ตอนที่ 4 : Arc1.4 สงสัย
กลางดึกวันที่สาม ที่ท่าเรือริมทะเล เขตพื้นที่ของสไปเดอร์
ไมลส์หมอบตัวอยู่บนหลังคาโกดัง ชะโงกหน้าขึ้นมาเหนือมุมหลังคาเล็กน้อย ลอบมองไปยังความมืดเบื้องล่าง เห็นเงาดำของคนราวสิบคน บ้างขับรถโฟล์คลิฟต์ บ้างสั่งการ บ้าช่วยกันยกลัง ย้ายของจากในโกดังขึ้นรถบรรทุกเล็กที่จอดเทียบอยู่ด้านหน้า
“แม่งเอ๊ย!” แดเนียลที่อยู่ข้างเขาสบถ “ไอ้สารเลวเวดจ์ มันทรยศเราจริง ๆ ด้วย”
เวดจ์ เป็นหนึ่งในสมาชิกระดับกลางของสไปเดอร์ มีหน้าที่ดูแลคลังสินค้าที่ท่าเรือแห่งนี้ แต่กลับคิดไม่ซื่อ ลักลอบขนยาเสพติดที่เป็นขององค์กรไปปล่อยขายเอง เบื้องบนระแคะระคายเรื่องนี้ จึงสั่งให้แดเนียลและเมลวินที่เป็นสมาชิกระดับกลางเหมือนกันมาตรวจสอบ
องค์กรอย่างสไปเดอร์ไม่มีที่ยืนให้คนทรยศ หากกล้าทำแบบนั้น จะร้องขอความตายสบาย ๆ ก็ยังทำไม่ได้เลย
“จับได้คาหนังคาเขาแบบนี้แล้ว จะทำอะไรก็รีบทำเถอะ ฉันง่วงแล้ว” ไมลส์ตอบด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา
“ไป” แดเนียลออกคำสั่ง
พวกเขากระโจนลงจากหลังคา ท่ามกลางความมืด ไมลส์ใช้ความเร็วของตัวเองอ้อมไปด้านหลังเป้าหมาย ใช้สันมือฟาดเข้าที่ท้ายทอยอีกฝ่าย พอเหยื่อสลบก็ปลดอาวุธแล้วมัดตัวไว้ ยังไม่ทันที่คนอื่นจะรู้ตัวก็จัดการเพิ่มได้อีกคน ทำแบบนี้ทีละหนึ่งคน สองคน เมื่อถึงคนที่เก้าจึงหยุดมือ ทั้งหมดนี้กินเวลาไม่ถึงสิบวินาที เหลือเพียงเวดจ์คนทรยศที่ยืนตะลึงตาค้างอยู่หน้ารถบรรทุก
สำหรับตัวการใหญ่ เขาปล่อยให้แดเนียลเป็นคนจัดการ
แดเนียลกำแท่งโลหะในมือ เพียงครู่เดียว โลหะนั้นก็แยกออกกลายเป็นเหล็กแหลมหลายเส้น เวดจ์ตกใจจนหน้าซีดขาว รีบหันหลังออกวิ่ง แต่ไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เหล็กเส้นเหล่านั้นก็พุ่งตามไปปักทันที
หากมีใครคิดว่ามนุษย์เจ้าของฉายาไอออนจะลงมือฆ่าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วฉับไวละก็ คนคนนั้นนับว่าไร้เดียงสาเกินไป
เวดจ์โดนเหล็กแหลมแทงเข้านับสิบแห่ง ทั้งข้อเท้า ขา แขน บ่า จนล้มลงไปนอนอยู่ที่พื้น คมแหลมของเหล็กทะลุออกมาถึงด้านหน้า เขากระเสือกกระสนลากขาที่เดินไม่ได้แล้วของตัวเองไปกับพื้นเพื่อจะหนีอีกฝ่าย เลือดที่หยดลงบนพื้นถูกปาดไปพร้อมกับร่างกายของเขาจนกลายเป็นปื้นสีแดงยาวเป็นทาง แต่ไปได้ไม่เท่าไหร่ แดเนียลก็เดินไปดักหน้าเขาแล้ว จึงได้แต่เปล่งเสียงอ้อนวอนอย่างแหบโหยว่า
