ตอนที่ 22 : Hate you, I hate you Chapter 21 :: Sweet talking baby [100%]

Hate you, I hate you Chapter 21
Sweet talking baby
ในหัวของจูฮยอนมีแต่คำว่าทำไม…ทำไมจะต้องเป็น 1 ปี? ยงฮวาพูดแบบนั้นได้ยังไง แล้วเธอล่ะ? เขาทำให้เธอพูดไม่ออกเลย
จูฮยอนนั่งจ้องหนังสือเล่มหนาน้ำตาคลอ ถ้าเขาบอกเธอสักนิดว่าคิดแบบนี้ เธอจะไม่มีทาง…ไม่มีทางยอมใจอ่อนให้เขาอย่างแน่นอน
“ฉันยอมเสียครั้งแรกให้คนไร้ความรับผิดชอบแบบนายได้ยังไง ปีเดียวงั้นหรอ ฉันอยากจะควักหัวใจของนายออกมาโยนทิ้งแล้วก็เหยียบให้แหลกไปเลยจริงๆ”
ยงฮวาหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่ ทันทีที่กลับมาถึงบ้านจูฮยอนไม่ยอมกินข้าว แต่กลับบอกว่าต้องการจะอ่านหนังสือ ยงฮวารู้ว่าเธอคงกำลังโกรธเขามากกว่า แต่ต่อให้โกรธหรือไม่พอใจกันอย่างไรก็ไม่ควรอดข้าวแบบนั้น
จุนฮีเข้ามารายงานตัวพร้อมกับสตูลเนื้อร้อนๆตามที่จูฮยอนเอ่ยปากว่าอยากกิน แค่เพียงพี่ชายเอ่ยปากขอให้ช่วย เธอก็ยินดีที่จะช่วยด้วยความเต็มใจ
“พี่เคาะให้เอง” ยงฮวารับอาสาช่วยเคาะประตูให้ ก่อนที่จะหลบไปอีกทาง กลัวว่าถ้าจูฮยอนได้เห็นหน้า แล้วเธออาจจะกินข้าวไม่ลง
“พี่จูฮยอน ขอฉันเข้าไปนะคะ”
น้องสาวผู้น่ารักขอเข้ามา มีหรือที่จูฮยอนจะกล้าขัดใจ จุนฮีรู้สึกมึนงงเพราะก่อนหน้าที่พวกเขาสองคนจะกลับเข้ามาในบ้านยังดูสวีทหวาน แถมยังมีจุ๊บที่ข้างแก้มจนทำให้เธออดที่จะเขินแทนไม่ได้ สงสัยว่าพี่สาวของเธอคงจะไม่พอใจมาก พอเข้าบ้านมาได้ก็เลยเข้ามาเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในห้องของป้าอินฮวาแบบนี้
กลิ่นสตูลเนื้อหอมฟุ้งไปทั้งห้อง ปลุกให้กระเพาะอาหารของจูฮยอนตื่นตัวได้เป็นอย่างดี
“ฉันอุ่นให้พี่เองกับมือ คราวนี้ขอรับรองด้วยชีวิตเลยค่ะ ว่าไม่มีสิ่งปลอมปนใดๆแน่นอน”
“ขอบใจนะจ๊ะ”
เห็นจุนฮีกลับออกมาพร้อมกับถาดเปล่า ยงฮวาก็โล่งใจเพราะอย่างน้อยจูฮยอนก็ไม่ปฏิเสธที่จะกินมัน หากแต่พอได้เห็นสีหน้าของจุนฮีแล้วทำให้ยงฮวารู้สึกกังวลใจหนักมากไปกว่าเก่า
“พี่จูฮยอนเงียบมากเลยค่ะ แค่บอกว่าขอบใจ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ฉันก็เลยกลับออกมา”
“แล้วจูฮยอน…กินข้าวหรือเปล่า?”
“ฉันไม่แน่ใจค่ะ ฉันวางมันไว้บนโต๊ะ แล้วก็กลับออกมาเลย”
หลังจบภารกิจจุนฮีกลับเข้าห้องนอนของเธอ ส่วนยงฮวายืนเป็นเสาไฟฟ้าอยู่ที่เดิม
จูฮยอนชอบทำให้เป็นห่วงเสมอ บ่อยครั้งที่เธอมักจะมีอารมณ์แปรปรวนจนทำให้เขาตั้งตัวรับไม่ทัน บางครั้งก็เหมือนว่าเธอจะยอมรับฟัง แต่บางครั้งก็เหมือนว่าเราไม่เคยเข้าใจกันเลย
“แล้วถ้า…ผมอยากอยู่กับคุณนานๆล่ะ คุณจะยอมอยู่กับผมไหม?” จองยงฮวาอยากอยู่เคียงข้างซอจูฮยอน อยากมองเห็นเธออยู่ในสายตาเหมือนกับเมื่อครั้งวันวานที่ผันผ่าน แต่บางครั้งเขาก็อดหวาดกลัวไม่ได้ เพราะว่าเวลาที่มีมันผ่านไปรวดเร็วมากเหลือเกิน
ประตูห้องถูกแง้มออกอย่างเบามือ หลังจากอดทนรออยู่นาน ยงฮวาก็ตัดสินใจแอบไขกุญแจเข้ามา
จูฮยอนนอนหลับคาหนังสือเล่มหนา วันนี้เธอไม่มีสมาธิมากพอที่จะอ่านมันได้ ยิ่งคิดถึงคำพูดของคนเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ใจของเธอก็ยิ่งไม่เป็นสุข
เห็นสภาพของเธอแล้ว ยงฮวาก็ได้แต่ยืนส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ จูฮยอนเอ่ยปากว่าอยากกินสตูลเนื้อ เขาก็อุตส่าห์ทำให้ แต่เธอไม่สนใจที่จะกินมันเลยแม้แต่นิดเดียว
ยงฮวาลากเก้าอี้มานั่งมองดูคนนอนหลับ วันเวลาผ่านไปรวดเร็วทั้งที่เขายังคงจดจำเรื่องราวเก่าๆได้ดีอยู่เลย
ซอจูฮยอนเด็กดื้อโตเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว เธอเป็นคุณหมอเปี่ยมเสน่ห์ มีความกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือทุกคนที่เดินเข้ามาหาเธอ และตอนนี้เธอก็นอนน้ำลายไหลยืดได้ไม่ต่างไปกับเด็กเลย
ร่างบางขยับแล้วก็ยืดตัวเล็กน้อยทันทีที่ยงฮวาทาบฝ่ามือแตะลงบนแขนของเธอ ตรงนี้ไม่ใช่ที่นอน ถึงจูฮยอนจะนอนหลับ แต่ยงฮวาคิดว่าเธอคงนอนหลับได้ไม่ดีเท่ากับนอนบนเตียงนุ่มๆหรอก
“คิดจะทำอะไร?”
ยงฮวาตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อจู่ๆจูฮยอนก็ลืมตาตื่นขึ้นมาถาม เป็นเรื่องยากเกินไปที่จูฮยอนจะสามารถนอนหลับสนิทในเวลาแบบนี้ ยงฮวาพูดแบบนั้นแล้วเขายังจะกล้ามายุ่งกับเธออีก เขามันทั้งซื่อบื้อแล้วก็นิสัยเสีย เธอไม่รู้ว่าจะด่าเขาว่าอะไรอีกแล้ว
“คือ…ผมก็แค่จะย้ายคุณไปนอนบนเตียง”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉันเลย แล้วนี่…นายเข้ามาได้ยังไง?” มันน่าโมโหนักที่เขาแอบเข้ามาทั้งที่เธอล็อคประตูเรียบร้อยแล้ว ถึงยงฮวาจะมีกุญแจแต่เขาก็ไม่ควรที่จะไขเข้ามาโดยพลการอย่างนี้
“ออกไปเลย แล้วไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีกด้วยนะ”
“….” ยงฮวายืนมองหญิงสาวเจ้าโมโหด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขนาดถูกไล่แล้ว แต่เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องไป ยิ่งเขาทำเหมือนไม่ยินดียินร้าย จูฮยอนก็ยิ่งโมโหหนัก
“ไม่ออกใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น…ฉันไปเองก็ได้”
ร่างบางก้าวเดินตรงไปยังประตู ทว่าทั้งที่อีกนิดเดียวจูฮยอนก็จะพ้นออกไปจากห้องนี้แล้ว แต่เธอกลับไม่สามารถไปจากคนคนนี้ได้
เอวบางถูกยึดตรึงเอาไว้ด้วยอ้อมแขนแกร่ง ยงฮวารั้งหญิงสาวเอาไว้ด้วยอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นจากทางด้านหลัง ทำเอาคนถูกกอดถึงกับหน้าแดงระเรื่อไปหมด
“ทำอะไรของนาย ปล่อยนะ”
“แล้วถ้าผม…ไม่ยอมตัดใจจากคุณล่ะ ถ้าผมอยากอยู่กับคุณไปจนตลอดทั้งชีวิต คุณจะยอมอยู่กับผมหรือเปล่า?”
เสียงกระซิบนั้นสร้างรอยยิ้มในหัวใจดวงเล็ก จูฮยอนพยายามกัดเม้มริมฝีปากตัวเองเพื่อเก็บซ่อนความรู้สึก หากแต่กลับมีหลายครั้งที่เธอเผลอตัวหลุดยิ้มออกมา
“คนไร้ความรับผิดชอบอย่างนาย อยากอยู่กับฉันแน่หรอ?”
“แน่นอนสิ คุณก็รู้ว่าผมรู้สึกยังไง ผมคงเจ็บมากถ้าครบหนึ่งปีแล้วเราสองคนต้องเลิกกันจริงๆ แล้วคุณล่ะ อยากอยู่กับผมหรือเปล่า ที่คุณอารมณ์เสีย เพราะผมบอกว่าจะตัดใจจากคุณทันทีเมื่อครบหนึ่งปีหรือเปล่า?”
“พล่ามอะไรของนาย ฟังไม่เห็นจะรู้เรื่อง” จูฮยอนเฉไฉพร้อมกับแอบกัดฟันยิ้ม โชคดีที่ยงฮวาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าของเธอตอนนี้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้ามองหน้าเขาอย่างแน่นอน สรุปว่าตอนนี้เขาจะไม่ตัดใจจากเธอแล้วใช่หรือเปล่า หมายความว่าเราสองคนจะอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากันจริงๆแล้วอย่างนั้นใช่ไหม
“สรุปว่า…ตอนนี้หายอารมณ์เสียได้แล้วใช่ไหม”
เขากระซิบถามที่ข้างใบหู ทำเอาคนใจแข็งจิตแข็งอย่างจูฮยอนถึงกับใจสั่นหวั่นไหว
“ก็นิดนึงอ่ะนะ”
คำตอบนั้นทำให้ยงฮวายิ้มได้ ทันทีที่คลายอ้อมแขนออก เขาก็จูงมือพาจูฮยอนเดินมาส่งถึงเตียงนอน
“มันดึกมากแล้ว รีบนอนเถอะ”
ก่อนหน้ายังเขินไม่หาย ยิ่งยงฮวาทำเหมือนว่าจะนอนกับเธอบนเตียงนี้ ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วก็ลุกลามจนแดงไปหมดทั้งตัว
“ที่นี่…ห้องแม่ ไม่ใช่สิ นี่มันห้องของฉันนะ” ต่อให้จูฮยอนจะทักท้วง แต่ตอนนี้ยงฮวาคิดว่าเขาก็ไม่ได้ทำเรื่องไม่เหมาะสมแต่อย่างใด เราสองคนสมควรที่จะต้องนอนด้วยกันเพราะว่าเราคือสามีภรรยากันจริงๆ
“ต่อไปนี้ไม่ว่าคุณจะนอนที่ไหน ผมจะตามไปนอนด้วยเสมอ ผมไม่ใช่ผู้ชายไร้ความรับผิดชอบเหมือนที่คุณกล่าวหา ยกเว้นแต่ว่า…คุณจะตั้งใจหนีผมก็เท่านั้น”
