ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KHR : Tale of Love – Reminiscence of the Olden Times [1896]

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5 : ศึกเดือดวิถีลูกผู้ชาย และการปรากฏตัวของสัตว์ร้ายที่น่าสะพรึงกลัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 449
      4
      20 เม.ย. 55

    ที่หน้ากระท่อมไม้ขนาดกลางหลังซอมซ่อ ฮิบาริกับนางิยืนมองครอบครัวเด็กกำพร้าอันอบอุ่นล่ำลากัน
     
    “พี่คุซาคาเบะ! ฮือ!~” “พี่ชายมาด้วยกันสิ!~”
     
    เสียงร้องไห้ดังระงมขณะที่คุซาคาเบะยืนบอกลากับเด็กๆ บนเกวียนเทียมม้า
     
    “เสียงดังหนวกหูจริงๆ” ชายหนุ่มผมดำพึมพำเบาๆ แต่ดังพอจะทำให้เด็กสาวข้างตัวยิ้มแห้งๆ อย่างน้อยเขาก็เข้าใจความสำคัญพอจะไม่พูดออกมาดังๆ
     
    “ทุกคนเข้มแข็งเอาไว้ อย่าร้องไห้! ไปแล้วพวกนายต้องทำตัวดีๆ อย่างอแงนะ!”
     
    เกวียนเคลื่อนตัวออกไป ชายหนุ่มผมรีเจ้นท์และเด็กๆ โบกมือให้กันอย่างโศกเศร้า จนกระทั่งลับสายตาไป
     
    คุซาคาเบะทิ้งแขนลงข้างลำตัว รอยยิ้มแฝงไปด้วยความเศร้าและความโล่งใจ
     
    “ขอบคุณพวกคุณทั้งสองคนมาก เท่านี้ผมก็หมดห่วงเรื่องเด็กๆ แล้ว” เขาพูดโดยไม่หันหลังกลับไปมอง เพราะอายที่จะให้ทั้งสองคนเห็นตาที่แดงก่ำและปริ่มน้ำ
     
    “แล้วคุณล่ะคะ จะทำยังไงต่อ?” นางิถาม แน่นอนว่าชายหนุ่มผมรีเจ้นท์คนนี้อายุมากเกินคำว่า ‘เด็กกำพร้า’ แล้ว
     
    “ผมไม่มีความรู้แต่พอมีเรี่ยวมีแรงบ้าง คิดว่าคงจะหางานใช้กำลังทำเลี้ยงตัวเองเก็บเงิน แล้วซักวันนึงก็หวังว่าจะมีฐานะพอรับเด็กกำพร้าได้โดยไม่ต้องลำบากแบบนี้อีก” คุซาคาเบะตอบตามความจริง
     
    เด็กสาวยิ้มบางๆ อย่างอ่อนโยนกับความมุ่งมั่นของชายหนุ่ม แต่ก็อดสงสารไม่ได้ที่เขาจะต้องอยู่อย่างลำบากต่อไป
     
    “คงรู้สินะว่าบ้านฉันมีฐานะ” ฮิบาริเอ่ยตัดบรรยากาศขึ้นมาดื้อๆ
     
    “? ก็พอเดาได้ครับ” ชายหนุ่มผมรีเจ้นท์ทำหน้างงๆ “แต่แค่นี้ผมก็รู้สึกขอบคุณมากแล้วครับ มากกว่านี้ผมไม่อยากรบกวน”
     
    “ฐานะถึงขนาดมีองครักษ์ส่วนตัว” ฮิบาริไม่สนใจและพูดต่อไป “แต่ฉันยังไม่มี”
     
    ...หยุดทำการประมวลผลสามวินาที...
     
    “ม—หมายความว่า...?” คุซาคาเบะเข้าใจแต่ไม่กล้าพูดออกมา
     
    “ก็แค่เสนองานที่ต้องใช้แรงให้” ฮิบาริตอบแบบอ้อมๆ
     
    “ต—แต่ว่าคนอย่างผม—“
     
    “นายจะเหมาะสมหรือไม่ ตามมาเดี๋ยวก็รู้เอง”
     
    ว่าจบ เขากับเด็กสาวข้างตัวก็ออกเดินไปโดยไม่รอคำตอบ คุซาคาเบะไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่ตามไปเงียบๆ
     
    นางิที่ได้ฟังการประกาศแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของฮิบาริก็ตกใจนิดหน่อย แต่ไม่ประหลาดใจ เพราะเธอเห็นความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในความเย็นชาของเขามาตั้งนานแล้ว
     
