ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #59 : Chapter 49: เพลงมโหรีแห่งความอาวรณ์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 222
      8
      11 ก.พ. 61

    “นามของข้าคือหลุยส์ ฟรังซัวส์...”

    ในห้องนั่งเล่นของบ้านทิฟฟาเนีย หลุยส์ทำสัญญากับไซโตะใหม่อีกครั้งโดยมีเซียสต้ากับทิฟฟาเนียยืนมองอยู่ใกล้ๆ

    เหตุการณ์ลุ้นระทึกเพิ่งจะผ่านไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ทั้งคู่ตัดสินใจทำสัญญาทันทีแม้จะเป็นยามดึกสงัด ด้วยเป็นห่วงว่าอาจจะถูกโจมตีอีก

    อาเนียสยืนกอดอกมองพิธีที่ดำเนินอยู่ตรงหน้า

    “สรุปแล้วก็เต็มใจจะเป็นขี้ข้าผู้ใช้เวทมนตร์เหมือนเดิมสินะ ไอ้รูนนั่นทำให้การฝึกดาบไม่มีประโยชน์ยิ่งกว่าเดิม”

    “คงงั้น...”

    เดอร์ฟลิงเกอร์พิงอยู่ข้างโซฟาพูดขึ้น

    “ดูไม่ดีใจเลย ได้คู่หูกลับมาไม่ใช่รึไง?”

    เดอร์ฟลิงเกอร์ไม่ตอบ

    เมื่อบริกรรมคาถาเสร็จ หลุยส์ก็นำริมฝีปากเข้าไปใกล้ไซโตะ

    แม้จะเคยผ่านมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ไซโตะก็รู้สึกมวนในท้อง เพราะจากนี้ไปการผจญภยันตรายใหม่ๆ ก็จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง

    “ไม่เสียใจภายหลังแน่นะ?”

    หลุยส์ถาม ไซโตะจ้องลึกเข้าไปในตาของหลุยส์

    “ตัดสินใจตั้งแต่เดินเข้าประตูแล้ว”

    ระยะห่างแคบลง และคำตอบสุดท้ายก็เป็นอันตัดสิน

    ที่มุมห้องนั่งเล่นห่างจากจุดสนใจ เอ็กซ์ยืนพิงผนังมองป่าที่มืดมิดนอกหน้าต่าง เลเวียธานอยู่ไม่ห่างกายนายเช่นเคย

    “ท่านเอ็กซ์คะ เรปลิลอยด์เมื่อกี้นี้...”

    “คนเดียวกับในเรื่องเล่า... แขนขวาที่ดูเหมือนกับประกอบขึ้นมาอย่างลวกๆ ก็คงจะเป็นข้างที่เธอตัดไป”

    เอ็กซ์หันกลับมาหาเลเวียธาน

    ”เธอจำได้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น”

    เลเวียธานยกมือขึ้นรองคางใช้ความคิด แล้วส่ายหน้า

    “ขอโทษจริงๆ ค่ะ แต่เรื่องมันนานมาแล้ว และช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่มีอิเร็ก—มีการกำจัดเรปลิลอยด์มากด้วย แต่ถ้าถูกตั้งข้อหาอิเร็กกุล่าร์ก็มีอยู่แค่สองอย่างเท่านั้นล่ะค่ะ ถ้าไม่ถูกพวกเรากำจัดทันทีก็ถูกพาขึ้นศาลเรปลิลอยด์และตัดสินประหาร”

    เอ็กซ์พยักหน้า ไม่แสดงความเห็นถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว

    ‘ตามที่มาริโน่บอก  “อีกคน” เคลื่อนย้ายมาที่โลกนี้โดยไม่ผ่านไซเบอร์สเปซ นานะคงรอดจากวันนั้นและถูกส่งมาก่อนการประหาร’

    แต่ข้อมูลนั้นไม่มีประโยชน์อื่นนอกจากแค่มีไว้รู้ ดังนั้นส่วนสำคัญจึงยังอยู่ในเงามืด นานะทำอะไรอยู่ที่ไหนตอนนี้ และที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น จากเวลาที่มาริโน่บอกนานะต้องอยู่ที่นี่มานานเท่ากับเขา ช่วงเวลาเท่านั้นคนที่มีความสามารถด้านการประดิษฐ์เท่ากับที่พวกซินนามอนเล่าอาจจะสามารถสร้างหลายต่อหลายอย่างได้ตามที่เห็นผ่านมาขึ้นอยู่กับว่ามีทรัพยากรพร้อมแค่ไหน

    นานะ...เอ็กซ์ยังไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับพวกมาริโน่อย่างไร ที่จริงแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังมีความรู้สึกที่ปนเปกัน บวกกับความกังวลในสิ่งที่นานะบอกเรื่องไซเบอร์เอลฟ์กับแหวนอันดวาริ ความคิดของเอ็กซ์ยุ่งเหยิงจนจัดลำดับไม่ถูก

    “อ๊ากกกกก!~”

    เอ็กซ์กับเลเวียธานสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงร้อง ไซโตะลงไปคุกเข่ากับพื้นและงอตัวด้วยท่าทางเจ็บปวด

    “ค—คุณไซโตะ!”

    “ม—ไม่ต้องห่วง แค่รูนของอสูรรับใช้กำลังประทับ”

    ไซโตะกัดฟันบอกเซียสต้าที่โผเข้าไปหาด้วยความตกใจ เอ็กซ์มองอักษรเปล่งแสงที่หลังมือซ้ายของไซโตะ

    “ที่หน้าผากของนานะมีอักษรแบบเดียวกัน  รู้สึกจะชื่อ [เมียวธ์วิทนิร์]” เอ็กซ์ทบทวน

    “ถ้าเหมือนกับไซโตะ ก็หมายความว่าต้องมีคนที่เป็น<เจ้านาย>ของนานะ”

    “เจ้านายเหรอคะ...จะเป็นตัวการที่แท้จริง เป็นคนสนับสนุน หรือถูกควบคุมเหมือนครอมเวลล์ก็ไม่รู้สินะคะเนี่ย มี<บุคคลปริศนา>เพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว”

    “อา แต่อย่างน้อยอีกซักเดี๋ยวเราก็อาจจะได้<ข้อมูล>มาแล้ว จะคิดอะไรเพิ่มไว้หลังจากนั้นก็แล้วกัน”

    เอ็กซ์ก้าวออกจากมุมห้อง เลเวียธานตามเจ้านายไปที่ที่คนอื่นๆ ยืนรวมกันอยู่ ไซโตะหันมาเห็นทั้งคู่และคลายกอดหลุยส์ที่ซบอยู่กับอก หลุยส์เงยหน้าขึ้นและมองตามไซโตะมาที่เอ็กซ์

    เอ็กซ์มองใบหน้าที่เหนื่อยล้าแต่แฝงความโล่งใจและยินดีของไซโตะ สลับมาที่ขอบตาปริ่มน้ำของหลุยส์ แล้วก็เปลี่ยนใจ

