราบว่าตัวเองมีรูปลักษณ์และกิริยาน่าค้นหาที่แสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เสแสร้งแกล้งทำเสียจนเกินจริตอย่างที่ชายหนุ่มเคยได้พบเจอจากคู่นอนรายอื่น ชีวอนยกฝ่ามือขึ้นลูบริมฝีปากสีเชอรี่แผ่วเบาพลางกดแนบสัมผัสลงเพียงแต่น้อย ไม่เร่งรีบ ไม่ทำให้อีกคนตื่นกลัว

    “มันยังไม่ถึงเวลา”

                “.........”

                “แต่ถ้าถึงวันนั้นแล้ว... อย่าบอกให้ฉันหยุดล่ะกัน” ใบหน้าขาวจัดแดงซ่านด้วยคำพูดส่อความหมาย คนมีประสบการณ์มากกว่าหัวเราะแต่เพียงลำคอพลางปล่อยมือจากการโอบรั้งร่างของเด็กหนุ่ม ดวงตาคล้ายแมวตวัดมองใครอีกคนด้วยอารมณ์ความรู้สึกปนเปกันไปหมดบางทีผีเสื้อนับล้านตัวอาจกำลังบินมวลอยู่ภายในช่องท้อง ร่างสูงเดินยิ้มหายเข้าไปในห้องน้ำแต่คยูฮยอนก็ยังมีใจจะห่วงว่าผู้ชายคนนั้นเพิ่งจะถูกยิงมาแถมยังเป็นแผลสดจะอาบน้ำได้อย่างไรล่ะ? คิดได้ดังนั้นก็ตะโกนถาม

                “คุณชีวอน... คุณอาบน้ำได้เองนะครับ คือ ผมหมายถึง....” ไม่ทันจะพูดจบประโยคดี เสียงเข้มก็ส่งคำตอบกลับมา

                “ไม่ต้องห่วงไปหรอก...นอกจากเธอจะช่วยฉันอาบน้ำไม่ได้แล้ว ฉันเองเสียอีกที่อาจได้อาบน้ำให้เธอนะ คยูฮยอน...” ฟังดังนั้นถึงได้เบิกตาโพลง อ้าปากจะเถียงกลับก็สุดจะทนที่ไม่อาจสู้ความเห่อร้อนบนใบหน้าได้เลยสักนิด

    ให้ตายสิ...คนคนนี้ นึกอยากจะพูดจาตรงไปตรงมาค่อนไปทางลามกก็พูดมาได้ไม่อายปาก!!!

     

                กำหนดการเที่ยวไต้หวันเป็นอันต้องยกเลิกทั้งหมด แม้อดจะเสียดายไม่ได้แต่ด้วยเพราะชเว ชีวอนกำลังเจ็บ เด็กหนุ่มเองก็ไม่อาจเที่ยวได้อย่างสบายใจเท่าไหร่...ไหนจะโจวมี่ที่ยังไม่ออกจะโรงพยาบาล ได้ข่าวว่าหากเจ้าตัวหายดีพอที่จะขึ้นเครื่องบินได้เมื่อไหร่จะรีบบินตามกลับมาภายหลัง วันนี้พวกเขาต้องเดินทางกลับเกาหลีใต้ทั้งที่เดิมทีจะต้องกลับในอีกสองถึงสามวันหลังจากนี้แท้ๆ ภายในสนามบินอินชอน คนของกลุ่มชเวมารออารักขาท่านประธานของกลุ่มอย่างแน่นหนา ดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าครั้งไหนๆ อาจเพราะนี่เป็นประเทศบ้านเกิด เป็นถิ่นของกลุ่มชเวโดยแท้จริง

    คยูฮยอนเดินตามหลังเจ้าของร่างสูงแต่เพียงก้าวเล็กๆ เช่นเดิม อดจะยิ้มตามไม่ได้เมื่อได้มองจังหวะการก้าวเดินที่ไม่ได้ต่างกันมาก รองเท้าหนังสีดำขลับของคนคนนี้ กับรองเท้าผ้าใบของเขา... มันดูน่ารักดีที่ความแตกต่างกำลังก้าวเดินไปด้วยกันอย่างมั่นคง โจ คยูฮยอนชอบความรู้สึกแบบนี้...มัน...ไม่หวานเกินไปแต่ทุกอย่างลงตัวในสูตรสำเร็จของมันเอง...