จูฮยอนนอนหลับตาปี๋เมื่อถูกยงฮวาดึงเข้ามากอดไว้จนแน่น ตอนนี้เธอมองไม่เห็นหนทางที่จะหนีเขาได้เลย ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะหลงเคลิ้มหลงเชื่อในคำว่า ‘รัก’ ของคนที่เธอเคยคิดว่าเกลียดมากที่สุดแบบนี้
“ถ้าผมเลิกกับคุณ คุณก็จะกลายเป็นแม่หม้าย ขายยังไงก็ขายไม่ออก”
สิ้นเสียงกระซิบนั้นยงฮวาถูกหยิกจนใบหูแดงเรื่อ หากแต่เขากลับมีความสุขกับสงครามเล็กๆบนเตียงนอน
“พี่ยงฮวาแอบไขกุญแจเข้าไปค่ะ แล้วจนป่านนี้…ก็ยังไม่ออกมาเลย”
เสียงของจุนฮีช่างฟังดูมีความสุข จนทำให้จงฮยอนยิ้มตามได้อย่างมีความสุขไม่ต่างกัน
“แสดงว่า พี่ยงฮวาไม่ได้เป็นวัตถุโบราณแล้วน่ะสิ ไม่คิดเหมือนกันว่าทุกอย่างจะง่ายขนาดนี้”
“ใช่ค่ะ ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”
“ต้องยกความดีความชอบให้พี่นะ”
“ก็คงต้องอย่างนั้นแหละค่ะ แต่ว่าถ้าพี่ยงฮวาใจไม่สู้ ก็คงจะยากอยู่เหมือนกันนะคะ นับตั้งแต่กลับมาจากเกาะเชจู พวกเขานอนด้วยกันตลอดเลย แบบนี้จะบอกว่า…พวกเขาต่างก็มีใจให้กันได้หรือเปล่าคะ”
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น คงคล้ายๆกับเรา”
“….” ประโยคสุดท้ายที่จงฮยอนพูดออกมา จุนฮีคิดว่าเธอไม่ได้ฟังผิด คงคล้ายๆกับเรา จงฮยอนพูดอย่างนี้
“ฉันง่วงแล้วค่ะ ถ้ายังไง…แค่นี้ก่อนนะคะ ถ้าวันไหนจะมาที่บ้าน บอกฉันก่อนก็แล้วกันนะคะ”
“ขอเป็นที่อื่นได้ไหม พี่กลัวถูกหลอกให้กินพริกอีก”
“ได้ค่ะ แล้วแต่พี่…แล้วกันนะคะ” จุนฮีเขินมากจนรีบกดตัดสายทั้งที่ยังไม่ได้พูดล่ำลา ไม่ต่างกับจงฮยอนที่ถึงแม้จุนฮีจะวางสายไปแล้ว เขายังเอาแต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ยอมหุบ
หยอดไปหลายครั้งและทุกครั้งจุนฮีก็ไม่ได้ปฏิเสธ จงฮยอนคิดว่าความรู้สึกระหว่างเราจะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างแน่นอน
วันนี้คุณหมอจูฮยอนอารมณ์ดีมากไปกว่าในทุกวัน ยิ่งนึกถึงอ้อมกอดบนเตียงนอน หัวใจของเธอก็สูบฉีดอย่างรุนแรง ฮอร์โมนแห่งความสุขหลั่งออกมาเพิ่มมากขึ้นจนทำให้ยิ้มทั้งวันจนคล้ายกับคนบ้าเข้าไปในทุกที
“ขอเข้าไปหน่อยนะ”
จูฮยอนยิ้มรับคุณหมอหนุ่มตัวสูงผู้ที่เข้าใจความรู้สึกของเธอเสมอ แต่ก็น่าแปลกเมื่อวันนี้สีหน้าของจองชินดูเครียดมากจนทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ไอยูกิถูกตำรวจจับ เมื่อกี้นี้เอง”
…!!
ข่าวนักร้องสาวผู้โด่งดังถูกตำรวจจับในข้อหาลักลอบนำเข้ายาเสพติดมาจำหน่ายมอมเมาเยาวชนกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วทั้งเอเชีย
“ฉันเปล่าทำนะคะ ฉันถูกใส่ร้าย… ” นักร้องสาวหน้าใสโอดครวญออกสื่อ ข่าวของเธอสร้างความผิดหวังและสร้างความสับสนให้กับบรรดาแฟนๆของเธอไม่น้อย ภาพลักษณ์ของเธอใสสะอาด ไม่เคยมีข่าวเสียหาย ต่อหน้าสื่อเธอเป็นเด็กสาวมารยาทงาม มีจิตใจดี ชอบทำการกุศล ช่วยบริจาคสิ่งของและยังเคยเป็นทูตช่วยรณรงค์ในโครงการต่างๆมากมาย จึงไม่แปลกอะไรที่จะมีคนกลุ่มหนึ่งเข้าใจว่านักร้องขวัญใจถูกใส่ร้ายเพื่อหวังทำลายชื่อเสียง
ซูโฮในฐานะผู้บริหารสูงสุดรีบรุดเดินทางมาถึงด้วยความรีบร้อน เขาไม่เชื่อและคิดว่าเรื่องนี้ไอยูกิน่าจะถูกใส่ร้าย คนทำคงหวังอยากดิสเครดิตกันมากกว่า
จิตแพทย์หนุ่มลีจองชินถูกตำรวจเชิญตัวเข้ามาร่วมการสอบปากคำ โดยมีจูฮยอนขอตามติดมาด้วย เธออยากเห็นด้วยตาว่าคนที่ถูกจับคือไอยูกิจริงหรือเปล่า
ตลอดระยะเวลาที่จองชินหายเข้าไปในห้องสอบสวน จูฮยอนเอาแต่ก้มมองนาฬิกาข้อมือสลับกับหันมองหายงฮวาตลอดเวลา ยงฮวาบอกว่าเขาจะมา แต่จนถึงตอนนี้แล้ว เธอยังไม่เห็นเขาเลย
