ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Elysium : The Lost Sky

    ลำดับตอนที่ #37 : 35th Tale : ม้ามืดกับดาบเล่มโต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 243
      3
      27 มิ.ย. 58




    ช่องทางเดินที่อาศัยแสงสว่างจากผลึกเรืองแสงพาเธอขึ้นไปถึงชั้นลอยของอัฒจรรย์ หัวใจเต้นเป็นจังหวะหนักหน่วงพร้อมกับขาที่ก้าวกระทบขั้นบันได้ ตึก ตัก ตึก ตัก รอยยิ้มของมัวร์เธยังตราตรึงใจไม่หาย แต่ยิ่งใกล้ทางออกของช่องบันไดมากเท่าไหร่ จังหวะที่สม่ำเสมอก็ยิ่งถี่และในท้องพาลโหวงว่างมากขึ้นเท่านั้น ....เธอค่อนข้างแน่ใจว่าวาร์ลเลนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

    คนที่เฮเลนพบเป็นคนแรกหลังบานประตูคือยูลิสท์ นักวิทยาศาสตร์เวทมนตร์ยังคงมีรอยยิ้มบางเบาประดับใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ติ คำพูดเบาๆต้อนรับเด็กสาวกลับบ้าน เธอที่รู้ซึ้งถึงความลุ่มลึกของวาอินนามีเรื่องอยากพูดคุยกับเขามากมาย ไม่ต่างจากสองสหายร่วมกองฝึกเดิมที่สร้างความประหลาดใจแก่ราชสีห์สาวเป็นล้นพ้น

    เหนืออื่นใด ปารีสนั่งอยู่ติดขอบสนาม ด้านข้างคือนายแพทย์ประจำศูนย์เยียวยา

    ทว่า....ปารีสที่หล่อนเห็น ไม่อยู่ในสภาพที่หล่อนคาดคิดแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขาหมองลงเล็กน้อย ไหล่ข้างซ้ายปกคลุมด้วยผ้าพันแผลสภาพยับเยิน สีแดงซับซาบอยู่ใต้ตาข่ายผ้าหลายชั้น นอกเหนือจากนั้นร่างกายที่แข็งแรงเป็นทุนเดิมขยายใหญ่ขึ้น เป็นเวลาสามเดือนสั้นๆแต่ปารีสดูโตกว่าครั้งล่าสุดที่เห็น

    “ไง”เขาทัก สีหน้ายังเหนื่อยล้าอยู่บ้าง แต่ดวงตาเป็นประกาย

    “....ไม่เจอกันนานนะ”เด็กสาวหยุดยืนห่างออกไปเล็กน้อย ความกล้าที่เคยเก็บได้ในสนามประลองปลิวหายไปที่ใดแล้วก็ไม่รู้ บรรยากาศน่าอึดอัดเริ่มก่อตัวขึ้นเบาบาง ภายใต้สายตาของผู้ร่วมอัฒจรรย์ที่แกล้งเฉไฉไปชมนกชมไม้ เฮเลนรู้สึกว่าควรจะเก็บเรื่องที่จะพูดเอาไว้เป็นส่วนตัวจะดีกว่า

    “นายบาดเจ็บเหรอ?”หล่อนจึงเปลี่ยนมาทำตัวเหมือนปกติ ราวกับพวกเขาเจอหน้ากันทุกวันยังไงยังงั้น กำลังจะถามต่อว่าเลวร้ายแค่ไหน? คำตอบที่ต้องการก็ลอยออกจากปากนายแพทย์ใหญ่ราวกับรู้ใจ

    “บังเอิญโง่ไปโดนกับระเบิดเข้าเต็มๆน่ะสิ ถ้าตั้งใจเรียนเวทมนตร์กว่านี้สักนิดคงดี”ยูลิสท์หลุดขำออกมากับคำพูดของยอดนักปราชญ์ เรียกสายตาเขียวปั๊ดจากคนเจ็บ

    “ไม่เลวร้ายเท่าไหร่หรอก โอ๊ย!”เฮเลนสะดุ้งตามไปด้วยเมื่อจาเวิร์ดพลั้งมือเผลอกดแรงไปหน่อย

    “หมอ! นี่ไม่ได้โกรธอะไรผมเป็นส่วนตัวใช่ไหมเนี่ย?”