                “ระวังด้วยสิครับ...คุณทำอย่างกับตัวเองไม่มีแผลโดนยิงยังไงยังงั้น” เด็กหนุ่มอดจะเอ็ดคนอายุมากกว่าไม่ได้เมื่อทั้งคู่เข้ามานั่งในตัวรถเมอร์ซิเดสอันแสนจะคุ้นเคย ผิดที่วันนี้ไม่ใช่โจวมี่เป็นสารถีเช่นทุกที คนโดนเด็กดุทำหน้าสีหน้าสบายใจทั้งยังยกแขนข้างซ้ายโอบร่างของเจ้าของใบหน้าน่ารักให้เขยิบเข้ามาชิดกาย ไม่มีแรงขืนตัวมีแต่หัวทุยๆ ที่ซบลงบนหัวไหล่ หมดสภาพแมวพยศอย่างเช่นในอาทิตย์แรกครั้นได้พบกัน

                “ฉันบอกเธอไปแล้ว...ว่าแผลนี่มันไกลหัวใจ” ชีวอนตอบพลางลอบมองดวงหน้าขาวจัดที่แอบยู่หน้าไม่พอใจกันนิดหน่อย

                “แผลถูกยิงก็คือถูกยิงสิครับ”

                “ฉันรู้แล้วหน่า...”

    “ถ้าอย่างนั้น...ก็กรุณาอย่าทำตัวเป็นคนแก่ที่ดื้อเกินวัยด้วยนะครับ” สุดท้ายก็ไม่อยากจะเถียงคนที่ไม่รู้ว่าไปหัดต่อปากต่อคำเก่งกาจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ท่านประธานของกลุ่มชเวกดเรียวปากลงบนกลุ่มผมเคล้ากลิ่นแชมพู เจ้าตัวเงียบเสียง หลับตาพริ้มคล้ายกับแมวที่ถูกเจ้าของเกาคาง บรรยากาศรอบกายโรยตัวไปด้วยความหอมละมุนอย่างที่ไม่เคยจะได้สัมผัส ยิ่งเพิ่งผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มาแล้ว ความรู้สึกที่ว่ามันยิ่งทวีคูณเป็นเท่าตัว

                “จะว่าไป...เสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้พาเธอไปร่องเรือที่ทะเลสาบสุริยันจันทรา*...มันสวยมากเชียวล่ะ ฉันชอบที่จะไปที่นั่นทุกครั้งที่เดินทางไปไต้หวัน”

                “โอกาสหน้าเมื่อคุณหายดีล่ะกันนะครับ...” หวังว่าตอนนั้น...คุณคงไม่ทิ้งผมเหมือนแมวจรจัดหรอกนะ เด็กหนุ่มเก็บประโยคหลังไว้แต่ภายในใจ... เขาไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ในเมื่อเด็กหนุ่มเลือกที่จะมอบชีวิตให้แก่ผู้ชายคนนี้แล้ว คยูฮยอนไม่คิดจะคืนสิทธิพิเศษนี้ให้แก่เจ้าของเป็นแน่ เพราะอ้อมแขนจากคนคนนี้มันอบอุ่นเหลือเกิน เขากำลังหวงแหนและ...ดูเหมือนจะเดินมาไกลเกินกว่าจะหาจุดเริ่มต้นเจอแล้วล่ะ...

               

               

                โจ คยูฮยอนถูกสายตาของใครหลายๆ คนจับจ้อง...สิบคน ยี่สิบคน สามสิบคน กระทั่งมันมากจนผิดวิสัย...เขาไม่ใช่คนป็อปปูล่าหรือใครจะต้องมารู้จักแล้วเที่ยวมาสาดสายตาใส่แบบนี้ หรือเพราะ...การที่เขามีใครมาส่งถึงที่งั้นสิ...เด็กหนุ่มภายใต้ชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนกลับนั่งรถหรูมากับชายในวัยสามสิบต้น ใบหน้ารูปลักษณ์ภูมิฐาน แม้จริงๆ แล้วชเว ชีวอนจะเป็นผู้มีอิทธิพลในกรุงโซล แต่เขาก็เชื่อว่าพวกเด็กในโรงเรียนคงไม่มีใครรู้จักท่านประธานชเวเป็นแน่ ในหัวของคนพวกนั้นคงคิดว่าเขามีคนเลี้ยงดูอุปถัมภ์  ทั้งที่คยูฮยอนค้านไปแล้วเชียวว่าไม่จำเป็นต้องมารับถึงหน้าบ้านแล้วมาส่งถึงหน้าประตูโรงเรียนแบบนี้... ผลสุดท้ายก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนเกือบทั้งจะโรงเรียน