    “เรื่องคุยกันเลื่อนไปพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

    ไซโตะเบิกตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า

    เอ็กซ์เดินออกมาจากห้อง เลเวียธานหลุดจากอาการประหลาดใจหลังไซโตะเล็กน้อยและรีบก้าวตามเจ้านายออกไป

    สายลมกลางคืนสัมผัสผิวเอ็กซ์ที่ก้าวออกมาข้างนอก จากนั้นร่างของเลเวียธานก็ตามออกมาพร้อมกับปิดประตู

    “ใส่ใจความเป็นส่วนตัวของสองคนนั้นเหรอคะ”

    “แค่เรื่องเล็กน้อย อีกอย่างก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากนัก พักผ่อนซักคืนเรียบเรียงความคิดแล้วค่อยคุยกันตอนสมองปลอดโปร่งจะได้เรื่องมากกว่า”

    เอ็กซ์ตอบเสียงเรียบ เลเวียธานฟังแต่ไม่นำมาใส่ใจ คำกล่าวนั้นไม่ใช่คำถามแต่แรกแล้ว

    ครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเลเวียธานหรือถูกเธอกดดัน แต่เอ็กซ์ก็ยอมทำสิ่งที่<ควรทำ>แม้จะไม่ได้ช่วยใน<เป้าหมาย>ของตัวเอง ในเวลาแบบนี้เลเวียธานรู้สึกว่าเอ็กซ์ไม่ได้ต่างจากคนที่เธอรู้จักเลย

    ‘ถึงอย่างนั้นถ้าต้องเลือกระหว่าง<ภารกิจ>กับ<ควรทำ> ท่านเอ็กซ์ก็จะเลือกข้อแรกแน่นอน’
    การกระทำที่ขัดแย้งเกิดขึ้นมาจากจิตใจที่ขัดแย้ง เลเวียธานต้องการจะทราบให้ได้ว่าต้นสายปลายเหตุคืออะไรกันแน่

    เสียงฝีเท้าเดินตามหลังทั้งคู่มา หันกลับไปเห็นอาเนียสเดินตามมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมดังเช่นทุกที มือขวาถือดาบของไซโตะมาด้วย มานึกดูแล้ว ในกรณีที่ต้องการจะให้<ความเป็นส่วนตัว>ก็คงต้องถือดาบที่พูดได้ออกมาด้วย

    ดวงตาสีฟ้าที่ดูแข็งกระด้างจ้องมองเอ็กซ์

    “ขอคุยด้วยหน่อย”

    เอ็กซ์พยักหน้าและเดินตามอัศวินสาวไปอย่างว่าง่าย

    ทั้งสามกลับมาที่ห้องนั่งเล่นในบ้านทิฟฟาเนีย คนอื่นๆ แยกย้ายกันไปหมดแล้ว สองคนที่เอ็กซ์ให้<ความเป็นส่วนตัว>อยู่ในห้องนอนห้องหนึ่ง ขณะที่เจ้าของบ้านกับเมดสาวอยู่ในห้องนอนอีกห้องหนึ่ง ดาบเหล็กพูดได้พิงไว้ข้างประตูนอกบ้าน

    อาเนียสนั่งเก้าอี้ตัวหนึ่งพร้อมกับวางเหล้าหนึ่งขวดลงกับโต๊ะ เหล้าขวดนี้อาเนียสซื้อจากพ่อค้าที่แวะมาที่หมู่บ้านสองวันก่อน อัศวินสาวจะดื่มหลังเสร็จการฝึกของไซโตะตอนที่ไม่มีเด็กๆ อยู่เท่านั้น

    อาเนียสวางแก้วลงสองใบ ใบหนึ่งให้ตัวเองและอีกใบหนึ่งให้เด็กหนุ่มที่นั่งตรงข้าม

    “ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์” เอ็กซ์ยกมือปฏิเสธเสียงเรียบ

    “ตามใจ” อาเนียสรินแก้วตัวเอง เธอรู้อยู่แล้วเรื่องที่คนที่สามในห้องดื่มไม่ได้

    “ว่าแต่คุยในนี้จะดีเหรอ?” เลเวียธานถามพลางเลิกคิ้ว

    “ทำไมล่ะ?”

    “ก็” เลเวียธานพยักเพยิดไปทางห้องของหลุยส์กับไซโตะ “สองคนนั่นเพิ่งจะได้พบกันหลังจากต่างฝ่ายต่างคิดว่าจะไม่มีวันได้พบกันอีกแล้วเกือบสองเดือน”

    ใช้เวลาไม่ถึงสองวินาทีในการให้อีกสองคนเข้าใจความหมาย อาเนียสเป็นคนพูดขึ้นก่อน

    “ก็รู้อยู่ว่าในบ้านไม่ได้มีแค่ตัวเอง ถ้าลืมไปหรือไม่สนใจก็ช่างเถอะ แค่ไม่เสียงดังมากจนคุยกันไม่รู้เรื่องก็พอ”

    เอ็กซ์ไม่ออกความเห็นใดๆ  เลเวียธานก็พอใจแค่นั้น

    “แล้วจะคุยเรื่องอะไร?”

    เอ็กซ์ถามในขณะที่อาเนียสยกแก้วขึ้นดื่ม เมื่อวางแก้วที่เหลือของเหลวอยู่ครึ่งหนึ่งลงกับโต๊ะแล้วอัศวินสาวก็เอ่ยขึ้น

    “ลองเดาดูสิ”

    “ฉันไม่ใช่นักเรียนของเธอ แต่ก็ได้ คงจะเป็นเรื่องของคนที่เจอในป่าเมื่อกี้”

    “ผู้หญิงคนนั้นรู้ชื่อของนาย นายเองก็น่าจะรู้ชื่อของผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน ไม่อ้อมค้อมเลยก็แล้วกัน ผู้หญิงคนนั้นคือตัวการที่โจมตีโรงเรียนเวทมนตร์ใช่มั้ย?”

    “ถ้าเป็นเรื่องนั้นไว้รอพรุ่งนี้เช้าเถอะ จะได้พูดทีเดียว”

    “พูดตอนนี้ล่ะ ฉันไม่ชอบถูกแย่งถามเวลามีคนอยู่เยอะๆ  ว่ายังไง? ผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ยที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีโรงเรียนเวทมนตร์?”

    “ใช่” เอ็กซ์ตอบอย่างไม่ลังเล อาเนียสถามโดยต้องการคำตอบ ‘ใช่’ อยู่แล้ว

    “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับนาย ตอบให้ดี ฉันพกดาบติดตัวตลอด”

    คำขู่ที่ต่อท้ายเป็นไปตามนิสัย ถึงอาเนียสจะวางเอ็กซ์ไว้ในส่วน ‘รอพิจารณา’ แต่อัศวินสาวไว้ใจเลเวียธานเกินขั้นนั้นไปแล้ว คำถามข้อนี้เอ็กซ์ใช้เวลาคิด แต่ก็ตอบในเวลาไม่นาน

    “ผู้หญิงคนนั้นชื่อนานะ เป็นเหมือนกับผู้ชายผมสีทองที่โจมตีโรงเรียนเวทมนตร์”

    “คือไม่ใช่มนุษย์” อาเนียสต่อท้าย

    “อา”

    อาเนียสยกแก้วขึ้นจิบแล้วพูดต่อ

    “เจ้าคนผมทองครั้งก่อนเป็นเพื่อนเก่าของนาย คราวนี้เองก็เหมือนกันสินะ?”

