คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #64 : Chapter 63 : ไม่ใช่ตัวคนเดียว
กึก...กึก...
เสียงกระทบของรองเท้ายางบนพื้นที่ทำด้วยวัสดุสังเคราะห์สีขาว ร่างหนึ่งก้าวเดินไปในห้องที่ไร้ผู้คน ผิวทำด้วยวัสดุสังเคราะห์สีดำยืดหยุ่นได้เหมือนผิวสิ่งมีชีวิต สวมเสื้อกั๊กสีน้ำเงิน ลายตัวอักษร ‘X’ สีแดงพาดผ่านที่กลางอก อาร์มการ์ด(ปลอกแขน?)และรองเท้าบู๊ทสีเดียวกับเสื้อ หมวกกลมสีฟ้าที่มีผลึกสีแดงอยู่กลางหน้าผาก
ในห้องที่ว่างเปล่าแห่งนี้มีเพียงสิ่งที่เหมือนกับต้นไม้ขนาดใหญ่ทำด้วยวัสดุสังเคราะห์สีขาว ที่ฐานเป็นสิ่งที่มีลักษณะเหมือนกับโลงวางตั้งฉากกับพื้น ซีกหลังเป็นโลหะสังเคราะห์สีขาว ขณะที่ซีกหน้าเป็นกระจกสีชา
ร่างสีน้ำเงินยกแขนขึ้นค้ำกับกระจก ดวงตาสีแดงจ้องมองสิ่งที่อยู่ข้างใน
(เครดิต : tumblr.com)
“ไง ‘เอ็กซ์’ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ร่างสีน้ำเงินพูดกับผู้ที่อยู่ข้างในแม้จะรู้ว่าร่างที่แตกหักไม่มีทางตอบกลับมา
“ตั้งแต่ที่ข้าลืมตาขึ้นและถูกยัดเยียดหน้าที่ของ ‘วีรบุรุษ’ แทนที่แกก็สามปีแล้วนะ เวลาเดียวกับที่เราได้พบกันอย่างนี้เป็นครั้งแรก” ร่างสีน้ำเงินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ใบหน้าก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ มีเพียงคู่ดวงตาสีแดงที่ซ่อนความรู้สึกหลากหลายเอาไว้
“ครั้งนั้นข้าถามคำถามไปสินะ ว่า ‘โลกที่แกพยายามสร้างมันเป็นแบบไหน?’”
ร่างในโลงกระจกตาปิดสนิทไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกับคำถาม ดังที่ร่างสีน้ำเงินคาดเอาไว้
“ครั้งนั้นแกก็เงียบอย่างนี้แหละ แต่ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาถามหรอกนะ”
ร่างสีน้ำเงินปล่อยแขนลงข้างลำตัว สายตายังไม่ละไปจากร่างในโลงกระจก
“ข้าได้เห็นโลกนี้ด้วยตาของตัวเองแล้ว ทั้งโลกก่อนที่ข้าจะเกิด โลกในขณะนี้ และโลกที่รออยู่ข้างหน้า” ร่างสีน้ำเงินหันหลังและก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆ
“ข้าเกลียดแก ชิงชังยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด สิ่งที่แกทำไม่สำเร็จ ข้าจะทำให้สำเร็จเอง เอ็กซ์ แกน่ะไม่มีความจำเป็นกับโลกใบนี้อีกแล้ว นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่แกจะถูกเรียกด้วยชื่อนี้” เสียงที่กล่าวยังคงนิ่งสงบต่างกับคำพูดที่ดังอยู่ในความเงียบ
“ข้าจะเป็นวีรบุรุษให้ได้ยิ่งกว่าที่แกเคยเป็น” ร่างสีน้ำเงินหยุดเดิน แสงภายนอกลอดเข้ามาทางประตูค่อยๆ เปิดออก
“ข้าจะไม่เดินอยู่ในเงาของแกอีกต่อไป จงสาบสูญไปในแสงอันเจิดจรัสของข้าซะ เพื่อที่ข้าจะได้เป็น ‘ร็อคแมนเอ็กซ์’ ส่วนแกก็จะเป็นเพียงแค่เครื่องจักรไร้ชื่อในประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม”
ประตูปิดลง แล้วห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด
ออซแลนด์
ร่างจำแลงเทวทูตบนท้องฟ้าส่งยิ้มอำมหิตให้กับคนบนเรือเหาะ
ใบหน้าของเอ็กซ์ปราศจากสัญญาณของความท้อถอย แม้ว่าสถานการณ์จะสิ้นหวังขนาดไหนก็ตาม ทำให้ร่างบนท้องฟ้าไม่สบอารมณ์
“...ยังไม่พอ ต้องทำให้แกตายทั้งเป็น ให้แกยอมพูดออกมาเองว่าข้าคือตัวจริงส่วนแกมันก็อปปี้ ให้แกร้องขอให้ข้าฆ่าแกด้วยตัวเอง” ร่างดวงตาสีแดงไม่คิดปิดบังความมุ่งร้ายที่มีอย่างท่วมท้นแม้แต่น้อย
“...ถ้ายกให้ได้ล่ะก็ฉันก็ขอยกให้เลย จะวีรบุรุษหรือแม้แต่ชื่อ ‘เอ็กซ์’ อยากได้ก็เอาไปสิ” นักรบสีฟ้าพูดโดยไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความลังเล
“ฉันก็คือฉัน ตราบเท่าที่จิตใจนี้ยังคงรับรู้ ฉันก็ไม่ใช่ตัวจริงหรือตัวปลอมของใครทั้งนั้น”
เทวทูตตาสีแดงกัดฟันกรอด ทั้งเกียรติยศ แม้แต่ชื่อของตัวเอง นักรบสีฟ้าเอ่ยราวกับไม่แยแส ทั้งที่เขาเองพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะชิงมันมา เหมือนกับถูกโยนให้ตรงหน้า ความโกรธพุ่งขึ้นมาราวกับภูเขาไฟปะทุ
“แก แก แก! อย่ามาดูถูกกันนะ! พวกที่ขัดขวาง พวกที่หัวเราะเยาะข้า ข้าจะทำลายมันให้หมด!” ดวงตาสีแดงปรายไปทางคนที่บนเรือเหาะอย่างเกรี้ยวกราด ริมฝีปากเผยอขึ้นเป็นรอยยิ้มของปีศาจ
“จริงสิ สำหรับแกต่อให้เป่าแขนไปข้างสองข้างก็คงไม่รู้สึกอะไร...” มารร้ายยกแขนขวาขึ้น ผลึกสีแดงสะท้อนแสง เป้าหมายของมันคือเรือเหาะออซแลนด์ที่จอดอยู่ด้านล่าง
“งั้นถ้ากำจัดพวกมนุษย์กระจ้อยร่อยนั่นซักตัวสองตัวล่ะ...จะเป็นยังไง?”
