ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic-BEAST] Hide and Seek: หัวใจโป้งแปะ! [DooSeob]

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 11 ข้อเท็จจริงของดูจุน {Doojun's Fact}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 306
      4
      22 ก.พ. 62

    11- DooJun’s Fact

     
     
     
    ท่ามกลางความเงียบสงบในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยทงแซง นักศึกษาหลากหลายชั้นปีต่างแวะเวียนเข้าออกอย่างไม่ขาดสาย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้ที่นี่ดูคึกคักหรือจอแจนัก บรรยากาศยังคงเหมาะสมสำหรับศึกษาหาความรู้อย่างแท้จริง
     
     
    “จุนฮยอง! ซูยัง! ทำอะไรกันน่ะ” 
     
     
    ด้วยความสงบที่มีอยู่เดิม ตอนนี้ถูกทำลายด้วยเสียงเข้มของใครคนหนึ่งที่เพิ่งจะเดินเข้ามาที่นี่ได้ไม่นาน ยูนดูจุนมองตรงไปยังเพื่อนสนิทและคนรักที่กำลังนั่งสุมหัวกันอยู่ที่มุมหนึ่งของโซนหนังสือปรัชญาธุรกิจ ไม่ใช่เพียงแค่เจ้าของชื่อที่หันมามอง หากแต่ทุกคนที่กำลังอ่านหนังสือหรือทำภ่รกิจของตัวเองอยู่ต่างหันมามอง บ้างก็มองอย่างสนใจ บ้างก็มองอย่างหงุดหงิดที่โดนรบกวน
     
     
    “รายงานน่ะสิ เนี่ยเสร็จแล้วล่ะดูจุน” ซูยังตอบคนรักโกยจัดหนังสืและกระดาษบนโต๊ะอย่างรีบร้อน คงเพราะเธอเข้าใจดีว่าตอนนี้ดูจุนคงอยู่ในภาวะอารมณ์หึงหวง เนื่องจากชายหนุ่มเป็นแบบนี้มาหลายอาทิตย์แล้ว และก็ยิ่งเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ซูยังมองข้ามไหล่ดูจุน พบบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ที่เดินตามมาใกล้ๆ นั่นทำให้เธอเข้าใจอากัปกิริยาของคนรักมากขึ้น
     
     
     
    พี่ซึงโฮอีกแล้วสินะ
     
     
     
    ซูยังและจุนฮยองถูกจับตามองโดยซึงโฮมาตลอด ไม่นานมานี้ทั้งคู่ถูกซึงโฮเรียกตัวไปพบเนื่องจากซึงโฮรู้จากฮยอนซึงว่าฮยอนซึงคิดว่าพวกเขาชอบพอกัน แต่ในเมื่อพวกเขาคบกันด้วยความบริสุทธิ์ใจจึงได้อธิบายให้รุ่นพี่คนนี้ฟังอย่างไม่ได้ติดใจอะไรนัก แต่ดูเหมือนว่าซึงโฮจะยังคงไม่ไว้ใจพวกเขาเลย จนกระทั่งเรื่องราวไร้สาระแบบนี้กลายเป็นสิ่งที่สร้างความหงุดหงิดให้กับดูจุนเข้า
     
     
    “พักนี้พวกนายทำรายงานคู่กันบ่อยจังนะ แล้วนี่อะไรทำงานกันจนดึกดื่น” 
     
     
    สุ้มเสียงที่ไม่ค่อยน่าฟังของดูจุนทำให้จุนฮยองเริ่มเอะใจว่าเพื่อนของตนกำลังรู้สึกไม่ดีกับการที่เขาและซูยังสนิทกันมากขึ้น แม้ว่าเขาเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่าดูจุนอาจระเคืองใจอยู่บ้าง แต่ความเป็นเพื่อนที่มีให้กันมานานก็น่าจะทำให้ดูจุนไว้ใจเขามากกว่านี้ ยงจุนฮยองไม่ได้คิดเผื่อไปเลยว่ามนุษย์เรานั้นมักเก็บงำความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจเอาไว้เสมอ ไม่ว่าจะสนิทกันแค่ไหน แต่หากมีน้ำมันมาราดลงบนกองไฟ มันก็ทำให้ไฟที่สุมอยู่เพียงน้อยนิดลุกโชนได้ง่ายๆ ไม่ต่างกับแรงหึงหวงที่มีอยู่เพียงนิดเดียวแต่เมื่อถูกยุแยงอยู่ตลอดเวลามันก็ยิ่งทวีความเชื่อและรุนแรงมากขึ้น
     
     
    “ทำไม! หึงเหรอ ก็เหมือนกับที่นายทำคู่กับคุณนายจางแหละน่า...นายเชื่อคนอื่นมากเกินไปหรือเปล่าดูจุน!”
     
