ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Elysium : The Lost Sky

    ลำดับตอนที่ #36 : 34th Tale : ม้ามืดกับราชสีห์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 288
      3
      3 ต.ค. 60








                   ฝีเท้าของเขาก้าวอย่างแผ่วเบาไปตามบดบันไดที่พาวนลงสู่ชั้นล่างของหอคอยเก่า มันเชื่อมต่อกับหอเอกของโคลอสเซียมจากฝั่งที่ถูกทิ้งห่างจากการใช้งาน มิใช่ว่าอีลิจาชอบที่จะกลบเสียงของตนเอง แต่มันเป็นนิสัยของเขาที่ขี้รำคาญจึงไม่ปรารถนาให้ใครรู้ถึงตัวตน ไม่ต้องถามและไม่ต้องตอบคำถาม ไม่หลบซ่อนหากแต่ก็ไม่แยแสสิ่งรอบตัว

    มักจะโดดเดี่ยว...แต่ก็ไม่เคยถูกมองข้าม

    เสนาบดีแห่งลัสท์เทรลหยุดยืนที่บันไดขั้นสุดท้าย ในมุมเสาเบื้องหน้าห่างไปไม่ไกลปรากฏร่างของทหารยามนายหนึ่งเดินออกมาอย่างสงบและหยุดลงในระยะที่พอเหมาะแก่การพูดคุย เขาไม่ทำความเคารพ ไม่เกรงกลัว ใบหน้าก็จืดชืดดาษดื่นไม่มีจุดเด่นอะไร มีเพียงดวงตาทั้งสองข้างที่มีวงแหวนสีเงินประทับรอบนัยน์ตาดำ

    “ท่านรัตติกาลสินะ”บัลเดอร์เอ่ย รู้ดีว่าไร้ประโยชน์ที่จะพินิจรูปลักษณ์ที่คนตรงหน้าเลือกสรรมาใช้

    “สวัสดียามบ่าย เสนาบดี เดาว่านี่ป็นครั้งแรกที่เราพบหน้ากัน”เสียงของชายหนุ่มก้องกังวาน

    “เป็นเช่นนั้น”เขาก้าวลงจากบันได หลบเข้าไปในที่ๆไม่มีแสงแดดส่อง วงแหวนสีเงินคู่นั้นเรืองโรจน์กว่าเดิมเมื่อฝ่ายปกปิดตัวตนเดินตามมาในร่มของอาคาร

    “ระหว่างท่านกับข้ามีสิ่งใดต้องสนทนา?”เสนาบดีเริ่มถาม เขามองเห็นหัวหน้ากองพันรัตติกาลในฝูงชน ดวงตาสีเงินจดจ้องตรงมา นำมาสู่การพบปะครั้งแรกของสองอริในสามเหลี่ยมแห่งอำนาจ

    “เราสนทนากันไปแล้วหลายครั้งแม้จะไม่เคยพบหน้ากัน จริงหรือไม่?”ร่างสถิตพิงไหล่ข่างหนึ่งกับเสาในท่าทีผ่อนคลายแต่คงความน่าหวาดหวั่นเหมือนกับราชสีห์ที่เกียจคร้านเพราะรู้ว่าตนเองไม่จำเป็นต้องเผยเขี้ยวเล็บตัวหน้าหนูน้อยตัวหนึ่ง “อย่างการที่ท่านขนแร่กำมะถันไปยังมิดการ์ดแล้วถูกข้าสับเปลี่ยนสายแร่ไปที่เอริเชี่ยนแทนก็เป็นบทสนทนาที่เผ็ดร้อนใช้ได้ โดยเฉพาะตอนที่ท่านตอบโต้ด้วยการเลื่อนหัวหน้ากองคลังไปทำหน้าที่อื่น ข้าจึงพลาดไล่คนออกผิดเสียได้....ไม่จำเป็นต้องหาข้ออ้างเรื่องภาษีแร่เพื่อจัดสรรตำแหน่งในสภาของท่านใหม่หรอกนะ”ทหารต่ำยศยกมือขึ้นพักที่ใต้อกอย่างโอหัง

    “ดูเหมือนท่านจะชอบคุยเรื่องการเมือง...หากมันเหนื่อยใจหนัก ทำไมไม่ใคร่ลองยืนดูเงียบๆบ้างเล่า?”ผู้ถืออำนาจปกครองหัวเราะในลำคอ แน่นอนว่าเขาไม่เคยลืมวีรกรรมเจ็บแสบที่กองพันรัตติกาลสร้างเอาไว้แม้แต่ครั้งเดียว

    “ข้าไม่ใช่คอการเมือง”ไนค์หัวเราะตอบคล้ายเป็นเรื่องลมฟ้าอากาศ “ลัสท์เทรลยังใหม่ด้านการปกครองที่ซับซ้อน ข้าถนัดเรื่องสงคราม...เสนาบดีเอ๋ย สงครามประสาทระหว่างท่านกับซิลอยด์ แห่งยูโธเปียจะไม่ก่อประโยชน์อะไรให้ตัวท่าน”

    “ประโยชน์ใดล่ะที่ท่านคิดว่าตนเองรู้ดี?”อีลิจาหันไปมองใบหน้านั้นให้เต็มตา วงแหวนคมกริบทรงพลังราวกับจากดูดความกล้าหาญทั้งหมดเข้าไปในวังวนสีดำสนิท และมันคงได้ผลหากว่าเขาไม่ใช่เสนาบดีแห่งลัสท์เทรล

    “โอดินกำลังจะตื่น”

    เพชรฆาตมือหนึ่งของมหาเทพกล่าวสั้นๆ หยุดมองความร้อนรนเล็กน้อยที่แทบจับเค้าไม่ได้ในดวงตาหลังแว่นทรงพระจันทร์ก่อนจะพูดต่อ “แม้จะมีผลึกฟ้าในเวลานี้ก็ไม่อาจกล่อมให้มหาเทพนิทราต่อไปได้อีกยาวนัก ท่านต้องการมันจากซิลอยด์ ท่านไม่อยากรู้มากกว่าหรือว่าซิลอยด์ต้องการมันไปเพื่ออะไร?”

    “มีคนเข้ามาหาของในบ้านของข้า ข้าย่อมต้องหาทางจับเป็นธรรมดา ผลึกฟ้าคือนิทราของเทพเจ้า หากรู้ความลับของมันจะไม่ดีตรงไหน? กระนั้นเถิด อย่าพูดเหมือนข้าจะไม่ยินดีที่โอดินทรงตื่นบรรทม”ใบหน้าซูบตอบยิ้มกว้าง ช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูแห้งแล้งแม้ในสายตาของสตรีที่แข็งกระด้าง

    “ข้าคงไม่กังขาความภักดีของท่านต่อมหาเทพหลังจากที่พระองค์ไว้ใจให้ท่านดูแลลัสท์เทรลตั้งแต่สองร้อยปีก่อนที่พระองค์ละราชกิจ....เพียงแต่มุมมองด้านสังคมอาจต่างกันบ้างไม่มากก็น้อย”หล่อนละเลียดคำให้น่าฟังขึ้นอีกนิด คล้ายพวกนักปราชญ์

    “หากท่านภักดีต่อลัสท์เทรล ทำไมไม่ช่วยข้าตะล่อม ลอร์ด แห่งเลแรงก์ ดูบ้าง?”