    เอ็กซ์พยักหน้า

    “งั้นถ้าจะสรุปว่านายก็เป็นอย่างเดียวกับพวกนั้นก็คงได้”

    เอ็กซ์พยักหน้าอีกครั้ง อาเนียสยกดื่มจนหมดแก้วและเทแก้วใหม่ ก่อนจะพูดต่อพร้อมกับวางขวดลง

    “ฉันไม่รู้แล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าอมนุษย์อย่างพวกนายมีจุดประสงค์อะไร ฉันสนใจแค่อย่างเดียว สองคนนั่นเป็นศัตรูกับองค์ราชินีรึเปล่า?”

    อาเนียสจ้องเอ็กซ์ด้วยแววตาดุดัน เอ็กซ์รับสายตาอย่างไม่สะทกสะท้านและไม่ตอบโต้

    “โดยตรงฉันไม่รู้ แต่ถ้าถามว่า ‘มีโอกาสเป็นภัยรึเปล่า’ ก็คงจะ ‘มี’ ”

    “แล้วนายล่ะ” อาเนียสถาม มือที่จับแก้วกำแน่นขึ้นเล็กน้อย “นายเป็นภัยกับองค์ราชินีรึเปล่า?”

    คำถามที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นแค่การเกริ่นนำ เอ็กซ์รู้ว่าคำถามที่แท้จริงคือข้อนี้ เขาตัดสินใจตั้งใจตอบเพื่อไม่เสียมารยาทต่อคนที่ตั้งใจถาม

    “ไม่แน่”

    อาเนียสหรี่ตา เลเวียธานพยายามไม่สะดุ้ง

    “ฉันไม่มีเจตนาที่จะทำอันตรายองค์ราชินี ที่ถูกต้องคือองค์ราชินีไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับเป้าหมายของฉัน ที่ไม่แน่นอนคือสถานการณ์เท่านั้น”

    อาเนียสมองเอ็กซ์เหมือนจ้องจับผิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม ครั้งนี้มากกว่าจิบเล็กๆ ที่ผ่านมา

    “ฮึ พึ่งพาไม่ได้เหมือนเดิมนะ” คำพูดของอัศวินสาวมีการเสียดสีปนมาด้วยนิดหน่อย เอ็กซ์ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ตอบโต้

    “แล้วเลเวียก็เป็นเหมือนกับพวกนายด้วยงั้นสิ?”

    หลังคำถามหลักผ่านไปที่เหลือก็เหมือนคำถามสัพเพเหระความกดดันต่ำ เลเวียธานชิงตอบด้วยตัวเอง

    “ที่จริงก็ใช่ แต่ตอนนี้เป็นแค่ดวงวิญญาณของฉันในร่างกายที่เป็นน้ำ ร่างกายจริงๆ ของฉันเหมือนกับสองคนนั่น”

    “วิญญาณ? สิ่งที่เคยแต่ได้ยินจากคำเล่ายืนอยู่ต่อหน้าฉันเลยเหรอเนี่ย แต่ไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่”

    “จะว่า<วิญญาณ>ก็ไม่ใช่ในความหมายของมนุษย์หรอก แต่โดยรวมก็เหมือนกัน ที่จริงแล้วท่านเอ็กซ์เองก็เป็นวิญญาณในร่างกายของมนุษย์เหมือนกัน”

    อาเนียสเลิกคิ้วหันมามองเอ็กซ์

    “แล้วสิงศพใครอยู่ล่ะ?”

    “คนที่ตายจากลูกหลงของฉัน”

    แววตาของอาเนียสอันตรายขึ้นฉับพลัน เลเวียธานผงะ พรายสาวยังไม่ทราบเรื่องนี้

    เวลาผ่านไปครู่หนึ่งโดยที่เอ็กซ์ไม่ขยับตัวหรือแสดงสีหน้าใดๆ อาเนียสจึงเริ่มดื่มและรินเหล้าใหม่อีกครั้ง

    “เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาคุยเรื่องอะไรอย่างนี้”

    “ในชีวิตมีความตื่นเต้นที่มาโดยเราไม่รู้ตัวอยู่เยอะแยะ” เลเวียธานกล่าวจากประสบการณ์ของตัวเอง

    เสียงเปิดประตู อาเนียสเลื่อนสายตา ส่วนเอ็กซ์กับเลเวียธานของเหลียวมองข้างหลัง ทิฟฟาเนียออกมาจากห้องที่เมดสาวอยู่และเดินออกไปนอกบ้าน ไม่ลืมกล่าวทักทั้งสามที่หน้าประตู

    “แล้ว” อาเนียสหันมาทางเอ็กซ์อีกครั้ง แก้มเริ่มมีเลือดฝาดจากแก้วแล้วแก้วเล่าที่ลงคอไป

    “ผู้หญิงที่ชื่อนานะนั่นทิ้งท้ายไว้ว่า ‘เป็นความผิดของนาย’  หมายถึงอะไร?”

    “เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เอ็กซ์ตอบเสียงเรียบ “แต่ฉันอาจจะทำอะไรไว้ก็เป็นไปได้”

    อาเนียสไม่ปิดบังความไม่พอใจที่แสดงออกมาทางใบหน้า

    “สิ่งที่น่าโมโหที่สุดเวลาแก้แค้นก็คือไอ้ตัวการจำที่ตัวเองทำไว้ไม่ได้”

    “เธอจะเข้าข้างผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันเหรอ?”

    “ก็อาจจะ ยังไงซะถึงพวกนายฆ่ากันเองก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ถ้ายังงั้นก็ให้ฝ่ายล้างแค้นได้ล้างแค้นตามสมควรถูกใจฉันมากกว่า ก่อนที่นายจะไปตายเพราะอย่างอื่น ความรู้สึกตอนที่รู้ว่าศัตรูตายไปด้วยอย่างอื่นที่ไม่ใช่มือตัวเองมันน่าเจ็บใจมากแค่ไหนรู้รึเปล่า”

    เอ็กซ์นิ่งราวกับครุ่นคิดคำถามอย่างจริงจัง อาเนียสเลิกคิ้ว ไม่ได้ตั้งใจให้คำถามนั้นได้รับคำตอบ

    “ไม่รู้”

    อาเนียสแสดงออกว่าผิดหวังเล็กน้อย ดื่มหมดแก้วแล้วปิดจุกขวด

    “ฉันง่วงแล้ว พรุ่งนี้ค่อยพูดต่อเรื่องที่ไม่สำคัญตามที่ว่าก็แล้วกัน”

    เอ็กซ์เงียบเป็นการตอบรับ เลเวียธานมองเจ้านายของตัวเอง

    พรายสาวรู้สึกคาใจการตอบคำถามที่เฉียดเส้นแดงอาเนียสหลายครั้งเมื่อครู่นี้ เธอรู้สึกว่าคำตอบเหล่านั้นสื่ออะไรบางอย่างที่เธอเกือบจะจับต้องได้แล้ว

