ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic-BEAST] Hide and Seek: หัวใจโป้งแปะ! [DooSeob]

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6 คุณเทวดา {Angel}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 521
      2
      22 ก.พ. 62

    6- Angel
     
     
     


    พระอาทิตย์ขึ้นส่องแสงกราดที่จุดกลางของท้องฟ้า ถ้าไม่สัมผัสด้วยตัวเองก็คงไม่มีใครเชื่อว่าเมื่อคืนนี้อากาศหนาวเหน็บแค่ไหน ตอนนี้เวลาล่วงเข้าเที่ยงวันแล้ว ความอบอุ่นละไมล่องลอยไปทั่ว เพราะบรรยากาศดีๆ ที่อบอวลคงจะทำให้หลายๆ คน ดำรงชีวิตในวันนี้อย่างสดใสและสดชื่น
     
     
    แต่
     
     
    มันอาจจะไม่ใช่สำหรับอีกีกวัง! ตอนนี้ร่างบางกำลังนั่งอยู่กลางโถงบ้านคู่กันกับคนที่อาสามาส่งเมื่อเวลาก่อนเช้า ทำไมนะเหรอ? ก็เพราะว่า...
     
     
    ก่อนรุ่งเช้า
     
     
    “พ่อ!!!”
     
     
    “พ่อเหรอ?” 
     
     
    ดงอุนทวนคำพี่กีกวังพูดออกมา เข้าหันมองไปยังคนที่แก่กว่าที่ยืนมองเขาตาเขม็ง สถานการณ์เริ่มดูไม่ดีกับตัวเขานัก ในเมื่อเขากำลังอยู่ในท่าเสมือนกำลังกระทำมิดีมิร้ายกับลูกชายเจ้าของบ้านในยามวิกาลแบบนี้ สายตาคนตัวสูงกวาดไปปะทะกับไม่เบสบอลในกำมือของคนมีอายุ เขาพยายามมองสีหน้าของคนเป็นพ่อเพื่อประเมินสถานการณ์
     
     
     
    ท่าทางจะหวงลูกมาก 
     
     
     
    เรื่องที่กีกวังต้องกลับบ้านเร็วตามเวลาและเรื่องที่ต้องหนีออกไปช่วยหาฮงกี ก็คงทำให้เดาได้ไม่ยากนักว่าคนๆ นี้คงขึ้นชื่อเรื่องความเคร่งครัดและหวงลูกชายไม่น้อย ชายหนุ่มคงต้องพยายามจะหาทางออกสำหรับตัวเองเสียแล้ว 
     
     
     
    “เฮ้ย ว่าไง? นี่แก ทำอะไรลูกชายฉัน?” เสียงกร้าวจนทำให้คนถูกถามสะดุ้งเลยทีเดียว
     
     
    แต่ถ้าพูดความจริงไปมีหวังคนที่จะลำบากก็คงจะเป็นคนในอ้อมกอดนี้เป็นแน่ เพราะร่างบ่างเพิ่งกระทำผิดด้วยการหนีออกจากบ้านไป ตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะท้านของป๊ะป๋าหน้าใส...กีกวังตัวสั่นด้วยความกลัว
     
     
    ซนดงอุนแหงนหน้าขึ้นมองกีกวังซึ่งรอสบตาอยู่ก่อนแล้ว ร่างบางส่งสัญญาณบอกกับคนตัวสูงด้วยแววตา
     
     
    (อย่าบอกเรื่องที่ฉันหนีไปนะ พลีส....ส)
     
     
     
    แล้วจะให้บอกยังไงล่ะ
     
     
     
    ในเมื่อไม่สามารถเอ่ยปากเล่าความเป็นจริงได้ ซนดงอุนจึงต้องตัดสินใจเอ่ยความเท็จออกไป
     
     
     
    อืม...งั้น...
     
     
     
    “คุณพ่อครับ ช่วยด้วยครับ กีกวังถูกทำร้าย...อ๊าย...อ๊าย....อ๊าย!!!” อยู่ดีๆ คนตัวสูงก็โพร่งออกมาเสียงดัง พร้อมทั้งเลียงแอคโค่วและการแอคติ้ง เล่นเอาทั้งกีกวังและคุณพ่อตกใจตามไปด้วย
     
     
    “ว่าไงนะ!!!” พ่อของกีกวังถามย้ำและเริ่มอินไปกับแอคติ้งของดงอุน
     
     
    “เมื่อกี้มีตีนแมวพยายามจะเข้ามาในบ้านครับ พอดีผมมาหากีกวังพอดีเลยพบเข้า มันทุบหัวกีกวังแล้วก็หนีไปทางโน้นแล้วครับ โถ กีกวัง นายเป็นไงบ้างน่ะ ฉันไม่ดีเอง ฉันน่าจะมาช่วยนายให้ทันเวลากว่านี้” ดงอุนแต่งเรื่องขึ้นมาภายใน 3 วินาที แล้วชี้ไปแบบสะเปะสะปะ แล้วหันว่าลูบหัวกีกวังอย่างทนุถนอม จนกีกวังเองยังแทบจะเชื่อว่าสิ่งที่คนตัวสูงพ่นออกมานั้นเป็นเรื่องจริง
     
     
     
    นี่เราโดนทุบหัวหัวเหรอเนี่ย???
     
