คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 17: ผลแห่งพลัง
เมืองท่าลา โรแชลล์ ระยะทางสองวันม้าจากสถานศึกษาเวทมนตร์ทริสเทน ถัดไปจากภูมิประเทศเทือกเขาสูงของมันคือทุ่งหญ้ากว้าง อาณาเขตที่ชื่อว่าตาร์บ ซึ่งสถานที่นั้นในเวลานี้กำลังลุกเป็นไฟ
เสียงร้องดังระงมในหมู่ทหารที่รวมตัวกันอยู่ที่ทุ่งนานอกตัวเมือง จุดประสงค์เดิมที่ออกมาปราบปีศาจกวางเพลิงถูกลืมไปโดยสิ้นเชิง เมื่อกองเรือเหาะของอัลเบี้ยนบุกโจมตี
“ทุกคนหยุด!!”
เสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจหยุดความโกลาหลในหมู่ทหาร ทุกสายตาหันมาจับจ้องที่เจ้าเมืองตาร์บ ใบหน้าของขุนนางวัยกลางคนเคร่งขรึม เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะไม่มีความกลัวหรือความตื่นตระหนกในสถานการณ์เช่นนี้ แต่เขาคือผู้นำ และผู้นำจะแสดงความลังเลไม่ได้
“เป้าหมายอันดับแรกคืออพยพผู้คนไปที่ป่า! ตามข้ามา!”
ด้วยคำสั่งของนายเหนือหัวและความเป็นห่วงครอบครัว กองทหารราวห้าสิบนายเร่งเข้าไปช่วยเหลือเมืองที่กำลังตกสู่ความหายนะ
“นี่มันเรื่องใหญ่แล้วนะเนี่ย...”
เอ็กซ์ชั่งใจว่าเขาควรจะทำอย่างไร แต่ในตอนนั้นกวางที่นอนหมดสภาพอยู่ข้างเขาก็ลุกขึ้นและกระโจนไปในทิศทางเดียวกับกองทหารของเจ้าเมือง
“เดี๋ยวก่อน!!”
เอ็กซ์ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตามไป
...
วาลด์คร่อมอยู่บนหลังมังกรลม รอยยิ้มบนใบหน้า ขุนนางหนุ่มเหยียบย่ำประเทศบ้านเกิดของตัวเองอย่างไร้โศกเศร้า เพื่อเบิกทางให้กับกองทัพหลัก เขานำหน่วยอัศวินมังกรเพลิงลงมาเผาถางเมืองเบื้องล่าง เบื้องหลังเขา ทุ่งหญ้าที่ชานเมือง ทหารทิ้งตัวลงมากับเชือกที่ห้อยจาก [เล็กซิงตัน] คนแล้วคนเล่า ทุ่งราบเป็นที่มั่นชั้นเลิศสำหรับกองทัพฝ่ายรุกราน
จากทางทุ่งนา กำลังทหารของเจ้าเมืองช่วยพาชาวเมืองอพยพ ขณะที่ส่วนหนึ่งบุกเข้ามา
ทหารฝ่ายทริสเทนเป็นภัยต่อทหารที่ลงจากเล็กซิงตัน วาลด์ออกคำสั่งอัศวินมังกรใต้บัญชาของเขา
“ขยี้พวกมัน”
เปลวเพลิงพวยพุ่งออกจากปากของหน่วยมังกรเพลิง ทว่าแม้จะสูญเสียพรรคพวกไปมากกับไฟที่ร้อนระอุ ทหารฝ่ายทริสเทนก็ไม่หยุด
“วอเตอร์เคจ!”
ไอน้ำในอากาศเข้าห่อหุ้มร่างของวาลด์และมังกรลม ขุนนางหนุ่มไม่ตื่นตระหนก มุมปากเผยอขึ้น ดวงตาสีฟ้ามองขุนนางวัยกลางคนเบื้องล่างอย่างเย็นชา ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
เจ้าเมืองตาร์บเบิกตากว้างเมื่อเวทมนตร์บทที่รุนแรงที่สุดของตัวเองสลายกลายเป็นละอองในพริบตาโดยที่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะยกคทา วินาทีต่อมาร่างของเขาก็ชักกระตุก กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง สิ่งที่ดวงตาที่เบิกโพลงของเขาจับไว้ได้ก่อนที่สติจะดับวูบก็คือสายฟ้าสีชมพู
...
“เซียสต้า!”
“คุณซาวิเยร์!”
เอ็กซ์วิ่งสวนกับเด็กสาวผมดำที่หนีมากับครอบครัว
“เห็นกวางผ่านมาทางนี้บ้างรึเปล่า?!”
