ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic-BEAST] Hide and Seek: หัวใจโป้งแปะ! [DooSeob]

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 12 สับสน {Confuse} (NC16+ sensored ver.)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 321
      2
      22 ก.พ. 62

    12- Confuse

     
     
     
    “โยซอบ นายเป็นอะไรมั้ย ฉันเข้าไปได้มั้ย”
     
    กีกวังเคาะประตูพลางตะโกนถามอาการของเพื่อนรักที่เขามั่นใจว่ายังอยู่ในห้องแน่นอนหลังจากได้ยินเสียงเล็กปนสั่นของโยซอบเล็ดลอดออกมา ถึงจะไม่เข้าใจอะไรทะลุปรุโปร่งนัก แต่กีกวังก็คิดว่ามันน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของรุ่นพี่ซูยังที่มีผลต่อความสัมพันธ์พิเศษระหว่างดูจุนและโยซอบ
     
    โยซอบผุดขึ้นยืนแล้วมองไปยังประตูห้อง เขาตั้งใจจะไม่เปิดมันออกถ้ายูนดูจุนยังไม่ได้กลับไป ฮงกีหลับไปแล้วทั้งๆ ที่ยังนอนอยู่บนพื้นห้อง เด็กน้อยหลับไปพร้อมกับร่องรอยน้ำตาที่มีให้กับคุณเทวดาของเขา โยซอบก้มลงประคองอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาแล้วพาไปยังห้องนอน 
     
    “คุณเทวดาไปแล้ว...ฮึก...” ลูกชายวัยห้าขวบถึงขนาดละเมอเพ้อออกมาในทันทีที่แก้มใสสัมผัสหมอนนุ่ม 
     
    ทั้งสองคนพ่อลูกมีเบ้าตาและปลายจมูกที่แดงก่ำอันเป็นผลพวงจากความเสียใจที่เกิดขึ้น เทวดางั้นเหรอ ตอนนี้โยซอบเห็นว่าดูจุนเป็นซาตานเสียมากกว่า


     
    ถ้ายูนดูจุนเป็นเทวดาจริงๆ แล้วทำไมเขาถึงใจร้ายขนาดนี้ล่ะฮงกี ทำไมเขาถึงทำให้ป๊ะป๋าปวดใจได้ขนาดนี้


     
    โยซอบได้แต่คิดในใจแบบนั้น เขาคงไม่โทษว่าดูจุนเป็นคนทำให้ฮงกีเสียใจ ด้วยความพยายามที่จะเข้ามาในห้องอย่างตอนนี้ ทำให้โยซอบรู้ว่าดูจุนไม่ได้อยากถูกกันตัวออกห่างพวกเขาสองพ่อลูกเลย แต่สำหรับโยซอบในตอนนี้ เขากลับรู้สึกสับสนกับความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อชายคนนี้เหลือเกิน เขาควรที่จะเกลียดดูจุนไม่ใช่หรือ แต่ไม่ว่าจะทบทวนสักกี่รอบ ความรู้สึกที่มีในใจมันกลับไม่ใช่แบบนั้น


     
    นี่ฉันควรจะทำยังไงดี 
     


    โยซอบมองลูกชายที่หลับอยู่บนเตียง แต่ในใจกลับอลหม่านอยู่กับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อดูจุน เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป ความรู้สึกดีที่มีควรถูกทำลายไปหรือไม่ ที่จริงโยซอบเองก็ยังตัดสินใจไม่ได้ แต่เขาเลือกที่จะผลักไสดูจุนออกไปก่อน แต่เมื่ออีกฝ่ายยังคงไม่ยอมไปไหน ทำให้คุณพ่อตัวเล็กต้องขอความช่วยเหลือจากกีกวัง


