ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Bad Boy เป็นของฉันได้ไหมนายตัวแสบ - HaeEun feat. WonKyu

    ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 19

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 999
      6
      31 มี.ค. 58

    Chapter 19








     



    ในคืนวันเสาร์หลังจากยืนรอแม่บ้านทำความสะอาดชุดอยู่นานพอสมควรทงเฮก็กลับห้องมาพร้อมกับชุดในมือยื่นส่งให้ยุนอา  หญิงสาวรับเอาชุดไปเปลี่ยนและสำรวจความเรียบร้อยของใบหน้ากับทรงผมอีกนิดหน่อยก็กลับออกมาด้านนอก

     

    “พี่ทงเฮ...เมื่อกี้เพื่อนพี่มาหา  แต่ว่ากลับไปแล้วละค่ะ  คงจะเพราะยุนอาอยู่ในห้องก็เลยเกรงใจไม่กล้านั่งรอแน่เลย ขอโทษนะคะ” หญิงสาวเอ่ยเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ให้เจ้าของคอนโดฟัง  ถึงแม้เพื่อนของทงเฮจะบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องบอกก็ได้ แต่เพราะความรู้สึกผิดที่คิดว่าตนเองนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทงเฮต้องคลาดกับเพื่อนก็เลยคิดว่าอย่างไรเสียก็ควรจะบอกกล่าวให้เจ้าของคอนโดรับรู้   

     

    “ตอนนี้ออกมาทำธุระ แต่อีกเดี๋ยวก็จะกลับเข้าไปในงานแล้วละ”

    “อืม....งั้นก็รีบไปทำธุระของคุณเถอะ... แค่นี้นะ”

     

    แล้วคำพูดกับน้ำเสียงของฮยอกแจที่ได้สนทนาผ่านสายไปเมื่อครู่ก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวทงเฮอีกครั้ง   ก่อนที่สองขาจะก้าวยาวๆอย่างรวดเร็วเข้าไปในห้องนอนเพื่อพบว่ากระเป๋ากับเสื้อผ้าของฮยอกแจไม่อยู่แล้ว  สายตาคมกวาดมองไปบนราวในตู้เสื้อผ้าตรงมุมแต่งตัวที่เคยมีของอีกคนปะปนอยู่นิดหน่อยก็พบว่าชุดที่เป็นของฮยอกแจจริงๆนั้นเจ้าของเก็บกลับไปหมดเหลือไว้เพียงแค่ชุดที่เขาเป็นคนเลือกซื้อมาให้เท่านั้นที่ยังแขวนอยู่

     

    “ยุนอาแล้วเค้าบอกอะไรอีกบ้างมั้ย” ร่างหนาเดินออกมาถามหญิงสาวที่นั่งรออยู่ข้างนอกในทันทีที่กวาดมองไปทั่วห้องเสร็จ

    “ไม่นี่คะ  เห็นพี่เค้าถือของเดินออกไป  ยุนอาถามว่าจะให้บอกพี่มั้ยว่าเค้ามา เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร  ว่าแต่ใครเหรอคะ น่ารักมากๆเลย  นี่ถ้าไม่ติดว่าบุคลิกแมนๆแบบนั้น เอามาจับแต่งตัวเสียหน่อยเผลอๆสวยกว่ายุนอาอีกละมั้ง”  หญิงสาวบอกและเอ่ยชมออกมาอย่างอารมณ์ดี ไม่รู้เลยว่าในตอนนี้เจ้าของคอนโดนั้นเข้าสู่โหมดวิตกกังวลไปเรียบร้อยแล้ว

     

    ทงเฮหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงทันทีตั้งใจจะกดโทรออกหาฮยอกแจ แต่ยังไม่ทันจะได้กดโทรก็มีสายเข้ามาเสียก่อน    เป็นเลขาของเจ้าของงานวันเกิดที่ยุนอาไปถามลำดับพิธีการของงานก่อนจะขอตัวออกมาจากงานเพื่อจัดการกับชุด   เมื่อใกล้ถึงเวลาที่จะต้องเป่าเทียนบนเค้กและอยู่ร่วมอวยพรวันเกิดทางเลขาจึงได้โทรเข้ามาแจ้ง 

    “คุณจางโทรมาตามเหรอคะ”

