ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic-BEAST] Hide and Seek: หัวใจโป้งแปะ! [DooSeob]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 กลับมาหาฉัน {Back to me}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 546
      2
      22 ก.พ. 62

    5- Back to me
     
     

     
     
    “ตายล่ะ จะเช้าอยู่แล้วทำไงดีเนี่ย” ร่างบางกล่าวขึ้นอย่างตกใจเมื่อก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
     
     
    “นายเป็นไรไปน่ะ” คนตัวสูงก้มลงมองแล้วรู้สึกได้ว่าสำหรับคนตรงหน้าแล้ว นาฬิกาเปรียบเสมือนสิ่งต้องห้ามที่....ก้มมองเมื่อไหร่ อาการประหลาดกำเริบเมื่อนั้น
     
     
    “ฉันต้องรีบกลับบ้านแล้ว” กีกวังตอบกลับแล้วหันไปมองเพื่อนตัวเล็กที่นอนหลับสนิทบนเตียงตอนนี้ด้วยท่าทางลังเล
     
     
     
    โอ้ย โยซอบไม่สบายขนาดนี้เราจะทิ้งไปได้ไงเนี่ย ไหนจะฮงกีอีก ใครจะดูแล
     
     
     
    “พี่ดูจุน ผมยืมกุญแจรถหน่อยสิ” คนตัวโตที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ข้างเตียงคนไข้เอามือล้วงกระเป๋าหยิบพวงกุญแจรถยนต์ส่งให้กับน้องชาย ดงอุนรับของต้องการพลางหันมาพูดกับกีกวัง “ไป งั้นฉันไปส่ง” 
     
     
    “แต่.....” ดวงตาหยีเล็กยังคงมองไปยังโยซอบและฮงกีอย่างสับสน…กีกวังไม่คิดว่าเขาควรจะกลับในตอนนี้
     
     
    “อย่าห่วงเลยครับ เดี๋ยวทางนี้พวกเราดูแลให้เองครับ คุณกีกวังกลับไปก่อนแล้วค่อยมาพรุ่งนี้ก็ได้” ยงจุนฮยองไม่รู้หรอกว่าทำไมกีกวังต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้ทุกครั้งเมื่อมองนาฬิกา เขาเดาว่าคงเป็นเพราะเจ้าตัวอยู่ในครอบครัวที่เคร่งครัดมาก และตอนนี้ก็ใกล้จะเช้าแล้วด้วย อาการบาดเจ็บที่ได้รับที่ข้อเท้านั่น จุนฮยองก็คาดว่ามันน่าจะมาจากการที่กีกวังพยายามหนีออกมาเพื่อตามหาฮงกีนั่นเอง
     
     
     
    ยงจุนฮยองเดาได้เหมือนตาเห็นเลยล่ะ
     
     
     
    “แต่จะเป็นการรบกวนพวกคุณนะครับ” ยังคงอิดออดทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องรีบกลับแล้ว
     
     
    “ไม่รบกวนหรอกน่า ถ้าพวกเราคิดว่าเป็นการรบกวนก็คงไม่ช่วยนายหาลูกทั้งแต่ทีแรกหรอก จะรีบกลับก็ตามมา เอ้อระเหยอยู่ได้” คนหน้าแขกบอกออกมาแล้วเดินนำออกไป
     
     
    “ถ้างั้น...ผมฝากดูแลทั้งสองคนด้วยนะครับ” ร่างเล็กกล่าวฝากฝัง จากนั้นก็วิ่งตามดงอุนออกไปเมื่อได้รับการพยักหน้าตอบรับจากดูจุนและจุนฮยองแล้ว
     
     
    “นายจะพักหน่อยมั้ยดูจุน” จุนฮยองหันมาถามเพื่อน ที่ตอนนี้เอาแต่มองไปยังโยซอบที่หลับตาพริ้มอยู่
     
     
    “หมอนี่น่ะ.............เหมือนว่าหมอนี่ดึงฉันออกมาจากที่นั่นได้” 
     
     
    ถ้าเป็นคนอื่นคงจะไม่เข้าใจว่ายูนดูจุนพูดอะไร แต่สำหรับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานานอย่างจุนฮยอง เขารู้ความหมายของคำว่าที่นั่นดี 
     
     
    จุนฮยองมองไปยังทิศทางเดียวกับที่สายตาดูจุนจดจ้องอยู่ หนุ่มน่ารักคนนี้คงไม่ใช่ธรรมดาเลย ไม่เคยมีใครนำดูจุนออกมาจากฝันร้ายในกองเพลิงนั่นได้ ปกติแล้วถ้าพบดูจุนเกิดขวัญหายแบบนั้นขึ้นมาล่ะก็ พวกเขาจะทำได้แค่ปล่อยให้ดูจุนกลับมาด้วยตัวเอง ในวันแรกที่ดูจุนบังเอิญไปหาฮยอนซึงที่บ้านแล้วพบอูยองที่กระโดดออกมาแกล้งให้ตกใจนั้น ดูจุนก็ช็อคไม่ต่างจากวันซึ่งใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง เพื่อนตัวโตถึงจะกลับมาเป็นปกติ
     