     
    จุนฮยองเองก็เริ่มไม่พอใจดูจุนขึ้นมาบ้าง และยิ่งพบซึงโฮที่ตามด้วยแบบนี้ ทำให้เขาเข้าใจทันทีว่าเพื่อนคงเชื่อเรื่องไม่จริงเข้าเต็มเปา จุนฮยองเถียงออกไปข้างๆ คูๆ ในเรื่องของฮยอนซึง ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่เกี่ยวกันสักนิดเดียว ยูนดูจุนไม่มีทางหักหลังเพื่อนและจุนฮยองก็ไม่ได้หึง ที่กล่าวไปก็แค่อยากตอบโต้ไปบ้าง เพราะน้อยใจที่เพื่อนสนิทรับฟังคนอื่นมากกว่าตัวเอง ทำไมยูนดูจุนไม่เชื่อใจเขาเหมือนที่เขาเชื่อใจยูนดูจุนกันนะ
     
     
    ซูยัง ไปขึ้นรถซะ! เดี๋ยวพี่ซึงโฮจะเป็นคนพาเธอกลับไปเอง” ดูจุนที่อารมณ์คุกรุ่นอยู่แล้วก็ยิ่งมีน้ำคน้ำโหขึ้นมาอีก “ส่วนนาย ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย” 
     
     
    ดูจุนตัดสินใจให้คนรักกลับไปกับพี่ชายของเพื่อนก่อน เพราะตอนนี้เสียงของพวกเขาเริ่มดังจนทำให้เกิดการมุงดูกันมากขึ้น เขาโกรธมากเสียจนไม่ได้สังเกตุเห็นถึงริ้วริยความตกใจของซูยังเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องกลับกับซึงโฮ
     
     
    “แต่...ฉันรอกลับพร้อมดูจุนก็ได้นะ” ซูยังหันไปมองซึงโฮที่ยืนยิ้มสะใจอยู่ไม่ไกล การไปกับซึงโฮไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี เพราะดูจุนไม่เคยรู้เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา รุ่นพี่คนนี้พยายามมาก้อร้อก้อติกกับเธอลับหลังดูจุนเสมอ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเธอกับดูจุนนั้นคบหากันในฐานะคนรัก แถมซึงโฮเองก็ยังมีคนรักเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วด้วย
     
     
    ฉันบอกให้เธอกลับไปไงซูยัง! ไปขึ้นรถซะ!” ถือเป็นคำสั่งเด็ดขาดของดูจุน ไม่ใช่ว่าเขาไว้ใจซึงโฮมากเกินไปหรอก แต่เขากลัวที่จะให้คนรักใกล้ชิดกับจุนฮยองต่างหาก ยังไงซะวันนี้ เขากับจุนฮยองก็ต้องคุยกันให้เด็ดขาด
     
     
    อีซูยังพยายามรั้งตัวเองไม่ให้ซึงโฮดึงตัวเองขึ้นไปบนรถของเขาเพราะกลัวที่จะอยู่กับชายคนนี้ตามลำพัง แต่ดูจุนกลับมองและความหมายของการกระทำนั้นไปว่าซูยังกำลังเป็นห่วงว่าตนจะทำอะไรให้จุนฮยองบาดเจ็บ ยูนดูจุนถูกพิษแรงหึงรุมเร้าเสียจนทำสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต เขาได้ประเคนอีซูยังให้กับจางซึงโฮด้วยตัวของเขาเอง
     
     
    ภายหลังจากการพูดคุยกันได้สักพักก็เป็นอันเข้าใจกันว่าสิ่งที่จุนฮยองทำเป็นว่าสนิทกับซูยังนั้นคือการลองใจฮยอนซึงเท่านั้น เพื่อนทั้งสองต่างขอโทษซึ่งกันและกันและพากันออกไปฉลองในความงี่เง่าของตัวเองกันจนเช้า โดยที่ดูจุนลืมไปสนิทที่จะโทรไปเช็คว่าซูยังกลับบ้านไปอย่างปลอดภัยหรือไม่ เช้าวันต่อมา ซูยังไม่ได้มาเข้าเรียนอย่างที่เคย
     
     
    ดูจุนพยายามติดต่อคนรักด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาได้ความจากซึงโฮว่าไปส่งซูยังถึงบ้านเรียบร้อยและปลอดภัย จนกระทั่งได้พบกับซูยังในวันถัดไป สีหน้าของหญิงสาวดูซีดเผือดและเต็มไปด้วยความกังวลใจ จนทั้งดูจุน จุนฮยองและฮยอนซึงต่างเป็นห่วงเป็นอย่างมาก แต่เพราะซูยังไม่ยอมปรีปากพูดอะไรออกมา ไม่เล่าอะไรให้ใครฟังเลยแม้แต่กับดูจุน อาจเพราะประกอบกับช่วงนั้นเป็นเวลาต้นเดือนที่ซูยังมักจะต้องมีปัญหาเรื่องการจ่ายค่าเช่าห้องเสมอ พวกเขาจึงทำให้แค่คิดว่ามันคงเป็นปัญหาทางด้านงานเงิน เพราะรู้ดีว่าซูยังนั้นไม่ใช่คนรวย พื้นฐานก็มาจากบ้านนอก แถมตอนนี้ก็ถือว่าตัวคนเดียวเพราะพ่อและแม่ต่างเสียไปหมดแล้ว ดังนั้นดูจุนจึงคิดที่จะช่วยคนรักด้วยการช่วยเหลือทางการเงิน เขาแอบทำการจ่ายค่าเช่าห้องให้ซูยังโดยไม่ยอมบอกล่วงหน้า
     
     
    นี่มันอะไรกันดูจุน ทำไมทำแบบนี้
     
     
    “ผมแค่อยากจะช่วยนะซูยัง”
     