    “ไม่แน่ว่าหากข้าได้ผลึกฟ้ามา จะลองไปถามนายเหนือหัวแห่งยูโธเปียให้?”อีลิจาเสนออย่างติดตลก...ตลกร้าย ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับเหนือความคาดหมาย

    “ราชัยน์เหนือตื่นแล้ว”

    และท่านคงยังไม่รู้ว่านั่นคือสาเหตุที่ดัชเชสแห่งเลแรงก์จากไป เพราะข้าเองต้องทำงานอย่างหนักในการปกปิดเรื่องนี้ ภาพที่เห็นผ่านแก้วตาของร่างสถิตคือเสนาบดีที่นิ่งงันยิ่งกว่าครั้งใด ก่อนจะค่อยๆเอ่ยปากขึ้น

    “....รู้หรือไม่ท่านรัตติกาล ท่านใจกล้าต่อความเสียเปรียบเสมอ”

    “งั้นหรือ? ข้าเพียงได้รับหน้าที่ให้มาเตือนท่าน ท่านเสนาบดี”หล่อนเดินออกจากมุมที่จับจอง ร่างของทหารยามนิรนามสูงไม่เกินคางของมหาเสนาบดี ทว่าท่วงท่าที่แสดงออกไม่น่ายำเกรงไปน้อยกว่ากัน อีกอย่างหนึ่ง...ไม่มีอะไรที่หล่อนเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยสักนิด แต่ประโยคนั้นไม่ได้กล่าวออกไป

    “เรื่องสุดท้าย เป็นคำแนะนำด้วยความบริสุทธิ์ใจของข้า.....ดูการประลองให้จบ ท่านอาจจะพบสิ่งที่น่าสนใจมากก็เป็นได้”หล่อนหนุ่มยิ้ม ก่อนที่ร่างของเขาจะเดินจากไป เหลือเพียงเสียงฝีเท้าที่ดังแค่ไม่กี่ก้าวแล้วสูญหายไปในความเงียบสงัดของหอคอยเก่า

              เสนาบดีเอ๋ย สงครามประสาทระหว่างท่านกับซิลอยด์ แห่งยูโธเปียจะไม่ก่อประโยชน์อะไรให้ตัวท่าน

              โอดินกำลังจะตื่น

                สองร้อยปีนี้ยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนลัสท์เทรล...อีลิจารำพึง จะจบลงเร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ? ในตอนนี้ไม่ว่าซิลอยด์ต้องการผลึกฟ้าไปเพื่ออะไร? ไม่ว่าสิ่งที่ลอร์ดแห่งเลแรงก์ต้องการจะเป็นภัยหรือไม่? เขาก็ต้องได้ความลับของห้วงนิทรามาเพื่อที่จะผนึกการหลับใหลของโอดินต่อไป

     

                 .....................................

    “เฮเลน ไฮเลอีนิส”

    “ห๊า!!!!”ปากของเขาส่งเสียงลั่นก่อนที่จะทันได้หุบมันลง ปารีสกระเด้งตัวขึ้นมาอีกครั้งด้วยความแรงที่แม้แต่เปโตรก็เกือบจะลอยไปด้วย คนเจ็บที่มักจะลืมว่าตนเองกำลังเจ็บตรงรี่ไปเกาะของที่นั่งด้านหน้าแม้ว่าสนามที่ยังว่างเปล่าจะไม่ให้คำตอบใดแก่เขา

    “ชื่อเฮเลนมันมีปัญหาอะไรอย่างนั้นเหรอ?”ไรซ์หาวหวอด แต่ก็อดถามด้วยความสงสัยไม่ได้

    “หล่อนหายตัวไปสามเดือนแล้ว ทิ้งเจ้าบ้านี่ไว้กับอาการอกหักที่หมอรักษาไม่หาย”จาเวิร์ดจุ๊ปากใส่ใบหน้าตื่นเต็มตาของแอซไพรซ์ตัวแห้ง ในขณะที่เจ้าบ้าคนนั้นได้ยินแค่ไม่กี่คำก็หันขวับมา

    “ว่าอะไรนะหมอ!?”

                “เปล่านี่”หัวหน้าศูนย์แพทย์ตอบหน้าตาย ก่อนสองหนุ่มต่างวัยหันมามองหน้ากัน ...โง่ชัดๆ...โง่จริงๆนั่นแหล่ะ

                “นี่เจ้าจะตะโกนเพื่ออะไรกัน? ขายหน้าคนอื่นเขาหมด”น้ำเสียงนุ่มทุ้มทว่าส่อแววหงุดหงิดดังขึ้นจากด้านหลัง ยูลิสท์กลับมาในสภาพเดิมเหมือนกับที่เขาลงไป หล่อเหลาหมดจดไม่มีแม้ฝุ่นเกาะให้ระคายตา มีเพียงปอยผมด้านข้างที่แหว่งไปเล็กน้อยเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าลูกไฟเมื่อครู่ทำอะไรนักเวทมนตร์ผมทองไม่ได้เลย

                “ทำผลงานไว้ดีเยี่ยม...คงรู้สินะว่าเป็นภาระที่ทำให้คนต่อไปต้องถูกจับตามอง?”คำถามของจาเวิร์ดรั้งฝีเท้าของเขาไว้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์หนุ่มก็ไม่ลำบากใจที่จะหันไปตอบ “เพราะอย่างนั้นข้าถึงใส่ชื่อเฮเลนน่ะสิ”

                “เฮเลนกลับมาแล้ว!”ร่างสูงก้าวเนิบๆไปยังปลายระเบียงที่มีปารีสผู้ลุกกี้ลุกลนวนเวียนอยู่ก่อน มองดูสีหน้าไม่เป็นสุขของเด็กหนุ่ม แอซไพรซ์ผมทองกล่าวถามอย่างประหลาดใจ

                “ทำไมเจ้าต้องตื่นเต้นด้วย?”

                “ฉันไม่ได้ตื่นเต้น! ก็แค่...ก็แค่...”ปารีสหลุดไปอยู่ในความคิดของตัวเองอีกครั้งขณะที่สองขายังเดินวนไปมาอยู่ในวงกลมเดิม “...ไม่รู้จะทำตัวยังไง”

                “แล้วทำไมต้องรู้ด้วย?”

                “ยัยนั่นหายไปสามเดือนแล้วนะ!”เขาแทบจะตะโกนเสียงหลงใส่หน้าหล่อๆที่บางทีก็ซื่อบื้อจนน่าหงุดหงิด ...แม้ว่ายูลิสท์จะน่าหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาก็ตาม “มัน...นายไม่เคยมีเรื่องที่อยากพูดแล้วพูดไม่ออกงั้นหรือ?”

                “ไม่มี....หยุดเลย ถ้าเจ้ามีอะไรอยากพูดก็เชิญบอกเธอข้างล่างนั่น”ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะยกมือเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายหุบปาก เขาสะบัดหน้าไปทางสนามประลอง “เธอยืนอยู่ตรงนั้นเอง”

                ปารีสโถมตัวไปที่ขอบระเบียง มือทั้งสองข้างวางสะเปะสะปะไปหมดเพียงเพราะทั้งร่างของเขาดูจะอยู่เฉยจากความกระวนกระวายที่ทิ่มแทงใจไม่ได้ จนกระทั่งเส้นผมสีน้ำตาลส้มปรากฏในสายตา...อบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ร่วง เฮเลนยืนอยู่ในจุดเดียวกับที่ยูลิสท์เพิ่งกลับขึ้นมาเมื่อครู่ เธอส่วมชุดสีครามเหมือนกับคนอื่นๆแต่มีรองเท้าบูทสีดำยาวเกือบมิดเข่ายิ่งทำให้ร่างเล็กดูกระจ้อยร่อยบนภาพของโคลอสเซียมที่เต็มไปด้วยการต่อสู้

                ทุกส่วนของเขาผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัว ไหล่หยุดสั่นและเท้าทั้งสองข้างวางนิ่ง ปารีสมองเด็กสาวที่กำลังพูดคุยกับทหารหญิงคนเดิม พวกเขาทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ในเวลานี้กลับดูแปลกตาที่เห็นหล่อนอีกครั้งหลังจากสามเดือนที่ไม่ได้พบกัน

                 “มันไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆจากยามาเมื่อปราศจากไบฟรอสท์ แต่เธอก็เร่งรุดมาได้ทัน”ยูลิสท์กล่าวแก่สหายรุ่นเยาว์ที่ถามอย่างงุงงน “ยัยไปทำอะไรที่ยามากัน?”

