ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #37 : The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๑๔

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 561
      5
      5 มี.ค. 58

     

    Title : The Phonucorn ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๑๔

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Sehun x Luhan

     

     

    บทที่ ๑๔

    The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต

     

     

     

     

     

    “เป็นอะไรรึเปล่าลู่ฮาน?”

     

    อี้ชิงถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาพบกับใบหน้าที่มู่ทู่ของร่างบาง ลู่ฮานดูเหมือนคนที่จิตใจล่องลอย มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว เพราะเขาอ่านคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดจนจบ แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าแท้จริงแล้วร่างสูงคืออะไรกันแน่ ใบหน้าสวยหันไปตามคำทักของเพื่อน ในขณะที่พยายามซ่อนถุงหนังสือเล่มหนาในมือไว้อย่างแนบเนียน

     

    “ไม่ได้เป็นอะไรหรอก แล้วนี่นายมาคนเดียวเหรอ?”

     

    “อื้ม”

     

    “นึกว่าจะมากับเซฮุน”

     

    “หมอนั่นรับจ๊อบนอกอยู่น่ะ น่าจะมาดึกๆนู่นแหละมั้ง”

     

    “อ่อ”

     

    “นายไม่ได้เป็นอะไรแน่เหรอลู่ฮาน หน้าตาของนายดูไม่ดีเลยนะ”

     

    “ก็แค่...นอนน้อยไปหน่อยน่ะ”

     

    รอยยิ้มเรียบถูกส่งไปให้เพื่อหวังให้เพื่อนสบายใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคนข้างๆเขาก็เป็นชาวอเนโมส บางทีอี้ชิงอาจเฉลยสิ่งที่เขากำลังสงสัยอยู่ก็ได้

     

    “นี่อี้ชิง นายวิ่งไวแค่ไหนเหรอ”

     

    “หือ?”

     

    “วิ่งน่ะ เวลาที่ชาวอเนโมสวิ่งมันไวมากเลยไม่ใช่เหรอ”

     

    “ก็ไวกว่าคนอื่นนะ แต่ก็ไม่ถึงขนาดกับว่าไวมากหรอก”

     

    “วิ่งให้ดูหน่อยสิ”

     

    “ห๊ะ?!

     

    อี้ชิงเอียงคอมองลู่ฮานที่แสดงท่าทางเอาจริงด้วยความแปลกใจ ส่งสายตาแทนการถามว่าจะให้เขาวิ่งให้ดูจริงๆใช่มั้ย พอเห็นว่าร่างบางไม่มีท่าทีหยอกเล่น อี้ชิงจึงร่ายเวทเก็บของที่ตนเองนำมาเข้าสู่ห้วงอากาศ แล้วเริ่มเตรียมตัวออกวิ่งอย่างงงๆ

     

    “เอาละนะ...”

     

    ขาเล็กก้าวออกวิ่งด้วยความเร็วสูงตามคำขอของร่างบาง โดยมีลู่ฮานที่ก็พยายามวิ่งอย่างสุดแรงตามไปด้วย จนมาถึงหน้าหอทั้งสองก็หอบจนเข่าแทบจะทรุดลงไปทันที เสียงหายใจเหนื่อยของลู่ฮานดังกว่าอี้ชิงหลายเท่า นี่คงเป็นอีกพรหนึ่งที่ชาวอเนโมสได้รับ ก็เหมือนๆความสามารถพิเศษในการหายใจใต้น้ำของชาวเนโร

     

    “แฮ่ก! แฮ่ก!

     

    “น้ำหน่อยมั้ยลู่ฮาน”

     

    “ไม่เป็นไร...แฮ่ก...ทะ...ทำไมนายดูไม่เหนื่อยเลย”

     

    “ฉันก็ไม่รู้หรอก รู้แค่ว่าเวลาวิ่งไปพร้อมกับสายลมแบบนี้ ความรู้สึกมันสุดยอดจริงๆนะ หึหึ”

     

    “แต่นั่นคือเร็วที่สุดของนายแล้วจริงๆเหรอ”

     

    “อืม ก็เร็วกว่านี้อีกไม่ได้แล้วละ ทำไมเหรอ?”

