ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF.PROJECT] Evil's Story. : WONKYU

    ลำดับตอนที่ #42 : [S Fic] Rose Addict. [ -7- ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 611
      1
      3 ต.ค. 56

    Rose Addict


    - 7 -

     

                “ท่านประธานจากกลุ่มคิม...มีธุระอะไรหรือ? ถึงต้องอุตส่าห์เดินทางมาด้วยตนเอง ทั้งที่ปกติแล้ว...มักใช้วิธีลอบกัด คิม ยองอุน

                “โธ่...คุณชเว ผมแค่อยากจะคุยเรื่องกลุ่มของพวกเรานิดๆ หน่อยๆ ก็เท่านั้น...อย่าเพิ่งโกรธไป...”

                ท่านประธานจากกลุ่มคิมว่าเช่นนั้น...คิม ยองอุนปั้นยิ้มสบายใจ วางท่าทีเฉกเช่นเรื่องที่ตนเคยก่อไม่เคยเกิดขึ้น ชเว ชีวอนมองศัตรูคู่อาฆาตราวกับจะจุดไฟให้เผาร่างอีกฝ่ายให้เป็นจุณเสียเดี๋ยวนี้ อีกทั้งชั่ววินาทีหนึ่งที่คิ้วหนากระตุกขึ้น ดวงตาคล้ายสุนัขจิ้งจอกลอบมองคนของเขา ถึงจะมองอย่างมีชั้นเชิงเหมือนไม่ใคร่จะสนใจอะไร แต่ความตะกละตะกลามก็แฝงอยู่ในนัยน์ตาคู่นั้นอย่างชัดเจน

                “โจวมี่...ออกไปก่อน” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น ไม่ใช่ประโยคคำสั่งที่ชัดเจนแต่บอดี้การ์ดหนุ่มก็ทราบดีถึงจุดประสงค์ของผู้เป็นนาย... ร่างสูงโปร่งก้าวไปยืนตรงหน้าเด็กหนุ่มก่อนจะผายมือไปยังหน้าประตูห้องทำงาน ความสุขุมนุ่มลึกของโจวมี่ในเวลานี้ทำให้คยูฮยอนไม่กล้าจะเอ่ยขัดอะไรให้มากนัก

                “นายน้อย...เชิญครับ”

    คยูฮยอนอยากจะค้านความคิดของ ชเว ชีวอน ในตอนนี้เหลือเกิน บางทีถ้าการที่เขาจะต้องเป็นนายน้อยของกลุ่มชเว...เขาก็ควรจะเรียนรู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูสิ... ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มเองก็ไม่อยากให้บรรยากาศที่ว่าตึงเครียดอยู่แล้วต้องทวีคูณขึ้นไปอีก ร่างโปร่งยอมก้าวเท้าออกจากห้องทำงานของชเว ชีวอนโดยมีโจวมี่พาออกไปอีกที ไม่ลืมที่จะเหลือบสายตากลับไปมองท่านประธานชเวผู้น่าเกรงขาม ชายหนุ่มไม่ต่างอะไรไปจากราชสีห์ แววตาเด็ดเดี่ยวทำให้เขามั่นใจว่าอย่างไรเสียงานนี้ฝั่งชเวไม่มีทางเสียเปรียบกลุ่มคิมเป็นแน่

                “เจอกันอีกแล้วนะ...นายน้อยของกลุ่มชเว อ้อ...และเพื่อนผู้แสนดี” ทันทีที่เปิดประตูห้องทำงานของชีวอนออกมา ทั้งเขาและโจวมี่ก็ต้องพบกับชายหนุ่มอีกคน... ร่างสูงใหญ่ที่ยืนพิงกำแพงอยู่อีกฝั่ง ลักษณะท่าทางแบบนี้ก็คงไม่พ้นพวกของกลุ่มคิมอีกตามเคย คยูฮยอนจ้องมองใบหน้าได้รูปซึ่งกำลังเลิกคิ้วยียวนเขาอยู่เช่นนั้น...การเอ่ยทักของฝ่ายนั้นบ่งบอกว่าหมอนี่เคยเจอเขามาก่อน เด็กหนุ่มนิ่งคิด...จวบจนนึกขึ้นได้...

                หรือจะเป็นเหตุการณ์ในวันนั้น ...วันที่ย่านการค้าของกลุ่มชเววุ่นวายไปด้วยเหตุการณ์เสียงปืนปริศนาที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ ตอนที่เขารับโทรศัพท์จากชีวอนและวินาทีถัดมา ร่างของใครบางคนมายืนตรงหน้าตามด้วยกระบอกปืนที่กระแทกลงบนหลังคอ...

                ไอ้หมอนี่งั้นสิ...

                “ฮวัง ชานซอง...ก็ยังคงเป็นสุนัขรับใช้ของกลุ่มคิมได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่น่าเชื่อจริงๆ” เป็นโจวมี่เองต่างหากที่เอ่ยประโยคเมื่อครู่ ส่วนใบหน้าคมคายของอีกฝ่ายกลับมีรอยยิ้มที่มองอย่างไหร่ก็ไม่ต่างไปจากประธานของกลุ่มคิมเผยขึ้น

                “เอาเถอะเพื่อน... พวกเรามันมีอุดมการณ์กันคนละอย่าง...นายเป็นมือขวาของกลุ่มชเว ฉันเป็นมือขวาของกลุ่มคิม มันก็สมน้ำสมเนื้อกันแล้วหนิ” คนที่เพิ่งประกาศตัวว่าเป็นมือขวาของกลุ่มคิมว่าอย่างสบายใจ คยูฮยอนพิจารณาคำพูดของฮวัง ชานซองอย่างถี่ถ้วนก็ได้ข้อสรุปที่ว่า คนคนนี้ต้องเคยทำงานให้กลุ่มชเวก่อนจะไปอยู่กับกลุ่มคิมอย่างแน่นอน... โจวมี่ดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมานิดหน่อยเนื่องด้วยเขาสังเกตเห็นเรียวมือที่กำหมัดแน่นของบอดี้การ์ดข้างกาย ดูเหมือน...วันนี้ใครๆ ต่างคุกรุ่นในอารมณ์ แม้แต่คนที่นิ่งสงบมาเสมอเช่นโจวมี่ก็ตาม...ส่วนต้นเหตุหนีไม่พ้นคนจากกลุ่มคิมทั้งสิ้น