                “เดี๋ยวเจ้าก็ได้เห็นเอง”

                เสียงแตรลั่นขึ้นอีกครั้ง ตัดคำพูดทั้งมวลของเขา พร้อมกับร่างของเฮเลนที่ค่อยๆเดินออกไปสู่กึ่งกลางสนาม ปารีสใจเต้นโครมครามยิ่งกว่านัดแรกที่ตนเองลงสนาม คู่ต่อสู้เป็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันจากหน่วยลำดับสิบห้า ยังเป็นมือใหม่สำหรับการต่อสู้ดุเดือด แต่ก็ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีเหมือนกับเฮเลน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี รวดเร็วกระชับ รุกต่อรับไม่มีช่องโหว่ เต็มไปด้วยการเรียนรู้และให้เกียรติ

                ทว่า....เฮเลนไม่ชักอาวุธออกมา ไม่มีอะไรติดตัวเธอเลย

                “ผู้ใช้สัตว์อสูรห้ามพกอาวุธงั้นเหรอ?”ไรซ์ยิงคำถามในฐานะเพื่อนร่วมสถาบันเดิมที่ต่างก็รู้จักกับสิงโตตัวใหญ่กันถ้วนหน้า “มันก็ถือเป็นอาวุธชนิดหนึ่งในตัวเองล่ะนะ”ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์เป็นผู้ตอบ ในขณะที่ปารีสจดจ่อกับสนามจนไม่ได้ยินเสียงอื่นๆรอบตัว

                “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันไม่เห็นซีซาร์เลย?”เด็กหนุ่มหัวฟูพึมพำ

                สิ่งเดียวที่เฮเลนใช้ก็คือการเคลื่อนไหวของร่างกายล้วนๆ แม้ว่าจะหลบหลีกได้เหมาะเจาะ แต่ลำพังมือเปล่าก็ไม่สามารถโจมตีตอบโต้ได้ คู่ประลองประหลาดใจ เขาไม่กล้ารุกไล่อย่างรุนแรง แต่ก็ไม่สามารถยั้งมือตลอดไปได้เช่นกัน

                “ขอโทษด้วย แต่คุณไม่อยากใช้อาวุธหน่อยหรือครับ?”เขาถามอย่างสุภาพ คราแรกที่เขาต้องลงประลองในสนามจริงก็คิดว่ามันจะต้องเป็นสมรภูมิเลือดไม่ตางจากที่คู่อื่นซัดกันโครมคราม ไม่เคยจินตนาการเลยว่าคู่ต่อสู้คนแรกของเขาจะเป็นสาวหน่อยร่างเล็กที่แม้จะมีฝีมือพอตัวแต่กลับไม่ยอมจับอาวุธเสียอย่างนั้น?!

    น้ำเสียงนุ้มทุ่มกับใบหน้าละมุนทำให้หัวใจที่มีภูมิแพ้หนุ่มหล่อของเธอเต้นแรง ทว่าเฮเลนสามารถควบคุมสติและใบหน้าแดงซ่านของตนได้ดีกว่าเวลาปกติ

    “ฉันพึ่งเคยประลองจริงๆครั้งแรก คงจะยากถ้าไม่หยั่งเชิงดูก่อน แต่คงเสียมารยาทกับคุณสินะคะ”เธอกล่าวเสียงใส คิดในใจว่าคู่ประลองช่างเป็นสุภาพบุรุษที่น่ารักอะไรอย่างนี้ อันที่จริงเรือนผมสีน้ำตาลเถ้าและผิวพรรณขาวสะอาดทำให้ วาร์ลเลน มัวร์เธเป็นชายหนุ่มที่ดูดีมากคนหนึ่ง เฮเลนค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าสเป็คของตนเองคงอยู่แถวๆภาคเหนือ บ้านเกิดของเพื่อนสนิทอีกคนนั่นเอง

                วาร์ล...ชื่ออบอุ่นดีจัง เธอคิด นั่นเป็นเรื่องน่าประหลาดที่เกิดขึ้นในสมองของวาร์ลเลนด้วยเช่นกันที่เขาเกิดความประทับใจต่อเด็กสาวในสถานการณ์พิลึกพิลั่นเช่นนี้ แต่ความคิดของทั้งคู่ต้องมลายไปอย่างรวดเร็วเมื่อแอซสายหนึ่งก่อตัวจากร่างเล็กๆของเฮเลน

                เป็นแอซที่หนาแน่นและมีกลิ่นอายผิดแผก เริ่มแรกสุดมันเป็นสีฟ้าอ่อนจางและลุกโชนขึ้นในไม่กี่วินาที รูปทรงที่ปรากฏออกมานั้นไม่คล้ายคลึงกับอาวุธแม้แต่เสี้ยวเดียว!

                “พันธะอสูร!

                “ซีซาร์!”สามหน่อโพล่งออกมาในที่สุด

                “สนามที่สองวันนี้มันอะไรกัน?”บนระเบียงหินอ่อน พันเอกซิกกันหลุดปากบ่นออกมาหลังจากปันความสนใจน้อยนิดไปตามสนามย่อยต่างๆ สายตาของเขาต้องหยุดลงที่ตำแหน่งอัปยศเมื่อครู่อย่างช่วยไม่ได้

                สิงโตสีดำ! โจนทะยานอยู่เบื้องหลังแอซไพรซ์สาว ซีซาร์คำรามให้กับการหลุดพ้นจากพันธนาการตลอดระยะทางจากยามาสู่ลัสท์เทรล มันจ้องมองวาร์ลเลนเพียงเดี๋ยวเดียวก็กระโจนใส่ร่างของเฮเลน! ท่ามกลางความตื่นตะลึงและเสียงอุทานที่แทบฟังไม่รู้เรื่องของผู้ชม เปลวไฟสีแดงสดพุงปราดลามเลียจากหัวไหล่มาที่ปลายแขน แหวนหัวเหล็กทั้งสิบวงหมุนเข้าต่อกันด้วยกลไก รูปร่างของมันกลายเป็นสนับมือคู่ใหญ่ที่ลุกโชนด้วยเพลิง!

                “ไม่ต้องเกรงใจนะคะ ฉันเองก็จะไม่ทำอย่างนั้นเหมือนกัน!

