คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 16: ประกาศสงคราม
นักเดินทางหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเดินอยู่บนถนนดินที่ตัดผ่านป่าทึบ ได้ยินเสียงนกร้องจากยอดไม้ทั้งสองฝั่ง เป็นธรรมดาของยามเช้าที่อากาศอบอุ่น
เขาหยุดยืนที่สุดเขตป่า เลยจากนี้ไปเป็นผืนหญ้าเขียวขจี จากจุดที่เขาอยู่มองลงเนินไปด้านล่างเห็นเมืองตั้งอยู่กลางทุ่งหญ้ามีต้นไม้แซมเป็นหย่อมๆ เลยเมืองไปเป็นเทือกเขายาว ที่นาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทอง หลักฐานว่าฤดูเก็บเกี่ยวใกล้จะมาถึง
“ที่นี่ ตาร์บสินะ” เขาจำได้ว่าเคยมาที่นี่เมื่อแปดปีก่อน สมัยที่ยังวนเวียนอยู่ในทริสเทนแรกๆ ที่ออกเดินทาง และเป็นที่ที่คณะล่าสมบัติบอกว่าจะมา แต่เขาก็เดินๆ หยุดๆ มาสี่วันแล้ว ทางนั้นมีมังกร ป่านนี้มาถึงและกลับไปที่โรงเรียนแล้ว สมบัติก็คงจะปิ๋วอีกนั่นล่ะ
พูดถึงสมบัติ ตอนนี้เงินเขาแทบไม่เหลือแล้ว พักโรงเตี๊ยมราคาถูกได้อีกแค่คืนเดียวเป็นอย่างมาก...เพราะโดนเบี้ยวค่าจ้างปราบออร์คไปนั่นล่ะ อย่างน้อยก็ได้ไซเบอร์เอลฟ์กลับมา
เอ็กซ์เดินลงไปที่เมือง ทหารสองคนที่หน้าทางเข้าเมืองหันมา เขาส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
‘...หา?...’
เอ็กซ์หุบยิ้มแทบไม่ทัน ทหารสองคนเข้ามาคุมตัวเขาซึ่งได้แต่เดินตามไปแบบงงๆ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้น
...
เอ็กซ์ถูกพามาที่ตึกหลังที่โอ่อ่ากว่าตึกไหนๆ ในเมือง คฤหาสน์ของเจ้าเมืองตาร์บ
ทหารสองคนที่ประจำหน้าทางเข้าเดินเข้ามาค้นตัวเขา ขณะที่ทหารสองคนแรกยืนคุมเชิง ดาบสั้นที่เอวเขาถูกยึดไป
“...ขยะเพียบเลย” ทหารที่ค้นตัวคอมเมนต์ของจิปาถะที่ค้นเจอ เปลือกหอยสังข์สีฟ้า กระดิ่งสีเขียวอ่อนติดด้ายสองลูก ก้อนแม็กมาที่แข็งตัวแล้ว ลูกแอปเปิลทำจากทองเหลือง ผลึกสีม่วงอ่อนที่หุ้มดอกไม้กระดาษสีน้ำเงินไว้ข้างใน ฯลฯ
“ของสะสมระหว่างการเดินทางน่ะ” เอ็กซ์ตอบตามความจริง
ทหารสองคนพาเอ็กซ์เข้าไปในเขตคฤหาสน์ แต่ไม่ได้เข้าไปในตัวอาคาร ต้องรออยู่ด้านหน้า ครู่หนึ่งประตูก็เปิดขึ้น
เอ็กซ์ถูกทหารดันให้คุกเข่าลง เขาเงยหน้าขึ้นมองดูชายวัยกลางคนสวมชุดหรูหราแบบขุนนางยืนมองเขาด้วยอาการสงบ
“เจ้าเป็นใคร มาจากไหน”
“กระผมเป็นนักเดินทางมาจากทริสทาเนีย เพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี้เองขอรับ” เอ็กซ์ยังไม่รู้เหตุผลที่ตัวเองถูกจับมาจึงตอบตามน้ำไปก่อน
“มีธุระอะไรที่เมืองนี้?” คำถามนี้ตอบยาก จะให้เล่าเรื่องไซเบอร์เอลฟ์ให้ฟังก็คงไม่ได้
“กระผมมาตามหา<ของ>บางอย่างขอรับ” เขารู้ว่ามันน่าสงสัย แต่ตอบได้มากที่สุดก็เท่านี้
“ของที่ว่า ถ้าเป็นอาภรณ์ของมังกรล่ะก็ ชนชั้นสูงจากโรงเรียนทริสเทนนำกลับไปแล้ว”
อาภรณ์ของมังกร? ชื่อสมบัติที่แผนที่บอกว่าอยู่ที่ตาร์บ มีอยู่จริงหรือนี่? แล้วยังเอากลับไปได้?
“ไม่ใช่อาภรณ์ของมังกรหรอกขอรับ แต่ว่าอาจจะเป็น...สิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตที่มีพลังประหลาด หรือเหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้นที่นี่ มีบ้างหรือเปล่าขอรับ?”
