คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 18 [ WonKyu]
Chapter 18 [WonKyu]
หลังจากจบกิจกรรมในโครงการเตรียมความพร้อมสำหรับนักแข่ง Super GT ซีวอนก็ไม่ได้พบกับคยูฮยอนอีก ด้วยวิถีชีวิตที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง คืนสุดท้ายก่อนกลับจากญี่ปุ่นพวกเขาได้นั่งคุยกันตามลำพังอีกครั้ง หลายๆอย่างในตัวคยูฮยอนทำให้ซีวอนได้มองเห็นโลกในอีกแง่มุมหนึ่ง
คยูฮยอนเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่ง ถ้าเปรียบเขาเป็นไฟคยูฮยอนก็เป็นดั่งน้ำดีๆนี่เอง ไม่ได้เย็นเยียบอย่างน้ำแข็งจนดับความร้อนของไฟได้ในทันทีแต่ก็รู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่ใกล้ ภายใต้ใบหน้านิ่งๆนั้นซ่อนอะไรไว้ภายในมากมายผู้ชายร่างโปร่งคนนั้นไม่ใช่คนที่ชอบวิ่งเข้าชนปัญหาแต่ก็ไม่ได้หันหลังหนี เขามักจะหยุดเพื่อตั้งสติและมีวิธีรับมือเสมอ แม้กระทั่งในการพูดจูงใจคนผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้พูดมากชนิดที่ชักแม่น้ำทั้งห้าจนน่ารำคาญหรือไม่ได้ใช้คำพูดที่ต้อนจนคนฟังจนมุม แต่มักจะมีคำพูดเตือนสติที่สุดท้ายแล้วคนฟังนั่นแหละจะต้องเก็บเอาคำพูดเหล่านั้นมาคิดเอง
แตกต่างกับฮยอกแจไปคนละทิศละทางเลยทีเดียว รายนั้นเปรียบเสมือนไฟที่พร้อมจะร้อนทุกเมื่อแค่เพียงใครจุดประกาย แม้กระทั่งตัวเขาเองที่ร้อนไม่แพ้กันยังต้องยอมเปลี่ยนตัวเองให้เย็นลงเมื่ออยู่ใกล้เพื่อคอยยั้งอีกคนหนึ่งไว้
แต่คยูฮยอนก็คือคยูฮยอน ฮยอกแจก็คือฮยอกแจ ถ้าคนอย่างชเว ซีวอนจะรู้สึกพิเศษกับใครสักคน คงไม่ใช่เพราะใครดีกว่าใคร แต่มันต้องออกมาจากความรู้สึกข้างในอย่างแท้จริงและครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้ความกลัว ความไม่ชัดเจนหรืออะไรก็ตามมาทำลายความรู้สึกดีๆที่มันกำลังก่อร่างสร้างตัวอีกแล้ว
“ขอเวลาแค่ 1 เดือน แล้วฉันจะเดินหน้าทุกอย่างโดยไม่ลังเลอีกแล้ว... คยูฮยอน”
พรุ่งนี้เขาจะต้องไปซ้อมที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม หลังจากที่เพิ่งกลับมาพักผ่อนได้เพียงไม่ถึงสัปดาห์ด้วยซ้ำ บรรดาข้าวของในกระเป๋าเดินทางบางส่วนยังไม่ได้ถูกนำออกมาจัดเก็บเข้าที่เลยด้วยซ้ำ เหลือเวลาอีกแค่วันเดียวเท่านั้นก็จะต้องเดินทางอีกครั้งแล้ว
หลังจากที่เมื่อคืนได้เจอกับฮยอกแจโดยบังเอิญและได้พูดคุยกันก็ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยความสัมพันธ์ในแบบเพื่อนของเขากับร่างบางก็เริ่มจะกลับมาเป็นรูปเป็นร่างเหมือนเดิม ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่ค้างอยู่ในหัวเขาก็มีเพียงแค่เรื่องเดียวคือสิ่งที่เขาทำไว้กับคยูฮยอน