    “อยากรู้ไหมล่ะ?”ใบหน้าหลังกรอบแว่นถามยิ้มแย้ม เป็นการย้ำเตือนสภาพสังขารเจือด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัวไปด้วย ท่าทางนิ่งเงียบกว่าปกติไม่ได้เกิดจากการปั้นแต่งเพื่อพรางความในใจสถานเดียว แต่เพราะก่อนหน้านี้เจ้าคนไม่เจียมตัวกระโดดโลดเต้นโดยนึกดูเบาวิชากัมปนาทของคู่ประลองรอบแรกเกินไป

    “แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร?”เด็กสาวนิ่วหน้า

    “ฉันสบายดีน่า!”ปารีสยืนยัน ไม่ทันมองเห็นสัญญาณตาที่ยูลิสท์ลอบส่งให้คุณหมอแก้มตอบ สนามพลังชั้นหนึ่งโดยนักวิทยาศาสตร์ผู้มีดีกรีชนะหน่วยประจัญบานกางออกอย่างแนบเนียน จาเวิร์ดพลิกฝ่ามือวูบเดียวเวทมนตร์เยียวยาขั้นสูงก็ทำงานโดยนักเวทมนตร์ที่ประจำสนามไม่ผิดสังเกตสักแอะ

    ใต้คราบเลือดที่พรางตาผู้มองเห็น หัวไหล่เละเทะของปารีสกำลังกลับคืนสภาพอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือของหนึ่งในยอดนักปราชญ์ เจ้าตัวคงได้รู้สึกบ้างหากไม่ติดว่ากำลังต่อปากต่อคำกับเพื่อนสาว จนเฮเลนต้องขึ้นเสียงสูง

    “ตาบ้า ที่ฉันห้ามเพราะเป็นห่วงนายหรอกนะ!

    “เธอน่ะคอยดูอยู่บนนี้ไปเหอะ!” คิดว่าเวลาตัวเองแข่งชาวบ้านเขาใจหายใจคว่ำไปกี่ทีแล้ว? ปารีสต่อคำในใจขณะที่ผุดลุกขึ้นเหนือร่างเล็กกะทัดรัดของคู่สนทนา หลุดออกจากเวทมนตร์ของจาเวิร์ดโดยสิ้นเชิง ทั้งที่อีกเพียงไม่กี่วินาทีการรักษาก็จะเสร็จสมบูรณ์ ยูลิสท์แอบเดาะลิ้นเบาๆ ขณะที่เจ้าของหอแพทย์กลอกตาอย่างเอือมระอา

    “เธอไม่คิดว่าฉันจะชนะเลยหรือไง?”เขาหยอกถาม แม้ว่าในใจไม่อยากรู้คำตอบเท่าไหร่นัก เฮเลนเม้มปาก ไม่ใช่ว่าเธอจะประเมินเพื่อนรักต่ำเกินไป แต่ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในสมอง โอกาสที่เขาจะบาดเจ็บก็มาก่อนโอกาสที่เขาจะชนะอยู่ดี ยังไม่ทันที่ราชสีห์สาวจะอ้าปากตอบ เสียงถอนหายใจส่งๆก็ดังขึ้นก่อน

    “ฉันจะไม่ตายง่ายๆหรอกน่า”ปารีสฝืนยิ้มที่มุมปาก ถึงอย่างไรก็คิดไว้แล้วว่าแม้เฮเลนจะไม่เชื่อถือในตัวเขา เขาก็จะเป็นฝ่ายพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง ในใจยังเจ็บจี๊ดๆที่หล่อนเป็นฝ่ายคว้าชัยได้ก่อนอย่างสวยงาม