    อาเนียสทำท่าจะลุกขึ้นจากโต๊ะ แต่ตอนนั้นเสียงพิณก็ดังแว่วมาจากข้างนอก

    “ฮาล์ฟเอลฟ์นั่นสินะ” อาเนียสเปรย อัศวินสาวและเอ็กซ์รู้เรื่องที่ทิฟฟาเนียเล่นพิณจากไซโตะแล้ว และเมื่อครู่นี้ที่เดินออกไปก็ถือพิณไปด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินด้วยหูตัวเอง

    เสียงโน้ตแต่ละตัวร้อยเรียงต่อกันราวกับเป็นมนตร์สะกด ภายในห้องนั่งเล่นไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงพิณที่แว่วมากับลม

    อาเนียสหลับตา ลมหายใจเข้าออกช้าๆ ราวกับปล่อยตัวเองให้จมไปกับความคิด

    “นึกถึงบ้านเกิดเหรอ?” เอ็กซ์รู้ว่าเป็นความคิดอะไร

    “ก็แค่ที่ๆ กลับไปไม่ได้แล้ว” อาเนียสลืมตา แววตาปราศจากความเป็นนักรบ เป็นความห่วงหาเหมือนกับหญิงสาวคนหนึ่ง

    “เป็นความทรงจำที่ไร้ประโยชน์จริงๆ” อาเนียสพึมพำ

    “อา นั่นสินะ”

    ดวงตาสีฟ้าเลื่อนมามองดวงตาสีเขียวที่อยู่ตรงข้าม ดวงตาใต้เส้นผมสีบรอนซ์เทาฉายความอาวรณ์ไม่ต่างจากของเธอเอง คนที่สามที่อยู่ในห้องก็มองเด็กหนุ่มด้วยแววตาแบบเดียวกัน

    [...]

    [.....]

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

    เซียสต้ายิ้มสดใสต้อนรับไซโตะกับหลุยส์ที่เข้ามาในห้องนั่งเล่น เกิดบรรยากาศอึดอัดระหว่างเมดสาวกับไซโตะที่เบือนสายตาอย่างเก้ๆ กังๆ

    ทิฟฟาเนียกำลังเตรียมอาหารเช้า อาเนียสกำลังดูแลดาบและปืน เอ็กซ์กับเลเวียธานนั่งอยู่ที่โต๊ะ สายตาสามคู่หันมามองที่คู่เจ้านายอสูรรับใช้

    “ว่าไง พร้อมรึยัง?” อาเนียสถามขึ้นก่อน

    “อ—อา อืม” ไซโตะตอบขณะที่สมองพยายามนึกว่าอีกฝ่ายหมายถึงพร้อมอะไร

    หลุยส์ยืนอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางระหว่างจะเกาะติดไซโตะก็ไม่ใช่จะหลบเลี่ยงก็ไม่เชิง เป็นบรรยากาศเคอะเขินที่เปลี่ยนไปจากเมื่อวาน เป็นความหมายที่ดี

    เลเวียธานสังเกตเห็นก็นึกสนุก

    “ได้พักผ่อนหายเหนื่อยแล้วสิ” เลเวียธานยิ้มมีนัย “หรือเหนื่อยกว่าเดิมเพราะเมื่อคืนมัวไปทำอะไรจนไม่ได้นอน?”

    สีแดงพุ่งขึ้นใบหน้าของหนุ่มสาวอย่างรวดเร็ว ต่างฝ่ายชำเลืองมองคนข้างๆ พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายและรีบสะบัดหน้าหนีเมื่อสบตากัน 

    รอยยิ้มของเซียสต้าแคบลงครึ่งหนึ่งพร้อมกับสายตามองต่ำลง อาเนียสถอนหายใจหนึ่งทีเหมือนทุกครั้งที่โดนสมาชิกหน่วยกล่าวหยอก

    “พ—พ—พูดอะไรน่ะ!? ฉ—ฉันกับ—!” หลุยส์ตะกุกตะกักด้วยใบหน้าแดงแจ๋

    “แค่หยอกเล่นหรอกน่า” เลเวียธานตัดบทด้วยรอยยิ้มที่สื่อว่า ‘รู้นะ’  ซึ่งทำให้หลุยส์หน้าแดงหนักขึ้นพร้อมกับส่งสายตากลับมาว่า ‘รู้ผิดแล้ว!’

    “เมื่อคืนยัง แต่คุยกันว่าคืนนี้อาจจะ—“

    ตึง!

    ไซโตะตอบด้วยอาการเหมือนกับโดนแรงกดดันให้พล่ามออกมาโดยห้ามไม่ได้ ทว่าได้เข่าของหลุยส์ช่วยเรียกสติคืนมา

    “ม—ไม่มีอะไร...ทั้งนั้น...เมื่อคืนนอนหลับสบายดีครับผม...” ไซโตะงอตัวกับพื้น ตอบแบบลำคอตีบตัน จากคำพูดแล้วเหมือนตอบให้เด็กสาวเจ้าของเข่าฟังมากกว่าจะให้คนอื่น

    เลเวียธานคงรอยยิ้มเป็นนัยไว้และชำเลืองมองเจ้านายที่ยืนอยู่ข้างๆ

    เอ็กซ์ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร ราวกับไม่ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ด้วยซ้ำ

    “ท่านเอ็กซ์คะ”

    ไม่มีปฏิกิริยา

    “ท่านเอ็กซ์คะ” คราวนี้เลเวียธานสะกิดไหล่

    “หะ...! เลเวียธาน...มีอะไรเหรอ?”

    เลเวียธานไม่ตอบแต่ขมวดคิ้ว

    ‘เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว...’

    เจ้านายของเธอตกอยู่ในห้วงความคิดไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถึงกับลืมโลกภายนอกและยังติดต่อกันเป็นเวลานานขนาดนี้...เป็นเพราะศัตรูเผยตัวว่าเป็นเพื่อนเก่าหรือ? หรือว่ามีอย่างอื่นอีก?

    “...เลเวียธาน”

    “คะ?”

    “...เธอคิดว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี?”

    “...หมายความว่ายังไงคะ?”

    “ตอนนี้รู้แล้วว่าศัตรูได้เปรียบเรามหาศาล เธอคิดว่าควรจะทำยังไงต่อไป?”

    เลเวียธานกะพริบตา เธอเข้าใจที่มาของคำถาม แต่ก็ยังอดงงงวยไม่ได้

    “ก็...ไม่รู้สิคะ เราไม่รู้เลยว่าศัตรูอยู่ที่ไหน มีแต่ต้องรอให้ฝ่ายนั้นออกมาเอง ระหว่างนี้ก็ทำได้แค่เตรียมตัวรับมือเท่าที่ทำได้ ...ก็แค่นั้นล่ะมั้งคะ?”

    ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ไม่มี ‘ท่านเอ็กซ์กลับร่างเรปลิลอยด์’ อยู่ในนั้นด้วย แต่การพบกับศัตรูเมื่อวานทำให้ความหวังข้อนั้นริบหรี่

    เอ็กซ์เงียบด้วยใบหน้าครุ่นคิดดังที่ผ่านมา

    “แล้ว...ก็เดี๋ยวเราจะคุยกับสองคนนั้นไม่ใช่เหรอคะ? อาจจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มมาก็ได้ ถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจใหม่น่าจะดีกว่าค่ะ” เลเวียธานเสริมเมื่อรู้สึกอึดอัดกับความเงียบ

    เอ็กซ์เงียบต่อไปอีกสักพัก แล้วจึงยิ้มออกมาบางๆ

    “นั่นสินะ อย่างที่เธอว่านั่นล่ะ”

    เลเวียธานมองอีกฝ่ายอย่างพิศวง มีอะไรที่เธอไม่รู้หรือ? ที่จริงก็เหมือนทุกที เจ้านายไม่ยอมบอกอะไรเธอเลย

    เสียงอ่อนของทิฟฟาเนียเรียกรับประทานอาหาร หลุยส์กับเซียสต้าที่เขม่นกันอยู่ก็แยกจากกัน ไม่มีใครที่ท้องไม่ร้อง

    [...]

    หลังมื้อเช้าผ่านไปทุกคนก็เข้าใจตรงกันว่าถึงเวลาพูดสิ่งที่ค้างคาตั้งแต่เมื่อคืน ทิฟฟาเนียอาสาเก็บจานของทุกคนและใช้เป็นโอกาสหลบออกไปในฐานะ<ผู้ไม่เกี่ยวข้อง>

    “เริ่มจากเรื่องที่ติดใจกันมากที่สุดก่อนก็แล้วกัน”

    อาเนียสถือตัวเองเป็นผู้เปิดประเด็น

    “คนที่โจมตีพวกนายเมื่อคืน ใครที่รู้อะไรก็พูดออกมาก่อนเลย”

    ตอนท้ายสายตาของอาเนียสชำเลืองไปทางเอ็กซ์ซึ่งรู้งานตัวเองอยู่ก่อนแล้ว

    “งั้นคงต้องขอถามก่อนว่าในที่นี้มีใครบ้างที่รู้ว่าไซโตะมาจากที่ไหน?”

    คำถามของเอ็กซ์มาอย่างไม่ทันตั้งตัว ตัวไซโตะเอง หลุยส์ และเซียสต้าสะดุ้งพร้อมๆ กัน มีเพียงอาเนียสที่เลิกคิ้ว เอ็กซ์สำรวจปฏิกิริยาตอบสนองของแต่ละคนก็รู้คำตอบ

    “เอาเป็นว่าฉันเองก็มีสถานะเดียวกับไซโตะ แต่มาจากคนละที่กัน เข้าใจนะ?”

    หลุยส์กับเซียสต้าตาโตขึ้น หลุยส์หันขวับไปมองไซโตะซึ่งส่งยิ้มแห้งๆ  ดูเหมือนว่าไซโตะจะยังไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้หลุยส์ฟัง

    “และผู้หญิงคนที่ควบคุมกองทัพตุ๊กตาเมื่อคืนนี้ก็มาจากที่เดียวกับฉัน”

    คราวนี้แม้แต่ไซโตะก็หันขวับ เอ็กซ์ชิงพูดต่อก่อนจะได้มีใครถามแทรก

    “ทุกคนที่นี่คงจะคิดอยู่บ้างแล้วว่าฉันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา บางคนอาจจะคิดว่าฉันเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ แต่ที่จริงแล้วฉันกับเลเวียธานรวมทั้งผู้หญิงเมื่อคืนนี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอย่างอื่นที่คล้ายกัน” เอ็กซ์หยุดอึดใจหนึ่งแล้วพูดต่อ “และไม่ใช่เอลฟ์หรืออมนุษย์เผ่าอื่นด้วย”

    อาเนียสพูดกับเขาแล้วเมื่อวานจึงไม่แสดงอาการใดๆ  แต่อีกสามคนมองเอ็กซ์ตาไม่กะพริบ

    “ผู้หญิงเมื่อคืนชื่อว่านานะ เป็นคนรู้จักของฉัน แต่ที่ได้พบเมื่อคืนเปลี่ยนไปจากที่ฉันรู้จักมาก ทั้งยังเรียกตัวเองว่า ‘เมียวธ์วิทนิร์’ และพูดถึงชื่อ ‘กันดาล์ฟร์’ ที่เป็นชื่ออสูรรับใช้ของไซโตะ”

    เอ็กซ์ปรายตามองทุกคนในห้องจดจ่อกับคำพูดของเขา หลังจากกล่าวสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น<ความลับใหญ่หลวง>ของตัวเองไปหลายต่อหลายประโยค ในที่สุดเขาก็จะเป็นฝ่ายถามบ้าง

    “นานะเรียกตัวเองว่าเป็น ‘อสูรรับใช้แห่ง...’ และมิสวาลลิแยร์ว่า ‘ผู้ใช้...’  ยังไม่พูดถึงชื่อในตอนนี้ แต่ผมรู้ว่าคุณมีคำอธิบาย มิสวาลลิแยร์”

    หลุยส์สะดุ้งเมื่อเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามเลื่อนสายตามาที่ตัวเอง ใบหน้าของเด็กหนุ่มเคร่งขรึมแต่ไม่ถึงกับขู่เข็ญ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรู้สึกกดดัน

    “อ้อ เรื่องนั้นเองเหรอ~”

    อาเนียสชิงพูดขึ้นก่อน ตายังมองมือที่จับผ้าเช็ดดาบราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญ

    “ถ้าเรื่อง<ธาตุ>ของมิสวาลลิแยร์ล่ะก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ก็อย่างที่นายคงจะได้ยินมานั่นล่ะ”

    เอ็กซ์ชำเลืองมองอาเนียสที่ยังทำความสะอาดดาบอย่างทองไม่รู้ร้อน

    “งั้นเองเหรอ...เข้าใจล่ะ” เอ็กซ์พยักหน้า เข้าใจความหมายที่แท้จริงที่อาเนียสสื่อ ก่อนจะสบตากับหลุยส์และไซโตะเพื่อบอกให้รู้ว่า ‘เข้าใจแล้ว’

    เรื่องของ<ความว่างเปล่า>นั้นเอ็กซ์ก็รู้เท่ากับคนทั่วไปรู้ คือเป็นธาตุของศาสดาบริมิร์ คำพูดของอาเนียสนำมาปะติดปะต่อได้ไม่ยาก

    “ที่จริงแล้วผู้หญิงเมื่อคืนนี้คือคนที่หนุนหลังครอมเวลล์”

    เอ็กซ์ทิ้งระเบิดอีกลูก สามคนนอกจากอาเนียสกลับมาตาโตอีก

    “ฉันกำลังตามหาตัวผู้หญิงคนนั้นอยู่ พอรู้ว่าอาจมีความเกี่ยวข้องอะไรที่มิสวาลลิแยร์พอจะบอกได้ก็อยากจะถาม”

    เอ็กซ์สรุปเรื่องฝั่งตัวเองลงเท่านั้น ส่งสายตาบอกเด็กสาวผมสีชมพูว่าเป็นตาเธอพูดแล้ว

    หลุยส์ผงะ ยังไม่หายตะลึงจากข้อมูลไม่คาดฝันที่ประดังเข้ามา พยายามเรียบเรียงคำพูดแล้วก็ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ

    “เอ่อ...ที่จริงแล้ว...ข้าก็เพิ่งเคยเจอผู้หญิงคนนั้นเป็นครั้งแรก...เรื่องที่ได้ยินเมื่อคืนก็...เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเหมือนกัน ก็เลย...”