“ผมเอง วันนี้คุณพอจะมีเวลาคุยกับผมมั้ย”
(คุณรีบมั้ย วันนี้ผมมีธุระกว่าจะเสร็จคงสักสองทุ่ม)
“งั้นสามทุ่มผมไปรับคุณที่คอนโดก็แล้วกัน ส่งที่อยู่มาให้ผมหน่อย ”
(ผมเอารถไปเองก็ได้มั้ง นัดสถานที่มาเลย)
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า แค่อยากจะคุยด้วยเท่านั้น”
(เอางั้นเหรอ ก็ได้ถ้างั้นเดี๋ยวผมส่งแผนที่ไปให้)
ปลายสายถูกตัดไปแล้ว ร่างสูงรอเพียงไม่นานก็ได้รับข้อความรูปภาพที่ส่งมาจากคยูฮยอน กดๆดูสักพักก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำธุระข้างนอก กะเวลาไว้ว่าจะจัดการธุระต่างๆให้เรียบร้อยก่อนสองทุ่ม
เขาจะต้องสะสางทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนไปเพื่อเวลาหนึ่งเดือนต่อจากนี้จะได้มุ่งมั่นกับการซ้อมอย่างจริงจัง
“ถึงเวลาที่ต้องยอมรับความผิดแล้วละซีวอน”
--------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------
ร่างโปร่งอาบน้ำและแต่งกายด้วยชุดสบายๆอย่างเสื้อไหมพรมคอกลมแขนยาวสีน้ำเงินเข้มและสกินนี่สีดำเพื่อความคล่องตัว ไม่รู้ว่าอีกคนจะพาไปไหนดังนั้นจึงเลือกชุดที่คิดว่าสามารถจะไปได้ทุกๆที่โดยไม่ดูเป็นทางการหรือลำลองจนเกินไป รออยู่ไม่นานก็มีสายเรียกเข้าจากเจ้าของนัดในคืนนี้โทรเข้ามาบอกว่ารออยู่ด้านล่าง
ซีวอนแปลกใจเล็กน้อยกับการแต่งกายของอีกคนที่เขาไม่คุ้นชินเท่าไหร่ เพราะปกติจะเห็นคยูฮยอนอยู่ในชุดกึ่งทางการอย่างเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลคเข้ารูปเสียมากกว่า พอมาเห็นร่างโปร่งภายใต้ชุดแบบนี้ก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้
“ผมแต่งตัวไม่เข้ากับสถานที่ที่จะไปเหรอ” คยูฮยอนถามออกมาเมื่อเห็นว่าอีกคนมีรอยยิ้มน้อยๆหลังจากที่ตนเองเข้ามานั่งข้างในรถแล้ว
“เปล่า ผมแค่ไม่เคยเห็นคุณแต่งตัวแบบนี้”
ก็แน่ละ ครั้งแรกที่เขาเจอซีวอนก็หลังจากงานเลี้ยง 10 ปีอิมคอร์เปอร์เรชั่น ในวันนั้นถ้าไม่ได้ถอดสูทตัวนอกออกก็คงจะลงไปในสภาพเต็มยศเลยทีเดียว ไม่ต่างกันเลยกับอีกวันที่ไปเอาโทรศัทพ์ และล่าสุดที่ญี่ปุ่นเขาก็แต่งกายด้วยชุดสุภาพตลอดแทบทั้งสัปดาห์จะเว้นก็แต่วันแข่งแรลลี่ ที่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยืนส์และมีเสื้อยีนส์สีซีดสวมทับ
“แต่ก็ดูเข้ากับคุณดีนะ น่ารักดี” ถึงสามพยางค์สุดท้ายจะไม่ได้เอ่ยออกไปเสียงดังเท่ากับประโยคแรกแต่คนที่นั่งข้างๆกันก็ยังได้ยินมันอยู่ดี
และเพราะคำชมนั่นจึงทำให้บรรยากาศในรถตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง แต่ก็น่าแปลกที่ถึงแม้จะไม่มีใครพูดอะไรออกมาแต่บรรยาศในรถกลับไม่ได้น่าอึดอัดอย่างที่เคย
“ไปนั่งรถเล่นกันแปบนะ”