    กำปั้นชนกำปั้น กระแทกแสงสีส้มให้สว่างติดขึ้นเหนือผิวโลหะ เห็นได้ชัดว่าอาวุธของหล่อนพร้อมแล้ว เมื่อไม่สอบนาทีก่อนชายหนุ่มยังลังเลที่จะวาดคมดาบใส่คู่ประลองที่เป็นผู้หญิง แต่เมื่อเห็นเขี้ยวเล็บผสานเวทย์โจมตีของเฮเลน เขาก็รู้ตัวว่าจะเกรงใจเธอต่อไปอีกไม่ได้แล้ว พันธะอสูรขู่คำราม เปลือกนอกที่บอบบางกว่าสตรีอื่นในกองทัพ กลับดูดุดันขึ้นมาเหมือนกับราชสีห์

    มัวร์เธกระชับดาบในมือ หน่วยของเขาอยู่ต่ำกว่า แต่ทั้งสองก็ถือเป็นแอซไพรซ์ที่มีกระดูกเบอร์เดียวกัน ดังนั้นเมื่อดาบปลายมนทรงมาตรฐานในมือเขาเปล่งแสงสีเงินจ้าขึ้นมา เปลวไฟที่โอบรอบลำคอของเธอลุกชันเป็นสัญญานเตือน ที่ใจกลางโกร่งดาบทรงกางเขนฝังผลึกสีเขียวเรือง

    ชีพจรของเฮเลนเต้นรัว รู้สึกได้ถึงความตื่นตัวที่ไม่เหมือนการฝึกครั้งไหนๆ พวกเขาพุ่งเข้าหากันภายใต้เสียงสูดลมสะท้านเยือกของผู้เฝ้าดู การปะทะครั้งแรกและครั้งเดียวทำให้ความกังวลของปารีสแตกกระจายด้วยเสียงสะท้อนดังเปรี้ยงราวกับฟ้าฟาด! จนยากที่จะทำใจเชื่อได้ว่าเป็นเนื้อหุ้มกระดูกปะทะกับสันดาบจังๆ ไม่เพียงเรี่ยวแรงมหาศาลและเชิงหมัดที่น่ากลัวเกินเจ้าของร่าง แรงปะทะของเวทมนตร์สองสนิทตีกันสนั่น

    โหดหิน! ชายชาตรีทั้งหลายถึงกับหนาวสันหลังไปตามๆกัน

                หนึ่งสั่นสะเทือนไล่ริ้วเพลิงแทบกระจายไม่อยู่ดี สองหนักแน่นดุดันจนปลายนิ้วที่กำรอบด้าบดาบถึงกับด้านชา วาร์ลเลนต้องบีบฝ่ามือแน่นเมื่อหมัดของเฮเลนพุ่งหลุนมาด้วยความเร็วและแม่นยำ เสียงปะทะกันดังติดเป็นจังหวะ หมัดขวาเสยเข้าถูกผลักด้วยศาสตรา ไม่รอให้คู่ประลองได้สวนกลับ กำปั้นซ้ายวาดดักเข้าอีกด้าน ทุกจังหวะเป็นไปด้วยความพลิ้วไหวต่างจากยูลิสท์ที่เป็นหนึ่งด้านการหลบหลีก เฮเลนเคลื่อนไหวอย่างมีแบบแผน

                ละสายตาไม่ได้เลยทีเดียว!

                เพียงแค่มัวร์เธไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายดาย ทุกหมัดของเธอหากไม่ทะลวงอากาศก็ต้องปะทะสันดาบทุกครั้งไป ไม่เพียงเท่านั้นเวทมนตร์ผสานของดาบอีจิสยังทำให้มวลพลังแตกกระจาย เรียกได้ว่าลดประสิทธิภาพของแอซอย่างแท้จริง และจังหวะแรกที่ผู้ชมรอคอยก็มาถึงเมื่อคมปลายดาบทิ่มลงบนหลังมือ ครูดไถลไปกับผิวแขนซึ่งอาบไฟสีเข้มเป็นเกราะป้องกัน วาร์ลเลนหมุนแขนไปพร้อมๆกับก้าวเท้าวนไปด้านข้างลากคมดาบตัดผ่านคอของเฮเลน มือข้างหนึ่งของเธอยกขึ้นกันส่วนกราม ในขณะที่อีกข้างฉกชิงเวลาเสี้ยววินาทีที่แขนของชายหนุ่มลดลงเล็กน้อย

                วาร์ลเลนระเบิดแรงสะเทือนเข้าที่หัวไหล่ เตรียมส่งร่างของแอซไพรซ์สาวกระเด็นไปไกล

                เฮเลนย้ายเพลิงของซีซาร์ไปอีกฟากของร่างกาย โถมตัวตามทิศทางเดียวกัน หมัดขวาเหลือแค่สนับมือและผนึกเสริมแรงเท่านั้น เธอบดกำปั้นเข้าใบหน้าเปี่ยมสเน่ห์ของเขาอย่างจัง!

                กำปั้นลุ่นๆไม่พลาดเป้า!!

    แก้วสุราในมือของทวิเทพกลิ้งตก คิ้วของเขาเลิกสูงพอๆกับเหล่าคนสนิท และมวลชนที่ต่างถูกแบบแผนประหลาดขโมยความสนใจไปจากสนามอื่นๆ

                เปรี้ยง! ร่างของเด็กสาวกระเด็นเสียหลักไปไกล อาศัยแรงรับจากไฟของซีซาร์เป็นตัวเสริมแรงขาให้ม้วนตัวกลับมาตั้งหลักได้อย่างฉิวเฉียด แขนซ้ายของเธอชาดิก ปลายนิ้วสั่นสะท้านรวบรวมแอซที่แตกกระจัดกระจายเป็นละอองให้กลับมาเกาะกลุ่มกัน วาร์ลเลนเลือกใช้แรงสั่นของมวลคลื่นแทนการปะทะตรงๆของคมดาบ ส่วนแอซไพรซ์หนุ่มไถลไปด้านข้างตามแรงหมัดเหล็กของเฮเลน กายภาพไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไหร่ แต่ใบหน้าซีกซ้ายยับย่นไปอย่างเห็นได้ชัด ต้องขอบคุณเฮเลนที่ไม่เผาใบหน้าของเขาไปด้วย

                ทั้งสองยิ้มให้กัน บรรยากาศในสนามย่อยที่สองระอุขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

                “สมกับเป็นศิลปะของเอริเชี่ยน”ยูลิสท์ชมเชย สีหน้าชื่นมื่นกว่าใคร เกือบครึ่งของผู้หญิงเอริเชี่ยนที่เขารู้จักไม่ใช่ประเภทที่สมควรดูหมิ่น หนึ่งในนั้นยังรวมเจ้าของผมสีเงินแท้ ไนคก์ ชแฮนเดอร์ไว้อีกด้วย

                “ยัยนั่นไม่ได้ไปยามาหรอกหรือ!?”ปารีสคลำหาเสียงของตัวเองจนเจอ ร้องโหยหวนตื่นตระหนก มองอย่างไรก็ไม่เหมือนเฮเลน ไฮเลอีนิส นักเรียนอันดับหนึ่งผู้ไม่เคยฉีกตำราทิ้งแม้แต่เล่มเดียว ตอนนี้เธอวาดลวดลายราวกับพายุหมุนลูกย่อม

                “แหม ไปยามาก็ไม่ได้หมายว่าจะพบคนยามาเสมอไป”ดวงตาสีฟ้ากระจ่างตามติดภาพการประลองอย่างพึงพอใจ ผลลัพธ์เหนือกว่าจินตนาการ ความสามารถของเฮเลนเป็นสายสนับสนุนของแท้ แม้จะได้เข้าบรรจุในกองพันธ์สัประยุทธ์ได้สำเร็จ แต่ทักษะของเธอก็ไม่สามารถก้าวตามสมาชิกคนอื่นในหน่วยปฏิบัติการณ์ได้ทัน ด้วยความคิดสุดพิศดารของยูลิสท์ การทำให้ทฤษฎีกลายเป็นความจริงจึงเริ่มขึ้น

    ทว่า...การต่อสู้ของเด็กสาวยังคงมีจุดอ่อน ในขณะที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างดุเดือด คนที่สังเกตุเห็นคงมีเพียงบุรุษผมทองที่รับรู้อยู่ก่อนแล้ว และคู่ประลองของเธอเอง วาร์เลนตัดสินใจถามสิ่งที่คาใจอยู่ตั้งแต่แรกเห็นสิงโตสีดำ

    “ทำไม...คุณถึงไม่ไปสังกัดหน่วยอื่นล่ะครับ? ถ้าเป็นหน่วยสนับสนุนล่ะก็ คุณต้องทำได้สบายมากแน่ๆ”

    เฮเลนไม่คาดฝันถึงคำถาม ยิ่งไม่คาดฝันว่าจะตอบอย่างไร เพราะหากจะขุดลึกถึงเหตุผลจริงๆนั้น คงต้องย้อนไปไกลสักหน่อย...