     
     
    คุณอีร่างเล็กกระพริบตาปริบแล้วยกมือขึ้นคลำบริเวณหัวที่กระแทกกับหลังคา ส่วนคุณอีผู้สูงวัยก็รีบวิ่งออกไปตามทางที่ดงอุนชี้มั่วแต่ก็ไม่พบร่องรอยคนร้าย แน่ล่ะ ก็มันไม่มีนี่นา
     
     
    “แล้วแกเป็นใคร?” คนเป็นพ่อหันกลับมาด้วยสีหน้าเครียดแล้วเริ่มถามความเป็นมาของดงอุน
     
     
    “เอ่อ.....คือพ่อครับ เขาเป็นเพื่อนของผมครับ” กีกวังตอบแบบร้อนรน ดงอุนค่อยๆ ปล่อยเขาลงมาจนเท้าแตะพื้น
     
     
    “แล้วทำไมพ่อไม่เคยรู้จัก” ดูเหมือนเจ้าของเสียงจะยังไม่เชื่อในทีเดียวนัก เรื่องคนที่เข้ามาทำร้ายนั่นก็ด้วย
     
     
    “เอ่อ...” กีกวังไม่สามารถตอบได้ในทันที ร่างบางยังคงเอามือคลำหัวปอยๆ ลูกตากลอกไปมา และพยายามนึกหาคำตอบที่ดีพอ
     
     
     
    ไอ้ที่นายอยากจะปกปิดน่ะ มันจะหลุดก็เพราะนายเนี่ยแหละ ทำหน้าเนียนๆ กว่านี้ไม่เป็นหรือไง
     
     
     
    ความหลุกหลิกของกีกวังเป็นสิ่งเดียวที่ดงอุนคิดว่ามันจะทำให้ความลับแตก มันคงต้องถึงมือเขาอีกครั้งแล้วล่ะ
     
     
    “สวัสดีครับคุณพ่อ ผมเป็นเพื่อนกีกวังจริงๆ ครับ กับโยซอบผมก็สนิทครับ เรารู้จักกันนานแล้วครับ แต่เราเรียนด้วยกันได้ไม่นาน ผมบังเอิญต้องย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศครับ ตอนหลังเราเลยติดต่อกันทางอีเมล์ตลอด ถึงไม่ค่อยได้เจอกันแต่เราก็สนิทกันนะครับ ตอนนี้ผมย้ายกลับมาแล้ว ก็เลยอยากแวะมาเยี่ยมกีกวังครับ จริงๆ จะมาตั้งแต่ตอนเย็นแล้วครับ บอกกีกวังไว้ว่าสี่โมงเย็น ผมเองก็ค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องเวลามาก แต่บังเอิญว่ารถผมเสียกลางทางระหว่างมาที่นี่ก็เลยมาถึงเอาป่านนี้ครับ”
     
     
     
     
     
     
     
    ซนดงอุน....สตรอเบอร์รี่ได้โล่
     
     
     
     
     
     
    ตอนนี้กีกวังกำลังนั่งมองคนเป็นพ่อและคนที่บอกว่าเป็นเพื่อนสนิท (?) สลับกันไปมา ทั้งสองคนคุยกันอย่างถูกคอ ไม่น่าเชื่อว่าพ่อของเขาที่เคร่งครัดและหวงลูกมากจะสามารถพูดคุยอย่างเฮฮากับคนที่น่าสงสัยอย่างดงอุนได้ 
     
     
     
    พ่อคงเชื่อหมอนั่นจริงๆ สินะ 
     
     
     
    ตาเรียวจิกมองไปยังร่างสูงที่ยังคงคุยกับพ่อของตัวเองไม่เลิก พลางคิดว่า คนอะไรเนี่ย แต่งเรื่องออกมาเป็นตุเป็นตะ
     
     
    พ่อของกีกวังไม่ใช่คนเชื่อคนง่าย ออกจะเป็นคนไว้ใจคนยากด้วยซ้ำ ตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงพ่อของเขาสอบถามและซักไซ้ดงอุนอย่างละเอียดเพื่อจับผิด แต่ไม่น่าเชื่อว่าซนดงอุนจะสามารถหลุดลอดจากเครื่องจับเท็จระดับ CIA เครื่องนี้มาได้
     
     
    “วันหลังก็มาเที่ยวบ่อยๆ สิจ๊ะดงอุน” เสียงของแม่กีกวังที่กำลังเก็บกวาดบ้านอยู่แว่วออกมาจากอีกฝากนึงของบ้าน ด้วยคำเท็จเป็นเรื่องเป็นราวของดงอุน ทำให้ทุกคนเชื่อว่าเขาได้เป็นฮีโร่ที่เข้ามาช่วยกีกวังเอาไว้จริงๆ ทำให้ทั้งพ่อและแม่ไว้วางใจดงอุนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
     
     
    “เอ่อ นายกลับไปได้แล้วมั้ง มีงานไม่ใช่เหรอ” กีกวังพยายามไล่คนตัวสูงให้กลับไป เรื่องงานน่ะเหรอ ไม่มีใครได้ไปทำงานทั้งนั้นล่ะวันนี้ ก็คุณบิดาเล่นสอบสวนกินเวลาไปครึ่งวันขนาดนี้แล้ว ข้อเท้าก็เจ็บ หัวก็ปูด วันนี้เป็นวันอะไรของเขากันนะ!
     
