ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Bad Boy เป็นของฉันได้ไหมนายตัวแสบ - HaeEun feat. WonKyu

    ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 18 [ WonKyu]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 865
      2
      25 มี.ค. 58

    Chapter 18 [WonKyu]






     

     

    หลังจากจบกิจกรรมในโครงการเตรียมความพร้อมสำหรับนักแข่ง Super GT  ซีวอนก็ไม่ได้พบกับคยูฮยอนอีก  ด้วยวิถีชีวิตที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง  คืนสุดท้ายก่อนกลับจากญี่ปุ่นพวกเขาได้นั่งคุยกันตามลำพังอีกครั้ง หลายๆอย่างในตัวคยูฮยอนทำให้ซีวอนได้มองเห็นโลกในอีกแง่มุมหนึ่ง 
     

    คยูฮยอนเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่ง  ถ้าเปรียบเขาเป็นไฟคยูฮยอนก็เป็นดั่งน้ำดีๆนี่เอง ไม่ได้เย็นเยียบอย่างน้ำแข็งจนดับความร้อนของไฟได้ในทันทีแต่ก็รู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่ใกล้  ภายใต้ใบหน้านิ่งๆนั้นซ่อนอะไรไว้ภายในมากมายผู้ชายร่างโปร่งคนนั้นไม่ใช่คนที่ชอบวิ่งเข้าชนปัญหาแต่ก็ไม่ได้หันหลังหนี  เขามักจะหยุดเพื่อตั้งสติและมีวิธีรับมือเสมอ  แม้กระทั่งในการพูดจูงใจคนผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้พูดมากชนิดที่ชักแม่น้ำทั้งห้าจนน่ารำคาญหรือไม่ได้ใช้คำพูดที่ต้อนจนคนฟังจนมุม  แต่มักจะมีคำพูดเตือนสติที่สุดท้ายแล้วคนฟังนั่นแหละจะต้องเก็บเอาคำพูดเหล่านั้นมาคิดเอง
     

    แตกต่างกับฮยอกแจไปคนละทิศละทางเลยทีเดียว  รายนั้นเปรียบเสมือนไฟที่พร้อมจะร้อนทุกเมื่อแค่เพียงใครจุดประกาย  แม้กระทั่งตัวเขาเองที่ร้อนไม่แพ้กันยังต้องยอมเปลี่ยนตัวเองให้เย็นลงเมื่ออยู่ใกล้เพื่อคอยยั้งอีกคนหนึ่งไว้ 
     

    แต่คยูฮยอนก็คือคยูฮยอน  ฮยอกแจก็คือฮยอกแจ  ถ้าคนอย่างชเว ซีวอนจะรู้สึกพิเศษกับใครสักคน คงไม่ใช่เพราะใครดีกว่าใคร  แต่มันต้องออกมาจากความรู้สึกข้างในอย่างแท้จริงและครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้ความกลัว ความไม่ชัดเจนหรืออะไรก็ตามมาทำลายความรู้สึกดีๆที่มันกำลังก่อร่างสร้างตัวอีกแล้ว 

     

    “ขอเวลาแค่  1 เดือน  แล้วฉันจะเดินหน้าทุกอย่างโดยไม่ลังเลอีกแล้ว... คยูฮยอน”

     

    พรุ่งนี้เขาจะต้องไปซ้อมที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม หลังจากที่เพิ่งกลับมาพักผ่อนได้เพียงไม่ถึงสัปดาห์ด้วยซ้ำ  บรรดาข้าวของในกระเป๋าเดินทางบางส่วนยังไม่ได้ถูกนำออกมาจัดเก็บเข้าที่เลยด้วยซ้ำ   เหลือเวลาอีกแค่วันเดียวเท่านั้นก็จะต้องเดินทางอีกครั้งแล้ว 
     