     
    “ฮ้าว...ฉันคงต้องกลับก่อนนะดูจุน พรุ่งนี้ฉันมีงานนอกสถานที่อีกน่ะ ที่ไปวันนี้ดูเหมือนจะไม่เสร็จดี” จุนฮยองเริ่มนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้เขายังมีงานต้องสะสาง และในเมื่อภารกิจวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว เขาก็ควรจะกลับเสียที เพราะดูเหมือนดูจุนคงจะสามารถดูแลโยซอบเพียงคนเดียวได้ ฮงกีเองก็หลับปุ๋ยอยู่คงจะไม่สร้างความตกอกตกใจให้เพื่อนตัวโตได้ในตอนนี้ 
     
     
    ดูจุนหันมามองเพื่อนที่เพิ่งจะขอตัวกลับไปก่อน ใจจริงแล้วเขาไม่อยากอยู่ลำพังคนเดียวที่นี่หรอก อยู่กับโยซอบนั่นไม่เท่าไหร่ แต่เจ้าตัวเล็กที่หลับอยู่บนโซฟาตอนนี้สิ....ทำไมเมื่อกี้กีกวังไปห่อกลับไปด้วยเนี่ย??
     
     
     
    เฮ้อ เอาวะก็ยังหลับอยู่ คงไม่เป็นปัญหาหรอก ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ค่อยฟาดให้สลบต่อ
     
     
     
    “อืม นายไปเถอะ พรุ่งนี้ฉันคงไม่เข้าบริษัทนะ เดี๋ยวค่อยโทรไปลา”
     
     
    ยงจุนฮยองโบกมือลาน้อยๆ แล้วพาร่างโปร่งก้าวข้ามประตูห้องไป ดูจุนกวาดตามองไปยังลูกชายของซูยังอีกครั้งแล้วถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ก่อนจะหันเหความสนใจไปยังหน้าหวานๆ ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นป๊ะป๋าของฮงกี
     
     
    “มือทั้งสองข้างนี่น่ะเหรอที่ดึงฉันกลับมา” ดูจุนทรุดตัวลงนั่ง เอื้อมมือหนาไปดึงมือน่ารักขึ้นมาวางแนบแก้มตัวเอง
     
     
     
    ไม่เห็นรู้สึกเหมือนเมื่อกี้เลย  
     
     
     
    คนตัวโตพยายามทบทวนและโหยหาถึงสัมผัสที่ได้รับเมื่อตอนที่โยซอบนวดใบหน้าของเขา
     
     
    “คุณเทวดาฮะ”
     
     
     
    ช๊ะ!!!
     
     
     
    ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิด ได้โปรดเถอะ
     
     
     
    ใช่ มันเป็นอย่างที่ดูจุนคิด ฮงกีที่ตอนนี้ไม่ได้นอนสบายอยู่บนโซฟาอีกแล้ว กำลังสะลืมสะลือเดินตรงมายังเขา มือหนาที่จับมือโยซอบอยู่ยิ่งกำมือนิ่มแน่นขึ้นเมื่อเด็กน้อยเดินเข้ามาประชิดตัว
     
     
     
    จะ...จะทำไงดี ไม้? ใช่แล้ว ต้องหาไม้มาตี 
     
     
     
    ฮงกีปีนขึ้นมานั่งบนตักของดูจุนอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้โยซอบไม่สามารถช่วยนำเด็กน้อยออกไปได้ คนน่ารักทำได้แค่นอนหลับพักผ่อน เจ้าเด็กจอมซนปีนเลยตัวของดูจุนขึ้นไปบนเตียงพยาบาล แล้วเบียดตัวเข้ากอดก่ายป๊ะป๋าที่นอนตัวซีดอยู่
     
     
     
    เฮ้ย เดี๋ยวก็ติดไข้ตายหรอก
     
     
     
    ดูจุนมองไปยังสองพ่อลูกอย่างทำอะไรถูก โยซอบแสดงอาการไข้ออกมาเยอะมาก หากฮงกีนอนกอดอยู่แบบนี้ตลอดทั้งคืนล่ะก็ มีหวังเด็กจอมซนต้องไม่สบายไปด้วยแน่ๆ
     
     
     
    ต้องย้ายออกไปคนนึง ไม่งั้นไอ้เด็กนี่ติดหวัดแน่
     
     
     
    ด้วยความฉลาดปราดเปรื่องของยูนดูจุน เขาตัดสินใจช้อนร่างของโยซอบพร้อมลากเสาน้ำเกลือย้ายไปยังโซฟานุ่มแทน แล้วปล่อยให้ฮงกียึดครองเตียงพยาบาลไปคนเดียว 
     