     
    “ทำงานอะไรล่ะ เที่ยงแล้วเนี่ย เดี๋ยวฉันก็โทรไปลาเอา นายก็โทรไปด้วยสิ เจ้านายจะได้ไม่ว่าอ่ะ” ร่างสูงสวนกลับมาแทบจะทันที เขารู้ดีว่าร่างบางอยากไล่เขาให้กลับไปมากเพียงใน แต่ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเขามองเห็นโอกาสในการตีสนิทครอบครัวนี้แล้ว เขาก็ต้องรีบสานต่อซะเลย คราวต่อไปจะได้สะดวกในการสืบเรื่องให้ฮยอนซึง…ชีวิตนี้คิดได้แค่นี้แหละซนดงอุน เพื่อฮยอนซึง
     
     
    “อืม งั้นทานข้าวเที่ยงกันหน่อยแล้วกันนะไอ้ลูกชาย แล้วค่อยกลับ” หัวหน้าครอบครัวเอ่ยชวนอย่างอารมณ์ดี แต่แววตายังคงแฝงไปด้วยความรู้ทัน โดยที่ดงอุนและกีกวังไม่อาจมองเห็นได้ 
     
     
    อีมินโฮไม่เคยไว้ใจใครง่ายๆ นั่นคือเรื่องจริง เขามองเห็นบางสิ่งในตัวของเด็กหนุ่มคนนี้ สิ่งที่ดงอุนเล่ามาชายสูงอายุไม่เชื่อแม้สักนิด เพียงแต่ไอ้ไหวพริบที่เอาตัวรอดได้อย่างฉับไวนั้น ทำให้เขาสนใจในตัวดงอุนไม่น้อย...ดงอุนเหมือนกับเขาเมื่อตอนวัยรุ่น...แล้วอีกอย่างนึงก็คือการที่กีกวังได้รู้จักกับคนพรรค์นี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เขาจำเป็นต้องตามดูแลอย่างใกล้ชิดโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว...คนประเภทนี้ เขารู้จักดี เขาเคยเป็นแบบนี้มาก่อน 
     
     
    คำเชิญชวนของพ่อทำให้คนเป็นลูกแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง นอกจากยังโยซอบแล้ว ไม่เคยมีใครที่พ่อของเขาจะญาติดีด้วยขนาดนี้เลย กีกวังทำตาโตมองไปยังดงอุนอีกครั้ง เขาได้แต่หวังว่าคนตรงหน้าจะปฏิเสธออกไป เรื่องอะไร ทำไมต้องมากินข้าวด้วยกันด้วย!!!!
     
     
    “ได้คร้าบบบ คุณพ่อ!!!”
     
     
     
     
     
     
    ซนดงอุน....นายเป็นกาฝากเหรอไง!
     
     
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     
     
     
     
     
     
    “เอ่อ...ขอบคุณมากนะครับ” เสียงแหบเล็กเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจต่อคนตัวโตที่คอยดูแลเขาเมื่อคืน ดูจุนไม่ใช่แค่ช่วยดูแลเขา แต่ยังเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยตามหาฮงกีจนเจออีกด้วย 
     
     
    “ไม่เป็นไรหรอกน่า” ดูจุนตอบออกมาอย่าไงไม่ยี่หร่ะนัก สิ่งที่เขาทำลงไปก็เป็นเพียงน้ำใจเล็กน้อยเท่านั้น แต่สปิริตความเป็นพ่อของโยซอบต่างหากล่ะที่น่าชื่นชมยิ่งกว่า 
     
     
    คนตัวโตรู้ดีว่าโยซอบไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของฮงกี แต่คุณป๊ะป๋าตัวเล็กคนนี้ก็ทำหน้าที่พ่อได้ดีเยี่ยมยิ่งกว่าพ่อแท้ๆ เสียอีก นอกเหนือจากประเด็นนี้แล้ว ขนาดว่าตัวเองโดนอาการไข้โจมตีมากมายขนาดนั้น โยซอบยังอุตส่าห์ช่วยดึงเขามาจากอาการช๊อคได้อีก 
     
     
    ที่จริงแล้วเป็นเขาต่างหากที่ถูกดูแลเมื่อคืน
     
     
    “แต่เพราะคุณดูจุน ผมถึงหาฮงกีพบนะครับ” โยซอบยังคงไม่ยอม พยายามยัดเยียดความดีมาให้ดูจุนให้ได้
     
     
    “ก็บังเอิญที่ลูกนายเข้าไปอยู่ในรถฉันต่างหากล่ะ” ดูจุนไม่ค่อยอยากจะยอมรับความดีความชอบนี้นัก เขาเหลือบไปมองฮยอนซึงที่ตอนนี้กำลังนั่งเล่นอยู่กับอูยองและฮงกี เพื่อให้เพื่อนหน้าสวยช่วยปรามโยซอบไม่ให้ยกย่องเขาจนเกินเหตุ แต่ฮยอนซึงก็เอาแต่ยิ้มตอบกลับมา 
     
     
     
    จะยิ้มให้ได้อะไรกันนักหนาวะฮยอนซึง วันนี้นายชักจะทำตัวแปลกๆ นะ
     
     
     
    ถึงแม้ว่าจะนั่งเล่นอยู่กกับเจ้าตัวเล็กทั้งสอง แต่ดูจุนก็สังเกตได้ว่าฮยอนซึงในวันนี้ดูเหม่อลอยต่างจากวันอื่น เหม่อลอยอย่างคนอารมณ์ดี 
     