     

    “ฉันก็แค่สงสัยน่ะ ว่าฉันจะสามารถวิ่งแข่งกับสายลมได้มั้ย”

     

    “หึหึ อย่าใส่ใจเลยนะ ฉันเองก็คงดำไปอยู่ในน้ำแบบนายไม่ได้หรอก คนทุกคนก็มีความพิเศษในตัวเองทั้งนั้นนะลู่ฮาน เราไปก่อนนะพอดีนัดแบคฮยอนมาจัดห้องน่ะ”

     

    “อะ...อืม”

     

    อี้ชิงเดินหายเข้าไปในหอพักแล้ว แต่ลู่ฮานยังไม่สามารถหลุดจากคำพูดนั้นของเพื่อนได้เลย เขาไม่ได้คิดว่าเขาทิ้งห่างอี้ชิงอย่างที่คิด ความเร็วของอี้ชิงมันไม่ได้ครึ่งของการเคลื่อนไหวร่างกายของเซฮุนในวันนั้นสักนิด ถึงเขาจะตามไม่ทันอี้ชิงเสียทีเดียวแต่ก็ยังสามารถเห็นการเคลื่อนไหวนั้นได้

     

    ...มันต่างกันมากจริงๆ...

     

    “เล่นอะไรของนาย?”

     

    เสียงทักนั้นทำให้ดวงตากลมโตของร่างที่นอนแผ่ไปกับพื้นถึงกับเบิกกว้าง ใบหน้าของคนถามลอยอยู่ห่างออกไปเท่าช่วงความสูงของคนๆหนึ่ง ซูโฮมองหน้าลู่ฮาน อย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่สักนิด

     

    ...เป็นแค่หยดน้ำคิดจะวิ่งแข่งกับสายลม?...

     

    “อะ...เอ่อ...ฉัน”

     

    “วิ่งแข่งกับชาวอเนโมสมาเนี่ยนะ คิดว่าตัวเองเป็นวิหคน้อยแห่งลุ่มน้ำเนโร?”

     

    “เปล่านะ”

     

    “แล้วเมื่อกี๊ที่ฉันเห็นคืออะไร การหยอกล้อของเพื่อนเหรอ?”

     

    “ฉันก็แค่สงสัย”

     

    “จาง อี้ชิง มีอะไรให้นายต้องสงสัยกัน เขาก็แค่เด็กมีพรสวรรค์เท่านั้นเอง”

     

    “เหอะ! ตลกจริงๆที่นายใช้คำว่าเด็กกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน คิดว่าตัวเองอายุกี่ร้อยปีกันเนี่ยซูโฮ หึหึ”

     

    ลู่ฮานพูดขึ้นอย่างขบขันคิดจะเปลี่ยนประเด็น แต่สายตาเยาะๆติดตลกของซูโฮก็ทำให้เขาเริ่มอึดอัดใจ ทำไมโดนแซวขนาดนี้แต่ซูโฮยังสามารถแสดงสีหน้าขบขันออกมาได้ ถ้าเป็นคนอื่นลู่ฮานคงโดนด่าเปิงไปแล้ว

     

    ...มีแต่คนประหลาด?...

     

    “บางทีถ้านายสงสัยอะไร ก็แค่เก็บไว้แล้วรอเวลาก็พอ ยิ่งนายตามหาคำตอบนั้นมากเท่าไร มันก็จะยิ่งหนีหายไปอย่างไม่มีวันกลับนะเด็กน้อย”

     

    “นาย...รู้อะไรมาเหรอ?”

     

    ร่างบางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทันที เมื่อซูโฮเผลอพูดคำพูดแปลกๆออกมาเช่นนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังทำอะไร แล้วทำไมซูโฮถึงพูดเหมือนรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรเช่นนี้

     

    “หือ? รู้อะไรล่ะ”

     

    “ก็ที่นายพูดไง”

     

    “ฉันก็แค่อยากบอกนายเท่านั้น คัมภีร์แห่งการถือกำเนิดของนายน่ะ มันตอบไม่ได้ทุกอย่างที่อยากรู้หรอกนะ”

     

    “ซูโฮ?”