    ใบหน้าคมพยักหน้าลงให้คำตอบก่อนจะหันไปมองทางห้องนอนอีกครั้งด้วยความกังวล  สุดท้ายก็ตัดใจหย่อนโทรศัพท์เครื่องสวยกลับลงไปในกระเป๋าเหมือนเดิม  รอให้งานเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยโทรไปเคลียร์จะดีกว่า

     

    แต่พอเอาเข้าจริงๆข้างในก็ร้อนรนจนทนไม่ไหวต้องกดต่อสายออกไปหารุ่นน้องเจ้าของผับ  เพื่อถามถึงเหตุที่อยู่ๆฮยอกแจก็มาปรากฏตัวที่คอนโดทั้งที่เวลานี้น่าจะเป็นเวลาที่ขึ้นแสดงอยู่บนเวที  แล้วก็ได้ความว่าวันนี้ SWAG ไม่มีการแสดงสดเพราะในผับมีเรื่องตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ 

     

    ตลอดระยะเวลาในงานทงเฮพยายามรักษาท่าทีให้สุขุมที่สุดแม้ในใจจะอยู่ไม่สุข คอยแต่จะนึกถึงอีกคนที่เวลานี้ควรจะได้อยู่ด้วยกันที่คอนโดของตนเอง  ใจลอยจนกระทั่งเกือบจะพูดอวยพรเจ้าของวันเกิดและกล่าวคำปราศัยไม่ได้เสียด้วยซ้ำถ้าไม่มียุนอาคอยช่วยบีบข้อมือเพื่อเตือนสติอยู่ตลอดบนเวที

     

    กว่าจะส่งยุนอาเสร็จเรียบร้อยและมองนาฬิกาจากแบรนด์หรูที่ข้อมืออีกครั้งก็พบว่าเกือบจะตีสองเข้าไปแล้ว  ไม่รู้ว่าอีกคนจะทำอะไรอยู่  แต่ช่วงเวลาแบบนี้ก็คงไม่เหมาะที่จะโทรไปรบกวน  สุดท้ายจึงตัดสินใจกลับคอนโดตนเองไปเพื่อรอเวลาในช่วงเช้าของอีกวัน

     

    ทงเฮตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันอาทิตย์  เป็นเพราะว่าเมื่อคืนกว่าจะได้หลับก็กินเวลาไปจนเกือบจะรุ่งเช้าแล้ว  ในหัวครุ่นคิดแต่เรื่องของฮยอกแจ อยากบอกอยากอธิบายแต่ก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มยังไงในเมื่อไม่รู้ว่าร่างบางคิดอะไรอยู่  จะโกรธกันหรือไม่ จะเข้าใจผิดหรือเปล่า หรือบางทีอีกคนอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็แค่แวะมาเอาของเท่านั้น

     

    หลังจากคิดวนไปวนมาอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์ออกหาคนปลายทางที่อยู่ในความคิดมาตลอด...เพื่อจะพบว่าปลายสายไม่สามารถติดต่อได้....ฮยอกแจปิดเครี่อง

     

    เมื่อพยายามโทรอีก 3-4 ครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล  ทงเฮจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตั้งใจจะไปหาอีกคนถึงคอนโด อย่างไรเสียวันนี้ก็คงต้องคุยกันให้รู้เรื่อง เพราะหลังจากที่นอนคิดมาทั้งคืนตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเขามีคำตอบให้กับคำถามของแจ็คสันแล้วอย่างไม่ต้องลังเล

     

    พี่จริงจังเหรอคนนี้”

     

    ใช่คนนี้แหละที่เขารู้สึกอย่างจริงจังและมันเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึกกับใครคนไหนมาก่อน  อี ทงเฮไม่เคยต้องเก็บเรื่องของใครมาคิดให้มากมายรกสมองเป็นเวลายาวนานขนาดนี้  แค่เพราะฮยอกแจหนีกลับคอนโดโดยไม่บอกเหตุผลอะไร แค่ติดต่อไม่ได้  แค่ไม่ได้เจอกันคืนเดียวก็ทำเอาเขาเกือบเป็นบ้า  เขากำลังตกหลุมรักเด็กคนนี้สินะ

     

    อี ทงเฮ กำลังตกหลุมรัก อี ฮยอกแจ

     

    --------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------

     