    สัญญาณเตรียมความพร้อมดังขึ้นพอเหมาะเจาะ

    “ฉันไปล่ะ”ร่างสูงกำยำที่เดินเลยผ่านเธอไปทั้งอย่างนั้น กลับถูกขัดไว้ด้วยมือข้างหนึ่งของนักวิทยาศาสตร์หัวกะทิประจำหน่วย

    “หล่อขึ้นมาเชียว”ยูลิสท์กระเซ้า บังอยู่หน้าบันไดที่จะนำพาไปสู่สังเวียน “ถึงตาเจ้าแล้วอย่าให้เสียชื่อข้าล่ะ”

    “แกนี่มัน....”เด็กหนุ่มแยกเขี้ยว นึกอยากหักนิ้วมือที่จัดแจงปกเสื้อของเขาให้กรอบ บุรุษผมยาวคลี่รอยยิ้มกวนประสาทให้ใบหน้าบูดบึ้งนั้น ดวงตาสีฟ้ากระจ่างพอใจที่แผลเล็กน้อยช่วงบ่าถูกปิดมิดชิดในที่สุด อย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน...

    “อย่าใจอ่อนง่ายๆ ไม่ใช่ทุกคนจะได้พบมัวร์เธหรอกนะ”

    “เออน่า...ฉันรู้แล้วล่ะ”ปารีสหันไปตอบรับ อีกไม่กี่นาทีถัดมาร่างของเขาปรากฏตัวบนสนามประลองพร้อมกับดาบยักษ์คู่ใจ จาเวิร์ดหมดภาระลงในที่สุด เขาเขยิบไปยืนข้างเพื่อนร่วมสายอาชีพ

    “ไม่ได้แถมอะไรไปใช่ไหม?”

    “เคยลองแล้ว ผลลัพธ์ออกมาไม่ค่อยดีน่ะ”ยูลิสท์ตอบ เขามั่นใจว่าแอซไพรซ์หนุ่มคงไม่ดีใจนักหากรู้ภายหลังว่ามีพายุแถมไปกับตัวด้วย อีกอย่าง...คนบ้าเลือดแบบนั้น ควรจะปล่อยให้อาละวาดจนสะใจ เขาปรายตามองไปยังร่างของคู่ประลองที่โผล่เข้ามาในระยะสายตาในที่สุด นับเป็นโชคดีของปารีสโดยแท้...

    “สาวสวย!

    “หน่วยสิบห้า อลิซา วิเวนเดล”

    นามอ่อนหวานเหมาะสมกับดรุณีแรกแย้ม หัวใจหนุ่มโอลิมปัสแทบจะหลอมละลายไปกับความสวยบาดใจ รูปร่างสมส่วนเคลื่อนไหวนวยนาด เรือนผมสีทองเป็นลอนคลื่นม้วนตัวจบที่ข้อศอก หล่อนมีใบหน้าหมดจดและดวงตาคมกรีดกรายด้วยแพขนตา

    งามแท้ๆ! เจ้าของดาบยักษ์ขยับปากยิ้มหน้าโง่โดยไม่รู้ตัว ทว่าสาวสวยไม่ยิ้มตอบ สิ่งเดียวที่ขยับคือมือขวาของหล่อน เสียงตึงขึงสะบัดตีอากาศอย่างน่ากลัว แส้หนังสีขาวเส้นหนาม้วนตัวโลดแล่นราวกับงู ปลายด้านมือจับต่อด้วยผลึกสีม่วงกรุด้วยกรอบทองคำอย่างดีเรืองแสงวิบวับอยู่

    “ออมมือให้หน่อยนะคนสวย”ปารีสปรับสีหน้าให้เข้าที่พร้อมส่งยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุดไปให้ เมื่อปราศจากรัศมีเทพบุตรของยูลิสท์รอบกาย เขาก็กลับมายืดอกได้อย่างมั่นใจ ...จะว่าไปก็ไม่ค่อยเจ็บไหล่แล้วแฮะ?