     
     
    ให้ตายดิ่ แล้วกูจะนอนไหนเนี่ย
     
     
     
    คนตัวโตยืนส่ายหัวกับความยุ่งยากที่ต้องเจอมาทั้งคืน ตอนนี้ก็ใกล้เช้าแล้ว เขาเองก็อยากจะพักผ่อนบ้าง แต่สิ่งอำนวยความสะดวกที่พอจะนอนได้ก็มีคนจับจองไปหมดแล้ว
     
     
     
    เอาวะ พื้นก็พื้น
     
     
     
    ดูจุนตัดสินในล้มตัวลงนอน บนพื้นถัดลงมาจากโซฟาที่โยซอบนอนอยู่
     
     
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     
     
     
     
    “เฮ้ บ้านนายอยู่ตรงนี้เองเหรอ ใกล้กับ Y Entertainment เลย” ร่างสูงขับรถมาส่งถึงบ้าน โดยการนำทางของกีกวัง
     
     
    “อ๋อ ตึกนั่นน่ะเหรอ?” กีกวังหันไปมองทางตึกสูงที่มีอักษรตัวใหญ่สีฟ้าติดไว้ว่า YE
     
     
    “ใช่ พี่ดูจุนกับพี่จุนฮยองทำงานที่นั่นแหละ เป็นเจ้าของเลยนะ”
     
     
     
    เป็นพวกคนรวย ยิ่งเข้าเค้าเลยเพราะพี่ซูยังก็ได้เงินมาเยอะทุกเดือน
     
     
     
    “นี่ พวกคุณฮยอนซึงน่ะ ยังไม่มีครอบครัวกันใช่มั้ย”
     
     
    “โสดสนิททุกนายแหละ แต่เดี๋ยวอีกนายก็จะไม่โสดแล้วล่ะ อิอิ” คนตัวสูงยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อนึกวันที่เขาจะเอาชนะใจคนสวยได้
     
     
     
    ผมทุ่มเทขนาดนี้ ไม่นานพี่ฮยอนซึงต้องรับรักผมแน่  คึคึ
     
     
     
    “อืม...ขอบใจนะที่มาส่ง นายกลับไปได้แล้วล่ะ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมัวแต่ใจลอยไปไกล กีกวังจึงถือโอกาสไล่ให้ดงอุนกลับไป 
     
     
     
    ว่าจะถามต่ออยู่หรอก แต่พระอาทิตย์จะขึ้นอยู่แล้ว แถมนายนี่ยังมัวทำหน้าเคลิ้มอะไรอยู่อีก ไว้วันหลังแล้วกัน
     
     
     
    “โอเค หวังว่าจะได้เจอกันใหม่นะ อ๊ะ ถามหน่อยสิ นายเคยไปบ้านของเพื่อนนายมั้ย” ดงอุนถามทิ้งท้าย
     
     
    “บ้านของโยซอบน่ะเหรอ?” กีกวังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวบ้านใครนักหรอก ก็เห็นๆ อยู่ว่าทางบ้านเข้มงวดขนาดไหน 
     
     
    “…ก็มีบ้าง” เพราะโยซอบเป็นเพื่อนสนิท พ่อแม่ของเขาเลยไว้ใจอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะเคยไปบ่อย
     
     
    “แล้วเพื่อนนายน่ะสนิทกับคนที่ชื่อซูยังมั้ย” ร่างสูงแหล่มองกีกวัง พยายามถามคำถามยามเจ้าตัวเผลอ
     
     
    “กับพี่ซูยังเป็นเพื่อนข้างบ้านน่ะ” ท่าทางว่ากีกวังจะลืมระวังตัวไปเสียสนิท
     
     
     
    ติดกับแล้ว ไหนบอกไม่เคยได้ยินชื่อนี้ไง
     
     
     
    “งั้นฉันกลับก่อน เดี๋ยววันหลังจะมาถามเรื่องรุ่นพี่ซูยังใหม่นะ” ดงอุนโบกมือแล้วเดินขึ้นรถไป
     
     
    “อืมๆ ได้” อีกีกวังลืมไปแล้วจริงๆ ว่าตัวเองตั้งใจจะปิดเรื่องที่รู้จักซูยังไว้
     
     
     
     
     
    รถยนต์ของดูจุนถูกขับออกไปได้ไม่เท่าไหร่นัก ดงอุนก็เกิดนึกกลัวว่าจะลืมที่อยู่ของบ้านหลังนี้ไป และเพื่อที่จะสามารถมาให้ถูกต้องได้ในคราวหลัง เขาจึงวกกลับมาหวังจะจดที่อยู่ไว้โดยจอดรถเอาไว้ไกลๆ เพื่อป้องกันคนพบเห็น
     