    หลังจากยืนกดวีดีโอดอร์โฟนหน้าห้องของฮยอกแจอยู่นานก็ไม่ได้รับการตอบรับ โทรหาก็ไม่ติดอีกเหมือนเดิม  จึงกลับลงมาถามพนักงานตรงเคาน์เตอร์ด้านล่างเพราะไม่แน่ใจระหว่าง “ไม่อยู่” กับ “อยู่แต่ไม่ต้อนรับ”  คาดหวังว่าพนักงานจะรู้หรือเห็นอะไรบ้างแล้วพนักงานก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แต่คนที่ทำให้ผิดหวังกลับเป็นร่างบางที่เขาอยากจะพบหน้า  ฮยอกแจไม่อยู่ที่คอนโด พนักงานเห็นร่างบางเดินออกไปแล้วตั้งแต่เช้า 

     

    “ไปไหนของเค้านะ”

     

    ทงเฮกดต่อสายถึงปลายทางที่เขาไม่เคยได้คุยด้วยเกือบเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่ให้คนเอารถของฮยอกแจไปซ่อม

     

    “ชินดง....

    Porsche  911 สีขาวคันนั้นมีคนมารับไปหรือยัง

    ยังไม่เสร็จเหรอ อีกนานมั้ย

    อะไรนะ !!!

    งั้น  $(%&$(&%(_$*%)$($&%(#@$@$%RT$(&%($&%YI

    โอเค ขอบใจมากเพื่อน

    ได้...แล้วเจอกัน...บาย”

     

    รถยังซ่อมไม่เสร็จงั้นฮยอกแจก็คงจะไม่ได้ไปไหนไกลจากโซลเพราะยังไงเสียคืนนี้ก็ต้องไปร้องเพลง  เป็นไปได้สูงว่าอาจจะกำลังไปซ้อมเพลงอยู่กับเพื่อนในวง  ถ้างั้นก็คงต้องรอช่วงค่ำ

     

    เมื่อคิดได้ดังนั้นมือหนาจึงหมุนพวงมาลัยหักออกเพื่อกลับคอนโดตนเอง ปลายเท้ากดเหยียบคันเร่งให้ตัวรถทะยานไปตามท้องถนน 

     

    Rrrrrrrrrrrrrrrrr

    “ครับคุณแตฮี

    ล้มในห้องน้ำ  !!!!!

    แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง

    ครับๆจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

     

      --------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------

     

    4 วันเต็มๆที่ทงเฮวิ่งเข้าออกระหว่างโรงพยาบาล คฤหาสน์ตระกูลอี และที่บริษัท ยังไม่นับรวมกับการต้องกลับคอนโดด้วย  อยากจะไปหาใครอีกคนแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ด้วยงานที่รัดตัวและด้วยความเป็นห่วงคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดา 

     

    อี ซูมานล้มในห้องน้ำหลังจากนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วพบว่ามีความเป็นไปได้สูงที่กระดูกสะโพกจะหัก  ซึ่งหากกระดูกสะโพกหักจะค่อนข้างถือเป็นเรื่องร้ายแรงกว่ากระดูกในส่วนอื่นๆเช่น กระดูกข้อมือ หรือสันหลัง ที่มักจะไม่จำเป็นต้องผ่าตัด  ส่วนกระดูกสะโพกหักนั้นถ้าไม่ได้รับการผ่าตัดรักษาโดยการใส่ข้อสะโพกเทียม หรือผ่าตัดเพื่อใส่โลหะพิเศษยึดตรึงกระดูกไว้ภายในแล้ว  อาจจะต้องนอนติดเตียงเพราะเดินและนั่งไม่ได้  ซึ่งจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนจากการนอนนิ่งๆ เป็นระยะเวลานาน เกิดแผลกดทับ กระเพาะปัสสาวะอักเสบติดเชื้อ หรือปอดบวม ซึ่งอาจจะเสียชีวิตในที่สุด 

     

    หลังจากที่วันอาทิตย์ทีมแพทย์ได้ช่วยกันตรวจและสแกนร่างกายซูมานโดยละเอียดจนลากยาวมาถึงวันจันทร์เพราะหมอเฉพาะทางในบางแผนกที่ไม่ได้เข้าปฏิบัติงานในวันอาทิตย์  ทำให้กว่าจะรู้ผลทั้งทงเฮและแตฮีหญิงสาวซึ่งเป็นคนรักคนใหม่ของซูมานต้องอดหลับอดนอนไปตามๆกัน 