    “จะว่าไปพวกนายอยู่ด้วยกันตลอดเลยนี่?”อยู่ๆเปโตรก็พูดขึ้น คิดๆดูแม้ว่าจะร่วมฝึกมาด้วยกันแต่ก็ไม่เห็นเฮเลนออกลายบู๊บ่อยนัก กลับจะเห็นเธอประกบกับปารีสที่เป็นตัวออกแรงเป็นว่าเล่น เห็นเธอต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายนับเป็นแรงที่น่าประหลาดใจ

    “เออ ก็ขึ้นมาพร้อมกันนี่”

    “พวกนายสองคนมาเจอกันได้ยังไงนะ ออกจะต่างกันคนละขั้วขนาดนี้”จอมขี้เกียจเสนอความเห็นที่ใครๆต่างก็พยักหน้า

    “ง้านเหรอ.....”ปารีสลากเสียงยานคาง เพิ่งนึกอะไรออกได้เนืองๆ “ต้องอย่างนั้นแหล่ะน่า ยัยนั่นเป็นลูกคุณหนูแห่งทรอยย์เชียวนะ” ออกจะเป็นคำเรียกขานที่น้อยนิดเกินไปแต่ก็หาคำอื่นมาบรรยายไม่ได้ ในเมื่อหล่อนเป็นคุณหนูไฮเลอีนิส เพียงแต่ตระกูลไฮเลอีนิสนั้นยิ่งใหญ่แทบจะเป็นเสาหลักของเสารองของอาณาจักรทรอยย์ในภาคตะวันตกของมิดการ์ดเลยทีเดียว หากว่าทรอยย์ไม่อยู่ใต้การปกครองระบอบสาธารณะรัฐ เฮเลนอาจจะเป็นองค์หญิงหรืออะไรเทือกนั้นก็เป็นได้ แบบปลายแถวสักหน่อยล่ะนะ

    “ยัยนั่นหัวดื้อมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ ครั้งแรกที่ขึ้นมาเยี่ยมญาติที่โอลิมปัสก็หนีออกจากห้องรับรองซะเอง”

    “โอ้ แล้วก็พบเจ้าชายเข้าเหรอ?”ไรซ์กระเซ้า ได้รับคำตอบล่วงหน้าเป็นเสียงเฮอะดังๆ

    “ซะที่ไหนเล่า....ลูกคนสวนต่างหาก”เจ้าตัวยืนยัน เป็นการพบกันครั้งแรกของคุณหนูจากพื้นโลกและลูกคนสวนบนสวรรค์ “พอฉันบอกว่าจะมาเป็นทหารที่ลัสท์เทรล เจ้าหล่อนก็ตามมาเฉย”

    บางทีความดื้อด้านของเฮเลนอาจจะฝังลึกมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวจ้อยก็เป็นได้

    เช่นเดียวกับปารีส เธอก็สงสัยตัวเองเช่นนั้น

    เฮเลน ไฮเลอีนิสเป็นน้องนุชคนสุดท้องในครอบครัวมั่งมีที่เพียบพร้อมด้วยพี่สาวสามคนและมารดาผู้เข้มงวด ตระกูลของหล่อนมีส่วนปกครองอาณาจักรทรอยย์ มหานครที่เป็นศูนย์กลางของภาคตะวันตก ที่ๆสตรีเป็นใหญ่เหนือบุรุษดังเช่นน่านฟ้าโอลิมปัสของเทพีเฮสเธีย เทพราชัยน์แห่งน่านฟ้าประจิม ความอ่อนช้อยละมุนละไมของพี่สาวเป็นสิ่งที่เธอเคยชินมาตั้งแต่เด็ก และเฮเลนตัวน้อยคงได้ดำเนินรอยตามเพื่อเติบใหญ่เป็นกุลสตรีที่ดี แต่งงานกับสามีที่มารดาเลือกเฟ้น หากว่าเธอไม่ได้ไปเที่ยวท่าเรือประจำเมืองและบังเอิญพบกับลูกสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่ถูกบรรทุกมาจากน่านฟ้าใต้ มือเล็กๆสัมผัสจมูกของลูกแมวตัวโต

    วินาทีนั้นชีวิตของเธอก็ผูกอยู่กับมัน และเด็กหญิงก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมแลกซีซาร์ไปให้คณะละครสัตว์แห่งไหนเพื่อการแต่งงานในอนาคต

    ความดื้อด้านครั้งแรกของเธอ นำไปสู่ความหัวดื้อที่จะเป็นนิสัยประจำกายไปชั่วชีวิต และความดื้อด้านครั้งที่สอง ผลักดันให้เลือกเส้นทางที่แตกต่างจากสามศรีพี่สาวชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยแรงกระตุ้นเล็กๆที่บังเอิญถูกเธอหล่นทับจากหน้าต่างห้องในวันแรกที่ขึ้นไปเยี่ยมชมนครลอยฟ้าโอลิมปัส

    “ถ้าต้องทำอะไรที่เห็นผลลัพธ์รออยู่แล้วล่ะก็ มันก็เหมือนฉันไม่ได้เลือกอะไรเองเลยนี่คะ”น้ำเสียงของเธอหนักแน่น ไม่ต่างจากหมัดที่บดขยี้ลงมา แม้ว่าแอซรอบกายจะเบาบางลง แต่กำลังของเฮเลนไม่ได้มอดถอยไปด้วยเลย ทั้งหมดที่วาร์ลเลนรับมืออยู่คือฝีไม้ลายมือของเด็กสาวเองเท่านั้น

    นอกจากกำปั้นแล้ว หัวใจของชายหนุ่มยังต้องรับแรงกระแทกอีกดอก

    “ไฟของเฮเลนเบาลงแล้ว!”ไรซ์ชี้ไปยังสังเวียนที่ยังคุกกรุ่น ทว่าการเคลื่อนไหวฉับไวของตัวแทนจากหน่วยสิบสี่ปราศจากพลังเหมือนในช่วงแรก

    “อย่างน้อยก็ยังดีที่อีกฝ่ายเป็นสุภาพบุรุษ”จาเวิร์ดเองก็สังเกตมาสักพัก

                เทียบกับรอบก่อนที่เทพบุตรหนุ่มสุดหล่อคว้าชัยมาได้ในเวลาเพียงสี่นาที การประลองรอบที่สองค่อนข้างยาวนานจนน่าทรมานใจสำหรับคนดูอย่างปารีส สองร่างยังโถมถอยใส่กันไม่เว้น เมื่อเกราะป้องกันของเฮเลนบางลง แรงสะเทือนจากอีจิสเริ่มสร้างความเสียหายที่ร้ายแรงขึ้นในทุกครั้งที่เกิดเสียงโลหะกังวานจากการปะทะกันของเกราะหุ้มมือและสันดาบ เสียงนั้นบาดลึกเข้ามาในหูของเธอทำให้หัวเข่าชาอ่อนแรง โชคดีที่เป็นเวลาเดียวกับที่วาร์ลเลนตวัดดาบตัดกลางลำตัว เด็กสาวทิ้งต่อพลันกลิ้งหลบไปอีกทางอย่างฉิวเฉียด

                “ขึ้นอยู่กับการทำเวลาสินะครับ”พันโทฮาเกนถอนหายใจเบาๆ ให้แก่ผู้เข้าประลองที่กลายเป็นขวัญใจของตนได้ไม่นานด้วยลีลาการต่อสู้ที่แหวกแนว

    “พันธะอสูรน่ะไม่เหมาะสำหรับประลองตัวต่อตัวอยู่แล้ว ต้องเป็นระดับสามขึ้นไปถึงจะพอมีแรงข้าวต้มเหลือ”รองแม่ทัพพอจะสรุปผลลัพธ์ในใจได้ ข้อเท็จจริงที่กล่าวถูกขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งเกียจคร้านของทวิเทพ “แต่ว่า.....”