                ส่วนพ่อกับแม่... หลังเขากลับจากไต้หวัน(ซึ่งอันที่จริงเขาโกหกว่าตัวเองไปค่ายอาสาพัฒนา) คยูฮยอนได้พบหน้าพวกท่านเพียงไม่ถึงสัปดาห์ดี คุณพ่อก็ต้องเดินทางไปดูงานที่ต่างจังหวัด ส่วนคุณแม่ต้องกลับไปดูแลคุณยายที่เห็นว่ากำลังป่วยที่บ้านนอก บ้านตระกูลโจเงียบเชียบ และคยูฮยอนก็จำต้องย้ายตัวเองไปพักที่คอนโดฯของชเว ชีวอนเป็นครั้งที่สอง

                นี่เป็นวันแรกที่ชเว ชีวอนมาส่งเขาถึงโรงเรียนด้วยตัวเองด้วยซ้ำ แต่ท่าทางการตอบรับจะเกินคาดไปเสียหน่อย!

                “มึงมีเสี่ยเลี้ยงหรอวะ กูถามจริง” คนปากไวอย่างยงกุกเอ่ยขึ้นในตอนที่คยูฮยอนนั่งประจำที่โต๊ะเรียนของเขาเอง ยงกุกเป็นเพื่อนในกลุ่มที่คยูฮยอนต้องใช้ความอดทนในการพูดคุยกับหมอนี่มากกว่าใครๆ ด้วยเพราะเป็นพวกปากแรง(หมา)แบบนี้นี่แหละ เขาถอนหายใจพลางช้อนตามองเพื่อนตัวโตที่ยืนค้ำหัวกันอยู่

                “ไม่ใช่เสี่ยเลี้ยงอะไรทั้งนั้น...”

                “แล้วเป็นอะไรวะ...แฟนมึงหรอ” ยงกุกเลิกคิ้วถามเหมือนจะคาดคั้นกันเสียให้ได้ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ จะให้เขาตอบออกไปอย่างไรล่ะ ในเมื่อระหว่างเขากับชีวอนยังคงมีสถานะที่ค่อนข้างคลุมเครือ จะเรียกแฟนหรือก็เห็นจะไม่ใช่ มันอาจยังไม่ถึงขั้นคนรัก... พวกเขาอยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นความตายมาด้วยกันจนเขามอบชีวิตนี้ให้แก่คนคนนั้นไปแล้ว...นิยามความหมายตรงนี้ คยูฮยอนนึกไม่ออกหรอกว่าควรจะเรียกชื่อความสัมพันธ์แบบนี้ด้วยอะไร

                “อายุห่างกับมึงเยอะไปเปล่าวะ ระวังเขามีลูกมีเมียแล้วนะเว้ย!” ซองกยูเสริมขึ้นเป็นคนที่สอง...คราวนี้ยงกุกขมวดคิ้วยุ่งยิ่งกว่าเดิม ไหนจะดูจุนที่พยักหน้าหงึกหงักกอดคอดงอูซึ่งมันก็เอาแต่จ้องหน้าจับผิดอยู่อย่างนั้นราวกับเขาเป็นนักโทษไม่มีผิด คยูฮยอนถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า เวลานี้เขาหงุดหงิดนิดๆ...เอาเป็นว่า เขาจะตอบในที่สิ่งที่สามารถตอบได้ในตอนนี้ก็แล้วกัน...

    “มึงเข้าใจไว้อย่างเดียวว่ากูไม่ใช่เมียน้อยใครก็พอ...พอใจหรือยัง!