     
    แต่ดูจุนก็อดขอบคุณฮยอนซึงในใจไม่ได้ เพราะดีที่เพื่อนคนสวยเป็นห่วงเขาและโยซอบ จึงตั้งใจลางานมาช่วยดูแลฮงกีให้ตั้งแต่ยามสายของวัน ไม่อย่างนั้นดูจุนคงทำอะไรไม่ถูกเมื่อฮงกีตื่นขึ้นมา เป็นอันสรุปว่าวันนี้นอกจากจุนฮยองแล้วไม่มีใครได้ไปทำงานสักคน แม้แต่อูยองเองก็ไม่ได้ไปโรงเรียนด้วย มันก็เพราะไอ้เหตุการณ์ที่เจอกันเมื่อวานนี่แหละ ฮงกีหายไป กว่าจะหาตัวพบก็เล่นเอาเหนื่อยกันไปหมด
     
     
    ยิ่งนึกถึงตอนนี้เขาพบฮงกีก็ยิ่งกลัว...ดูจุนไม่ได้คาดคิดว่าจะพบฮงกีอยู่ในรถแบบนั้น นี่ถ้าเขาตกใจมากไปกว่านี้ มีหวังได้เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำตายไปทั้งคู่แน่
     
     
     
    ...นั่นสิ แล้วไอ้ปีศาจน้อยขาสั้นนี่เข้าไปได้ไง
     
     
     
    “เอ้อ แล้วฮงกีเข้าไปอยู่ในนั้นไดไงล่ะ” ฮยอนซึงนึกขึ้นได้ จึงถามไถ่เรื่องราวจากเด็กน้อย
     
     
    “ใช่ฮงกี ได้ไงๆ” เจ้าแก้มซาลาเปาอูยองรีบหันไปถามเพื่อนตาแป๋วด้วยความอยากรู้อยากเห็น
     
     
    “อะไรอ่ะ ทำไมเหรอ??” เจ้าตัวขมวดคิ้วงุนงง ทำไมใครๆ ก็มาถามอะไรกับเขากันใหญ่นะ!
     
     
    “ฮงกีครับ ฮงกีเข้าไปอยู่ในรถคุณดูจุนได้ไงครับ” ป๊ะป๋าโยซอบเองก็อยากรู้เช่นกัน
     
     
    “อ๋อ ก็...ฮงกีก็เข้าไปแอบอูยองไง แต่ไม่รู้ทำไม อยู่ดีๆ ที่ง่วงไปเลย” คำตอบสั้นๆ จากปากของเด็กน้อย ฮงกีไม่อยากเล่าความจริงทั้งหมดให้ใครฟังนัก
     
     
     
     
     
    [HongKi Part]
     
     
    อ่า ป๊ะป๋าโยซอบ คุณเทวดา แล้วก็คุณน้าฮยอนซึง ถามฮงกีด้วยล่ะว่าเข้าไปในรถคุณเทวดาได้ไง ทำยังไงดีล่ะฮะ ฮงกีไม่อยากเล่าเลยอ่ะ ก็เพราะว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ฮะ
     
     
    ฮงกีได้ยินเสียงคุณหม๊าของฮีชอลเรียกฮีชอลฮะ ตอนนั้นฮีชอลจะถูกพาตัวกลับบ้าน
     
     
    “ฮีชอล กลับบ้านกันเถอะจ๊ะ” 
     
     
    แต่ฮีชอลบอกว่าถ้าคุณน้าฮยอนอามาพาตัวเขากลับไปก็ให้ฮงกีกับอูยองรีบวิ่งเข้าไปเกาะขาคุณน้าไว้ฮะ
     
     
    “อ๋า ไม่น่า ฮีชอลๆๆๆๆ” / “ง่า ฮีชอลๆๆๆๆๆ”
     
     
    คิก แต่ฮงกีกับอูยองแถมการแสดงเล็กๆ น้อยๆ ให้ด้วย คุณน้าจะได้สงสารแล้วให้ฮีชอลอยู่เล่นต่อ
     
     
    “อ่ะ งั้นแม่ให้เราเล่นต่ออีกสักพักนะ” ฮิฮิ ในที่สุดคุณน้าฮยอนอาก็ยอมปล่อยฮีชอลลงมาเล่นกับพวกเราต่อ ฮงกีกับอูยองนี่เก่งเนอะ ^^ 
     
     
     
    แปะ!
     
     
     
    แล้วพอคุณน้าฮยอนอาเดินไปหาป๊ะป๋ากีกวัง พวกเราสามก๊กน้อยก็แทคทีมกันอย่างดีใจ คิก ก็แผนนี้มันสุดยอดจริงๆ นี่นา
     
     
     
    ^^
     
     
    “นี่! เรามาเล่นโป้งแปะกันดีกว่า” 
     
     
    แล้วอยู่ๆ ฮีชอลก็ชวนเล่นเกมส์โป้งแปะขึ้นมาล่ะฮะ ดีใจจัง เกมส์นี้ฮงกีชอบเล่นมากเลยฮะ เพราะฮงกีเล่นเก่งม๊าก...มาก
     
     
    “หยา แบบนั้นฮงกีก็ชนะอีกสิ ฮงกีเป็นยักษ์เก่งจะตาย” 
     
     
    อ้าว อูยองอ่ะขี้บ่นมากเลย ที่จริงก็เล่นๆ ไปก็สิ้นเรื่อง ถึงฮงกีจะเล่นเก่งก็จริง แต่ฮงกีก็แกล้งทำเป็นหาไม่เจอให้เกมส์มันสนุกขึ้นได้นะ (ฮงกีทำหน้าขึงขัง)
     