“เจ้ามาแค่นั้นแน่รึ?” เจ้าเมืองตาร์บเพิ่มแรงกดดันขึ้น
“ด้วยความบริสุทธิ์ใจครับ” เอ็กซ์แสดงสีหน้าให้เห็นว่าเขาจริงจังไม่แพ้กัน
เจ้าเมืองเงียบไปครู่หนึ่ง จึงส่งสัญญาณให้ทหารสองคนปล่อยตัวเอ็กซ์ เด็กหนุ่มยังคุกเข่าอยู่กับพื้น รอฟังเรื่องที่เจ้าเมืองจะพูดต่อ
“ข้าขออภัยที่ทำเหมือนกับเจ้าเป็นคนร้าย แต่สามวันมานี้ข้าวในนาจำนวนหนึ่งถูกเหยียบย่ำทำลายโดย<ปีศาจ>ตัวหนึ่ง ข้าจำเป็นต้องระแวดระวังคนนอก”
“ปีศาจหรือขอรับ?”
“ถูกต้อง เจ้ามาตามหาสิ่งที่มีพลังประหลาดใช่ไหมล่ะ ข้ากำลังเตรียมการสำหรับปฏิบัติการรับมือเจ้าปีศาจนี่อยู่ ถ้าอยากจะมาร่วมด้วยล่ะก็ข้าจะแจ้งนายกองให้”
...
เอ็กซ์เดินออกมาจากคฤหาสน์ ดาบสั้นที่ถูกยึดไปได้คืนมาเหน็บไว้ที่เอวซ้ายเหมือนเดิม
เขาตอบรับคำชวนของผู้ปกครองตาร์บไปแล้ว และตอนนี้ก็กำลังครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ของไซเบอร์เอลฟ์
‘มาเธอร์เอลฟ์บอกว่านับแต่จับสัมผัสได้ครั้งแรก ก็จับไม่ได้อีก แต่ตำแหน่งคือที่นี่ไม่ผิดแน่ เหมือนกับกรณีไวส์เคานต์วาลด์เลย มันยังไงกันแน่นะ...’
เดี๋ยวก็จับสัญญาณได้ เดี๋ยวก็จับไม่ได้ เอ็กซ์ตามจับไซเบอร์เอลฟ์มาก็มาก ไม่เคยพบกรณีนี้มาก่อน หรือว่าบางทีส่วนที่เขาหาไม่พบอาจจะถูกซ่อนไว้อย่างนี้มาตลอด ถ้าเป็นแบบนั้นส่วนน้อยที่เหลืออยู่อาจต้องลงแรงหามากกว่าส่วนใหญ่ที่หาพบไปแล้วก็ได้
...
คืนนั้นเอ็กซ์เข้าพักที่โรงเตี๊ยมในเมือง เจ้าของโรงแรมเมื่อได้ยินว่าเขาจะช่วยจับปีศาจด้วยก็ไม่คิดเงิน ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของเขามากขึ้น
ห้องพักก็ไม่มีอะไรมาก เตียงหนึ่งตัวกับโต๊ะกลมแล้วก็โคมไฟ ค่อนข้างสะอาดผิดกับราคา อาจจะสมกับอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่ไม่ได้มีแขกมาทำห้องรกบ่อยๆ
เขาปลดเข็มขัดกระเป๋าหนังออก วางมันลงบนโต๊ะกลมข้างๆ โดยไม่แก้เชือกป่านที่ผูกปลอกดาบไว้ จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมผ้าแขนกุดสีขาวเงินตัวนอกวางรวมกันบนโต๊ะข้างเข็มขัด อาร์มการ์ดและปลอกแขนหนังวางทับไว้ด้านบน รองเท้าบูทหนังปลดสายรัดวางไว้ที่พื้นปลายเตียง ถุงเท้ายาวสีดำพาดไว้บนขารองเท้า บนตัวเขาเหลือแต่เสื้อแขนสั้นสีน้ำตาลเข้มและกางเกงชั้นในสีเดียวกัน(ไม่ ไม่ใช่กกน.) เสื้อแขนสั้นแต่ชายเสื้อยาวถึงต้นขา(Tunic) ปิดกางเกงชั้นในซึ่งขาค่อนข้างสั้นจนเกือบมิด(Braies อันที่จริงแล้วต้องขายาวเอาเรื่อง) ถ้าถูกคนยุคเทคโนโลยีเห็นตอนยืนตัวตรงเข้าอาจถูกเข้าใจผิดว่าช่วงล่างเขาไม่ได้สวมอะไรก็ได้
เสื้อตัวในของเขามีตัวเดียว ทำด้วยผ้าลินิน ซึ่งถือเป็นวัสดุที่หาได้ทั่วไปและใช้กันแพร่หลายทั้งในหมู่สามัญชนและชนชั่นสูง โดยมากจะใช้ทออาภรณ์ชั้นใน เช่นเสื้อและกางเกงที่เขาสวมอยู่นี้ อันที่จริงแล้วนอกจากสองอย่างนี้ เครื่องแต่งกายชิ้นอื่นเช่นเสื้อคลุมตัวนอกของเขาที่ทออย่างประณีตและมีลวดลายนั้นนับว่าแพงเอาเรื่อง เขาจึงต้องรักษาเป็นอย่างดี
เรื่องประวัติศาสตร์วิชาการพอไว้แค่นี้ ที่เขานึกถึงเสื้อตัวในก็เพราะว่าบริเวณท้องของมันถูกย่างเกรียมจากสายฟ้าของไวส์เคานต์วาลด์ และแม้ว่าผ้าลินินจะไม่ได้ราคาแพง แต่เงินของเขาก็ไม่ได้เหลือเหมือนกัน...