ตลอดการสอบสวนนักร้องสาววัยใสปฏิเสธไม่ยอมรับสารภาพ ถึงแม้จองชินจะแสดงหลักฐานทั้งหมดที่มีสนับสนุนการเข้าจับกุมในครั้งนี้แล้วก็ตาม
“คนไข้ของผม บอกว่าได้รับยานั่นตอนอยู่ในงานปาร์ตี้ของคุณ”
“แล้วคุณก็เชื่อหรอครับ? แค่เห็นเด็กวัยรุ่นมั่วยาในงานปาร์ตี้ พวกคุณก็ฟันธงว่าไอยูกิเป็นนักร้องขายยา” ซูโฮเลือดขึ้นหน้า ทั้งโกรธทั้งโมโห หลังจบเรื่องบ้าบอพวกนี้ เขาจะฟ้องกลับทุกคนไม่ให้เหลือเลยทีเดียว แม้แต่ลีจองชิน เขาก็จะไม่เว้นเอาไว้
“คืออย่างนี้ค่ะ คือฉันกำลังจะแจ้งความอยู่แล้ว แต่พวกคุณกลับยกพวกมาจับฉันก่อน ฉันก็เลยต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ให้พวกคุณสอบสวน บอสคะ ฉันไม่ได้ทำอย่างที่พวกเขากล่าวหา จะต้องมีใครอิจฉาที่ฉันดังกว่า ก็เลยวางแผนขัดขากัน”
ทั้งจองชินกับตำรวจพากันพูดไม่ออก หลักฐานแน่นหนาขนาดนี้แล้ว แต่ไอยูกิก็ยังคงโกหกไม่ยอมเลิก แม้แต่ซูโฮก็ดูเหมือนจะเชื่อคำพูดของไอยูกิมากกว่าหลักฐานของตำรวจ
“ยังไงก็ตาม…ทางเจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำจากเด็กๆพวกนั้น ไหนจะยังมียาเสพติดจำนวนมากในห้องแต่งตัวของคุณอีก ช่วยบอกผมทีสิครับว่ายาพวกนั้นอยู่ในห้องแต่งตัวของคุณได้ยังไง?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามขึ้น
“ฉันถูกใส่ร้ายค่ะ ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยทั้งนั้น ยาอะไรคะ ฉันไม่รู้เลยว่าในห้องแต่งตัวของฉันมีอะไรซุกซ่อนอยู่บ้าง ฉันเข้าไปในนั้นแค่นั่งแต่งหน้าแล้วก็ส่องกระจก คุณตำรวจคิดว่าคำให้การของเด็กที่กำลังเมายาจะน่าเชื่อถือได้ยังไง ถ้าหากว่าเด็กพวกนั้นถูกใครสักคนจ้างมาใส่ร้ายฉันล่ะคะ ฉันไม่ถูกผู้คนตราหน้าทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยอย่างนั้นหรอคะ?”
ไม่ว่าทางตำรวจจะงัดหลักฐานอะไรมา นักร้องสาวก็ปั้นหน้าซื่อปฏิเสธหมดทุกข้อกล่าวหา พวกเขาไม่มีพยานที่น่าเชื่อถือได้เลยด้วยซ้ำ มีแต่เด็กติดยาที่มีสติสตังไม่ครบร้อยกับหลักฐานที่ไอยูกิพร้อมจะสละให้ผู้จัดการของเธอเป็นเหยื่อ
ไอยูกิตกลงกับผู้จัดการส่วนตัวของเธอไว้ชัดเจนแล้วว่าหากถูกตำรวจจับ ผู้จัดการจะยอมรับสารภาพ แลกกับเงินก้อนใหญ่ที่เธอต้องจ่ายให้กับลูกทั้งสามคนของผู้จัดการอย่างครบถ้วน ถึงมันจะมากไปหน่อย แต่ไอยูกิก็คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะต้องจ่าย
จูฮยอนยิ้มได้เมื่อเห็นยงฮวาวิ่งกระหืบกระหอบเข้ามา เท่าที่พยายามสอบถามจากจองชินในเบื้องต้น หลักฐานที่มีค่อนข้างแน่นหนา แต่ก็ยังมีทางที่ไอยูกิจะรอดหากเธอคิดหาแพะรับบาป
“รีบเข้าไปเถอะ จองชินรอนายอยู่ในห้องนั้นแล้ว”
หลักฐานสำคัญก็คือผลการตรวจเลือดถูกนำเข้ามาวางลงต่อหน้านักร้องสาวกับท่านประธานของเธอ ซูโฮค่อนข้างแปลกใจที่พบว่าแม้แต่ยงฮวาก็ยังมีเอี่ยวในเรื่องนี้ด้วย
“คุณใช่ไหม ที่คิดใส่ร้ายไอยูกิ แค่เธอปัดไม่สนใจบริษัทกระจอกๆของคุณ ถึงขั้นต้องดิสเครดิตกันขนาดนี้เลย?”
ไอยูกิก้มมองเอกสารตรงหน้าอย่างมึนงง ไม่ว่ายงฮวาจะมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไรก็ตาม เธอไม่มีวันสนใจเขาอยู่ดี
ยงฮวาไม่ให้ความสนใจกับผู้บริหารหนุ่มผู้หละหลวม แต่เลือกที่จะก้าวเข้ามาหยุดยืนต่อหน้านักร้องสาว คนเราไม่อาจตัดสินกันที่หน้าตาหรือภาพลักษณ์ที่มองเห็นเพียงแค่ด้านเดียว ถึงแม้จูฮยอนจะยอมอยู่เคียงข้างเขาในวันนี้ แต่หากเลือกได้ เขาไม่เคยคิดที่จะทำอะไรแบบนั้นกับเธอเลย
“นี่คือผลตรวจเลือดของผมครับ ผมมาที่นี่ในฐานะเจ้าทุกข์ ในวันนั้นผมถูกไอยูกิวางยา”
…!!