“ค...ค่ะ ด—เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
เอ็กซ์วิ่งออกไปโดยไม่สนใจเสียงเรียก
ใจกลางเมืองบัดนี้ถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้และอาคารบ้านเรือนที่ลุกโชติช่วง ไม่เหลือเค้าความสงบสุขเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
เอ็กซ์กวาดตาไปรอบๆ มองหากวางตัวเดียวท่ามกลางควันและไฟ
เสียงกระพือปีกและแรงลมที่เข้ามาจากทางด้านหลังเป็นตัวกระตุ้นให้เอ็กซ์พุ่งตัวหลบออกไปด้านข้าง
มังกรสีน้ำเงินโฉบผ่านจุดที่เขายืนอยู่เมื่อกี้และกลับขึ้นไปบนฟ้า ชายหนุ่มผมสีเงินสวมหมวกปีกกว้างบนหลังมังกรเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเอ็กซ์
(รู้จักไอ้หมอนั่นเหรอ?) เสียงถามจากมีดสั้นใต้เสื้อคลุม
“ประมาณนั้น...”
“ไม่น่าเชื่อว่าจะยังรอดมาได้อีก สงครามก็แล้ว ตกจากอัลเบี้ยนก็แล้ว เรื่องดวงแข็งต้องยกให้จริงๆ” น้ำเสียงของวาลด์บอกว่าทึ่งจากใจจริง
“แต่ดวงของแกจะหมดวันนี้ล่ะ”
เอ็กซ์เพ่งสมาธิเมื่ออีกฝ่ายยกคทาขึ้นร่ายคาถา ไม่กี่วินาทีต่อมาวินด์เบรคก็ตรงมาที่เขา เอ็กซ์ที่เตรียมตัวอยู่แล้วพุ่งตัวหลบออกมาได้โดยง่าย ทว่าวาลด์คำนวณการเคลื่อนไหวของเขาไว้แล้ว
“อึก!”
ร่างของเอ็กซ์ถูกมังกรกระแทกอย่างจังจนลอยละลิ่วไปชนกับผนังอาคารที่กำลังลุกไหม้ เสียงประหลาดดังภายในร่างกายของเขา
วาลด์บังคับมังกรเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่นั่งพิงผนัง คทาชูขึ้นและปากก็เริ่มพึมพำคาถา
(เอ็กซ์! จะมาอีกแล้ว!) เสียงมาริโน่ร้องเตือน
เอ็กซ์ดันตัวเองกับผนังลุกขึ้นยืน ความเจ็บปวดแล่นจากชายโครงซ้ายไปทั่วร่าง
‘แย่ล่ะ...ซี่โครงหักไปซี่นึง...!’
“ก็สงสัยเรื่องพลังแห่งปาฏิหาริย์ของแกอยู่เหมือนกัน แต่มันไม่สำคัญนักหรอก ลาก่อน”
วาลด์ชี้คทาออกมาข้างหน้าพร้อมกับที่พลังเวทพวยพุ่งออกมา ในพริบตานั้น ร่างหนึ่งกระโจนออกมาจากม่านควันและเปลวไฟ กระแทกมังกรลมจากด้านข้างจนมันเสียหลักเซไปหลายเมตร
ผนังด้านซ้ายเอ็กซ์โดนแรงอัดอากาศจนถล่มลงมา เฉียดเขาไปไม่ถึงเมตร
วาลด์รักษาสมดุลได้ก็รีบบังคับมังกรให้บินขึ้น เมื่อคิดว่าปลอดภัยแล้วก็มองลงไปเบื้องล่างเพื่อหาว่าสิ่งที่คุกคามเขาเมื่อครู่คืออะไร เขาประหลาดใจเมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นคือกวาง
“แสตกเกอร์...?” เอ็กซ์เอ่ยชื่อของไซเบอร์เอลฟ์ที่สถิตในตัวกวางด้วยความฉงน เพราะเขากับเรปลิลอยด์กวางเพลิงนั้นไม่ถูกกัน
(ถ้าไม่มีแก แล้วฉันจะกลับไซเบอร์สเปซได้ยังไง)
เอ็กซ์ยิ้ม เขาเรียกมาเธอร์เอลฟ์ออกมาเปิดประตูมิติเพื่อเรียกใช้พลังของไซเบอร์เอลฟ์
“ช่วยทีนะไมไมน์...”
(ฉันไม่ใช่โมเดลพยาบาลนะ...)
เอ็กซ์ทาบมือลงตรงจุดที่บาดเจ็บ แสงสีฟ้าจางๆ เข้าปกคลุม เขาทาบมืออยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งแสงก็หายไป
‘ดามกระดูกด้วยคริสตัลฮันเตอร์แล้ว แต่คงแค่ชั่วคราวเท่านั้น’ ที่สำคัญ พลังงานที่สะสมไว้ก็หมดแล้วด้วย ความสามารถของไซเบอร์เอลฟ์หลายๆ ตัวใช้ไม่ได้แล้ว
“แสตกเกอร์ ไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ ฉันจะส่งนายกลับไซ—“
เอ็กซ์ถูกตัดกลางประโยคโดยกวางสถิตไซเบอร์เอลฟ์ที่ใช้เขาบนศีรษะโยนตัวเขาขึ้นหลังหลบวินด์เบรคที่ขยี้ผนังตรงจุดที่เขายืนอยู่
วาลด์บังคับมังกรไล่ตามกวางที่วิ่งตรงไปทางออกเมือง
“กวางนั่นมีสติปัญญาขนาดนั้นเชียวเหรอ? รอบตัวมีแต่เรื่องน่าทึ่งนะ แต่ว่าเปล่าประโยชน์!”