     
    เสียงถกเถียงดังขึ้นภายในห้องเรียนที่ปราศจากใครอื่นนอกจากชายหญิงที่เป็นคู่รักที่น่าอิจฉาที่สุดในคณะบริหาร ไม่น่าเชื่อว่าจากความหวังดีที่มีให้คนรักอย่างเต็มหัวใจกลับสร้างความร้าวฉานในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เมื่ออีซูยังทนไม่ได้ที่ดูจุนมาทำตัวเป็นพ่อบุญทุ่มด้วยการใช้จ่ายหนี้สินแทนเธอ
     
     
    “ผมเห็นวาคุณกำลังเครียด” ดูจุนไม่เข้าใจ ในเมื่อเขาก็แค่ต้องการช่วยให้คนรักสบายใจขึ้นเท่านั้น
     
     
    ไม่ใช่ว่าอีซูยังจะไม่รับรู้ในความหวังดีนั้น เพียงแต่ต้นเหตุของความหนักใจของเธอเกิดมาจากสาเหตุอื่นที่เธอไม่กล้าพอที่กล่าวบอกใครได้ อีกทั้งยูนดูจุนยังได้กระทำในสิ่งที่เธอยอมไม่ได้ นั่นคือการใช้เงินดูแลเธอ อีซูยังมีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่ยอมให้คนรักมาช่วยในเรื่องการเงิน 
     
     
    “ดูจุนไปก่อนเถอะ ขอฉันอยู่คนเดียว” ซูยังคิดว่าการอยู่ลำพังสักพักอาจทำให้รู้สึกดีขึ้น 
     
     
    เมื่อคนรักออกปากมาอย่างนั้น ยูนดูจุนก็ไม่อาจขัดใจได้ เขาเดินคอตกออกไปจากห้องเรียนอย่างเศร้าสร้อย ระหว่างทางดูจุนได้แต่คิดทบทวนในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เขาบกพร่องตรงไหนถึงทำให้ซูยังไม่มีความสุขแบบนี้ จนกระทั่งดูจุนต้องหยุดความคิดและชะลอฝีเท้าลงเมื่อพบกับรุ่นพี่ที่คุ้นเคย ชายคนที่นำซูยังไม่ส่งในคืนนั้น
     
     
    “อ้าวดูจุน นายจะไปไหนน่ะ” ซึงโฮทักทายดูจุนอย่างเป็นกันเอง
     
     
    รุ่นน้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่คอจะตกลงอีกครั้ง พลางเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซึงโฮฟังซึ่งคนที่เป็นรุ่นพี่ก็ทำหน้าที่ปลอบโยนและช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นได้เป็นอย่างดี ก่อนที่จะแยกย้ายจากกันยูนดูจุนได้เอ่ยบางสิ่งกับซึงโฮ
     
     
    “พี่ซึงโฮครับ ซูยังอยู่ในห้องเรียนปรัชญาคนเดียว เธอคงไม่อยากเจอหน้าผม ฝากพี่ดูแลหน่อยได้มั้ยครับ”
     
     
    จางซึงโฮยกมือขึ้นมาตบบ่าดูจุนเบาๆ พลางพยักหน้ายอมรับ ทำให้ดูจุนค่อยๆ ยิ้มขึ้นมาได้อย่างเบาใจ ยูนดูจุนเดินตรงกลับไปยังที่พักเพื่อทบทวนตัวเอง ในขณะที่จางซึงโฮตรงไปยังห้องเรียนที่อีซูยังกำลังรอเขาอยู่ที่นั่นตามลำพัง
     
    .
     
    .
     
    .
     
    .
     
    .
     
    .
     
     
     
     
    ผั๊วะ 
     
     
    “ยงจุนฮยอง! ไหนแกบอกว่าไม่มีอะไรไง ทำไมซูยังถึงท้อง ไอ้เพื่อนชั่ว!” 
     
     
    เสียงพร่ำด่าทอจากดูจุนถึงจุนฮยองผสมเสียงหมัดที่ปะทะเข้าที่ใบหน้าดังลั่นบ้านตระกูลยง ดูจุนตรงปรี่มาที่นี่ด้วยความแค้นใจทันทีที่ทราบเรื่องว่าคนรักของเขาตั้งท้องและเขาก็มั่นใจว่าพ่อของเด็กต้องเป็นยงจุนฮยองเพื่อนทรยศของเขา
     
     
    “หยุดเถอะดูจุน หยุดเดี๋ยวนี้” 
     
     
    ซูยังที่รีบตามมาด้วยพยายามห้ามคนรักของตัวเองที่ตอนนี้สะบัดหน้าขาตรงเข้าท้องน้อยของจุนฮยองอย่างแรง เพื่อนร่างโปร่งที่นอนจุกกองอยู่บนพื้นตอนนี้ไม่ทันจะได้กล่าวตอบโต้หรือแก้ต่างให้ตัวเองด้วยซ้ำ
     
     
    “ทำไม! ห่วงมันมากเหรอ” ยูนดูจุนเงยหน้าขึ้นมองคนรักอย่างช้ำใจ ทำไมอีซูยังต้องปกป้องยงจุนฮยองขนาดนี้ ทำไมเธอถึงได้ทำเรื่องแบบนี้!
     