     

    ทงเฮกลับไปนอนที่คฤหาสน์ตระกูลอีในคืนวันอาทิตย์เนื่องจากซูมานที่ยังอยู่ในห้องฉุกเฉินและเปลี่ยนออกมาเป็นห้องไอซียูเพื่อรอดูอาการ  ดังนั้นญาติของคนป่วยจึงไม่สามารถเฝ้าได้  ร่างหนาจึงตัดสินใจกลับไปนอนบ้านหลังจากที่ไม่ได้กลับเสียนานเพราะเป็นห่วงแตฮี เกรงว่าถ้าปล่อยให้อยู่คนเดียวอีกคนจะกังวลและกลัว

     

    หลังจากนั้นซูมานก็ถูกย้ายออกจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องพักฟื้นพิเศษเพื่อรอผล  ระหว่างนี้ทงเฮอาสาที่จะอยู่เฝ้าบิดาของตนเองในช่วงกลางคืนและแตฮีจะเป็นคนอยู่ดูแลในตอนกลางวันช่วงที่ทงเฮต้องเข้าบริษัท  จึงทำให้ไม่สามารถจะปลีกตัวไปไหนได้เลย 

     

    แต่เพราะความคิดถึงก็ยังอุตส่าห์ขับรถไปดูที่คอนโดของร่างบางในช่วงสายของวันอังคารถึงได้รู้ว่าฮยอกแจไม่ได้กลับคอนโดตั้งแต่วันจันทร์แล้ว  เขาหงุดหงิดจนแทบจะเป็นบ้าที่หาตัวฮยอกแจไม่เจอและติดต่อไม่ได้    โทรไปถามข่าวจากแจ็คสันก็ไม่รู้เรื่อง  หนักเข้าจึงขอเบอร์ติดต่อของฮีชอลจนในที่สุดก็ได้ความว่าร่างบางกลับบ้านที่เชจู

     

    เขารอจนถึงวันพฤหัสที่ฮยอกแจจะต้องกลับมาร้องเพลงที่ผับ และก็เหมือนโชคจะเข้าข้าง  เมื่อคืนนี้แตฮีอาสาจะอยู่เฝ้าซูมานให้เองด้วยเหตุผลที่ว่าเขาอดหลับอดนอนมาตลอด  3 วันแล้ว ควรจะได้พักผ่อนบ้างไม่เช่นนั้นถ้าเขาทรุดไปอีกคนคงจะลำบาก  และสุดท้ายภาระก็จะตกหนักที่คยูฮยอนต้องรับหน้าที่ดูแลงานทั้งหมดที่บริษัท

     

    หลังจากช่วงเย็นที่ออกจากบริษัทเพื่อมาดูซูมานและรับแตฮีกลับไปอาบน้ำ  เตรียมข้าวของเพิ่มเติมที่คฤหาสน์แล้ว  ทงเฮก็กลับมาส่งหญิงสาวที่โรงพยาบาลอีกครั้ง  ตั้งใจว่าจะเดินถือของขึ้นไปส่งและอยู่เป็นเพื่อนคุยกับผู้เป็นพ่อสักครู่สักสามทุ่มก็จะไปที่ผับ  ความเมื่อยล้าทั้งจากสมองและร่างกายในหลายวันที่ผ่านมาทำให้อยากดื่มเพื่อผ่อนคลายสักนิดหน่อยและเหตุผลที่สำคัญก็คงจะหนีไม่พ้นอยากจะไปเจอหน้าและปรับความเข้าใจกับใครบางคน

     

    “ทงเฮคะ  แตฮีลืมซุปของป้านาอึนไว้ที่หลังรถน่ะค่ะ ยืมกุญแจหน่อยค่ะเดี๋ยวจะลงไปเอา”  แตฮีเอ่ยขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าป้านาอึนแม่บ้านใหญ่ประจำคฤหาสน์นั้นฝากซุปที่ลงทุนเคี่ยวถึงครึ่งค่อนวันมาให้กับซูมาน แต่เพราะซุปยังร้อนๆอยู่ก็เลยนำกล่องซุปไปไว้ด้านหลังรถและลืมหยิบติดมือขึ้นมาด้วย

     

    “เดี๋ยวผมลงไปเอาให้ดีกว่า”

    “ไม่เป็นไรค่ะ”

    “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ”  ทงเฮเอ่ยจบก็เดินออกไปเปิดประตูห้องพักฟื้นเพื่อจะเดินกลับลงไปเอาถุงกล่องซุป  แต่ก็ต้องเอ่ยชื่อของใครบางคนออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าอีกคนจะมายืนอยู่ตรงหน้าในตอนที่เปิดประตูออกไป และดูท่าว่าอีกคนก็จะตกใจไม่แพ้กันที่เขาเปิดประตูออกมา

     

    “คุณ !!!!...
     