    หลังจากที่เมื่อคืนได้เจอกับฮยอกแจโดยบังเอิญและได้พูดคุยกันก็ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง  อย่างน้อยความสัมพันธ์ในแบบเพื่อนของเขากับร่างบางก็เริ่มจะกลับมาเป็นรูปเป็นร่างเหมือนเดิม  ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่ค้างอยู่ในหัวเขาก็มีเพียงแค่เรื่องเดียวคือสิ่งที่เขาทำไว้กับคยูฮยอน 

     

    “ผมเอง  วันนี้คุณพอจะมีเวลาคุยกับผมมั้ย”

    (คุณรีบมั้ย  วันนี้ผมมีธุระกว่าจะเสร็จคงสักสองทุ่ม)

    “งั้นสามทุ่มผมไปรับคุณที่คอนโดก็แล้วกัน ส่งที่อยู่มาให้ผมหน่อย ”

    (ผมเอารถไปเองก็ได้มั้ง นัดสถานที่มาเลย)

    “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า  แค่อยากจะคุยด้วยเท่านั้น”

    (เอางั้นเหรอ  ก็ได้ถ้างั้นเดี๋ยวผมส่งแผนที่ไปให้)

     

    ปลายสายถูกตัดไปแล้ว   ร่างสูงรอเพียงไม่นานก็ได้รับข้อความรูปภาพที่ส่งมาจากคยูฮยอน  กดๆดูสักพักก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำธุระข้างนอก   กะเวลาไว้ว่าจะจัดการธุระต่างๆให้เรียบร้อยก่อนสองทุ่ม  

     

    เขาจะต้องสะสางทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนไปเพื่อเวลาหนึ่งเดือนต่อจากนี้จะได้มุ่งมั่นกับการซ้อมอย่างจริงจัง

     

    “ถึงเวลาที่ต้องยอมรับความผิดแล้วละซีวอน”   

     

    --------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------

     

    ร่างโปร่งอาบน้ำและแต่งกายด้วยชุดสบายๆอย่างเสื้อไหมพรมคอกลมแขนยาวสีน้ำเงินเข้มและสกินนี่สีดำเพื่อความคล่องตัว ไม่รู้ว่าอีกคนจะพาไปไหนดังนั้นจึงเลือกชุดที่คิดว่าสามารถจะไปได้ทุกๆที่โดยไม่ดูเป็นทางการหรือลำลองจนเกินไป  รออยู่ไม่นานก็มีสายเรียกเข้าจากเจ้าของนัดในคืนนี้โทรเข้ามาบอกว่ารออยู่ด้านล่าง
     

    ซีวอนแปลกใจเล็กน้อยกับการแต่งกายของอีกคนที่เขาไม่คุ้นชินเท่าไหร่  เพราะปกติจะเห็นคยูฮยอนอยู่ในชุดกึ่งทางการอย่างเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลคเข้ารูปเสียมากกว่า  พอมาเห็นร่างโปร่งภายใต้ชุดแบบนี้ก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้

    “ผมแต่งตัวไม่เข้ากับสถานที่ที่จะไปเหรอ”  คยูฮยอนถามออกมาเมื่อเห็นว่าอีกคนมีรอยยิ้มน้อยๆหลังจากที่ตนเองเข้ามานั่งข้างในรถแล้ว

    “เปล่า  ผมแค่ไม่เคยเห็นคุณแต่งตัวแบบนี้” 
     

    ก็แน่ละ ครั้งแรกที่เขาเจอซีวอนก็หลังจากงานเลี้ยง 10 ปีอิมคอร์เปอร์เรชั่น ในวันนั้นถ้าไม่ได้ถอดสูทตัวนอกออกก็คงจะลงไปในสภาพเต็มยศเลยทีเดียว ไม่ต่างกันเลยกับอีกวันที่ไปเอาโทรศัทพ์  และล่าสุดที่ญี่ปุ่นเขาก็แต่งกายด้วยชุดสุภาพตลอดแทบทั้งสัปดาห์จะเว้นก็แต่วันแข่งแรลลี่ ที่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยืนส์และมีเสื้อยีนส์สีซีดสวมทับ
     