     
    ผั๊วะ
     
     
    ดูจุนไม่มีจิตใจมั่นคงพอที่จะคิดทบทวนอะไรมากไปกว่านี้ หน้าขาแกร่งของเขายังคงรัวกระหน่ำเข้าสู่ช่วงตัวของจุนฮยองและบางครั้งก็ปะทะเข้าที่ใบหน้าของเพื่อนสนิทอีกด้วย ผู้ดูแลความปลอดภัยของตระกูลยงก็ไม่สามารถต้านทานดูจุนได้เลย แม้ว่าคุณชายยงควรที่จะต้องถูกปกป้องแต่เนื่องจากชายคนที่กำลังกระทำการทำร้ายจุนฮยองอยู่ในตอนนี้คือคุณชายแห่งบ้านตระกูลยูนที่สนิทกันมาเนิ่นนาน ประจวบกับจุนฮยองที่ได้แสดงสัญญาณห้ามไม่ให้พวกเขาทำร้ายคุณชายยูนคนนี้อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะตัวเองจะนอนสะบักสะบอมอยู่ก็ตาม
     
     
    “ฉัน...ไม่ได้ท้องกับจุนฮยอง” ในที่สุดซูยังก็ตัดสินใจเอ่ยความจริงออกมา 
     
     
    ทั้งๆ ที่ซูยังไม่อยากให้ใครมารับรู้เรื่องนี้ หากแต่ถ้าไม่พูดออกไปมีหวังจุนฮยองต้องตายคามือดูจุนแน่
     
     
    “แล้วเธอท้องกับใครซูยัง เธอยังมีใครอีก” ดูจุนตะลึงในสิ่งที่ได้ยิน นี่ซูยังยังมีใครนอกจากเขาและจุนฮยองอีกงั้นหรือ เขามองไปยังคนรักด้วยความแปลกใจราวกับเธอคนนี้เป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
     
     
    โถ่เว้ย...ดูจุน ก็...เพราะ......นายส่งเธอไปให้...พี่...ซึงโฮ...ในวันนั้นไงเล่า”  
     
     
    เสียงขาดช่วงของจุนฮยองที่พยายามยันกายขึ้นอย่างทุลักทุเลดังขึ้น ยงจุนฮยองรู้เรื่องที่ซูยังท้องก่อนหน้าดูจุนไม่นาน เนื่องจากเขาไปพบเธอกำลังแอบทานยาสำหรับแก้แพ้ท้องในสัปดาห์ก่อน ทีแรกเขาก็เข้าใจว่าเด็กคงเป็นลูกของดูจุน หากแต่เมื่อซูยังกำชับนักหนาว่าห้ามให้ดูจุนรู้เรื่องนี้ ยงจุนฮยองจึงเอะใจและเค้นถามซูยังจนทราบความจริง
     
     
    “เขาบอกว่า.....เขาทำเพื่อฮยอนซึง เขาทำเพื่อให้ฉันกลับไปหาฮยอนซึง” 
     
     
    จุนฮยองกล่าวพลางยกแขนซ้ายขึ้นปาดคราบเลือดที่เปื้อนบริเวณมุมปาก เล่าถึงคำตอบจากปากของพี่ชายของคนรักที่เอ่ยออกมาอย่างไม่แคร์อะไร เมื่อตอนที่เขาพุ่งตรงไปหาเพื่อจัดการให้ซูยัง จางซึงโฮกล้าดีอย่างไรถึงมาทำกับเพื่อนของเขาแบบนี้
     
     
    “ฉันผิดเองดูจุนที่คิดจะลองใจฮยอนซึงแบบนี้” จุนฮยองบอกออกมาเสียงเศร้า เขามองไปยังดูจุนที่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอย่างเห็นใจและเสียใจ สีหน้าชายหนุ่มแสดงชัดเจนว่ารู้สึกผิดแค่ไหนที่รู้ว่าการลองใจของเขามันส่งผลให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
     
     
    “วะ ว่าไงนะ!” รู้แบบนี้ดูจุนยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นเป็นทวีคูณ เพราะซึงโฮถือเป็นรุ่นพี่ที่ตนเองเคารพคนหนึ่ง นี่เขาเป็นคนส่งซูยังไปให้ซึงโฮย่ำยีสินะ 
     
     
    ดูจุนรู้สึกได้ถึงความรู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัว ความตะลึงเข้าถาโถม ยิ่งนึกย้อนไปยิ่งรู้ว่าตัวเองได้ทำอะไรงี่เง่าลงไปบ้าง น้ำไร้สีไหลพรั่งพรูออกจากดวงตาอย่างไม่รู้ตัว เขาหันไปมองซูยังที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่ด้วยความเสียใจอย่างที่สุด ซูยังเงยใบหน้าขึ้นมามองคนรักอย่างจ็บปวด ความเจ็บปวดนี้ถูกถ่ายทอดมาสู่ดูจุนได้อย่างครบถ้วน นั่นยิ่งทำให้ยูนดูจุนรู้สึกปวดร้าวใจแทบขาด เขาเองที่จับซูยังถวายใส่พานให้ซึงโฮ เขาเองที่ยัดเยียดให้ซูยังต้องเจอกับเรื่องแบบนี้
     
     
    ฉันจะไปฆ่ามัน!!!!” เมื่อความโกรธถูกกระตุ้นจนเจียนระเบิด มีทางเดียวเท่านั้นที่ดูจุนคิดได้ นั่นคือเขาต้องไปจัดการกับซึงโฮ
     
     
    “อย่านะ!”
     