อย่างที่เคยบอก เงินของเขาหมดไปกับดาบราคา 250 เอคิว เงินจำนวนนี้เขาเก็บเป็นปี ถ้าไม่ใช่เพราะงานทหารรับจ้างในบางโอกาสล่ะก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เขาคงสวมเสื้อโทรมๆ กับใช้ดาบตีหยาบๆ ราคาแค่ 10 เอคิวเสียภาพพจน์ตัวเอกหมดแล้ว
ยังดีที่เสื้อตัวนอกรอดมาได้โดยมีแค่รอยดำจางๆ เพราะลงอาคมเอาไว้ให้เนื้อผ้าทนทานกว่าปกติหลายเท่า เป็นหนึ่งในของชิ้นสำคัญที่เป็นความทรงจำของผู้คนที่เขาได้พบในระหว่างการเดินทาง นอกจากเสื้อแล้วก็ยังมีอีกหลายชิ้น เช่นรองเท้าบูทหนังสีน้ำตาลนี้หรือว่าอาร์มการ์ดเหล็กที่แขนซ้าย ต่างก็มีประวัติต่างกันไป
ก็ถ้าคิดกันตามความเป็นจริงแล้ว เขาจะไปมีปัญญาซื้ออุปกรณ์ครบชุดอย่างที่มีตอนนี้ได้อย่างไร มูลค่าของมันรวมกันมากกว่าเงินเก็บทั้งชีวิตของครอบครัวชาวนาเสียอีก
(โลกนี้ชีวิตทรหดกว่าที่กิกันทิสจมเลย...บอกแล้วให้ทำเหมือนฉัน เป็นข—)
“ปฏิเสธ”
เอ็กซ์ฟังจนเซ็งและปฏิเสธจนอานแล้ว เพื่อนของเขาคนนี้ดูจะอยากให้เขาเดินทางสายเดียวกับเธอซะเหลือเกิน(ต้องยอมรับว่าในสถานการณ์นี้ การปฏิเสธของเขาขาดความหนักแน่นไปมาก)
เอ็กซ์เดินไปที่ข้างหน้าต่าง จากห้องที่เขาอยู่มองออกไปเห็นทุ่งนาที่ชาวเมืองใช้เพาะปลูกอยู่ไกลออกไปนอกเมืองราว 600 เมตร เป็นแหล่งเศรษฐกิจหลักของเมืองในยุคสมัยนี้ ถ้าเกิดความเสียหายก็ต้องเป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว
‘จะเกี่ยวกับไซเบอร์เอลฟ์มั้ยนะ...ปีศาจนี่น่ะ’ เป็นธรรมดาที่ไซเบอร์เอลฟ์จะก่อความผิดปกติกับโลกใบนี้ซึ่งไม่มีวิทยาการขั้นสูงใดๆ ยิ่งมีพลังเวทมนตร์ให้เป็นพลังงานแบบไม่มีวันหมดยิ่งแล้วใหญ่
‘ถึงพรุ่งนี้ก็คงจะได้รู้’
เอ็กซ์รีบเข้านอน เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกในวันรุ่งขึ้น
...
.....
“เจ้าปีศาจจะออกมาจากป่าทางเหนือและเข้ามากัดกินเหยียบย่ำทำลายนาที่ปลูกไว้” นายกองทหารพาเอ็กซ์เดินดูการเตรียมการรับมือ<ปีศาจ>
สถานที่ที่ทั้งหมดเดินลัดเลาะอยู่นี้เป็นทุ่งนากว้างที่ถูกล้อมด้วยรั้วไม้และเสาแหลมแบบที่ใช้กีดขวางข้าศึกในสงคราม
“เราจะต้อนให้มันเข้ามาทางที่เปิดเตรียมไว้ ตรงนั้นมันจะติดกับดักที่เราวางเอาไว้”
เอ็กซ์มองไปที่<ทางเข้า>ซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างรั้วเสาแหลมขนาดรถม้าผ่านได้ บนพื้นเป็นหญ้าแห้งปูเอาไว้ มองเห็นเด่นจากพื้นดินเปล่าๆ รอบข้าง กับดักแบบที่ใช้กันทั่วไป ขุดหลุมลึกสามเมตร วางกิ่งไม้เปราะบางคลุมปากหลุมแล้วพรางด้วยหญ้าและกิ่งไม้ ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดหน่อยก็จะมองเห็นได้ไม่ยาก แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่มีสติปัญญาพอเป็นกับดักที่มีประสิทธิภาพพอสมควร
“ในหลุมมีน้ำสูงถึงคอ จากนั้นเราก็จะเอาก้อนหินทุ่มใส่มันจากด้านบนจนกว่ามันจะตาย” นายกองอธิบายแผนการรบถึงขั้นสุดท้าย
“ไม่ได้หวังว่าจะช่วยอะไรได้อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็อย่ามาเกะกะพวกเราก็พอ”
นายกองเดินกลับไปประจำตำแหน่งของตัวเองที่แนวหลัง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ไว้ใจเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเลยแม้แต่น้อย เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไว้ใจคนนอก โดยเฉพาะในปฏิบัติการสำคัญ
“เตรียมการกันขนาดนี้ สู้กับอะไรกันนะ...”
เอ็กซ์เพิ่งจะรู้สึกตัวในเวลานั้น ว่าเขายังไม่รู้เลยว่าปีศาจที่ว่านี่มันคือตัวอะไร เขาเข้าไปถามทหารใกล้ๆ พร้อมกับข้อสันนิษฐานมากมาย
‘กลางทุ่งหญ้าแบบนี้ ออร์ธัสเหรอ? พวกออร์ค? โทรลล์บางทีก็ผ่านมา ไม่แน่ว่าจะถึงขั้นมังกรบก หรือจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดมากจนไม่มีใครรู้จัก?”