    “แต่ก็ดูเข้ากับคุณดีนะ  น่ารักดี”  ถึงสามพยางค์สุดท้ายจะไม่ได้เอ่ยออกไปเสียงดังเท่ากับประโยคแรกแต่คนที่นั่งข้างๆกันก็ยังได้ยินมันอยู่ดี 
     

    และเพราะคำชมนั่นจึงทำให้บรรยากาศในรถตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง  แต่ก็น่าแปลกที่ถึงแม้จะไม่มีใครพูดอะไรออกมาแต่บรรยาศในรถกลับไม่ได้น่าอึดอัดอย่างที่เคย

     

    “ไปนั่งรถเล่นกันแปบนะ”

     

    สิ้นสุดคำของซีวอน Audi R8 Spyder สีดำที่ซีวอนเลือกมาขับในค่ำคืนนี้ก็ทะยานออกสู่ท้องถนนด้วยความเร็วที่เปลี่ยนไป   ถ้าบริษัทคือชีวิตคยูฮยอน ท้องถนนเบื้องหน้าก็คือชีวิตของซีวอน จากครั้งแรกที่พบกันและวันที่แข่งแรลลี่เขายังจำได้ดีว่าคยูฮยอนไม่ได้ชื่นชอบความเร็วดังนั้นถ้าอีกคนบอกให้หยุดเขาก็จะหยุด
     

    คยูฮยอนพยายามหลับตาเพื่อตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆลืมตามองท้องถนนเบื้องหน้าที่วิ่งตัดผ่านสายตาไปอย่างรวดเร็ว  แสงไฟตามตึกด้านข้างและไฟริมทางเป็นแถวริมแม่น้ำฮันเมื่อมองผ่านๆในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้นช่างงดงามอย่างน่าประหลาด ถึงตัวรถจะทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่สามารถประเมินระดับความเร็วต่อกิโลเมตรได้แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่สงบนิ่งและมั่นคง 

     

    เมื่อเรี่มจะปรับตัวได้จึงแอบชำเรืองมองคนด้านข้าง  ใบหน้าคมที่มองเห็นเพียงเสี้ยวหน้าดูมุ่งมั่นจริงจังเหมือนหลุดเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง มันดึงดูดเสียจนคยูฮยอนลืมที่จะละสายตาออกไปมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกอีกครั้ง  จนกระทั่งความเร็วของตัวรถถูกปรับให้ลดลงคนที่จ้องมองอยู่จึงได้สติ

     

    “ไม่กลัวแล้วเหรอ”  ซีวอนเอ่ยถามออกมาเมื่อหักเลี้ยวรถเข้าไปยังลานกว้างริมแม่น้ำฮัน  สถานที่ที่เขาพบกับคยูฮยอนเป็นครั้งแรก

    “ไม่ได้กลัว แต่แค่รู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัย”

    “แล้วเมื่อกี้ไม่เห็นห้าม”

    “ไม่รู้สิ มันนิ่งแล้วก็น่าทึ่งมาก” คยูฮยอนตอบออกไปตามที่ตนรู้สึก  มันไม่ได้หวือหวาและน่ากลัวอย่างที่คิด

    “เพราะคิดไปเองไงว่ามันน่ากลัว”  ซีวอนเอ่ยตอบก่อนที่จะกดเปิดประทุนรถและดับเครื่องยนต์ลงเมื่อตัวรถมาจอดอยู่ริมลานกว้างเทียบกับตัวแม่น้ำแล้ว

    “ก็คงจะอย่างนั้นมั้ง”  เพราะประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในวัยเด็ก  ก็เลยทำให้เขาค่อนข้างกลัวความเร็วและหลีกหนีมาตลอด  ขนาดเพื่อนสนิทอย่างทงเฮเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันเขาก็จะคอยยั้งอีกคนไว้ไม่ให้ขับรถเร็วตลอด

     

    “ขอบใจนะ”