     
    คิดจะเกลียดก็เกลียดไปสิยังโยซอบ นายจะสับสนไปทำไม 


     
    โยซอบพยายามเรียกความเกลียดชังให้ลุกโชนขึ้นมาเพื่อข่มทับอีกความรู้สึกที่ตรงข้ามกัน ก่อนที่จะตรงไปยังหน้าประตูแล้วตอบกลับไปยังเพื่อนรักที่เพิ่งมาถึง
     

    “กีกวัง เขาเป็นแฟนของพี่ซูยัง นายรู้ใช่มั้ยว่าควรทำไง” 

     
    เสียงอื้ออึงขึ้นจมูกที่แสดงชัดเจนว่าเจ้าของเสียงผ่านการร้องไห้มาหนักแค่ไหนทำให้กีกวังเข้าใจอารมณ์ของโยซอบในตอนนี้ดี ถ้าจะถามว่าใครรู้จักโยซอบดีที่สุดล่ะก็ นอกจากตัวโยซอบเองแล้ว ก็เห็นจะเป็นอีกีกวังคนนี้นี่ล่ะ

     
    กีกวังถอนหายใจเมื่อหันมาสบกับสายตาวิงวอนของดูจุน หากเขาจะเปิดประตูให้ดูจุนเข้าในคุยกับโยซอบตอนนี้เลยก็ทำได้ แต่ไม่มีทางที่เพื่อนตัวเล็กจะเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ ในช่วงเวลานี้แน่ 
     

    “คุณดูจุนครับ คุณกลับไปก่อนเถอะ” ไม่อยากจะตัดรอนหรือไล่ใคร แต่กับโยซอบในตอนนี้ ดูจุนควรรอให้คนตัวเล็กมีสติที่มั่นคงขึ้นอีกหน่อย
     

    “แต่ฉันเป็นห่วงเพื่อนของนายนะ” ดูจุนร้อนใจจนลืมตัว เขาตรงเข้าเขย่าตัวกีกวังอีกครั้ง เพื่อย้ำว่าโยซอบมีความสำคัญกับเขามากแค่ไหน 
     

    ในตอนแรกดูจุนก็ยอมออกมานอกห้องแต่โดยดี แต่เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของสองพ่อลูกแล้วกลับทำให้เขาอยากกลับเข้าไปปลอบโยนคนในห้องเหลือเกิน ถึงจะรู้ดีว่าตนเองเป็นต้นเหตุ แต่ความห่วงใยก็คือความห่วงใย การที่ต้องคอยฟังโยซอบร้องไห้อยู่ข้างนอกแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกทรมาน
     

    “เอ่อ....โอ๊ะ”
     

    ดูจุนเขย่าตัวกีกวังอย่างต่อเนื่องจนดงอุนต้องดึงเอาตัวพี่ชายออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่ถูกเขย่ากำลังทำหน้าเบ้ด้วยความเจ็บ
     

    “พี่ดูจุน พี่กลับไปก่อนนะ มาเถอะ...ผมไปส่ง” 
     

    ดงอุนรีบลากตัวพี่ชายและดันออกไปจากตรงนั้น แต่ก็ยังไม่วายหันมาตรวจดูว่ากีกวังบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ เขาชะเง้อหน้ามองรอบตัวของกีกวังด้วยความเป็นห่วง พลางพยักหน้าเป็นเชิงว่าเขาจะรับผิดชอบดูแลดูจุนเอง 
     

    กีกวังพยักหน้าเข้าใจ มองจนสองพี่น้องเดินลับไปทางลิฟท์ ก่อนจะไขกุญแจเข้าไปในห้องเพื่อดูแลอีกคนหนึ่งที่รออยู่ในห้อง
     


     
    ++++ Hide and Seek ++++


     
     
    จางฮยอนซึงเดินเข้ามาในห้องนอนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ เขารู้สึกว่าเหมือนวันนี้เขาได้ทำบางอย่างที่ผิดพลาดไป การปรากฏตัวของซึงโฮมีอิทธิพลต่อโยซอบมาก ซึ่งดูเหมือนพี่ชายของเขาจะรู้เรื่องนี้ดี 
     