                “ไปเถอะครับนายน้อย” สุดท้ายแล้วคนจากกลุ่มชเวก็ย่อมต้องแสดงท่าทีดั่งน้ำไหลเอื่อยเสมอ ชายหนุ่มชาวจีนถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปฏิกิริยาจากคู่สนทนามีเพียงส่งเสียงหัวเราะกวนประสาทอย่างที่คยูฮยอนเองยังนึกหงุดหงิดไปด้วย

                “อื้ม...” คยูฮยอนพยักหน้ารับ เขาเดินนำหน้าโจวมี่เพื่อตรงไปยังลิฟต์ที่จะส่งให้เขาขึ้นไปยังส่วนพักอาศัยชั้นบนสุดของตึกแห่งนี้ ส่วนโจวมี่ก็ทำหน้าที่เพียงส่งเขาที่หน้าลิฟต์ เจ้าตัวอาจต้องกลับไปสู่รบปรบมือกับสงครามเย็นที่ประธานของสองกลุ่มสร้างขึ้น ใจจริงแล้ว...คยูฮยอนไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างสองกลุ่มสักเท่าไหร่นัก เขารู้ว่าชีวอนเองก็ไม่ชอบใจที่จะให้เขาไปยุ่งย่ามมากนัก เหตุการณ์ครั้งที่แล้วมันสอนเขาแบบนั้น อีกทั้งเพราะชายหนุ่มเป็นคนดึงเขาให้มาอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายตรงนี้ บางทีชีวอนเองอาจแค่อยากให้เขาอยู่อย่างสบายที่สุด มั่นคงที่สุด และปลอดภัยที่สุดมากกว่า

                กระนั้นก็เถอะ...ถ้าหากการที่คนอื่นเรียกเขาว่า นายน้อยของกลุ่มชเว เพียงเพราะเขาเป็นคนของชเว ชีวอนเท่านั้น... คยูฮยอนกลับรู้สึกเหมือนตัวเองถูกตีค่าเป็นเพียงสมบัติของกลุ่มที่ใครก็แตะต้องไม่ได้... คนที่ไม่ได้สร้างประโยชน์จนบางทีอาจเป็นภาระอย่างเขาจะมั่นคงอยู่เคียงข้างชเว ชีวอนได้อย่างไร?

                ท่าทาง...สิ่งที่เขาเคยวาดไว้มันอาจไม่ได้สวยงามเช่นโรยด้วยกลีบกุหลาบ เส้นทางแห่งความแตกต่างมันเต็มไปด้วยขวากหนามต่างหาก...โลกแห่งความเป็นจริงมันโหดร้ายกว่าความฝันอยู่แล้ว โจ คยูฮยอนน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วหนินะ...

     

                ห้องทำงานของชเว ชีวอนจำต้องต้อนรับประธานจากกลุ่มคิมเป็นครั้งแรก...แน่นอน การพบกันระหว่างพวกเขาส่วนใหญ่มักเจอกันตามงานของกลุ่มผู้มีอำนาจในเกาหลีใต้ซึ่งจัดโดยกลุ่มสมาพันธ์ส่วนกลาง ชเว ชีวอนไม่เคยหลีกเลี่ยงที่ต้องเจอศัตรูหมายเลข 1 อยู่แล้ว...อีกฝ่ายก็เช่นกัน แต่ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา...ปัญหาระหว่างกลุ่มชเวและกลุ่มคิมทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นด้วยเพราะธุรกิจย่านการค้าของกลุ่มชเวดำเนินไปด้วยดี...ในขณะที่กลุ่มคิมกลับโทษว่าที่ตนเสียรายได้ไปมากก็เพราะอิทธิพลจากกลุ่มชเวเข้ามาครอบงำคนในโซลมากจนเกินไปเสียจนคนบางพวกเลือกที่จะขึ้นตรงต่อชเว และหันหลังให้กลุ่มคิมที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม มีการต่อสู้ระหว่างลูกน้องระดับล่าง ระดับกลาง... ในขณะเดียวกัน...กับคนในโซลเองที่รู้เช่นเห็นชาติกลุ่มคิมเป็นอย่างดีว่ามักเอาเปรียบเรื่องค่าเช่าที่ดิน ลามไปถึงการเก็บค่าคุ้มครอง การมอมเมาผู้คนด้วยยาเสพติดหรือการพนันผิดกฎหมาย ซึ่งกลุ่มชเวไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้ ไม่แปลกอะไรที่คนส่วนใหญ่จะไว้ใจคนจากชเวมากกว่า...

                ทางเดียวที่กลุ่มคิมจะแก้แค้นกลุ่มชเวได้ ก็เห็นจะเป็นการลอบกัดเมื่อมีโอกาส...และหวังจะโค่นล้มบริษัทในเครือชเวให้สิ้นซาก...ทว่า...มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคิม ยองอุนนัก หากชเว ชีวอนยังคงเป็นท่านประธานของกลุ่มชเวที่เฉลียวฉลาดและยากจะคาดเดาเกมเช่นนี้... ถึงอย่างนั้นคิม ยองอุนก็ยังพอมองเห็นช่องทางที่จะเอาชนะชายหนุ่มราชสีห์จากชเว โชคกำลังจะเข้าข้างเขาเป็นแน่ที่มีเด็กคนนั่นเข้ามาเอี่ยวในเรื่องนี้ มองปราดเดียวก็ทราบแล้วว่า โจ คยูฮยอนมีผลต่อชเว ชีวอนมากขนาดไหน

    ถ้าต้องการให้ชเว ชีวอนตายอย่างช้าๆ ก็คงต้องกระชากหัวใจออกมาย้ำให้ป่นปี้!