    สาวเจ้าไม่แยแสตอบ แต่กลับเค้นเสียงหึแทน

    ไม่ต้องรอสัญญาณลั่นจนสุดเสียง ปลายแส้ที่รอจังหวะกลางอากาศก็ฟาดเข้าหาร่างของคู่ประลองที่สะดุ้งโหยงไม่ต่างจากเหล่าคนดู เสียงเปรี๊ยะดังลั่นจากตำแหน่งเดิมที่แอซไพรซ์จอมกะล่อนเคยยืนอยู่ เล่นเอาขนแขนลุกเกรียวไปถึงต้นคอ ขนาดพื้นผิวที่มีเกราะกำบังอย่างดียังแตกร้าวเป็นทาง หากโดนเข้ามีหวังจบเห่ตั้งแต่ตาแรก!

    “เอื๊อก!

    คนสวยท่าทางจะไม่ใจดีเหมือนเพื่อนร่วมหน่วยเสียแล้ว!

    อลิซากัดริมฝีปาก ความหงุดหงิดใจที่น่ารำคาญก่อตัวขึ้นตั้งแต่ก่อนเริ่มการแข่งขันและเร่งเร้าขึ้นทุกนาที ยิ่งเห็นใบหน้าเซ่อซ่าลอยไปมาอยู่อีกฝั่งก็ทำให้มือเรียวสะบัดศาสตราคู่ใจอย่างโหดเหี้ยมเป็นเท่าตัว

    เสียงดังเปรี๊ยะลั่นติดต่อกันไว้เว้น ปารีสที่ยังไม่ทันได้เริ่มก็ต้องกระโดดหลบไม่ต่างจากกระต่าย เขาทรงตัวสลับขาไปมา เหงื่อเม็ดแรกไหลย้อยเมื่อมั่นใจว่าการประลองนัดนี้ต้องมีคนบาดเจ็บอย่างแน่นอน

    anáil domhain! (breath of eath)”ดาบยักษ์ฟาดลงกับพื้น กระแสลมระเบิดใส่วิถีแส้เหมือนพายุลูกย่อมส่งร่างระหงถอยร่นไปตั้งหลักใหม่ รัศมีทำลายล้างพุ่งพรวดจนยากจะเข้าใกล้ ความได้เปรียบจากการโจมตีระยะไกลไม่ใช่ของอลิซาเพียงคนเดียว รอยเขี้ยวแผ่กระจายเป็นวงกลมรอบกายของแอซไพรซ์หนุ่ม แสงสีแดงสดกระพริบติดๆดับๆก่อนจะเรืองโรจน์ขึ้นเหมือนดวงตาของสัตว์ป่า เนื้อโลหะที่ดูหนักและทึบทึมถูกเติมเต็มด้วยประกายคมกล้า

    เปิดสนามไม่ถึงห้านาที บรรยากาศในสนามย่อยที่สองขึ้นกดดันเข้มข้นจนน่ากลัว

    “......bán slange (white serpent)”เห็นดังนั้น ริมฝีปากอวบอิ่มปลุกชีวิตของศาสตราในมือ กระแสไฟฟ้าสีม่วงแล่นปราดจากผลึกอัสนีไปถึงปลายแส้ มันกระตุกขึ้นเองราวกับอสรพิษจริงๆ ใบหน้าสวยจัดเย็นชาเหี้ยมเกรียมเกินกว่าจะหยอกล้อด้วย ทันทีที่อลิซาสะบัดแขน การต่อสู้ที่ดุเดือดก็เริ่มต้นขึ้น!

    “กลายเป็นการต่อสู้ระยะไกลไปแล้ว”ไรซ์เข้าเกาะขอบสนามอีกครั้ง หลังจากสองตาแรกผ่านไปด้วยความลุ้นระทึกแบบเพลิดเพลิน ตานี้คงต้องอกสั่นขวัญแขวนแทน ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีแฮะ เขาพรูลมหายใจ ดาบคาตารอสที่ใช้ได้ทั้งใกล้และไกลแทบจะต้องเปลี่ยนเป็นแนวไกลเต็มรูปแบบเพราะแส้ของอลิซาทำให้ยากที่จะเข้าใกล้ มีเพียงช่วงตั้งรับเท่านั้นที่ปารีสต้องเปลี่ยนมาใช้ในระยะประชิด