     
    “งั้นก็ไม่ต้องให้ฮงกีเป็นยักษ์สิ ฮงกีต้องไปซ่อน”
     
     
    นั่นไง ทีนี้ฮงกีเลยไม่ได้เป็นยักษ์เลยอ่ะ ฮีชอลตัดสิทธิ์การเป็นยักษ์ของฮงกีเลย  T T เพราะอูยองแท้ๆ เลย ชิส์! ฮงกีซ่อนไม่เก่งซะด้วยสิ...แต่เอ๊ะ...ไม่ดีเลย ฮีชอลก็เล่นเป็นยักษ์เก่งเหมือนกันนี่นา ฮงกีต้องทักท้วงบ้างสิ
     
     
    “หง่ะ ฮงกีซ่อนไม่เก่งอ่ะ ฮีชอลหาเจอทุกทีเลย”
     
     
    “งั้นฮีชอลก็ไม่เป็นคนหาสิ ให้อูยองหา” 
     
     
    โอ้โห ฮีชอลนี่เก่งจังเลยอ่ะ แก้ปัญหาใหญ่ๆ แบบนี้ได้ง่ายนิดเดียวเอง จริงด้วยเนอะ ให้อูยองเป็นยักษ์ก็สิ้นเรื่อง อูยองน่ะ ทั้งซ่อน ทั้งหา คิก คิก ทำอะไรไม่เก่งสักอย่าง คิก คิก
     
     
    (- -) (_ _)(- -) (_ _)(- -) (_ _)
     
     
    “ฮีชอลนี่เก่งจังเลย” 
     
     
    ฮงกีล่ะนับถือฮีชอลจริงๆ เลยอ่ะ
     
     
    “ใช่มั้ยล่า” ฮีชอลกำมือแล้วปล่อยนิ้วขี้กับนิ้วโป้งออกมา เอาไปวางใต้คางเหมือนเครื่องหมายถูกแล้วกระหยิ่มยิ้มหย่อง
     
     
    “งั้นอูยองจะนับแล้วนะ” 
     
     
    1 2 3…….
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    “ไปไหนดีๆ” 
     
     
    อูยองขี้โกงมากเลยฮะ นับเร็วมาก ตอนนี้ฮงกีหาที่ซ่อนไม่ทันอ่ะ ไปใต้พุ่มไม้นั่นละกัน
     
     
    โอ้ย....มดกัด -*-
     
     
    T T มดกัดฮงกีด้วยล่ะฮะ สงสัยอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว ย้ายด่วนเลยฮะ
     
     
    “ฮั่นแน่ หน้าต่างเปิดอยู่อ่ะ” 
     
     
    ตรงใกล้ๆ กันมีรถจอดอยู่สองสามคันฮะ แล้วฮงกีแอบเห็นรถคันนึงไม่ปิดกระจกรถด้วยล่ะ ดีละ ไปซ่อนในนั้นดีกว่า ^^
     
     
    ฮึ่บๆ
     
     
    ไม่ถึงแฮะ 
     
     
    10!
     
     
     
    ฮงกีพยายามกระโดดก็แล้ว ปีนก็แล้ว แต่ก็ไม่ถึงสักทีฮะ มันลื่นลงมาตลอดเลย - -‘ อูยองนับเสร็จแล้วด้วย ทำไงดีๆๆๆ
     
     
    “อ๊ะ คุณลุงฮะ”
     
     
    แล้วฮงกีก็เจอกับคุณลุงคนนึง จำได้ว่าเป็นคุณลุงของยูริ เพื่อนที่อยู่ห้องข้างๆ ฮะ
     
     
    “ว่าไงครับ”
     
     
    “คุณลุงช่วยอุ้มฮงกีใส่ในรถหน่อยสิฮะ ฮงกีขึ้นไปไมได้”
     
     
    “แล้วจะเข้าไปทำไมล่ะ นี่รถพ่อหนูเหรอ?”
     
     
    คุณลุงถามมาแบบนี้ฮงกีตอบยากมากเลยฮะ ป๊ะป๋าโยซอบเคยบอกว่าการโกหกเป็นสิ่งไม่ดี เราต้องไม่พูดโกหก
     
     
    “…..”
     
     
    “ว่าไงครับ รถคุณพ่อหนูเหรอ แล้วหนูลงมาได้ยังไงล่ะ”
     
     
    (- -) (_ _)(- -) (_ _)(- -) (_ _)
     
     
    ฮงกีพยักหน้าไปอ่ะ ฮงกีไม่ได้พูดโกหกสักหน่อยนะฮะ แล้วคุณลุงก็อุ้มฮงกีเข้าไปใส่ในรถฮะ ฮงกีเก่งมั้ยฮะ ฮิฮิ เผลอๆ ฮงกีอาจจะเก่งกว่าฮีชอลอีกก็ได้เนอะ
     
     
     
    เอ๊ะ นั่นคุณนางฟ้านี่นา 
     
     
     
    ก็ตอนที่ฮงกีกระโดดเล่นอยู่ในรถ ฮงกีก็เห็นรูปของคุณนางฟ้าที่วางไว้หน้ารถล่ะฮะ ฮงกีไม่เคยเห็นรูปคุณนางฟ้ารูปอื่นเลยล่ะ นอกจากรูปที่อยู่ในห้อง ฮงกีชอบมองดูคุณนางฟ้าบ่อยๆ ตอนที่ป๊ะป๋าโยซอบเล่านิทานให้ฟังฮะ คุณนางฟ้าจะช่วยกล่อมฮงกีนอนตลอดเลย แต่ว่ารูปนี้แปลกมากฮะ รูปนี้คุณนางฟ้าไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวฮะ มีผู้ชายอีกคนยืนอยู่ข้างๆ ด้วย 
     