    “ขอบใจ ??” คยูฮยอนทวนคำพูดอย่างงงๆ

    “อืม ขอบใจที่เตือนสติฉัน  ฉันลองทำตามที่นายบอกแล้ว  ลองเอาเวลาที่ใช้ไปกับการโกรธแค้นและคิดจะเอาคืนไปดูแลคนที่ฉันรู้สึกดีกับเขา  แต่เชื่อมั้ยอย่าว่าแต่ดูแลเลยแม้แต่หน้า  ฮยอกแจก็ยังไม่อยู่ให้มองเลย”

     

    นี่สินะจุดประสงค์ที่ชวนเขาออกมา เพื่อระบายเรื่องของใครคนนั้น คยูฮยอนนั่งเงียบอย่างคนไม่รู้จะพูดอะไร ความรู้สึกดีๆก่อนหน้านี้จางหายไปหมดแล้ว  ดวงตากลมเหม่อมองออกไปยังวิวแม่น้ำในยามค่ำคืนเบื้องหน้า ไม่อยากจะหันไปสบกับแววตาเศร้าของคนข้างๆ 

     

    “แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วละว่าฉันควรยืนอยู่ตรงไหน  ฉันจะกลับไปเป็นเพื่อนเขาเหมือนเดิม”

    “ก็ไปบอกเขาสิ”  ถึงจะพยายามไม่ยุ่งแล้วแต่ก็อดจะพูดออกไปไม่ได้

    “บอกไปแล้ว”

    “แล้วเขาโอเคมั้ยล่ะ”

    “ก็โอเคนะ  แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักพัก  มันก็คงพอดีแหละเพราะฉันต้องไปญี่ปุ่นอยู่แล้ว” ซีวอนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ

     

    “แล้วนัดฉันออกมาเพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ”  คยูฮยอนอดจะถามไม่ได้  เพราะเรื่องที่อีกคนพูดมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาตรงไหนเลย

    “ขอโทษนะคยูฮยอน”

     “ขอโทษทำไม  ฉันไม่ได้เป็นไรนี่ ก็ฟังได้”  คยูฮยอนรีบปฏิเสธคำขอโทษของอีกคนทันที เพราะคิดว่าซีวอนคงขอโทษที่เอาเรื่องของฮยอกแจมาระบายให้ฟัง

    “เรื่องที่ฉันทำกับนาย  ฉันโกรธทงเฮ  ฉันไม่ยอมรับความพ่ายแพ้แล้วก็เอามันมาลงกับนาย   แต่นายเข้มแข็งมากนะ เข้มแข็งซะจนฉันละอายใจเวลาที่มองหน้านาย   ไม่ต้องให้อภัยฉันก็ได้แค่รับคำขอโทษของฉันไว้ก็พอ”  ใบหน้าหล่อหันมองคนข้างๆเต็มตาชนิดที่ว่าจะไม่มีการหลบหลีกกับความผิดที่ตนเองได้ก่อไว้อีกต่อไป

    “แล้วถ้าย้อนเวลากลับไปได้นายจะทำแบบนั้นอยู่มั้ย”  อะไรก็ไม่รู้ที่ทำคยูฮยอนอยากรู้ในสิ่งที่ไม่ควรถาม

    “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันก็เลือกจะทำแบบนั้นอยู่ดี  ไม่งั้นเราก็คงไม่รู้จักกัน  ไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันที่ญี่ปุ่นและก็คงไม่ได้มานั่งคุยกันแบบนี้” ซีวอนเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม

    “งั้นฉันก็ไม่ควรให้อภัยนายสินะ”

    “ไม่เป็นไร ผมรอได้”

    “งั้นก็รอต่อไปแล้วกัน” ในเมื่ออีกคนไม่ได้ระบุความหมายขอคำว่ารอได้ให้ชัดเจนว่าหมายถึงรออะไร  คยูฮยอนก็เลือกตอบออกไปแบบนั้นบ้าง

     

     

    “เดือนหน้าผมต้องไปซ้อมที่ญี่ปุ่นทั้งเดือน พอเดือนถัดไปก็เริ่มเข้าสู่เทศกาลแข่งขันคงอีกเกือบสองเดือนนั่นแหละกว่าจะได้กลับมาเกาหลีอีกที” ซีวอนพูดบอกเป็นนัย เพราะเดือนหน้าก็คือพรุ่งนี้แล้ว