“เดี๋ยว ไอออน ฟังฉันก่อน…”
แต่แดเนียลไม่รอฟังคำอุทธรณ์ เขาจับเหล็กแหลมที่ฝังอยู่ที่ขาของอีกฝ่าย บิดมันทีหนึ่ง ความเจ็บปวดของการโดนคว้านทำให้เวดจ์เปล่งเสียงร้องออกมาเหมือนหมูโดนเชือด ระหว่างทรมานอีกฝ่าย เขายังพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ไม่รีบร้อน ราวกับกำลังเล่านิทาน
“ไม่ต้องห่วง แกกับพรรคพวกของแกไม่ได้ตายง่าย ๆ หรอกน่า เรายังมีเวลาให้คุยกันที่ห้องขังอีกนาน ตอนนี้วิธีเล่นสนุกกับพวกแกมันผุดขึ้นมาในหัวฉันเต็มไปหมดเลยละ รู้ไหม”
สิบนาทีต่อมา คนจากสาขาแม่ของสไปเดอร์ก็มาพาตัวคนพวกนั้นไป ตอนที่เวดจ์โดนลากขึ้นท้ายรถไปนั้น เขาไม่สามารถเปล่งเสียงร้องออกมาได้อีกแล้ว
พวกเขากลับมาศูนย์ปฏิบัติการย่อยในครึ่งชั่วโมงต่อมา
ระหว่างเดินผ่านโถงกลาง ชายชราหลังค่อมคนหนึ่งก็เดินออกมาจากประตูปีกตะวันตก เขาก้าวเดินเอื่อย ๆ ฮัมเพลงในคอเหมือนกำลังอารมณ์ดีมาก สองมือซุกอยู่ในเสื้อกาวน์ที่เปรอะคราบเลือดและมีกลิ่นคาวคลุ้ง ยิ่งประกอบกับศีรษะล้านเลี่ยนและรอยยิ้มพิกลบนใบหน้า ยิ่งทำให้ดูเหมือนปีศาจเฒ่าตนหนึ่งมากกว่าจะเป็นคน
ตาเฒ่าฮอปกินส์ นับเป็นตัวละครที่สร้างมาเพื่อดึงดูดความเกลียดชังของนักอ่านตั้งแต่ภายในถึงภายนอกโดยแท้
แดเนียลกับไมลส์แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอีกฝ่ายแล้วเดินผ่านไป แต่กลับโดนเรียกขึ้นเสียก่อน
“กลับมาแล้วเรอะ” ฮอปกินส์แสยะยิ้ม พูดด้วยเสียงแหลมเล็กเหมือนหนูร้องจี๊ด ๆ “ไอออน ไลท์นิ่ง พวกแกสองคนเล่นงานหนูทดลองของฉันจนหมดสภาพเลยนะ อย่างนี้ฉันก็หมดสนุกน่ะซิ”
“ก็ยังใช้ประโยชน์ได้ดีไม่ใช่หรือไง น่าจะรีดตัวอย่างออกมาจากปีศาจน้ำแข็งนั่นได้เยอะเลยล่ะสิ ถึงได้อารมณ์ดีปานนี้” แดเนียลย่นจมูกอย่างรังเกียจ “ยังโรคจิตเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
“ไม่กล้ารับ ๆ” ฮอปกินส์แสร้งโบกมือปฏิเสธ “สุภาษิตเอเชียมีว่ายังไงนะ อ้อ! ..สีครามกลั่นมาจากต้นคราม แต่แก่กว่าต้นคราม ใช่ไหม? พวกแกน่ะล้ำหน้าฉันไปไกลลิบแล้ว ช่างสมกับเป็นเด็ก ๆ ที่ฉันปั้นมากับมือ”
“ไอ้นักวิทยาศาสตร์คลั่งเอ๊ย!”