สิ้นสุดคำของซีวอน Audi R8 Spyder สีดำที่ซีวอนเลือกมาขับในค่ำคืนนี้ก็ทะยานออกสู่ท้องถนนด้วยความเร็วที่เปลี่ยนไป ถ้าบริษัทคือชีวิตคยูฮยอน ท้องถนนเบื้องหน้าก็คือชีวิตของซีวอน จากครั้งแรกที่พบกันและวันที่แข่งแรลลี่เขายังจำได้ดีว่าคยูฮยอนไม่ได้ชื่นชอบความเร็วดังนั้นถ้าอีกคนบอกให้หยุดเขาก็จะหยุด
คยูฮยอนพยายามหลับตาเพื่อตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆลืมตามองท้องถนนเบื้องหน้าที่วิ่งตัดผ่านสายตาไปอย่างรวดเร็ว แสงไฟตามตึกด้านข้างและไฟริมทางเป็นแถวริมแม่น้ำฮันเมื่อมองผ่านๆในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้นช่างงดงามอย่างน่าประหลาด ถึงตัวรถจะทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่สามารถประเมินระดับความเร็วต่อกิโลเมตรได้แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่สงบนิ่งและมั่นคง
เมื่อเรี่มจะปรับตัวได้จึงแอบชำเรืองมองคนด้านข้าง ใบหน้าคมที่มองเห็นเพียงเสี้ยวหน้าดูมุ่งมั่นจริงจังเหมือนหลุดเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง มันดึงดูดเสียจนคยูฮยอนลืมที่จะละสายตาออกไปมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกอีกครั้ง จนกระทั่งความเร็วของตัวรถถูกปรับให้ลดลงคนที่จ้องมองอยู่จึงได้สติ
“ไม่กลัวแล้วเหรอ” ซีวอนเอ่ยถามออกมาเมื่อหักเลี้ยวรถเข้าไปยังลานกว้างริมแม่น้ำฮัน สถานที่ที่เขาพบกับคยูฮยอนเป็นครั้งแรก
“ไม่ได้กลัว แต่แค่รู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัย”
“แล้วเมื่อกี้ไม่เห็นห้าม”
“ไม่รู้สิ มันนิ่งแล้วก็น่าทึ่งมาก” คยูฮยอนตอบออกไปตามที่ตนรู้สึก มันไม่ได้หวือหวาและน่ากลัวอย่างที่คิด
“เพราะคิดไปเองไงว่ามันน่ากลัว” ซีวอนเอ่ยตอบก่อนที่จะกดเปิดประทุนรถและดับเครื่องยนต์ลงเมื่อตัวรถมาจอดอยู่ริมลานกว้างเทียบกับตัวแม่น้ำแล้ว
“ก็คงจะอย่างนั้นมั้ง” เพราะประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในวัยเด็ก ก็เลยทำให้เขาค่อนข้างกลัวความเร็วและหลีกหนีมาตลอด ขนาดเพื่อนสนิทอย่างทงเฮเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันเขาก็จะคอยยั้งอีกคนไว้ไม่ให้ขับรถเร็วตลอด
“ขอบใจนะ”
“ขอบใจ ??” คยูฮยอนทวนคำพูดอย่างงงๆ
“อืม ขอบใจที่เตือนสติฉัน ฉันลองทำตามที่นายบอกแล้ว ลองเอาเวลาที่ใช้ไปกับการโกรธแค้นและคิดจะเอาคืนไปดูแลคนที่ฉันรู้สึกดีกับเขา แต่เชื่อมั้ยอย่าว่าแต่ดูแลเลยแม้แต่หน้า ฮยอกแจก็ยังไม่อยู่ให้มองเลย”
นี่สินะจุดประสงค์ที่ชวนเขาออกมา เพื่อระบายเรื่องของใครคนนั้น คยูฮยอนนั่งเงียบอย่างคนไม่รู้จะพูดอะไร ความรู้สึกดีๆก่อนหน้านี้จางหายไปหมดแล้ว ดวงตากลมเหม่อมองออกไปยังวิวแม่น้ำในยามค่ำคืนเบื้องหน้า ไม่อยากจะหันไปสบกับแววตาเศร้าของคนข้างๆ
“แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วละว่าฉันควรยืนอยู่ตรงไหน ฉันจะกลับไปเป็นเพื่อนเขาเหมือนเดิม”
“ก็ไปบอกเขาสิ” ถึงจะพยายามไม่ยุ่งแล้วแต่ก็อดจะพูดออกไปไม่ได้
“บอกไปแล้ว”
“แล้วเขาโอเคมั้ยล่ะ”
“ก็โอเคนะ แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักพัก มันก็คงพอดีแหละเพราะฉันต้องไปญี่ปุ่นอยู่แล้ว” ซีวอนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
“แล้วนัดฉันออกมาเพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ” คยูฮยอนอดจะถามไม่ได้ เพราะเรื่องที่อีกคนพูดมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาตรงไหนเลย
“ขอโทษนะคยูฮยอน”
“ขอโทษทำไม ฉันไม่ได้เป็นไรนี่ ก็ฟังได้” คยูฮยอนรีบปฏิเสธคำขอโทษของอีกคนทันที เพราะคิดว่าซีวอนคงขอโทษที่เอาเรื่องของฮยอกแจมาระบายให้ฟัง
“เรื่องที่ฉันทำกับนาย ฉันโกรธทงเฮ ฉันไม่ยอมรับความพ่ายแพ้แล้วก็เอามันมาลงกับนาย แต่นายเข้มแข็งมากนะ เข้มแข็งซะจนฉันละอายใจเวลาที่มองหน้านาย ไม่ต้องให้อภัยฉันก็ได้แค่รับคำขอโทษของฉันไว้ก็พอ” ใบหน้าหล่อหันมองคนข้างๆเต็มตาชนิดที่ว่าจะไม่มีการหลบหลีกกับความผิดที่ตนเองได้ก่อไว้อีกต่อไป
“แล้วถ้าย้อนเวลากลับไปได้นายจะทำแบบนั้นอยู่มั้ย” อะไรก็ไม่รู้ที่ทำคยูฮยอนอยากรู้ในสิ่งที่ไม่ควรถาม
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันก็เลือกจะทำแบบนั้นอยู่ดี ไม่งั้นเราก็คงไม่รู้จักกัน ไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันที่ญี่ปุ่นและก็คงไม่ได้มานั่งคุยกันแบบนี้” ซีวอนเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“งั้นฉันก็ไม่ควรให้อภัยนายสินะ”
“ไม่เป็นไร ผมรอได้”
“งั้นก็รอต่อไปแล้วกัน” ในเมื่ออีกคนไม่ได้ระบุความหมายขอคำว่ารอได้ให้ชัดเจนว่าหมายถึงรออะไร คยูฮยอนก็เลือกตอบออกไปแบบนั้นบ้าง
“เดือนหน้าผมต้องไปซ้อมที่ญี่ปุ่นทั้งเดือน พอเดือนถัดไปก็เริ่มเข้าสู่เทศกาลแข่งขันคงอีกเกือบสองเดือนนั่นแหละกว่าจะได้กลับมาเกาหลีอีกที” ซีวอนพูดบอกเป็นนัย เพราะเดือนหน้าก็คือพรุ่งนี้แล้ว
“แล้วไง”
“ผมอยากให้คุณไปดูผมแข่งด้วย”
“ปกติฮยอกแจไปดูคุณแข่งตลอดเหรอ” อดจะถามออกไปไม่ได้ เพราะภาพฮยอกแจที่ยืนเคียงข้างกับซีวอนในคืนแข่งรถยังคงติดอยู่ในหัว
“ก็ส่วนใหญ่ ถ้าเขาว่าง ฮยอกแจเขาชอบแข่งรถแต่ตัวเขาแข่งเองไม่ได้รายนั้นก็เลยชอบไปนั่งดู”
“ที่อยากให้ผมไปนี่เพราะเคยชินกับการที่มีใครสักคนไปคอยนั่งเชียร์หรือเปล่า แล้วถ้าไม่ใช่ผมล่ะ”
