ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Karpe Diem, เมื่อรัก | Finland

    ลำดับตอนที่ #4 : Kape Diem ♡ | I can't control my destiny, I trust my soul.

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 57



    -2-

    I can't control my destiny, I trust my soul.

                 “พระเจ้า! ฉันไม่อยากเชื่อว่าแกจะทำอะไรในลิฟต์เล็กๆ นั่น” คีช่ามองหน้าฉันไม่เชื่อสายตา

                “คีช่าฉันบอกไปแล้วไงว่ามันไม่เป็นอย่างที่เห็น” ฉันว่าละกดปิด Tumblr ที่มีแฟนคลับแท็กมาให้ หลังจากเรื่องเมื่อวานมีคนเห็นฉันอยู่กับผู้ชายในสภาพกึ่งเปลือย ก็มีคนโพสรูปลงวิพากวิจารณ์กันใหญ่ในยูทูป โดยภายในคลิปมีรูปฉันกับนายนั่น และที่สำคัญภาพที่หลุดออกไป มันเป็นภาพราวกับฉันทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายในลิฟต์ในขณะที่แผ่นดินไหว ลิฟต์ค้าง และไฟดับ บ้าสิ้นดี! พวกเขาเชื่อกันไปแบบนั้นได้ยัง! 

                “ฉันไม่อยากเชื่อ! ขนาดแกยังเชื่อภาพที่เห็นเลย!” ฉันสบถอย่างหัวเสียว

                “ก็มันเหมือนซะขนาดนั้น เอาล่ะ ฉันเชื่อแก อย่าคิดมากสิ” คีช่าว่าพลางตบไหล่ปลอบใจฉันฉัน “ถ้ามีคนอยากรู้มาก เดี๋ยวฉันจะทำวิดีโอแก้ข่าวให้เลย ว่าฉันเป็นพยานเห็นเหตุการณ์” คีช่าว่าแล้วยิ้มกว้างใส่

                “ฉันไม่ได้กังวลตรงนี้ ประเด็นคือตอนนี้มีคนมาดราม่ากันฉันในคลิปล่าสุดของฉัน” ฉันว่าแล้วเลื่อนไปที่ช่องคอมเม้นต์ด้านล่างให้คีช่าดู

                “เอ่อ ฉันว่าบางทีคนพวกนี้ก็มากไป เดี๋ยวคืนนี้ฉันอัพควีดิโอบอกเอง” คีช่าว่าถอนหายใจ

                “เพราะเขาคนเดียว ทำให้ฉันต้องอับอาย ขายขี้หน้า ตั้งแต่ฉันเกิดมายังไม่เคยมีเรื่องฉาวโฉ่อะไรแบบนั้น ฉันไม่ใช่ยัยอเคเซีย* นะ!

                “ใจเย็นสิ ว่าแต่ตอนนั้นพวกแกกำลังจะอะไรกัน” คีช่ามองภาพนั้นและถามฉันอย่างสนใจ

                “หน้าแกมันบอกว่าคิดลึกมาก คือฉันพยายามจะหยุดไม่เขาถอดเสื้อ

                “ถอดเสื้อ?”

                “คือเขาบอกว่าร้อน

                “อุ๊ย ฮอตซะไม่มี” คีช่าว่าแล้วมองผู้ชายใบหน้าอย่างเขินๆ  “ความจริงเขาหล่อมากนะแก” พอคีช่าพูดถึง ก็ทำให้ฉันนึกถึงหน้าหมอนั่นทันที เฮอะ ก็หล่อดีนะ แต่นิสัยไม่โอเคสักนิด

                “หล่อตรงไหน

                “เขาหน้าคล้ายๆ นายแบบคนหนึ่งไง

                “คีชแกเลิกเพ้อสักที แฟนก็มีกับเขาแล้ว” ฉันว่าแล้วปามเพื่อนจอมหื่นที่นั่งอยู่ด้านข้าง

                “แฮ่ะๆ นิดนึงหน่า ว่าแต่แกก็ไม่เข้าไปที่ไนต์คลับสิ           

                หลังจากเมื่อวานพออกจากลิฟต์ได้ก็ปาไปเกือบจะหกโมงแล้ว ฉันก็เลยรีบวิ่งไปที่ไนต์คลับ แต่พอไปถึง ก็ดูเหมือนไนต์คลับจะวุ่นๆ กับเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อกี้ พอเจอผู้จัดการเขาก็ให้กลับบ้านได้

               “โชคดีที่เขาให้มาทำงานพรุ่งนี้ได้” 

     