“กวางน่ะ”
“อ๋อ กวา—”
คำตอบราวกับมันธรรมดาเหลือแสนถึงกับทำให้เอ็กซ์แน่นิ่งไปหนึ่งวินาทีเต็ม
“คงไม่ใช่กวางเฉยๆ สินะ?” เอ็กซ์ถามคำถามที่เขารู้คำตอบอยู่แล้ว แต่อยากจะฟังด้วยหูตัวเองเพื่อเรียกศรัทธาในสามัญสำนึกกลับคืนมา
“เป็นกวางที่มีไฟอยู่รอบตัว แล้วก็แข็งแรงกว่ากวางทั่วไป”
ข้อมูลน้อยมาก ยิ่งฟังก็ยิ่งงง เอ็กซ์จึงขอตัวแค่นั้น
‘กวางที่มีไฟ? มีสัตว์มนตราแบบนั้นด้วยเหรอ? ก็คิดได้แต่ว่ามันมีวัตถุที่มีไซเบอร์เอลฟ์สถิตอยู่ติดตัว หรือไม่ก็มีไซเบอร์เอลฟ์อยู่ใกล้แหล่งที่อยู่อาศัยเท่านั้น’
พอถามว่ามันจะมาเมื่อไหร่ ก็ได้รับคำตอบว่าประมาณสายๆ
(มีแต่ต้องรอสินะ จะทำอะไรในระหว่างนั้นล่ะ?)
“ระหว่างรอ ก็รอ”
(...เป็นผู้ชายที่น่าเบื่อผิดคาดนะเอ็กซ์เนี่ย)
“ถ้าน่าเบื่อล่ะก็จะส่งกลับไซเบอร์—”
(ปฏิเสธ)
“...”
เอ็กซ์ถอยไปรอที่ริมหมู่บ้านซึ่งอยู่สูงกว่าที่นาเพื่อเพิ่มให้สายตามองได้ทั่วถึง
“จะออกมาจากป่าทางนั้นล่ะสินะ”
เอ็กซ์ยืนรออย่างใจเย็น สายตาสอดส่ายหาจุดผิดสังเกต(เช่นกวางเป็นต้น)
“เอ่อ...”
เสียงเรียกเขาจากด้านหลัง เอ็กซ์หันกลับไป พบกับเมดสาวที่อยู่กับพวกไซโตะ เว้นแต่ว่าเธอไม่ได้สวมชุดเมด
“...เซียสต้าสินะ เมดที่โรงเรียนทริสเทน”
“เพื่อนของคุณไซโตะ เอ่อ...”
“ซาวิเยร์”
“ค่ะ คุณซาวิเยร์”
เอ็กซ์รู้สึกแปลกๆ ที่มีคนพูดสุภาพด้วย เพราะส่วนใหญ่ของการเดินทางเขาจะพบแต่การพูดคุยแบบสามัญชน ถ้าไม่ใช่คนบริการหรือร้านค้าแล้วจะหาภาษาสุภาพแทบไม่ได้เลย
พอถามก็ได้คำตอบว่าเธอชินจากการทำงานเป็นเมดที่โรงเรียน เขาก็ไม่คิดจะขัดขวางอะไร แต่เขาก็ขอพูดตามถนัด
หลังจากทำแนะนำตัวพอเป็นพิธีก็มีการทำความรู้จักกันเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าตาร์บจะเป็นบ้านเกิดของเธอและเป็นที่ที่พ่อแม่กับน้องๆ ของเธออาศัยอยู่ เพราะงานอภิเษกขององค์หญิงใกล้เข้ามา โรงเรียนจึงปิดและพนักงานได้พัก เธอก็กลับมาช่วยงานที่บ้าน
ส่วนพวกไซโตะใช้เส้นของกีชสายจ้างหน่วยอัศวินมังกรขนอาภรณ์ของมังกรกลับโรงเรียนไปด้วย ดูหมือนว่าใครที่เป็นนักเรียนจะถูกโรงเรียนเรียกกลับไปรับโทษที่โดดเรียนด้วย เอ็กซ์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ กับเรื่องนั้น
ทางด้านเอ็กซ์เล่าเพียงว่าตัวเองออกเดินทางไปทั่วฮาลเคกิเนียตอนอายุ 14 ผ่านไป 9 ปีก็อายุ 19 แล้ว และทำให้สาวใช้งงนิดๆ แต่เธอเป็นประเภทที่ไม่ติดใจอะไรมาก(อาจจะเอ๋อนิดๆ) ไม่ได้ลงรายละเอียดนอกเหนือจากนั้น
พอถูกถามว่าเขาเกิดที่ไหน เอ็กซ์ก็ยิ้มแล้วตอบว่าเป็นที่ที่ไกลจากฮาลเคกิเนียมาก ตอนนั้นเขาจึงได้รู้ว่าไซโตะบอกใครต่อใครว่าเขาเกิดที่<อรุบาอัลคาลิ> ประเทศทางตะวันออกผ่านอาณาจักรของเอลฟ์ไปอีก แน่นอนว่าเขาต้องปฏิเสธทันทีว่าไม่ได้เกิดที่เดียวกับไซโตะ เพราะนั่นหมายความว่าเขาได้เดินทางผ่านอาณาจักรของเอลฟ์มาได้โดยสวัสดิภาพ ถ้าเรื่องแบบนี้แพร่ออกไป เขายุ่งแน่
แล้วในที่สุดประเด็นสนทนาก็มาถึงปฏิบัติการที่ทุ่งนา
“ถ้าสำเร็จก็ดีสินะคะ ไม่อย่างนั้นท่านเจ้าของที่ไม่ยอมให้ลงไปใกล้เลยน่ะค่ะ”
“วางกำลังกันขนาดนี้ไม่น่าล้มเหลวนะ ฉันก็จะช่วยด้วยอีกแรง วางใจได้”
“ฉันเห็นแล้วล่ะค่ะ ตอนที่สู้กับออร์คน่ะคุณเก่งมากเลยล่ะค่ะ”
“แต่น้อยกว่าไซโตะอยู่หน่อยสินะ”
เอ็กซ์ยิ้มหยอกขณะที่แก้มของเซียสต้าเริ่มเป็นสีชมพูนิดๆ
“ว่าไปแล้ว อีกสี่วันเป็นงานอภิเษกขององค์หญิงอังริเอตต้า ในเมืองก็ฉลองกันใหญ่โต แต่บ้านนอกแบบนี้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยล่ะค่ะ อาจจะเพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัวก็ได้ล่ะมั้งคะ?”