แดเนียลสบถ แล้วสะบัดตัวเดินจากไปทันที ไม่ต่อปากต่อคำต่อ ไมลส์กำลังจะตามไปด้วย แต่กลับโดนชายชราดึงชายเสื้อไว้ก่อน จากนั้นสูดจมูกฟุดฟิด ทำให้เขาตกใจจนถอยไปจนเกือบติดผนัง
“น่าสนใจ…” หมอนั่นปล่อยมือเขาแล้วก็ฉีกยิ้มชวนขนลุกออกมา “กลิ่นอายเปลี่ยนไป”
“ไร้สาระ!” ไมลส์ปัดมืออีกฝ่ายออกทันที “จะไปทำอะไรก็ไป”
“โอ้ ใช่!” ฮอปกินส์ทำท่าเหมือนคุยกับตัวเอง “ใช่แล้ว ฉันต้องไปผสมยาตัวใหม่…แล้วก็เครื่องมือสะกดจิตด้วย…จะควบคุมเจ้านั่นให้อยู่ในโอวาท มันต้องใช้ยาแรงกันหน่อย”
หลังจากเฒ่าปีศาจเดินพึมพำจากไป ไมลส์ก็นึกขึ้นได้ ฮอปกินส์กำลังจะเตรียมจะล้างสมองไอซ์เดวิล ตามเนื้อเรื่องเดิม หลังจากกระตุ้นไปได้สักพัก กลับดันผิดพลาดทำให้ไอซ์เดวิลคลุ้มคลั่งมากกว่าเดิมแทน เมลวินและแดเนียลที่ไปยั่วยุอีกฝ่ายถึงได้มีจุดจบสุดอนาถ จากนั้นไอซ์เดวิลก็สูญเสียความทรงจำ
หากไม่โดนกระตุ้น คริสโตเฟอร์ก็จะไม่สูญเสียความทรงจำ ไม่เจอบ้านเกิด ไม่เจอนางเอก และไม่ถล่มสไปเดอร์
หมายความว่า เขาต้องยอมปล่อยให้อีกฝ่ายโดนทรมานจนคลุ้มคลั่งก่อน ถึงจะช่วยได้งั้นหรือ
…ทำไมมันยากเย็นอย่างนี้
ไมลส์เดินหน้าม่อยคอตกกลับห้องพัก พอเปิดประตูไปก็เห็นแดเนียลเอนตัวอยู่บนเตียงริมในสุดของห้องเรียบร้อยแล้ว มือหนึ่งล้วงถุงขนมเข้าปากเคี้ยวดังกร๊วม ๆ อีกมือหนึ่งถือหนังสือโป๊ เพ่งดูด้วยท่าทางเคร่งเครียดจริงจังประหนึ่งท่องตำรา ทำเอาไมลส์ถึงกับปั้นสีหน้าไม่ถูก
“…”
พอเห็นเขามา แดเนียลก็ปิดหนังสือแล้วหันมาถาม “ทำไมแกมาช้านัก ตาเฒ่านั่นพูดอะไรรึไง”
“ก็…แค่พูดจาทุเรศ ๆ เหมือนเดิมนั่นละ” ไมลส์นั่งลงบนเตียงของตัวเองที่อยู่ฝั่งติดประตู สักพักก็ลูบท้อง ถึงได้รู้ตัวว่าไม่มีอะไรตกลงกระเพาะมานานแล้ว ถึงจะดึกแล้ว แต่หากท้องว่างเกินไปมีหวังนอนไม่หลับ เลยถามว่า “แดน แกยังมีอะไรเหลือให้กินไหม หิวไส้จะขาดแล้วเนี่ย”
“คุ้ยเอาบนโต๊ะได้เลย”
แดเนียลบุ้ยใบ้ไปที่โต๊ะไม้เก่าๆ ตรงข้ามเตียง บนนั้นมีถุงชอปปิ้งอยู่หลายถุง มีทั้งของใช้และขนมปน ๆ กัน ไมลส์เปิดดูสองสามถุง ก็เจอกับมะเขือเทศจิ๋วแพ็คเล็กแพ็คหนึ่ง
…ลาภปาก
เขาแกะมันออกมาหยิบใส่ปากอย่างเริงร่า ระหว่างเคี้ยวยังทำหน้าตาปลาบปลื้มสุด ๆ เพราะได้กินของโปรดในรอบหลายวัน จนกระทั่งกินไปจนเกือบหมด ถึงได้เหลือบไปเห็นสายตาประหลาดใจล้นเหลือของแดเนียล
“มีอะไรเหรอ?” ไมลส์ถามทั้งที่ยังเคี้ยวตุ้ย ๆ เหมือนหนูแฮมสเตอร์ “หรือว่าแกตั้งใจจะเก็บไว้กินเอง งั้นพรุ่งนี้ฉันไปซื้อให้ใหม่”
“ฉันก็กะจะกินเองจริง ๆ นั่นแหละ” แดเนียลจ้องตาเขาเหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง “เพราะแต่ไหนแต่ไรมา แกโคตรจะเกลียดมะเขือเทศเลยไม่ใช่เหรอ”
…ชิท!