                “ช่วงนี้คนของกลุ่มชเว...แลจะมีอิทธิพลก้าวล้ำเข้ามาในเขตของกลุ่มคิมมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีกนะครับคุณชเว” คิม ยองอุนว่าเสียงเรียบ ใบหน้าระบายยิ้มเล่ห์อย่างที่ชเว ชีวอนอยากจะซัดหมัดเข้าให้ หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่เขาเป็นวัยรุ่นและเพิ่งได้เรียนรู้งานภายในกลุ่มชเวใหม่ๆ ไม่ค่อยจะควบคุมความโกรธได้มากเท่าในตอนนี้ อย่าได้วางปืนไว้ใกล้ๆ เชียวล่ะ เขาชักมันขึ้นมาระเบิดสมองคนตรงหน้าเป็นแน่!

                “หึ...คนจากกลุ่มคิมก็ใช่ย่อย...ข้ามมาปล่อยยาในเขตของกลุ่มชเวเสียแล้ว อย่างน้อยก็ต้องขอบคุณผู้กำกับสน.ในเขตคังนัมที่รู้ว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของทางเรา” ชั้นเชิงในการโต้วาจาไม่มีใครยอมใคร...ชเว ชีวอนยกยิ้มเสมือนคนที่ถือไพ่เหนือกว่า คุณปู่สอนเขาเสมอในเรื่องมีไมตรีต่อผู้อื่น...การที่เขารู้จักผูกมิตรไว้กับผู้กำกับประจำ สน.คังนัมอย่างชอง ยุนโฮไว้ ทำให้การทำงานของกลุ่มชเวไม่เคยติดขัดนั่นเพราะพวกเขาไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมายอย่างที่กลุ่มคิมกระทำเป็นประจำ แม้ผู้กำกับยุนโฮจะไม่รับปากในการปกป้องสิทธิของกลุ่มชเวในทุกๆ เรื่องแต่สำหรับลูกผู้ชายเช่นเขา ไม่มีครั้งไหนที่กลุ่มชเวทำเรื่องสกปรก หรือเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง...ลูกน้องของเขาทำงานได้ดี ซื่อสัตย์ เว้นเสียแต่คนที่มันทรยศไปอยู่กับกลุ่มคิม เช่น ฮวัง ชานซอง...

                “เรื่องปล่อยยามันเป็นความผิดพลาดของเจ้าพวกลูกน้องระดับล่าง...ไม่ได้เกี่ยวกับผมเลยสักนิดเลยคุณชเว คุณก็ทราบดีว่าพวกเราต่อสู้กันด้วยเรื่องธุรกิจขนาดใหญ่...โรงแรม คาสิโน ศูนย์การค้า อย่าใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เลยดีกว่า” คิม ยองอุนกล่าวคล้ายโบ้ยความผิดไปให้ลูกน้องเต็มกระบุง แต่ชีวอนก็ทราบดีอยู่แล้วว่างานนี้ไม่มีทางที่ประธานของกลุ่มจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

                “งั้นหรือ? หากเป็นเช่นนี้แล้วก็เท่ากับท่านประธานของกลุ่มคิมไม่จัดการดูแลลูกน้องให้อยู่ในความปกครอง ไม่สมกับเป็นท่านประธานผู้ทรงอำนาจเลยนะครับคุณคิม ไม่มีความเป็นผู้นำที่น่ายกย่องหรือ...บางทีอำนาจที่คุณมีอาจไม่มากพอจะดูแลคนในกลุ่ม นี่ส่อถึงความบกพร่องในการทำงานของกลุ่ม ลูกน้องของคุณถึงได้เที่ยวระรานกลุ่มชเวอย่างนั้น? จริงไหมครับ”

                “เหอะ...” กลับกลายเป็นผู้มาเยี่ยมเยือนที่ถูกหมัดฮุคผ่านวาจาแสกเข้ากลางหน้า...ถึงอย่างนั้นคิม ยองอุนก็ยังสามารถปั้นยิ้มด้วยท่าทางเป็นมิตรแม้ในใจชักจะเดือดดาลขึ้นมาหน่อย

                “ว่าอย่างไรล่ะครับ?”

                “ผมจะถือว่ามันเป็นคำแนะนำจากกลุ่มชเวที่น่าเก็บไปคิดทบทวน”

                “ก็ดีครับ...กลุ่มคิมอาจได้ปรับปรุงนิสัยช่างลอบกัดเช่นนี้เสียที”

                “วาจาร้ายกาจไม่เปลี่ยนจริงๆ คุณชเว...”