    “แล้วไง”

    “ผมอยากให้คุณไปดูผมแข่งด้วย”

    “ปกติฮยอกแจไปดูคุณแข่งตลอดเหรอ” อดจะถามออกไปไม่ได้ เพราะภาพฮยอกแจที่ยืนเคียงข้างกับซีวอนในคืนแข่งรถยังคงติดอยู่ในหัว

    “ก็ส่วนใหญ่ ถ้าเขาว่าง  ฮยอกแจเขาชอบแข่งรถแต่ตัวเขาแข่งเองไม่ได้รายนั้นก็เลยชอบไปนั่งดู”

    “ที่อยากให้ผมไปนี่เพราะเคยชินกับการที่มีใครสักคนไปคอยนั่งเชียร์หรือเปล่า   แล้วถ้าไม่ใช่ผมล่ะ”

     

    ถึงจะดูเหมือนเป็นการประชดไปบ้างแต่เขาก็ควรพูดออกไปไม่ใช่เหรอ  เพราะซีวอนเคยชินกับการที่มีฮยอกแจไปคอยให้กำลังใจ  พอขาดไปก็เลยรู้สึกเหงาหรือเปล่า   เขาก็แค่อยากรู้ว่าคนที่ซีวอนต้องการคือเขา หรือแค่ใครสักคนที่สามารถแทนที่ฮยอกแจได้

     

    “ไปถามตัวเองมาให้แน่ใจก่อนเถอะ   เดือนนึงต่อจากนี้ก็ตั้งใจซ้อมให้มากล่ะ  เพื่อเกาหลีใต้แล้วก็เพื่อตัวนายเอง  ถ้าถึงตอนแข่งคำตอบของนายคือฉัน  ฉันจะยอมลงทุนบินไปดูนายแข่งทุกสนามเลย”  คำพูดทีเล่นทีจริงที่แฝงความหมายเอาไว้ทำให้ซีวอนอยากจะขยับปากพูดอะไรออกมาแต่ก็ตัดสินใจที่จะเงียบไป

     

    ที่จริงซีวอนก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว  เพียงแต่เขาพูดมันออกไปตอนนี้ไม่ได้  ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอก ฮยอกแจก็คือฮยอกแจ  คยูฮยอนก็คือคยูฮยอน  ที่เขาต้องทำต่อจากนี้ก็คือตั้งใจฝึกซ้อมและทำให้อีกคนมั่นใจว่าเจ้าตัวนั้นไม่ได้เข้ามาแทนที่ใครแต่เข้ามามีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาด้วยตัวเองต่างหาก

     

    “วันนึงฉันจะตอบนายด้วยการกระทำ”

     

    --------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------

     

    เช้าวันศุกร์ที่ควรจะรู้สึกสดชื่นกับการทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์  แต่ร่างโปร่งของคยูฮยอนกลับรู้สึกแปลกไป  เพราะใครบางคนที่กำลังเข้ามาอิทธิพลต่อจิตใจของเขา กำลังบินลัดฟ้าไปอยู่อีกประเทศหนึ่งแล้ว 

     

    “กาแฟค่ะคุณคยูฮยอน วันนี้ช่วงบ่ายมีลูกค้าของคุณเยซองเข้าเยี่ยมชมนะคะ  ตอนเย็นฮโยริเคลียร์ตารางให้แล้วเพราะวันนี้คุณซูมานออกจากโรงพยาบาลคุณคยูฮยอนคงต้องไปบ้านโน้น”  เลขาสาววางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยบอกถึงตารางการเยี่ยมชมบริษัทที่ปกติแล้วมักจะปิดท้ายด้วยการให้ผู้บริหารระดับสูงไปกล่าวขอบคุณหรือกล่าวทัศนวิสัยเพื่อเป็นการให้เกียรติกับลูกค้า  รวมไปถึงย้ำเตือนเรื่องที่ประธานบริษัทจะออกจากโรงพยาบาล