                ตอนนี้พวกเราอยู่มหาวิทยาลัย ฉันไม่มีเรียนอีกแล้ว เหลือแต่คีชที่ยังไม่เรียนอีกตัวหนึ่ง ฉันเดินไปส่งคีช่าเข้าห้องแล้วออกมานั่งรอเนลที่ร้านอาหารด้านใต้ตึก พวกเราสามคนอยู่มหาลัย’ เดียวกัน ส่วน ทรอย วิลเลี่ยมและจอยซ์ พวกนั้นเรียนแบบ College-at-home* เพราะพวกมันดูจะสนใจกับการทำงานมากว่าที่จะเรียนนะสิ ฉันหยิบไดอารี่เล่มโปรดขึ้นมาเขียนอะไรพลางๆ รอเนล

                “ไง” ฉันเงยหน้าจากสมุดและมองไปทางต้นเสียง

                “นึกว่าจะลงไม่ซะละ” ฉันเอ่ยปากแซวที่เขาลงมาช้า แต่หมอนั่นทำท่าไม่สนใจแล้วเดินมานั่งข้างๆ ทว่าวันนี้เขากลับดูดีเป็นพิเศษ เนลใส่เสื้อเบสบอลแจ็กแก็ตสีน้ำเงินแถบขาวและ กางเกงยีนสีน้ำเงินทรงตรงผับข้อเท้า..

                “มองอะไรวะ” เขาว่าเมื่อเห็นฉันหรี่ตามอง

                “ทำวันนี้นายแต่งตัวดีแปลกๆ

                “ก็แต่งแบบนี้ทุกวัน” เนลยักไหล่

                “เหรอ นึกว่าจะมาเดทกับผู้หญิงที่ไหน” ฉันว่าแล้วไปมองไปที่เขา

                “เดทกับใครล่ะ ตรงนี้ก็มีแค่ฉันกับเธอ” เขาว่าแล้วยกคิ้วให้หนึ่งข้าง

                “นี่ฉันเป็นเพื่อนายนะ” ฉันหรี่ตามองท่าทางเจ้าชู้ของเขา “ฉันรู้จักนายตั้งแต่เด็ก ให้ตายเถอะเราเป็นพี่น้องกันนะไอ้บ้าเนล” ฉันว่าแล้วผลักเขาออห่างๆ

                “แกล้งเธอสนุกเป็นบ้า” เนลหัวเราะขึ้นมา เมื่อเห็นฉันท่าทางหัวเสีย แล้วถามพลางเปลี่ยนเรื่อง “ปะ ไปหาอะไรกินดีกว่า

                “อื้ม” 

     

                ระหว่างทางฉันปรึกษาเนลเรื่อง แพล็งค์ให้เนลฟัง เขาเหมือนรู้เรื่องอยู่บ้างเพราะคีช่าก็ได้ เหมือนกัน แต่ว่าคีช่าไม่สนใจเพราะมีทรอยอยู่แล้ว และอีกอย่างถ้าเธอเล่นคงได้ทะเลาะกับทรอยแน่ๆ หมอนั่นมันขี้หึงอย่าบอกใคร

                “เธอจะเอาเงินมาจะทำอะไรมากมาย

                “ก็มันน่าสนใจออก ฉันจะได้ทั้งชื่อเสียง เงินแล้วก็..

                “เธอไม่กลัวว่าไปหักอกเข แล้วเขามาแก้แค้นหรือเหรอ

                “ไม่หรอก นี่นาย..” ฉันขมวดคิ้วมองเนล ดูเหมือนเขาจะไม่เห็นด้วยสักนิด

                “เดี๋ยวฉันไปเล่นให้เอง” เขาพูดตัดบท

                “เนล! นายจะบ้าเหรอ เรารู้จักกันนะ ฉันขมวดคิ้วจ้องหน้าเขา

                “ก็เมกเอาไม่ได้หรือไง

                “ไม่ได้สิ ไม่งั้นจะเรียกว่า แพลงค์เหรอ?” ฉันถาม

                “โอเคๆ” เนลถอนหายใจ “อยากให้ฉันช่วยอะไรล่ะ

               

                ฉันเล่ากติกาให้เขาฟังคร่าวๆ และคิดกันสักพักว่าจะแพล็งค์ใครดี ฉันถามถึงเพื่อนสนิทๆ อื่นๆ ของเขาที่เกี่ยวข้องกับฉันมากมาย จะว่าไปมันก็เป็นการทำร้ายจิตใจ เนลก็บอกว่าอยากให้เขาผิดใจกับเพื่อนตัวเองเหรอ ฉันเลยเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นคนศัตรูของเขาแทน