    “ฮยอกแจ !!

     
     

     

     

    --------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------



    “จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือไง”

     

    ทงเฮเอ่ยถามออกมาเมื่อเขาเล่าทุกอย่างให้อีกคนฟังตั้งแต่ต้นจนจบ รวมถึงการอธิบายความสัมพันธ์ของตนเองกับหญิงสาวที่เขารักเสมือนน้องสาวอย่างยุนอา  ไม่เว้นแม้แต่แตฮีภรรยายังสาวของผู้เป็นบิดาที่นานๆจะได้พบปะและพูดคุยกันเนื่องจากทงเฮเองที่ไม่ได้กลับไปอยู่บ้าน  และหญิงสาวก็มีร้านอาหารเล็กๆเป็นของตนเองไม่ได้ทำงานที่อีคอร์ปฯทำให้ไม่บ่อยนักที่ทั้งคู่จะได้พบเจอหรือพูดคุยกัน  แต่ทงเฮก็ให้ความเคารพกับหญิงสาวในฐานะคนรักของบิดาแม้ว่าจะไม่ได้ยกสถานะให้สูงเทียบเท่ามารดาของตนเอง

     

    เว้นก็แต่คำตอบของคำถามที่แจ็คสันถามเขากับบทสรุปของความรู้สึกที่เขามีต่อฮยอกแจ  อยากจะพูดออกไปในตอนนี้อยู่เหมือนกัน แต่ว่ายังหาโอกาสไม่ได้ก็อีกคนยังไม่เอ่ยอะไรออกมาเลยสักอย่างตั้งแต่เจ้าตัววางสายจากฮีชอลไปเพื่อบอกว่าไม่ต้องรอและให้ไปเจอกันที่ผับเลย

     

    “แล้วจะให้พูดอะไรล่ะ”  ไม่ใช่ว่ากวนตีน แต่เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกไปจริงๆ 

     

    จะให้บอกออกไปว่า......

    ตกใจที่เห็นผู้หญิงคนนั้นอยู่ในห้องของทงเฮ

    ไม่พอใจที่อีกคนไม่บอกกันในสายตั้งแต่คืนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นก็เลยเก็บข้าวของกลับห้อง 

    โกรธที่ทงเฮไม่ยอมโทรมาเคลียร์ตั้งแต่คืนวันเสาร์ 

    เสียความรู้สึกที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตอนเช้าวันอาทิตย์แล้วไม่มี Miss Call ของทงเฮ

    น้อยใจที่คืนวันอาทิตย์เป็นแจ็คสันที่ลงมาบอกว่าจะไปส่งแทนที่จะเป็นคนที่เขารอ

    และ...เจ็บ...ที่เห็นว่าคนที่อยู่ในความคิดมาตลอดเกือบสัปดาห์อยู่กับใครคนอื่นพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นแบบนั้น

     

    จะให้อี ฮยอกแจพูดออกไปได้ยังไง  “เขินตายเลย”  รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น

    “ก็แบบ..ไม่มีอะไรจะถาม หรือไม่มีอะไรที่อยากบอกผมบ้างเลยเหรอ”  ทงเฮยังคงรบเร้าหวังจะให้อีกคนพูดอะไรออกมาบ้าง แต่ฮยอกแจก็ยังคงเงียบ ใบหน้าหวานหันออกไปมองด้านข้างผ่านตัวกระจกรถไปยังทิวทัศน์ด้านนอกเหมือนว่ามันมีอะไรน่าสนใจทั้งที่มันก็เป็นเพียงแค่ภาพของแสงไฟตามตึกในยามค่ำคืนธรรมดา

     

    “คุณโกรธผมใช่มั้ยคืนนั้น”  เมื่ออีกคนไม่พูดอะไรทงเฮก็เลือกที่จะถามเอง และก็เป็นการถามที่เข้าข้างตนเองแบบสุดๆชนิดที่ไม่กลัวเสียหน้าหากอีกคนจะปฏิเสธกัน เพราะถ้าไม่ถามก็คงไม่ได้คำตอบในสิ่งที่อยากรู้