นักร้องสาวก้มมองผลการตรวจเลือด เวลานี้เหงื่อบนใบหน้าของเธอผุดออกมามากจนเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้นไอยูกิก็ยังคงพยายามปั้นหน้าทำเหมือนว่าเธอคือคนที่ถูกใส่ร้ายอยู่เหมือนเดิม
“ผลเลือดของคุณ เอามาจากไหนหรอคะ แล้วที่สำคัญ…ฉันไปวางยาคุณตอนไหนไม่ทราบ”
ยาของเธอออกฤทธิ์ภายใน 10-15 นาทีเป็นอย่างช้า มันจะออกฤทธิ์ต่อเนื่องเป็นเวลา 8 ชั่วโมง หลังจากนั้นยาจะถูกขับออกหมดเมื่อจบสิ้นกิจกรรมบนเตียงนอน ไอยูกิมั่นใจว่ายงฮวาไม่มีทางรู้ตัวว่าถูกเธอวางยา แล้วเขาจะนึกเฉลียวใจเดินไปตรวจเลือดได้ยังไง เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเป็นสายของตำรวจ
“ทางเราใช้บันทึกการแจ้งความของคุณยงฮวาเมื่อสองวันก่อน ขอเข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม…แล้วทางเราก็ได้เห็นว่าคุณเป็นคนชงเครื่องดื่มให้คุณจองยงฮวา จากนั้นไม่เกิน 20 นาที คุณซอจูฮยอนเป็นคนร้องขอให้เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลมารับเลือดของคุณยงฮวาไปตรวจ ผลเลือดออกมาชัดเจนมากเลยนะครับ เรื่องนี้คุณจะแก้ตัวกับเราว่ายังไง”
“เป็นไปไม่ได้! เขาโกหก!! ฉันไม่ได้ทำ ฉันถูกใส่ร้าย”
ภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องจัดเลี้ยงถูกฉายขึ้นต่อหน้าทุกคน ซูโฮยืนมองเหตุการณ์หน้าซีด ตกใจจนเกือบจะล้มทั้งยืนที่เห็นนักร้องสาวหน้าใสใส่ยาลงในแก้วของยงฮวาในแบบจะๆคาตา
จูฮยอนยิ้มได้กว้างมากที่สุดในรอบปี หลังจากที่นักร้องสาวชื่อดังดิ้นไม่พ้นข้อกล่าวหา ถึงแม้ไอยูกิจะเข้าใจว่ายงฮวาเป็นสายของตำรวจ แต่ยงฮวาบอกกับเธอว่าเขาไม่สนใจว่าไอยูกิจะมองเขาแบบไหน ขอแค่ให้เด็กๆปลอดภัย ไม่หลงเดินทางผิดเท่านั้นเป็นพอ
“นายเห็นหน้ายัยไอโอดีนไหม พอนักข่าวแห่เข้ามา เธอรีบเอาสองมือปิดหน้าแบบนี้เลย”
เห็นท่าทีของจูฮยอนแล้ว ยงฮวาก็ได้แต่ยืนยิ้ม ดูเหมือนว่าจูฮยอนจะชอบใจมากเหลือเกินที่ไอยูกิถูกตำรวจจับ
“สะใจมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
“แน่นอน ฉันไม่ใช่คนโลกสวย ถึงจะบอกว่า…ไม่เป็นไร” จูฮยอนยิ้มกว้าง ตอนนี้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมากอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่แน่ๆก็คืองานของจองชินจบสวยมากเลยทีเดียว
“ผมทำขนาดนี้แล้ว ไม่คิดจะทำอะไรเพื่อเป็นการขอบคุณกันบ้างเลยหรอ”
จูฮยอนชะงัก ตอนที่เห็นยงฮวารีบวิ่งเข้ามา เธอรู้ว่าเขาเหนื่อยมาก เขาบอกกับเธอว่าสาเหตุที่มาช้าก็เพราะติดประชุม วันนี้ยงฮวาทำงานหนักและมีความดีความชอบมากเลยทีเดียว
“ถ้าอย่างนั้น…ฉันทำกับข้าวให้กิน โอเคไหม?”
วันนี้ซอจูฮยอนจะลงมือทำอาหาร ยงฮวาคิดว่ามันไม่ธรรมดาเลยแม้แต่นิดเดียว
จองชินอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นยงฮวากับจูฮยอนพากันเดินไปด้วยกันท่ามกลางพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกลงสู่แม่น้ำสายยาว ตอนนี้พวกเขาสองคนไม่ได้ทะเลาะกันอีกแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาดูดีขึ้นมาก ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ‘น่ารัก’ ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน น่ากลัวว่าแค่ปีเดียวอาจจะไม่เพียงพอเสียแล้ว
เพียงแค่จุดเตาแก๊สจูฮยอนก็ยังรู้สึกตื่นเต้นปะปนไปกับความประหม่า ถ้าจะบอกว่าที่ผ่านมาไม่เคยเข้าห้องครัวเลยก็เหมือนจะโอเวอร์เกินไป แต่สิ่งที่จูฮยอนทำบ่อยๆ ทำจนเป็นประจำก็คือเดินเข้ามาหยิบจานชามหรือไม่ก็แก้วน้ำ ก่อนหน้าที่อยู่บ้านของพ่อ เธอไม่ได้เป็นคนทำอาหาร คนที่รับหน้าที่แม่ครัวส่วนใหญ่จะเป็นแทยอนหรือไม่ก็มิยอง ส่วนเธอถนัดที่จะล้างจานมากกว่า
จูฮยอนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนที่จะตอกไข่ใส่ลงในกระทะ และในทันทีที่ไข่แช่ลงในน้ำมัน เธอส่งเสียงร้องลั่นไปทั้งห้องครัว จากนั้นก็เอาแต่กระโดดหนีน้ำมันทั้งที่ไม่มีน้ำมันกระเด็นออกมาเลยด้วยซ้ำ ดูจากท่าทีของเธอแล้ว ยงฮวาไม่อยากเดาเลยว่าไข่ดาวฝีมือของจูฮยอนจะออกมามีหน้าตาแบบไหน
“มาแล้ว…ไข่ดาวแสนอร่อยฝีมือคุณหมอซอมาแล้ว”
ยงฮวามองไข่ดาวไหม้เกรียมครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจใช้ส้อมพลิกดูผลงานที่ด้านหลัง และทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด ไข่ของจูฮยอนไหม้เกรียมทั่วถึงไม่ว่าจะทั้งด้านหน้าด้านหลัง เธอช่างเป็นคนที่มีความสม่ำเสมออะไรเช่นนี้
“คือ…มันอาจจะไหม้ไปหน่อยอ่ะนะ นี่มันไข่ดาวใบแรกในชีวิตของฉันเลยก็ว่าได้ สาบานเลยว่าไม่เคยทำให้ใครเลยสักคนเดียว จองชิน มินฮยอกหรือแม้แต่ซูโฮก็ไม่เคยได้กินเลยนะ มันพิเศษสุดๆสำหรับนายคนเดียว”
“….”
ยงฮวาทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งจ้องมองไข่ไหม้เกรียมอยู่แบบนั้น กับข้าวมื้อหรูที่จูฮยอนสัญญาว่าจะทำให้มีแค่ไข่ดาวไหม้ๆใบเดียวเท่านั้น มันพิเศษจริงๆ เขาไม่เคยเห็นอาหารจานไหนวิเศษได้มากเท่านี้มาก่อน
“ถึงผมจะรักคุณมากแค่ไหน แต่ผมก็กินมันไม่ลงหรอกนะ”
จูฮยอนถึงกับนั่งคอตก คุณหมอคนสวยทำหน้าเมื่อยผิดหวังในตัวเองที่แม้แต่ทอดไข่ดาวยังไหม้จนกินไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้น…ฉันปั่นน้ำผลไม้ให้เอาไหม ฉันทำน้ำผลไม้อร่อยมากเลยนะ ไม่อยากคุยนักหรอก ทุกคนที่ได้ชิม ติดใจหมดเลย”
“คนพวกนั้นมีจองชิน มินฮยอกหรือว่าซูโฮด้วยหรือเปล่า?”
“ถ้าจะบอกว่าไม่…ก็คงโกหก แต่ฉันทำเป็นแค่น้ำปั่นอย่างเดียวจริงๆ จะกินไหมล่ะ หรือถ้าไม่กินก็ตามใจ”
เป็นครั้งแรกที่ยงฮวาได้ชิมน้ำปั่นที่จูฮยอนคุยนักหนาว่าเธอทำมันได้อร่อยมากที่สุด และเขาก็คิดว่ารสชาติของมันไม่เลวเลยทีเดียว
“มันมีสมุนไพรที่มีประโยชน์มากอยู่ในนั้น รับรองว่ากินแล้ว นายจะไม่เป็นหวัดเลย”
จนถึงตอนนี้แล้ว สรรพนามที่จูฮยอนใช้เรียกเขาก็ยังคงฟังดูขัดหูไม่หาย
“ผมเป็นสามีหรือเป็นเพื่อนเล่นของคุณกันแน่? ลองเรียกผมให้ฟังดูน่ารักกว่านี้ดีไหม เรียกแบบที่คุณเรียกมันฟังดูไม่รื่นหูยังไงก็ไม่รู้”
“ไม่รื่นหูหรอ? ก็ลื่นดีนี่…ไม่เห็นสะดุดตรงไหนเลย แค่คำคำเดียวไม่เห็นจะต้องคิดมาก”
“แต่ผมอยากแตกต่างกับคนอื่นนี่ ผมไม่ใช่เพื่อนของคุณ แต่ผมเป็นเจ้าของคุณ ผมเป็นผู้ชายของคุณ แล้วคุณก็เป็นของผม”
“รู้หรือเปล่าว่าเป็นผู้ชายของฉัน จะต้องทำตามกฎของฉันด้วยนะ”
ยงฮวานั่งพูดพล่ามท้วงสิทธิ์ของเขาอยู่ตรงหน้าเธอ แต่จูฮยอนกลับรู้สึกว่าเราสองคนอยู่ใกล้กันมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอบอุ่น ความจริงแล้วเธอรู้ดีว่าเลือกใช้คำไม่เหมาะสม แต่เธอก็เรียกแบบนี้มานานแล้ว ถ้าจะให้เปลี่ยน เธอคิดว่าเธอจะต้องเขินมากแน่นอน
“ว่ามาสิ ว่ากฎของคุณคืออะไร?” ยงฮวาดื่มน้ำปั่นสมุนไพรจนหมด แล้วก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าจูฮยอน จนทำให้คนถูกจ้องต้องหลบสายตาหนี
“ก็…มีอยู่สองข้อ ข้อแรกนายห้ามตายก่อนฉัน ข้อที่สองก็คือ นายจะตายวันไหนก็ได้ แต่ห้ามตายวันเกิดของฉัน โอเคไหม?”