เซียสต้าเพียงแค่พูดขึ้นลอยๆ โดยไม่ได้คิดอะไร เอ็กซ์เงียบ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
...
ดวงอาทิตย์สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า อีกไม่นานก็จะเที่ยงวันแล้ว ทหารยังคงประจำการอยู่ที่ตำแหน่งเดิมอย่างไม่ลัวแสงแดด
“หือ? นั่นอะไรน่ะ?”
“ไหน?”
ทหารคนหนึ่งชี้ให้เพื่อนดูสิ่งที่ปรากฏตัวขึ้นที่ชายป่า
“กวาง?”
“ใช่ กวาง”
...
“กวาง!”
เสียงหัวหน้าทหารสั่งประจำที่ ทหารแต่ละนายจับหอกมั่นด้วยใบหน้าตึงเครียดราวกับออกศึกสงคราม ต่อหน้าพวกเขาคือ...กวางหนึ่งตัวที่กำลังเดินฉุยฉายเข้ามา
‘เจ้านั่นเหรอ?’
เอ็กซ์เรียกใช้ไซเบอร์วิชั่นและมองไปที่กวางทันที
‘ไม่...แค่กวางธรรมดา’
เป็นเพียงเส้นร่างสีขาว ไม่มีแม้แต่แสงจางๆ
ก่อนที่เอ็กซ์จะได้ด่วนตัดสินใจไปมากกว่านั้น กวางก็เข้าปะทะกับแนวทหาร
และในตอนนั้นเองที่เขาของมันลุกเป็นไฟ
เอ็กซ์จ้องตาไม่กะพริบขณะที่ทหารถูกกวางขวิดกระเด็นทั้งซ้ายขวา
เมื่อเขาหลุดจากอาการช็อกได้ก็รีบเรียกใช้ไซเบอร์วิชั่น คราวนี้เขาเห็นชัดเจน ดวงแสงสีแดงที่ตัวกวางซึ่งเขาลุกเป็นไฟ
‘ทำไมกัน ทำไมเมื่อกี้ถึงไม่เห็น?!’
ยิ่งไปกว่านั้น กวางก็ไม่ได้พกวัตถุใดๆ ติดตัว ไม่มีมีดสั้น ร็อคเก็ตลันเชอร์ หรือแม้แต่หินก้อนเล็กๆ ให้สถิต มีเพียงตัวเปล่าๆ
‘...ไม่จริงน่ะ หรือว่า...!?’
สิ่งที่ไซเบอร์เอลฟ์สถิต ก็คือตัวกวาง
ไม่เคย ตลอดเก้าปีที่เขาอยู่โลกนี้—ตลอดเวลานับแต่เขารู้จักไซเบอร์เอลฟ์มา ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่ไซเบอร์เอลฟ์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งมีชีวิต
แต่คำอธิบายอื่นก็ไม่มีแล้ว กวางร่างสถิตของไซเบอร์เอลฟ์ที่ไม่น่าจะมีอยู่ในโลกกระโดดไปรอบๆ ขวิดทหารที่เข้ามาทีละคนอย่างไม่ปรานี
“ล่อมันเข้ามา!!”
เสียงหัวหน้าทหารสั่ง ทหารที่ได้ยินก็ปฏิบัติตาม เปิดทางให้กวางเพลิงผ่านเข้าช่องระหว่างรั้วที่เปิดไว้
กวางเพลิงเหยียบลงไปที่พื้นหญ้ากับดัก กิ่งไว้ที่เปราะบางทานน้ำหนักไม่ไหวก็หักทรุดลง กวางเพลิงตกลงไปหลุมลึกส่งพร้อมกับเสียงร้องแหลม
“ก้อนหิน!!”
ทหารยกก้อนหินที่เตรียมไว้ทุ่มลงไปในหลุม เสียงของหนักกับเสียงกวางทำให้เอ็กซ์ได้สติ
“หยุดก่อน!!”
