ตอนที่ 33 : ตอนที่ 32
ผ่านมาเป็นเวลาหลายวันแล้วที่ฉันเลี่ยงพบหน้าใครคนนั้น ให้มีเรื่องคุยกันก็เพียงแค่เรื่องงานไม่มีมากกว่า มันไม่เหมือนการหลบหน้าในคราวก่อนๆ ที่หากหลบไม่ทันก็อาศัยหาเรื่องทะเลาะแทนความอิหลักอิเหลื่อ หนนี้ฉันเลือกที่จะเงียบปิดปากตัวเองสนิท พูดให้น้อย ไม่มองหน้า ไม่สบตา เพราะฉันไม่รู้ว่าจะทำตัวเองให้เป็นปกติได้อย่างไรหลังจากที่รู้คำตอบภายในหัวใจของตัวเองดี
ชอบ...
มันเกิดขึ้นแล้ว และไม่ว่าพยายามเช่นไรก็ไม่มีทางให้มันเลือนหาย ไม่มีทางแกล้งทำเป็นไม่รับรู้ เพราะเมื่อใดที่ได้เห็นแม้เศษเสี้ยวเพียงน้อยนิดของใครคนนั้น หัวใจก็ไม่อาจต้านทานความหวั่นไหวนั่นได้แล้ว
เป็นอะไรไปจ๊ะหนูอิน หมู่นี้ดูหน้าเครียดเชียว พี่แบมที่ชวนฉันมาทานกลางวันด้วยเอ่ยถาม ฉันเลยพยายามทำหน้ายิ้มแย้มตอบกลับไปเหมือนปกติ
ไม่มีอะไรนี่คะพี่แบม
ที่ไหนไม่มี ดูหน้าตัวเองสิ ผูกเงื่อนพิรอดไว้เชียว พี่แบมว่าพร้อมกับยื่นกระจกบานเล็กมาตรงหน้า ฉันมองตัวเองผ่านกระจกของพี่แบม แล้วก็ต้องถอนหายใจเมื่อหน้าตัวเองเหมือนผูกเงื่อนเอาไว้จริงๆ
เครียดเรื่องอัลบั้มเชอรี่เหรอ ผลตอบรับก็ดีนี่นา เจ้าตัวเก็บกระจกใส่กระเป๋าไว้ที่เก่า แล้วกลับมาสนใจก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยในชามตัวเองต่ออย่างรอฟังคำตอบ ในขณะที่เส้นก๋วยเตี๋ยวในชามฉันเริ่มอวบอ้วนเหมือนขึ้นอืดมาได้แล้วสองวัน เพราะตั้งแต่สั่งมาฉันก็ไม่ได้แตะต้องมันเลยสักคำ
เรื่องอัลบั้มก็มีนิดหน่อยค่ะ ซึ่งความจริงจะเรียกว่าเครียดก็ไม่ถูก เพราะยังเป็นกังวลกับวันเปิดตัวอัลบั้มอยู่มากกว่า แต่ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่เพราะผลตอบรับหลังจากเปิดตัวทีเซอร์วันนั้นดีมากกว่าที่ฉันคาดเอาไว้เลยทีเดียว
งั้นก็เครียดเรื่องอื่น เรื่องอะไรเหรอจ๊ะ พี่แบมถามต่อ ทำเอาฉันอึกอักเพราะหาคำแก้ตัวไม่ถูก
เออ..คือ
หรือว่าเครียดเรื่องหัวใจ
เหมือนถูกคำถามพี่แบมฮุกเข้าเต็มหมัด เกือบเผลอทำตะเกียบหลุดมือแล้ว แต่โชคยังดีที่เสียงแตรรถยนต์ด้านนอกร้านที่ดูเหมือนเกือบจะชนกันช่วยเอาไว้ พี่แบมเลยหันเหความสนใจไปยังความชุลมุนด้านนอก ปล่อยให้ฉันลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่เกือบจะปกปิดความลับเอาไว้ได้ไม่ทัน
ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยว พี่แบมกับฉันก็มุ่งหน้ากลับเข้าออฟฟิศที่วันนี้คนดูบางตาเนื่องจากทีมงานบางส่วนต้องไปเตรียมงานคอนเสิร์ตรวมศิลปินดังของค่ายที่อาปวินท์เป็นโต้โผ เหลือกันอยู่ไม่กี่คนซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เป็นทีมที่รับผิดชอบอัลบั้มใหม่ของเชอรี่นั่นเอง
เงียบเลยเนอะหนูอิน พี่แบมหันมาถาม ท่าทางคงจะเหงาเพราะปกติแล้วไม่ว่าเดินไปไหนมาไหนในออฟฟิศพี่แบมก็จะคุยกับคนนั้นคนนี้ไปตลอด พอหลายคนไม่อยู่ก็เลยไม่มีเพื่อนชวนคุยกัน
ค่ะ เงียบเลย
เฮ้อ ทำไมไม่ให้ฝ่ายบุคคลไปช่วยจัดคอนเสิร์ตบ้างก็ไม่รู้เนอะ
นั่นซิคะ ไม่รู้จะตอบว่าอะไรในอารมณ์นี้ ฉันเลยได้แต่เออออห่อหมกไปด้วย อย่างน้อยมีคนรับคำคงจะช่วยพี่แบมคลายเหงาได้บ้างเหมือนกัน
เดินคุยกันจนเกือบจะถึงทางแยกที่จะเดินเข้าห้องทำงาน จู่ๆ พี่แบมก็หยุดเดินแล้วก็ร้องทักขึ้นเสียงดังว่า
อ้าวพี่เหน่ง คุณต้นฝน
ฉันแทบสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อหลัง ก่อนจะตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงรองเท้ากระทบพื้นที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
มุดดินหนีได้ไหมเนี่ย!