วาลด์ร่ายวินด์เบรคโจมตีกวางที่วิ่งอยู่ด้านล่าง ทว่าการเคลื่อนไหวของกวางคล่องแคล่วเหนือความคาดหมายของวาลด์ไปมาก มันวิ่งซิกแซกหลบคาถาที่ยิงเข้ามาได้ทุกครั้ง
“หนอย! มีตาหลังรึไง?!”
แท้ที่จริงแล้วมันหลบโดยจับสัมผัสการเคลื่อนไหวของอากาศรอบตัว เป็นประสาทสัมผัสที่เหนือสิ่งมีชีวิตไปหลายขุม เรื่องนี้นอกจากตัวมันเองแล้วไม่มีใครรู้ แม้แต่เอ็กซ์
มองไปข้างหน้า ชายป่าอยู่อีกไม่ไกล ด้วยความเร็วเท่านี้ อีกเพียงไม่กี่วินาทีทั้งคู่ก็จะเข้าไปในป่า ศัตรูไล่ตามลำบากก็จะเลิกไปเอง
แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น ทั้งคู่ก็เป็นเป้าในที่โล่ง
“หึ ถ้าเวทมนตร์ธรรมดาไม่ได้ผล...”
วาลด์ปิดเปลือกตาลง เมื่อลืมตาอีกครั้งดวงตาสีฟ้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว สายฟ้าสีชมพูยิงลงไปที่เบื้องล่าง
แสตกเกอร์จับสัมผัสไม่ได้เหมือนครั้งที่ผ่านมาก็ถูกกระแสไฟฟ้าเข้าอย่างจัง แต่ไม่ลืมที่จะโยนตัวเอ็กซ์ออกไปพ้นรัศมีคาถา
ขาทั้งสี่ของกวางหมดแรง ร่างของมันล้มลงเหมือนเกวียนที่พลิกคว่ำ มันหยุดหลังจากที่ไถลพื้นหญ้าเป็นทางยาว ควันจากผิวหนังที่เผาไหม้โชยขึ้นด้านบน ห่างจากชายป่าไม่ถึง 30 เมตร
“แสตกเกอร์!”
เอ็กซ์คุกเข่าลงข้างสัตว์ที่อ่อนแรง ดวงตาสีเขียวของมันมองเขาอย่างเศร้าสร้อยทว่าไร้ความเสียดาย
(น่าเสียดาย...ฉันคงไม่ได้กลับไซเบอร์สเปซแล้ว...)
“ไม่...! ตอนนี้ยังทัน ฉันจะส่งนายกลับไซเบอร์สเปซเดี๋ยวนี้ล่ะ!”
หน้าผากของเอ็กซ์ปรากฏผลึกที่เปล่งแสงสีแดง อุโมงค์สีเขียวปรากฏขึ้นในอากาศ เอ็กซ์จดจ่อมากจนไม่สังเกตเห็นสายฟ้าสีชมพูตรงเข้ามา
เหมือนภาพสโลว์โมชั่น สายฟ้าสีชมพูแล่นจากปลายดาบคทาผ่านอากาศตรงเข้ามา เอ็กซ์ผงะขึ้นมองเห็นมันห่างจากเขาไม่ถึงเมตร ทันใดนั้นสีน้ำตาลก็เข้าบัดบังสายตา สีน้ำตาลที่ส่งเสียงร้องโหยหวนเมื่อมันถูกกระแสไฟฟ้าอันรุนแรงแล่นผ่านร่าง
...
ทำไมจึงต้องส่งไซเบอร์เอลฟ์กลับสู่ไซเบอร์สเปซทันที? ในเมื่อโลกใบนี้มีพลังเวทมนตร์อยู่ในบรรยากาศเพียงพอที่ไซเบอร์เอลฟ์จะอยู่ได้ตลอดกาล
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายจากพลังของไซเบอร์เอลฟ์? เรื่องนั้นก็ใช่ ทว่านั่นก็เป็นเพียงเหตุผลรอง เหตุผลจริงๆ อยู่ที่เหตุบังเอิญ เป็นเหตุบังเอิญที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก
ไซเบอร์เอลฟ์นั้นหากคงรูปร่างเป็นดวงแสงดังที่เห็นกันนั้นก็จำเป็นต้องใช้พลังงาน และแม้จะได้รับพลังงานจากพลังเวทมนตร์ในบรรยากาศอยู่ตลอดเวลา ก็ในปริมาณที่พอดีกับการคงรูปร่างอยู่ได้เท่านั้น หากจะลดการเผาผลาญพลังงานเพื่อความมั่นคงปลอดภัยแล้วจำเป็นต้องหาที่สถิต จะเป็นสิ่งใดก็ได้ ขอเพียงประกอบขึ้นจากสสารที่หนาแน่นกว่าตัวเอง(ข้อมูล)
เหตุบังเอิญนั้นเกิดขึ้นเมื่อวัตถุที่ไซเบอร์เอลฟ์สิงสถิตอยู่นั้นเกิดความเสียหาย เพราะการ<สถิต>หมายถึงการนำข้อมูลของตัวเองไปเกาะกับสสารประกอบของวัตถุนั้น เพื่อใช้วัตถุนั้นเสมือนเป็นร่างของตัวเองในการซึมซับพลังเวทมนตร์ เมื่อสสารนั้นได้รับความเสียหาย ข้อมูลที่เกาะอยู่ก็เช่นกัน ก็เหมือนกับการสูญเสียเลือดของสิ่งมีชีวิต ไซเบอร์เอลฟ์จะถูกตัดข้อมูลออกไป มากหรือน้อยขึ้นกับระดับความเสียหาย
แต่หากถึงขั้นถูกทำลาย แรงช็อกจะทำให้ไซเบอร์เอลฟ์สูญเสียพลังงานปริมาณมาก มากเกินกว่าจะฟื้นฟูได้จากระดับพลังเวทในบรรยากาศของโลกนี้ ปกติไซเบอร์เอลฟ์ที่สูญเสียพลังงานจนไม่สามารถคงร่างได้จะกลับสู่ไซเบอร์สเปซ
ทว่าในโลกใบนี้ไซเบอร์เอลฟ์ไม่สามารถเชื่อมต่อกับไซเบอร์สเปซได้เอง เมื่อไร้ที่หลบรักษาตัวแล้ว ไซเบอร์เอลฟ์ที่บาดเจ็บสาหัส...