     

    “บางทีสิ่งที่เราอยากรู้มันก็อยู่ที่หนังสือเล่มอื่นน่ะ”

     

    ...นั่นสินะ! ลู่ฮานยังไม่เคยอ่านหนังสือเล่มอื่นเลย...

     

    “ขอบคุณนะซูโฮ”

     

    เส้นทางของลู่ฮานผันไปตามทางเดินของอาคาร ที่เวลานี้แทบไม่มีใครเดินผ่านไปมาเลยสักคน เด็กส่วนใหญ่ก็เพิ่งเดินทางกลับมาจากพักผ่อนทั้งนั้น มันจึงทำให้การมาหอสมุดของลู่ฮานช่างแสนสบาย ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครแอบตามมาหรือไม่

     

    “อเนโมส...อเนโมส...”

     

    เสียงหวานเอ่ยทวนหาชื่อหนังสือที่ต้องการไปตามหมวดที่แยกไว้พร้อม พยายามลงฝีเท้าให้เบาที่สุด เพราะกลัวว่าจะมีใครผ่านมาเห็นแล้วสงสัยในการกระทำของเขาก็เป็นได้

     

    ...ชาวเนโรในชั้นหนังสือสำหรับอเนโมส แค่คิดก็ดูไม่จืดแล้ว...

     

    “ไหนนะ...อเนมะ...เจอแล้ว!

     

    ลู่ฮานเผลอร้องขึ้นเสียงดังด้วยความดีใจ หนังสือเล่มสีเงินปกหนาถูกดึงออกมาจากชั้นวางหนังสือ แล้วกางออกบนโต๊ะหนังสือไปไกล นิ้วเรียวไล่เปิดไปตามสารบัญเพื่อหาหัวข้อที่น่าสนใจ

     

    “การเดินทาง...การเคลื่อนไหว...การควบคุมเวลา...หือ...การควบคุมเวลา?”

     

    แม้จะไม่มีหัวข้อของการหายตัวอย่างที่คิด แต่ดูเหมือนลู่ฮานจะเจอหัวข้อที่น่าสนใจกว่ากันแล้ว มันน่าแปลกที่เขาไม่เจอหัวข้อนี้ในคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดสักนิด ทั้งที่มันน่าจะเป็นหัวข้อที่ขาดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

     

    พรึบ! พรึบ! พรึบ!

     

    เสียงหน้ากระดาษปึกหนาถูกปัดผ่านอย่างไม่สนใจ จนมาถึงหน้าที่ควรจะเป็นหัวข้อเรื่องการควบคุมเวลา แต่สิ่งที่ลู่ฮานเห็นตรงหน้ากลับเป็นบทต่อไปของหนังสือเท่านั้น ไม่มีหน้าหนังสือกว่ายี่สิบหน้าที่หายไป

     

    ...การควบคุมเวลาทั้งหมดหายไป...

     

    “แต่ใครจะกล้าตัดกระดาษหนังสือในห้องสมุด”

     

    ร่างบางท้าวเอวมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะเดินไปหาหนังสือชื่อเดียวกันบนชั้นวางเดิม แต่เมื่อเอามันมาเปิดดูก็เหมือนกันไปหมด ไม่มีหน้าหนังสือที่เป็นหัวข้อเรื่องการควบคุมเวลา

     

    “นี่มันอะไรกัน”

     

    ลู่ฮานไม่อาจบอกได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับสิ่งที่เขาสนใจ แต่ที่เขารู้คือมีใครบางคนกำลังพยายามเก็บซ่อนเรื่องนี้ แล้วถ้าให้ลู่ฮานเดาแล้วล่ะก็ คนๆนั้นต้องเป็นคนที่จะมีผลกับเรื่องนี้ทั้งหมด ใครสักคนที่เดือดร้อนหากความลับนี้อย่างเปิด

     

    ...และมันอาจใช่ หรือ ไม่ใช่ เซฮุนก็เป็นได้...