     

    คยูฮยอนพยักหน้าลงเป็นการตอบรับ  ก่อนจะหยิบแก้วกาแฟที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นขึ้นดื่มเพียงเล็กน้อยแล้ววางมันลงกับจานรองแก้วดังเดิม  ฮโยริเดินออกไปแล้ว  ร่างโปร่งเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ปรับระดับทรงสูงก่อนที่เปลือกตาบางจะปิดลงปล่อยให้ความคิดล่องลอยย้อนไปถึงวันแรกที่ได้พบกับใครบางคน

     

    ถ้านายชนะ  นายก็พาคยูฮยอนไป  

    ประโยคที่ถูกเอ่ยออกมาจากไอ้เพื่อนเวรอย่างทงเฮ ที่ไม่ถามความเห็นเขาสักคำ  แต่สุดท้ายแล้วถึงซีวอนจะไม่ได้ชนะแต่ตุ๊กตาหน้ารถที่ไม่ได้รับเชิญอย่างคยูฮยอนก็ยังกระโดดขึ้นรถไปกับซีวอนอยู่ดีถึงจะถูกไล่ลงกลางทางอย่างน่าโมโหก็เถอะ

     

    ฉันคยูฮยอนนะ คือฉันอยากได้โทรศัพท์กับไอแพดของฉันคืน

    อยากได้ก็มาเอาไปสิ  ดังอยู่ได้หนวกหูชะมัด

    เอ่อ.........

    อะไร   อย่าคิดว่าฉันจะใจดีหอบเอาไปให้  โง่ลืมไว้ก็มาเอาไปเอง

    งั้นจะให้ฉันไปเอาที่ไหน

    คอนโด ^$@#^(#@*#(#)%   ห้อง 1013”

     

    งั้นเดี๋ยวฉันเข้าไปเอา 

    ระดับผู้บริหารอย่างโจว คยูฮยอน  กับแค่ไปเอาโทรศัทพ์คืนจำเป็นขนาดนั้นเลยเหรอที่จะต้องไปเอาด้วยตนเอง ใช้ใครสักคนในบริษัทไปเอาให้ก็คงจะได้   ทำไมถึงได้ไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนทั้งที่ถ้ายืนกรานว่าจะเอาของแล้วกลับเลยก็ทำได้ 

     

     

    นายทำแบบนี้ทำไม เพราะแค้นที่แพ้ทงเฮเลยมาลงกับฉันเนี่ยนะ
     

    บางสิ่งบางอย่างอาจจะเกินความคาดหมายไปบ้างแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งเกิดจากความยินยอมของเขาเองถึงมันจะเป็นส่วนน้อยนิดจากจิตใต้สำนึกที่ไร้ซึ่งเหตุผลก็ตาม 
     

    และเมื่อสติครบถ้วนสมองก็เริ่มประมวลถึงเหตุและผล   แต่ในเมื่อสิ่งที่เสียไปแล้วยังไงก็ไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องฟูมฟาย  ดังนั้นก็เลือกได้แค่จะเดินหน้าต่อไปหรือปล่อยให้เรื่องราวเลือนหายไปกับกาลเวลา 
     

    แล้วเขาก็เลือกทำอย่างแรก  โครงการเตรียมความพร้อมสำหรับนักแข่ง Super GT เกาหลีใต้ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ผู้บริหารระดับสูงของอีคอร์เปอร์เรชั่นที่เป็นสปอนเซอร์หลักของโครงการอย่างเขาต้องเข้าร่วมด้วยตนเอง  แค่เพียงส่งใครสักคนไปเป็นตัวแทนก็เพียงพอ  แต่คยูฮยอนก็เลือกที่จะไปเพราะรู้ว่าหนึ่งในสมาชิกโครงการจะต้องมีใครคนนั้นรวมอยู่ด้วย

     