“แสตกเกอร์!!”
...ก็มีแต่ต้องสูญสลายไป
ดวงตาของวาลด์กลับเป็นสีฟ้า เขาแสยะยิ้มเมื่อเห็นร่างของกวางสีน้ำตาลนอนไร้ชีวิตอยู่บนพื้น เขานั้นไม่สังเกตเห็นความแตกต่างใดๆ นอกจากความตายของสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง ทว่าเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาที่ก้มหน้าคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่เป็นเช่นนั้น เขาเห็นชัดเจน วินาทีที่ดวงแสงสีแดงแตกสลายเป็นสะเก็ดเล็กๆ และจางหายไป นั่นไม่ใช่การกลับสู่ไซเบอร์สเปซอย่างแน่นอน
“ทีนี้ต่อไปก็—!!”
วาลด์บังคับมังกรให้บินสูงขึ้น สูงจนเขาคิดว่าปลอดภัย ซึ่งก็เหนือพื้นร่วมร้อยกว่าเมล
เขาเป็นอัศวินที่ฝึกฝนขัดเกลาประสาทสัมผัสจนเฉียบคม และเมื่อกี้ประสาทสัมผัสของเขาก็ส่งสัญญาณเตือนแดงโร่ว่าชีวิตของเขาอยู่ในอันตราย
เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาด้านล่างลุกขึ้นจากร่างไร้ชีวิตของกวางและวิ่งเข้าไปในป่าโดยไม่หันหลังกลับมามอง
‘...หมาจนตรอกเหรอ...’
หมาจนตรอก หมายถึงผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์จวนตัวและไม่สามารถถอยได้อีกแล้ว สำหรับนักล่าแล้วถือเป็นเหยื่อที่ไม่อยากเจอที่สุด เพราะแม้จะเป็นเหยื่อ หมายความว่าหากสู้กันผู้ล่าก็ยังคงเป็นผู้ชนะ ทว่าอาจต้องบาดเจ็บหนักหรือถึงขั้นสูญเสียแม้แต่ชีวิตของตัวเอง สำหรับนักล่าแล้วถือว่าเป็นเหยื่อที่ไม่คุ้มเสี่ยง
วาลด์ให้ความสำคัญกับชีวิตและเป้าหมายตัวเองมากกว่าศัตรูเพียงคนเดียว ภารกิจในการเบิกทางให้กองทัพหลักสำเร็จไปด้วยดีแล้ว เขานำมังกรบินขึ้นไปรวมกลุ่มกับมังกรตัวอื่นๆ เพื่อทำหน้าที่สังเกตการณ์เหนือกองทัพหลัก
...
ภายในป่า เซียสต้าโอบน้องๆ ของเธอที่ตัวสั่นด้วยความกลัว พ่อของเธอดูอาการแม่ที่หมดสติจากอาการตกใจตอนที่มังกรพังผนังบ้านเข้ามา
รอบข้างเป็นชาวเมืองที่อพยพหนีกองอัศวินมังกรของอัลเบี้ยน ผู้บาดเจ็บได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น บางคนก็บาดเจ็บเล็กน้อย บางคนก็บาดเจ็บหนัก แต่ก็มีไม่น้อยที่...
เซียสต้าอดสงสัยไม่ได้ว่าต่อจากนี้ไปเธอกับครอบครัวจะเป็นอย่างไร พวกทหารอัลเบี้ยนจะตามพวกเธอเข้ามาในป่าหรือเปล่า? กองทัพอัลเบี้ยนจะทำอะไรต่อไป? กองทัพทริสเทนจะมาช่วยพวกเธอเมื่อไร? มาแล้วจะทำอะไรได้หรือ? แม้เธอจะเป็นสามัญชน แต่ก็รู้ว่ากองทัพอากาศของอัลเบี้ยนนั้นเกรียงไกรที่สุดในฮาลเคกิเนีย
‘ในเวลาแบบนี้ คุณไซโตะ...’