     
     
    ฮงกีว่าฮงกีเคยเห็นนะผู้ชายคนนี้อ่ะ
     
     
     
    คุณลุงที่อยู่กับคุณอาฮยอนซึงนี่
     
     
     
    คุณลุงคนนั้นอยู่กับคุณนางฟ้า ห๊า คุณลุงเป็นเทวดา!!! อุ๊ปส์
     
     
     
    ฮงกีเห็นอูยองมองเข้ามาในรถด้วยล่ะ ฮงกีคงต้องปีนไปข้างหลังแล้วล่ะ คิก คิก ไม่มีใครหาฮงกีเจอแน่เลย ตรงนี้มีเสื้อผ้ากองอยู่ด้วยล่ะ ฮงกีก็เลยดึงเสื้อตัวสีดำมาคลุมตัวเอาไว้
     
     
     
    ฮ้าว...เห็นหน้าคุณนางฟ้าแล้วง่วงจังเลย
     
     
     
    แต่ไม่รู้ทำไมฮงกีรู้สึกง่วงขึ้นมาเลยฮะ สงสัยเพราะฮงกีมองหน้าคุณนางฟ้านานไปละมั้ง คุณนางฟ้าก็เลยกล่อมฮงกี คุณเทวดาก็ช่วยกล่อมฮงกีด้วยสินะฮะ
     
     
     
     
    zZZZZZZZZZZZZ
     
     
     
    เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ละฮะ ถ้าฮงกีเล่าให้ป๊ะป๋าโยซอบฟัง ฮงกีต้องโดนดุที่ไปหลอกให้คุณลุงคนนั้นอุ้มไปไว้ในรถแน่เลย แถมอีกอย่างถ้าป๊ะป๋าโยซอบรู้ว่าคุณเทวดาเป็นเพื่อนกับคุณนางฟ้า คุณเทวดาอาจจะหายตัวไปเลยก็ได้ฮะ ก็เวลานางฟ้าหรือเทวดาถูกเปิดเผยตัวจริง พวกเขาก็ต้องถูกเรียกกลับสวรรค์ไปนะสิฮะ ป๊ะป๋าโยซอบก็เคยบอกว่าคุณนางฟ้าต้องกลับไปสวรรค์เพราะว่ามีคนรู้ความจริงว่าเป็นนางฟ้าฮะ
     
     
     
    แต่เอ ฮงกีเรียกคุณเทวดาว่าคุณเทวดาแล้วคนอื่นจะรู้มั้ยฮะว่าคุณเทวดาอ่ะเป็นเทวดา
     
     
     
    [HongKi Part]
     
     
     
     
     
    “ป๊ะป๋าโยซอบฮะ ป๊ะป๋าโยซอบรู้มั้ยฮะว่าคุณเทวดาเป็นใครฮะ” ฮงกีรีบหันไม่ถามโยซอบทันทีเมื่อนึกได้ว่าความลับเรื่องคุณเทวดาอาจจะถูกรู้ซะแล้ว
     
     
    “คุณดูจุนก็เป็นเพื่อนของคุณฮยอนซึงไงล่ะฮงกี” โยซอบยิ้มตอบ
     
     
     
    โอ๊ะ ดีจัง ป๊ะป๋าโยซอบยังไม่รู้ 
     
     
     
    ฮงกีรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย อย่างน้อยคุณเทวดาของเขาก็ไม่ต้องกลับสวรรค์แล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะเผลอเรียกดูจุนว่าคุณเทวดาออกไปก็ตาม แต่เด็กน้อยคงจะต้องเลิกเรียกแบบนี้ซะที ไม่อย่างนั้นความลับต้องแตกแน่ๆ
     
     
    “เอ่อ คุณลุงดูจุนฮะ วันนี้อยู่เล่นกับฮงกีนะฮะ” ฮงกีอ้าแขนแล้ววิ่งปรี่เข้าไปหาดูจุน ดูจุนเห็นแบบนั้นก็รีบเบี่ยงตัวหนีทันที แต่เด็กน้อยก็ยังคงวิ่งโผตามดูจุนไปอย่างลดละ ทำให้ทั้งโยซอบและฮยอนซึงหัวเราะออกมา เพราะภาพเบื้องหน้ามันดูน่ารักเหมือนกับว่าพ่อลูกกำลังวิ่งไล่จับกัน
     
     
    “ฮิฮิ อูยองเล่นด้วยคนสิ” ว่าแล้วเด็กซาลาเปาก็กระโดดลงมาวิ่งไล่ตามดูจุนอีกคน
     
     
    “คุณดูจุนท่าทางจะเป็นที่ดึงดูดของเด็กๆ จริงๆ นะครับคุณฮยอนซึง” คนป่วยหัวเราะไปกับภาพที่เห็น ก่อนจะหันไปพูดคุยกับฮยอนซึงที่นั่งส่ายหน้าอยู่บนโซฟา
     
     
    “ฮ่ะๆๆ ก็เห็นจะเป็นอย่างนั้นล่ะครับ” โยซอบคงเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมากจนบอกภาพที่เห็นเป็นภาพความสุขไปหมด ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้ารับไม่ได้ของดูจุนในขณะที่วิ่งหนีพวกเด็กๆ อยู่เลย
     
     
    “จริงสิ พวกคุณฮยอนซึงยังไม่ได้คุยกับผมเรื่องที่อยากคุยเลยนี่ครับ” เมื่ออาการเริ่มดีขึ้นแล้วโยซอบก็นึกขึ้นได้ว่าทำไมพวกของฮยอนซึงถึงได้มาช่วยเขาตามหาฮงกีได้
     
     
     
    ฮยอนซึงและเพื่อนธุระจะคุยกับเขา
     
     
     
    “อ่อ ใช่แล้ว เรื่อง.....”
     