     
    อีซูยังรีบรั้งคนรักเอาไว้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตอนนี้มีอารมณ์ปะทุมากแค่ไหน ดูจากสภาพของจุนฮยองตอนนี้ มันยับเยินเสียยิ่งกว่าอะไร แถมตอนนี้ดูจุนยิ่งมีอารมณ์โกรธมากกว่าเก่าเสียอีก มีหวังดูจุนได้ฆ่าซึงโฮจริงๆ แน่ 
     
     
    “อย่าให้เรื่องนี้มันลามไปมากกว่านี้เลยนะ ได้โปรด ไม่งั้นฮยอนซึงจะเจ็บปวด”
     
     
    อย่างไรเสีย จางซึงโฮคือพี่ชายของฮยอนซึง ถ้าเพื่อนคนสวยรู้เรื่องนี้แล้วล่ะก็ เขาจะต้องเสียใจมากแน่นอน เรื่องราวของอีซูยังทำให้คนอื่นต้องเข้ามาเจ็บช้ำร่วมกันมากพอแล้ว ทั้งดูจุนและจุนฮยอง ซูยังไม่อยากจะให้ใครอื่นมาเจ็บปวดด้วยกันอีก 
     
     
    “ฮยอนซึงรักพี่ซึงโฮมาก ถ้าฮยอนซึงรู้เรื่องนี้ เขาต้องโทษตัวเองแน่....เพราะฉะนั้น...อย่าให้ฮยอนซึงรู้เลย...ว่าพี่ซึงโฮเป็นคนทำให้ฉันท้อง”
     
     
    คำขอร้องที่ออกจากปากของผู้เสียหายอย่างซูยัง ทำให้ทั้งดูจุนและจุนฮยองแปลกใจไม่น้อย เป็นเรื่องจริงที่ฮยอนซึงนั้นเป็นคนที่อ่อนไหวมาก หากแต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองกลับรู้สึกได้ว่าหญิงสาวต้องการที่จะปกป้องใครอีกคนมากยิ่งกว่า...เหมือนกับว่าอีซูยังต้องการปกป้องจางซึงโฮมากกว่า
     
     
    นี่มันอะไรกัน” เสียงก้องกังวาลของหญิงสาวสูงอายุผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านตระกูลยงดังขึ้น 
     
     
    คุณนายยงย่ำเท้าเข้ามายังสถานที่วิวาท เธอได้รับแจ้งข่าวจากผู้รักษาความปลอดภัยประจำบ้านเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เธอต้องกลับมาจัดการเรื่องนี้ทันที...ด้วยตัวเอง
     
     
    “จงฮยอน จับตัวดูจุนเอาไว้” คำสั่งเข้มทำให้ผู้ดูแลที่ยืนอยู่ต้องรีบทำหน้าทีทันที ในขณะที่คุณนายยงหันไปมองที่หญิงสาวที่ตัวเองคิดว่าเป็นต้นเหตุ
     
     
    สายตาดุดันที่มองไปยังซูยังทำให้ทั้งดูจุนและจุนฮยองต้องหวาดหวั่นตามหญิงสาวไปด้วย ท้ายที่สุดแล้ว จุดจบของอีซูยังจึงต้องระเห็จกลับไปอยู่ที่บ้านนอก ดูแลเด็กในท้องเพียงลำพัง จนกระทั่งจากโลกนี้ไปในที่สุด ทิ้งไว้เพียงเด็กน้อยฮงกี ที่ตอนนี้อยู่ในความดูแลของน้องชายข้างบ้านที่ชื่อว่ายังโยซอบ
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     
     
     
    “คุณลุงดูจุนฮะ โกโก้มาแว้ววววว อ๊ะ ไปไหนแล้วล่ะ”
     
     
    เสียงใสแจ๋วของเด็กวัยห้าขวบอย่างฮงกีดังแว่วมาจากในห้องครัว เด็กน้อยวิ่งดุ๊กๆ ถือแก้วกาแฟสีขาวนวล ภายในบรรจุน้ำสีดำข้นที่มีควันลอยฟุ้งเบาๆ พอให้ได้กลิ่นจางๆ ของโกโก้ร้อนๆ อีฮงกีพยายามชงโกโก้หลายต่อหลายแก้วและบรรจงคัดเลือกแก้วที่ตัวเองคิดว่าอร่อยที่สุด แล้ววิ่งเอามาให้กับคุณเทวดาของเขา หากแต่ตอนนี้เขากลับพบเพียงป๊ะป๋าโยซอบที่ทรดตัวกองอยู่กับพื้นอย่างคนที่ไม่ได้ยินอะไรรอบตัว บนหน้าตักมีกรอบรูปวางอยู่ บริเวณรอบข้างเลอะเทอะไปด้วยเศษกระดาษห่องของขวัญ
     