เซียสต้าส่ายหน้า นี่มันต่างกับเมื่อตอนนั้น ศัตรูไม่ใช่แค่ชนชั้นสูงคนหรือสองคน ถึงจะเป็นไซโตะ—เพราะเป็นไซโตะ เธอถึงไม่อยากให้เขาต้องมาเสี่ยงอันตราย ยิ่งเรื่องที่เขาพูดกับเธอในตอนนั้น ที่เขามาจากอีกโลกหนึ่ง...ที่เขาต้องกลับไปให้ได้ แล้วยังมี...นี่อีก เธอกลัวที่สุดว่าจะไม่ได้พบกับเขาอีก
จากหางตา เซียสต้ามองเห็นร่างหนึ่งเข้ามาในค่ายผู้อพยพ ไม่มีใครอื่นสังเกตเพราะต่างคนต่างก็สนใจเรื่องของตัวเอง แต่เพราะว่าเป็นเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาที่เธอรู้จักเธอจึงมองตามเขา เพราะไม่มีอะไรทำดีกว่านี้เธอจึงคิดจะเข้าไปเรียกเขา
“คุณ—!!”
มือที่เธอชูขึ้นถอนกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่หัวใจเธอหยุดเต้นไปจังหวะหนึ่ง อาการตระหนกของเธอเกิดจากสีหน้าที่เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาทำอยู่ในขณะนี้
เซียสต้ายืนมองร่างในเสื้อคลุมสีขาวเดินอย่างเงียบๆ ผ่านค่ายผู้อพยพลึกเข้าไปในป่า ความรู้สึกที่เด็กหนุ่มแผ่ออกมาทำให้เธอไม่กล้าส่งเสียงเรียก ราวกับมีบรรยากาศบางอย่างอัดแน่นอยู่รอบตัวเขาที่เธอไม่กล้าย่างกรายเข้าไป
...
ล้มเหลวอีกแล้ว...
ครั้งที่เท่าไรแล้วที่ชีวิตต้องสูญเสียไป ทั้งที่เป็นหน้าที่รับผิดชอบของเขา...
ร่างมนุษย์นี้ที่เขาได้มา...แลกกับร่างเรปลิลอยด์เดิมที่ทรงพลัง...
เป็นเพราะอยู่ในร่างกายนี้ที่ทำให้เขาไร้ซึ่งพลังจะต่อกรกับศัตรู...
ถ้าอย่างนั้น ตัวเขาที่หลงระเริงไปกับร่างกายนี้ก็สมควรแก่ความผิด...
หลงดีใจที่ได้ร่างกายนี้มา ความเห็นแก่ตัวที่ไม่คิดถึงผู้อื่น ทำให้ชีวิตหนึ่งที่ควรจะได้รับการปกป้องต้องสังเวยไป...
...
เอ็กซ์เดินไปที่ริมหนองน้ำตื้นๆ ในป่า ก้มลงมองเงาสะท้อนของตัวเอง มือขวายกขึ้นสัมผัสแก้มที่เปื้อนฝุ่นดิน
เส้นผมสีบรอนซ์เทา แขนขาที่เป็นเนื้อหนังไม่ใช่โลหะ ใบหน้าที่ไม่ใช่ของเทียม ของขวัญที่เขาได้รับจากโลกใบนี้
...และก็เป็นสิ่งที่ทำให้เสียแสตกเกอร์ไป
(...เอ็กซ์...)
เสียงมาเธอร์เอลฟ์พูดกับเขาด้วยความเป็นห่วง มาเธอร์เอลฟ์ที่ไม่แสดงความรู้สึกคนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งทว่าแฝงด้วยความลังเล
(เอ็กซ์...จริงเหรอที่นายกลับคืนร่างเรปลิลอยด์ไม่ได้...?) มีดสั้นลอยออกมาจากเสื้อคลุมของเขาถามอย่างระวัง
“...ทำได้สิ...ทำได้มาตลอดนั่นแหละ...แต่เพราะความเห็นแก่ตัว...”
เล็บมือขวาจิกลงไปในผิวแก้มที่นุ่มเนียนแสดงถึงความเป็นมนุษย์จนเลือดสีแดงไหลซึมออกมา ดวงตาสีเขียวปกคลุมด้วยความหมองมัว
‘...มากกว่านี้...ไม่ได้แล้วสินะ...’
สองร้อยปีแห่งการต่อสู้ เวลาสั้นๆ เพียงห้าปีที่เขารู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ที่เขารักและเอ็นดู เพียงเท่านั้นก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากเหลือเกินแล้ว เขาจะโลภไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ถึงเวลากลับสู่หน้าที่อีกครั้ง
เอ็กซ์ปลดเข็มขัดกระเป๋ากับปลอกดาบและอาร์มการ์ดเหล็ก ถอดปลอกแขนหนังและถุงเท้ายาวกับรองเท้าบูท วางทั้งหมดไว้ข้างตัว จากนั้นถอดเสื้อคลุมสีขาวออกมาถือไว้
“มาเธอร์เอลฟ์ ที่นี่ห่างจากมนุษย์แค่ไหน?...”
(...มนุษย์ที่ใกล้ที่สุดห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่ 217.243 องศา 3276.927 เมตร...)