    “เหยดดดดด น้องยอนแรงจุงเบยยยยยย” ดงอูตบโต๊ะเรียนดังป๊าบใหญ่ แหงล่ะ...ในกลุ่ม เขาจัดเป็นพวกนิสัยไม่ใกล้เคียงกับเพื่อนสักเท่าไหร่...บางทีการพูดจาแบบนี้คงทำให้เพื่อนๆ งงเป็นไก่ตาแตกไปพักใหญ่

    “กูเชื่อแหละว่าคนเงียบๆ แบบนี้ได้ผัวเร็วกว่ายัยดาวประจำห้องซะอีก!! โถถัง ความสวยไม่ได้ช่วยอะไร ฮ่าๆๆๆ” ดูจุนระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น สุดท้ายบทสนทนาที่ว่าก็ถูกปิดไปเพราะ อี ซอนมี สาวสวยประจำห้องได้ยินพอดิบพอดี สาวเจ้าย่างสามขุมเข้ามาหาพร้อมกับใช้แปรงลบกระดานชี้หน้าเรียงตัว ไอ้พวกปากมอมทั้งหลายถึงได้สลายตัวไปคนละทิศละทาง ทว่า...ก่อนที่เธอจะกลับไปทำความสะอาดกระดานตามเดิม...ซอนมีอมยิ้มพร้อมกระซิบเสียงแผ่ว

    “คยูฮยอน...คนที่มาส่งนายเมื่อเช้าน่ะ หล่อมากเลย เขาต้องรวยมากแน่ๆ อย่าปล่อยเขาไปล่ะ โธ่ พูดแล้วก็เขินเอง T///////////T

    ท่าทางจะเป็นขวัญใจสาวๆ วัยขบเผาะไปเสียแล้วล่ะ ชเว ชีวอน!

                           

                หลังเลิกเรียน...เป็นประจำที่คยูฮยอนจะถูกเพื่อนๆ ลากไปเกมส์เซ็นเตอร์ ทีแรกชเว ชีวอนจะมารับเขาที่หน้าโรงเรียน แต่เมื่อบอกไปว่าเย็นนี้ต้องไปกับเพื่อนก่อน น้ำเสียงทุ้มจึงฟังดูเข้มขึ้นมาสักหน่อย อาจกำลังไม่ชอบใจที่เขาออกไปเตร็ดเตร่ในตอนที่สถานการณ์ยากจะคาดเดา แถมยังไปย่านๆ เดิมที่เพิ่งจะเกิดเรื่องไปเมื่ออาทิตย์ก่อน คยูฮยอนไม่อยากจะปฏิเสธเพื่อนในช่วงที่คนอื่นๆ ก็ยังพากันสงสัยในตัวเขา ยิ่งไปกว่านั้นการทำตัวผิดไปจากกิจวัตรที่เป็นอยู่อาจทำให้เพื่อนๆ พากันคาดคั้นเขาไปใหญ่ เขาอยากทำตัวปกติและไม่ต้องการได้รับความอึดอัดจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของเขาเอง

                แม้คยูฮยอนจะหลุดเข้ามาในโลกของชเว ชีวอนแล้ว ได้ชื่อว่าเป็นคนของชเว แต่เขาก็ไม่อยากจะทิ้งความเป็นตัวของตัวเองที่มีมาตั้งแต่แรกเหมือนกัน...

                “คยูฮยอน..แม่งหิวว่ะ ไปซื้อไรกินเหอะ” ซองกยูหันมาสะกิดแขนเขายิกๆ คยูฮยอนละสายตาจากตู้เกมส์แข่งรถ F1 ที่ยงกุกกับดงอูกำลังซิ่งกันอย่างเมามันส์ คนตัวขาวพยักหน้ารับไอ้เพื่อนตาตี่ก่อนพวกเขาจะเดินออกจากตัวร้านเกมส์เซ็นเตอร์ จุดมุ่งหมายคงเป็นร้านบุงงอปัง(ขนมสอดไส้รูปปลา)เจ้าประจำ แต่ดูเหมือนคนกินจุอย่างซองกยูมันจะไม่หยุดเพียงแค่นี้...หมอนี่เดินไปหาคุณป้าแผงลอยอีกร้านพร้อมสั่งทัลโกชี(ไก่ปิ้ง)อีกหลายไม้...

                “มึงไม่กินหรอ?” คนที่กำลังเคี้ยวไก่อยู่เต็มปากถามเขาแบบนั้น ความตะกละของซองกยูทำเอาคยูฮยอนนึกส่ายหน้า... เป็นแบบนี้น่ะสิ...พวกสาวๆ ถึงได้วิ่งหนีเวลามาออกเดทด้วย แล้วจะมีหน้ามาถามเขาทำไมว่าตัวเองไม่ดีตรงไหน สาวๆ คงจะชอบพวกมูมมามหรอกนะ!