    “ใช่โกรธมาก” แต่สิ่งที่พูดออกไป   “ทำไมผมต้องโกรธคุณด้วยล่ะ”

    “ก็คุณเก็บข้าวของออกไปหมดเลย”

    “ก็มันน่าโกรธมั้ยล่ะ”   แต่สิ่งที่พูดออกไป  “ก็เลยคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าผมโกรธ ว่างั้น”

    “ถ้าไม่โกรธแล้วปิดเครื่องทำไม  ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบกลับ”

    “ก็แล้วทำไมไม่มาง้อตั้งแต่วันเสาร์ล่ะ”  แต่สิ่งที่พูดออกไป  “แบตหมด ขี้เกียจชาร์ต ลืมเอาที่ชาร์ตกลับบ้านด้วย”

    “ที่บ้านคุณไม่มีใครใช้ไอโฟนเลยเหรอ”

    “อี ทงเฮ  อย่าฉลาดได้มั้ย”
     

    “ถามมากอยู่ได้  จอดข้างหน้านี้เลยก็ได้”  ฮยอกแจปลดเข็มขัดนิรภัยทำท่าจะลงเมื่อทงเฮขับผ่านทางด้านหน้าของผับ  อยากจะขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้มาถึงผับพอดีในตอนนี้  ไม่งั้นคงจะถูกทงเฮต้อนถามจนหลุดอะไรออกไปแน่เลย

     

    ทงเฮไม่ได้จอดรถที่ด้านหน้าผับตามที่อีกคนบอกแต่กลับไปจอดในโรงจอดรถด้านหลังซึ่งเป็นที่ประจำแทน  เพราะตั้งใจจะรอจนอีกคนร้องเพลงเสร็จแล้วกลับพร้อมกัน 

     

    “คุณไม่กลับไปพักหรือไง ไม่ได้นอนมาตั้งหลายคืนแล้ว”

    “อีกสักคืนก็คงไม่เป็นไร  ไปกันเถอะ” 

     

    เมื่อพูดจบทงเฮก็เปิดประตูออกจากรถมายืนรออีกคนเพื่อจะเดินไปพร้อมกัน  แต่ฮยอกแจกลับรีรอหันซ้ายหันขวาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆแล้วเงยหน้าบอกกับทงเฮให้เดินเข้าไปก่อน 

     

    “คุณเข้าไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวผมโทรหาพี่ฮีชอลแปบนึง”

     

    เมื่อทงเฮเดินเข้าไปแล้วฮยอกแจจึงเก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าเหมือนเดิม ไม่ได้โทรออกไปอย่างที่บอกกับทงเฮ  เพราะตอนก่อนจะออกมาจากโรงพยาบาลก็คุยกันรู้เรื่องเรียบร้อยแล้วว่าให้มาเจอกันที่ผับเลย  ส่วนที่ไล่ให้อีกคนไปก่อนก็เพราะว่า...รู้สึกแปลกๆที่จะต้องเดินเข้าผับไปพร้อมกัน  แถมตอนเลิกก็ยังจะต้องกลับออกมาพร้อมกันอีก ฮยอกแจไม่ชินกับแบบนี้เลยจริงๆ

     

    --------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------

     

    I guess what i’ma saying is there ain’t no better reason
    To rid yourself of vanity and just go with the seasons

    It’s what we aim to do

    Our name is our virtue


    สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณก็คือ มันไม่มีอะไรที่จะมีเหตุผลไปกว่า

    การละทิฐิของตัวเองทิ้งไป และปล่อยให้มันเป็นไปตามกาลเวลา
    นั่นแหละคือสิ่งที่เราควรจะทำ
    ทำชีวิตเราให้มีคุณค่าและงดงาม

     

    So I won’t hesitate no more, no more

    It cannot wait, I’m sure


    ดังนั้นผมจะไม่รีรออีกต่อไปแล้ว ไม่อีกแล้ว
    ผมไม่สามารถทนรอได้อีกแล้ว ผมแน่ใจ

    There’s no need to complicate,

    Our time is short

    This is our fate, I’m yours


    มันไม่มีอะไรที่ซับซ้อนเลยนะ
    เวลาของคนเรานั้นแสนสั้น
    นี่คือโชคชะตาของเรา และผมเป็นของคุณ