    “ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ผมฟังอยู่ด้วยก็พอเดาได้ว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น”

    หลุยส์สูดหายใจเข้าและออกเพื่อทำใจให้เย็น เอ็กซ์ยังรักษาท่าทางเยือกเย็นไว้ไม่เปลี่ยนไปจากตอนที่เริ่มพูด

    “ที่อยากจะเตือนไว้ก็คือ ศัตรูที่โจมตีเมื่อคืนมียุทโธปกรณ์ที่ทรงพลังจนทุกคนที่นี่คิดไม่ถึง เมื่อคืนที่รอดมาได้เพราะศัตรูถอยกลับไปเองเท่านั้น”

    คำพูดของเอ็กซ์ชวนให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นึกถึงร่างสีแดงชมพูในตอนท้าย ทั้งหลุยส์และไซโตะต่างก็เห็นตรงกับคำพูดของเอ็กซ์ว่ารอดพ้นอันตรายมาได้หวุดหวิด

    “น่าเสียดายแต่คำเตือนคงไม่มีประโยชน์กับฉัน”

    เสียงอาเนียสดึงความสนใจจากทุกคน

    “ฉันเป็นแค่ทหาร จับดาบเพื่อองค์ราชินี นอกจากนั้นแล้ว ศัตรูจะเป็นใคร เรื่องราวจะเป็นยังไง ฉันไม่ใส่ใจ”

    อาเนียสเก็บดาบที่เช็ดเสร็จแล้วกลับเข้าฝัก

    “มีเรื่องพูดกันแค่นี้สินะ ต่อไปก็พักกันก่อนซักสองสามวันก็แล้วกัน ว่ายังไง?”

    [...]

    “ทุกคนคะ ในอนาคตทุกคนอยากทำอะไรเหรอคะ?”

    คำถามของเมดสาวเซียสต้าดังขึ้นกลางสวนของบ้านทิฟฟาเนียที่ทุกคนกำลังผ่อนคลายท่ามกลางแสงแดด

    ที่จริงแล้วคำถามของเธอเป็นการทำลายบรรยากาศหม่นหมองที่ปกคลุมอยู่ เพราะถึงจะเป็นช่วงเวลาพักผ่อน แต่ใจของแต่ละคนก็ไม่ได้สงบนัก อาเนียสทำนู่นนี่อย่างใจลอยราวกับเบี่ยงความสนใจตัวเองจากความกังวล ทิฟฟาเนียนั่งกุมมือตัวเองด้วยท่าทางเกร็ง เอ็กซ์นั่งอยู่คนเดียวใต้ต้นไม้ หลุยส์มองมาที่เซียสต้ากับไซโตะด้วยสีหน้าหงุดหงิด และตัวเธอกับไซโตะก็หม่นหมองจากบทสนทนาเมื่อครู่ เรื่องที่เธอยอมรับว่าเป็นแค่ ‘ที่สอง’

    มีแค่เลเวียธานที่ไม่อยู่ อาเนียสใช้ให้ส่งคำสั่งไปที่หน่วยปืน ให้ส่งรายงานไปถึงองค์ราชินีว่าพบตัวไซโตะแล้ว

    เสียงหัวเราะดังขึ้นจากคนที่ไม่มีใครคาดคิด อาเนียสเป็นคนแรกที่ตอบคำถามของเซียสต้า

    “อนาคตเหรอ! ฉันคงจะทำหน้าที่ตอนนี้ให้ดี...เก็บเงินซื้อที่ดินที่บ้านเกิด แล้วพอเกษียณจากหน่วยปืนก็ไปใช้ชีวิตฟังเสียงทะเลทุกวัน”

    ต่อจากนั้นก็เป็นเซียสต้า เมดสาวชำเลืองไซโตะ

    “ดีจังเลยค่ะ! ฉันเองก็...ฉันคิดว่าการได้อยู่กับคนที่รักคือความสุขค่ะ ไม่สำคัญว่าจะอยู่ที่ไหน...มิสวาลลิแยร์ล่ะคะ?”

    หลุยส์ถูกถามกะทันหันก็คิดและแก้มเป็นสีแดงระเรื่อ

    “ช่วยตอบตามความจริงด้วยค่ะ”

    “พ—พูดเรื่องอะไร?!”

    เอ็กซ์มองบทสนทนาจากใต้ต้นไม้ ไม่มีความคิดที่จะเข้าไปร่วม หากเด็กหนุ่มผมสีดำไม่นั่งลงข้างๆ เขา

    “คิดอะไรอยู่ล่ะ?” ไซโตะถาม ตามองหลุยส์ที่หลบเลี่ยงกับเซียสต้าที่กดดัน

    “ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ”

    ไซโตะถอนหายใจ

    “อนาคต...ฉันไม่เคยคิดเลย ทีแรกก็คิดว่าอยากจะกลับบ้าน ตอนนี้ก็ยังคิดอยู่ แต่ว่า...”

    ความว่างเปล่าท้ายประโยคแสดงความไม่มีคำตอบของคนพูดเอง

    “นายล่ะ จะกลับโลกเดิมเหมือนกัน หรือว่า...จะอยู่ที่โลกนี้ต่อ?”

    ไซโตะถามเพราะแม้ใจจะไม่ยอมรับแต่เขาเองก็มีคำถามข้อนี้อยู่เศษเสี้ยวเล็กๆ

    แต่เอ็กซ์เงียบ ไซโตะจึงเปลี่ยนวิธีถาม

    “หรือถ้าไม่เกี่ยวกับโลก เรื่องที่นายอยากทำก็ได้ อนาคตของนายอยากจะให้เป็นยังไง?”

    “...ไม่มี”

    “ยังไม่ได้คิดไว้เหรอ? ฉันก็เหมือนกันมั้งนะ...”

    “เปล่า”

    เอ็กซ์เงยหน้าขึ้นมองแสงที่ลอดใบไม้ลงมา

    “อนาคตน่ะ ฉันไม่มี”

    ไซโตะเบิกตาขึ้นเล็กน้อย

    “หมายความว่ายังไง?”