    “แบบนี้ก็เสียเปรียบชัดๆเลยน่ะสิ!”เฮเลนได้ยินเข้าถึงกับอ้าปากค้าง ดูท่าคนที่เข้าใจความกังวลของหล่อนจะมีแค่สองผู้อาวุโสที่ยืนมองอยู่เงียบๆทั้งนั้น

    “ทำไมเธอคิดแบบนั้นล่ะ?”เปโตรถามเข้า

    “ระยะไกลของคาตารอสมันต้องพึ่งเวทมนตร์เกือบทั้งหมดเลยไม่ใช่เหรอ!? ปารีสไม่ได้มีหัวด้านนี้ขนาดนั้นหรอกนะ”หล่อนตอบเหมือนไม่อยากพูดออกมา รัศมีของดาบอาจจะรุนแรง แต่ความสามารถด้านการบริหารแอซของหมอนั่นน่ะมัน....

    ข้อแตกต่างระหว่างสองสหายแดนตะวันตกมีอยู่เรื่องเดียว นั่นคือเฮเลนจำเป็นต้องใช้แอซในการต่อสู้เกือบทั้งหมด ดังนั้นการฝึกฝนร่างกายให้เก่งกาจโดยไม่พึ่งแอซเข้าไปเสริมอีกจึงเป็นเรื่องสำคัญ ในขณะที่ปารีสเป็นสายโจมตีล้วนๆมาตั้งแต่ต้น จากที่อาวุธของเขาพึ่งเวทมนตร์แค่เล็กน้อย ในตอนนี้กลับต้องใช้แอซที่ถือว่าเป็นของแถมเป็นหลักแทน และแน่นอนว่าปารีสไม่มีสัตว์อสูรเป็นตัวเลือกสำรองเมื่อแอซหมด

    “....หืม อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้”ยูลิสท์ยิ้มเปี่ยมเล่ห์ ตอบแผ่วเบาให้ตนเองได้ยินเพียงคนเดียว เป็นเรื่องตลอกสำหรับเขาที่ต้องฝึกเด็กสองคนที่เริ่มต้นเก่งคนละด้านจนมาบรรจบที่จุดเดียวกัน

    แถมยังเจอปัญหาเดียวกันเสียด้วย....อันนี้น่ะไม่ได้ตั้งใจเท่าไหร่

    “ฟู่ว์.......”เสียงสูดหายใจดังขึ้นลึกและยาว จากกรอบสนามที่กางอาณาเขตไว้อย่างดี เต็มไปด้วยละอองเวทมนตร์ที่แตกกระจายจากการฟาดงวงฟาดงาของสองผู้ประลอง นักเวทมนตร์ประจำสนามย่อยที่สองต้องทำงานหนักเป็นครั้งแรกของวัน ถึงกับมือระวิง

    “นี่ เราคงเพิ่งเจอกันครั้งแรกถูกไหม? หรือฉันเคยไปทำอะไรให้เธอมาก่อนหรือเปล่า?”ปารีสอดถามไม่ได้ เมื่อเกือบถูกแส้ไฟฟ้าย่างสดเข้าอีกรอบ โชคดีที่ลักษณะการโจมตีของเขาเป็นแบบกระจาย อลิซาจึงต้องถอยออกไปอีกครั้ง แม้ว่าความยาวของแส้ยังสามารถรังควานความปลอดภัยของเขาอยู่ไม่มากก็น้อย

    “ฉันแค่เกลียดขี้หน้าแกจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?”หล่อนแค่นเสียงตอบ ไฟฟ้าสถิตแรงขึ้นอีกเท่าตัว แม้จะยังไม่ได้รับบาดเจ็บนอกจากรอยถลอก หัวใจลูกผู้ชายของปารีสปวดร้าวแสนสาหัสจนต้องหลั่งน้ำตาเงียบๆ

    ทำไมกันหนอเขาถึงได้ดวงตกเรื่องผู้หญิงจนอาภัพ ชอบคนไหนก็พาลอกหักทุกทีไป แถมยังมีตัวดูดผู้หญิงอย่างเจ้าหัวทองประกบติดทุกวัน ในขณะที่หมอนั่นได้เจอสาวๆไม่ขาด เขากลับต้องพบแต่หน้ายูลิสท์!! อโฟรเดสคนสวยก็ถูกเพื่อนรักคาบไป ถึงเจ้าตัวจะไม่ใช่ผู้หญิงก็เถอะ....ปารีสเอ๊ย ถูกคำสาปอะไรมาถึงได้โดนโลกทำร้ายแบบนี้?