    “ก็เป็นการต่อสู้ที่สร้างสรรค์ดีไม่ใช่หรือ ช่นนี้ไงเล่าเราถึงต้องมีนักเวทมนตร์ประจำกองทัพ”เขากล่าวชมเผื่อแผ่ไปถึงยูลิสท์ นักวิทยาศาสตร์หนุ่มประจำหน่วยสิบสี่ที่เพิ่งป่วนสนามมาหมาดๆด้วย เรียกเสียงเดาะลิ้นหงุดหงิดจากซิกกัน ที่ปรายตามองไปทางเก้าอี้คลุมธงนกเค้าแมวอย่างรำคาญใจ

    ถึงตอนนี้เฮเลนแทบไม่เหลือแอซของตัวเองอีกต่อไป เหงื่อเม็ดหนึ่งหยดลงมากลางหน้าผาก ชะรอยสกปรกที่เปรอะเปื้อนเต็มตัวเธอ ตรงกันข้ามคือคู่ประลองจากหน่วยย่อยที่สิบห้า แม้จะถูกสนับเหล็กอัดจนช้ำไปหลายหมัด แต่ดาบสีเงินสว่างจ้ายังทอแสงไม่เสื่อมคลาย

                พันธะอสูรคือการแบ่งแอซส่วนหนึ่งเพื่อหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ ในขณะเดียวกันก็ได้รับทักษะพิเศษที่แอซไพรส์ไม่มีมาเป็นการทดแทน เพราะเหตุนี้เจ้าของพันธะอสูรจึงสามารถใช้เวทมนตร์ได้รุนแรงกว่าแอซไพรซ์ทั่วๆไป แต่ผลเสียของมันคือการสูญเสียแอซมหาศาล

                พื้นฐานของซีซาร์คือธาตุไฟ เวทมนตร์ที่หลอมเข้ากับสนับมือจึงเป็นเวทมนตร์จู่โจม เน้นการระเบิดของพลังเหมือนกับเปลวเพลิง เธอระลึกถึงคำพูดของนักเวทมนตร์ก่อนที่จะออกเดินทางสู่ยามา

                “จะให้ว่ากันตามตรง...คงต้องบอกว่าความสามารถของเจ้าไม่เหมาะกับหน่วยปฏิบัติการณ์ อีกไม่ช้าก็เร็วขีดจำกัดของเจ้าจะมาถึง ในขณะที่คนอื่นๆยังพัฒนาต่อไปได้ การที่ข้าให้เจ้าฝึกคู่กับปารีสก็เพื่อให้ยอมรับตำแหน่งสนับสนุน แต่เท่าที่ดู ดูเหมือนไม่มีความตั้งใจนั้นในตัวเจ้านะ”ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มบางที่ดูคล้ายลำบากใจในสิ่งที่จำเป็นต้องกล่าว

              “ฉันเองก็อยากให้การฝึกเป็นไปด้วยดีนะคะ!”เธอแย้งเสียงสูง

              “เช่นนั้นเจ้าเคยคิดอยากให้ซีซาร์สงบลงรึเปล่า? หรืออยากให้ปารีสกำราบมันได้บ้างไหม?”

              คำถามนั้นทำให้เฮเลนนิ่งอึ้ง ในใจของเธอเต็มไปด้วยความละอายที่ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเธอโยนผลลัพธ์ของการฝึกทั้งหมดไว้ที่ฝีมือของปารีส หลายวินาทีที่ริมฝีปากพึ่งเปล่งเสียงแรกออกมา นักเวทมนตร์หนุ่มยังรอคอยด้วยสายตานิ่งสงบ

              “ไม่มีทางอื่นแล้วหรือคะท่านวาอินนา?”เฮเลนถามเสียงอ่อน

              “.....ปารีสไม่มีเจ้าก็ยังอยู่ต่อได้ แต่เจ้าเป็นสายรอง หากไม่มีเขาเจ้าจะทำอย่างไร?”อีกครั้งที่ยูลิสท์ย้อนถาม บุรุษที่อ่อนโยนขี้เล่นกับมีความโหดร้ายชนิดหนึ่งซ่อนอยู่ เป็นส่วนที่หลอกล่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดอยู่เสมอ เฮเลนเพิ่งตระหนักว่าแม้ยูลิสท์จะเคี่ยวเข็ญปารีสมากกว่าใคร จนดูเหมือนถูกแกล้งอยู่จริงๆ แต่แท้จริงแล้วเขาเอาใจใส่และวางใจในตัวเด็กหนุ่มไม่น้อยไปกว่าลอเฟย์ ถึงตอนนี้ปารีสเองก็คงไม่รู้ตัวกระมัง

              “ไม่มีทางที่ ฉันจะเป็นสายหลักได้หรือคะ?”

              คราวนี้เป็นผู้กุมอำนาจเหนือหน่วยที่เงียบไปบ้าง นานเสียจนน่าอึดอัด กว่าที่ดวงตาสีฟ้ากระจ่างจะหวนกลับมาจากความว่างเปล่า

              “มี”

                ....มันไม่ใช่เพราะทิฐิหรือความอยากเอาชนะ ไม่ใช่เพราะความรู้สึกอิจฉาในยามที่เห็นอีกฝ่ายกวัดแกว่งดาบได้อย่างอิสระ เริ่มต้นจากท่อนไม้ธรรมดาๆในยามเยาว์วัย แต่เป็นความปรารถนาที่ไม่อยากตามหลังใคร

                “จำไว้ว่าในการต่อสู้ นอกจากเวทมนตร์พื้นฐานที่ต้องใช้เป็นแล้วยังมีศาสตราผสานเวทย์ที่ผลึกใช้ผลึกเป็นสื่ออีก เท่านั้นก็ต้องดึงแอซถึงสองส่วนแล้ว ยังไม่รวมการโจมตีต่างๆที่ผสานเวทมตร์ซ้อนให้เกิดลักษณะพิเศษ ต่อให้เจ้าสามารถทำสองข้อแรกได้ ก็ไม่เหลือแอซมาหล่อเลี้ยงอาวุธสักเล่มอยู่ดี....พันธะอสูรสามารถใช้งานได้ดีในการสนับสนุน หากว่าเจ้าตั้งมั่นจริงๆก็มีอาวุธประเภทหนึ่งที่ไม่ต้องเปลืองแอซมากอยู่”

              สิ่งที่วางลงบนฝ่ามือเธอคือแหวนห้าวง

              “ไม่มีอาวุธชิ้นไหนที่สัตว์อสูรจะเกื้อหนุนไปได้มากกว่าตัวเจ้าเอง สนับสนุนมันหน่อยจะเป็นไร? หากใช้แรงของตนเองเป็นตัวส่ง ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งอภินิหารอะไรมากมายหรอกนะ”เป็นคำพูดแรกของผู้เป็นอาจารย์ “....ถึงจะเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กแบบนี้ก็เถอะ”ส่วนนั่นเป็นคำบ่นพึมพำแรกของผู้ช่วยอาจารย์