                “ผมก็จะถือว่านี่เป็นคำชมเช่นกัน” ชเว ชีวอนกดยิ้มเพียงนิด บางทีการใช้วาจาเป็นอาวุธในการต่อสู้มันก็สนุกไปอีกแบบ อย่างไรเสีย...ขึ้นชื่อว่านี่คือถิ่นของชเวแล้ว คนจากกลุ่มคิมก็ยากจะต่อกรใดๆ การพบหน้ากันครั้งนี้แม้เขาจะทราบดีว่าจุดประสงค์ของคิม ยองอุน คือการเข้าดูความเคลื่อนไหวในองค์กรของเขารวมไปถึงการเข้ามาลอบชมดอกกุหลาบเพียงหนึ่งเดียวซึ่งเปรียบเสมือนสิ่งเลอค่าของกลุ่มชเว ชเว ชีวอนก็ไม่อาจปล่อยให้คนพวกนี้มันถือดีไปกว่าเดิม บางทีนิสัยของกลุ่มคิมก็ไม่ต่างกันมากนักทั้งลูกพี่ลูกน้อง...ฉลาดเป็นกรดแต่ความโง่ก็ฉุดให้ตกม้าตายได้เสมอ

                “ยินดีกับคาสิโนแห่งใหม่...หวังว่ามันจะไปได้สวยนะคุณชเว” คิม ยองอุนกล่าวขณะที่กำลังจะก้าวออกจากห้องทำงาน...เสี้ยววินาทีที่ชเว ชีวอนฉุกคิดในใจ... นั่นไม่ใช่คำยินดี แต่คำพูดของหมอนี่กำลังจะบอกว่าคาสิโนแห่งใหม่ของกลุ่มชเวและกลุ่มฮันกำลังจะถูกปั่นป่วนในเร็ววันต่างหาก!

                ถ้าหากคิดว่าสามารถเอาชนะกลุ่มชเวและกลุ่มฮันได้...หึ กลุ่มคิมจะลองดูสักตั้งก็คงไม่เสียแรง!

                “มันจะไปได้สวยแน่...อย่าห่วงไปเลยครับ อ้อ...คราวนี้ก็ควบคุมลูกน้องระดับล่างของกลุ่มคิมอย่าให้มาวุ่นวายที่คาสิโนล่ะ งานนี้ผมอาจไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น!

                 

               

                คอนโดฯปิดไฟมืดสนิทในตอนที่ชายหนุ่มก้าวเข้ามา...ชเว ชีวอนทราบในทันทีว่าลูกแมวของเขาคงอยู่ในห้องนอน แล้วก็ไม่ผิดคาด...กองผ้าห่มรวมไปถึงแอร์คอนดิชั่นที่เปิดไว้จนรู้สึกหนาวทำให้ชายหนุ่มอดจะส่ายหน้ากับตัวเองไม่ได้ เขาเดินไปกดปุ่มเพิ่มอุณหภูมิของแอร์ให้อุ่นขึ้น พลางพาตัวเองไปนั่งลงบนเตียงข้างเจ้าของร่างโปร่งที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง ชีวอนสังเกตเห็นคอปกชุดนักเรียนก็ทำให้ทราบดีว่าเจ้าตัวยังไม่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยเสียด้วยซ้ำแถมยังนอนขลุกตัวอยู่เช่นนี้จนถึงหัวค่ำ

                “คยูฮยอน...” น่าแปลกที่เจ้าของชื่อรู้สึกตื่นขึ้นในเวลาเพียงไม่นานมากนัก เจ้าตัวขยับตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาราวกับไม่อยากจะลุกไปไหน มิหนำซ้ำยังเขยิบตัวออกห่างจากเขา ทั้งยังจงใจจะหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราต่อ ท่านประธานของกลุ่มชเวขมวดคิ้วมุ่น...อาการแบบนี้...มันผิดปกติ

                “คยูฮยอน...ไปอาบน้ำแล้วมาทานข้าวเย็น แล้วค่อยมานอนต่อ”

                “...........” ไม่มีเสียงตอบรับ...ชายหนุ่มถอนหายใจ เกิดจะพยศอะไรใส่เขาอีกล่ะ เด็กคนนี้...

                “ได้...อยากให้ฉันอาบน้ำให้อย่างนั้นหรือ?”

                “...........”

                “ถือว่าเธอตกลง” ชายหนุ่มปัดเอาผ้าห่มออกจากร่างของเด็กหนุ่มพลางรวบร่างเด็กตัวขาวให้ลุกขึ้นจากเตียง คนในปกครองตวัดสายตามองเขาอย่างตัดพ้อทั้งยังไม่ยอมโวยวายอย่างที่ควรจะเป็น ถึงตรงนี้แล้วกลับเป็นเขาเองต่างหากที่อ่านสายตาคู่นี้ออกอย่างชัดเจน ชีวอนจำต้องวางร่างนั้นลงบนตัก กระถดตัวขึ้นไปพิงหัวเตียงปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งนิ่งๆ อยู่พักใหญ่ กระทั่งเป็นเจ้าลูกแมวเองนั่นแหละที่เอ่ยปากพูดบางอย่างออกมา

                “ผมกำลังเป็นภาระของคุณหรือเปล่า...บางทีผมรู้สึกอย่างนั้น รู้สึกว่ากำลังทำตัวไร้ประโยชน์ให้กลุ่มชเว”

                “ไปเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน หื้ม?”  ชายหนุ่มกดเรียวปากลงที่ข้างขมับของคนบนตัก เอ็นดูกับคำพูดเมื่อครู่...ถึงอย่างนั้นเขาก็ทราบดีว่าคยูฮยอนต้องการจะสื่ออะไร... เหตุการณ์หลายๆ อย่างเริ่มสร้างความกดดันให้เด็กที่ยังไม่ทันจะบรรลุนิติภาวะดี แม้คยูฮยอนจะพูดออกมาอย่างนั้น สำหรับชเว ชีวอนแล้ว เขาไม่อยากจะให้เด็กคนนี้ได้รับอันตรายใดๆ ถึงได้ดูแลและไม่ต้องการให้ดอกกุหลาบของเขาต้องเฉามือต่างหาก อย่างที่คิดไว้ตั้งแต่แรก...เขาเดาไม่ผิดว่าคยูฮยอนมีบางอย่างที่น่าค้นหา... ตัวตนที่แท้จริงของเด็กหนุ่มที่เขามองว่าน่าทะนุถนอม บางทีอาจแข็งแกร่งมากกว่าภาพลักษณ์ภายนอกเสียอีก

