คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #63 : Chapter 62 : ความแตกต่าง
ออซแลนด์
กระสุนพลาสมาสีส้มพุ่งตรงขึ้นไปหาร่างบนท้องฟ้า แต่ก่อนจะถึงตัวเป้าหมาย มันก็แตกสลายเมื่อปะทะเข้ากับบาร์เรียร์สีชมพูฟ้าที่กางอยู่รอบร่างเทวทูตทั้งแปดทิศสามร้อยหกสิบองศา
ร่างในชุดเกราะสีฟ้าเคลื่อนที่อยู่บนพื้นดินรกร้างด้านล่าง แม้ใบหน้าจะดูเยือกเย็นแต่ระบบประมวลผลกำลังทำงานด้วยความเร็วสูงเพื่อค้นหาวิธีเอาชนะการต่อสู้ที่เสียเปรียบนี้
‘บาร์เรียร์นั่นเป็นแบบเดียวกับที่คุณบิดาชาลใช้ปกป้องแฟ็บนีลกับเลเวียธาน...แต่ศัตรูคราวนี้ความร้ายแรงมันต่างกันเยอะ’ แถมจะถ่วงเวลาให้คนใช้หมดแรงก็ไม่ได้ เพราะถูกใช้โดยเรปลิลอยด์ประสิทธิภาพสูง...หรืออาจจะทำงานอัตโนมัติด้วยซ้ำ
บนเรือเองก็ฮือฮาไม่แพ้กัน เหตุผลหลักก็เพราะรู้ซึ้งถึงพิษสงของบาร์เรียร์นั่นกันจับใจ
“บาร์เรียร์นั่นอีกแล้วเหรอ!?” กีซแทบจะทึ้งผมตัวเองถ้าไม่ติดว่าเส้นผมเป็นสัญลักษณ์ของความหล่อล่ะก็
“หลุยส์! ใช้เวทย์มนต์บทนั้นอีกสิ! ที่ทำให้บาร์เรียร์นั่นหายไปน่ะ!” คิลเก้ที่พยุงทาบาสะเอาไว้อยู่ร้องบอกเพื่อนของเธอ
“ฉัน...พยายามมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่...” ไม่ออกมา จะร่ายซักกี่ครั้งก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เวทย์มนต์ก็ไม่ใช่ว่าร่ายได้ไม่จำกัด” เดลฟลิงเกอร์ที่เด็กสาวกอดอยู่พูดขึ้น “เวทย์ว่างเปล่าก็ไม่ต่างจากเวทย์มนต์ปกติในข้อนี้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรอจนกว่าพลังเวทย์จะกลับคืนมางั้นเหรอ?!” มอนท์โมรันซี่ร้องเสียงดัง “แล้วต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่กันล่ะ?!”
“วิธีฟื้นฟูพลังของเวทย์ว่างเปล่าน่ะไม่เหมือนทั่วๆ ไป” ดาบเหล็กอธิบาย “แค่พักผ่อนเฉยๆ มันไม่กลับมาหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นต้องทำยังไงล่ะ?”
“...ลืมง่ะ...”
...
ปราสาทอัล—ซากปรักหักพังอัลฮัมบรา
“อึก!” เรปลิลอยด์เพลิงสำลักลมหายใจ ร่างที่บอบช้ำล้มลงข้างๆ เพื่อนร่วมรบที่อยู่ในสภาพเดียวกัน
อีกสองร่างยืนอยู่ต่อหน้าเขาและเรปลิลอยด์สาว แต่ก็โงนเงนเต็มที
สภาพโดยรอบสี่เรปลิลอยด์ไม่ต่างอะไรกับปราสาทที่เพิ่งผ่านสงครามอันดุเดือดมาหมาดๆ พื้นหินสีขาวที่เคยเรียบสวยเต็มไปด้วยหลุมบ่อ บันไดขึ้นลงที่สลับไปมาอย่างสมมาตรและเป็นระเบียบเสียขั้นไปหลายขั้น บ้างก็หายไปทั้งชุด หอคอยอาคารหลายแห่งที่กำแพงเป็นรูโหว่ เสาต้นกลมที่เป็นศิลปะอันงดงาม บางต้นก็เหลือไม่ต่างจากตะเกียบหักๆ บางต้นก็เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ถูกตัดเหลือแต่ตอ
ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณปราสาทได้อพยพออกไปนานแล้ว เหลือเพียงทหารไม่กี่นายที่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตจับตาดูการต่อสู้เหนือมนุษย์ตามคำสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้
เลเวียธานนอนแผ่อยู่กับพื้นที่เธอมักจะเรียกว่าเป็น ‘พื้นสกปรกมีแต่ฝุ่น’ โดยไม่ปริปากบ่น เพราะแค่แรงจะขยับนิ้วยังไม่เหลือ อาวุธคู่ใจก็แน่นิ่งอยู๋กับพื้นห่างออกไปเกินระยะเอื้อม แต่สีหน้าของเธอไม่ได้บิดเบี้ยวด้วยความโกรธหรือเสียใจที่แพ้แต่อย่างใด เป็นสีหน้าที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างด้วยใจสงบ
“ทำไม...พวกเราถึงแพ้นะ?...”