เสียงเดินหยุดลงแล้วไม่ไกลเบื้องหน้า แล้วเสียงพี่เหน่งก็ดังขึ้นมาก่อน
อิ่มแล้วสิ ไม่ยอมรอเลยนะแบม
ก็ประชุมกันเข้าไปไม่ยอมกินข้าวกินปลา ใครจะรอ ใช่ไหมจ๊ะหนูอิน พี่แบมว่าพลางหันมาหาพวกที่กินข้าวแล้วอย่างฉัน ทำให้ต้องร่วมวงสนทนาด้วยอย่างช่วยไม่ได้
ค่ะ
ว้า อย่างนั้นก็ต้องไปกินกับไอ้หล่อสองคน มองหน้ากันหมดอร่อยพอดี พี่เหน่งพูดเสียงเศร้า ฉันเกือบจะหลุดขำตามพี่แบมไปแล้ว หากไม่ได้ยินเสียงของอีกใครบางคนต่อขึ้นมาเสียก่อน
นั่นสิครับพี่เหน่ง ใครเค้าจะอยากกินข้าวกับเรากัน
รู้สึกเหมือนคำว่า ใครเค้า ในประโยคนั้นแฝงด้วยความประชดประชันและน้อยอกน้อยใจอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ฉันก็ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นไปถามคนที่ฉันพยายามหลบหน้ามาตลอดหรอก การเงียบเฉยจึงเป็นสิ่งที่ฉันคิดว่าดีที่สุด
พี่เหน่งหยอกล้อกับพี่แบมอีกสักพัก ก่อนที่จะถูกไล่ให้ไปทานกลางวันเพราะเกือบบ่ายโมงแล้ว พอพี่เหน่งกับใครคนนั้นเดินออกไป ฉันก็รีบเผ่นกลับเข้าห้องทำงานทันที
โอย ไม่ไหว แค่นี้ก็ใจเต้นเป็นจังหวะแดนซ์รีมิกซ์แล้ว
ฉันยกมือกดหัวใจตัวเองเอาไว้ สูดลมหายใจลึกยาวเพื่อเรียกสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง ไม่รู้จะเป็นไปนานอีกเท่าไหร่กันหนอ กว่าที่ใจจะยอมรับและทำตัวให้เป็นปกติได้
คงต้องหลบหน้าไปอย่างนี้ก่อนละนะ
หลบหน้าใครเหรออินรินทร์
ฉันสะดุ้งสุดตัว เมื่อจู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พอหันกลับไปมอง หัวใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มในทันที
คุณหัวหน้า!
ร่างนั้นย่างสามขุมเข้ามาหา ใบหน้าถมึงทึงเหมือนกำลังโกรธจัดชนิดที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
ผมถามว่าคุณหลบหน้าใคร น้ำเสียงเข้มคาดคั้น ความกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างสูงตรงหน้าทำเอาสั่นสะท้าน เหงื่อไหลซึมทั่วแผ่นหลังและใบหน้าทั้งที่ในห้องก็เปิดแอร์เย็นฉ่ำ
เปล่า
ทำไมต้องโกหก คุณกำลังหลบหน้าผมใช่ไหม
ฉันเลือกที่จะไม่ตอบ เม้มริมฝีปากตัวเองจนแน่นเมื่อรู้สึกถึงขอบตาที่เริ่มร้อนผ่าวขึ้นทุกขณะ
รู้ตัวจนได้สินะ...
ฉันเบือนหน้าหนีจากสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ทำไมไม่ช่วยทำเป็นไม่รับรู้ หรือจะไม่สนใจไปเลยฉันก็ไม่ว่า ขอเวลาให้ฉันอีกสักหน่อยไม่ได้หรือยังไง
ให้ฉัน...ได้ตั้งตัว
ทว่าคงไม่มีเวลาเหลือให้ทำอย่างนั้น เพราะเมื่อฉันเงียบ ดูเหมือนความโกรธที่แผ่ออกมาจากร่างตรงหน้านั้นจะยิ่งมีมากขึ้นทุกขณะ รับรู้ได้จากประโยคที่เพิ่งพุ่งพล่านออกมาด้วยแรงอารมณ์จนแทบเป็นเสียงตะโกน
ตอบมาสิอินรินทร์!