    และตอนนี้ก็ขอเชิญพบกับวิทยากรกิตติมศักดิ์ของเราได้เลยครับ  คุณ.....โจว  คยูฮยอน  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัทอีคอร์เปอร์เรชั่นและกลุ่มบริษัทในเครือทั้งหมด  ขอเสียงปรบมือต้อนรับคุณคยูฮยอนด้วยครับ
     

    การเปิดตัวที่อลังการงานสร้างสมดั่งใจเจ้าของตำแหน่ง  เพื่อประกาศให้รู้ว่าคนๆนั้นได้ทำอะไรไว้กับใคร  ซึ่งมันก็ได้ผลดีทีเดียว  หลังจากรอให้อีกคนแสดงตัวจนเกือบข้ามวันก็บรรลุเป้าหมาย  ซีวอนเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาเองโดยที่ไม่ต้องออกแรงทำอะไร

     

    ได้เรียนรู้มันไง  วันที่นายแพ้ทงเฮนายเจ็บปวดและไม่ยอมรับมันจนกลายเป็นความเจ็บใจ  เพราะนายไม่เคยรู้จักคำว่าแพ้  แล้วความรู้สึกนั้นมันช่วยอะไรนายได้บ้างนอกจากทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลง  ถ้านายหัดรู้จักและยอมรับในความพ่ายแพ้นายก็จะควบคุมจิตใจของนายได้ดีขึ้น
     

    ถ้าซีวอนเปรียบเหมือนไฟคยูฮยอนก็เป็นดั่งน้ำ   ผิวหน้าของน้ำอาจถูกไฟลามเลียจนเสียความเป็นตัวเองไปชั่วขณะ  แต่ไม่นานความเย็นของน้ำจำนวนมหาศาลจะแผ่กระจายครอบคลุมความร้อนจากไฟเหลือทิ้งไว้เพียงน้ำอุ่นจากการผสมผสานกันของน้ำและไฟอย่างลงตัว
     

    ช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นทำให้เขารู้สึกดีกับซีวอนเพิ่มมากขึ้นและอีกคนก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน    แต่มันติดอยู่ตรงที่ว่าหลายครั้งที่คิดว่าตนเองกำลังบังเงาของใครบางคนอยู่   ก็เลยเลือกที่จะอยู่นิ่งๆไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกไปมาก
     

    ตลอดเกือบสัปดาห์หลังกลับจากญี่ปุ่นเขาเฝ้ารอการติดต่อจากซีวอนจนเกือบจะคิดว่าอีกคนจะไปฝึกซ้อมที่ญี่ปุ่นโดยไม่ร่ำลากันเสียแล้ว     ถ้าผ่านพ้นช่วงนี้ไปแล้วอีกคนยังคงเงียบหายเขาคงต้องปล่อยให้ทุกอย่างเลือนหายไปกับกาลเวลา   นั่นเป็นทางเลือกที่เขาไม่ได้เป็นผู้เลือกซีวอนต่างหากที่เป็นคนตัดสินมัน 
     

    ไม่ใช่ความผิดของใครถ้าซีวอนจะมีหัวใจไว้เพื่อรักเพียงฮยอกแจ  แต่หากถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ยังอยากให้เรื่องราวทั้งหมดเป็นแบบนี้อยู่มั้ย   คยูฮยอนก็ตอบเหมือนซีวอนอย่างไม่ลังเลเลยว่าถึงย้อนเวลากลับไปได้เขาก็ยังอยากให้มันเป็นแบบนี้อยู่ดี

     

    “วันนี้คุณพอจะมีเวลาคุยกับผมมั้ย”  
     

    จนกระทั่งวันสุดท้ายของการอยู่เกาหลีใต้ ซีวอนก็ติดต่อมา    นอกจากคำขอโทษ ก็ไม่มีคำบอกรักหรือสารภาพความรู้สึกใดๆจากซีวอนอย่างที่คาดหวัง   เพราะเจ้าตัวเองคงจะยังไม่มั่นใจ  แต่ก็ช่างเถอะนั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับคยูฮยอนเพราะเขาตัดสินใจไปแล้วที่จะเดินหน้า 