                ....มันไม่ใช่เพราะทิฐิหรือความอยากเอาชนะ แต่เป็นความปรารถนาที่อยากอยู่ในระดับเดียวกัน เคียงบ่าเคียงไหล่กันได้ ความรู้สึกที่สหายคนแรก เพียงคนเดียวที่เข้าใจในโลกที่ว้าเหว่ จะทิ้งห่างไปไกล เป็นสิ่งที่น่ากลัวเกินจะตระหนักถึงง่ายๆ

                ความดื้อด้านของเธอเลือกแล้วอีกเช่นกัน ตัวเลือกที่ชื่อปารีส

                เธอยังติดค้างคำขอโทษใหญ่หลวงท่เอาแต่ใจมาตลอด แม้จะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องบอก....เป็นสิ่งที่อยากจะบอก แต่ก็ยังอึดฮึดฮัดกระอักกระอ่วนไม่ได้ เอาเป็นว่า...ไว้ค่อยบอกหลังจากนี้ก็แล้วกัน

                ดังนั้นเฮเลนจึงหลับตาลง เรี่ยวแรงที่หลงเหลือในตัวช่างน้อยนิดไม่ต่างจากกระแสแอซที่แทบจะรวมตัวกันได้เป็นเพียงลมหายใจบางเบา เมื่อเม็ดเหงื่อไหลลงมาที่หว่างคิ้ว ดวงตาสีเขียวอ่อนก็เปิดขึ้นพร้อมๆกับลมหายใจพรูออก

                “หนึ่งในความสามารถของพันธะอสูรที่โดดเด่นและอันตราย....”

                แอซในตัวถูกดึงกลับมารวมในจุดเดียว

                “....ซีซาร์”

                เปลวไฟที่เต้นแผ่วโหมกระพือขึ้นอีกครั้ง สีแสดแปรเปลี่ยนเป็นแดงชาด ลุกโชนสูงขึ้นและสูงขึ้น พลันระเบิดลุกกลายเป็นสีดำทมิฬ! เสียงคำรามโหยแหวกอากาศกระจายทั่วโคลอสเซียมจนสายตาทุกคู่ต้องถูกดึงดูดมายังจุดๆเดียว ราชสีห์หนุ่มแหวกร่างขึ้นจากเปลวเพลิงที่ไล่ลามเลียจากรอบคอของผู้ใช้พันธะอสูรลงมายังกำปั้นทั้งสองข้าง กลายเป็นปลอกแขนที่เผาไหม้เหมือนเหล็กกล้าสีดำสนิท

                สัตว์อสูรเผยร่างเต็มตัว มันเยื้องย่างเป็นวงกลมรอบกายของเจ้าพันธะ ดูหายกลับเข้าไปอีกเหมือนตอนแรก แอซของเด็กสาวถูกแทนที่ด้วยกลิ่นอายประหลาด

                “มานา?”

                “จมูกไวนี่ซิกกัน สำหรับคนไม่เคยเจออสูรตัวเป็นๆ”

                “นั่นคำชมหรือครับ?”พันเอกฟรอลิทนึกโมโหผู้เป็นนาย ทว่าทวิเทพยังคงยิ้มระรื่นไม่สนใจใคร ราวกับมีบางสิ่งน่าสนใจกำลังรออยู่

                และก็เป็นเช่นนั้นจริง

                ดวงตาสีเขียวอ่อนวาวแสง เธอรู้ตัวดีว่ามีเวลาไม่กี่นาทีก่อนที่ซีซาร์จะผลาญที่เหลือในตัวจนหมดเกลี้ยง ฉะนั้นก่อนความปราชัยจะมาถึง เฮเลนพุ่งเข้าไปโดยไม่รอให้คู่ประลองตั้งตัว ที่ใดที่แขนขาเหวี่ยงกระหวัดปรากฏไฟสีดำทิ้งไล่เป็นสาย หล่อนโจนทะยานเหมือนสิงโต วาร์ลเลนเร่งจังหวะกับความเร็วที่น่าตกใจ ทว่าความร้อนแรงของเปลวเพลิงทลายเกรารอบตัวลงอย่างรวดเร็ว

                ชายหนุ่มไถลตัวไปด้านหลัง แม้จะใช้ดาบต้านแรงกดดันของสัตว์อสูรที่โถมกรงเล็บใส่อย่างเต็มที่ ผลึกสีเขียวที่โกร่งดาบเรืองแสง อีจิสหวีดร้องเสียงแหลมส่งแรงสะเทือนระลอกใหญ่จากซีซาร์ผ่านไปถึงเฮเลน โสตประสาทของเธอพิการไปชั่วขณะ สองแขนเปลี่ยนมาตั้งรับ ในขณะที่ราชสีห์หนุ่มแผดเสียงคำรามกึกก้อง กลบดาบปลายแถวที่บังอาจเทียบอานุภาพกับสัตว์อสูร

                “....!!!” วาร์ลเลนเบี่ยงดาบออกก่อนที่คมเขี้ยวสีดำจะขยำศาสตราคู่ใจให้แน่นิ่ง

    krystal vogte!! โล่ผลึกสีฟ้าอ่อนเสริมประกายถึงสามขั้นกางออกแทนที รับหมัดของเฮเลนที่อัดมาพร้อมเปลวไฟได้ทันท่วงที สองคู่ประลองสบตากัน ในวินาทีนี้จะเป็นการตัดสินแพ้ชนะ!

                ผลึกสีเขียวกระพริบแสงฟื้นฟูพลังงานจากแอซของผู้เป็นนายแข่งกับเวลาที่เกราะยังต้านทานเพลิงสีดำของเฮเลน

                เป็นเรื่องบังเอิญคนรู้จักของเธอถึงสองคนเอ่ยประโยคทำนองเดียวกัน แต่จากประสบการณ์ในยามา เด็กสาวเชื่อแล้วว่ามันเป็นความจริง

    “สัตว์อสูรจะไม่ฟังเสียงหัวใจที่อ่อนแอ....หมัดของเราเองก็เช่นกัน อย่าปล่อยออกไปโดยไม่มั่นใจล่ะ”

    ไวกว่าความคิด เปลวไฟรอบกายไหลมารวมตัวกับที่แขนขวา หลอนกำปั้นของทวีความร้อนจนแสบผิวหนัง เสียงของซีซาร์ทักท้วง แต่เธอยืนยันเหนือมัน มือข้างซ้ายที่ยันเกราะผลึกของวาร์ลเลนชาดิกแล้ว อีกแค่ชั่วอึดใจที่อีจิสจะคืนสภาพ เฮเลนโถมแรงทั้งหมดที่มีพุ่งหมัดตรงเข้าใส่!

    ...láng brække!

    ราวกับเวลาหยุดนิ่ง เปลวไฟที่เผาผลาญผิวกายลามไล่จากข้อนิ้วมายังหลังฝ่ามือ มวลอากาศเสียดสีกันของเวทมนตร์ที่สะท้อนมานาจากสัตว์อสูรและเสียงหวีดร้องของอีจิสที่ใกล้เข้ามา วินาทีที่พื้นผิวเบื้องหน้าปริยวบเหมือนเปลือกไข่อ่อนบาง สายลมเย็นพัดชะความร้อนที่ผิวปลายโคนนิ้ว ก่อนกำปั้นจะทะลุผ่านไปยังรัศมีสะเทือนที่ระเบิดออก ประกายแสงจากเกราะผลึก แตกละเอียดราวกับเศษดวงดาวพุ่งผ่าน

    ตูม!