                “มึงกินไปเถอะ...กูกลัวอิ่มก่อนกินข้าวเย็นน่ะ”

                “รอกลับไปกินข้าวกับผัวอ่ะดิ” นั่นประไร...สุดท้ายก็วกเข้าเรื่องนี้...

                “ถ้ามึงพูดคำว่าผัวอีก...มึงได้กินรองเท้ากูแทนของกินที่มึงซื้อมาแน่!

                “โหดนะครับนะ ฮ่า” ระหว่างทางที่เดินกลับไปยังเกมส์เซ็นเตอร์... หางตาของเด็กหนุ่มสังเกตว่ามีใครบางคนกำลังจับจ้องพวกเขาอยู่ สัญชาตญาณบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาไม่ควรทำตัวให้คนพวกนั้นรู้ว่าเขารับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของคนเหล่านั้นแล้ว... การอยู่กับคนของกลุ่มชเวมากๆ ทำให้คยูฮยอนสังเกตและเริ่มแยกแยะได้ว่าคนจากกลุ่มชเวแตกต่างไปจากคนทั่วไปมากทีเดียว... สิ่งที่สังเกตได้คือคนของกลุ่มชเวจะมีลักษณะภายนอกที่ดูเงียบขรึมแทบจะทุกคน แววตาเป็นมิตรซึ่งแน่นอนมันดูขัดกับบทบาทของการเป็นผู้มีอิทธิพลไม่น้อย

                “คยูฮยอน...นั่นมันพวกไอ้เด็กหลังห้องนี่หว่า...” ซองกยูใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเขาเบาๆ ในจังหวะที่พวกเขาเดินเข้ามาในเกมส์เซ็นเตอร์ ในมุมหนึ่งของตัวร้านมีเจ้าพวกเด็กหลังห้องประจำชั้นประมาณสามสี่คนยืนสูบบุหรี่ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่ภายในมุมอับของร้าน ไม่นานคนอีกกลุ่มซึ่งไม่ใช่นักเรียนอย่างแน่นอนเพราะดูจากการแต่งตัวที่ไม่ใช่ยูนิฟอร์มแล้วรวมไปถึงสายตาขวางโลกแบบนั้นทุกอย่างก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าบางทีคนพวกนั้น...ไม่ใช่คนดี เผลอๆ... อาจเป็นคนจากกลุ่มคิม!

                คนที่อาจมากจากกลุ่มคิมส่งอะไรบางอย่างให้เจ้าพวกเด็กหลังห้อง...ในระยะสายตาแบบนี้เขาไม่อาจสังเกตได้ชัดนักว่ามันคืออะไร...แต่...เจ้าพวกเด็กหลังห้องที่มีข่าวลือว่าพวกมันกำลังติดยา... จะให้คยูฮยอนคิดอย่างไรล่ะว่า...สิ่งที่กำลังส่งต่อกันอยู่นั้น...มันเป็นยาเสพติด!

                ที่สำคัญ...กลุ่มคิมมาปล่อยยาในเขตของกลุ่มชเว... นั่นก็เท่ากับเป็นการจงใจสาดโคลน?

                “ซองกยู...กูคิดว่าพวกมันส่งยากันอยู่”

                “เวรแล้ว...ไอ้พวกนั้นแม่งติดยาจริงๆ ด้วย” เพียงไม่กี่นาที...คนพวกนั้นรวมไปถึงกลุ่มเด็กหลังห้องก็หายไปจากตัวร้าน... คยูฮยอนไม่ฟังเสียงของซองกยูที่ร้องเรียก เด็กหนุ่มสาวเท้าวิ่งออกจากเกมส์เซ็นเตอร์ ดวงตากวาดมองไปรอบย่านการค้าที่ยืนอยู่ พลันเห็นหลังของเพื่อนร่วมชั้นที่เพิ่งจะรับยามาจากกลุ่มคิมกำลังจะเดินหายไปที่มุมตึก...เขาต้องคุยกับเจ้าพวกนั้นให้รู้เรื่องว่ายาเสพติดมันไม่ใช่เรื่องดี ยิ่งกับการเอาตัวไปยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มคิมแล้ว...เท่ากับการก้าวเท้าเข้าไปสู่โลกโสมมแถมยังไม่มีทางจะเดินออกจากวงจรอุบาทว์นั่นได้ง่ายๆ แน่!