    ไม่มีคำตอบจากเอ็กซ์มากกว่านั้น

    ถ้อยคำสั้นๆ ที่ช่วงเวลาเล็กน้อยแบบนี้ดึงออกมาจากปากของเอ็กซ์เพียงแต่ทำให้ไซโตะคำนึงอย่างกึ่งกังวลกึ่งพิศวงอยู่คนเดียวเท่านั้น เพราะตัวเองก็ยังไม่เข้าใจดี

    เป็นช่วงเวลาหายากที่เลเวียธานไม่ได้อยู่ข้างเจ้านาย แต่เพราะพรายสาวพลาดถ้อยคำสั้นๆ นี้ ฟันเฟืองที่เริ่มหมุนเมื่อนานมาแล้วจึงผ่านโอกาสสุดท้ายที่จะแก้ไขได้ไป

    [...]

    เขานั่งอยู่ข้างเตียงในศูนย์ซ่อมบำรุง

    ร่างในชุดเกราะสีดำนอนอยู่ข้างหน้าเขา ดวงตาเหนือรอยแผลเป็นปิดสนิท

    ไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้เขา ร่างที่อยู่บนเตียง และเพื่อนอีกคนหนึ่งลงมาถึงพื้นโลกหลังกำจัดต้นตอของเหตุการณ์ในคราวนี้บนดวงจันทร์

    อาการบาดเจ็บของพวกเขาไม่รุนแรงมากนักจึงใช้เวลาไม่นานในการซ่อมบำรุง ซีโร่อยู่ที่ศูนย์บัญชาการถามสถานการณ์อิเร็กกุล่าร์รอบโลก ส่วนตัวเขานั่งเฝ้าแอ็กเซลที่ไม่ได้สติตั้งแต่ถูกการโจมตีครั้งสุดท้ายที่หน้าผาก แม้ผลึกที่หน้าผากจะกลับคืนสภาพเดิมแล้วและผลการตรวจก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติกับระบบ ฮันเตอร์อายุน้อยก็ยังไม่ลืมตา

    เขามองร่างที่สลบไสลแต่ใจคิดไปถึงคำพูดสุดท้ายของลูมิเน่

    ‘ถึงพวกคุณจะกำจัดผมได้...ก็หยุดสิ่งที่เริ่มไปแล้วไม่ได้หรอก...’

    ถ้าสิ่งที่ลูมิเน่พูดเป็นความจริง เรปลิลอยด์รุ่นใหม่ที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลกก็มีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นอิเร็กกุล่าร์ได้ตลอดเวลา ถ้าทั้งหมดคิดสานต่อลูมิเน่ขึ้นมาพร้อมกัน จะเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดที่แม้แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดได้

    ซีโร่บอกว่าให้ต่อสู้กับชะตากรรมของตัวเอง เขาก็ตั้งใจที่จะทำตามนั้น แต่จุดจบจะไปอยู่ที่ใด จะยังเหลือสิ่งที่เขาพยายามปกป้องอยู่หรือเปล่า?

    เสียงประตูอัตโนมัติเปิด ตามด้วยเสียงฝีเท้าตรงเข้ามาที่เขา

    “เป็นยังไงบ้าง?”

    ซีโร่ถามพร้อมกับนั่งลงข้างเตียงฝั่งตรงข้ามกับเขา

    “ยังหลับอยู่ แล้ว...สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

    “ทุกอย่างปกติดี แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ มีคำสั่งให้ทุกพื้นที่จับตาดูเรปลิลอยด์รุ่นใหม่อย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องของลูมิเน่ก็ส่งไปถึงทางรัฐบาลแล้ว”

    เขาพยักหน้าและสบตากับกับเพื่อนรักโดยไม่ปริปาก คำพูดที่อยู่ในลำคอหาแรงกระตุ้นที่จะออกมาไม่ได้

    ซีโร่ดูเหมือนจะรู้จึงชิงถามขึ้นก่อน

    “มีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะน่ะ”

    “...นายคิดว่าจะสิ้นสุดลงตอนไหนเหรอ...”

    ซีโร่เข้าใจว่าเขาพูดถึงอะไรโดยที่ไม่ต้องบอก

    “ไม่รู้สิ แต่ซิกม่ากลับมาไม่ได้แล้ว ตอนที่เจอก็สภาพเหมือนตายแหล่ไม่ตายแหล่ แสดงว่าคงไม่เหลือร่างให้สิงได้แล้ว”

    “เรปลิลอยด์รุ่นใหม่สามารถเป็นอิเร็กกุล่าร์ได้ตามต้องการ...แต่ไม่ใช่เพราะถูกซิกม่าควบคุม ถ้าอย่างนั้น...ไม่ใช่ว่าเป็นความตั้งใจของตัวเองหรอกเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นอาจจะเป็นพวกเราที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง อย่างที่ลูมิเน่ว่า...”

    ซีโร่ถอนใจ

    ”ก็คงงั้น”

    “...เอ๋?”

    “พวกเราไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราเป็นฝ่ายผิด ในเมื่อเจ้าพวกนั้นทำอะไรตามอำเภอใจ พวกเราเองก็มีสิทธิ์จะต่อสู้เพื่อความต้องการของตัวเองได้เหมือนกัน ยังจำได้อยู่ใช่มั้ย? ความฝันที่นายเคยบอกฉัน”

    “...โลกที่ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ไม่มีกำแพงระหว่างมนุษย์กับเรปลิลอยด์”

    “รู้แค่นั้นก็พอแล้ว ถ้านายเชื่อว่าความฝันนั้นดีกว่าที่ซิกม่าหรือลูมิเน่ต้องการก็สู้ ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

    เขาก้มหน้าลง ซีโร่พูดถูกแล้ว เขามีความฝัน ถ้าอย่างนั้น...

    “อะไรกันน่ะ ไม่เคยบอกฉันเลย”

    เขาเงยหน้าขึ้น ร่างบนเตียงมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มอ่อนแรง

    “เอ็กซ์มีความฝันอะไรอย่างนั้นด้วย เพิ่งรู้นะเนี่ย”

    ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรมือของร่างบนเตียงก็คว้ามือของเขาข้างหนึ่งกับมือของซีโร่อีกข้างหนึ่งแล้วยกขึ้น

    “แบบนี้ก็ยิ่งดีสิ ความฝันของเอ็กซ์ดีกว่า ‘วิวัฒนาการ’ อะไรของเจ้าสองคนนั่นตั้งเยอะ”

    เขามองมือของแอ็กเซลข้างที่จับมือเขา และสลับไปอีกข้างหนึ่งที่จับมือซีโร่

    “งั้นก็ถือว่านั่นเป็นเป้าหมายของพวกเราละกันนะ อนาคตจะต้องเป็นอย่างนั้น”

    “อนาคต...”

    “ฮึ่ม เจ้าเด็กนี่ทำตัวเป็นพระเอก” ซีโร่พ่นลม

    “แหงอยู่แล้ว เผลอแป๊บเดียวเดี๋ยวฉันก็แซงหน้าพวกนายแล้ว”

    “อวดดีอีกตะหาก” ซีโร่ยิ้ม

    เขามองเพื่อนทั้งสองคน ทั้งคู่มีรอยยิ้มประจำตัวบนใบหน้า ซีโร่ยิ้มบางๆ  แอ็กเซลยิ้มกว้าง และริมฝีปากของเขาก็คลี่ออกโดยไม่รู้ตัว

    “อา ถ้าเป็นพวกเราต้องทำได้แน่ อนาคต...”