เอ็กซ์เอาเวลาที่จะยืนนิ่งกัดฟันหรือกำหมัดไปใช้ถีบเท้ากระโดดสุดตัวขึ้นไปบนดาดฟ้าออซแลนด์ จับตาดูทุกการกระทำของร่างบนฟ้าด้วยอาการเคร่งขรึม
ร่างตาสีแดงเผยอมุมปากขึ้นอย่างน่ากลัว
“หึ ดูซิว่าเจออย่างนี้แล้วยังจะทำหน้าแบบนั้นได้อยู่อีกรึเปล่า!” กรงเล็บสีขาวยื่นออกมาข้างหน้า ผลึกสีแดงที่ฝ่ามือสองข้างเปล่งแสง แล้วลำแสงสายสั้นๆ ก็ยิงออกมา แต่ไม่เหมือนกับครั้งก่อนที่ยิงเป็นชุด ครั้งนี้เป็นการยิงแบบไม่ยั้ง
เอ็กซ์เหลียวมองคนข้างหลัง จะหนีไม่ได้เด็ดขาด ต้องตั้งรับเท่านั้น
ยื่นสองแขนออกไปข้างหน้า มิติบีบอัดทรงกลมขนาดเท่าตัวคนปรากฏขึ้นกลืนลำแสงทั้งหมดเข้าไปในความมืดที่ดูจะไร้ที่สิ้นสุด
“ดื้อด้านจริงนะ แต่จะทนได้ซักกี่น้ำกัน” เทวทูตตาสีแดงยิ้มอย่างอำมหิต
“เสแสร้างทำตัวเป็นวีรบุรุษ ตีตราของปีศาจให้กับข้า ทั้งที่เรามันก็เหมือนกัน กี่ชีวิตที่ถูกช่วงชิงไปด้วยคำว่า ‘สันติสุข’ ของแก เข่นฆ่าเรปลิลอยด์ที่เป็นเหมือนพี่น้องของแกเองเพื่อพวกมนุษย์โสมม” คำพูดของร่างตาสีแดงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เป็นปริมาณที่พวกของเด็กสาวด้านล่างไม่เคยพบมาก่อน
“เรามันก็ฆาตกรเหมือนๆ กัน แต่ระหว่างข้าที่ทำเพื่ออุดมการณ์ กับแกที่ใช้คำพูดสวยหรูบังหน้า ข้าต่างหากที่เหมาะสมกับชื่อ ‘วีรบุรุษ’!”
เอ็กซ์กัดฟัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องโกหก เพราะเขาในเวลานั้นก็เป็นอย่างที่ร่างตาสีแดงพูด ทำเรื่องโหดร้ายลงไปทั้งที่ไม่คิดว่ามันจะนำสันติสุขมาได้จริง
ลำแสงยังคงกระหน่ำยิงอย่างบ้าคลั่ง การจู่โจมที่เข้ามาทั้งหมดถูกทำให้ไร้ผลด้วยหลุมดำขนาดย่อ ความเสียหายทางกายเป็นศูนย์แต่ความเสียหายทางยุทธศาสตร์นั้นใหญ่หลวง เขาใช้ [สควีซบอมบ์] ไปไม่ได้ตลอด ไม่นานพลังงานก็จะหมด แต่การโจมตีของสัตรูสามารถอยู่ต่อไปได้อีกเป็นสัปดาห์หรืออาจจะถึงเดือนได้โดยไม่หยุดพัก
หลุยส์ยืนอยู่หลังแสงและเสียงระเบิด ตัวเย็นเฉียบด้วยความกลัวที่ฉายออกมาทางงใบหน้าที่ซีดเผือด แรงกระตุกที่ชายเสื้อคลุมทำให้เธอหันไปมอง
อันเรียตต้าเกาะชายเสื้อของเด็กสาวผมสีชมพูโดยสัญชาตญาณ หลุยส์มองริมฝีปากที่สั่นไหวขององค์ราชินีแล้วก็หันไปมองอันตรายข้างหน้า
ศัตรูกำลังโจมตีอย่างหนัก พลังเวทย์ของทุกคนหมดเกลี้ยง จะนำเรือเหาะขึ้นก็ไม่ได้ แม้แต่อสูรรับใช้ของเธอก็กำลังตกที่นั่งลำบาก ทั้งหมดก็เพราะบาร์เรียร์ที่ทำให้ร่างบนฟ้าแทบจะเป็นอมตะ และคนที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ก็มีแต่...เธอ!
นิ้วเรียวบางกำคทาสีดำในมือแน่น ปากขยับท่องคาถาที่เป็นความหวังหนึ่งเดียว
“ดิสเปล!”