     
    “เฮ้ย ฮยอนซึง!” ทั้งคนป่วยและคนไม่ป่วยหันไปตามเสียงสั่นๆ ของดูจุนที่ยังคงวิ่งหนีเด็กไปมาอยู่ในห้อง ถึงแม้ยูนดูจุนจะสาละวนอยู่กับเด็ก ๆ แต่ก็หูไวพอที่จะได้ยินเรื่องที่โยซอบกับฮยอนซึงคุยกัน เขาจะให้ฮยอนซึงถามเรื่องนี้กับโยซอบไม่ได้ ฮยอนซึงยังรู้เรื่องนี้ไม่ได้
     
     
    “อ่ะ เอ่อ คือ.........”
     
     
    “พวกเราอยากจะรู้จักพ่อของฮงกีน่ะฮะ พอดีอูยองพูดถึงคุณโยซอบไว้เยอะเลย”
     
     
    “เอ๊ะ อูยองเปล่าน๊า”
     
     
    “เอ๋”
     
     
    “มีอะไรครับ...คุณนายจาง”
     
     
    “คุณนายจาง!”
     
     
    “นี่พวกนาย?”
     
     
    “คุณลุงดูจุนก็ทำแบบนั้นบ้างสิฮะ”
     
     
     
     
    ห๊ะ
     
     
     
    “ฮงกีอยากถูกกอดแบบอูยองอ่ะ”
     
     
    “เอ่อ ฮงกี มะ...ไม่ดีนะลูก”
     
     
    “มะ ผมไม่ได้รังเกียจคุณหรอกนะครับ แต่...”
     
     
    “ป๊ะป๋าโยซอบอ่ะ คุณลุงดูจุนอ่ะ”
     
     
    “เอ่อ ขอโทษนะ”
     
     
     
    หมับ
     
     
     
    “”
     
     
     
     
    ไอ้เด็กปีศาจนี่เริ่มจะทำตัวเข้าท่าแฮะ
     
     
     
     
    (เฮ้ย แกกอดเด็กเหรอวะ ภาพเด็ดแห่งปีเลย)
     
     
    (ช่วยไม่ได้เว้ย ก็เป็นลูกของซูยังนี่หว่า)
     
     
     
    ป๊ะป๋าโยซอบ ตัวนายนิ่มจัง
     
     
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     
     
     
     
     
    ทิวทัศน์ยามกลางคืนภายนอกตัวโรงแรมช่างดูลึกลับและงดงาม ด้วยว่าถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันต์ของแสงหลากสี ไม่ว่าจะเป็นแสงจากรถบนท้องถนนหรือแสงจากป้ายไฟโฆษณาต่างๆ ร่างสูงมองไกลออกไปเพื่อซับซับบรรยากาศแห่งนครนิวยอร์ค เขามาที่นี่ได้ร่วมสองอาทิตย์แล้ว เนื่องจากต้องมาติดต่องานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 
     
     
    ดวงตาเข้มหันกลับมาจับจ้องภาพถ่ายที่แสดงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองด้วยแววตาที่อยากจะเดาความหมาย เขาเพิ่งได้รับอีเมล์จากน้องชายเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
     
     
    ภาพที่มีฉากหลังเป็นชายหนุ่มผมสีสด ด้านหน้านั้นถูกบังไปด้วยเด็กตัวเล็กๆ เด็กคนนึงนั้นเขารู้จักดี หัวกลมแก้มป่องนั้นเขาเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง จางอูยองเงยหน้าขึ้นมองกล้องแบบไม่ทันตั้งตัว ส่วนเด็กที่ตาโตแป๋วแหววก็พยายามดันหน้าของตัวเองแทรกออกมาระหว่างอูยองกับเด็กอีกคนหนึ่งเพื่อยิ้มเข้ากล้อง มือข้างหนึ่งของเด็กตาโตตะปบอยู่บนหัวของเพื่อนเด็กข้างๆ สายตาคมเลื่อนอ่านเนื้อความใต้ภาพที่มาพร้อมกับอีเมล์ฉบับนั้น
     
     
     
     
    นี่ไงฮะพี่ซึงโฮ รูปของฮงกี เด็กที่ผมสงสัยว่าจะเป็นลูกของซูยัง
     
    ฮยอนซึง
     
     
     
    ภาพถ่ายหมู่เด็กอนุบาลที่ผู้เป็นน้องชายส่งมาให้มีการระบุตัวอักษรน่ารักบนหัวของทุกคนในรูปอย่างชัดเจน
     
     
     
    ฮยอนซึง
     
    .
     
    .
     
    .
     
     
    อูยอง
     
    .
     
    .
     
    .
     
     
    ฮีชอล
     
    .
     