ถึงจะดูเหมือนเป็นการประชดไปบ้างแต่เขาก็ควรพูดออกไปไม่ใช่เหรอ เพราะซีวอนเคยชินกับการที่มีฮยอกแจไปคอยให้กำลังใจ พอขาดไปก็เลยรู้สึกเหงาหรือเปล่า เขาก็แค่อยากรู้ว่าคนที่ซีวอนต้องการคือเขา หรือแค่ใครสักคนที่สามารถแทนที่ฮยอกแจได้
“ไปถามตัวเองมาให้แน่ใจก่อนเถอะ เดือนนึงต่อจากนี้ก็ตั้งใจซ้อมให้มากล่ะ เพื่อเกาหลีใต้แล้วก็เพื่อตัวนายเอง ถ้าถึงตอนแข่งคำตอบของนายคือฉัน ฉันจะยอมลงทุนบินไปดูนายแข่งทุกสนามเลย” คำพูดทีเล่นทีจริงที่แฝงความหมายเอาไว้ทำให้ซีวอนอยากจะขยับปากพูดอะไรออกมาแต่ก็ตัดสินใจที่จะเงียบไป
ที่จริงซีวอนก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว เพียงแต่เขาพูดมันออกไปตอนนี้ไม่ได้ ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอก ฮยอกแจก็คือฮยอกแจ คยูฮยอนก็คือคยูฮยอน ที่เขาต้องทำต่อจากนี้ก็คือตั้งใจฝึกซ้อมและทำให้อีกคนมั่นใจว่าเจ้าตัวนั้นไม่ได้เข้ามาแทนที่ใครแต่เข้ามามีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาด้วยตัวเองต่างหาก
“วันนึงฉันจะตอบนายด้วยการกระทำ”
--------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------
เช้าวันศุกร์ที่ควรจะรู้สึกสดชื่นกับการทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์ แต่ร่างโปร่งของคยูฮยอนกลับรู้สึกแปลกไป เพราะใครบางคนที่กำลังเข้ามาอิทธิพลต่อจิตใจของเขา กำลังบินลัดฟ้าไปอยู่อีกประเทศหนึ่งแล้ว
“กาแฟค่ะคุณคยูฮยอน วันนี้ช่วงบ่ายมีลูกค้าของคุณเยซองเข้าเยี่ยมชมนะคะ ตอนเย็นฮโยริเคลียร์ตารางให้แล้วเพราะวันนี้คุณซูมานออกจากโรงพยาบาลคุณคยูฮยอนคงต้องไปบ้านโน้น” เลขาสาววางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยบอกถึงตารางการเยี่ยมชมบริษัทที่ปกติแล้วมักจะปิดท้ายด้วยการให้ผู้บริหารระดับสูงไปกล่าวขอบคุณหรือกล่าวทัศนวิสัยเพื่อเป็นการให้เกียรติกับลูกค้า รวมไปถึงย้ำเตือนเรื่องที่ประธานบริษัทจะออกจากโรงพยาบาล
คยูฮยอนพยักหน้าลงเป็นการตอบรับ ก่อนจะหยิบแก้วกาแฟที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นขึ้นดื่มเพียงเล็กน้อยแล้ววางมันลงกับจานรองแก้วดังเดิม ฮโยริเดินออกไปแล้ว ร่างโปร่งเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ปรับระดับทรงสูงก่อนที่เปลือกตาบางจะปิดลงปล่อยให้ความคิดล่องลอยย้อนไปถึงวันแรกที่ได้พบกับใครบางคน
“ถ้านายชนะ นายก็พาคยูฮยอนไป”
ประโยคที่ถูกเอ่ยออกมาจากไอ้เพื่อนเวรอย่างทงเฮ ที่ไม่ถามความเห็นเขาสักคำ แต่สุดท้ายแล้วถึงซีวอนจะไม่ได้ชนะแต่ตุ๊กตาหน้ารถที่ไม่ได้รับเชิญอย่างคยูฮยอนก็ยังกระโดดขึ้นรถไปกับซีวอนอยู่ดีถึงจะถูกไล่ลงกลางทางอย่างน่าโมโหก็เถอะ
“ฉันคยูฮยอนนะ คือฉันอยากได้โทรศัพท์กับไอแพดของฉันคืน”
“อยากได้ก็มาเอาไปสิ ดังอยู่ได้หนวกหูชะมัด”
“เอ่อ.........”