    ตอนนี้เขาสามารถกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นได้อย่างเต็มปาก

    เอ็กซ์มองออกไปนอกหน้าต่าง เงาต้นไม้ในความมืดไหวเบาๆ ตามแรงลม

    เพราะเสียงพิณในคืนก่อนและคำถามของไซโตะในวันนี้ ความทรงจำนั้นถึงได้ผุดขึ้นมา

    “คิดถึงอดีตอยู่เหรอคะ”

    เอ็กซ์หันไปทางเลเวียธานที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าพิศวง

    “ท่านเอ็กซ์ทำหน้าเหมือนตอนที่ได้ยินเสียงพิณ”

    เอ็กซ์ประมวลคำพูดของเลเวียธานแล้วก็เข้าใจ เสียงพิณในตอนนั้นทำให้นึกถึงอดีต เขารู้เพราะอาเนียสที่ฟังอยู่ด้วยกันตอนนั้นก็รู้สึกอย่างเดียวกัน และเลเวียธานเองก็คงเป็นเช่นเดียวกัน

    “ก็นิดหน่อย...” เอ็กซ์ผละจากหน้าต่างและเดินไปที่มุมห้องใกล้ๆ

    “นอกจากนั้นแล้วฉันก็เป็นห่วงเรื่องนานะ...ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะจับตาพวกเราอยู่ แต่เราไม่รู้เลยว่าฝ่ายนั้นอยู่ที่ไหน ทำได้แค่รอให้ปรากฏตัวออกมาเอง...”

    เลเวียธานกอดอก

    “ฝ่ายนั้นเล็งเด็กผู้หญิงที่ใช้<ความว่างเปล่า>เอาไว้ ทางที่ดีที่สุดก็คืออยู่ใกล้เด็กผู้หญิงคนนั้นเข้าไว้ล่ะนะคะ”

    “ก็คงมีแค่ทางนั้น...”

    เอ็กซ์อธิบายเรื่อง<ธาตุของศาสดา>อย่างคร่าวๆ ให้เลเวียธานฟัง สำหรับพรายสาวแล้วก็เป็นแค่เรื่องเล่าปรัมปราของศาสนาที่เพิ่งรู้จักเป็นจริงขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องที่ชวนให้ตื่นเต้นอะไร

    “...แต่ทำแบบนั้นเราก็ยังเป็นฝ่ายตาม อย่างน้อยๆ ถ้ามีโอกาสที่เราจะเป็นฝ่ายนำบ้างล่ะก็...”

    ใบหน้าของเลเวียธานเคร่งขรึมขึ้นมากะทันหัน แต่ไม่ใช่เพราะคำพูดของเอ็กซ์

    “...มีคนกำลังมาทางนี้ค่ะ”

    ใบหน้าของเอ็กซ์กลายเป็นแบบเดียวกับเลเวียธาน

    “ใคร?”

    “ไม่ทราบค่ะ จากลำธารมองเห็นไม่ชัด”

    ทั้งคู่ออกจากบ้านเด็กที่พักอยู่ เลเวียธานนำทางไปยังจุดที่บุคคลปริศนากำลังมุ่งหน้ามา

    เสียงฝีเท้าดังมาในเงาไม้ และร่างหนึ่งก็ก้าวออกมา

    วินาทีนั้นความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของเอ็กซ์

    มาถึงแล้ว...โอกาสที่เขาต้องการ

    “เอ็กซ์...!”

    เอ็กซ์สบตากับหญิงสาวผมสีทอง

    “เชล”

    [...]

    --

    PBW:“จบ Arc 8 แล้ว”

    DX:“เป็น Arc ที่ใช้เวลานานมากในโลกแห่งความจริง ตอนนึงตั้งสองเดือนแน่ะ นะ?”

    PBW:“ไม่ต้องประชดหรอก ฉันรู้แล้ว ที่จริงตอนนี้ไม่ควรจะสองเดือนด้วยซ้ำ เขียนเสร็จไว้ตั้งนานแล้ว แต่ลืมลงแล้วดันนึกไปว่าลงแล้ว”

    DX:“แล้วแกก็ไม่ได้สังเกตอะไรเลยเนี่ยนะ?”

    PBW:“สิ่งดึงดูดความสนใจมันเยอะเฟ้ย ปีนี้ไม่รู้เป็นอะไร มีแต่เกมกับอนิเมะที่คนเขียนอยากดูออกมาเต็มไปหมดเลย นี่เพิ่งสามเดือน เดี๋ยว 2 เมษาก็จะมีอนิเมะที่อยากดูออกมาเพิ่มอีกเรื่อง เฉพาะติดเกมกับทำงานมหา’ลัยนี่ก็ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว”

    DX:“ตั้งแต่ขึ้นมหา’ลัยมาแกก็เป็นซะอย่างเนี้ย”

    PBW:“เหมือนแรงผลักดันมันไม่ต่อเนื่อง ที่เกิดแรงกระตุ้นกลับมาจะแต่งต่อ(และพบว่ามีตอนที่ค้างไว้ยังไม่ได้ลง)นี่ก็เพราะไปเจอข่าวข่าวนึง เป็นข่าวนานแล้ว(หลายเดือน) และหลายคนอาจจะทราบแล้ว แต่คนเขียนเพิ่งเห็น เป็นข่าวที่ทำให้รู้สึกพลังพลุ่งพล่าน”

    DX:“ข่าวอะไร?”

    PBW:“สิ่งที่คนเขียนเคยสันนิษฐานไว้เล่นๆ เป็นความจริงขึ้นมา ไลท์โนเวล Zero no Tsukaima เล่ม 21 ที่อาจารย์ยามางุจิเขียนไว้เกือบจบออกมาแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และเล่ม 22 ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายก็กำลังรวบรวมเขียนอยู่ หมายความว่าซีรี่ส์นี้จะได้เห็นตอนจบ...ตอนคนเขียนเห็นครั้งแรกถึงกับกลั้นความดีใจไว้ไม่อยู่ กำหมัดงอเข้าหาตัวร้อง ‘อิส! อิส!’ อยู่คนเดียวเหมือนเป็นบ้า”

    DX:“แล้วแกทำอะไรที่สมกับความพยายามทางฝั่งโน้นเขาบ้าง?”

    PBW:“ช่วงที่หายหัวไปนี้ก็ใช่ว่าอยู่เฉย แม้จะไม่มีอารมณ์แต่ง แต่ก็มีอารมณ์หยิบเอา ‘การผจญภัยของทาบาสะ’ ขึ้นมาอ่าน เล่ม 3 ตอน ‘ทาบาสะกับรักแรก’  เป็นตอนที่อ่านแล้วทำให้...รู้สึกว่าบรรลุอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับทาบาสะ เดี๋ยวต้องหาทางนำมาประยุกต์ใส่ให้ได้”

    *Edit: ตัวเอียง (เซ็งจริงๆ เลยก็คือเวลาก็อปปี้วางลงจากเวิร์ดแล้วตัวเอียงตัวเข้มอะไรหายหมด)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×