ไม่เพียงแค่เธอ สามคนที่เหลือก็ครุ่นคิดถึงคำถามเดียวกันนี้ว่า ‘ทำไมการต่อสู้จึงได้จบลงเช่นนี้?’
เมื่อคิดรวมในทุกๆ ด้านแล้ว ทั้งสี่มีความสามารถด้านการต่อสู้เท่าเทียมกันชนิดใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องยังไม่เหลือรอยเหลื่อม แล้วเหตุใดการต่อสู้สองต่อสองของสี่จตุรเทพจึงมีฝ่ายชนะและฝ่ายแพ้ได้
ฝ่ายที่นอนหมดสภาพอยู่กับพื้น—ผู้บัญชาการภาคพื้นดินและมหาสมุทร—คิดเท่าไรก็หาคำตอบไม่ได้ แต่ฝ่ายที่ยังยืนอยู่ได้แม้จะระโหยโรยแรง—ผู้บัญชาการเวหาและเงา—รู้คำตอบนั้นมาตั้งแต่ก่อนจะเริ่มการต่อสู้
“เหตุผล...” แฟนธอมเปิดปาก “...ก็เพราะพวกเจ้าไม่ได้สู้สุดกำลังน่ะสิ”
ความเงียบเข้าปกคลุม ทั้งสี่ไม่มีใครปริปากพูด จตุรเทพด้วยกันย่อมเข้าใจกัน แม้ในเวลาเช่นนี้คำกล่าวนั้นก็ยังใช้ได้
“...นั่นสินะ...ก็คงอย่างที่แฟนตี้พูดนั่นล่ะ...” เลเวียธานมั่นใจตัวเธอไม่ได้ออมมือแน่ๆ แต่เธอก็ตัดสินใจตามนั้น
ความหมายที่นอกจากทั้งสี่แล้วไม่มีใครสามารถเข้าใจได้
“...เพราะพวกข้าในใจลึกๆ ไม่ได้สนใจจะสู้เพื่อเจ้าก็อปปี้เอ็กซ์อะไรนั่นซักเท่าไหร่ล่ะสินะ...” จนกระทั่งเรปลิลอยด์เพลิงเปิดปากพล่อยๆ ออกมา
...
“แฟ็บนีล ทำบ้าอะไรของเจ้า?”
“ก็รู้ว่าโง่ แต่ไม่นึกว่าจะงี่เง่าถึงขั้นนี้นะแฟ็บบี้!”
“เรื่องแบบนี้ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดออกมา”
เรปลิลอยด์เพลิงงงที่จู่ๆ ก็ถูกสามสมาชิกที่เหลือของจตุรเทพรุมต่อว่า
“ถ้าปล่อยให้ผ่านๆ ไปก็จะได้อารมณ์ลึกลับอยู่แล้วแท้ๆ เชียว” ฮาลเปียถอนหายใจ
“พวกเราจะเท่เลยไม่เท่เลยเห็นมะ เพราะแฟ็บบี้นั่นแหละ!” เลเวียธานแหวลั่นทั้งที่เมื่อกี้ยังหมดแรงข้าวต้มอยู่เลย
“ปากเปราะไม่เคยปรับปรุงเลย” แฟนธอมตำหนิโดยไม่ขึ้นเสียงหรือเปลี่ยนสีหน้า
“พูดแค่นี้ก็ผิดเหรอเนี่ย!?”
ออซแลนด์
ลำแสงสีเหลืองยิงออกมาจากผลึกสีแดงที่ฝ่ามือของกรงเล็บสีขาวเป็นสายสั้นๆ หลายสาย แต่ทั้งหมดตรงไปที่เป้าหมายเดียวกัน นักรบสีฟ้าบนพื้น
โล่หินสังเคราะห์ขนาดใหญ่ความทนทานสูงปรากฏขึ้นตรงหน้านักรบสีฟ้า บังวิถีของลำแสงทุกสาย
ร่างที่หลบอยู่หลังโล่สุดแกร่งมีรอยแผลตามจุดต่างๆ แม้จะไม่ถึงขั้นร้ายแรง แต่เมื่อเทียบกับร่างบนฟ้าที่ไร้รอยข่วนแล้วก็นับว่าสถานการณ์เลวร้าย
‘อาวุธทุกชนิดที่เรามี...ทำอะไรบาร์เรียร์นั่นไม่ได้เลย...’ แม้แต่ [ดาร์คโฮลด์] ที่ได้ชื่อว่าสะกดทุกสรรพสิ่งโดยรอบก็ยังหยุดการทำงานของบาร์เรียร์นั่นไม่ได้ แม้ว่าร่างภายในจะหยุดนิ่ง แต่บาร์เรียร์ดูเหมือนจะกางเอาไว้ตลอดเวลา
เทวทูตผู้มีดวงตาสีแดงหัวเราะเยาะการกระทำอันเปล่าประโยชน์ของนักรบสีฟ้าเบื้องล่าง
“พลังของข้าบวกกับสิ่งที่เรียกว่าเวทย์มนต์ของโลกใบนี้ นี่ล่ะคือพลังอันไร้เทียมทานที่คู่ควรกับวีรบุรุษ!”
เอ็กซ์จ้องตอบกลับโดยปราศจากสัญญาณของความท้อถอย แต่สถานการณ์ตอนนี้นับว่าไร้ทางออกแล้ว
--
ความคิดเห็น