     

    “ยังไงคงต้องขอบคุณ ที่ทำให้ฉันรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดาเลยสิให้ตาย”

     

    หนังสือเล่มหนาถูกปิดลงแล้วจัดเก็บเข้าชั้นอย่างไร้ที่ติ มือเรียวกุมกันแน่นอย่างใช้ความคิด ตอนนี้เขาเหมือนจะรู้แล้วว่าเซฮุนใช่วิธีไหนในการเดินทาง แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือเขายังไม่รู้ว่ามันจะทำแบบนั้นได้จริงหรือเปล่า หรือ มีข้อกำหนดใดที่ซ่อนอยู่ในการกระทำเหล่านั้น

     

    “ลู่ฮาน ไปไหนมาน่ะ”

     

    “เอ้า?! แบคฮยอน สวัสดี”

     

    “สวัสดี ไปไหนมาเหรอ เห็นอี้ชิงบอกว่าพวกนายมาถึงพร้อมกัน”

     

    “เอ่อ...ฉันแค่ออกไปเดินเล่นน่ะ”

     

    ลู่ฮานบอกออกไปเช่นนั้น เพราะไม่อยากให้เพื่อนรู้ความจริง แล้วเกิดสงสัยว่าเขามีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเดินทางไปห้องสมุดในเวลานี้ เวลาที่นักศึกษาทุกคนต่างกลับมาเพื่อพักผ่อนในหอพัก

     

    “ไปเดินแถวไหนมาเนี่ย มีกลิ่นกระดาษติดเต็มไปหมด”

     

    แบคฮยอนทำท่าดมเหมือนสุนัขหาของ ไม่ได้ตั้งใจจะจับผิดลู่ฮาน แต่เพราะเขาเป็นคนที่คลั่งไคล้การอ่านหนังสือ พอได้กลิ่นของกระดาษก็มักจะอดไม่ได้ไปเสียทุกที มันให้ความรู้สึกถึงข้อสงสัยที่ไม่สิ้นสุด

     

    “สวนด้านหน้ามหาวิทยาลัยน่ะ”

     

    “หือ? แล้วกลิ่นกระดามาจากไหนล่ะ”

     

    “คงติดมาจากพวกหนอนหนังสือ ที่นั่งอ่านอยู่ในโถงของหอพักมั้ง”

     

    “อ่า~”

     

    แบคฮยอนรับคำอย่างไม่ได้ติดใจอะไรในคำพูด ก่อนจะหันกลับมาหยิบของว่างที่วางอยู่ในครัวทาน หันไปก็เห็นลู่ฮานมองมาพอดี ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามที่อยากจะให้เขาแก้

     

    “มีอะไรอยากถามเหรอ?”

     

    “ห๊ะ?!

     

    “เห็นทำหน้าไม่เข้าใจแล้วก็มองนิ่งเลย มีอะไรค้างคาในใจก็เล่าได้นะ ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้จะได้ช่วย”

     

    แบคฮยอนหยิบยื่นไมตรีให้แก่ลู่ฮาน ส่วนหนึ่งก็คงเพราะว่าเขาเป็นคนชอบหาคำตอบให้กับคนอื่น แต่อย่าหาว่าแบคฮยอนเป็นคนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเลยนะ ก็เรื่องของเขามันถูกแก้ไปหมดแล้วจะให้ทำอย่างไรล่ะ

     

    “อะ...เอ่อ...ฉันก็แค่มีเรื่องสงสัย”

     

    “เรื่องอะไรล่ะ ลองบอกดูนะ?”

     

    “คะ...คือ...เรื่องการควบคุมเวลาของชาวอเนโมสน่ะ”

     

    “อ๋อ เรื่องแค่นี้เอง”

     

    “หือ? เรื่องแค่นี้งั้นเหรอ”

     

    “อือ ก็ฉันเคยอ่านมันมาแล้วนิ”

     

    “นายไปอ่านมันมาจากที่ไหนเนี่ย?”