     
    ของขวัญจากซึงโฮที่ให้ฮงกี…ไม่สิ อันที่จริงคงตั้งใจจะเอาให้โยซอบเสียมากกว่า
     
     
    ยังโยซอบตอนนี้ไม่ต่างจากคนที่หมดอาลัยตายอยาก เขาหันไปมองฮงกีเมื่อรู้สึกได้ว่าเด็กน้อยเดินมาก้มดูตัวเองใกล้ๆ เขาเห็นฮงกีกระพริบตาปริบอย่างสงสัย ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคงจะสังเกตุเห็นร่องรอยคราบน้ำตาที่ข้างแก้มของตน โยซอบกวาดตากลับมามองกรอบรูปในมืออีกครั้ง คนในรูปที่เขารู้จักดี พี่สาวซูยังที่ยิ้มให้เขาเสมอ แต่รอยยิ้มในรูปนี้มันต่างจากรอยยิ้มที่มอบให้เขาเหลือเกิน อีซูยังดูมีความสุขมากกว่าที่อยู่กับเขา
     
     
    “โอ๊ะ รูปคุณเทวดากับคุณนางฟ้านี่ อุปส์” ฮงกีอุทานขึ้น แล้วรีบหุบปากตัวเองทันทีเมื่อนึกได้ว่าตัวเองกำลังหลุดพูดอะไรออกไป
     
     
    “ฮงกี” โยซอบหันไปถามลูกชายอย่างสนใจ ทำไมฮงกีพูดอะไรประหลาดแบบนี้ออกมา
     
     
    “ป๊ะป๋ารู้แล้วเหรอฮะ” เมื่อคิดว่าคงปกปิดต่อไปไม่ได้ ฮงกีจึงถามป๊ป๋าโยซอบออกไปแทนว่ารู้เรื่องคุณเทวดาของเขาแล้วใช่หรือไม่ 
     
     
    ไร้คำตอบใดๆ ออกจากปากของป๊ะป๋าโยซอบ เนื่องจากตอนนี้โยซอบกำลังพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์และเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมฮงกีถึงเรียกดูจุนว่าคุณเทวดา ความเงียบที่ได้จากโยซอบทำให้เด็กน้อยเริ่มหวาดหวั่น เขามองไปรอบห้องที่ไม่มีคุณเทวดายืนอยู่อย่างที่ควร ดวงใจเล็กเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เขานึกกลัวจนกระทั่งตื่นตูมสะอื้นออกมาก่อนที่จะรู้เรื่องราวอะไรด้วยซ้ำ
     
     
    “ฮึก...ถ้าอย่างนั้นคุณเทวดาก็ต้องกลับสวรรค์ไปน่ะสิ...ฮึก.....ฮือออออ”
     
     
    โยซอบน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง เขาเอื้อมมือไปคว้าฮงกีมากอดไว้ราวกับจะปลอบโยนลูกชาย แต่ที่จริงแล้ว เขาเองต่างหากที่ต้องการความอบอุ่น และต้องการปลอบโยนตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อเลยกับเรื่องที่ดูจุนเพิ่งจะเล่าออกมาให้ฟัง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายอ่อนโยนคนนั้นจะเป็นคนรักของพี่ซูยัง และไม่อยากจะเชื่อเลยว่าการที่เขาเพิ่งไล่ให้ดูจุนออกไปจากห้องเมื่อกี้จะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดได้ขนาดนี้ และไม่ใช่แค่เขาที่เสียใจ ลูกชายสุดที่รักของเขาก็ต้องมาร้องไห้อีกด้วย
     
     
    เสียงสะอื้นเบาๆ ของโยซอบและเสียงร้องจ้าของฮงกีดังพอที่จะทำให้คนที่ยืนอยู่อีกฝากของประตูได้ยิน ร่างหนาที่ยืนพิงประตูห้องอยู่รู้สึกเศร้าใจและเจ็บปวดไม่แพ้ใคร ความจริงทั้งหมดที่เขาได้เล่าให้โยซอบฟังไปในวันนี้ มันจะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรนั้นไม่มีใครรู้ได้ ยูนดูจุนรู้แค่ว่าตอนนี้เขายังไม่อยากกลับไปทั้งอย่างนี้ แม้ว่าโยซอบจะบอกว่าเกลียดและไล่เขาออกมาก็ตาม แต่เขาจะไม่มีทางปล่อยให้คนตัวเล็กได้อยู่โดนปราศจากเขาแน่นอน เขาจะต้องเอาชนะใจของโยซอบให้ได้ 
     
     
    ก็ดีเหมือนกัน ในเมื่อนายรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องมีอะไรปิดบังนายอีก ฉันจะได้แสดงความจริงใจที่ฉันมีต่อนายได้อย่างเต็มที่
     
     
    แม้จะคิดได้เช่นนั้น แต่ด้วยเสียงคร่ำครวญของสองพ่อลูกที่ยังคงไม่เงียบไปในตอนนี้ ก็ทำให้หยดน้ำตาไหลออกมาทางหางตาของดูจุนเช่นกัน
     
     
     

     
    ++++ Hide and Seek ++++

     
     
     
     
    “นี่นาย เร็วๆ สิ” เสียงเล็กออกอาการเร่งรัดกับร่างสูงที่กำลังกึ่งเดินดึ่งวิ่งตามมา
     