     

    และทั้งหมดนี้ก็คือความลับที่ซีวอนจะไม่มีวันได้รู้

     

    เปลือกตาบางลืมขึ้นก่อนจะเปิดแล็ปท็อปคู่ใจเพื่อค้นหาตารางการแข่งขัน Super GT 2015  แล้วกดส่งลิ้งค์หน้าเว็บให้กับเลขาสาวที่นั่งอยู่ด้านนอก  นิ้วเรียวละจากแล็ปท็อปออกมากดปุ่มสปีคเกอร์โฟนบนโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ก่อนจะพูดโต้ตอบกลับไปเมื่อได้ยินเสียงปลายสาย

     

    “ช่วยจองตั๋วเครื่องบินไปกลับญี่ปุ่นกับที่พักแล้วก็ตั๋วเข้าชมการแข่งขันให้ผมด้วย   ตามตารางที่ผมส่งลิ้งค์ให้ใน E-Mail ทุกรอบ   แล้วก็เคลียร์ตารางงานในช่วงนั้นให้ผมด้วย  อันไหนที่เคลียร์ไม่ลงตัวก็ปัดไปให้ทงเฮทำถ้าเขามีปัญหาก็ให้เขามาคุยกับผม”  

     

    “ได้ยินที่ผมพูดมั้ย”

     

    (ดะ..ได้ยินค่ะ) 

     

    สายถูกตัดไปแล้ว ในขณะที่หญิงสาวด้านนอกกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินคนด้านในก็ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี  มือเรียวหยิบแก้วกาแฟที่อุ่นกำลังได้ที่ขึ้นดื่มอีกครั้งรวดเดียวหมด  ก่อนจะเปิด E-Mail ดูข้อความขาเข้าเพื่อเริ่มการทำงานในวันสุดท้ายของสัปดาห์

     

     

    ฉันจะรอคำตอบของนายนะ...ซีวอน"

     

     

    แต่คยูฮยอนคงไม่รู้ว่า....ซีวอนเองนั้นก็มีคำตอบอยู่แล้วในใจเช่นกัน  เพียงแต่เลือกที่จะยังไม่พูดออกมาตอนนี้  คงต้องปล่อยให้เวลาชะล้างสิ่งต่างๆที่ค้างคาใจของคนทั้งคู่ออกไปให้หมดเสียก่อน 

     

    ต้นไม้ที่ยังไม่ออกดอกออกใบก็ไม่ได้หมายความว่ามันกำลังจะเฉาตาย  มันแค่อยู่เพื่อรอวันเวลาที่เหมาะสมและเมื่อถึงเวลาอันควรแล้วหากได้รับความอบอุ่นจากแสงแดดและความชุ่มชื้นจากน้ำมากพอมันก็จะผลิดอกออกใบแผ่กระจายความสวยงามให้ปรากฏแก่ทุกสายตา

     

     


     

    --------------  The Ene of  WonKyu’s Part  -------------

     

    เอาไป 100% เลย  ตัดมาลงวอนคยูก่อนที่เหลือจะได้เป็นเฮอึนจนจบ   จบแล้วจ้าพาร์ทวอนคยู  ไม่รู้จบแบบนี้ถูกใจคนอ่านมั้ย  แต่เราคิดว่ามันประมาณนี้แหละ  คงไม่หวานหรือหวือหวาไปกว่านี้  เวลาจะทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้นเอง  

     

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์มากมายในตอนที่แล้ว  เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับเรื่องนี้ถ้าไม่นับตอนที่มีโคมไฟ   เจอกันอีกครั้งสัปดาห์หน้าจ้า  ฝากแทก #ฟิคมายแบดบอย  ด้วยน๊า  ถือว่าช่วยกันโฆษณา

     

    ฟิคยังจองได้อยู่นะคะ  ตอนนี้กำลังพยายามทำปกด้วยตัวเองอยู่  ถ้าเสร็จแล้วจะเอามาให้ดู ^^

     

     

    © themy
     
     
     
     
     
     
    butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×