     

    “ก็ไม่เห็นจะยากเลย ฉันไปเจอเรื่องนี้ตอนที่กำลังจะสอบเข้าปีหนึ่ง แต่เหมือนหน้าของเรื่องการควบคุมเวลามันจะขาดไปน่ะ ฉันเลยไปที่กระทรวงเอกสารแล้วก็ขอสำเนาการพิมพ์มาอ่าน ที่นั่นเป็นต้นกำเนิดของหนังสือทุกเล่มในฟีนูคอน มีทุกอย่างที่นายอยากได้เกี่ยวกับหนังสือเลยล่ะ จะเรียกว่าเป็นสารบัญหนังสือแห่งฟีนูคอนเลยก็ว่าได้”

     

    “มีอะไรแบบนี้ในฟีนูคอนด้วยเหรอ?”

     

    ลู่ฮานอ้าปากค้างกับสิ่งที่แบคฮยอนกำลังพูด มันเหมือนเป็นครั้งแรกในโลกที่เขารู้จักกระทรวงอะไรนี่เลยก็ว่าได้ ตั้งแต่ถือกำเนิดมาลู่ฮานก็จับแต่หนังสือตามแบบเรียนที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น ไม่รู้หรอกว่าหนังสือมันดียังไง แล้วก็ยิ่งไม่เคยสงสัยเลยว่าพวกมันผลิตมาจากที่ไหนกัน

     

    “หึหึ พูดอะไรของนายกันลู่ฮาน เอาเป็นว่าถ้านายอยากรู้ฉันจะเล่าให้ฟังดีมั้ย แต่มันอาจไม่ค่อยละเอียดเท่าไร พอดีฉันไม่ค่อยได้จดจำเนื้อเรื่องเป็นพิเศษน่ะ”

     

    “นายว่างเล่าให้ฉันฟังจริงๆดิ”

     

    “อือหึ คืนนี้เลยมั้ยล่ะ”

     

    “ตอนนี้เลยก็ยังได้นะ”

     

    แบคฮยอนดูตกใจในความกระตือรือร้นของลู่ฮานไม่น้อย แต่ก็ต้องขอตัวไปที่ห้องอีกครั้ง เพราะเขายังจัดห้องค้างไว้กับอี้ชิงอยู่ ร่างบางโบกมือให้แบคฮยอนแล้วเดินแยกไปอีกทางอย่างมีความหวัง

     

    “ทีนี้ก็รู้กันล่ะ ว่านายมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับมันมั้ยเซฮุน”

     

    “เกี่ยวข้องกับอะไรไม่ทราบ?”

     

    “เห้ย!

     

    ใบหน้าสวยหันไปตามคำทักของร่างสูง ที่อยู่ๆก็มายืนเสียเกือบติดหลังของเขา แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเกือบจะชนกันอยู่แล้ว ลู่ฮานกล้าสาบานตรงนี้เลยว่าเขาไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเซฮุนเลยสักนิด แต่เพียงชั่ววินาทีเท่านั้นร่างสูงก็มาประชิดตัวเสียแล้ว

     

    “ว่าไงล่ะ เมื่อกี๊นายว่าฉันเกี่ยวกับอะไร?”

     

    “ปะ...เปล่านิ”

     

    “เหรอ? แล้วเป็นไงบ้าง ความลับของฉันนายพอจะรู้มันเพิ่มขึ้นมาแล้วรึยัง”

     

    คำถามเชิงเยาะเย้ยของเซฮุน นั้นออกมาเพราะเขาแสนจะมั่นใจว่ากรงเล็บของเขาที่ทำไว้บนหนังสือ คงทำให้ลู่ฮานไม่สามารถอ่านหนังสือเล่นนั้นได้อย่างแน่นอน จึงกล้าถามออกไปอย่างคนที่กุมชัยชนะไว้

     

    ...แต่ชัยชนะมักไม่อยู่ในมือของใครนานๆ...