     
    “บ้านเลขที่เท่าไหร่นะ???” มองไม่ค่อยชัดนัก ต้องเข้าไปอ่านใกล้ๆ ขึ้น
     
     
    “เอ๊ะ นั่นอะไร” ดงอุนชะงักไปเมื่อเห็นบางอย่างผิดปกติที่บริเวณสนามหน้าบ้านของกีกวัง
     
     
    อีกีกวังกำลังพยายามจะปีนต้นไม้ขึ้นไปบนห้องของตัวเอง แต่เพราะกิ่งไม้ยาวที่ทอดเชื่อมกับหลังคาได้หักลงไปแล้วเมื่อตอนที่เขาหนีออกมา ทำให้ร่างบางได้แต่หยุดนิ่งอยู่บนต้นไม้ พยายามใช้ความคิดว่าจะข้ามไปได้อย่างไร และเพราะข้อเท้าที่ยังเจ็บอยู่ทำให้กีกวังไม่คิดว่าเขาจะใช้แรงสปริงจากข้อเท้าส่งตัวเองข้ามไปได้
     
     
     
    เป็นสไปเดอร์แมนหรือไงวะ?
     
     
     
    กีกวังค่อยๆ โหนตัวเองโดยยึดมือทั้งสองข้างไว้กับกิ่งไม้ จากนั้นแกว่งตัวเองไปมา หวังที่จะให้ปลายเท้าก่ายไปถึงหลังคา 
     
     
     
    อ่อ นักยิมนาสติกบาร์ต่างระดับ
     
     
     
    ซนดงอุนยืนกอดอกมองร่างที่ไหวไปมานั้นอย่างขำขัน และแล้วกีกวังก็ทำสำเร็จ เมื่อขาข้างหนึ่งสามารถแตะและพาดกับหลังคาบ้านได้ประมาณ 3 ซม.
     
     
     
    ได้ละ แต่.....
     
     
     
     
     
    จะทำยังไงต่อล่ะ???
     
     
     
     
     
    คนที่มองอยู่ข้างล่างพอจะเข้าใจว่ากีกวังพยายามจะทำอะไร แล้วก็คาดการไว้แล้วว่าถึงร่างบางจะเอาขาพาดกับหลังคาได้สำเร็จก็เถอะ แต่เขาจะทำยังไงเพื่อดึงตัวเองไปที่หลังคา เพราะถ้าปล่อยมือล่ะก็ เท้าที่พาดไว้ก็ใช่ว่าจะช่วยให้เขาไม่ร่วงลงมาได้ มีแต่จะคอหักตาย!
     
    ดงอุนส่ายหน้าช้าๆ แล้วตัดสินใจแสดงตัวออกไป
     
     
    “นี่นาย!”
     
     
     
    O O
     
     
     
    “นี่นาย เงียบๆ ได้มั้ย” ร่างบางตกใจจนเท้าที่พาดไว้ตกลงมาห้อยต่องแต่ง แต่ก็ยังไม่ลืมท้วงติงดงอุนด้วยเสียงเบาๆ
     
     
    “แล้วทำไปนายมาย่องเบาเข้าบ้านตัวเองเล่า” หนุ่มหน้าแขกถามอย่างไม่เข้าใจ อีกีกวังสำหรับดงอุนแล้ว เป็นคนที่ทำแต่เรื่องแปลกๆ ตลอดเวลา
     
     
     
    เข้าบ้านดีๆ เหมือนชาวบ้านก็ไม่ได้
     
     
     
    “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันหนีออกไปน่ะ” เสียงที่กึ่งตะโกนกึ่งกระซิบบอกกลับมา
     
     
    “แล้วจะถึงมั้ยล่ะนั้นน่ะ แขนสั้นขาสั้นซะขนาดนั้น...ม่ะ ลงมาก่อนมา” ดงอุนกวักมือเรียกให้คนข้างบนลงมาข้างล่าง กีกวังจึงค่อยๆ ปีนลงมาจากต้นไม้ตามที่ดงอุนบอก 
     
     
    “มานี่ เดี๋ยวฉันจะยกตัวนายขึ้นไปเอง” ไม่พูดพร่ำมากมาย ดงอุนสอดแขนทั้งสองข้างจับที่สะโพกของร่างบางแล้วส่งตัวขึ้นไปยังหลังคา แต่เพราะว่าคนที่ถูกส่งขึ้นไปยังไม่ทันได้เตรียมตัวบวกกับดงอุนไม่ได้ดูตำแหน่งของหลังคาให้ดีก่อน ทำให้หัวทุยของกีกวังกระแทกเข้ากับชายหลังคาที่ยื่นออกมาอย่างจัง
     
     
     
     
    โป๊ก!
     