     
    อีกีกวังเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากโยซอบหลังจากที่ตนกำลังนั่งทานอาหารเย็นกับทางบ้าน เสียงของเพื่อนสนิทฟังดูน่าเป็นห่วงเหลือเกินจนทำให้กีกวังต้องแสดงความกังวลออกทางสีหน้า ซึ่งแน่นอนว่าใครๆ ที่มองอยู่ต้องรู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ เช่นเดียวกันกับพ่อของเขา เมื่ออีมินโฮถามไถ่ถึงที่มาของความกังวัลนั้น กีกวังจึงรีบตอบออกไปทันทีว่าโยซอบอาจจะมีเรื่อง
     
     
    (ฮึก...กีกวัง ช่วยฉันที) คำพูดที่ปะปนกับเสียงสะอื้นพรูมาทางสายโทรศัพท์ซ้ำไปซ้ำมาจนกีกวังไม่อาจจะเข้าใจอะไรได้ เขารับรู้แค่ว่าตอนนี้โยซอบกำลังต้องการเขา ในที่สุดกีกวังจึงตัดสินใจขออนุญาติพ่อและแม่เพื่อมาหาโยซอบ ผู้เป็นพ่อปฏิเสธออกมาทันทีในทีแรก
     
     
    “บอกให้โยซอบมาหาแกที่นี่สิ”
     
     
    กีกวังแทบคลั่งในความห่วงใหญ่ที่มากเกินพอดีของพ่อ ที่จริงก็รู้อยู่แล้วว่าคงได้คำตอบแบบเดิม แน่นอนว่าในหัวของกีกวังตอนนั้นคิดหาวิธีปีนหน้าต่างหนีออกมาจากบ้านอีกรอบเรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องชวนเจ็บตัวเหมือนคราวก่อนกลับไม่ต้องเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากหนุ่มตัวสูงที่กำลังตามหลังเขามาตอนนี้
     
     
    “คุณพ่อครับ ผมว่าให้กีกวังไปเถอะครับ ผมว่าคุณพ่อห่วงเขามากไปนะ กีกวังไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ”
     
     
    คำพูดของซนดงอุนที่ทำตัวเนียนเป็นกาฝากไปนั่งทานข้าวที่บ้านของเขาด้วยนั้นทำให้คุณอีสูงอายุรู้สึกโกรธขึ้นมาไม่น้อย ทีแรกกีกวังและแม่ของเขาก็ตกใจ เพราะไม่เคยมีใครเลยที่จะกล้าพูดแบบนี้กับพ่อของเขา ในขณะที่ซนดงอุนกับพูดหน้าตาเฉยพลางเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ เต็มปาก
     
     
    “ว่าไงนะ” น้ำเสียงของคุณอีเจือความระเคืองใจอย่างแจ่มชัด ไอ้เด็กกะล่อนคนนี้มันกล้าดีอย่างไรมาแสดงความเห็นในบ้านที่เขาเป็นใหญ่ ทั้งที่เขาแกล้งทำเป็นยอมรับให้ดงอุนคบหากับกีกวังเพื่อจับตามองเจตนาอันไม่ซื่อของดงอุนแท้ๆ
     
     
    “ผมรู้ครับว่าคุณพ่อเป็นห่วงกีกวัง แต่ถ้าจะเก็บไว้เป็นไข่ในหินแบบนี้ ต่อไปถ้าขาดคุณพ่อแล้วกีกวังจะอยู่ได้ยังไงครับ ลูกชายคุณน่ะซื่อเกินไปก็จริง แต่ใช่ว่าจะเอาตัวรอดไม่ได้นี่ครับ” ดงอุนละสายตาจากการจกจ้วงอาหารเข้าปากมาเงยหน้าคุยกับผู้สูงอายุอย่างจริงจัง 
     
     
    ทำไมดงอุนจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดชายคนนี้ถึงหวงลูกชายนัก ในเมื่อเขาก็ประจักษ์มากับสายตาแล้ว แต่ถ้าหากจะปกป้องกันด้วยการเก็บเอาไว้ในบ้านแบบนี้ดงอุนคิดว่ามันคงจะไม่ใช่การปกป้องที่ถูกต้อง ชายหนุ่มหันไปสบตากับพ่อของกีกวังอย่างตั้งใจ ทั้งสองคนต่างมองเข้าไปในดวงตาอย่าไงไม่ยอมลดละ
     
     
    “หึ คิดอย่างนั้นเรอะ?” คุณอีเจ้าของบ้านกดยิ้มแล้วพูดกับดงอุน เด็กหนุ่มคนนี้มีอะไรเหมือนกับเขามากกว่าที่เขาคิด
     
     
    “ครับ ผมคิดว่าแบบนั้น ผมเองเห็นแล้วล่ะว่าลูกของคุณนะซื่อจนเซ่อ อาการน่าเป็นห่วงเข้าขั้นทีเดียว ไม่แปลกหรอกที่คุณจะกังวลใจ เฮ้อ...ผมเข้าใจคุณพ่อนะ คงจะหนักใจมากใช่มั้ยครับ กว่าจะเลี้ยงมาได้จนถึงตอนนี้” ดงอุนกล่าวออกมาพร้อมแสดงออกชัดว่าเข้าใจความรู้สึกของคุณอีแค่ไหน 
     
     
    “นี่นาย! นี่นายกำลังด่าฉันเหรอ” กีกวังที่นิ่งฟังทั้งสองอยู่นานก็เสียงแหวขึ้นมาทันทีเมื่อแปลประโยคล่าสุดของดงอุนได้ว่า...เขามันเซ่อ!
     