                “พวกนายน่ะ!!” คยูฮยอนตะโกนเรียกเพื่อนร่วมชั้นซึ่งใครก็มองว่าเจ้าพวกนี้เกเรที่สุดในสายชั้นจนเกือบจะโดนไล่ออกไปก็หลายที พวกมันสามสี่คนมองหน้ากันงงๆ ก่อนจะหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม

                “มีอะไรวะ”

                “พวกนายรับยามาจากคนพวกนั้นไม่ได้นะ...” คยูฮยอนไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาความใจกล้าตรงนี้มาจากที่ไหน...บางทีเขาอาจเรียนรู้มาจากชเว ชีวอนเห็นจะได้ กลุ่มเด็กหลังห้องหัวเราะหึแต่ลำคอพลางตะคอกเสียงกลับมา

                “แล้วยุ่งอะไรด้วย มึงเสือกไร!

                “ไม่มีใครที่ติดยาแล้วมีชีวิตที่ดีหรอก จำไว้!!” เด็กหนุ่มโต้เถียงกลับไปอย่างไม่ลดละ...ทว่า...บรรยากาศรอบข้างมันกลับเย็นจนน่าขนลุก มุมตึกปลอดคนแคบๆ แบบนี้ยิ่งทำให้การหายใจติดขัดเสียยิ่งกว่าเดิม เงาของใครบางคนทอดผ่านตัวเขาไป...ไม่ใช่แค่เงาเดียว แต่มันเท่ากับกลุ่มคนที่ส่งยาที่เกมส์เซ็นเตอร์เมื่อครู่ คยูฮยอนแยกแยะไม่ออกระหว่างความโมโหกับความกลัวที่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณพอๆ กับคนจากความชั่วที่ก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

                “มีชเว ชีวอนคุ้มกะลาหัวอย่างนั้นสินะ...ไอ้หนู...” ดวงตาของคยูฮยอนทอดมองกลุ่มเพื่อนร่วมชั้นนิสัยแย่ที่ค่อยๆ สลายตัวไปทีละคน มันวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็วราวกับโดนคำสั่ง เด็กหนุ่มไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เสียงขึ้นลำปืนบ่งบอกได้ว่า...คนพวกนั้นพร้อมจะฆ่าปิดปากเขาได้เสมอ

                “........”

                “กลุ่มชเวคิดอย่างไรถึงได้คว้าเอาเด็กผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาเป็น...นายหญิง สมเพชว่ะ”      

                “........”

                “แถมยังเป็นเด็กไม่รู้จักคิด...รนหาที่ตายซะด้วย โง่กันทั้งผัวทั้งเมีย!!” เสียงหัวเราะน่าเกลียดของคนพวกนั้นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกถึงเลือดในกายที่เดือดพล่านถึงขีดสุด คยูฮยอนเลือกที่จะหันกลับไปเผชิญหน้าอย่างไม่กลัว แม้ปลายกระบอกปืนจะจ่ออยู่ในระดับอกซ้ายและมันก็พร้อมจะลั่นไกได้เสมอ แต่ถึงอย่างนั้น...เขาคิดว่าตัวเองไม่ควรกลัวกลุ่มคนที่จิตใจสกปรกเหล่านี้ ดวงตาคู่โตฉายแววนิ่งเฉย...มันไม่สั่นระริก ไม่หวาดกลัวทั้งยังดูยียวนกวนอารมณ์ไปในเวลาเดียวกัน เรียวปากอิ่มยกยิ้มบางเมื่อเขาสังเกตเห็นบางอย่าง...บางอย่างที่อาจทำให้คนพวกนั้นทำอะไรไม่ถูกไปเลย!

                “พวกแกนั่นแหละที่น่าสมเพช...หันไปทักทายเพื่อนบ้านข้างหลังหน่อยไหม?” ไอ้พวกนั้นขมวดคิ้วฉงน...

                “นายน้อยครับ...คุณชีวอนรออยู่ที่รถแล้ว ทางนี้พวกเราจัดการเอง” แม้จะตกใจที่เห็นโจวมี่ยืนอยู่ตรงนี้พร้อมคนจากกลุ่มชเวนับสิบๆ คน แต่เขาก็ต้องขอบคุณที่ไม่ว่าจะต้องอยู่ในสถานการณ์ใด โจวมี่ก็ยังคงทำหน้าที่บอดี้การ์ดได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง คนจากกลุ่มคิมไม่อาจรับมือกลุ่มชเวในเขตพื้นที่นี้ได้เป็นแน่ พวกมันถึงได้ยอมยกมือยอมแพ้...แต่ละคนวางปืนลงกับพื้นในขณะที่มีโจวมี่และลูกน้องคนอื่นๆ เข้ามาคุมตัว...