     
     
    “โอ้ย”
     
     
    “เฮ้ย”
     
     
    แม้จะเสียหลักไปบ้าง แต่ดงอุนก็แข็งแรงพอที่จะพยุงตัวไว้ได้ ในขณะที่เสียงที่เปล่งออกมาจากทั้งสองคนนั้นดังพอที่จะปลุกให้คนในบ้านตื่นขึ้นมา ตอนนี้ไฟทุกดวงในบ้านได้สว่างพรึ่บขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงใครบางคนที่วิ่งออกมา
     
     
    “พ่ะ...พ่อ” ตาหยีเบิกโพลงเมื่อหันไปพบกับพ่อบังเกิดเกล้าที่ยืนถืออาวุธคู่กายอยู่อย่างโอ่อ่า
     
     
    “เกิดอะไรขึ้น ห๊ะ แกเป็นใคร?” ชายสูงวัยที่มีไม้เบสบอลในมือถามออกมาอย่างตกใจเมื่อพบว่าต้นเสียงนั่นมาจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนขอตัวเอง ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในอ้อมกอดของชายอีกคนซึ่งตนไม่เคยเห็นมาก่อน 
     
     
     
     
     
    อีกีกวัง!!!!......ตายหยังเขียด!!!!!!!
     
     
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     
     
     
     
     
    “ใกล้จะเช้าแล้วสินะ” ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เมื่อเดินออกมาถึงหน้าโรงพยาบาล เรื่องวันนี้ทำให้จุนฮยองอ่อนล้าไม่น้อย
     
     
     
    แต่ก็ดีอยู่เรื่องนึง คือ เราเจอตัวลูกของซูยังเสียที
     
     
     
    วันใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นนี้ถือเป็นวันแรกนับจากการสิ้นสุดการค้นหาสิ่งที่ตามหามานาน อย่างน้อยเขาและดูจุนก็คงไม่ต้องรู้สึกติดค้างกับอีซูยังอีก หลังจากนี้จุนฮยองและดูจุนตั้งใจจะเข้ามาช่วยเหลือและดูแลฮงกีอย่างเต็มที่
     
     
    “นี่ซูยัง หาหนังสือเจอหรือยังน่ะ” จุนฮยองกระซิบถามเพื่อนสาวเบาๆ เพราะในห้องสมุดอันเงียบสงบแห่งมหาวิทยาลัยทงแซงนี้ หากว่ามีใครทำเสียงดังเอิกเกริกขึ้นมาละก็ มีหวังได้ถูกอาจารย์บรรณารักษ์จอมดุตีหัวเอาทันทีแน่
     
     
    “เจอแล้ว แต่ฉันหยิบไม่ถึงน่ะสิจุนฮยอง” ซูยังสาวน่ารักบ่นกระปอดกระแปด  เพราะเจ้าหนังสือเล่มที่ต้องการมันช่างวางไว้สูงเหลือเกิน
     
     
    ร้อนถึงจุนฮยองที่ต้องลุกไปหยิบให้ ก็ทำรายงานกลุ่มเดียวกันนี่นะ ถ้าไม่ช่วยเดี๋ยวยัยน่ารักคนนี้จะตัดชื่อออกจากกลุ่มเอา แล้วไอ้หนังสือเจ้ากรรมก็อยู่สูงเสียจริง ขนาดคนตัวสูงอย่างจุนฮยองยังต้องเขย่งเพื่อคว้าออกมา
     
     
    “นั่น อัดหนังสือกันยังไง แน่นเชียว ดึงไม่ออก” จุนฮยองออกแรงดึงหนังสือมากขึ้น
     
     
     
     
    โอ๊ะ
     
     
     
    หนังสือที่ต้องการหลุดออกจากชั้นว่างแล้ว แต่
     
     
    O O
     
     
     
    โอ๊ะ
     
     
     
    เหมือนกับเหตุการณ์ในละครน้ำเน่า ที่เพื่อนชายที่เสียหลักได้เซเข้าไปทางหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนรออยู่ด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
     
     
    เหมือนกับเหตุการณ์ในละครน้ำเน่า ที่น้ำหนักของจุนฮยองทำให้สาวเจ้าเสียหลักตามไปด้วย ทั้งคู่จึงล้มลงไปด้วยกัน
     
     
    และเหมือนกับเหตุการณ์ในละครน้ำเน่าอีกเช่นกัน ที่เหตุการณ์เหล่านั้นถูกเก็บประมวลด้วยสายตาคู่สวย คนที่เป็นเจ้าของหัวใจของจุนฮยอง และแน่นอนว่าฮยอนซึงไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น เพียงเข้ามาเห็นภาพที่ทั้งสองนัวเนียกันอยู่เท่านั้น
     
     
    หนุ่มหน้าสวยมองเหตุการณ์ที่เพิ่งพบด้วยจิตใจที่สับสนเล็กน้อย แต่ฮยอนซึงก็ไม่ใช่คนที่จะโวยวายอะไรออกมาเพราะเรื่องแบบนี้ ร่างบางสะบัดเรือนผมแล้วเดินออกไปทันที
     