     

    ลู่ฮานกำมือแน่นด้วยความเจ็บใจที่ไม่สามารถตอกกลับอะไรไปได้ ทั้งที่เขาก็เริ่มรู้เรื่องราวของชาวอเนโมสมากขึ้นแล้ว ทั้งเรื่องที่บางคนสามารถกลายเป็นเหยี่ยวได้ ทั้งเรื่องสายเลือดเทวาที่สืบทอดจากวันประสูติ แต่ดูเหมือนทั้งหมดก็ยังไม่สามารถโยงได้ว่าเกี่ยวกับร่างสูงอย่างไร โดยเฉพาะสายเลือดเทวายิ่งไม่น่าเป็นไปได้ใหญ่

     

    “เงียบอย่างนี้ คงยังไม่รู้สินะ”

     

    “...”

     

    “อย่านานนักล่ะ ฉันรอให้นายพูดความจริงอะไรนั่นของฉันกับคนอื่นจนเบื่อแล้วนะ”

     

    ขายาวทำท่าจะก้าวหนีเมื่อเยาะเย้ยได้สมใจ แต่ก็ต้องชะงักหยุดเสียก่อน เมื่อเสียงหวานเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาอย่างแข็งกร้าว

     

    “แล้วนายพอจะบอกเรื่องการควบคุมเวลาให้ฉันรู้ได้มั้ยล่ะ”

     

    “หือ? การควบคุมเวลาอะไร ฉันไมเข้าใจ”

     

    เซฮุนก็ยังคงเป็นเซฮุนที่แสนเจ้าเล่ห์ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้จริงๆว่าร่างบางกำลังพูดถึงสิ่งใด แต่เพราะการพูดออกไปนั้นอาจไม่ใช่เรื่องดีนัก จึงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปเสียดีกว่า ใบหน้าสงสัยของเซฮุน ทำให้ลู่ฮานที่ก็ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมใครอยู่แล้ว ยิ่งกว่าเชื่ออย่างสนิทใจ จนเกิดความสับสนว่าเขาควรใส่ใจเรื่องนี้อยู่มั้ย

     

    “หรือว่านายเข้าใจอะไรเกี่ยวกับมันเหรอ บอกหน่อยสิ”

     

    “ฉะ...ฉันไม่รู้”

     

    “เหรอ? แล้วนายไปเอามันมาจากไหนล่ะ เผื่อคนฉลาดๆอย่างฉันอาจจะเข้าใจมันได้ง่ายกว่านะ”

     

    “ฉันก็ไม่ได้โง่นะ!

     

    “จะพยายามเชื่อแบบนั้นแล้วกัน”

     

    ความโกรธคือหนทางเดียวที่ทำให้เซฮุนดูไม่น่าสงสัยที่สุด ร่างสูงรู้ดีว่าการทำให้ลู่ฮานสติแตกนั่นแหละดีที่สุดแล้ว เพราะเมื่อร่างบางสติแตกต่อให้อ่านเรื่องของเขาไปมากเท่าไร ใกล้ความจริงเพียงแค่เอื้อมมือ มันก็เหมือนจะว่างเปล่าไม่เหลืออะไรเลย

     

    ...ที่ต้องพูดแบบนี้เพราะลู่ฮานฉลาดเกินกว่าที่ตนเองคิด...

     

    “ฉันไปดีกว่า อยากพักผ่อน”

     

    “หลับให้ตายไปเลยนะ โอ เซฮุน!!!

     

    “ถ้าฉันสิ้นชีพวันไหน จะมาสิงนายให้ไปกระโดดตึกตายด้วยกันเลย”

     

    “พูดบ้าๆ คนเกลียดกันจะเอาไปด้วยทำไม”

     

    “ใครว่าฉันเกลียดนายกันล่ะคุณรูมเมท ฉันจะรักนายปานจะกลืนและกินนายเลยล่ะ”

     

    นั่นอาจเป็นเพียงคำประชดที่ออกมาอย่างไม่รู้ตัวจากเซฮุน แต่มันทำให้คู่สนทนาทั้งสองนิ่งไปเมื่อนึกถึงมัน เซฮุนที่หันหลังหนีมาแล้วเองยังอดรู้สึกใจเต้นแรงไม่ได้ เขากำลังรู้สึกแปลกๆกับการพูดแบบนั้น จังหวะการเต้นข้างในอกดูคล้ายกับการยอมรับในสิ่งที่พูด ลู่ฮานที่เลือกเดินไปที่ห้องนอนของแบคฮยอน และ อี้ชิง เองก็คิดไม่ต่างกัน มือบางยกขึ้นมากุมที่หน้าอกอย่างนึกโล่ง ที่เซฮุนไม่พูดคำพูดแปลกๆนั้นอีก

     

    “รักเหรอ?...รักบ้าบออะไรกันเล่า!