    .
     
    .
     
     
    ฮงกี
     
     
     
    จางซึงโฮหยุดนิ่งเพื่อจดจำใบหน้าของฮงกี ร่างสูงไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเด็กที่เห็นในรูป เขาไม่ได้อยากจะสนใจอะไรนัก เพียงแต่มีเหตุจำเป็นที่เขาต้องสนใจ ฮยอนซึงไม่ได้เพียงแค่กำลังตามหาลูกของซูยัง แต่น้องชายของซึงโฮคนนี้ได้มีเป้าหมายที่จับจ้องไว้แล้วต่างหาก เพียงแต่คนสวยยังไม่กล้าบอกใครเพราะเกรงว่าเพื่อนๆ จะรู้สึกผิดหวังหากว่าข้อสงสัยของเขาผิดไป
     
     
     
    สองวันก่อน
     
     
    (พี่ซึงโฮว่าไงฮะ) เสียงหวานกล่าวทักทายอย่างสดใส
     
     
    “เป็นไงบ้างฮยอนซึง อูยองกวนหรือเปล่า” ซึงโฮถามสารทุกข์สุกดิบกับน้องชาย ก่อนที่จะถามถึงลูกชายของตัวเอง
     
     
    (ไม่ฮะพี่ ตอนนี้กำลังจะพากลับบ้านฮะ)
     
     
    “เอ๊ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมนายเพิ่งพาอูยองกลับล่ะ” ซึงโฮแปลกใจ เพราะหากคำนวณเวลาแล้วที่เกาหลีตอนนี้น่าจะราวๆ เกือบเที่ยงคืนแล้ว
     
     
    (เฮ้อ พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อยฮะ เพื่อนของอูยองหายตัวไป ผมกับอูยองเลยช่วยกันหาฮะ นี่ก็ยังไม่เจอด้วย) ฮยอนซึงรีบอธิบายกับพี่ชาย 
     
     
    “นายนี่มันจริงๆ เลย อย่ายุ่งเรื่องคนอื่นให้มากเลยน่า” คนเป็นพี่ส่ายหัวเบื่อหน่ายกับความมีน้ำใจไปทั่วของน้องชาย นี่ถ้าเป็นเขาคงไม่สนใจอะไรใครแบบนี้
     
     
    (มันไม่ใช่แค่เรื่องคนอื่นหรอกฮะ ผมว่ามันก็เกี่ยวกับผมอ่ะ)
     
     
    “ยังไง?”
     
     
    (ผมสงสัยว่า เพื่อนของอูยองคนนี้จะเป็นลูกของซูยังฮะ)
     
     
    “.........”
     
     
    (ซูยังเพื่อนผมไงฮ่ะ พี่จำได้มั้ยฮ่ะ พี่ยังเคยแอบปลื้มเธอเลย)
     
     
    “อ้อ...อีซูยัง ที่เป็นแฟนของดูจุนใช่มั้ย….รู้สึกช่วงปีสุดท้ายเธอออกจากมหาวิทยาลัยไปนี่นา ได้ข่าวว่า...ท้อง”
     
     
    (เอ่อ...ก็ทำนองนั้นล่ะฮะ ตอนนี้เธอเสียไปแล้วล่ะฮะ เธอตกเลือดตอนคลอดลูก แล้วพวกผมก็พยายามตามหาลูกของซูยังอยู่ ยังไงซะพวกผมกับซูยังก็สนิทกันมาก แล้วยิ่งดูจุนที่เคยเป็นแฟนกันอีก)
     
     
    “ดูจุนกับจุนฮยองก็กำลังตามหาเด็กด้วยเหรอ?”
     
     
    (ฮ่ะ ตอนนี้ผม ดูจุน แล้วก็จุนฮยองกำลังช่วยตามหาลูกของซูยังกันอยู่ฮะ แต่ผมยังไม่ได้บอกใครหรอกฮะว่าผมสงสัยฮงกีด้วย ผมบอกแค่ว่าคุณโยซอบน่าจะรู้เรื่อง)
     
     
     
     
    หึ นี่นะเหรอ ผู้เข้าชิงตำแหน่งลูกของฉัน
     
     
     
    รอยยิ้มร้ายผุดบนใบหน้าหล่อเหลา เขาทำการฟอเวิร์ดอีเมล์ไปยังที่อยู่อีกที่หนึ่ง
     
     
     
    สวัสดี Mr. J ฉันอยากให้นายสืบหาที่อยู่ของเด็กในรูปที่ชื่อฮงกีให้หน่อย เริ่มจากตามฮยอนซึงไปก่อน แล้วสืบเรื่องของพ่อแม่เด็กคนนั้นมาด้วย จับตาคนที่ชื่อโยซอบ! เรื่องค่าจ้างฉันจะไปตกลงอีกทีที่โซล รับรองจ่ายไม่อั้น
     
    จางซึงโฮ
     
     
     
    “อีซูยัง เรื่องที่เกิดกับเธอ ถ้าจะโทษ ก็ไปโทษไอ้ดูจุนเถอะที่มันดูแลเธอไม่ดี เพราะไม่งั้น เธอคงไม่เสร็จฉันง่ายๆ หรอก”
     
     
    จางฮยอนซึงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองได้ทำพลาดไปแค่ไหน
     
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     

     
    TALK

    ที่จริงจะว่าฮยอนซึงพลาดก็ไม่ได้นะ สวยมันไม่รู้เรื่อง !
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×