    ปลายแส้หวดเข้าแทนคำตอบ แขนกำยำเหวี่ยงดาบคู่ใจขึ้นปะทะ เบี่ยงวิถีของมันไปอีกทาง เขาเร่งฝีเท้าเข้าใกล้อลิซา ทว่าอสรพิษตวัดอ้อมมาด้านหลังจนต้องหมุนตัวออกห่างอีกหลายก้าว หน้าดาบที่กว้างเป็นพิเศษต้องทำหน้าที่เป็นโล่ไปกลายๆ การถูกไฟฟ้าเล่นงานหลายทีทำให้ปารีสกางเกราะมนตราชั้นกลางที่นักวิทยาศาสตร์สุดหล่อเคี่ยวเข็ญเอาไว้ได้อย่างช่ำชอง เขาส่งรัศมีดาบเป็นทางยาวตรงไปที่หล่อนอย่างแม่นยำรวดเร็ว ต้องขอบคุณยูลิสท์คนเดิมอีกเช่นเคยที่เปลี่ยนการกระจายพลังจากรัศมีวงกลมมาเป็นการพุ่งเป้าให้ได้ยาวและแรงขึ้น

    การเปลี่ยนระยะดาบสร้างความประหลาดใจให้ผู้ชมทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่รู้จักเขาดีอยู่แล้ว และฝ่ายที่ยังไม่รู้อะไรเลย

    “ขนาดอลิซาเป็นระดับสามนะน่ะ!?”หนึ่งในสมาชิกหน่วยสิบห้าโพล่งออกมาเมื่อตัวแทนฝั่งคู่แข่งโรมรันได้เกินคุณภาพ “บางทีหมอนั่นอาจจะชนะระดับสามมาก่อนก็ได้ อีกอย่างหน่วยของเขาสูงกว่าเราไม่ใช่เหรอ?”อีกคนลองวิเคราะห์ดู

    “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ....อลิซาน่ะไม่เหมือนวาร์เลนซะหน่อย”

    เป็นความเห็นที่เจ้าของชื่อเองก็หนาวสันหลังไม่น้อย วาร์ลเลนได้แต่ภาวนาให้สมาชิกหน่วยสิบสี่นั้นโชคดี เพราะ....เห็นได้ชัดว่าความบ้าคลั่งของอลิซายังไม่ได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ

    เปรี๊ยะ....เปรี๊ยะ

    สะเก็ดแตกร่วงกราวจากผิวโลหะของดาบคาตารอสเหมือนดาวตก กระแสไฟฟ้าทวีความเข้มข้นจนกลายเป็นสีม่วงเข้ม เขาแทบจะสัมผัสความแสบร้อนของมันได้จากระยะใกล้ รอยยิ้มแรกแตะริมฝีปากอวบอิ่มของหล่อนเมื่อเห็นเกราะของปารีสสลายไปในที่สุด เวทมนตร์ของเขาแข็งแกร่งกว่าที่หล่อนคิด ทว่าไม่มากไปกว่านักสู้ที่เชี่ยวชาญเวทย์ระดับสังหาร!

    แส้หวดสะบัดเล็งเข้าหาร่างของคู่ประลองเป็นจังหวะต่อเนื่อง ร่างอรชรของหล่อนก้าวรุกไปราวกับเต้นระบำ

    “ชิ!