     

    <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

     

    “เชิญครับ...เอ้า?! ทำไมมาเร็วนักล่ะ”

     

    แบคฮยอนที่ทั้งอนุญาตและกล่าวต้อนรับลู่ฮานด้วยความสงสัย เขาจำได้ว่าบอกลู่ฮานว่าอีกสักสองชั่วโมงค่อยมา แต่ร่างบางกลับรีบมาหาเขาตั้งแต่ยังไม่พ้นชั่วโมงแรกเลยด้วยซ้ำ

     

    “ขอโทษนะแบคฮยอน พอดีเถียงกับเซฮุนมาน่ะ เบื่อจะต้องทนเห็นหน้า”

     

    “เอาอีกแล้วเหรอพวกนายเนี่ย ทั้งที่ก็ดูเป็นรูมเมทที่เข้ากันได้แล้วแท้ๆ”

     

    “หมอนั่นชอบกวนประสาทน่ะอี้ชิง ฉันก็แค่รำคาญเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่”

     

    “ยังไงก็รีบๆคุยกันดีๆนะ ยังไงก็ต้องยังอยู่ด้วยกัน”

     

    “ใช่ๆ พวกนายทะเลาะกันทีไร พวกเราปวดหัวทุกทีสิน่า”

     

    สองรูมเมทเจ้าของห้องมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะช่วยกันดึงผ้าปูที่นอนใหม่เปลี่ยน เป็นอันว่าการจัดห้องของทั้งสองได้สิ้นสุดลงสักที อี้ชิงเดินไปอยู่ที่มุมของตนเองเพื่อเรียงหนังสือส่วนตัวอีกนิดหน่อย ในขณะที่ลู่ฮานเดินไปนั่งลงที่เตียงของแบคฮยอนด้วยความอยากรู้

     

    “เล่าเลยเหรอ?”

     

    “อื้ม ขอทั้งหมดที่นายรู้เลยนะ รบกวนด้วย”

     

    “ไม่รบกวนหรอก มันก็แค่เรื่องหนึ่งที่เคยอ่านมาเท่านั้นเอง”

     

    “อ่า~”

     

    “ก็เรื่องการควบคุมเวลาใช่มั้ย นายเคยเรียนเรื่องเข็มวินาทีของนาฬิกาใช่มั้ยล่ะ ว่ามันคือหน่วยที่ย่อยที่สุดแล้วในช่วงเวลาทั้งหมด แต่ที่จริงแล้วน่ะมันมีห้วงเวลาที่เรายังละเลยอยู่ เพราะว่าไม่มีใครสามารถกำหนดได้ว่ามันกำลังเดินอยู่เร็วแค่ไหน เทพอเนโมสคือเจ้าแห่งสายลมซึ่งมันเดินทางตลอดเวลาเช่นกัน จึงนิยามมันขึ้นว่าเวลาแห่งนักเดินทางยังไงล่ะ”

     

    ...นักเดินทางแห่งอเนโมส...

     

    นักเดินทางที่ดีที่สุดในโลกของฟีนูคอนคงไม่พ้นสายเลือดแห่งอเนโมส เพราะพวกเขาไม่เคยเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ชอบอยู่ในที่ๆมีสายลมพัดผ่านร่างเสมอ

     

    “และนั่นคือที่มาของคำว่าผู้จองจำยังไงล่ะ”

     

    “หือ?”

     

    ...ผู้จองจำ?...