เอ็กซ์วิ่งไปที่หลุมด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ทหารแต่ละคนยกหินขึ้นมาได้ก็ทุ่มเอาๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบางคนมีครอบครัวเป็นชาวนาอยู่ในเมืองนี้เอง อีกส่วนหนึ่งก็เพราะเพื่อนที่ถูกทำร้ายไป จะอย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือจนกว่าศัตรูตัวร้ายจะแน่นิ่งไป จะไม่มีใครหยุด
เอ็กซ์ร้องห้าม เขาไม่มีตัวเลือก ไม่มีข้อยกเว้น เขาจะปล่อยให้วัตถุที่ไซเบอร์เอลฟ์สถิตอยู่ถูกทำลายไม่ได้เด็ดขาด
แต่ความพยายามของเขาไร้ผล ทหารยังคงทุ่มหินลงไปในหลุมอย่างบ้าคลั่ง ก้อนแล้วก้อนเล่า
ทันใดนั้นเอง
พรึ่บ!
“อ๊ากกกกกกกก!!~”
เสียงร้องโหยหวนทำให้เอ็กซ์และเจ้าเมืองรีบเบิกตากว้าง
สิ่งแรกที่สะกดสายตาของทั้งสองไว้ก็คือคบเพลิงอันใหญ่ที่วิ่งพล่านไปมา คบเพลิงที่ส่วนหัวถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟ คบเพลิงที่เมื่อครู่ยังจับหินทุ่มอย่างมันมือ
“คาร์ล!!”
สิ้นเสียงเรียกชื่อเพื่อน ทหารคนนั้นก็กลายเป็นคบเพลิงมนุษย์ไปอีกคน ตามมาด้วยทหารรอบๆ ทั้งหมดรวมสิบสองคน เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นทุ่งนาพร้อมทั้งเปลวไฟที่ส่ายไปมาราวกับเป็นเทศกาลสะพรึงขวัญ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”
เกิดเสียงดังขึ้นที่หลุมกับดัก ก้อนหินระเบิดพร้อมกับที่เปลวเพลิงพุ่งขึ้นมาและลงยืนที่ปากหลุม
ครั้งนี้ไม่เพียงเขาบนหัว แต่ทั่วร่างของมันลุกเป็นไฟ
ดวงตาสีเขียวของมันลุกวาวราวกับปีศาจในตัวตื่นขึ้น เมื่อนับรวมร่างที่ไฟลุกโชติช่วงรอบตัวมันแล้ว ไม่ถือว่าเกินจริงไปแม้แต่น้อย
เอ็กซ์จ้องกวางเพลิงตาไม่กะพริบ เขารู้สึกเหมือนกับกำลังถูกคลื่นพลังมหาศาลดันให้ถอยไปด้านหลัง
‘นี่มันยิ่งกว่าครั้งไหนๆ...! ทั้งที่ไซเบอร์เอลฟ์ทุกตัวมีพลังงานพอๆ กันแท้ๆ...’
เพราะสถิตอยู่ในสิ่งมีชีวิตอย่างนั้นหรือ? หรือเพราะชีวิตอยู่ในอันตราย? เอ็กซ์ไม่มีเวลามาคิดแล้ว เมื่อกวางที่มีเปลวไฟลุกท่วมร่างกำลังวิ่งตรงเข้ามา
เจ้าเมืองตาร์บชักคทาออกมา รักษาสติและร่ายคาถา ทหารที่เป็นกำลังหนุนด้านหลังเข้ามาคุ้มกันเจ้านาย
ทหารที่เข้าไปขวางกวางเพลิงถูกขวิดกระเด็นอย่างไม่ปรานี บนร่างของผู้เคราะห์ร้าย ตรงจุดที่สัมผัสร่างอันร้อนระอุของอสูรร้ายถูกเผาไหม้จนเป็นเถ้าถ่านเข้าไปถึงภายใน หมดโอกาสรอดอย่างสิ้นเชิง
ชีวิตของผู้เสียสละไม่สูญเปล่า พวกเขาถ่วงเวลาอสูรเพลิงไว้ได้มากพอที่เจ้าเมืองของพวกตนจะร่ายคาถาจบ
คาถาที่รุนแรงที่สุดที่เจ้าเมืองตาร์บสามารถใช้ได้ คาถาระดับไลน์ที่รวมขึ้นจากสมการ น้ำ น้ำ [วอเตอร์เคจ]*
(*หมายเหตุ: คนเขียนคิดขึ้นมาเอง)
ไอน้ำในอากาศกลั่นตัวเป็นหยดเข้าห้อมล้อมกวางเพลิง การไหลของบอลน้ำทรงกลมยกร่างของมันขึ้นจากพื้น อสูรเพลิงติดอยู่ในกรงน้ำ เท้าทั้งสี่หยั่งไม่ถึงพื้น
กวางซึ่งสูญเสียเปลวไฟไปดีดขาทั้งสี่สะบัดคอไปมาอยู่ในกรงน้ำอย่างสูญเปล่า มีแต่ทำให้หมดแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทหารที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างส่งเสียงยินดี
“รอเดี๋ยวขอรับใต้เท้า!”