    “พี่ซึงโฮรู้จักกับโยซอบงั้นเหรอ”
     

    ฮยอนซึงแปลกใจที่ทุกคนทำตัวเหมือนมีอดีตบางอย่างร่วมกัน แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่ออดีตของซึงโฮมักจะมีเขารวมอยู่ด้วยเสมอ จางซึงโฮและจางฮยอนซึงเป็นพี่น้องที่สนิทและรักใคร่กันมากจนฮยอนซึงคิดว่าเขารู้เรื่องของพี่ชายทุกเรื่อง เช่นเดียวกันกับที่ซึงโฮก็รู้เรื่องของเขาทุกเรื่อง 
     

    คิดเท่าไหร่ฮยอนซึงก็คิดไม่ออก ร่างบางทิ้งตัวลงบนที่นอน ดวงตาหวานกรอกไปมาและยังไม่ละความพยายามที่หาความเกี่ยวโยงกันระหว่างโยซอบและซึงโฮ
     

    ก๊อก
     

    ช่วงเวลาน่าปวดหัวถูกทำลายด้วยเสียงกระทบประหลาดที่เกิดขึ้นที่ระเบียงห้อง ฮยอนซึงกระเด้งตัวขึ้นแล้วหันไปมองประตูฝ้าที่ตอนนี้มีเงาของร่างสูงไหวตัวอยู่ด้านนอก เขากระพริบตาพลางคิดถึงใครบางคนที่ทำให้เขาต้องอมยิ้ม
     

    “นี่จุนฮยอง จะมาหาทำไมไม่บอกก่อนล่ะ”
     

    ฮยอนซึงเดินไปเลื่อนเปิดประตูระเบียง แล้วหันกลับเข้ามาในห้องนอนอย่างไม่กลัวเกรง เพราะรู้ดีว่าคนที่ปีนระเบียงมาหาเขาในตอนนี้ต้องเป็นเจ้าของชื่อที่เขาเรียกออกไปแน่นอน
     

    “แบบนี้เขาเรียกว่าทำเซอร์ไพร์ซนะคุณนายจาง” ยงจุนฮยองมองตามร่างบางที่ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงนอน ฮยอนซึงไม่ตกใจหรือแปลกใจเลยสักนิดหรือไงที่เขาปรากฎตัวแบบนี้
     

    ร่างสูงโปร่งก้าวเข้ามาในห้องนอนสะอาดเอี่ยม เขาปิดประตูระเบียงตามหลังเพื่อป้องกันลมหนาวไม่ให้พัดเข้ามาแล้วตรงเข้าไปนั่งข้างๆ คนรัก ฮยอนซึงที่นั่งอยู่ก่อนค่อยๆ เอนตัวลงนอน ทำให้จุนฮยองพลอยเอนตัวตามไปด้วย 
     

    ร่างสองร่างนอนราบขนานกันบนเตียงอย่างนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จุนฮยองจะหันไปเห็นวัตถุบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
     

    “นี่นายจะเปลี่ยนสีผมเหรอ” จุนฮยองหันหน้ากลับมามองใบหน้าหวานราวหญิงสาวของคนรักแล้วถามออกมา กล่องน้ำยาเปลี่ยนสีผมสำหรับผมสีน้ำตาลเข้มที่วางอยู่ในแนวระดับสายตาของเขาพอดีทำให้เขาแปลกใจ
     

    “แบบนี้เขาเรียกว่าทำเซอร์ไพร์ซนะคุณชายยง” ฮยอนซึงทำหน้าเหรอหราน่าเอ็นดูตอบกลับจุนฮยองอย่างยียวน จนเจ้าของประโยคคำพูดเดิมถึงกับต้องเผลอยิ้มออกมาอย่างเก้อเขินที่ถูกล้อเลียน
     

    “นายนี่นะ...จริงๆ เล้ย” จุนฮยองบ่นออกมาพร้อมเลื่อนหน้าผากของตัวเองเข้าไปชนกับหน้าผากของฮยอนซึงอย่างเบาๆ แต่หนักแน่น
     