                “ศัตรูของนายก็เหมือนศัตรูของฉัน

                “แต่มันไม่โง่ให้หลอกนะโรส” เขาถอนหายใจแล้วจ้องหน้าฉันสักพัก เหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่าง

                เพราะว่าเราทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กๆ  ไม่แปลกที่เขาจะเป็นห่วงฉัน ฉันเขสนิทกันในแบบเพื่อนและพี่ชาย เขาอายุมากกว่าฉันเกือบปี แต่เนลเสียเปรียบมาเรียนชั้นเดียวกันมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก เราคุยกันมากสักพักแล้วก็มาสิ้นสุดกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ร้านแถวๆ น้ำพุในเมือง วันนี้ตอนเช้าฝนตกแรง ทำให้พื้นเซอะแชะไปด้วยน้ำ โชคดีที่ฉันเตรียมตัวมาพร้อมกับมรองเท้าบูตยางประมาณเข่า และเสื้อโค้ทตัวตัวหนา พอถึงร้านอาการญี่ปุ่น ฉันกับเนลสั่งปลาดิบและชิชุดใหญ่

               

    ณ ไนต์คลับ

                “เดี๋ยว นี่ที่..” ฉันมองไปข้างหน้า “นี่มันไนต์คลับที่ฉันมาทำงานนี่

                “เดี๋ยวเธอรอดูผู้ชายตัวสูงๆ ที่อยู่ข้างในนั้น ชื่อเฮลซินกิ หมอนั่นเป็นลูกเจ้าของไนต์คลับนี้ เจ้าชู้ไม่เบา ฉันไม่ชอบขี้หน้ามัน พวกเพื่อนฉันเคยมีเรื่องกับมัน..

                “นี่เหรอคนที่นายจะให้ฉัน..

                “อืม ฉันไม่ชอบหน้ามัน ฉันมองตามเนลเข้าไปในไนต์คลับ สายตาที่เขามองเข้าไปมันดูเครียดๆ ชอบกลหมอนี่มีความหลังอะไรกับเนลนะ ตอนนี้เก้าอี้ถูกยกให้อยู่บนโต๊ะหมด เลยทำให้เห็นภายในร้านชัดเจน

             “นั่นไงหันมาแล้ว

                ไหน..

                ฉันมองตามร่างสูงที่เดินไปมา ว่าแต่ทำไมใบหน้าเขา... มัน คุ้นๆ ชอบกล เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาสักที่ เลือนผมที่ถูกเสยไปด้านหลังโชว์โครงหน้าของเขาอย่างชัดเจน แต่ไม่ทันที่จะมองหน้าชัดๆ คนตัวสูงก็เดินเข้าไปในร้านเสียก่อน ช่างเถอะ ยังไงเขาก็ทำงานอยู่ที่เดียวกับฉันแล้ว

                “เขาดูยุ่งนะ” ฉันว่าจ้องเข้าไปในร้าน

                “อื้อ แต่เธอต้องระวังให้ดี ไอ้นี่มันร้ายไม่เบา

                “อื้ม

                ถึงร้ายแค่ไหนฉันก็ไม่กลัวหรอก คนอย่างฉันไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว ฉันจะต้องเริ่มแผนการนี้ให้เร็วที่สุด เขาได้ขึ้นชื่อว่าเพลย์บอยแล้ว แสดงวาเขาจะต้องคุ้นเคยเรื่องผู้หญิงไม่มากก็น้อย มันคงจะง่ายถ้าให้เขาบอกชอบใครสักคน นายเสร็จฉันแน่เฮลซินกิ ฉันจะทำให้นายชอบให้ได้ ไม่ว่านายจะเป็นใครหน้าไหน! เงิน 10000 เหรียญฯ ต้องเป็นของฉันเท่านั้น!