                “ผมมานึกๆ ดูแล้ว ดูเหมือนใครหลายๆ คนจะคิดว่าผมเป็นแค่คู่นอนของคุณ ซึ่งนั่นมันทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบ ไม่พอใจ แถมยังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่กาฝากที่เกาะคุณไปวันๆ”

                “...อย่าคิดมากนักสิ” เขาพูดปลอบไปตามประสากระนั้นกลับไม่ได้ช่วยให้คยูฮยอนอารมณ์เย็นลงสักเท่าไหร่ เจ้าตัวถึงได้พรั่งพรูความในใจออกมาจนหมด

                “ผมไม่ได้คิดมาก...ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมไม่ได้มีประโยชน์แค่นอนกับคุณ หรือฝากชีวิตทั้งหมดไว้ที่คุณ แต่ผมอยากจะเป็นคนที่เคียงข้างคุณได้อย่างมั่นคง แข็งแกร่งก็เท่านั้น”

                “คยูฮยอนนา...ฉันรู้แล้ว สำหรับฉัน เธอก็รู้ว่าเธอเป็นมากกว่าทุกสิ่งที่ฉันเคยมี”

                “แล้วอีกอย่าง ผมไม่รู้ว่าสิทธิ์ของการเป็นคนของชเวจะอยู่กับผมไปอีกได้นานแค่ไหน แต่ผมจะไม่คืนสิทธิพิเศษนี้ให้คุณแน่ เพราะผม...” ลูกแมวตัวขาวเงียบเสียงฉับพลัน เจ้าตัวเม้มปากราวกับกลัวจะเผลอพูดอะไรออกมา ชายหนุ่มโอบร่างบนตักให้หันมาเผชิญหน้าตรงๆ กับเขา เฝ้ามองดวงตาสีนิลแวววาว มองเรียวปากสีระเรื่อที่ขยับมุบมิบไม่กล้าจะพูดออกมาเสียอย่างนั้น

                “เพราะอะไร? บอกมาสิ...”

                “...ไม่บอกหรอก!

                “ได้ไงล่ะเด็กคนนี้หนิ!!

    มาทำให้เขาอยากรู้แล้วก็ทิ้งปริศนาไว้เสียเฉยๆ ถึงอย่างนั้นแล้วใช่ว่าชเว ชีวอนจะเดาไม่ออกเชียวล่ะ... โจ คยูฮยอนทำท่าจะปีนลงจากตักเขา ทว่าความว่องไวระดับท่านประธานของกลุ่มชเวก็สามารถรวบเอาร่างของเด็กหนุ่มไว้ในอ้อมแขนได้ชนิดทันท่วงที เขาพลิกตัวจนร่างของเด็กหนุ่มตกอยู่ภายใต้อาณัติของเขา เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่ใบหน้าขาวกลับขึ้นสีแดงน่ารักเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น และเพราะแรงดึงดูดของโลกกระมังที่ทำให้เขาโน้มหน้าลงไปคลอเคลียใกล้ผิวแก้มนวลก่อนจะวกมาลิ้มชิมรสที่กลีบปากสีอ่อน มอบจูบละมุนเพื่อยืนยันถึงความรู้สึกที่แม้ไม่ต้องพูดจาก็เข้าใจความหมายแฝงในรสจุมพิตนี้เป็นอย่างดี ทั้งที่ตั้งใจว่าจะยอมเว้นระยะเพื่อให้ร่างขาวหายจากการอาการบอบช้ำจากเพศรสเมื่อคืนก่อนๆ แต่ทว่า...ชายหนุ่มกลับไม่สามารถห้ามใจแตะต้องดอกกุหลาบดอกนี้อยู่ร่ำไป...

                “ไปอาบน้ำกัน...” เสียงทุ้มกระซิบบอก เขาสอดแขนใต้ขาพับพลางโอบอุ้มร่างโปร่งตรงไปยังห้องน้ำ แกะเกี่ยวเสื้อผ้าอย่างไม่รีบร้อน รอให้น้ำอุ่นในอ่างอยู่ในระดับที่สามารถลงไปแช่ตัวได้ บางทีถ้าการที่คยูฮยอนได้พูดความรู้สึกในใจออกมาให้เขาได้ทราบเช่นนี้แล้ว ชเว ชีวอนอาจสามารถจัดการกับระบบความคิดของอีกคนได้ง่ายขึ้น รับมือได้ไม่ยากอย่างที่เคยเป็นมา และเขาก็สามารถผลักดันให้คยูฮยอนแข็งแกร่งพอที่จะเป็นนายน้อยของชเวมากยิ่งๆ ขึ้นไปอีก...

                เขาไม่ต้องการซื้อใจคยูฮยอนด้วยความเสน่หา ด้วยเงินทองแม้กระทั่งอำนาจจากกลุ่มชเว แต่เขาต้องการการยอมรับจากคยูฮยอนเองต่างหาก...ต้องการให้คยูฮยอนผนึกเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องนึกลังเลใดๆ แค่ต้องการจะให้เด็กคนนี้...ขาดเขาไปไม่ได้เหมือนที่เขาก็ขาดโจ คยูฮยอนไม่ได้เช่นเดียวกัน