     
    “อย่าเพิ่งขัดสิลูก” คุณนายอีที่กำลังประเมินเหตุการณ์อยู่รีบเข้าไปจับไหล่ของกีกวังเอาไว้ เพราะเริ่มเห็นว่าสามีของตัวเองเริ่มมีท่าทีที่อ่อนลงบ้างแล้ว 
     

     
    ซนดงอุนสามารถทำให้คุณอียองรับฟังได้อย่างนั้นเหรอ?

     
     
    “ยังไงซะฉันก็ไม่ให้ไป” เสียงเข้มและเด็ดขาดอีกครั้ง 
     
     
    “งั้น...เอาแบบนี้มั้ยครับคุณพ่อ เดี๋ยวผมจะพากีกวังไปเอง ไปส่งแล้วพากลับแบบไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เชื่อใจผมได้เลย” ซนดงอุนยกมือขึ้นทุบอกแล้วเสนอตัวเพื่อช่วยให้ปัญหาง่ายขึ้น “ถ้าคุณพ่อจะกรุณาเชื่อใจผมจริงๆ น่ะนะ” เขามองตาคุณอีไม่กระพริบราวกับจะท้าทายอำนาจเบ็ดเสร็จที่มีในบ้าน
     
     
    “นี่รู้สินะว่าฉันไม่เคยไว้ใจเธอ” คุณอีหรี่ตามองไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังแสดงความบังอาจเบื้องหน้า เด็กคนนี้ฉลาดเป็นกรดเลยทีเดียว
     
     
    “นิดหน่อยครับ” ดงอุนเดาถูกจริงๆ ที่ว่าอีมินโฮไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ เรื่องราวที่เขาเล่าในคืนนั้นคุณอีสูงวัยคงไม่เคยเชื่อเลย หากแต่แกล้งทำเป็นเชื่อต่างหาก นี่คงคิดจะจับตาเขากลัวจะมาหลอกอะไรลูกชายตัวเองสินะ
     
     
    ทั้งคู่พูดคุยกันไม่กี่คำหากแต่บทสนทนากลับเข้มข้นมากเสียจนแม่ของกีกวังต้องลุ้นจนแทบใจหาย มีเพียงหนึ่งเดียวในที่นั้นที่ไม่เข้าใจในการพูดคุยนี้เลยสักนิด กีกวังได้แต่มองคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างงุนงง สุดท้ายอีมินโฮก็ตกลงยอมให้กีกวังออกมาหาโยซอบได้โดยมีดงอุนตามมาดูแลอย่างใกล้ชิด ในการรับประทานอาหารค่ำมื้อนี้ คุณอีได้มีความรู้สึกกับเด็กหนุ่มหน้าแขกคนนี้ต่างออกไปจากตอนแรกพบ
     
     
    “โถ่เอ้ย รีบไปไหนเล่า” ดงอุนที่เร่งรีบตามมาบ่นกระปอดกระแปดในความรวดเร็วเกินไปของกีกวัง
     
     
    กีกวังและดงอุนรีบรุดมายังอพาร์ทเมนต์ของโยซอบทันที ทั้งสองคนตรงดิ่งไปยังห้องที่โยซอบอาศัยอยู่และก็ต้องแปลกใจเมื่อพบชายร่างโตนั่งทรุดตัวพิงอยู่ที่หน้าประตูห้อง
     
     
    “พี่ดูจุน อ้าว ทำไมมานั่งตรงนี้เล่า” ดงอุนถามพี่ชายอย่างสงสัย
     
     
    ยูนดูจุนรีบลุกขึ้นยืนและหันไปหากีกวังทันที เขาคว้ามือของกีกวังเอาไว้แน่นจนเขาดงอุนและกีกวังต่างตกใจในท่าทีนั้น
     
     
    “กีกวัง! นายมีกุญแจห้องใช่มั้ย เปิดให้ฉันเข้าไป” พูดพลางเขย่ามือนั้นอย่างร้อนใจ 
     
     
    “กีกวัง ไล่คนๆ นั้นออกไปที” เสียงของโยซอบดังแว่วออกมาจากห้อง
     
     
    ดูเหมือนโยซอบเองก็ได้รับรู้ถึงการมาถึงของเพื่อนรักเช่นกัน ที่เขาเรียกกีกวังมาก็เพื่อให้ไล่ยูนดูจุนกลับไป หลังจากรับรู้ความจริงว่าดูจุนมีฐานะอะไรกับพี่สาวซูยัง มันทำให้โยซอบต้องเผชิญกับความรู้สึกที่มากมายประดังเข้ามา ทั้งโกรธที่ชายคนนี้แย่งความรักจากพีซูยังไป ทั้งเกลียดที่เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้ชีวิตของซูยังต้องยากเข็ญ และที่แค้นที่สุดคือ...ชายคนนี้กำลังจะมาทำให้เขาหลงรัก
     
     
    ได้ยังไงยังโยซอบ นายเผลอใจไปกับคนที่นายควรเกลี่ยดได้ยังไง
     


    ++++ Hide and Seek ++++
     


    TALK

    เข้ามาอัพแต่เช้า โย่ว

    เหลือบตาไปมอง โอ๊ะ ฟิคฯเรื่องนี้มีแฟนคลับด้วย!!!
    *กราบงามๆ*

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×