แล้วในที่สุด ความอดกลั้นสุดท้ายของฉันก็ขาดผึงลง
คุณจะสนใจไปทำไมล่ะ ไม่เกี่ยวกับคุณสักหน่อย ฉันตะคอกกลับบ้าง หวังใช้ความโมโหนี้แอบซ่อนความรู้สึกของตัวเองไว้ให้ลึกที่สุดเพื่อไม่ให้คนๆ นี้ได้รู้
นายฆนากรเงียบไปเหมือนตกใจที่จู่ๆ ฉันก็ตะคอกออกมา แต่แล้วก็โต้กลับด้วยน้ำเสียงที่ดูจะโกรธขึ้นมายิ่งกว่าเก่าว่า
ทำไมจะไม่เกี่ยว คุณอย่าลืมสิว่าคุณเป็นลูกน้องผม ผมก็ต้องดูแลคุณ ดูแลลูกน้องทุกๆ คนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
เหมือนอะไรบางอย่างกระแทกเข้าที่หัวใจ หรือที่สนใจดูแลก็เพราะฉันเป็นแค่ ลูกน้อง...เท่านั้น
ภาพที่นายฆนากรดูแลและให้กำลังใจเชอรี่ผุดขึ้นมาในความคิด ทั้งภาพที่ทั้งคู่ยิ้มแย้มหัวเราะให้แก่กัน นั่นเองทำให้ฉันหลุดปากออกไปว่า
คุณก็ไปดูแลน้องเชอรี่ซิ ไม่ต้องมาสนใจฉัน!
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่งลงทันทีที่ฉันพูดจบ นายฆนากรมองหน้าฉันด้วยแววตาบางอย่างที่อ่านไม่ออก แต่ที่แน่ๆ มันทำให้หัวใจฉันปวดร้าวไปหมด
แล้วจู่ๆ ร่างฉันก็ถูกคว้าเข้าไปกอดจนแน่น พร้อมกับประโยคที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกจับโยนลงมาจากที่สูงว่า
ฟังนะ คนที่ผมอยากดูแลตลอดเวลาไม่ใช่เชอรี่ แต่เป็นคุณ อินรินทร์!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด จัดไปอย่าให้เสีย
ปล.ว่าจะอ่านตอนเดียวแล้วไปลุย แต่ว่า ทนไม่ได้ขอตามต่อหน่อยนะคะหัวหน้า เดี๋ยวหนูจะตั้งใจทำงานชดเชย
แล้ว แม่เสือสาวล่ะ ทำยังไงปากถึงจะอ่อน หรือว่าจะรอรีมิกซ์เหตุการณ์เก่า
เอาน่า จุ๊บ เดียว เดี๋ยวดีเอ๊งงงงงงง
กรี๊ดดดดดดดดดดด
()><()
ไรเตอร์อัพด่วนนะค่า ^_^ หนูอินจะว่าไงเนี้ย ใจตรงกันซะงั้น
หนุกคะเรื่องนี้กวน...ดี แต่อัพช้ามากกกกกกกกกก


อึ้ง ทึ่ง เขินกันเลยทีเดียวเนอะหนูอินเนอะ
จะมีโอกาสเจอหัวหน้าหล่อๆ
นิสัยแปลกๆ แบบนี้บ้างไหม
อยากได้หัวหน้าอย่างนี้บ้างจัง
จะทำงานให้เกินร้อยเลย
(แอบอิจฉาหนูอินนะเนี่ย)
คนอ่านแบบว่าไม่ไหวแล้วนะ
ค้างคาค่า
แบบนี้ซิ ลุกผู้ชายตัวจริง กระทิงแดง เอ๊ย. ม่ะช่าย
พูดโดนใจกองเชียร์มากเลย
งานนี้นู๋ิอินอึ้งไปเลย ใบ้กินของแท้
อ่านไปลุ้นไป กลัวนางเอกจะหัวใจวายตายก่อนนิยายจบ ฮ่าๆๆๆ หนูอินน่ารักไม่ไหวแล้วจริงๆ
ชอบประโยคสุดท้ายมากค่ะ พี่ต้นฝนแมนได้อีก เป้นพระเอกแนวติสแตกก็ต้องตรงไปตรงมาแบบนี้สิดีที่ซู๊ดดดดดด เชียร์พี่ต้นฝนขาดใจ ต้นฝนสู้ สู้ โย่วๆๆๆ
ตาค้างนับวันที่จะลงตอนต่อไป แง แง้ ไม่ยอมหรอก เค้าลุ้นของเค้ามาตั้งนานจะมา
ให้ค้างคานะไม่ยอมนะ มาต่อซะเร็ว ๆ ด้วย