                จากทีแรกที่เพียงแช่น้ำอุ่นด้วยกัน...จมูกโด่งกลับไล่ไต่ไปตามเนื้อผิวหลังเนินคอ ร่องรอยจากคืนก่อนๆ จางลงไปบ้าง ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่รีรอที่จะสร้างรอยซ้ำๆ ลงไปอีก...ในเมื่อเด็กคนนี้คือคนของเขา เขาไม่ต้องการที่จะให้ใครมาแตะต้องทั้งนั้น...เสียงครางหวิวดังขึ้นเมื่อยามที่ฝ่ามือร้อนเค้นคลึงสะโพกนิ่ม ยิ่งผู้นำเกมวาดมือผ่านไปที่ใดเสียงอื้อที่ร้องประท้วงก็ดังก้องเสียจนเด็กหนุ่มหน้าแดงซ่าน ดูน่ารักจนห้ามใจไม่อยู่จริงๆ  การปลุกเร้าอารมณ์ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า กลิ่นหอมจากเครื่องอาบน้ำอาจเทียบไม่ได้กับกลิ่นกายจากร่างขาว สองเรือนร่างขยับกายเข้าหากันราวกับไม่สามารถต้านแรงดึงดูด สูญเสียซึ่งการควบคุมใดๆ คยูฮยอนหลับตาปล่อยให้ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของชีวิตของเขากระทำแต่ใจต้องการแม้ความเจ็บระคนสุขจะประดังประเดมาในเวลาเดียวกัน คลื่นอารมณ์โหมพัดรัวแรง ไม่ต่างจากการเคลื่อนไหวของร่างกายที่ประสานเป็นหนึ่งเดียว กายบางสั่นสะท้านทุกคราที่ถูกกระตุ้นถึงจุดกระสัน น้ำอุ่นช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ ช่องทางรักสีอ่อนเปิดรับความรุมร้อนที่แทรกกายเข้ามาหาอย่างต่อเนื่อง เรียวปากอิ่มเผยอร้องครางเสียจนเจ้าตัวนึกกระดากอาย ค่ำคืนนี้คงไม่อาจสิ้นสุดที่การปลดเปลื้องอารมณ์แต่เพียงเท่านี้เป็นแน่... แขนกลมกลึงโอบรอบกายกำยำ เผลอจิกเล็บไปบนต้นแขนซ้ายซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามทั้งยังมีรอยสักมังกรเล่นไฟเป็นพยาน

                ชเว ชีวอนทำให้ความต้องการของโจ คยูฮยอนไม่มีที่สิ้นสุด

                ...อาจไม่ต่างจากชายหนุ่มนักหรอก...

                ชเว ชีวอนก็คงปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเป็นโรคเสพติด โจ คยูฮยอนไปเสียแล้ว

               

     

                โจ คยูฮยอนไม่คิดว่าตัวเองจะได้มายืนอยู่ในงานเลี้ยงระดับผู้บริหารขนาดนี้...เด็กหนุ่มภายใต้ชุดสูทสีเทาอ่อนเหลือบสายตามองใครอีกคนที่เดินอยู่ข้างกาย... ชุดสูทสีดำเรียบหรูแต่แปลกที่ผู้ชายคนนี้กลับดูดีมากอย่างที่คยูฮยอนเองอดจะชื่นชมในใจไม่ได้...ทั้งที่ปกติชเว ชีวอนก็ใส่สูทไปทำงานเป็นประจำ แต่วันนี้กลับดู...หล่อมากอย่างที่เขา...ไม่อาจสบตาได้นานๆ

                โรงแรมของตระกูลอีคือที่จัดงานของสมาพันธ์ส่วนกลาง... คยูฮยอนจำได้ในทันทีว่าที่นี่คือโรงแรมของคุณพ่อซอนมี... แน่นอนว่าวันนี้หล่อนจะต้องมางานเป็นแน่ ทว่า...เรื่องหนึ่งที่คยูฮยอนสงสัย ถ้ากลุ่มชเวทำงานกับครอบครัวของซอนมีอยู่บ่อยๆ เหตุใดหล่อนถึงได้ไม่รู้จักชเว ชีวอนกัน...ครั้นที่แล้วชายหนุ่มไปส่งเขาที่โรงเรียนหล่อนก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร...บางทีเขาอาจต้องถามซอนมีให้รู้เรื่องเสียเองกระมัง...แต่ ถ้าซอนมีเจอเขาที่งานนี้ ก็เท่ากับ...ซอนมีต้องรู้เรื่องที่เขาเป็นคนของชเวน่ะสิ!

                ไม่ทันจะได้คิดทางหนีทีไล่...เรือนร่างบอบบางภายใต้ชุดเดรสสีโอลโรสก็เด่นสง่ามาแต่ไกล...คยูฮยอนอาศัยจังหวะนั้นหลบแผ่นหลังชายหนุ่มชั่วคราว

                “หลบใครหรือ? หรือว่าเธอเจอคนรู้จัก” เสียงเข้มเอ่ยถาม...คยูฮยอนเงยหน้ามองใบหน้าคมคายพลางระบายยิ้มแหย

                “ครับ...เพื่อนร่วมชั้น เธอเป็นลูกสาวของเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ เธอชื่อ ซอนมี” เด็กหนุ่มเล่าแจ้งแถลงไขให้อีกคนได้เข้าใจทว่าใบหน้าดั่งรูปสลักกลับระบายยิ้มขำเสียอย่างนั้น

                “อ้อ... ลูกสาวคุณดงวานสินะ ไม่ต้องกลัวไปหรอก...เธอน่าจะรู้จักซอนมีดีหนิ ว่าหล่อนเป็นเด็กผู้ดี มารยาทจัดว่าใช่ได้... แต่ก็นับว่าเป็นเด็กที่ไม่ชอบสังคมผู้ใหญ่สักเท่าไหร่อีกเช่นกัน ฉันคิดว่าซอนมีคงไม่เที่ยวโพนทะนาเรื่องของเธอหรอก”

                “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคุณชีวอน...แต่ว่า เอ๊ะ...” คยูฮยอนสังเกตเห็นซอนมีเดินหลบออกจากงานเมื่อคุณพ่อของหล่อนเผลอและมัวแต่คุยกับแขกเหรื่อ ทันใดนั้น...เขาเห็นซอนมีเดินตรงไปหาโจวมี่ที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากประตูห้องจัดเลี้ยง

                ...ก็เพราะไม่เคยเข้าไปในงาน ไม่สนใจใครต่อใครนอกจากโจวมี่สินะ ซอนมีถึงได้ไม่รู้จักผู้เป็นนายของบอดี้การ์ดชาวจีนที่หล่อนมักเข้าไปพูดคุยด้วยเสมอ...