    เป้าหมายของพวกเขาทั้งสามก็คือ คฤหาสน์ฮิบาริ
     
    --
     
    “ไม่ได้ ข้าไม่อนุญาต” ชายสูงวัยผู้เป็นหัวหน้าตระกูลฮิบาริเอ่ยเสียงแข็ง “จะให้คนไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาเป็นองครักษ์ของเจ้าได้ยังไง เคียวยะ”
     
    คุซาคาเบะซึ่งใจฝ่อตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาตอนนี้ตัวลีบลงเหลือเท่าเมล็ดข้าว
     
    แต่ฮิบาริไม่สะทกสะท้าน แน่นอนว่าเขาต้องคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว
     
    “ถ้าอย่างนั้น อาเคซากะมีหัวนอนปลายเท้าแบบไหนล่ะ?” เขาถามกลับนิ่มๆ ทำให้ได้สายตาจากองครักษ์หนุ่มที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ นาย
     
    โกซาบุโร่มีท่าทีกระอักกระอ่วนขึ้นมาแม้จะไม่ชัดเจนมาก
     
    “...ก็ได้ ข้าจะให้โอกาสชายคนนี้ แต่ข้าขอทดสอบความสามารถซะก่อน”
     
    ชายหนุ่มผมรีเจ้นท์กับเด็กสาวมีสีหน้าประหลาดใจ แต่ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เจรจานั้นไม่สะทกสะท้าน
     
    “ถ้าหากมีความสามารถพอข้าก็จะยอมอนุญาต จะต้องประมือกับอาเคซากะและยืนหยัดอยู่ได้อย่างน้อยห้านาที เตรียมตัวเสร็จแล้วให้ไปที่สวนข้างๆ นี่ แต่อย่านานนักล่ะ”
     
    โกซาบุโร่และองครักษ์เดินออกจากห้องไป คุซาคาเบะรู้สึกกังวลไม่น้อยจึงขอคำแนะนำจากฮิบาริ
     
    “เอ่อ...คนที่ชื่ออาเคซากะเนี่ย เก่งมากมั้ยครับ?”
     
    “เหนือกว่าฉันมาก” ชายหนุ่มตอบอย่างใจเย็นราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ซึ่งผิดกับคาแร็คเตอร์ของเจ้าตัวมากจนน่าสงสัย
     
    “ง—งั้นก็แย่น่ะสิครับ...” เพราะเขาแพ้ชายหนุ่มผมดำในพริบตา
     
    “ไม่ต้องกังวลไปหรอก ทำตามที่ฉันบอกก็พอ” ฮิบาริไม่แสดงท่าทีเป็นห่วงแม้แต่น้อย เพราะเขาเตรียมการมาดีแล้ว
     
    --
     
    ที่สวนกว้างในคฤหาสน์ฮิบาริ ชายหนุ่มสองคนยืนประจันหน้ากันในการดวลหนึ่งต่อหนึ่ง
     
    จากระเบียงทางเดินข้างสวน ชายสูงวัยทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินให้สัญญาณเริ่มการทดสอบ
     
    “เริ่มได้!”
     
    คุซาคาเบะวิ่งบุกเข้าไปหาอีกฝ่ายที่ยืนนิ่งอย่างไร้ดาบและท่วงท่า
     
    วืด!
     
    หมัดของเขาถูกหลบได้ ไม่ใช่แค่นั้น อีกฝ่ายยังจับแขนที่ชกออกไปและทุ่มเขาลงกับพื้นดังตุ้บ
     
    นางิหายใจเฮือกด้วยความตกใจ เธออาจจะเป็นคนที่ตื่นเต้นและลุ้นที่สุดในที่นี้แล้วก็ได้ ยิ่งกว่านายของเธอที่นั่งคุกเข่ามองดูอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีสงบ
     
    ยอดชายแห่งปี(?)ไม่จอดง่ายๆ ลุกขึ้นมาด้วยท่าทางแสดงอาการเจ็บเพียงน้อยนิด ก่อนจะบุกเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้ชกสั้นๆ ไม่ยอมให้ถูกจับทุ่มเหมือนครั้งแรก
     
    อาเคซากะหลบหลีกอย่างคล่องแคล่วและง่ายดายราวกับไม่ได้พยายามเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นจังหวะจึงปล่อยมัดสวนเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายจนจุก
     
    คุซาคาเบะเจ็บจนต้องหยุดชะงักไป เป็นโอกาสให้อีกฝ่ายแทรกตัวเข้ามา และทุ่มเขาลงกับพื้นอีกครั้งดังตุ้บ ตามด้วยเสียงหายใจเฮือกจากที่นั่งคนดู
     
    ถึงจะลุกขึ้นมาได้แต่ก็โซซัดโซเซเต็มที นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้าย ชายหนุ่มผมรีเจ้นท์โถมตัวเข้าใส่อีกฝ่าย สองแขนโอบเข้าจะจับตัวอีกฝ่ายเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล
     
    ด้วยแรงที่เหนือกว่า สองมือขององครักษ์ยันแขนทั้งสองข้างเอาไว้พร้อมกับใช้เข่ากระทุ้งที่ท้องของอีกฝ่ายอย่างรุนแรงจนกระเด็นล้มลงไปนอนจุกอยู่กับพื้น ลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
     
    นางิลนลานหันไปมองทางผู้ตัดสินด้วยความร้อนใจ
     
    โกซาบุโร่ยกนาฬิกาพกเรือนทองขึ้นตรงหน้าและเอ่ยออกมาช้าๆ
     
    “...สามนาที...”
     