คทาวาดไปไหนอากาศ แต่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
“ไม่ไหวหรอกคุณหนู พลังเวทย์ของคุณหนูน่ะหมดไปกับตอนเจ้าหุ่นตัวใหญ่นั่นแล้ว แถมยังไม่รู้วิธีฟื้นกลับมาอีก” เดลฟลิงเกอร์พูดขึ้นเหมือนกับใจเย็น แต่จริงๆ ดาบเหล็กก็กำลังคิดหาหนทางหัวแทบระเบิด(ถ้าดาบมีหัวน่ะนะ)
เรปลิลอยด์หนุ่มที่ยืนต้านการโจมตีอันรุนแรงฟังบทสนทนาอยู่ตลอดปล่อยมือที่ชูไว้ลงข้างหนึ่งแล้วหันครึ่งตัวกลับมามอง ดวงตาสีเขียวมรกตประสานกับดวงตาสีชมพูอ่อนของเด็กสาว
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะกดดัน แต่ว่าผมเชื่อใจหลุยส์นะครับ” นักรบสีฟ้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่มีเค้าลางของความลังเล
“แต่ว่าพลังเวทย์ของฉันน่ะจะฟื้นกลับมาได้เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เลยนะ!” หลุยส์ระบายความอัดอั้นตันใจออกมา แต่สิ่งที่รอเธออยู่ไม่ใช่สีหน้าเป็นกังวล กลับกลายเป็นรอยยิ้มที่บอกว่า ‘สบายใจได้’
“ผมเอาชนะศัตรูคราวนี้ไม่ได้ แต่ผมเป็นอสูรรับใช้ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลากี่ชั่วโมง กี่วัน กี่เดือน หรือว่ากี่ปี ผมจะปกป้องหลุยส์กับทุกๆ คนเอง”
เด็กสาวเม้มปากแน่น น้ำตาพาลจะไหลออกมา แต่เธอต้องอดกลั้นเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะเรียกตัวเองว่าเจ้านายได้ยังไง
“ย—อย่าพูดบ้าๆ หน่อยเลย ค—ใครมันจะไปทนรอเป็นเดือนเป็นปีได้กันล่ะยะ แล้วเป็นอสูรรับใช้น่ะ อย่าพูดให้ดูดีต่อหน้าเจ้านายหน่อยเลย!”
เธอก้าวหนึ่งก้าวปิดระยะห่างระหว่างตัวเองกับเรปลิลอยด์หนุ่ม แล้วประทับตราของเจ้านายอย่างแผ่วเบาด้วยริมฝีปาก เหมือนเมื่อครั้งที่เธอได้พบกับเขาเป็นครั้งแรก
เอ็กซ์เบิกตาขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ เด็กสาวผละออกจากเขาและถอยไปหนึ่งก้าว ใบหน้าแดงฉ่าแต่ดวงตาจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่ลดละ เรปลิลอยด์หนุ่มคลี่ยิ้มบางๆ
“นั่นสินะครับ ใจร้อนอย่างหลุยส์แค่ห้านาทีก็คงรอไม่ไหวแล้วล่ะ”
ตัวอักษรปรากฏขึ้นบนหลังมือซ้ายที่ชูขึ้นต่อต้านศัตรู รูนของกันดาล์ฟเปล่งแสงตอบสนองกับคทาในมือของทายาทแห่งความว่างเปล่า เด็กสาวชูมือขวาที่กำคทาขึ้นเหนือหัวพร้อมกับเปล่งเสียงสุดกำลัง
“ดิสเปล!!”