    อาศัยช่องโหว่น้อยนิดอสรพิษฟาดเข้าใส่ซี่โครงด้านขวาได้ในที่สุด ทว่าปารีสเบี่ยงตัวหลบทันความแสบสันต์ที่ได้จึงเป็นแค่แผลเรียกเลือดเท่านั้น กลิ่นโลหิตกระจายจางในอากาศ ทั้งยังเจ็บแปลบด้วยฤทธิ์ไฟฟ้าสถิต แส้คว้าพันดาบยักษ์ได้สำเร็จ ขนาดของมันใหญ่โตขนาดลากหญิงสาวเข้าระยะกลางในทีเดียว ก่อนที่เวทมนตร์ชุดใหญ่จะสำเร็จ ปารีสควงศาสตราคู่ใจฟาดลงใส่พื้น

    “ไม่ขาดเหรอเนี่ย!?”

    ทว่าคลื่นดาบที่ไล่ไปตามความยาวของแส้หนังก็ระเบิดร่างของอลิซาถอยไปไกล นับเป็นส่วนดีและเสียไปพร้อมๆกันเมื่อการเข้าใกล้ตัวหล่อนไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เส้นผมสีทองยุ่งเหยิง แขนเรียวปรากฏรอยฟันราวกับเขี้ยวสุนัขคาดผ่านไปทั่ว แขนเสื้อของหล่อนขาดเละเทะไม่เป็นชิ้นดี หากเป็นไปได้เขาเองก็ไม่อยากเรียกเลือดจากสุภาพสตรี เว้นแต่สตรีผู้นั้นจะเรียกเลือดจากเขาไปล่วงหน้า

    แววตาคมกล้าของวิเวนเดลวาวโรจน์ คราวนี้พายุที่ก่อตัวด้วยไฟฟ้าสถิตย์โถมเข้าใส่จนแทบไม่มีโอกาสหายใจ! หล่อนไม่เหมือนนักรบทั่วไปที่ใช้เวทมนตร์เพียงเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง อลิซาเข้าถึงเวทมนตร์บริสุทธิ์ได้ไม่ต่างหากเหล่านักปราชญ์ แม้จะยังเน้นการโจมตีเป็นส่วนใหญ่

    “โอดินเอ๊ย!!” ปารีสสบถเมื่อเห็นพายุก่อตัวขึ้นจะจะ

    แอซไพรซ์หนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากตัดใจพุ่งเข้าหาท่ามกลางกระแสไฟฟ้ารุนแรงแล่นพล่านทุกทิศทาง ปารีสกางเกราะขึ้นอีกครั้ง แม้จะรู้ว่ามันอาจไม่ได้ผลแล้วก็ตามแต่ดาบยักษ์จำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้ในระยะประชิดแทน

    ซึ่งเขายินดีเป็นอย่างยิ่ง

    “จะมีสักกี่คนที่ยิ่งอันตรายยิ่งบ้ายังกับหมาแบบนั้น”แม้จะรู้จักกันดีแต่ไรซ์ก็ยังอดไม่ได้ที่จะขยี้ตาตัวเองกับความบ้าระห่ำเกินพอดีของสหาย เฮเลนเองก็หวิดจะร้องอยู่หลายที หากไม่ติดว่าธรรมชาติของนักสู้ทำให้เธอคุ้นชินกับสภาพสนามบ้างแล้ว

    เธอคงรู้แล้วว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองโชคดีเพียงแค่ไหน ยูลิสท์เหลือบมองก่อนจะเบือนสายตากลับไปที่สนามเหมือนเดิม หน่วยสิบสี่เจอศึกเบามาตลอด....ปารีสเจ้านี่ช่างเกิดมาพร้อมดวงทรหดเสียจริง

    ช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกท่วงท่าที่รวดเร็วหุนหันก็พลันเหมือนแค่เสี้ยวหนึ่งในห้วงนาทีที่เนิ่นนาน ปารีสไม่ได้นับว่าปลายแส้สร้างบาดแผลขึ้นสักกี่แห่ง ดาบของเขาเฉียดผ่านตัวอลิซาไปอีกกี่ครั้ง เกือบทั้งหมดที่ดังก้องในโสตประสาทของแอซไพรซ์หนุ่มคือเสียงชีพจรเต้นระทึก หนักแน่น รัวเร็วเหมือนเสียงกลอง

    พลันเสียงหนึ่งแหลมลอดผ่านโลกที่มีแต่เสียงเวทมนตร์ปะทะไปมา มันขโมยสติของเขาไปชั่วขณะ เรียกให้สมาธิทั้งหมดพุ่งไปที่จุดกำเนิด

    “ลอเฟย์!