“บอกละเอียดแบบนั้นกับสมองเลือดเนื้ออย่างนี้เข้าใจยากจริงๆ...แต่ก็อีกไม่นานแล้วสินะ...” เอ็กซ์ยิ้มหยันคำพูดของตัวเอง
ระยะเท่านี้กับต้นไม้ที่เรียงรายก็เพียงพอแล้ว เอ็กซ์คิดได้ดังนั้นก็นั่งคุกเข่าลงที่ริมหนองน้ำและหลับตาลง
‘รีบูทระบบ...คำสั่งรีบูทระบบ...’
ในร่างกายนี้เขาไม่สามารถเรียกใช้ระบบที่เขาเคยมีในฐานะเรปลิลอยด์ได้ แต่ถึงจะเป็นมนุษย์ไปมากเพียงใด ตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ยังคงเป็นเครื่องจักรไม่เปลี่ยนแปลง หากเขาตั้งใจที่จะสั่งให้มันทำงานจริงๆ แล้ว ย่อมไม่เกินความสามารถ
จากภายในร่างกายที่เป็นเลือดเนื้อของเอ็กซ์ ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นภายใน สิ่งที่เขารออยู่กำลังมา...
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
มาริโน่หน้าเสีย เธอไม่นึกว่าจู่ๆ จะได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวน โดยเฉพาะจากปากของเอ็กซ์คนนั้น
(เอ็กซ์! เป็นอะไรไป! เกิดอะไรขึ้น?!)
ไม่ว่าจะเรียกอย่างไรก็ดูจะส่งไปไม่ถึงเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา เสียงกรีดร้องดำเนินไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหรือบรรเทาลง ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงเถือกจากเลือดที่สูบฉีด ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด เปลือกตาขยี้ปิดพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ขาสองข้างที่ทาบกับพื้นบีบงอเข้าหาตัวไม่ขยับเขยื้อน มือซ้ายที่ค้ำพื้นจิกลึกลงไปในดิน มือขวากำเสื้อคลุมสีขาวที่อุดปากแน่นจนซีดขาว ปากที่กัดเสื้อรู้สึกร้าวไปทั้งขากรรไกร ร่างกายเกร็งเสียจนสั่นระริก
ตอนนี้มาริโน่รู้สาเหตุที่ทำให้มาเธอร์เอลฟ์ที่แทบจะปราศจากความรู้สึกยังต้องแสดงความเป็นห่วงแล้ว ต้องมาเห็นเพื่อนของตัวเองทรมานราวกับสายใจจะขาดไปต่อหน้า เพียงแค่มองและฟังเสียงอู้อี้ที่เล็ดลอดจากปากที่กัดเสื้อมาริโน่ก็รู้สึกเจ็บปวดเหลือทน แต่เพื่อนของเธอที่ต้องรับความเจ็บปวดเต็มๆ นั้นหนักหนากว่านัก
เอ็กซ์กดศีรษะไปไปใต้หนองน้ำเพื่อบรรเทาความร้อนที่แล่นขึ้นมา แม้จะเป็นความเจ็บปวดขนาดที่ทำให้นักรบที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นเป็นบ้าไปได้ แต่เอ็กซ์ก็ยังมีสติพอจะคิดเรื่องอื่นนอกจากความเจ็บปวดที่จู่โจมเขาอยู่ในขณะนี้
‘ครั้งก่อนหยุดแค่ตรงนี้...!’
เขาเคยลองพยายามกลับคืนสู่ร่างเรปลิลอยด์ครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ทว่าความเจ็บปวดของการเปลี่ยนแปลงร่างกายในระดับโมเลกุลนั้นทำให้เขาเลิกล้มไปกลางคัน ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่มีความต้องการร่างกายที่เป็นเครื่องจักรมากมายนัก
แต่ครั้งนี้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากอดทนจนกว่าร่างกายจะเปลี่ยนแปลงโดยสมบูรณ์ ต่อหน้าจอมเวทยอดฝีมือที่มี ดวงวิญญาณเรปลิลอยด์สายต่อสู้สถิตอยู่ในร่างกาย ซาวิเยร์ที่เป็นมนุษย์นี้พ่ายแพ้ให้ถึงสองครั้งสองครา ความยึดติดในร่างกายมนุษย์เป็นเพียงความเห็นแก่ตัวของเขา บัดนี้ถึงเวลาที่เขาจะให้ความสำคัญกับหน้าที่ในฐานะผู้ที่มาจากอีกโลกหนึ่ง
ร่างของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาโงนเงนจนกระทั่งล้มลงไปนอนคุดคู้อยู่บนพื้น เส้นผมเปียกน้ำติดกับหน้าผากและใบหน้า ผิวกายชื้นจากเหงื่อที่ซึมออกตามขุมขน มีดสั้นที่ลอยอยู่ข้างๆ ได้แต่มองด้วยความทุกข์ทรมานใจ
ปลายนิ้วเท้าที่ขดเกร็งของเขาหลอมเข้าด้วยกันเป็นโลหะสีน้ำเงิน ทว่าเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยเสียจนตัวเขาเองไม่รู้ มีเพียงมีดสั้นที่อยู่ข้างๆ เท่านั้นที่มองเห็นการเปลี่ยนแปลง
ใต้ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงแรงกล้า กองทัพของอัลเบี้ยนตั้งค่ายบนทุ่งกว้างตาร์บ รอเวลาที่จะเข้าครอบครองประเทศที่อ่อนแอ
...