     

    ไม่ใช่ลู่ฮานไม่รู้ว่านั่นคือคำนิยามสำหรับเผ่าอเนโมส แต่ที่คิดมาตลอดว่าที่มานั้นเป็นเพียงการตั้งให้เข้ากับนิยามของโฟเธีย คิดแค่ว่าเป็นการถากถางกันตามมนต์สาปเท่านั้น เพราะอเนโมสคือผู้ที่เหนือกว่าสายเลือดโฟเธีย จึงไม่แปลกที่ใครๆก็เข้าใจแบบเดียวกับลู่ฮานทั้งนั้น แม้ความจริงนั้นมันจะห่างจากพวกเขาคิดมากก็ตาม

     

    “คำว่าจองจำของเทพอเนโมสไม่ใช่แค่การยึดเหนี่ยวหรอกนะลู่ฮาน มันเป็นการจองจำในรูปแบบที่นายไม่เข้าใจน่ะ ไม่ต้องมีโซ่มาล่าม ไม่ต้องมีการตรึงไว้กับสิ่งต่างๆ ไม่ต้องมีสิ่งใดนอกจากเวลาที่เดินไปเท่านั้น”

     

    “ฉันไม่เข้าใจที่นายพูดเลย”

     

    ร่างบางรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดเมื่อคิดตามที่แบคฮยอนพูด เขาเคยเห็นการจองจำโดยผู้พิทักษ์มาหลายครั้ง หรือ จากผู้ล่าที่กักขังเหล่าวิญญาณที่แม่น้ำแห่งเนโร แต่ทุกการกระทำก็จะมีสิ่งหนึ่งที่เหนี่ยวรั้งสิ่งเหล่านั้นไว้ ทั้งโซ่ตรวนยาวที่ข้อเท้า หรือ เวทร่ายต้องห้ามที่เขารู้สึกเหมือนตนเองไม่เคยฟังมันรู้เรื่อง

     

    “ไม่แปลกที่นายจะไม่เข้าใจ ฉันก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเข้าใจที่อ่านไปนะ”

     

    “แล้ว สรุปมันยังไงล่ะ”

     

    “มันเป็นการทำงานง่ายๆของเวลาน่ะ นายก็แค่ทำตัวเองให้เป็นตัวเองในอีกช่วงเวลาหนึ่ง แล้วทำตัวเองให้เร็วกว่าเวลาที่เดินอยู่ เพียงเท่านั้นนายก็จะสามารถกักเก็บความทรงจำของตนเองในอีกสิบหรือยี่สิบชั่วโมงได้ เพียงเวลาแค่วินาทีเดียวสำหรับคนอื่นเลยล่ะ แต่มันก็ยากนะที่จะทำแบบนั้นได้”

     

    “เหมือนการหยุดเวลาอย่างนั้นเหรอ?”

     

    “ก็คล้ายๆ มันคือการเดินทางสำหรับชาวอเนโมส แต่สำหรับชาวเผ่าอื่นอย่างเราๆน่ะเหรอ ก็พอจะนิยามว่าหายตัวก็ได้มั้ง”

     

    แบคฮยอนทำท่าคิดอย่างขบขัน แต่ลู่ฮานนั้นกลับยกยิ้มที่ได้รู้ว่าสิ่งที่เซฮุนทำคืออะไร ที่เขาต้องรู้ต่อไปคือคนอื่นๆจะทำแบบเดียวกันได้อย่างไร

     

    “แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าใครที่ทำได้”

     

    “เขาคงต้องเป็นคนที่เกิดวันที่สิบสองเมษายนน่ะ”

     

    “แค่นั้น?”

     

    “อือ แค่เขาเป็นสายเลือดเทวาแห่งอเนโมสก็พอ”

     

    ลู่ฮานเบิกตากว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่แบคฮยอนเพิ่งบอก หัวใจของเขามันเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา เป็นไปได้เหรอที่คนๆนั้นจะเป็นคนที่แบคฮยอนกำลังพูดถึง เพื่อนร่วมห้องที่ดูไม่มีอะไรพิเศษคนนั้นเนี่ยนะ

     

    ...เป็นไปไม่ได้หรอก เซฮุนเหรอคือสายเลือดเทวา...

     

                         <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 2.14

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    เซฮุนนี้มีความลับใช่มั้ย ตอบเลยว่าก็ไม่แน่ 555 ลุ้นไปด้วยกันนะคะ^^

     

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×