    แม้จะไกลจากอัฒจรรย์กว่าสิบเมตร ทว่าภาพของเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ถูกห้อมล้อมยังคงเด่นชัด เส้นผมสีดำยุ่งเหยิงเล็กน้อยเพราะถูกเพื่อนสาวกอดคอจนเสียหลัก สายลมอุ่นของความโล่งอกพัดทลายก้อนหินที่กองพะเนินในใจของปารีส ลอเฟย์หันหน้ามาทางสนามประลอง นัยน์ตาสีน้ำเงินเปล่งประกายทักทาย ขณะที่เจ้าของดาบยักษ์กำลังจะส่งเสียงตอบ ดวงตาคู่นั้นก็เบิกกว้างด้วยความตระหนก

    ปกเสื้อที่ถูกปลดกระดุมเม็ดบนทิ้งไว้เผยออ้า อลิซามองเห็นรอยเลือดเพียงน้อยนิดจากจังหวะที่เด็กหนุ่มเอี้ยวตัวไปยังอัฒจรรย์ เวทมนตร์ที่รุนแรงถึงชีวิตหมายมาดให้จบการประลองในครั้งเดียว! ชื่อของเขาหวีดร้องพร้อมๆกับปลายแส้ฟาดลงที่ไหล่ซ้าย!!

    “ปารีส!!

    ทั้งร่างของเขาสะท้านเยือกเมื่อกระแสไฟฟ้าพุ่งกระจายเผาทุกส่วนในร่างกายดุจพิษร้าย ปารีสไม่อาจห้ามเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดของตนเองได้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกถลนในขณะที่ขราทั้งสองอ่อนแรงทรุดลงกับพื้น เหลือเพียงแขนขวาที่ใช้ดาบเป็นเครื่องยันตัว กลิ่นเลือดเบาบางคลุ้งกระจายจนชวนคลื่นไส้ เคล้ากับกลิ่นไหม้ที่คุกคามบริเวณหัวไหลจนเครื่องแบบประจำตัวปราศจากสีครามที่ควรจะเป็น

    ทัศนวิสัยของเขาพร่าเลือนลงชั่วขณะ เขาเห็นปลายแส้วาดลวดลายในอากาศ ปารีสต้องฝืนความเจ็บปวดหยัดตัวขึ้นรับการจู่โจมที่ไร้ความปรานี คาตารอสกันส่วนศีรษะที่เป็นเป้าหมายได้ทันท่วงที ทว่าแรงหวดของอลิซาผลักให้ร่างของเขาต้องเสียหลักอีก เขาดันแขนซ้ายขึ้นช่วยพยุง

    ปารีสรู้สึกตัวในวินาทีนั้น หลังจากความหนึบชาดั่งเข็มนับล้านหายไป แขนซ้ายของเขาขยับไม่ได้!




    --------------------------------------------------------------------

    โธ่วปารีส.......

    เหมือนจะไม่แฟร์ พอพระเอกกลับมา ตัวสำรองก็ดวงซวยในทันที TvT 

    เขียนไปเขียนมาชักจะชอบหมอนี่ขึ้นมาจริงแล้วล่ะค่ะ จากที่ไม่คิดให้มีปฏิสัมพันธ์กับยูลิสท์มากนัก กลายเป็นว่าเคมีมันเข้ากั้นเข้ากันยิ่งกว่าคนมาก่อนอย่างลอเฟย์ซะอีก

    มีใครเชียร์ปารีสอยู่บ้างคะ บอกเลยว่าต้องการเสียงเชียร์ด่วนมาก 5555555555555555555555

    (ขอโทษนะปารีส รักดอกจึงหยอกบ่อย เลือดออกนิดหน่อยอย่างงอนกันเลย)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×