ท่ามกลางเมฆดำที่ปกคลุมท้องฟ้า ลำแสงจางๆ สายหนึ่งส่องลงมายังจุดที่เรือเหาะจอดอยู่ แล้วสายฟ้าแห่งความว่างเปล่าก็ฟาดลงมาจากฟากฟ้า กลืนทุกสรรพสิ่งรอบข้างเข้าไปในแสงอันเจิดจ้า
เมื่อแสงจางหายไปทุกคนก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น และพบว่าการโจมตีหยุดไปแล้ว ส่วนเทวทูตจำแลงก็ไม่เห็นอยู่ที่ไหนเลย
“อะไรกันน่ะ? คงไม่ใช่ว่าเจ้านั่นตายไปกับเวทย์มนต์บทเมื่อกี้แล้วหรอกนะ?” คิลเก้เอ่ยอย่างงงๆ
“แต่ว่า นั่นมันแค่ดิสเปลเองนะ?” หลุยส์เองก็มองท้องฟ้าที่ว่างเปล่าด้วยแววตาสับสน จนกระทั่งเสียงชวนขนลุกดังขึ้นอีกครั้ง
“แน่นอน ข้าไม่ตายด้วยของแค่นั้นหรอก” เทวทูตตาสีแดงค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากใต้หน้าผา รอยยิ้มไม่ได้ลดความน่ากลัวลงแม้แต่น้อย
เอ็กซ์สังหรณ์ใจไม่ดีจึงทดสอบยิงกระสุนพลาสมาไปที่ร่างเทวทูตหนึ่งนัด ซึ่งอีกฝ่ายไม่พยายามที่จะหลบแม้แต่น้อย เพราะกระสุนที่พุ่งเข้ามาก็มีแต่จะสลายไป
“ไม่จริงน่ะ!” หลุยส์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ก็เกือบไปเหมือนกัน แต่สิ่งที่ข้าเคยเห็นมาแล้วครั้งนึงไม่มีทางใช้ได้ผลอีกหรอก” เทวทูตพูดเหมือนตัวเองเป็นเซนต์ของแซงค์ทัวรี่ไหนซักแห่ง
“ถ...ถ้าอย่างนั้น...” หลุยส์กลัวจนไม่กล้าพูดต่อ
“ไม่หรอก คุณหนู”
เสียงดังมาจากดาบเหล็กที่เด็กสาวกอดไว้กับตัว
“ดิสเปลที่คุณหนูร่ายเมื่อกี้นี้น่ะ ฉันดูดซับเอาไว้นิดหน่อย” เดลฟลิงเกอร์เปล่งแสงจางๆ
“ถ้าเจ้าคู่หูใช้ฉันล่ะก็จะต้องฝ่าเคาน์เตอร์เข้าไปถึงตัวศัตรูได้แน่”
เรปลิลอยด์หนุ่มหันมาเผชิญหน้ากับเด็กสาวเต็มตัว หลุยส์ยื่นดาบเหล็กให้กับมือซ้ายที่มีรูนอยู่ด้านหลัง เธอได้ทำเท่าที่ทำได้แล้ว จากนี้ไปเป็นหน้าที่ของเขา
“ชนะให้ได้นะเอ็กซ์”
“วางใจได้เลยครับ”
นักรบสีฟ้าหันไปเผชิญหน้ากับเทวทูตแห่งความตาย มือซ้ายจับฝักดาบ มือขวาชักเดลฟลิงเกอร์ออกมา อักขระที่หลังมือซ้ายเปล่งแสงพร้อมกับข้อมูลจำนวนมากไหลเข้าสู่ร่างกายของเรปลิลอยด์หนุ่ม เขาหลับตาลง
‘ความรู้สึกนี้...คิดถึงจริงๆ...’
กำลังทำการประมวลผล... กำลังทำการประมวลผล...
ทำการอัพเกรดฐานข้อมูล ‘การต่อสู้ด้วยดาบ’ ขั้นตอนการประยุกต์ถูกต้อง ดำเนินกระบวนการปรับปรุงต่อไป
เอ็กซ์ลืมตาขึ้น พร้อมจะเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเอง
“เจ้าผู้มีชื่อเดียวกับฉัน เรื่องที่เจ้าพูดฉันไม่ปฏิเสธ แต่ว่าคราวนี้แหละ...”
ดาบเหล็กชูขึ้น ชี้ไปที่ร่างจำแลงของเทวทูตแห่งความตาย
“ฉันจะปกป้องทุกอย่างเอาไว้เอง ไม่ใช่ด้วยตัวคนเดียว แต่เป็นด้วยกันกับทุกคน!”
นักรบสีฟ้ากระโดดพุ่งขึ้นไปหาเทวทูตตาสีแดงบนสมรภูมิกลางเวหา แขนซ้ายเหยียดออกไปข้างหน้า แขนขวางอเข้ามาชิดตัวหันปลายดาบไปตามที่มือซ้ายเล็ง
“เลิกหวังลมๆ แล้งๆ ได้แล้ว! ข้าร็อคแมนเอ็กซ์คนนี้จะเป็นผู้ชำระล้างโลกใบนี้เอง!” เทวทูตอ้ากรงเล็บทั้งสองมือเตรียมจะพิสูจน์ความเป็นหนึ่ง
“ดาบนี้เป็นของฉัน เดลฟลิงเกอร์ ซีโร่ หลุยส์ และทุกๆ คน!”