“ผมทำไม่ได้หรอก ผมเลือกวันตายไม่ได้ แล้วก็มีความเป็นไปได้สูงที่ผมอาจจะตายก่อนคุณด้วย ภูมิคุ้มกันของผมไม่ดีมาตั้งแต่เด็กแล้ว เป็นหวัดง่าย แค่เจอฝุ่นก็แพ้ย่อยยับแล้ว”
“….” จากที่ไม่กล้ามองหน้าเขา ตอนนี้จูฮยอนเผลอตัวจ้องหน้ายงฮวาไม่ละสายตา เธอรู้อยู่แล้วว่าคนเราเลือกวันตายไม่ได้ แต่เธอเกลียดที่สุดก็คือคนที่ไม่คิดจะพยายาม แต่กลับยอมแพ้เลือกที่จะจากไปแล้วก็ทิ้งให้เธอเสียใจอยู่ข้างหลังคนเดียว
“ถ้าทำไม่ได้ ครบหนึ่งปีแล้วเราก็รีบเลิกกันเลย แค่นี้แหละที่ฉันจะพูด”
ยงฮวาทอดสายตามองตามร่างบางที่เอาแต่เดินจ้ำหนีจนไกลห่าง ที่ผ่านมาเขามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เขาเองก็ไม่รู้ ตั้งแต่วันที่เสียพ่อไปในตอนนั้นเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว ถ้าไม่เพราะแม่ของจูฮยอนคอยช่วยเหลือดูแลและมอบความรักให้ เขาก็คงไม่อยู่มาจนถึงตอนนี้ จนกระทั่งหลงรักจูฮยอนจนหมดทั้งใจ
“ผมอยากอยู่กับคุณ ถ้าเลือกได้…ผมจะไม่ตายก่อนคุณ ไม่ตายในวันเกิดของคุณ แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะทำตามที่คุณต้องการได้หรือเปล่า แค่ได้รักคุณ…หัวใจของผมก็อ่อนแอลงทุกที”
จูฮยอนหนีหน้าเข้ามาระบายอารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่านในห้องนอน คราวนี้เธอยอมรับว่าตัวเองผิดเต็มประตู แต่มาคิดดูแล้วก็น่าโมโหจริงๆที่ยงฮวาตอบเธอมาแบบนั้น
“นายมันน่าจะไปบวชเป็นพระเลยดีไหมนะ ทำไมไม่รู้จักหัดพูดจาให้เข้าหูกันบ้าง เอะอะอะไรก็ขัดใจตลอด ฉันรู้…ว่านายไม่อยากเลิกกับฉันหรอก แล้วนี่ก็ไม่คิดจะมาง้อกันเลยใช่ไหม ปกตินายต้องมาง้อฉันสิ”
จูฮยอนแอบแง้มประตูออกมาสังเกตการณ์ แต่เธอก็ไม่เห็นยงฮวาอยู่หน้าห้องเหมือนกับที่คิดเอาไว้
…สงสัยคราวนี้เขาจะน้อยใจเธอแล้วจริงๆ
“ไปหมกตัวอยู่ส่วนไหนของเขานะ?” จูฮยอนแอบย่องเบาตามหายงฮวาไปจนทั่ว ในห้องนอนไม่มีเขาอยู่ ไม่ว่าจะกี่ห้องๆก็ไม่มีเงาของเขาเลย
เดินตามหาไปจนทั่วบ้าน สุดท้ายแล้วจูฮยอนก็โล่งใจที่เห็นยงฮวานั่งอยู่ในสวน
ถุงเท้าผู้หญิงลูกไม้สีชมพูหวานคือสิ่งล้ำค่าสำหรับจองยงฮวา เขาพกติดตัวเหมือนกับเครื่องรางนำโชค หวังว่าสักวันจะได้พบน้องชายที่หายสาบสูญไปจากเหตุการณ์เรือล่ม แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสได้พบหรือเปล่า
ยงฮวาขยับตัวเพิ่มพื้นที่ให้จูฮยอนได้นั่งลงเคียงข้าง ตอนแรกเขาคิดว่าเขาน่าจะไปง้อเธอ แต่เพราะรู้สึกเหนื่อยๆก็เลยไม่ได้ไป
“ถุงเท้านั่นมีอะไรดีหรอ มันสำคัญกับนายมากเลยใช่ไหม?”
“คุณเคยสวมมันแล้ว คิดว่ามันดีไหมล่ะ?” เขาย้อนถามกลับมา
“ก็ดีนะ นุ่มแล้วก็อุ่นมาก ที่สำคัญมันน่ารักเหมาะกับฉันมากกว่านาย”
“มันเป็นของแม่ผมน่ะ ท่านจากไปนานแล้ว เหลือถุงเท้าไว้ให้ดูต่างหน้า”
จูฮยอนค่อนข้างตกใจและทำตัวไม่ถูกหลังได้รู้ว่าถุงเท้าที่ตัวเองเคยถือวิสาสะเอามาสวมเล่นเป็นของแม่ของยงฮวา ซึ่งถ้าเธอรู้ เธอจะไม่ทำตัวแย่ๆแบบนั้นเลย
“ฉันไม่รู้…ขอโทษจริงๆนะ”
เด็กดื้อของจองยงฮวาขนลุกซู่เพียงแค่ถูกหยิกเบาๆที่ข้างแก้ม มันเป็นการกระทำที่ช่างทำให้รู้สึกอบอุ่น เหมือนว่าเขารักและเอ็นดูเธอมากเหลือเกิน
“เพราะคุณไม่รู้ ผมถึงว่าอะไรไม่ได้ แต่ช่างเถอะ ถึงยังไงผมก็ห้ามเด็กดื้อแบบคุณไม่ได้อยู่ดี”
เด็กดื้อหรอ? ในสายตาของยงฮวา เห็นเธอเป็นเหมือนเด็กแค่นั้นเองหรอ แต่ถึงยังไงฟังแล้วก็น่ารักมากกว่าวัตถุโบราณอยู่ดี
“ฉันเป็นเด็กดื้อของจองยงฮวา”
จูฮยอนเผลอตัวหลุดรอยยิ้ม แทนที่จะโกรธเหมือนที่เคย ครั้งนี้ไม่ว่ายงฮวาจะทำอะไร กลับยั่วอารมณ์ของเธอไม่ขึ้นเลย
“ที่ฉันพูดไป…ว่าจะเลิกหลังหนึ่งปี ฉันขอถอนคำพูดนะ ฉันไม่อยากเลิกกับนายเพราะว่าฉันไม่อยากเป็นแม่หม้าย แล้วฉันก็หวังดีไม่อยากให้นายถูกกล่าวหาว่าเป็นสามีที่ไม่เอาไหน ดูแลภรรยาที่น่ารักอย่างฉันได้ไม่ดี อย่าคิดเป็นอย่างอื่นล่ะ”
ยงฮวาอ้าปากเถียงไม่ขึ้น เขาควรจะเชื่อในเหตุผลของจูฮยอนหรือไม่เชื่อเธอดี
“ผมเกือบจะหลงคิดว่าคุณชอบผมซะแล้ว”
“ฝันไปเถอะ ฉันไม่ชอบนายหรอก” จูฮยอนปฏิเสธเสียงลั่นก่อนที่จะลุกขึ้นเดินหนีหลังงอ ตอนนี้คุณหมอซอจูฮยอนดูงุ่มง่ามเงอะงะเหมือนป้าแก่ๆวัยสักหกสิบ ที่ถูกจับได้ว่าแอบรักหนุ่มข้างบ้านมาตั้งแต่สมัยยังเป็นสาว
“ฉันชอบเขาหรอ เปล่านะ ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ฉันก็แค่ต้องการให้เขารับผิดชอบก็แค่นั้น…แค่นั้นจริงๆ ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยเลยนะ ไม่มีทาง”
ทว่าแต่แล้วจูฮยอนก็ต้องรีบเก็บซ่อนรอยยิ้มและใบหน้าแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาดของเธอเอาไว้เมื่อต้องประจันหน้ากับพี่สาวทั้งสองเข้าอย่างจัง นับตั้งแต่แต่งงาน เธอกับพี่ๆก็ไม่ได้พบกันเลย
“ทำไมจะมา…ไม่บอกก่อนล่ะคะ?”