     

    วันอังคาร ที่ไนต์คลับ

                ในที่สุดฉันก็มายืนอยู่หน้าไนต์คลับจนได้ เมื่อวานทั้งวัน ฉันใช้เวลานั่งคิดแผนที่จะทำยังไงให้เขาชอบฉันทั้งคือโดยเล่าเรื่องทั้งหมดให้คีช่าฟัง และคีช่าก็แนะนำว่า ‘ผู้ชายเจ้าชู้ชอบผู้หญิง-เซ็ก-ซี่’ พูดตามตรง พอคีช่าพูดถึงผู้หญิงเซ็กซี่ ฉันรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นสักเท่าไร ถึงแม้ว่าฉันจะสูง ไม่ผอมมาก มีเนื้อมีหนัง แต่ฉันไม่ใช่คนที่จะใส่เสื้อผ้าโชว์นู่นที่ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันจะต้องทำให้เขาชอบฉันให้ได้ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกพรั่นใจไปเองบ้างก็แล้ว 

                ฉันใช้มือจัดผมหน้าม้าตัวเองเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง จากนั้นก็เดินข้ามถนนเข้าไปอีกฝั่ง แต่พอถึงข้างในก็ไม่มีคน แถบจะไม่มีใครพรุกพล่านเหมือนเมื่อวานเลย ฉันกวาดตามองภายในร้านอยู่สักพัก หรือว่า ร้านจะปิด?

                “เธอใช่โรสเบล ลีน ใช่ไหม” เสียงของใครสักคนเรียกฉันดึงจากข้างในร้าน “เดินเข้ามาข้างในสิ” เธอว่า

                ฉันก้าวเท้าเข้าไปข้างในร้านตามเสียงของผู้หญิงผมบลอนด์ จากนั้นเจ้าของเสียงก็ก้าวออกมา

                “เธอใช่คนที่จะมาช่วยฉันหรือเปล่า” เจ้าของร่างสูงผมเดินมาถามฉัน 

                “ใช่ค่ะ” ฉันตอบแล้วยิ้มบางๆ ให้เธอ

                “ฉันชื่อ มอร์แกน ฉันเป็นผู้จัดการที่นี่” มอร์แกนว่า แล้วยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร

                “ว่าแต่ทำไมวันก่อน..” ฉันนึกย้อนไปยังลุงคนที่เจอเมื่อวันก่อนที่มาเจอ นึกว่าเป็นผู้จัดการซะอีก

                “อ้อ นั่นลุงเมลอต คนที่เธอมาหาวันก่อน” มอร์แกนตอบฉันอย่างคนรู้ทัน

                “แต่ตั้งแต่วันนี้ไปฉันจะมาเป็นผู้จัดการแทนเขานะ เธอว่าแล้งมองฉันชั่วครู่ สายตาเธอทำให้ฉันกระอักกระอวลไม่เบา มองเผินๆ มอร์แกนก็คล้ายๆ กับนางแบบวิคตอเรียซีเคร็ต เพราะเธอสวยสุดๆ

                “เอาล่ะ งั้นมาทางนี้ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปที่ทางห้องทำงาน หน้าที่เธอก็ไม่มีอะไรมาก ก็เป็นเป็นหูเป็นตาให้ฉัน เป็นผู้จัดการวง แล้วก็บันชีนิดๆ หน่อยๆ ทำได้ใช่ไหม”  มอร์แกนว่าแล้วเดินพาฉันไปยังชั้นบน ว่าแต่นายเฮลซินกินั่นอยู่ไหนนะ ไหนว่าเขาเป็นเจ้าของร้านไม่ใช่เหรอ ฉันกวาดตามองทั่วร้าน

                “โรสเบลเธอมองอะไรอยู่ ได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า?”

                “อะอ๋อ ฉันทำได้ค่ะ

                “หน้าที่เธอก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็ทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้นแหล่ะ อยู่ที่ร้าน ตั้งแต่เปิดถึงปิด” มอร์แกนพูดรัวๆ และเดินจนมาถึงห้องหนึ่ง ทว่ามีเครื่องดนตรีวางกระจัดกระจายเต็มไปหมด อีกฝากห้องเป็นห้องซ้อมดนตรีที่เป็นกระจกใส และตรงที่ฉันยืนอยู่ก็เป็นโต๊ะเอกสาร 

                “ตามสบายนะจ้ะ” เธอว่าละเดินออกไป

                ว่าแต่ห้องนี้มันรกชะมัด ถามจริงๆ พวกเขาเล่นดนตรีได้แต่ทำไมไม่รู้จักเก็บของพวกนี้ ฉันก้มเก็บกระดาษและปากาที่วางเรี่ยราดอยู่บนพื้น ทั้งกระเป๋าเป้ กีตาร์ ไม้กอง บลาๆ  ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนเอาเป็นว่า เก็บของพวกนี้ให้เข้าที่ละค่อยทำงานละกัน อย่างน้อยงานนี้ก็ได้เงินเยอะกว่าพวกงาน Baby-sitter