    คราวนี้ทวิเทพจับแก้วเป็นมั่นไม่ให้เผลอทำตกเป็นครั้งที่สอง

    ร่างของผู้เข้าประลองกระเด็นไปคนละข้าง เฮเลนหัวหมุนตาลายถูกซีซาร์คาบไว้กลางอากาศ กว่าที่ดวงตาสีเขียวจะจับภาพรอบกายได้ แขนก็กระตุกชาหนึบอย่างร้ายกาจจนยากจะทำใจหลับตาโดยไม่สนใจมันได้ลง ปลายนิ้วชาดิกและหลังมือแดงถลอกปอกเปิกของหล่อนเป็นเครื่องยืนยันชั้นดี

    แอซของเฮเลนหมดเกลี้ยงแล้ว ซีซาร์เลียหลังมือแผ่วเบาราวกับลูกแมว กระแสจิตรุนแรงของผู้เป็นนายดับสันดานอสูรของมัน เปลวไฟสีดำมอดดับลงพร้อมกับร่างของสิงโตสีดำ

    เบื้องหน้าไกลออกไปไม่กี่เมตร วาร์ลเลนอยู่ในสภาพดีกว่าเธอมากนัก อย่างน้อยก็ไม่มีแผลให้เห็น

    เพียงแต่ว่าเขาพึ่งลุกขึ้นนั่ง ยกหลังออกจากพื้น ดาบคู่ใจตกอยู่ห่างออกไปเกินกว่าเอื้อมมือ

    เด็กสาวกระพริบตาปริบๆ ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าอะไรเป็นอะไร ในขณะนั้นเองเสียงประกาศก้องโคลอสเซียม เคล้าไปกับเสียงโห่ร้องกังวาน

    “ผู้ชนะ เฮเลน ไฮเลอีนิส!!

    “สุดยอด! สุดยอดไปเลยเฮเลน!!”ไรซ์กระโดดโลดเต้นพาเปโตรไม่อยู่สุขไปด้วย ปารีสหลายจากอากาศตื่นตะลึงพึ่งส่งเสียงกู่ร้องเต็มที่

    “ยัยบ้า!! ให้ตายเถอะ! สุดยอดด!!

    ทวิเทพวางแก้วสุราในมือโดยสวัสดิภาพ หากจะมีใครที่ปรบมือชื่นชมอย่างสาแก่ใจแล้วล่ะก็คงต้องมีเขาร่วมด้วย

    “ราชสีห์สาวชัดๆ!

    “ท่านมีจุดอ่อนให้สาวเอริเชี่ยนเสมอนั่นแหล่ะครับ”รองแม่ทัพเอสเทลกล่าว ทว่าก็ปรบมือดังไม่แพ้กันเท่าไหร่

    “แค่หมัดมวยเอริเชี่ยนเท่านั้นเองน่า”เทพสงครามแก้ตัว ได้ยินคำกระแซะเบาๆเป็นการทิ้งท้าย “น่าเสียดายที่ไม่ใช่ผมสีเงิน...”

    “ราชสีห์สาว! ราชสีห์สาวราชสีห์สาวราชสีห์สาว!

    นั่นเป็นฉายาที่เฮเลน ไฮเลอีนิสจะใช้ประดับยศไปอีกนานชั่วนาน

    “...เป็นการต่อสู้ที่ดีมาก”วาร์ลเลนยื่นมือมาเพื่อแสดงความจริงใจ สีหน้าของเขาปราศจากความขุ่นเคือง ในทางกลับกันเต็มไปด้วยรอยยิ้มเก้อเขิน ผมสีน้ำตาลอ่อนยุ่งเหยิงดูน่ารักไปอีกแบบ

     “ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมอยากซื้อถุงมือคู่ใหม่เป็นการชดเชย...”เขามองไปที่หลังมือที่เคยมีถุงมือสีดำทั้งสองข้างบัดนี้เหลืออยู่เพียงข้างเดียวในสภาพที่ใกล้เคียงเศษผ้า เฮเลนเองก็สังเกตเห็นผิวเนื้อถลอกปอกเปิกของตนเองเช่นกัน หล่อนทำท่าจะชักมือกลับด้วยความน่าเกลียดของมัน แต่วาร์ลเลนกลับดึงปลายนิ้วยับเยินเอาไว้เบาๆ

    “...เอ่อ ถ้าคุณว่าง วันหลังเราไปดื่มชากันไหมครับ?”แก้มนวลเขรอะฝุ่นขึ้นสีเรื่อเหมือนลูกพีช เธอพึ่งสังเกตว่าดวงตาของเขาเป็นสีฟ้าเทา ขนตายาวอ่อนหวานเหมือนลูกกวาง

    วินาทีนั้น เฮเลนก็ตกหลุมรักไปอย่างง่ายดายอีกครั้ง

    “ค่ะ!



    -----------------------------------------------------------------

    เด็กดีใหม่ไฉไลจริงๆ แต่จัดหน้าเพี้ยนไปหน่อยนะ TwT

    พึ่งสอบเสร็จก็จะเปิดเทอมใหม่อีกแล้วค่ะ นรกอะไรกันนี่!!! ทำงานไปเรียนไปช่างเหนื่อยยากแสนเข็ญอะไรแบบนี้ ผอมก็ต้องผอม แถมยังต้องลงวิชาโทแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกด้วย (ใครเก่งภาษาญี่ปุ่นหรือเยอรมันก็มาช่วยแนะแนวเป็นตัวเลือกได้นะแจ้ะ ;w;)

    เมื่อก่อนเวลาเขียนเฮเลนจะรู้สึกว่านางช่างเป็นผู้หญิงในอุดมคติ แบบว่าเราจะต้องเจอในการ์ตูนทุกเรื่อง 5555 เป็นคุณหนูด้วยล่ะ (ที่มาเจอกับลูกคนสวน)

    แต่ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เขียนแล้วหลุดแพทเทิร์นเดิมได้ ไอเดียเรื่องกำปั้นของเฮเลนมาจากงานอดิเรก thai boxing ของผู้เขียนค่ะ คิดว่ามันก็เหมาะดีนะ แก๊งค์ทวิเทพยังคงความฮาต่อเนื่อง (ขนาดไม่ได้ตั้งใจเขียนเลยซักนิ๊ด)

    วาร์ลเลนเองก็คิดสดๆ แต่แบบเดิมล่ะค่ะ (ตอนแรกชื่อวาร์ลเฉยๆ) เขียนไปเขียนมาได้บทยาวซะงั้น (คือบางทีก็คิดชื่อตัวประกอบเอาไว้เผื่อไม่รูจะบรรยายว่าอะไร แบบไฮเกล หรือเดนเฮล หรือโวลดายน์ อะไรเทือกนี้) ขนาดเราเองยังรู้สึกเลยว่าฮีช่าง นั่ลล๊ากกกกกกกก เหมือนโคลนของลอเฟย์เวอร์ชั่นใสๆหัวใจสี่ดวง จริงๆไม่แน่ว่าถ้านางเอกเรื่องนี้เป็นเฮเลน เราอาจจะเห็นโมเม้นต์มุ้งมิ้งมากกว่านี้ก็เป็นได้ ( เออ ขอโทษทีนะ ไอ้บ้า - อโฟรเดส)

    จุดที่ยังติดขัดอยู่มีคนเดียว คืออีลิจา บัลเดอร์คืออยากเขียนแล้วแทบจะหลุดพิมพ์เจมินี่ ซาง่าทุกทีไป กะระดับความชั่วท่านเสได้ลำบากมากเลยฮ่ะ คุณพี่ซิลอยด์ก็จ่อคิวอยากออกมาหลายวรรค

    พระเอกยังคง remain หายหัวต่อไป orz

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×