เอ็กซ์เดินเข้าไปหาเจ้าเมืองตาร์บ ขุนนางวัยกลางคนเพียงหันมารอฟัง เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาคุกเข่าลงข้างเขา
“ชีวิตกวางตัวนั้นกระผมขอเถิดขอรับ”
“กวางตัวนี้สร้างความเสียหายกับข้าวในนาซ้ำยังเป็นอันตรายต่อที่ดินของข้า ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไว้ชีวิต”
เอ็กซ์รู้อยู่แล้วว่ามันต้องไม่ง่าย เขาชำเลืองมองกวางที่ติดอยู่ในกรงน้ำ มันยังคงดีดขาไปมา แต่เห็นได้ชัดว่าอ่อนกำลังลงมาก
“กระผมให้สัญญาว่ากวางตัวนี้จะไม่มารบกวนใต้เท้าและที่ดินของใต้เท้าอีก กรุณาด้วยขอรับ” เอ็กซ์ที่คุกเข่าอยู่แล้วก้มศีรษะลงไปอีก ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจเรื่องภาพพจน์ ตอนนี้ชีวิตของกวาง รวมถึงไซเบอร์เอลฟ์ที่อยู่ข้างใน อยู่ในกำมือของเจ้าเมืองตาร์บ
เจ้าเมืองมองเด็กหนุ่มที่คุกเข่าอยู่ใต้ตัวเองอย่างชั่งใจ ในฐานะเจ้าเมืองแล้ว เขาเพียงต้องปกป้องทรัพย์สินและผู้คนของตัวเองเท่านั้น หากแต่กวางตัวนี้จะไม่มาก่อความรำคาญให้อีก ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องฆ่า ทว่าเขาจะเชื่อคำพูดของคนแปลกหน้าได้อย่างไร หากไม่ใช่น้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความจริงใจ เขาคงตัดบทปฏิเสธไปนานแล้ว
ศีรษะที่ก้มต่ำของเอ็กซ์มีเหงื่อผุดออกมาตามหน้าผาก ไม่ว่าคำตอบของเจ้าเมืองตาร์บจะเป็นเช่นไรเขาก็จะปล่อยให้กวางตัวนั้นตายไม่ได้ หากคำตอบคือ<No> เขาก็มีแต่ต้องใช้กำลัง เอ็กซ์เตรียมใจไว้แล้วว่าอาจจะต้องเป็นศัตรูกับเมืองตาร์บทั้งเมือง
ทว่าการตัดสินนั้นก็ไม่มาถึง เหตุเพราะเสียงดังสนั่นที่มาจากที่ห่างไกล
เสียงหนักๆ และแรงสะเทือนที่มากับอากาศดังต่อกันหลายครั้ง ไม่แค่เอ็กซ์และทหารที่อยู่ในทุ่งนา แต่ผู้คนที่อยู่ในเมืองเองก็หันไปมองเป็นตาเดียวกัน
“เสียงระเบิด...” เจ้าเมืองตาร์บพึมพำ ก่อนจะคลายกรงน้ำลงโดยไม่แม้แต่ชายตามอง
กวางปีศาจสูญเสียแรงยกและตกลงกับพื้น เอ็กซ์รีบเข้าไปดูอาการ
“เป็นอะไรรึเปล่า? รีบกลับไซเบอร์สเปซเถอะ”
(...เอ็กซ์เหรอ...?)
“แสตกเกอร์เองเหรอ ฉันน่าจะรู้นะ...(กวาง+ไฟ) ยังไงก็เถอะ รีบกลับสู่ไซ—!”
บึ้ม!
เสียงดังกว่าครั้งก่อนๆ เอ็กซ์หันขวับไปทางต้นเสียง เขาถึงกับอ้าปากด้วยความตกตะลึง
เรือเหาะนับสิบลำอยู่เหนือน่านฟ้าเพียงเท่านั้นก็เป็นภาพที่ชวนให้ตกตะลึงมากแล้ว แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สะกดสายตาทุกคู่ในตาร์บ เผชิญหน้ากับกองเรือเหาะนั้น เหนือน่านฟ้าเมืองท่าลา โรแชลล์ มันคือเรือเหาะที่ดิ่งหัวลงสู่ผืนปฐพีเบื้องล่างโดยที่บั้นท้ายของมันลุกเป็นไฟ
ไม่ใช่แค่ลำหรือสองลำ แต่นับสิบลำที่ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ลงสู่ความตายของลูกเรือนับร้อย
“นั่นมัน...กองเรือของทริสเทนไม่ใช่เหรอ?”
คำพูดเพียงประโยคเดียวที่ไม่ทราบว่ามาจากผู้ใดสร้างความตื่นตระหนกในหมู่ทหาร แม้แต่เจ้าเมืองตาร์บผู้เยือกเย็นอยู่เสมอก็ยังชะงักงัน
“กองเรืออัลเบี้ยนโจมตี! ไหนว่าตกลงสัญญาสงบศึกกันแล้วไง?!”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”
ราวกับวางคิวไว้เป็นอย่างดี ชั่วครู่ต่อมาเงาดำก็ทอดมายังท้องทุ่งนาที่กองทหารยืนอยู่ และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนบังแสงอาทิตย์มิด
ผู้ที่เงยหน้าขึ้นไปจะมองเห็นเรือเหาะลำยักษ์ลอยอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา ขนาดของมันมโหฬารเสียจนสามารถจะพูดได้ว่าเป็นเกาะเกาะหนึ่งที่ลอยผ่านมา
สมออันใหญ่ถูกทิ้งลงกลางเมือง ราวกับค้อนด้ามใหญ่ที่ร่วงลงมาจากสรวงสรรค์ ทว่าอาจพูดได้ว่ามันนำพานรกมาเสียมากกว่า เมื่อฝูงมังกรบินออกมาจากเรือเหาะลำยักษ์และร่อนลงมาที่เมือง
ตอนนั้นเองที่ความตึงเครียดระเบิดออกมาเป็นความสับสนอลหม่าน เปลวไฟจากลมหายใจของมังกรเพลิงเผาผลาญอาคารบ้านเรือน กองทหารโหนเชือกลงจากเรือเหาะ ผู้คนหนีตายออกมาภายนอกทั้งชนทั้งเหยียบกัน หากมีภาพเช่นนี้เกิดขึ้นก็ไม่ต้องสงสัยแล้ว
มันคือ<สงคราม>
--
PBW:”นี่มัน...นานแค่ไหนแล้วนะ? สองเดือนแล้วมั้ง?”