“อะไร อย่าคิดว่าฉันจะใจดีหอบเอาไปให้ โง่ลืมไว้ก็มาเอาไปเอง”
“งั้นจะให้ฉันไปเอาที่ไหน”
“คอนโด ^$@#^(#@*#(#)% ห้อง 1013”
“งั้นเดี๋ยวฉันเข้าไปเอา”
ระดับผู้บริหารอย่างโจว คยูฮยอน กับแค่ไปเอาโทรศัทพ์คืนจำเป็นขนาดนั้นเลยเหรอที่จะต้องไปเอาด้วยตนเอง ใช้ใครสักคนในบริษัทไปเอาให้ก็คงจะได้ ทำไมถึงได้ไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนทั้งที่ถ้ายืนกรานว่าจะเอาของแล้วกลับเลยก็ทำได้
“นายทำแบบนี้ทำไม เพราะแค้นที่แพ้ทงเฮเลยมาลงกับฉันเนี่ยนะ”
บางสิ่งบางอย่างอาจจะเกินความคาดหมายไปบ้างแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งเกิดจากความยินยอมของเขาเองถึงมันจะเป็นส่วนน้อยนิดจากจิตใต้สำนึกที่ไร้ซึ่งเหตุผลก็ตาม
และเมื่อสติครบถ้วนสมองก็เริ่มประมวลถึงเหตุและผล แต่ในเมื่อสิ่งที่เสียไปแล้วยังไงก็ไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องฟูมฟาย ดังนั้นก็เลือกได้แค่จะเดินหน้าต่อไปหรือปล่อยให้เรื่องราวเลือนหายไปกับกาลเวลา
แล้วเขาก็เลือกทำอย่างแรก “โครงการเตรียมความพร้อมสำหรับนักแข่ง Super GT เกาหลีใต้” ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ผู้บริหารระดับสูงของอีคอร์เปอร์เรชั่นที่เป็นสปอนเซอร์หลักของโครงการอย่างเขาต้องเข้าร่วมด้วยตนเอง แค่เพียงส่งใครสักคนไปเป็นตัวแทนก็เพียงพอ แต่คยูฮยอนก็เลือกที่จะไปเพราะรู้ว่าหนึ่งในสมาชิกโครงการจะต้องมีใครคนนั้นรวมอยู่ด้วย
“และตอนนี้ก็ขอเชิญพบกับวิทยากรกิตติมศักดิ์ของเราได้เลยครับ คุณ.....โจว คยูฮยอน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัทอีคอร์เปอร์เรชั่นและกลุ่มบริษัทในเครือทั้งหมด ขอเสียงปรบมือต้อนรับคุณคยูฮยอนด้วยครับ”
การเปิดตัวที่อลังการงานสร้างสมดั่งใจเจ้าของตำแหน่ง เพื่อประกาศให้รู้ว่าคนๆนั้นได้ทำอะไรไว้กับใคร ซึ่งมันก็ได้ผลดีทีเดียว หลังจากรอให้อีกคนแสดงตัวจนเกือบข้ามวันก็บรรลุเป้าหมาย ซีวอนเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาเองโดยที่ไม่ต้องออกแรงทำอะไร
“ได้เรียนรู้มันไง วันที่นายแพ้ทงเฮนายเจ็บปวดและไม่ยอมรับมันจนกลายเป็นความเจ็บใจ เพราะนายไม่เคยรู้จักคำว่าแพ้ แล้วความรู้สึกนั้นมันช่วยอะไรนายได้บ้างนอกจากทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลง ถ้านายหัดรู้จักและยอมรับในความพ่ายแพ้นายก็จะควบคุมจิตใจของนายได้ดีขึ้น”
ถ้าซีวอนเปรียบเหมือนไฟคยูฮยอนก็เป็นดั่งน้ำ ผิวหน้าของน้ำอาจถูกไฟลามเลียจนเสียความเป็นตัวเองไปชั่วขณะ แต่ไม่นานความเย็นของน้ำจำนวนมหาศาลจะแผ่กระจายครอบคลุมความร้อนจากไฟเหลือทิ้งไว้เพียงน้ำอุ่นจากการผสมผสานกันของน้ำและไฟอย่างลงตัว
ช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นทำให้เขารู้สึกดีกับซีวอนเพิ่มมากขึ้นและอีกคนก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน แต่มันติดอยู่ตรงที่ว่าหลายครั้งที่คิดว่าตนเองกำลังบังเงาของใครบางคนอยู่ ก็เลยเลือกที่จะอยู่นิ่งๆไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกไปมาก
ตลอดเกือบสัปดาห์หลังกลับจากญี่ปุ่นเขาเฝ้ารอการติดต่อจากซีวอนจนเกือบจะคิดว่าอีกคนจะไปฝึกซ้อมที่ญี่ปุ่นโดยไม่ร่ำลากันเสียแล้ว ถ้าผ่านพ้นช่วงนี้ไปแล้วอีกคนยังคงเงียบหายเขาคงต้องปล่อยให้ทุกอย่างเลือนหายไปกับกาลเวลา นั่นเป็นทางเลือกที่เขาไม่ได้เป็นผู้เลือกซีวอนต่างหากที่เป็นคนตัดสินมัน