“ก็เธอบอกพวกเราเองว่าจะมาก็ให้มาได้ ทำไมหรอ? หรือว่าเดี๋ยวนี้พอแต่งงานมีสามี พวกพี่จะมาต้องโทรขออนุญาตสามีของเธอก่อนด้วยหรือไง” มิยองพูดเหน็บน้องสาว ซึ่งเวลานี้จูฮยอนเอาแต่ยืนอึ้ง พยายามที่จะปรับตัวปรับอารมณ์ให้ทันต่อสถานการณ์
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” จูฮยอนพูดแก้เสียงตะกุกตะกัก
“อย่าคิดมากน่า มิยองก็แค่พูดแหย่เธอไปอย่างนั้นเอง แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ สบายดีไหม?” พี่สาวคนโตแสดงความห่วงใย ความจริงแล้วทั้งแทยอนและมิยองต่างก็เป็นห่วงจูฮยอนมาก หลังจบจากงานแต่งงาน พวกเธอสองคนพาซูโฮไปส่งที่พัก แต่มันก็ไม่ง่ายเลยเพราะเขาเอาแต่อาละวาดหาจูฮยอนตลอดเวลา
“สบายดีค่ะ นี่หนูก็กำลังคิดว่า…จะไปหาพี่สองคนอยู่เหมือนกัน วันนี้มีเรื่องใหญ่ที่ซูโฮมีเอี่ยวด้วย พวกพี่สองคนได้พบเขาไหมคะ?”
**************************100%**************************
#ประกาศข่าว# E-book ของไรเตอร์คลอดแล้วนะคะ
ขอประเดิมด้วย Vampires baby และ Devil Prince ก่อน ส่วนเล่มอื่นๆจะทยอยมาหลังจากนี้ค่ะ
E-book ; Vampires baby และ Devil prince รายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงขนาดไฟล์ ระบุไว้ในรูปแล้วนะคะ
สั่งซื้อทั้ง 2 เรื่องพร้อมกัน 500 บาท (จากราคาเต็ม 550 บาท เรื่องเดียว 275 บาท)
สำหรับคนเคยสั่งซื้อเล่ม (หนังสือ) Vampires baby และ Devil Prince ไปแล้ว อยากได้เล่ม e-book สามารถถ่ายรูปหนังสือแนบมา คิดราคาพิเศษเรื่องละ 200 บาทค่ะ
สนใจสามารถสั่งซื้อ e-book ได้ที่ angleys@hotmail.co.th
ระบุเรื่องที่ต้องการเพื่อรับรายละเอียดการโอนเงิน
เมื่อโอนเงินเรียบร้อยแล้ว แจ้งรายละเอียดการโอน , รอรับ e-book ผ่านเมล เป็นอันเสร็จขั้นตอนค่ะ
อย่าลืมคอมเม้นท์ให้กันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบก้บอกว่าชอบซิ ไม่เหนต้องเก็บเลย
ไรเตอร์สู้ๆ
แบบนี้ต้องตาม คุณ กะ แบค มาช่วยจัดการแล้วละยง
รอติดตามอยู่นะคะ
น้องซอมีกฎอะไรแบบนั้นหล่ะ ไม่มีอะไรเป็นปมใช่มะ
ดีนะที่น้องยังไปง้อพี่ยงอ่ะะ
ยงมีน้องชายด้วยหรอคะเนี่ยจำไม่ได้ต้องไปอ่านตอนเก่าๆอีกรอบก่อน
ยงซอหวานๆน่ารักค่ะ
คุณหมอเขินจนเดินหนีหลังงอ? อันนี้ขำมาก 55555
แต่อะไรไม่เท่ายงซองุ้งงิ้ง ทำไมน่ารักอย่างนี้คะคนดีของบ่าว โอยยย เขินแทน
น้อง มีน้อยใจยงด้วย ใจเริ่มอ่อนแล้วหล่ะซี้
พี่ยงสู้ ๆ
เด้กดื้อของจองยงปากแข็งจัง
ชอบก็บอกชอบไม่ช่บอกไม่อยาเป็นแม่หม้าย
น้องซอหลงรัก ยง ไม่รู้ตัวเลยล่ะซิ ดีจัง ต่างคนต่างหลงรักกัน
ของหวานๆ นานๆ หน่อยนะจ๊ะ
และแอบสะใจซูโฮที่ซื่อๆๆๆๆๆมากจนตามเด็กไม่ทัน แต่รักยงซอขอแบบหวานๆๆนานๆนะค่ะไรเตอร์