    อีกครั้งที่กลุ่มคิมกระทำการโง่ๆ ได้น่าขบขันดีเป็นบ้า!

               

               

                ทำไมชเว ชีวอนต้องเงียบแบบนั้น...

                เขาทำอะไรผิดกันเล่า!!

                ตั้งแต่นั่งรถมาด้วยกัน...จนกลับมาที่คอนโดฯ ชเว ชีวอนก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไร ไม่ถามว่าเขาเป็นยังไง ทั้งยังตีหน้านิ่ง ทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุยังไงยังงั้น เด็กหนุ่มเดินตามเจ้าของร่างสูงใหญ่แทบจะทุกฝีก้าว ไม่ว่าชีวอนจะเดินไปถอดสูทแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้า เดินไปเปิดตู้เย็นดื่มน้ำ หรือแม้กระทั่งเดินมาหยุดที่โซฟากลางห้องนั่งเล่น...คยูฮยอนจ้องมองใบหน้าติดจะถมึงทึงของผู้ชายที่เดาอารมณ์ยากแสนยากอยู่นานจนเป็นฝ่ายจำใจต้องเอ่ยปากถามไปตรงๆ

                “คุณชีวอนโกรธอะไร? โกรธผมอย่างนั้นใช่ไหม?” ถึงจะถามออกไปแบบนั้นแต่คยูฮยอนก็ยังไม่รู้ว่าความผิดของตัวเองคืออะไรเช่นกัน ร่างโปร่งนั่งลงบนพื้นพรมตรงหน้าชายหนุ่มในอิริยาบถที่วางมือลงบนหัวเข่าของอีกคนเสมือนลูกแมวอ้อนเจ้าของ คิ้วหนาขมวดมุ่นจนเกือบผูกเป็นปม ดวงตาคมเหยี่ยวตวัดมองเขาเพียงเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าสนใจสมาร์ทโฟนในมือต่อเช่นเดิม

                บอกตรงๆ เลยนะ...ว่าการถูกเมินเป็นอะไรที่เจ็บจุกสุดๆ

                “เธอควรจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปบ้าง...” เสียงเย็นจนขนลุกแน่ะ... เด็กหนุ่มนึกสบถในใจ

                “ผมรู้ครับว่าทำอะไรลงไปบ้างในวันนี้...แต่ทำไมคุณต้องโกรธล่ะ ไม่เห็นจะเข้าท่า” เด็กตัวขาวน่าจะรู้ล่วงหน้าว่าคำพูดของเขาทำเอาเส้นความอดทนของชเว ชีวอนแทบจะขาดผึ่งลง ณ ตรงนั้น ท่านประธานชเวลุกพรวดจากโซฟาก่อนจะสืบเท้าไปยังประตูห้องทำเอาคนมีความผิดติดตัวทำอะไรไม่ถูกนอกจากวิ่งไปกอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง ใบหน้าขาวซุกอยู่ที่แผ่นหลังอยู่เช่นนั้น ครั้นมือใหญ่จะเกะมือเขาออก เจ้าตัวก็ไม่ยักจะยอมปล่อยกลับยิ่งกอดแน่นขึ้นมากกว่าเดิม

                “โจ คยูฮยอน!” เสียงทุ้มเรียกชื่อเขาอย่างเหลืออด ทว่าความดื้อมันสั่งให้คยูฮยอนไม่คิดจะปล่อยแขนออกจากลำตัวแกร่งแต่อย่างใด

                “ไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น จนกว่าคุณจะหายโกรธ”

                “........”