                แกร็ก.. แอ้ด~

                ฉันหันไปตามเสียงประตูที่เปิดออก

                “เธอ” ชายร่างสูงโผล่จากประตู และเดินเข้ามาและขมวดคิ้วถามฉัน

                “ฉันชื่อโรสเบล ลีนค่ะ ฉันมาทำงานเป็นผู้จัดการวงพวกนาย แล้วก็เอกสารพวกนี้นะ” ฉันว่าแล้ว วางของที่เก็บและแนะนำตัวกับพวกเขา อ่า พวกเขาคงเป็นนักดนตรีที่นี่สินะ

                “อ้อ.. เฮล เด็กใหม่” เขาว่าหันหน้าไปบอกคนที่ชื่อเฮลอยู่ด้านหลัง

                เฮล.. เฮล.. เฮลซินกิหรือเปล่านะ

                จังหวะที่นายเฮลนั่นเดินมา ทุกสิ่งทุกอย่างในหัวฉันก็พลันหายไปอย่างพริบตา พระ-เจ้า! ฉันมองเขาตาค้าง ถ้าหากว่าเพราะนายเฮลที่เขาว่า ไม่ใช่เฮลซินกิที่เป็นเจ้าของร้าน ไม่ใช่ผู้ชายที่ฉันติดอยู่ในลิฟต์ด้วย และไม่ใช่เป้าของฉันมันจะดีมาก แต่นี่มันใช่ เขาเป็นคนๆ เดียวกัน!

                เฮลซินกิมองฉันด้วยในตานิ่งๆ เขาดูไม่ตกใจที่เห็นฉันสักนิด ต่างกับฉันที่ตกใจสุดขีด ให้ตายสิ

                “สวัสดี” ฉันกระแอมเสียงเพื่อเลือกตัวเองกลับมา แต่ว่าใครอีกคนที่อยู่ด้านหลังเฮลซินกิก็โผล่ออกมา

                “Hei Hei! ยินดีที่ได้รู้จักครับ” นายคนตัวสูงยิ้มหวานวิ่งเข้ามาทักทายฉันอย่างเป็นมิตร

                ฉันยิ้มบางๆ ให้พวกเขา

                “ไม่ต้องเกรงหรอกนะ โรสเบล” นายเฟรนลี่ฉีกยิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง รอยยิ้มเขาน่ารักเป็นบ้า

                “ว่าแต่รู้จักฉันแล้วเหรอคะ” ฉันมองหน้าเขาอย่างแปลกใจ

                “ครับ มอร์แกนบอกพวกเราแล้ว” ใครอีกคนพูดขึ้น

                “ทำไมฉันไม่เห็นรู้วะ” นายอีกคนว่าอย่างเสียมารยาทละเดินไปนั่งที่โซฟากับเฮลซินกิ

                ฮื่ม เกรงว่าฉันจะมีศัตรูอีกคนแล้วสินะ แต่ว่าแผนการที่ฉันเตรียมการมาดูจะล้มเหลวทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม เพราะเฮลซินกิเป็นคนที่อยู่ใกล้ฉันตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ทำไมต้องเป็นเขาด้วย ฉันจะทำให้คนไม่ชอบขี้หน้ามาชอบได้ยังไง 

                “อ่า.. ผมชื่อออสโล ส่วนไอ้คนที่ถามเธอเมื่อกี้ชื่อ โนเอล และนั่นเฮลซินกิ

                ฉันฉีกยิ้มให้ทั้งสอง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจรอยยิ้มของฉันเลย.. หนอย!

                “อย่าไปสนใจเลยฮะ” ออสโลปลอบใจฉันแก้เก้อ จะมีแต่ออสโลเนี่ยใช่มั้ยที่จะดีกับฉันที่นี่ ส่วนนายโนเอลนั่นกับเฮลซินกิ ก็ทำหน้าโหดเหมือนไปโกรธใครมา ไม่มีสัมพันธ์มัยตรีเลย

                เชอะ ฉันก็ไม่ได้จากจะรู้จักพวกนายหรอกนะ.. ถ้าไม่ใช่เพราะฉันต้องการที่จะชนะเกมส์นี้

                หลังจากที่คุยกันได้สักพักพวกเราก็แยกย้ายทำงานของตัวเอก เพราะไม่เกิดสองชั่วโมงพวกเขาก็ต้องขึ้นเวทีแล้ว

                “อึดอัดจะแย่ สายตาของพวกเขาทำให้ฉันหายใจไม่ออก” ฉันสบทอยู่ในห้องคนเดียวพลางมองไปยังทั้งสามที่ซ้อมดนตรีอยู่อีกห้องกระจกใสตรงข้าม ออสโลเล่นกีต้าร์ โนเอลเล่นคีบอร์ด ส่วนนายเฮลซินกินกิเป็นนักร้องนำ

                คิดว่าเท่มากหรือไง..