คาร์ดินัลมาซารินิถึงกับเก็บสีหน้าตกใจไม่อยู่เมื่อชิ้นส่วนชุดอภิเษกขององค์หญิงถูกปาใส่หน้าเขาด้วยมือเจ้าของชุดนั้นเอง
“หากปรารถนางานอภิเษกนัก ท่านก็จงอภิเษกเองเสียสิ!”
องค์หญิงอังริเอตต้าเพิ่งจะผลุนผลันออกจากการประชุมฉุกเฉินหลังจากกล่าวหาสภาขุนนางที่ลังเลว่าขลาดกลัวข้าศึกและเห็นแก่ชีวิตของตนเอง คาร์ดินัลมาซารินิที่ตามออกมาเรียกให้เธอไปพักผ่อนก่อนงานอภิเษกเชื่อมสัมพันธ์กับเยอร์มาเนีย—ทางเดียวที่เขาคิดว่าจะช่วยเหลือประเทศนี้จากหายนะได้—ก็ถูกตอบโต้ด้วยการฉีกชุดอภิเษกและปาใส่หน้าเขา
ยิ่งกว่านั้นองค์หญิงอังริเอตต้ายังเรียกรถม้าและองครักษ์ของเธอ รวมทั้งเรียกรวมพลทหารที่อยู่ในเขตพระราชฐานทั้งหมด
องค์หญิงไม่ก้าวขึ้นรถม้าแต่ขึ้นคร่อมบนหลังยูนิคอร์นที่ปลดสายเทียมรถม้าออก อสูรมนตรายกร่างกายท่อนหน้าขึ้นแกว่งไกวกีบเท้าพร้อมทั้งส่งเสียงร้อง ก่อนจะห้อตะบึงออกไปใต้แสงอาทิตย์
“ตามองค์หญิงไป!”
“ตามไป! อย่าให้เกียรติของตระกูลต้องมัวหมอง!”
ชนชั้นสูงในพระราชฐานนำกองทัพตามการนำขององค์หญิงอังริเอตต้าไป
มาซารินิมองฝุ่นควันที่ตลบอบอวลด้วยแววตาเลื่อนลอย
“ข้ารู้ว่าเราต้องทำศึกกับอัลเบี้ยนในวันข้างหน้า ไม่ว่าข้าจะพยายามเพียงได้ก็ตาม แต่...เวลานี้ประเทศของเรายังไม่พร้อม”
คาร์ดินัลมาซารินิไม่เคยเป็นห่วงชีวิตของตัวเอง ในใจของเขามีเพียงความปลอดภัยของประเทศเท่านั้น เพื่อผู้คน เขาได้ตัดสินใจแล้ว แม้ว่าจะต้องเสียสละส่วนน้อยไป เขาไม่อยากให้ประเทศต้องเข้าสู่สงครามที่ไร้ทางชนะ
แต่อย่างที่องค์หญิงได้ตรัสในที่ประชุม ความทุ่มเทต่อการเมืองและการทูตของเขาเหือดหายไปจนสิ้นแล้ว แม้ยึดติดกับมันต่อไปก็หาประโยชน์อันใดมิได้ ในเวลานี้มีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องทำ
ขุนนางระดับสูงในสภาคนหนึ่งกระซิบที่ข้างหูของคาร์ดินัล
“ท่านคาร์ดินัล เรื่องทูตที่จะส่งไปเจรจากับทางอัลเบี้ยน...”
มาซารินิเอาหมวกของเขาตบหน้าขุนนางคนนั้นแล้วหันหน้าไปทางประตูพระราชวังโดยไม่กล่าวคำใดๆ ก่อนจะหยิบชิ้นส่วนชุดอภิเษกที่องค์หญิงปาใส่เขาขึ้นมาพันรอบศีรษะ เขาไม่สนว่ามันจะดูตลกเพียงใด
“พวกท่านทั้งหลาย! กระชับม้าให้แน่น! หากปล่อยให้องค์หญิงไปเพียงลำพังพระองค์ ความอัปยศนี้จะไม่มีวันลบเลือน!!”
...