    ใจของเด็กสาวตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะเวลาในเงื่อนไขคือห้านาที
     
    “...ทว่า การจะให้ดวลตัวต่อตัวกับอาเคซากะที่มีฝีมือสูงที่สุดในคฤหาสน์หลังนี้ถึงห้านทีนั้นอาจจะเกินไปหน่อย และถ้าหากเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีความสามารถอะไรก็คงจะจบไปตั้งแต่ทีแรก ฉะนั้น...”
     
    นางิตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ เช่นเดียวกันกับชายหนุ่มผมรีเจ้นท์ที่ลุกขึ้นนั่งกับพื้น
     
    “ข้าขอยอมรับในพลังกายที่เหนือคนธรรมดาของเจ้า ขอให้เจ้าทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ต่อตระกูลฮิบาริล่ะ”
     
    --
     
    “ดีใจด้วยนะคะ คุณคุซาคาเบะ! ^ ^” เด็กสาวพูดกับชายหนุ่มผมรีเจ้นท์หลังจากที่ทั้งสามกลับสู่ห้องแล้ว
     
    “ขอบคุณครับ แล้วก็คุณฮิบาริ ผมทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง ถึงจะเป็นคำสั่งที่แปลกซักหน่อย แต่เพราะเป็นคุณผมถึงเชื่อ” คุซาคาเบะเอ่ยกับผู้เป็นนาย
     
    “ทำตามคำสั่งของฉันโดยไม่ตั้งข้อสงสัยใดๆ ทำได้ดีมาก” ฮิบาริเอ่ยชม แม้จะด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่ก็เป็นคำชมแท้ๆ ที่ทำให้อีกฝ่ายเป็นปลื้ม
     
    “แต่นายเลิกเรียกฉันด้วยนามสกุลซะ ที่นี่มี ‘ฮิบาริ’ หลายคน”
     
    “งั้นจะให้ผมเรียกว่าอะไรดีครับ?”
     
    “ฉันตัดสินใจเอาไว้แล้ว ต่อไปนี้ นายจะต้องเรียกฉันว่า ‘ประธาน’ ” ฮิบาริตัดสินใจเด็ดขาด...หา?
     
    “เข้าใจแล้วครับ! ประธาน!” คุซาคาเบะตอบรับอย่างเชื่อฟัง...เฮ่ย?
     
    “ฉันไว้วางใจหน้าที่นี้กับนายนะ ‘รองประธาน’ ” ประธานฯหนุ่มพูด...
     
    “วางใจได้เลยครับประธาน! ผมจะปกป้องคุณด้วยชีวิต!” รองประธานฯเอ่ยอย่างมีสปิริต...เอ่อ คือว่า...
     
    ‘...พวกเขาพูดเรื่องอะไรกัน ‘ประธาน’ กับ ‘รองประธาน’ คืออะไรเหรอ?’ ...นั่นแหละที่คนเขียนพยายามจะบอกล่ะ นางิ...ยังงี้มันทำลายกำแพงมิติที่สี่แล้ว...
     
    ขณะที่ทั้งสามกำลังชื่นชมกับความสำเร็จอย่างข้ามเรื่องข้ามราวอยู่นั้น ทางประตูที่เชื่อมต่อกับสวนภายนอกซึ่งเปิดรับลมเอาไว้ ไม่มีใครรู้สึกตัวเลยว่าอะไรบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา มันทั้งดุร้ายและน่าสะพรึงกลัว ชายหนุ่มผมดำเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นแต่ก็สายไป ด้วยปีกที่ตัดผ่านได้แม้เวหาและสายลม มันลอยอยู่ตรงหน้าเขาในระยะเพียงไม่กี่เซนฯ
     
    ...ก้อนขนสีเหลือง...ไม่ใช่สิ มันเป็นนกขมิ้นสีเหลืองอ่อนตัวกลมขนปุยที่มีจะงอยปากแบนสีส้มและตาสองจุด...น่าสะพรึงกลัวเป็นที่สุด...
     