                ฉันจัดการเก็บกวาดของในห้องนี้และทำงานที่เหลือ ไม่นานนัก โนเอลก็หวักมือเรียกฉันเข้าไปในห้อง

                          “โรสเบลเธอช่วยเอากระเป๋าในห้องที่วางมาให้พวกฉันหน่อย” โนเอลว่าจะชี้กระเป๋าเป้สีน้ำเงิน พวกเขามองฉันด้วยหน้าตาแปลกๆ ฉันรู้สึกได้ จากนั้นก็หัวเราะคิกคัก ฉันมองพวกเขาอย่างไม่วางใจ แต่ก็เดินไปหยิบกระเป๋าและยื่นให้

                มีอะไรกันนะ..

                “แกะให้หน่อยดิ ไม่มีมือ” โนเอลว่า

                ฉันชั่งใจชั่วครู่แล้วรูดซิบกระเป๋าสีน้ำเงินออก ทันใดนั้นก็มีตัวประหลาดบางอย่างโผล่ขึ้นมาจากกระเป๋า และนั่นมันทำตกใจแทบล้ม

                “กรี้ดดดดดด!” ฉันร้องลั่นพร้อมกับพละมือจากกระเป๋านั้นออก

                “โถ่ โซอี้ ที่น่าสงสารจัง มีคนกลัวนายอีกแล้ว” เฮลซินกิว่าละอุ้มเจ้าอีกัวน่าขึ้นมา “นี่มันน่ารักออก เธอไม่จับมันหน่อยหรอ” เขาว่ายื่นเจ้าโซอี้เข้ามาหาฉัน

                “เอามันออกไปนะ ขอร้องหล่ะ” ฉันว่าละหลับตาปี๋ ให้ตายฉันละเกียจไอ้สัวต์ชนิดนี้มากที่สุดในโลก

                “ออกไปนะ!” ฉันว่าละผลักเฮลซินออกเมื่อเข้าเอาตัวอิกัวน่าเข้ามาใกล้ แต่โชคร้าย! พื้นที่ฉันยืนอยู่มันดันลื่น ทำให้ฉันล้มคว่ำไปกับพร้อมกับเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ทว่าพอฉันลืมตาขึ้นมา อีกัวหน้าตัวโตสีเขียวก็มาทำตาแป๋วอยู่ข้างๆ ฉันคิดว่าฉันคงไม่มีโอกาศอยู่บนโลกนี้ได้อีกแล้วล่ะ

                ขยะแขยง.. ตัวเหนียวๆ..เขียวๆ ไม่นานภาพตรงหน้าก็มืดหายไป..

     

               

                Helsinki’s part

                “เวรแล้วไง แกทำให้เธอเป็นลม” โนเอลว่าพลางหันมาทางผมอย่างตกใจ จากนั้นก็พวกผมก็วิ่งเข้าไปหาโรสเบลโดยไม่ลืมที่ผมจะยกเจ้าโซอี้ออก มีหวังถ้าตื่นมาเจออีกคงเป็นลมซ้ำแน่ๆ

                “ฉันบอกแล้วไง ว่าเธอต้องกลัว เป็นไงเพราะแกแท้ๆ ไอเฮล” ออสโลมองผมด้วยสายตาว่ามันเป็นความผิดของผม “จะเป็นอะไรมั้ยวะ” ว่าละมันก็ทำหน้าหนักใจ

                “แค่เป็นลมมั้ง” โนเอลว่า

                ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะแกล้งให้เธอเป็นลม เห็นเธออยู่ๆ ก็ลื่นล้มลงไปก็รู้สึกแย่พอแล้ว.. ส่วนเจ้าโซอี้มันน่ารักจะตายไป ทำไมไม่มีใครเข้าใจเลยนะว่า อีกัวน่าก็เป็นสัตว์น่ารักอย่างหนึ่งเหมือนกัน

                “ฉันว่าเราอุ้มยัยนี่ไปวางที่โล่งๆ ดีกว่าฝากที” ผมว่าแล้วยื่นเจ้าอีกัวน่าให้ออสโลและช้อนตัวโรสเบลขึ้นมา วันนี่กินอะไรบ้าง ตัวเบาอย่างกับปุยนุ่น ผมวางเธอบนลงโซฟาสีดำ