ดวงจันทร์สองดวงฉายแสงอยู่ข้างกันบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่ผืนป่าเบื้องล่าง ชีวิตที่ริมหนองน้ำยังบิดไปมาด้วยความทุกข์ทรมาน มีดสั้นที่ลอยอยู่ไม่ไกลสะท้อนแสงจันทร์วาววับ เฝ้าดูร่างบนพื้นดินมานานหลายชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง
ร่างกายช่วงล่างตั้งแต่ต้นขาลงไปกลายเป็นโลหะสีน้ำเงินและบอดี้สูทสีดำอย่างสมบูรณ์แล้ว และผิวหนังส่วนอื่นๆ ก็กำลังกลายสภาพเป็นอย่างเดียวกัน หลายจุดบนศีรษะ เส้นผมสีบรอนซ์เทาจับตัวเข้าด้วยกันเป็นหมวกโลหะสีน้ำเงิน สิ่งที่ดูไม่ต่างไปจากเดิมมีเพียงใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นดินและคราบเหงื่อเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ครึ่งหนึ่งของมันในเวลานี้เป็นผิวหนังแท้ ขณะที่อีกครึ่งเป็นผิวสังเคราะห์
น้ำตาและน้ำลายไหลปนกับเหงื่อที่ซึมออกมาไม่หยุดราวกับหยดน้ำจากน้ำแข็งที่ละลาย สติของเด็กหนุ่มที่เป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่เป็นเครื่องจักรก็ไม่เชิงข้ามไปมาระหว่างแดนนิทรากับโลกเบื้องหน้านับสิบนับร้อยเที่ยว ไม่มีใครสามารถยื่นมือเข้ามาช่วยเขาได้
มาริโน่ไม่เคยเห็นเอ็กซ์ทรมานขนาดนี้มาก่อน การที่ผู้ซึ่งทิ้งภาพของความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวไว้ในความทรงจำของเธอต้องมาตะเกียกตะกายดิ้นรนต่อสู้กับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสอยู่ต่อหน้าทำให้มาริโน่รู้สึกปวดร้าวจนแทบทนไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สาเหตุของการตัดสินใจของเขา เธอเป็นคนฉลาด ตอนที่ไซเบอร์เอลฟ์ในตัวกวางนั้นสูญสลายไปเธอก็เข้าใจ ถึงสาเหตุที่เขาคะยั้นคะยอให้เธอกลับไซเบอร์สเปซเหลือเกิน และสาเหตุเดียวกันนี้ก็ทำให้เอ็กซ์คนนั้นต้องมากระสับกระส่ายบิดตัวคลุกดินคลุกหญ้าร้องครวญครางไม่เป็นภาษา
ยิ่งรู้อย่างนั้น ยิ่งทำให้มาริโน่รู้สึกขมขื่น ที่เขาต้องมาทุกข์ทรมานทั้งกายและใจกับความล้มเหลวของตัวเองในการปกป้องพวกเธอ
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วเธอก็ควรจะกลับไซเบอร์สเปซไปเสียแต่โดยดีไม่ให้เป็นภาระที่เขาต้องมาคอยห่วงอย่างนั้นหรือ? เธอฝืนใจทำอย่างนั้นไม่ได้ ต้องได้มาเห็นสีหน้าตอนที่เขาตัดสินใจทิ้งร่างกายในปัจจุบัน เอาตัวเองผ่านการทรมานอันแสนสาหัสนี้ เพื่อไม่ให้ต้องมีใครเป็นอย่างไซเบอร์เอลฟ์ตัวนั้นอีก เธอไม่อยากเห็นเขาทำหน้าแบบนั้นอีก ไม่อยากให้แบกโลกทั้งใบไว้อย่างโดดเดี่ยว แม้จะอยู่ในสภาพที่อ่อนแอดังเช่นตอนนี้ เธอก็อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระนั้น
แต่ในเวลานี้เธอต้องการเพียงให้ความทุกข์ทรมานของชายตรงหน้าเธอสิ้นสุดลงเสียที
--
PBW:”ตอนนี้ทั้งตอนเป็นตอนที่ตัดสินใจปุบปับมาก เหตุการณ์อาจจะดูขาดๆ เกินๆ ขออภัยด้วย เพียงแต่คนเขียนคิดว่า 17 ตอนก็น่าจะได้เวลาซะทีแล้ว”
DX:”ไม่คิดว่าการกลับเป็นเรปลิลอยด์จะต้องมาลำบากอะไรขนาดนี้”
PBW:”ตอนหน้าก็เป็นสงครามทริสเทน-อัลเบี้ยนแล้วครับ ตอนสุดท้ายของไลท์โนเวลเล่ม 3 และอนิเมะซีซั่น 1 คนเขียนจะปล่อยของออกไปพอประมาณนึงครับ รอรับอ่านได้(แต่ไม่รู้จะออกมาวันไหน)”
DX:”ตอบคำถามคนอ่านๆ”
PBW:”ครับ รูปที่คนเขียนไปเอามาใช้แทน [ซาวิเยร์] สินะครับ รูปนั้นคนเขียนเอามาจากเว็บ Craneanime ตอนไปตามหา Monster Girl Quest 2 (ตั้งแต่ปีที่แล้ว) เป็นรูปที่อยู่ด้านล่างสุดซึ่งต้องไปดูพาสเวิร์ดสำหรับแตกไฟล์ แต่ตอนนี้เปลี่ยนรูปไปเป็นรูปอื่นแล้วครับ(ดีว่าตอนนั้นเซฟมาใส่เครื่อง) ซึ่งตอนนั้นคนเขียนไม่ได้รู้เลยว่ามันเป็นรูปตัวละครใด รูปของใครวาด และมาจากไหน เพิ่งจะรู้และไป Edit ใส่ตอนที่แนะนำตัวละครของซาวิเยร์เมื่อไม่นานมานี้เองครับผม”
ความคิดเห็น