ไม่ใช่ความผิดของใครถ้าซีวอนจะมีหัวใจไว้เพื่อรักเพียงฮยอกแจ แต่หากถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ยังอยากให้เรื่องราวทั้งหมดเป็นแบบนี้อยู่มั้ย คยูฮยอนก็ตอบเหมือนซีวอนอย่างไม่ลังเลเลยว่าถึงย้อนเวลากลับไปได้เขาก็ยังอยากให้มันเป็นแบบนี้อยู่ดี
“วันนี้คุณพอจะมีเวลาคุยกับผมมั้ย”
จนกระทั่งวันสุดท้ายของการอยู่เกาหลีใต้ ซีวอนก็ติดต่อมา นอกจากคำขอโทษ ก็ไม่มีคำบอกรักหรือสารภาพความรู้สึกใดๆจากซีวอนอย่างที่คาดหวัง เพราะเจ้าตัวเองคงจะยังไม่มั่นใจ แต่ก็ช่างเถอะนั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับคยูฮยอนเพราะเขาตัดสินใจไปแล้วที่จะเดินหน้า
และทั้งหมดนี้ก็คือความลับที่ซีวอนจะไม่มีวันได้รู้
เปลือกตาบางลืมขึ้นก่อนจะเปิดแล็ปท็อปคู่ใจเพื่อค้นหาตารางการแข่งขัน Super GT 2015 แล้วกดส่งลิ้งค์หน้าเว็บให้กับเลขาสาวที่นั่งอยู่ด้านนอก นิ้วเรียวละจากแล็ปท็อปออกมากดปุ่มสปีคเกอร์โฟนบนโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ก่อนจะพูดโต้ตอบกลับไปเมื่อได้ยินเสียงปลายสาย
“ช่วยจองตั๋วเครื่องบินไปกลับญี่ปุ่นกับที่พักแล้วก็ตั๋วเข้าชมการแข่งขันให้ผมด้วย ตามตารางที่ผมส่งลิ้งค์ให้ใน E-Mail ทุกรอบ แล้วก็เคลียร์ตารางงานในช่วงนั้นให้ผมด้วย อันไหนที่เคลียร์ไม่ลงตัวก็ปัดไปให้ทงเฮทำถ้าเขามีปัญหาก็ให้เขามาคุยกับผม”
“ได้ยินที่ผมพูดมั้ย”
(ดะ..ได้ยินค่ะ)
สายถูกตัดไปแล้ว ในขณะที่หญิงสาวด้านนอกกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินคนด้านในก็ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี มือเรียวหยิบแก้วกาแฟที่อุ่นกำลังได้ที่ขึ้นดื่มอีกครั้งรวดเดียวหมด ก่อนจะเปิด E-Mail ดูข้อความขาเข้าเพื่อเริ่มการทำงานในวันสุดท้ายของสัปดาห์
“ฉันจะรอคำตอบของนายนะ...ซีวอน"
แต่คยูฮยอนคงไม่รู้ว่า....ซีวอนเองนั้นก็มีคำตอบอยู่แล้วในใจเช่นกัน เพียงแต่เลือกที่จะยังไม่พูดออกมาตอนนี้ คงต้องปล่อยให้เวลาชะล้างสิ่งต่างๆที่ค้างคาใจของคนทั้งคู่ออกไปให้หมดเสียก่อน
ต้นไม้ที่ยังไม่ออกดอกออกใบก็ไม่ได้หมายความว่ามันกำลังจะเฉาตาย มันแค่อยู่เพื่อรอวันเวลาที่เหมาะสมและเมื่อถึงเวลาอันควรแล้วหากได้รับความอบอุ่นจากแสงแดดและความชุ่มชื้นจากน้ำมากพอมันก็จะผลิดอกออกใบแผ่กระจายความสวยงามให้ปรากฏแก่ทุกสายตา
-------------- The Ene of WonKyu’s Part -------------
เอาไป 100% เลย ตัดมาลงวอนคยูก่อนที่เหลือจะได้เป็นเฮอึนจนจบ จบแล้วจ้าพาร์ทวอนคยู ไม่รู้จบแบบนี้ถูกใจคนอ่านมั้ย แต่เราคิดว่ามันประมาณนี้แหละ คงไม่หวานหรือหวือหวาไปกว่านี้ เวลาจะทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้นเอง
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์มากมายในตอนที่แล้ว เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับเรื่องนี้ถ้าไม่นับตอนที่มีโคมไฟ เจอกันอีกครั้งสัปดาห์หน้าจ้า ฝากแทก #ฟิคมายแบดบอย ด้วยน๊า ถือว่าช่วยกันโฆษณา
ฟิคยังจองได้อยู่นะคะ ตอนนี้กำลังพยายามทำปกด้วยตัวเองอยู่ ถ้าเสร็จแล้วจะเอามาให้ดู ^^
ความคิดเห็น