                 “แกรับผิดชอบเลยนะ” ออสโลพูด

                “เออฉันไม่ยุ่งด้วยละ

                ออสโลกับโนเอลวิ่งหนีผมเข้าไปในห้องซ้อมอย่างไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น อะไรวะ ทั้งๆ ที่พวกมันทั้งสองก็ช่วยกันคิด

                 ผมส่ายมองไอ้สองตัว แต่ก็นะมันเป็นความผิดผม ผมเดินไปหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเธออย่างเบามือละ พลางปัดผมหน้าม้าที่บดบังใบหน้าที่ไม่รู้สึกตัวนั้น ปกติแล้วผมไม่ใช่คนเย็นชากับผู้หญิงหรอกนะ ออกจากขี้เล่นด้วยซ้ำไป แต่พอเจอยัยนี้ก็อยากจะแกล้ง เลยต้องทำตัวให้ขลึมๆ หน่อย ครั้งแรกที่ผมเห็นเธอ ไม่คิดว่าจะได้เจอยัย 100 เดซิเบล (ฉายาที่ผมแอบตั้งให้เธอ) โรสเบลทำตัวน่าหมั่นไส้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ มึงแม้ว่าเธอดูห้าวๆ ก็หน้าหวานๆ ของยัยนี้มันก็ทำให้ผมอยกมอง อยากแกล้ง และรับน้อยสักหน่อย

    Finished of Helsinki’s part

     

                “อื้ม.. หลับไปตอนไหนกันเนี้ย ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน... ฉันปลือตาขึ้นมามองห้องมืดๆ จำได้ว่าตอนสุดท้าย

                อีกัวน่า.. 

                “ฟื้นแล้วเหรอ” เสียงและหน้าของใครสักคนเข้าใกล้ ฉันกระพริบตาเพื่อมองคนตรงหน้าให้ชัดยิ่งขึ้น ไม่นานฉันก็เห็นคนตรงหน้าอย่างชัดเจน

                “เฮลซินกิ!” ฉันเรียกชื่อเขาอย่างตกใจ จนทำให้สะดุ้งต้องลุกขึ้นนั่งตัวตรงอย่างรวดเร็ว หน้าผากเราทั้งคู่กระแทกกันอย่างแรง

                “โอ้ย!

                “ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยัง จำได้ว่าครั้งสุดท้าย.. อีกัวน่า...” ฉันว่าแล้วหันหน้าไปมองเขา

                “คือเธอเป็นลม” เฮลซินกว่าพลางลูปหน้าผากตัวเองป้อยๆ

                “สมน้ำหน้า” ฉันว่าเบ้ปากใส่เขา พลางลูปหน้าผากตัวเองเหมือนกัน...เฮลซิงกิมองฉันแล้วถอนหายใจพลึด

                 แต่ฉันไม่เจ็บหรอกย่ะ ไม่ต้องมอง -_-;

                “ตกลงเมื่อกี้พวกนายแกล้งฉันใช่มั้ย” ฉันมองหน้าเขาขณะคิดถึงเรื่องเมื่อกี้

                “เปล่านะ พวกเราแค่อยากให้เธอรู้จัก ‘โซอี้’” เฮลซินกิหลบสายตาและเถียงข้างๆ คูๆ

                “โกหก ไม่งั้นพวกนายจะหัวเราะกันทำไม

                “คิดมากไปเองโรสเบล” เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

                หงุดหงิด... แบบนี้มันปี๊ด!

                “ทำไมเจอนายทุกครั้งมันต้องเกิดเรื่องทุกทีเลยเนี่ย!” ฉันว่าละผลักเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้หลีกทางอย่างไม่สนใจและลุกเดินออกที่ประตู ทว่าเฮลซินกิกระชากแขนฉันไว้ก่อน

                 “จะไปไหน” เขาว่าละจับแขนฉันไว้

                “เรื่องของฉัน!” ฉันว่าละกระชากแขนจากเขา แต่ว่า..

                “เธอไม่มีสิทธ์ออกไปไหนทั้งนั้น นี่มันเวลางานของเธอไม่ใช่รึไง” เฮลซินว่า “และฉันก็เป็นเจ้าของที่นี่ ฉันสามารถไล่เธออก ถ้า..

                “โอเคๆ ฉันเข้าใจละ” ฉันตัดบทเขาและถอดหายใจพรึดจากนั้นกระชากแขนจากการเกาะกุมของเขาทันที

                ฉันเกลียดเขา..

                ฉันเกลียดเหน้าเขา..

                ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา..