     
    “โอ๊ะ จุนฮยอง นั่นฮยอนซึง” ซูยังตาไวพอที่จะเห็นเพื่อนคนสวย เธอยันตัวเองลุกขึ้นแล้วรีบบอกกับจุนฮยองทันที 
     
     
    “ฮยอนซึงมาเห็นแล้วก็ไปเลย...นี่ นายว่าฮยอนซึงจะเข้าใจผิดมั้ย” ซูยังแสดงความกังวลใจออกมา เพราะเธอเห็นว่าสีหน้าของฮยอนซึงดูไม่ดีนักในขณะที่หันออกไป ยงจุนฮยองมองตามไปยังทางที่ซูยังบอกว่าฮยอนซึงเพิ่งเดินออกไป พลันฉุกใจคิดกับตัวเองว่า
     
     
     
    หึงรึเปล่านะคุณนายจาง
     
     
     
    นายไม่เคยแสดงอาการหึงฉํนเลยนะ
     
     
     
    ดีล่ะ ฉันจะลองใจนายดูดีกว่า ว่านายรักฉันมากแค่ไหน หึหึ
     
     
     
    หลังจากนั้นเป็นต้นมา จุนฮยองก็เริ่มทำตัวสนิทสนมกันซูยังมากขึ้น จนดูจุนเองก็สงสัยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป ในขณะที่ฮยอนซึงก็มีอาการเงียบขรึมไปอย่างเห็นได้ชัด
     
     
    จุนฮยองไม่ประสบผลสำเร็จในการทำให้ฮยอนซึงหึง เขาพบเพียงสีหน้าเรียบนิ่งของอีกฝ่ายเท่านั้น
     
     
     
    “เรื่องมันคงเริ่มมาจากตอนที่ฉันอยากจะลองใจนาย มันถึงได้จบแบบนี้ แล้วซูยังก็กลายเป็นผู้รับเคราะห์....ฉันจะขอชดเชยให้เธอด้วยการดูแลฮงกีนะซูยัง” 
     
     
    ไม่รู้เมื่อไหร่ที่จุนฮยองเริ่มนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต แล้วขาเจ้ากรรมก็พาตัวเองเดินมาเรื่อยเปื่อย จุนฮยองไม่รู้ตัวเองว่าเดินขึ้นรถมาลงที่ป้ายรถเมล์ใกล้ๆ บ้านของฮยอนซึงเมื่อไหร่
     
     
    ร่างโปร่งเดินต่อไปอย่างช้าๆ แล้วหยุดลงที่หน้าบ้านตระกูลจาง เขามองขึ้นไปยังระเบียงห้องที่คุ้นเคย นึกไปถึงภาพเก่าๆ ที่เขาเคยยืนอยู่บนนั้น มองดูดาวเป็นเพื่อนคนสวยที่รักของเขา 
     
     
    ในตอนนี้จุนฮยองพบฮงกีแล้ว เขาพบสิ่งที่จะทำให้เขาลบล้างความรู้สึกติดค้างต่อซูยังได้แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่สิ่งเดียวที่เขาต้องทำให้ได้...นั่นคือเอาชนะใจเกลียดชังที่มีต่อซึงโฮ
     
     
     
    ฮยอนซึง ฉันคิดถึงนายจัง
     
     
     
    นายยังรอฉันอยู่ใช่มั้ย?
     
     
     
    จุนฮยองยืนมองไปยังประตูที่ระเบียงห้องของฮยอนซึง แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อแสงไฟในห้องถูกเปิดสว่างขึ้น พร้อมกับร่างบางๆ ของคนที่เขาคิดถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเดินขยี้ตาออกมา ยงจุนฮยองมองภาพน่าเอ็นดูนั้นอยู่กับที่ไม่ไปไหน จนกระทั่งคนที่ยืนบิดขี้เกียจอยู่บนระเบียงหันมาเห็นเข้า
     
     
    “อุ๊...จุนฮยองเหรอ?” คนสวยขยี้ตาอีกครั้งเพื่อว่าจะมองภาพให้ชัดขึ้น และภาพจุนฮยองที่ยืนมองเขาอยู่ก็ยังคงสะท้อนในดวงตาหวานคู่นั้น
     
     
    “จุนฮยอง นายมานี่มีธุระอะไรหรือเปล่า” เสียงหวานเปล่งถามออกไป ฮยอนซึงมองเห็นรอยยิ้มอ่อนๆ ที่ระบายอยู่บนใบหน้าของจุนฮยอง แม้ว่าทุกวันนี้ทั้งสองคนจะรู้ดีว่าคบหากันเพียงแค่ในฐานะเพื่อนสนิทเท่านั้น แต่รอยยิ้มนั้นก็มีพลังมากพอที่จะทำให้ฮยอนซึงรู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นได้
     