                “เธอจะเข้าไปในงานกับฉันไหม? ผู้ใหญ่ค่อนข้างเยอะ ฉันกลัวเธอจะอึดอัด แต่ฉันก็แค่เข้าไปพูดคุยกับคนในสมาพันธ์ไม่นานหรอก เธอคิดว่ายังไง?” เสียงของชเว ชีวอนฉุดความคิดของคยูฮยอนให้กลับมาสนใจจุดประสงค์หลักที่เขามางานใหญ่เช่นนี้ในฐานะนายน้อยของกลุ่มชเว ถึงจะรู้ว่าในใจกำลังประหม่าแต่คยูฮยอนก็พยักหน้าตอบรับที่จะเข้าไปในงานกับชายหนุ่ม ในเมื่อตัดสินใจมางานแทนที่จะนอนอยู่คอนโดฯเฉยๆ เขาก็ต้องลองดึงความมั่นใจตัวเองออกมาสักครั้ง...แค่อย่าทำตัวเงอะงะจนชเว ชีวอนขายหน้าก็พอ...แสดงตัวตนว่าเขาไม่ใช่นายน้อยของกลุ่มชเวเพราะเป็นเพียงคู่นอนของท่านประธานกลุ่มเท่านั้น แต่จะเป็นคนที่เคียงข้างชเว ชีวอนได้อย่างมั่นคงต่างหาก!

                ดูเหมือนคนในงานจะแปลกใจไม่น้อยที่ท่านประธานของกลุ่มชเวมีเด็กหนุ่มขนาบข้างกาย นี่ยิ่งเรียกความสนใจต่อสายตาใครหลายๆ คนยิ่งนัก... การปรากฏตัวของชเว ชีวอนทำให้คนภายในงานหยุดสายตาไว้แต่เพียงชายหนุ่มซึ่งขึ้นชื่อว่ามีอิทธิพลมากที่สุดในโซล ผู้ใหญ่จากสมาพันธ์คือกลุ่มคนแรกที่เขาจำต้องเข้าไปทักทาย

                “สวัสดีครับคุณจาง วูบิน และคุณนายจาง”

                “ครับคุณชเว แล้วนี่...” ผู้ใหญ่จากสมาพันธ์มองใบหน้าของเด็กหนุ่มตัวขาวอยู่ชั่วครู่ พิจารณาเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มที่ดูเหมือนจะถือสิทธิ์มากกว่าใครๆ ชเว ชีวอนไม่เคยพาใครออกงาน และเด็กคนนี้ก็คือคนแรก...

                “โจ คยูฮยอนครับ ยินดีที่ได้รู้จัก...ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ คุณจางวูบินและคุณนายจาง”

                “เป็นเด็กที่พูดจาฉะฉานดีจริงนะครับ...”

                “หน้าตาน่ารักจริงเชียวนะคะ”

                ชเว ชีวอนเองยังนึกทึ่งในตัวเด็กหน้าแมวในวันนี้...จากเด็กที่ดวงตาแฝงไปด้วยความไม่มั่นใจ...แต่วันนี้คยูฮยอนกลับทำให้เขาเชื่อว่าเลือกคนไม่ผิด... เป็นดอกกุหลาบที่เหมาะกับกลุ่มชเวมากอย่างที่ชายหนุ่มอดภูมิใจไม่ได้ คยูฮยอนมีบุคลิกที่เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี...เผลอคิดๆ ว่าบางทีที่คุณปู่และคุณย่าของเขาชอบคยูฮยอนมากอาจเพราะเจ้าตัวมีเสน่ห์ในด้านนี้ เขาเฝ้ามองคยูฮยอนพูดคุยกับคนจากสมาพันธ์ส่วนกลางอย่างเพลินตา จนกระทั่งดวงตาคู่คมเหลือบเห็นมือขวาของกลุ่มคิมอยู่ไม่ห่าง ฮวัง ชานซอง อยู่ในงานขนาดนี้มีหรือท่านประธานอย่าง คิม ยองอุนจะไม่มาด้วย?

                “เฮ้ย!” สูทตัวสวยเปรอะไปด้วยน้ำหวานจากบริกรที่ไม่ทันระวัง... คยูฮยอนก้มมองเสื้อสูทของตนเองที่ดูไม่จืดสักเท่าไหร่ ทันใดที่ชเว ชีวอนคว้าเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเสื้อสูทที่มีรอยเปื้อนอย่างเบามือ เสียงทุ้มกระซิบบอกว่าจะพาเขาไปล้างตัวที่ห้องน้ำ ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ไม่อาจเสียมารยาทที่จะให้ชเว ชีวอนเดินออกจากงานเสียดื้อๆ

                “ไม่เป็นไรครับคุณชีวอน...ผมไปได้เอง ไม่ต้องเป็นห่วง” คยูฮยอนไม่รอให้ใครอีกคนคัดค้าน ร่างโปร่งเดินออกจากงานไปยังห้องน้ำซึ่งอยู่ถัดไปจากห้องจัดเลี้ยงไม่ไกล...อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ซุ่มซ่ามเองจนชีวอนต้องขายหน้าละกัน...จะถือว่านี่เป็นอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ทว่าใครจะคิดว่าเขาจะเจอใครที่หน้าห้องน้ำเข้า...ถ้าไม่ใช่...ท่านประธานจากกลุ่มคิม!