                แต่พอคิดว่าแบบนั้น เรื่องแพล็งค์ก็หวนเข้ามา เขาไม่ใช่เหรอเป้าหมายของฉัน เขาไม่ใช่เหรอที่ฉันต้องทำให้รัก ให้ตายสิ ฉันละเกลียดจริงๆ ที่แผนทุกอย่างที่ตระเตรียมมามันละลายหายไปหมด เมื่อเห็นหน้าหมอนี่แล้ว

                “นินทาอะไรฉันในใจ

                อุ๊.. ทำเป็นรู้ใจ

                “ฉันเปล่า” ฉันว่าลอยหน้าตอบเขาอย่างไม่สนใจ “คิดไปเองทั้งนั้น” และเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองและจับนู่นทำนี่

                “แค่เห็นหน้าเธอก็รู้ละ” เขาว่าละหันหลังเดินเข้าไปที่ห้องซ้อมกระจก

                ย่ะ! ฉันแลบลิ้นปลิ้นตาใส่แผ่นหลังของเฮลซินกิที่เดิน ดุ่มๆ เข้าไปในห้องซ้อม ว่าแต่เขาสูงเหมือนกันนะ ถ้าจะให้เทียบๆ กับฉันสูงเท่าหัวไหล่เขาเท่านั้นเอง แถมหมอนี่จะแต่งตัวดูดีอีต่างหาก ไม่แปลกใจที่สาวๆ จะชอบเขา แต่! ฉันไม่มีทางหลงรักคนแบบเขาหรอกนะ ถึงแม้ว่าเขาจะดูดีเพอเฟ็กแค่ไหนก็ตาม!

                ส่วนออสโลกับโนเอล ฉันยอมรับว่าคงมองเขาผิดไปจริงๆ พวกนายทั้งหมดมันเทพบุตรในร่างซาตานชัดๆ ขนาดฉันเข้ามาวันแรกยังรู้สึกเหมือนกับโดนพวกนี้กลืนกินยังไงไม่รู้  แต่แปลกพวกเขายังไม่แฟนกิ๊กกั๊ก กับใครเลยหรือนะ แววตาเช้าชู้ระยิยระยับของออสโลนั้น ฉันพนันได้ว่าถ้าใครเห็นแล้วจะต้องหลงใหลไปกับเขาแน่ ทั้งรอยยิ้มอ่อนโยนนั่น บุคลิกเข้าเขาครั้งแรกที่เห็น แต่..ถึงแบบนั้นฉันก็ไว้ใจไมได้ จากที่ตัวอย่างเมื่อกี้แล้ว..

                ส่วนโนเอล.. อืม เขาดูเดายากชะมัดยาด แววตาเย็นชานั่น ดูไม่ได้สื่ออารมณ์กับกีต้าร์ไฟฟ้าที่เขาจรดนิ้วลงไปเลย คิดอะไรของเขาอยู่นะ.. แต่ไม่ใช้ว่าโนเอลจะไม่พูดไม่ยิ้มนะ บางครั้งฉันรู้สึกว่าเขาพูดมากกว่าออสโลอีก แต่ทว่าเขาดูร้ายกาจกว่าใครในสามคนนั้นเป็นสิบเท่า ให้ตายเถอะ ถ้าฉันทำให้เขาโกรธ เขาจะตีฉันมั้ยนะ ถ้าเป็นแบบนั้นเลิกยุ่งกับเขาดีกว่า

                ฉันเบี่ยงสายตามามองนายเฮลซินกิบ้าง แววตาเย็นชาเขาดูยากมาก ทุกครั้งที่เราสบตากัน ฉันไม่สามารถหยั่งรู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ และเลือนผมสีน้ำตาลเข้มนั่นทำให้ใบหน้าเขามีเสน่ห์มาก บวกกับรอยยิ้มขี้เล่นที่ซ่อนภายใต้ความนิ่ง.. ให้ตายเถอะโรสเบล นี่ฉันเผลอชมเขาซะแล้ว หรือจะเอาคนอื่นดีนะ..ไม่ได้ๆ ฉันต้องเลิกคิดบ้าๆ เขาเป็นเป้าหมายที่เหมาะที่สุดแล้ว  ขนาดเนลยังเห็นด้วย! เฮ้ออ☹


     

    ▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂▂

    Hei Hei เป็นภาษาของ Finnish แปลว่า สวัสดี คล้ายๆ กับคำว่า “Hey” ในภาษาอังกฤษ

    อเคเซีย(acacia) เนตไอดอลชื่อดังในโลกโซเชี่ยลมีแต่ข่าวๆ เสียๆ หายๆ เกี่ยวกับเรื่องผู้ผู้ชาย 

     

    :) 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×