     

    Song :  I'm yours - Jason Mraz

    Source : http://www.melodyinthai.com/2012/03/im-yours-jason-mraz.html

     

    การแสดงของ Lucifer ในวันนี้ค่อนข้างแตกต่างไปจากทุกวันจนเพื่อนร่วมวงอย่างฮีชอล ยงฮวา และซองกยูเองยังต้องสงสัย  เพราะนอกจากความสนุกสนานร้อนแรงในแบบของ Lucifer ที่กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วในวันนี้ยังมีเพลงพิเศษปิดท้ายอย่าง I'm yours ที่นักร้องนำของวงเป็นคนเลือกเองจากบรรดาเพลงที่ถูกลูกค้าขอขึ้นมา

     

    “นึกยังไงร้อง I'm yours ปิดท้ายวะพี่”  ซองกยูถามด้วยความสงสัย  เพราะน้อยครั้งนักที่ฮยอกแจจะยอมร้องเพลงแนวนี้

    “ก็ไม่นึกไง เค้าขอกันมาก็เลือกๆไอ้ที่ร้องได้เอามาร้อง” ฮยอกแจตอบแบบปัดๆ ก่อนจะหันมองหน้าแจบอมที่ส่งยิ้มล้อเลียนมาให้ 

     

    ก็เพราะแจบอมเองที่เป็นคนเอาใบเขียนชื่อเพลง I'm yours  ที่ลงท้ายชื่อคนขอคือ  DH. Lee ไปยื่นให้ฮยอกแจ  ในตอนช่วงท้ายของการแสดงตามคำสั่งของคนที่นั่งอยู่โซนวีไอพีส่วนตัวชั้นบน    

     

    ในตอนแรกฮยอกแจเองก็ไม่ได้คิดอะไร ก็เพลงนี้เป็นเพลงที่นักร้องนักดนตรีต่างคุ้นเคยกันดีเพราะมันเล่นง่ายร้องง่ายแถมลูกค้าในผับส่วนใหญ่ก็คงจะชอบ  แต่เมื่อร้องไปได้สักพักก็เริ่มเข้าใจถึงจุดประสงค์ของคนขอเพลงว่าต้องการจะสื่ออะไร 

     

    มันไม่มีอะไรที่ซับซ้อนเลยนะ  เวลาของคนเรานั้นแสนสั้น   นี่คือโชคชะตาของเรา และผมเป็นของคุณ

     

    “เอ้า...ใจลอยไปถึงข้างบนแล้วมั้งมึง”  เป็นฮีชอลที่เรียกสติฮยอกแจกลับมาเมื่อเห็นอีกคนนั่งเงียบ

    “ลอยบ้าอะไรเล่า  เอาเหล้าไปกระแทกปากไป ปากจะได้ไม่ว่าง”  มือบางหยิบแก้วตรงหน้าเลื่อนให้ฮีชอล ก่อนจะเหลือบไปมองอีกสองคนว่าสงสัยอะไรหรือเปล่า  แต่ที่แน่ๆฮีชอลต้องรู้อะไรมาแน่เลยเพราะสายตาที่มองมามันไม่ใช่สายตาจับผิดเหมือนเคยแต่มันเป็นแววตาเหมือนคนที่ต้องการจะล้อเลียนกันเสียมากกว่า

    “ไม่กินละ วันนี้จะรีบกลับไปดูไอ้ฮันมัน  มึงสองตัวก็รีบกลับได้แล้วมัวนั่งเอ้อระเหยอยู่พรุ่งนี้บ่ายมีสอบไม่ใช่เหรอซองกยู”  ฮีชอลหันไปหาซองกยูกับยงฮวาเพื่อชวนน้องๆกลับ

    “ไปๆ งั้นก็กลับกัน ปะ...พี่ฮยอกแจ” ซองกยูเก็บของพร้อมกับหันไปเอ่ยชวนฮยอกแจ เข้าใจว่าคงจะกลับด้วยกันเหมือนสัปดาห์ที่แล้วอีก