                “นายน้อยของกลุ่มชเว...ยินดีที่ได้พบกัน”

                “อ่าครับ” เด็กหนุ่มแค่ตอบรับไปตามมารยาท... ดวงตาจอมเจ้าเล่ห์มองเขาอย่างวางมาด ไม่ชอบเลยจริงๆ กับการถูกจับจ้องแบบนี้...เห็นทีเขาควรต้องหลีกหนีสถานการณ์น่าอึดอัดนี่...เมื่อตั้งท่าจะเดินหนี ร่างใหญ่กลับเอี้ยวตัวมายืนตรงหน้าเด็กหนุ่มจนได้ คยูฮยอนตวัดสายตามองอย่างไม่ชอบใจ...ซึ่งสำหรับคิม ยองอุนแล้วกลับมองว่าท่าทางแบบนี้ช่างน่าปราบพยศยิ่งนักล่ะ!

                “ฉันแค่อยากจะบอกอะไรกับเธอหน่อย...”

                “.....”

                “คิดจะเป็นนายน้อยของกลุ่มชเวมันไม่ง่ายนักหรอกเด็กน้อย...โลกของหมอนั่นมันแตกต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง...เผลอๆ เธออาจเป็นแค่นายน้อยคั่นเวลาของชเว ชีวอนก็ได้... ฉันแค่เตือนด้วยความหวังดี”

                บอกเขาที...ว่านี่มันคือความหวังดี? คยูฮยอนระบายยิ้มเหยียด...เขาไม่เคยคิดว่าตนจะต้องมายกยิ้มเช่นนี้ให้แก่ใครสักคน...ซึ่งคนผู้นั้นก็คือศัตรูหมายเลข 1 ของชเว ชีวอน...เป็นคนที่คิดหมายมั่นจะโค่นล้มชเว คนที่คิดจะฆ่าคนที่เขารักมากที่สุด... เด็กหนุ่มมั่นใจว่าคำพูดจากปากคนคนนี้ไม่สำคัญไปกว่าความรู้สึกที่เขาและชีวอนรับรู้กันเพียงแค่สองคน...

                ถ้าจะหวังให้เขาหมดความมั่นใจในการเป็นคนของชเวด้วยคำพูดพล่อยๆ ล่ะก็...บางทีท่านประธานคิมคงคิดตื้นไปเสียแล้วล่ะ

                “ขอบคุณสำหรับความหวังดีครับคุณคิม...แต่ผมไม่ขอรับมันไว้ดีกว่า...”

                “.....”

                “...คยูฮยอน! นายมาที่นี่ได้ยังไงกันน่ะ”

    เป็น อี ซอนมีที่ร้องเรียกชื่อเขาเสียงดัง หล่อนอาจกำลังตกใจที่เจอเขาในเวลานี้ แต่แน่นอน...คยูฮยอนขอบคุณที่ซอนมีสามารถทำให้เขาหลุดจากสถานการณ์น่าปวดหัวนี้ได้...เด็กหนุ่มก้าวผ่านร่างหนาของท่านประธานคิม เดินตรงไปยังซอนมี ข้างหลังของหล่อนมีโจวมี่เดินตามมาติดๆ เขารู้ว่าโจวมี่เองต่างหากที่เป็นคนช่วยพาให้ซอนมีมาเจอเขาและช่วยให้หลุดพ้นจากการโต้เถียงวาจากับคิม ยองอุนได้อย่างหวุดหวิด สาวสวยยิงคำถามรัวใส่เขาในสิ่งที่สงสัย อาจไม่จำเป็นที่ต้องปิดบังเพื่อนคนนี้อีกต่อไป...คยูฮยอนจำต้องเปิดปากเล่าความเป็นไปเป็นมาในสิ่งที่สามารถพูดได้ให้หล่อนฟัง...อย่างน้อยก็เพราะซอนมีคือคนพิเศษของโจวมี่...เขาไว้ใจหล่อนพอๆ กับไว้ใจคนจากกลุ่มชเวทุกคน...

                ฟากคนที่เพิ่งจะโดนเพิกเฉยใส่มองตามร่างขาวจัดอย่างนึกรำคาญใจ...เด็กคนนี้ยากจะรับมือ ผิดคาดไปจากที่วางแผนไว้ในทีแรก...คิม ยองอุนประเมินค่าเด็กคนนี้ต่ำไปเสียแล้ว โจ คยูฮยอนไม่ใช่เด็กไม่ประสีประสาที่จะโอนอ่อนต่อคำพูดใครง่ายๆ นิสัยแบบนี้...ชเว ชีวอนต้องเป็นคนหล่อหลอมให้แก่เด็กนี่เป็นแน่... นับว่างานนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะกระชากหัวใจของชเว ชีวอนมาทำลายให้สาใจ!

     

                แต่เชื่อได้เลย...ว่าประธานจากกลุ่มคิมจะไม่มีวันแพ้ไอ้พวกกลุ่มชเวอีกต่อไป !!!

     

                                       

    Talk*

    จริงๆ คือยังสอบไม่เสร็จนะ แต่ว่างเลยรีบมาอัพ ก่อนหน้านี้คือซ้อมเต้นรัวๆ เอาล่ะจังหวะนี้ก็คลอดตอน 7 ออกมาได้สักที ฮอลลลลลลลลลลล ขอบอกก่อนว่าเรื่องนี้มี 10 ตอนจบนะ ><

    จะว่าไปตอนนี้มีฉากนั้นเบาๆ อย่าโดนอะไรเลย 5555555

    ปล.เรื่องรวมเล่ม อีกไม่นานนะ เดี๋ยวจะมาแจ้งรายละเอียด เก็บตังค์รอเถิดจะเกิดผล TvT

    Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×