[ไรโควเซ็น]! (ประกายแสงอัสนี) (Zero - X8)
“อะไรกัน!?” กรงเล็บสีแดงที่ควรจะฉีกร่างที่พุ่งเข้ามาเป็นชิ้นๆ กลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า
หลุยส์เบิกตากว้างด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ ‘ฝันร้ายของเรา...ไม่เป็นจริงแล้ว...’
กระแสไฟฟ้าอันรุนแรงไหลผ่านร่างของเทวทูตจนเสียงร้องครวญครางเล็ดลอดออกมา พริบตานั้นร่างของนักรบสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะด้านหลังของร่างตาสีแดง ดาบในมือเงื้อขึ้นสูง
“จบสิ้นกันแค่นี้ล่ะ!!” ดวงตาสีแดงมองร่างที่อยู่เหนือตัวเองไม่ใช่ด้วยสีหน้าของผู้ชนะดังที่ผ่านมา แต่เป็นหวาดกลัว
แสงสีเงินฟาดฟันเทวทูตแห่งความตาย ตั้งแต่ยอดศีรษะลงมาจนถึงปลายสุดด้านล่างแยกออกเป็นสองซีกตามด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น
เอ็กซ์ลงสู่พื้น หันหลังกลับไปมองชิ้นส่วนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเรปลิลอยด์ที่แข็งแกร่งร่วงหล่นลงสู่พื้นดินใต้หน้าผาด้วยความรู้สึกสงบ
เพื่อนๆ เข้ามาห้อมล้อมทันทีที่เขาก้าวขึ้นไปถึงเรือเหาะ กีซกับมาลิคอร์นเข้ามาตีอกชกไหล่แทนการชม อาจารย์โคลเบลท์ยิ้มอย่างโล่งใจเมื่อเขาบอกว่าไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย อาเนียสดุเขาว่า ‘โชว์ออฟเกินเหตุ’ ทั้งที่แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ อันเรียตต้ากับเวลส์บอกขอบคุณเขาตามคุณธรรมของผู้ปกครองต้องรู้คุณคน
มอนท์โมรันซี่กับคิลเก้ที่พยุงทาบาสะเอาไว้ยืนยิ้มอยู่วงนอก เด็กสาวสวมแว่นปรือตาขึ้นมองเขา อาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดีทำให้เธอไม่มีแรงจะแสดงสีหน้าหรือคำพูดใดๆ ได้ แต่เธอมีความรู้สึกเหมือนผีเสื้อบินอยู่ในท้อง(R:งงล่ะดิ ไปหาเอาในเน็ต Butterflies in my stomach เป็นสำนวนปะกิต)
หลุยส์รู้สึกเหมือนกับคนอื่นๆ แต่นอกจากนั้นเธอยังต้องถามคำถามอสูรรับใช้ที่เธอเริ่มจะเข้าใจเขาขึ้นมาบ้างในช่วงนี้
“นาย...ไม่เป็นไรนะ...?” แต่เธอถามอ้อมไปหน่อย
“ครับ ผมไม่เสียใจ และคิดว่าเขาเองก็เช่นกัน” เอ็กซ์เข้าใจความเป็นห่วง แน่นอนว่าเขาไม่ได้อยากจะฆ่าใคร แต่ก็เป็นความจริงที่เขาไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป
เขารู้ว่าก็อปปี้เอ็กซ์ต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่น แต่เขาเองก็ต่อสู้เพื่อปกป้องคนที่รัก ไม่มีความแค้นต่อกัน ไม่ใช่การตัดสินของตัวจริงตัวปลอม ต่างคนต่างเป็นตัวของตัวเอง
‘ถึงจะถูกเรียกว่า ‘ก็อปปี้เอ็กซ์’ แต่นั่นก็เป็น ‘ชื่อ’ ของเจ้า ไม่ใช่ก็อปปี้ของใคร’