    “อ๊ะ! เจ้านี่...” คุซาคาเบะทำท่าประหลาดใจ
     
    “นกของคุณเหรอคะ?” นางิถามพร้อมทั้งยื่นมือเข้าไปหานกน้อยที่ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว
     
    “เปล่าหรอกครับ แต่บางทีมันก็มาเกาะอยู่ข้างหน้าต่างที่บ้านเด็กกำพร้าจนพวกเราคุ้นเคยกับมัน”
     
    ฮิบาริจ้องมองขณะที่นกเหลืองขนปุยร่อนลงเกาะที่ไหล่ขวาของเขาพร้อมกับส่งเสียงร้อง
     
    “ฮิบาริ! ฮิบาริ!”
     
    ทั้งสามต่างก็ตกใจกันยกใหญ่ แต่เจ้าของชื่อไม่แสดงออกมากเนื่องจากอิมเมจมันค้ำคอ
     
    “นกตัวนี้รู้ชิ่อท่านเคียวยะด้วย!” นางิเอ่ยด้วยความทึ่ง อาจเป็นเพราะสายสัมพันธ์ที่มีต่อกันระหว่างสัตว์เลี้ยงกับเจ้านายถึงขนาดข้ามมิติกันทีเดียว
     
    ในระหว่างที่กำลังตกอกตกใจกันอยู่ นกน้อยก็เริ่มร้องเพลงอันโด่งดัง
     
    “เขียวขจี~ นามิโมริ~...”
     
    ...
     
    .....
     
    (R:...ฉันผิดเองสินะที่คิดว่าจะเอานกมาเข้าบทโดยไม่มีปัญหาได้ แล้วไอ้คนฝึกนกที่มันพล่ามรับประกัน 100% มันไปไหนแล้วฟะ?] DX:ไม่รู้ดิ มัน ‘คุฟุฟุ’ ทีนึงแล้วก็หายหัวไปเลย] R:...)
     
    .....
     
    ...
     
    “หืม นกนี่น่าสนใจ ต่อไปนี้นายชื่อว่า ‘ฮิเบิร์ด’ ก็แล้วกัน”
     
    ในคืนนั้นที่ทุกคนหลับใหลกันจนหมด ฮิบารินั่งอยู่ที่ระเบียงทางเดินติดสวนคนเดียว ดื่มด่ำบรรยากาศอันแสนสงบยามค่ำคืน
     
    ‘มีตัวละครเพิ่มขึ้นมาแบบไม่คาดคิดหนึ่งคน...กับอีกหนึ่งตัว...ถ้าเป็นแบบนี้ คงอีกไม่นาน...’
     
    --
     
    แนะนำตัวละคร
     
     
     
    ฮิเบิร์ด
    เผ่าพันธุ์ : มนุ—เอ๊ย! นกขมิ้น! (พิมพ์เพลิน)
    เพศ : ตัวเหลืองขนปุย(?)
    อายุ : นกน้อยตาใสแป๋ว(?)
    ส่วนสูง : กระจิริดน่ารัก(?)
    น้ำหนัก : ทั้งเบาทั้งนุ่ม(?)
    ชอบ : ฮิบาริ, ร้องเพลง, สถานที่อบอุ่นปลอดภัยน่าเกาะ
    เกลียด : สิ่งที่เป็นอันตราย, สถานที่ไม่น่าเกาะ
     
    ข้อมูล : อดีตเป็นนกของนักโทษคุกวินดีเช่ที่เป็นตาลุงโรคจิตชื่อเบิร์ส หลังจากนั้นก็ถูกฮิบาริฝึกให้เรียกเชื่องเรียกชื่อและร้องเพลงโรงเรียนนามิโมริได้ เจ้าของปัจจุบันคือฮิบาริ เคียวยะ ประธานกรรมการรักษาระเบียบของโรงเรียนนามิโมริ...
     
    ...ก็นกมันไม่ทำตามบทง่ะ ประวัติก็ใช้ของเดิมไปละกัน จบข่าว!
     
    --
     
    (นี่อาจจะเป็นสวรรค์?)
     
      
    R:”ฮะๆๆ ฮิเบิร์ดเต็มไปหมดเลย~"
     
    DX:..."
     
    R:”ฮะๆๆๆ!"
     
    DX:”..."
     
    (อะไรหว่า?)
     
    R:”ในที่สุด...ก็ลงโค้ดแบคกราวด์เป็นแล้ว ฟิคเรามีฟีลออฟฟิลด์ในที่สุด T^T!”
     
    DX:”...ที่จริงหาง่ายจะตาย ที่ผ่านมาก็แค่ขี้เกียจเท่านั้นล่ะว้า..."
     
    --

    *ชิบเป๋ง! โพสต์ทีแรกใส่โค้ดตกแต่งผิด!*
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×