     
    “นี่จุนฮยอง นายมานี่ทำไมน่ะ ไหนว่าหาฮงกีพบแล้วไง หรือมีใครเป็นอะไรหรือเปล่า?” เพื่อปกปิดอาการทางหัวใจของตัวเอง ร่างบางพยายามถามคนที่ยืนอยู่หน้าบ้าน เพื่อให้สามารถคุยกันได้ตรงประเด็นจะได้ไม่ต้องพะว้าพะวงกับความรู้สึกของตัวเองให้มากนัก
     
     
    ยงจุนฮยองยังคงยืนส่งยิ้มให้เพื่อนคนสวย สายตาหวานซึ้งที่ส่งขึ้นมายิ่งทำให้ใบหน้าของฮยอนซึงซับสีเลือดตั้งแต่เช้าตรู่ นี่จางฮยอนซึงฝันไปหรือเปล่าเนี่ย ?
     
     
    “ฮยอนซึงอ่า” ในที่สุดร่างโปร่งก็มีคำพูดหลุดออกมา หลังจากที่ยืนมองอยู่นานเสียจนแทบจะทำให้หัวใจของคนถูกมองระเบิดอยู่แล้ว 
     
     
    ตั้งแต่เลิกกันไปฮยอนซึงไม่เคยหวังว่าพวกเขาจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าความรู้สึกของฮยอนซึงที่มีต่อจุนฮยองนั้นไม่เคยเปลี่ยนเท่านั้นเอง ความรู้สึกเหล่านี้ถูกคนสวยปกปิดเอาไว้ในคราบของเพื่อนสนิทอย่างมิดชิด
     
     
    “หือ” เจ้าของเรือนผมสีส้มส่งเสียงแล้วเอียงคอมองลงมาด้านล่าง ทำไมยงจุนฮยองถึงเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแบบนั้น ฮยอนซึงไม่เข้าใจจริงๆ
     
     
    “รบกวนนาย ช่วยกลับมาดูแลหัวใจให้ฉันอีกครั้งได้มั้ย” 
     
     
    ใบหน้าที่เงยมองมามองเขาด้วยสายตาที่เหมือนเมื่อก่อนนี้ จางฮยอนซึงยังจดจำได้ดี คำพูดที่ยงจุนฮยองเคยพูดกับเขาเมื่อตอนที่เริ่มคบกัน
     
     
    “ฮยอนซึงอ่า.....รบกวนนาย ช่วยมาดูแลหัวใจให้ฉันหน่อยได้มั้ย”
     
     
    “……….” ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากปากอิ่ม ร่างบางได้แต่มองลงไปยังพื้นด้านล่างอย่างตกตะลึง
     
     
    “ได้มั้ยครับคุณนายจาง”
     
     
    “………..” ฟันบนขบเข้ากับริมฝีปากร่างแน่น สรรพนามที่จุนฮยองมักจะเรียกเขาเมื่อตอนคบกัน…คุณนายจาง
     
     
     
    ครืด
     
     
     
    ยังคงไม่มีคำตอบจากร่างบาง แต่ตอนนี้ประตูบานนั้นได้ถูกปิดลงแล้ว พร้อมกับร่างสวยที่หันกลับเข้าไปในห้อง ยงจุนฮยองที่ยืนอยู่ด้านล่างค่อยๆ หุบรอยยิ้มลง แววตาฉายความเศร้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด
     
     
     
    หึ เจ็บจังเลย 
     
     
     
    นายคงรอฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ สินะฮยอนซึง
     
     
     
    จุนฮยองแค่นยิ้มออกมา เขายังคงมองไปยังห้องของอดีตคนรัก ด้วยหวังว่าฮยอนซึงอาจจะเดินออกมาพบเขาอีกครั้งแล้วตอบตกลงกับคำถามที่เขาเพิ่งถามออกไป หยดน้ำตาลูกผู้ชายค่อยๆ ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อร่างบางไม่มีทีท่าว่าจะทำดังที่เขาคิด
     
    เงาของร่างบางยังคงฉายอยู่บนบานประตูที่เป็นฝ้าใส ฮยอนซึงยังคงยืนพิงประตูอยู่ตรงนั้น ร่างที่เห็นเป็นเงาสั่นไหวเล็กน้อย ซึ่งจุนฮยองเดาได้ว่ามันมาจากการที่ฮยอนซึงสะอื้นร้องไห้....นี่เขาทำให้จางฮยอนซึงร้องไห้...นั่นยิ่งทำให้ร่างโปร่งที่ยืนหนาวเหน็บอยู่หน้าบ้านใจหายวาบ
     
     
     
    ฉันพยายามจะลืมเรื่องร้ายๆ ที่พี่ของนายก่อไว้ เพื่อที่จะได้กลับมาหานาย
     
     
     
    ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะยังลืมไม่ได้ แต่ฉันก็ทนไม่ได้อีกแล้ว…
     
     
     
    ....พวกเราอยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่ฉันกลับรักนายไม่ได้ มันทำให้รู้สึกว่าจริงๆ แล้วเราสองคนอยู่ห่างไกลกันเหลือเกิน...
     