                “ผมขอโทษ...” สิ่งหนึ่งที่ท่านประธานชเวแพ้ทางเด็กที่ชื่อโจ คยูฮยอนทุกครั้งไป... ไอ้เสียงสั่นๆ เหมือนจะร้องไห้น่ะ...ได้ยินทีไรใจมันอ่อนยวบทุกที...ชายหนุ่มเลือกที่จะผ่อนลมหายใจลดความโมโหที่มีอยู่ก่อนหน้าให้ค่อยๆ จางลง ก่อนจะพลิกตัวกลับไปหาเด็กตัวขาวที่ทำหน้าเหมือนจะปล่อยโฮออกมาจริงๆ ชีวอนรั้งร่างนั้นเข้ามากอดอย่างที่ใจเขาอยากจะทำแทบตาย แต่เพราะทิฐิทำให้เขาแยกแยะไม่ออกระหว่างหงุดหงิดในความรั้นของเด็กคนนี้หรือห่วงจนแทบคลั่งกันแน่

                “อย่าทำให้ฉันต้องคลั่งแบบนี้อีก...ขอร้องล่ะโจ คยูฮยอน...”

                “.........”

                “ความรักทำมันทำให้คนอย่างฉันบ้าไปแล้วจริงๆ”

                คนอ่อนกว่าเงยหน้าใช้เรียวปากแตะลงบนริมฝีปากที่เพิ่งจะพูดคำหวาน คล้ายกับแรงดึงดูดที่มีมากเป็นทวีคูณ ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอย เขาจงใจรั้งท้ายทอยของเด็กหนุ่มให้รับการป้อนจูบของเขาได้อย่างถนัดถนี่ จากรสนุ่มละมุนที่กินเวลายาวนานมันเริ่มก่อความรู้สึกวาบหวามในอก หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นระรัวพอๆ กับลมหายใจที่ติดขัดมากถึงทุกที แต่แปลกที่จูบของชเว ชีวอนเหมือนยาเสพติดที่แค่เพียงลิ้มลองไม่กี่ครั้งก็ไม่อาจจะต้านทานความต้องการอยากจะตักตวงอย่างไม่รู้เบื่อ ร่างทั้งร่างแทบจะหมดแรงลงกับพื้นหากดีที่ยังมีวงแขนแกร่งที่เกี่ยวรัดช่วงเอวไว้อย่างมั่นคง คนมีประสบการณ์มากกว่าได้สติในตอนที่รู้ว่าอีกคนกำลังจะสำลักอากาศ เขาผละออกมามองใบหน้าที่กำลังขึ้นสี เรียวปากเจ่อแดงเพราะจุมพิตเมื่อครู่...ภาพตรงหน้าคือศิลปะที่ยวนยั่วตาและใจเสียยิ่งกว่าอะไร...

                “อย่าโกรธผมเลยนะ” เสียงนั้นว่าอย่างเว้าวอน

                “ถ้าหากฉันโกรธเธอลงก็คงดีนะเด็กน้อย บางทีฉันอาจไม่ต้องคลั่งจนเหมือนหมาบ้าแบบนี้” คำสารภาพจากปากลูกผู้ชายเช่นชเว ชีวอนอาจเป็นเรื่องน่าขำสำหรับใครหลายๆ คน ชายหนุ่มยังคงจ้องมองดวงตาซึ่งสะท้อนภาพเขาอยู่ภายใน นึกย้อนไปถึงตอนที่ทราบข่าวที่โจวมี่รายงานมาอย่างเร่งด่วนว่ากลุ่มคิมเข้ามาป้วนเปี้ยนภายในเขตของชเว... คยูฮยอนกำลังตกอยู่ในอันตรายโดยที่เจ้าตัวเองต่างหากที่บ้าดีเดือดไม่เข้าเรื่อง...ดีที่อย่างน้อยทุกอย่างทันเวลา... เด็กดื้อแพ่งยังทำหน้าหงอยอยู่ตรงนี้ ดวงตาหวานละห้อยน่าสงสารเปรียบเสมือนอาวุธไม้ตาย

                “........”

                “ฉันแพ้เธอแล้ว โจ คยูฮยอน... ฉันไม่อาจขาดเธอได้อีกต่อไป”

                “ผมเองก็ยอมแพ้คุณเช่นกัน...ผมยอมแล้วจริงๆ...”

               

    NC CUT

     

     

    Talk*

    สามารถเข้าไปอ่านเอ็นซีได้ที่บล็อคน๊าาา http://aoomly.blogspot.com/

     * ทะเลสาบสุริยันจันทรา หรือ Sun Moon Lake ได้รับการขนานนามว่าเป็น "สวิสเซอร์แลนด์แห่งไต้หวัน" นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่ชาวไต้หวันมักมาฮันนีมูนกันอีกด้วย

     

    Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×