    “ไม่ต้องไปชวนเค้าหรอก วันนี้เค้ามีคนรอรับ” และก็เป็นฮีชอลที่พูดออกมาเสียงดัง จนฮยอกแจต้องจ้องหน้าหวังจะให้หยุดพูด  แต่ระดับฮีชอลแล้วอย่าได้หวังว่าแค่การขู่ด้วยสายตาจะทำอะไรได้ ใบหน้าสวยของรุ่นพี่ยิ้มกริ่มอย่างคนมีชัย

    “ใครอ่ะพี่” เป็นยงฮวาที่ถามออกมา  แต่ซองกยูเองก็จ้องมาด้วยความอยากรู้ไม่แพ้กัน  รวมถึงเจ้าของเรื่องเองที่นั่งลุ้นว่าฮีชอลจะตอบน้องๆว่ายังไง
     

    “จะใครก็เรื่องของมันเหอะ  ไม่ต้องรีบเสือ ก เดี๋ยวถึงเวลาพวกมึงก็รู้เองนั่นแหละ  ไป !!  กลับ !!! 

    “โห่วววว”

     

    ฮยอกแจถอนหายใจออกมาทันทีอย่างโล่งอก ผิดกับอีกสองคนที่โห่ร้องด้วยความเสียดายที่ฮีชอลไม่ยอมพูดออกมา
     

    ร่างบางรอจนเพื่อนร่วมวงเดินลับออกไปแล้วจึงกดส่งข้อความถึงคนที่อยู่ข้างบน  ก่อนจะเดินนำออกไปรอที่โรงจอดรถ  เพียงไม่นานทงเฮก็เดินตามออกมาและกลับออกไปด้วยกัน  ตลอดเวลาฮยอกแจพยายามจะไม่สบตาและมองหน้าทงเฮ  เพราะเนื้อเพลงที่เขาร้องยังคงก้องอยู่ในหัว  I’m Yours  ผมเป็นของคุณ ” 

     

    “นี่มันทางไปคอนโดคุณ”  ฮยอกแจค้านออกมาเมื่ออยู่ๆทงเฮก็เลี้ยวไปทางที่จะไปคอนโดของเจ้าตัวแทนที่จะไปอีกทางซึ่งเป็นทางไปคอนโดของเขา

    “ขอบคุณที่จำได้”  ทงเฮว่ายิ้มๆ ไม่ได้สะทกสะท้านกับท่าทีของคนข้างๆ

    “นั่นไม่ใช่ประเด็นหรือเปล่า”  ฮยอกแจตอกกลับอย่างประชด

    “ผมก็แค่ไม่อยากอยู่คนเดียว  รู้สึกเหนื่อย หลายวันมานี้มีแต่เรื่องให้คิดให้ทำเยอะไปหมด  แค่คิดว่าถ้ามีคุณไปอยู่เป็นเพื่อนคงดี  แต่ถ้าคุณลำบากใจเดี๋ยวผมยูเทิร์นกลับไปส่งก็ได้”  ทงเฮเอ่ยออกมาเสียงไม่ดังนัก น้ำเสียงนั้นมันแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าจนฮยอกแจอดจะสงสารไม่ได้  อีกคนคงจะเหนื่อยจริงๆ ไหนจะต้องทำงานและวิ่งเข้าวิ่งออกโรงพยาบาล

    “งั้นก็ช่างมันเถอะ  ไปก็ไป”  มันก็ไม่ใช่สถานที่แปลกใหม่อะไรเพราะเขาเองก็เคยไปนอนอยู่เกือบครึ่งเดือน

     

    เพิ่มคืนนี้ไปอีกสักคืนก็คงไม่เป็นไร.....มั้ง

     





     

    ----------------------  TBC --------------------------

     

    ขอโทษด้วยน๊า ใครที่อยากให้ฮยอกเล่นตัว  ก็แหมคนมันมีใจอ่ะ จะไปโกรธไปเคืองอะไรนานเล่าเนอะ แต่อย่าถามหาความมุ้งมิ้งนะ คนนี้เค้าเขินแบบวิถีคนแมน

     

    อยากลงเพลง แต่มันไม่เล่น ไปหาฟังกันเอาเองนะ :  I'm yours - Jason Mraz หรือจะไปดูยูทูบเวอร์ชั่นที่ฮยอกแจร้องก็ได้ https://www.youtube.com/watch?v=LICG2CZqstw

     

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้กัน  อย่าลืมแทกเค้านะ #ฟิคมายแบดบอย   

     

     

     

    © themy
     
     
     
     
     
     
     
    butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×