ถึงแม้ไมลส์จะได้รับความทรงจำมา แต่เขาจำแค่ส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องและความเป็นความตายเท่านั้น จนเผลอตกหล่นเรื่องความชอบความเกลียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ไป พอมานึกทวนความทรงจำดูให้ดี เมลวินก็เกลียดมะเขือเทศจริง ๆ นั่นละ ถึงขั้นกินเข้าไปคำเดียวก็อาเจียนออกมาได้เลย เขานึกแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ
เฮ้อ…เกลียดของที่อร่อยปานนี้เนี่ยนะ ให้ตายเถอะ นายใช้ชีวิตอยู่มาได้ยังไงเนี่ย เมลวิน
“ก็ใช่…ฉันเคยเกลียดมันมาก” ไมลส์รีบหาข้อแก้ตัว “แต่เห็นแกกินบ่อย ๆ เข้าก็อยากลองดูบ้างน่ะสิ อันที่จริง…มันก็ไม่ได้แย่อย่างทีคิดนะ”
แดเนียลมองเขาด้วยสายตาจริงจัง พูดว่า “ช่วงนี้ แกดูแปลก ๆ ไปนะ”
“ยังไงเรอะ” ไมลส์พยายามตีหน้าขรึม แต่ในใจลุกลี้ลุกลนแทบบ้า
…อย่ามาทำตัวฉลาดในเวลาแบบนี้ได้ไหม ช่วยหลับหูหลับตาปล่อยเขาไปเถอะ ข้อร้อง!
“ไม่ใช่แค่เรื่องกินอย่างเดียว แต่แกดูบ้าคลั่งน้อยกว่าเมื่อก่อน…จะอธิบายยังไงดี” แดเนียลมีท่าทีครุ่นคิด “แกดู…เกือบจะเหมือนคนปกติ”
“…” อ้อ…รู้ตัวด้วยเรอะว่าพวกแกมันไม่ปกติน่ะ
ไมลส์ได้เพียงแต่มองอีกฝ่ายกลับไปนิ่ง ๆ เขารู้ดีว่าตัวเองยังทำตัวไม่สมกับเป็นเมลวินนัก ทั้งหลีกเลี่ยงที่จะไปหาเรื่องไอซ์เดวิล ตอนไปจับตัวคนทรยศก็ลงมือนุ่มนวล ไม่ฆ่า ไม่ทรมานเล่น ทั้งที่เมลวินตัวจริงคงทำโกดังนั่นเป็นทะเลเลือดไปแล้ว แต่หลังจากวันที่อัดไอซ์เดวิลจนน่วมไป ไมลส์รู้สึกว่าอะไรบางอย่างในตัวกำลังพังทลายลง เลยไม่อยากทำตัวให้สมบทบาทขนาดนั้นอีก ถึงจะOOC*ก็ช่าง อย่างไรก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานอยู่แล้ว
“ช่างเถอะ ฉันคงคิดมากไปเอง" แดเนียลตัดบท แล้วลุกขึ้นหยิบชุดนอนที่พาดไว้บนเก้าอี้ ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำก็พูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไปสาขาใหญ่ อาจจะอยู่ที่นั่นสองสามวันเลย ต้องจัดการเรื่องไอ้เวดจ์นั่นด้วย แกจะไปด้วยกันหรือเปล่า”
“ไม่ละ ขออยู่ที่นี่ดีกว่า แกก็รู้ว่าฉันเกลียดที่นั่น” ไมลส์ตอบ โชคดีที่เมลวินตัวจริงเกลียดคนของสำนักงานใหญ่หลายคน ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ไม่ยอมไปเป็นปกติอยู่แล้ว ข้ออ้างของเขาจึงสมเหตุสมผลทีเดียว
“อืม…”