     
     
    ทั้งๆ ที่ฉันคิดแบบนี้...แต่ดูเหมือนนายจะไม่ได้คิดเหมือนกันสินะ
     
     
     
    ดูเหมือนฉันจะปล่อยให้เวลามันผ่านไปนานเกินไป
     
     
     
    นายถึงไม่ยอมมาหาฉัน
     
     
     
    ร่างโปร่งได้แต่คิดโทษตัวเองที่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปจนฮยอนซึงไม่อาจรอเขาได้ ตอนนี้เงาของฮยอนซึงหายไปจากบานประตูแล้ว ดวงตาของจุนฮยองทอดไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย เขาได้สูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไปแล้ว จุนฮยองก้มหน้าลงยอมรับถึงความจริงแล้วค่อยๆ เดินจากไป
     
     
     
    ตอนนี้ฉันเสียนายไปแล้วจริงๆ
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ตึก 
     
     
    ตึก
     
     
     
    ตึก
     
     
     
     
     
     
    หมับ
     
     
     
    ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะเดินพ้นจากหน้าบ้านตระกูลจาง เขาก็รู้สึกได้จากแรงกระแทกและเรียวมือที่กำลังตระกองกอดเขาจากด้านหลัง
     
     
    “หัวใจนายน่ะ ฉัน.....จะไม่ให้ใครดูแลหรอก” 
     
     
    ฮยอนซึงแนบหน้าชิดกับแผ่นหลังของจุนฮยองแน่น ประโยคที่เอ่ยออกมาพร้อมกับความเปียกชื้นด้านหลัง ทำให้คนที่ถูกกอดรู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาทันที รอยยิ้มของจุนฮยองกลับมาอีกครั้ง
     
     
    “อย่าหันมานะ!” เสียงสั่งห้ามดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อจุนฮยองพยายามที่จะเอี้ยวตัวกลับไปมองหน้าคนที่เขาอยากมองเหลือเกิน
     
     
    “…………”
     
     
    “คนที่จะดูแลหัวใจนายได้น่ะ มีแต่ฉันเท่านั้น” เสียงหวานฟังดูอื้ออึงเล็กน้อยเพราะผลจากการร้องไห้
     
     
    “ฮยอนซึงอ่า” จุนฮยองเลื่อนมือขึ้นมาทาบกับมือนิ่มของฮยอนซึงที่ยังรัดเอวของเขาอยู่ เขาสัมผัสได้ถึงความรักที่ฮยอนซึงยังคงเก็บไว้ให้เขา มันยังคงครบถ้วนเหมือนเดิม
     
     
    “ขอบคุณนะจุนฮยอง.......ขอบคุณที่นายกลับมา”
     
     
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++

     
    For Chapter 6 Angel

    นี่คือเรื่องราวของตอนต่อไป....
     
    ดงอุนที่ถูกพบพร้อมกับกีกวังสามารถเอาตัวรอดจากพ่อของกีกวังมาได้ด้วยวิชามารที่มีมาแต่กำเนิด ส่วนโยซอบและฮยอนซึงพยายามถามฮงกีว่าไปปรากฏตัวอยู่ในรถของดูจุนได้ยังไง แต่ดูเหมือนฮงกีจะไม่ยอมตอบออกมาหมดทุกเรื่อง เด็กน้อยได้เก็บเรื่องบางอย่างไว้เป็นความลับ เรื่องของดูจุน...เทวดาของเขา!

    ในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะไปได้ด้วยดี...แต่ดูเหมือนว่า ซึงโฮจะเริ่มเข้าใกล้ตัวโยซอบและฮงกีแล้ว



     
    ============================================
     
    TALK

    คือดาวตั้งใจจะเข้ามาอัพฟิคใหม่แบบจัดให้เป็นแชปฯ มากขึ้น
    คือ...ก่อนหน้านี้ในเด็กดีดาวอัพแบบแบ่งย่อยมาก คือตอนที่ 11 นี่อยู่ถึงแค่แชปฯ 5 เองค่ะ
    แล้วจะเข้ามาอัพเรื่อยๆ ค่ะ *ตาลายแล้ว*

    อ่อ คุยกันบ้างก็ได้นะ อย่าปล่อยให้ดาวเม้าท์คนเดียว
    นี่ดาวยังหาตัวคนที่เข้าไปทวงฟิคฯไม่ได้เลยนิ
    ขอบคุณคนๆ นั้นมากนะคะ สำหรับกำลังใจ ^^

    ปล.
    อ่ะ นี่รูปความสัมพันธ์อันยุ่งอุตลุด

    v
    v
    v


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×