(ใจดีจังนะ แต่ข้าก็ยังชอบชื่อที่ไม่มีคำว่า ‘ก็อปปี้’ อยู่ดี)
เอ็กซ์ตกใจตัวเกร็ง เสียงนั้นดังก้องอยู่ในหัวของเขา ดูจากปฏิกิริยาของหลุยส์ที่สับสนกับท่าทางกะทันหันของเขาแล้ว คาดว่านอกจากเขาแล้วจะไม่มีใครไม่ได้ยิน
(คงจะสงสัยล่ะสิท่าว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าก็ไม่ได้หวงความลับอะไร จะบอกให้ก็แล้วกัน ตอนนี้ข้าอยู่ในร่างของแกแล้ว แกก็น่าจะเคยเห็นมาก่อน โปรแกรมของข้าแฝงตัวเข้ามาในระบบของแก แบบเดียวกับ ‘ไวรัส’ ยังไงล่ะ)
เอ็กซ์ตัวชา คำว่า ‘ไวรัส’ ทำให้เขานึกถึงความทรงจำที่ไม่โสภา เพราะมันเป็นต้นเหตุหลักที่ทำให้โลกของเขาตกอยู่ในสภาพเหมือนอย่างปัจจุบัน
(ร่างกายของแกสามารถป้องกันการเขียนโปรแกรมทับของเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับข้าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย เพราะสิ่งที่ข้าต้องการก็คือการเป็น ‘เอ็กซ์’ เพียงคนเดียวในจักรวาลนี้ยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นเป้าหมายของข้าก็คือ...)
‘...ส่วนควบคุมหลักสินะ...’
(ถูกต้อง แล้วก็...อย่าทำอะไรเปล่าประโยชน์เลยดีกว่า ไม่ว่าจะพยายามซักกี่ครั้งแกก็เรียกใช้แผงควบคุมไม่ได้หรอก เพราะข้าบล็อกเอาไว้แล้ว คงคิดจะกำจัดข้าด้วยวิธีแมนนวลล่ะสินะ อย่าหวังเลย)
เอ็กซ์เริ่มจะรู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ ความเป็นไปในร่างกายของเขาถูกรู้ทั้งหมด เขารู้ตัวช้าเกินไป ไม่สิ ‘ไวรัส’ ตัวนี้ฉลาดเกินไป
(ถ้าปล่อยเอาไว้แกอาจจะทำอะไรน่ารำคาญอีก หลับไปซักพักก็แล้วกัน)
‘นี่มัน...ควบคุมเราได้ถึงขั้นนี้เลยเหรอ...’ ความง่วงเข้าจู่โจมเขาราวกับถูกวางยา ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรอื่นอีกสติเขาก็ดับไป
...
กษัตริย์แห่งกาเลียลดกล้องส่องทางไกลลง นักรบสีฟ้าที่หมดสติถูกพาเข้าไปด้านในแล้วเรือเหาะก็เริ่มขึ้นบิน
“เป็นไปตามที่เจ้าบอกทุกประการเลยจริงๆ!” ราชาโจเซฟยิ้มอย่างตื่นเต้นขณะที่ร่างในผ้าคลุมมิดชิดสีดำด้านหลังหัวเราะด้วยเสียงแหบแห้งของคนแก่
“เสียดายก็แต่ไม่ได้ดูมันเกิดขึ้นด้วยตาของตัวเองนี่ล่ะ แต่ก็เอาเถอะ ใช้เวลานานแค่ไหนล่ะกว่ากันดาล์ฟจะตกอยู่ในเงื้อมมือของเรา?”
ร่างลึกลับหัวเราะอีกครั้งก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มของปีศาจ
“ไม่เกินสามวัน”
--
DX:”ชิบ จะจบแล้วไม่จบ”
S:”โอ้ว! หมอนั่นจะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย! รีบแต่งต่อเร็วๆ ซี่!”
R:”อ่า...ถูกพระเอกดั้งเดิมอย่างนายเร่งแล้วทำตัวไม่ถูกเลยวุ้ย...”
ความคิดเห็น