แดเนียลรับคำสั้น ๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป สักพักไมลส์ก็ได้ยินเพียงเสียงฝังบัวดังซ่า ๆ ลอดออกมา พอรอดพ้นสายตาอีกฝ่าย เขาก็ทิ้งตัวนอนบนเตียงด้วยความกลัดกลุ้ม พยายามนึกแผนการที่จะช่วยคริสโตเฟอร์ออกมา แต่ทุกแผนล้วนดูสุ่มเสี่ยงไปหมด หลังจากคิดจนหัวปั่นและกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอยู่หลายตลบ เปลือกตาก็ค่อย ๆ ปิดลงโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นสิบนาที แดเนียลเปิดประตูออกมา ภาพที่เห็นคือเด็กหนุ่มผิวขาวซีดที่นอนขดตัวจนกลม คิ้วขมวดมุ่น เหมือนสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่กำลังฝันร้าย มาดยโสโอหังในเวลาตื่นหายวับไปหมด
เขาเขย่าตัวอีกฝ่าย พูดว่า “แกจะนอนทั้งอย่างนี้หรือไง”
แต่เมลวินไม่ตอบ เพียงแค่ส่งเสียงงึมงำสองสามคำ แล้วพลิกตัวไปอีกด้านหนึ่ง
เด็กหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจเบา ๆ หยิบผ้าห่มที่ปลายเตียงมาคลุมตัวให้ แล้วดับไฟ
…
แดเนียลอยู่ที่สาขาใหญ่ของสไปเดอร์เป็นเวลาสามวัน
หลังจากสอบสวนเวดจ์จนลากคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกมาได้แล้ว ก็ได้รับคำสั่งจากเร็กซ์ให้ฆ่าคนทรยศทั้งหมด ศพทุกศพถูกเขาเฉือนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วให้ ‘วินดี้’ มนุษย์ทดลองอีกคนหนึ่งที่มีพลังควบคุมลม โปรยเป็นชิ้น ๆ ลงทะเลไป ไม่มีใครหาพบได้อีก
คืนนั้น พอเสร็จธุระแล้วแดเนียลก็เดินทางกลับอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขาฮัมเพลงเบา ๆ ระหว่างทางยังแวะซื้อของที่เมลวินชอบมาอีกหลายอย่าง แต่พอมาถึงที่ศูนย์ปฏิบัติการอารมณ์ดี ๆ นั้นก็ต้องหายวับไป เพราะการ์ดเฝ้าประตูออกมาดักยืนอยู่หน้าตึกเก่าที่ซ่อนทางลงศูนย์ บอกว่าสัญญาณเตือนไฟไหม้ดัง ยังเข้าไปไม่ได้จนกว่าจะตรวจสอบทุกอย่างเสร็จก่อน
เขานั่งรออยู่หน้าตึกนั้น พอผ่านไปสิบนาที ลูกน้องคนหนึ่งก็วิ่งมาหา
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” แดเนียลลุกขึ้นถาม
“ไม่มีไฟไหม้ แต่มีคนผสมสารเคมีในห้องแล็บจนเกิดควันขึ้น เครื่องตรวจจับควันเลยร้อง ทางพวกเรากว่าจะหาต้นตอเจอก็เสียเวลานานเพราะควันหนามาก น่าจะเป็นการจงใจ” อีกฝ่ายรายงาน
“ว่าไงนะ! มีใครลอบเข้ามา? หรือเป็นคนใน? กักทุกคนไว้ให้หมดเดี๋ยวนี้เลย”
“เรื่องนั้น…ไม่มีคนลอบเข้ามาหรอกครับ ทุกคนที่อพยพหนีไฟออกไปด้านหลังก็อยู่ครบ ผมให้พรรคพวกเช็กหมดแล้ว ยกเว้นก็แต่…” ลูกน้องคนนั้นพูดไปก็อึกอัก ไม่ยอมพูดต่อ
“ใคร! ยกเว้นใคร?!”