    ฮยอนซึงต้องหลับตาและหน้าหงายไปตามแรงแตะของจุนฮยอง เขาชักศรีษะกลับมาอยู่ในระดับเดิมอีกครั้ง แล้วหรี่ตามองใบหน้าคมที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมอย่างงอนๆ
     

    “แต่นายมารู้ก่อนฉันเปลี่ยนสีนี่นา” นั่นก็แปลว่าฮยอนซึงก็อดที่จะทำเซอร์ไพร์ซจุนฮยองไปเสียก่อนแล้ว
     

    “งั้น...นายก็มาทำสีใหม่ให้ฉันเลยนะ” ฮยอนซึงกล่าวแล้วแสร้งทำเสียงขู่บังคับกับจุนฮยอง 
     

    “ฉันนี่นะ? ทำสีให้นาย?”จุนฮยองขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมฮยอนซึงถึงมีความคิดที่จะให้เขาทำอะไรแบบนี้
     

    “เอาเถอะน่า ทำให้หน่อยนะ” ฮยอนซึงเริ่มทำตัวคล้ายลูกกระต่ายน้อยที่เลื่อยตัวซุกเข้าหาจุนฮยอง “นะ...คุณชายยง”
     

    ปฏิกิริยาแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อ 5 ปีก่อน ยงจุนฮยองคงไม่มีโอกาสได้เห็นเป็นแน่ หลังจากที่เลิกราจากฐานะคนรัก ทำให้ฮยอนซึงรู้ดีว่าความสุขในชีวิตของเขานั้นอยู่จุนฮยองกว่าครึ่ง ถึงจะดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขมาได้ตลอด แค่นั่นก็เพราะจุนฮยองยังอยู่ใกล้ชิดเขาและไม่มีทีท่าว่าจะมีรักใหม่ที่ไหน ดังนั้น ในเมื่อตอนนี้ความสุขได้กลับมาเติมเต็มเขาแล้ว เขาก็อยากจะเก็บเกี่ยวมันไว้ตลอดเวลา และเขาเองก็อยากทำให้จุนฮยองมีความสุขเช่นเดียวกัน
     


    นี่ฉันทำแบบนี้ก็เพราะนายเลยนะจุนฮยอง เขินชะมัดเลย
     


    ใบหน้าที่ซุกอยู่กับอกหนานั้น นอกจากจะมีเป้าหมายเพื่อแสดงความออเซาะแล้ว ยังทำเพื่อซ่อนอาการอายที่ย้อมให้แก้มของฮยอนซึงขึ้นเป็นสีแดงเข้มอีกด้วย
     

    จุนฮยองขยับตัวเล็กน้อยเมื่อถูกเบียดเข้ามา เขาสอดแขนลอดผ่านท้ายทอยของฮยอนซึงอย่างอัตโนมัติเพื่อให้ร่างบางได้ใช้หนุนแทนหมอน แล้วใช้มืออีกข้างประคองหน้าของฮยอนซึงขึ้นมามอง 
     

    ยงจุนฮยองสาบานกับตัวเองได้เลยว่าภาพด้านหน้าเขาตอนนี้เป็นภาพที่หน้ามองที่สุดในโลก เป็นใครมาเห็นเหมือนกับเขาจะไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าจางฮยอนซึงในตอนนี้นั้นน่ารัก น่าเอ็นดู และน่าทนุถนอมแค่ไหน
     

    จุนฮยองไม่ได้รับปากว่าจะช่วยย้อมสีผมให้ร่างบางหรือไม่ แต่เขากลับค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากของตัวเองเข้าประกบกับปากอิ่มของฮยอนซึงเบาอย่างเบาๆ ปากหนาถูกถอนออกมาหลังจากที่สัมผัสกับริมฝีปากบางไม่นานนักเพื่อดูปฏิกิริยาตอบรับผ่านทางสายตาของฮยอนซึง
     