S:”หายไปไหนมา?!”
PBW:”เอ่อ...ขอโทษจากใจจริง แต่เผอิญ...ติดเกม Valkyrie Profiles CotP เลยแทบไม่ได้แตะ ตอนนี้ก็เล่นเกือบครบทุกฉากจบแล้ว...อันที่จริงที่ติดเกมน่ะถึงแค่ปลายเดือนสิงหาคม(ประมาณ 23 - 24) แต่หลังจากนั้นก็เป็นช่วงปั่นงานลูกเดียว พวกโครงงานทั้งหลาย 5-6 โครงงาน(เกือบทุกวิชามีวิชาละหนึ่งโครงงาน)ดันมามีกำหนดส่งในเวลาเดียวกัน คือสองสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน ต้องลงพื้นที่ไปต่างอำเภอบ้างล่ะ เข้าห้องสมุดจดนู่นนี่นั่น ทำเพาเวอร์พอยต์นำเสนอ ฯลฯ...เพิ่งจะรู้ซึ้งคำว่างานมหา’ลัยก็คราวนั้นแหละครับ...แล้วนี่ยังแค่ปีหนึ่งเทอมแรก คนเขียนไม่อยากคิดเลยว่าต่อไปจะเป็นยังไง...”
DX:”คือตอนนี้คนเขียนมันเพิ่งผ่านมรสุมโครงงานมาได้ แล้วเข้าสู่ช่วงสอบ”
PBW:”ใช่ คือ ตอนนี้คนเขียนกำลังอยู่ในช่วงสอบ สองอาทิตย์ 23 ก.ย. - 10 ต.ค. คืออาทิตย์สอบ วิชาเรียนจบไปแล้ว นอกจากวันสอบก็คือวันหยุด ถึงมีเวลามาอัพได้นั่นเองครับ แต่หลังจากสอบเสร็จ วันที่ 14 ก็เปิดภาคเรียนที่ 2...ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเหมือนกันนะครับ ได้แต่รอดูต่อไป”
PBW:”อนึ่ง ในช่วงนั้นคนเขียนก็ไม่ได้งอมืองอเท้า(ซะทีเดียว) ก็ได้ทำอะไรไปบ้าง อย่างเช่นแก้ไขแนะนำตัวละครตอนที่ 1 เพิ่งจะได้ข้อมูลของรูปที่แทนรูปร่างมนุษย์ของเอ็กซ์มาเพิ่ม(จะได้รู้กันเสียทีว่ารูปนั้นมีหัวนอนปลายเท้าอันใด) กับแก้ไขเนื้อหาตอนที่แล้วเล็กน้อย(ไม่ต้องไปตามหาหรอกครับ ไม่มากมายนัก แต่เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่จะขัดกับบางส่วนของเนื้อหาเท่านั้น) แม้ในเวลานี้ คนเขียนก็ยังไม่คิดว่าจะหยุดแต่งแต่อย่างใดนะครับ ยิ่งอาจารย์ยามางุจิก็เสียไปแล้ว...คนเขียนจะมาเสียกำลังใจไม่ได้เด็ดขาด!”
DX:”แต่ก็ต้องแบ่งเวลาให้อีกฟิคหนึ่งด้วยใช่มะ”
PBW:”...อ่าฮะ ว่าแต่ที่ว่าคนเขียนจำผิดๆ เนี่ยมันเรื่องอะไรกันเหรอครับ? เพราะคนเขียนก็เขียนไปตามที่ได้อ่านมาจากเว็บไซต์ต่างๆ (หลักๆ ก็ Megaman.wikia.com เป็นเว็บที่ข้อมูลหนาที่สุดแล้ว) ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดผมจะแก้ทันทีครับ เพราะ อย่างที่ผมบอกไปแล้ว ผมกะให้มันจริงจังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในเรื่องนี้ แต่ถ้าเป็นเรื่องต้นกำเนิดของสี่จตุรเทพนี่ ผมมั่นใจมากครับ อย่างน้อยๆ ก็รู้สึกจะมีบันทึกไว้เหมือนกันในหลายๆ เว็บไซต์(ภาษาอังกฤษล้วน)ที่ผมไปอ่านมา คือ...”
When X sealed away the Dark Elf, his soul was split into five Cyber-elves. Four of these Cyber-elves would be incorporated in new Reploids made from X's DNA; Harpuia, Fefnir, Leviathan and Phantom, the "Big4 of X-Bioroid".[1] The same technology used to create their master Copy X was used in their creation.[2]
เมื่อเอ็กซ์ผนึกดาร์คเอลฟ์ วิญญาณของเขาแยกออกเป็นห้าไซเบอร์เอลฟ์ สี่ในนั้นถูกรวมเข้ากับเรปลิลอยด์ตัวใหม่ซึ่งสร้างขึ้นจาก DNA ของเอ็กซ์ ฮาร์เปีย แฟ็ฟนิร์ เลเวียธาน แฟนธอม “สี่จตุรเทพ” เทคโนโลยีเดียวกันนี้ก็ถูกใช้สร้างนายของทั้งสี่ ก็อปปี้เอ็กซ์
1. ↑ Remastered Tracks Rockman Zero - Telos
2. ↑ Rockman Zero Collection Site
ความคิดเห็น