คนโดนตะคอกใส่กลืนน้ำลาย กล่าวเสียงเบาหวิวว่า “ไอซ์เดวิลหายไปจากห้องขัง แล้วก็…พวกเรา..ยังหาคุณไลท์นิ่งไม่พบเลย”
“แกพูดบ้าอะไร! อย่ามาล้อเล่น! ฉันยิ่งอารมณ์เสียอยู่” แดเนียลคำราม แต่ก็รีบวิ่งตรงไปที่ห้องของตัวเองทันที ไม่ฟังคำพูดอะไรต่อ
เขากระแทกประตูเปิดออกอย่างแรง ในใจแอบหวังว่าอีกฝ่ายคงจะแค่นอนขี้เซาอยู่ในห้องเฉย ๆ แล้วพอเขามาปลุกก็จะโดนตะคอกกลับอย่างหัวเสียทันที แต่กลับพบว่าในห้องนั้นโล่งกว่าที่เคย
กระเป๋าสะพาย เสื้อผ้า และกล่องใส่เอกสารสำคัญของเมลวินหายไป บนโต๊ะที่วางถุงชอปปิ้งมีมะเขือเทศจิ๋วแพ็คเล็กวางทิ้งไว้ เหมือนจะชดเชยที่กินของเขาไปเมื่อวาน
“บัดซบเอ๊ย!”
แดเนียลปัดโต๊ะตัวนั้นร่วงลงกับพื้นดังโครม แล้วถีบมันย้ำหลายต่อหลายครั้ง ราวกับอยากให้มันพังเป็นผุยผงไปตรงหน้า ปากก็ด่าคำว่า “บัดซบ” ซ้ำไปซ้ำมา ด้วยใบหน้าที่มีหางตาแดงก่ำ
_______________________
*OOC หรือ Out of character หมายถึงเล่นผิดบทบาท ไม่สมกับเป็นตัวละครนั้น
A.L. Lee
อยากจะบอกว่า เป็นตอนที่คิดนานมาก เพราะไม่รู้จะเล่าวิธีการหนีของน้องไมลส์ออกมายังไงให้เข้าใจง่ายดี เขียนแล้วลบหลายรอบ ไม่รู้ว่าทุกคนหวังฉากหลบหนีแบบอลังการกันหรือเปล่า แต่เรากลัวว่าลงรายละเอียดมากไปก็ไม่ดี เพราะเนื้อเรื่องจะเอื่อยเกินไป ไม่จบไม่สิ้นสุดท้ายเลยออกมารวบ ๆ ออกมาเป็นแบบนี้ T T ถ้าทำให้ผิดหวังต้องขอโทษด้วยนะคะ
มีข้อผิดพลาด คำผิด พล็อตโฮล ฯลฯ ท้วงได้นะคะ เพราะลีก็เบลอ ๆ วันนี้รีบปั่นไปหน่อย
ปล. มีใครชอบแดเนียลบ้างไหม ลียิ่งเขียนแล้วยิ่งชอบยังไงไม่รู้ 555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไรท์แต่งดีแล้วค่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะ อย่าเทเรื่องนี้นะขอร้อง