    ประกายวูบไหวที่พบในดวงตาหวาน กระตุ้นให้ร่างโปรงหัวใจสูบฉีดแรงขึ้นทันที เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายได้เปิดโอกาสให้เขาอย่างเต็มที่แล้ว
     

    จุนฮยองค่อยๆ พลิกตัวเองขึ้นทับบนตัวของฮยอนซึง แล้วกดจูบลงไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาได้เพิ่มน้ำหนักลงไปมากขึ้นอีก ความหนักหน่วงของการจูบทำให้ร่างบางต้องปิดตาแน่น ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้นเมื่อรสสัมผัสเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความนุ่มนวล จุนฮยองขบเม้มลงบนริมฝีปากบนของร่างด้านใต้เบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ขยับปากเป็นจังหวะเพื่อนำให้ฮยอนซึงทำตาม องศาของการจูบถูกปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามความสะดวกของคนทั้งคู่ จนกระทั่งปากหนาค่อยๆ เพิ่มน้ำหนัก จนโพรงปากของร่างบางเปิดออก เพื่อให้เรียวลิ้นหนาแทรกผ่านเข้าไปได้ 
     

    “อื้อ”
     

    ฮยอนซึงครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อลิ้นร้อนของคนด้านบนตวัดเกี่ยวกับลิ้นของตัวเอง การจูบแบบลึกล้ำยังคงดำเนินอย่างต่อเหนื่องและยาวนาน แม้ว่าจุนฮยองจะถอนริมฝีปากออกมาเป็นระยะเพื่อให้ฮยอนซึงได้สูดออกซิเจนเข้าปอดบ้าง แต่นั้นก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น 
     

    “อื้อ”
     

    ร่างบางถูกจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเริ่มรู้ได้ถึงความเจ็บแปลบที่ริมฝีปาก ฮยอนซึงจึงต้องประท้วงออกไปด้วยเสียงอื้ออึงและออกแรงผลักตัวจุนฮยองออกเบาๆ
     

    จุนฮยองถอนจูบออกมาอย่างเสียดาย แต่เขาก็รู้ดีกว่าตนเองเผลอระดมจูบคนรักไปมากแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายจากปากแดงอิ่มลงมาที่ลำคอขาวเนียนแทน
     

    “อ๊ะ อ๊า”
     

    ฮยอนซึงรู้สึกเสียววาบเพราะสัมผัสที่จุนฮยองมอบให้จนเสียงหวานถูกส่งออกมาเพื่อระบายความเสียวซ่าน ด้วยการกระตุ้นจากโทนเสียงที่เร้าอารมณ์ทำให้จุนฮยองย่ามใจในการปลุกเร้ามากยิ่งขึ้น ร่างโปร่งซุกไซ้ซอกคอของร่างบางทั้งซ้ายและขวา บ้างก็ฝากรอยรักเอาไว้ประปรายจนลำคอเนียนเริ่มเต็มไปด้วยรอยแดงเป็นจ้ำ มือหนาสอดผ่านใต้เสื้อเชิ๊ตขาวที่ถูกดึงออกมาจากกางเกงอยู่แล้ว ก่อนจะค่อยๆ ไล้ขึ้นไปจากหน้าท้องไปจนถึงหน้าอก
     
     
    ฮยอนซึงหวาบหวิวจนหาตำแหน่งวางมือไม้ไม่ถูก จนมาเจอกับตำแหน่งที่พอเหมาะที่ไหล่กว้างของคนด้านบน ลิ้นหนาถูกลากไล้ลงต่ำเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ใต้สะดือ มือที่ปรนเปรอติ่งด้านบนถูกเปลี่ยนหน้าที่มาที่ขอบกางเกงแล้วทำการปลดตะขอและรูดซิบลงอย่างรวดเร็ว
     

    “อ๊ะ...จุนฮยอง”
     

    อยู่ๆ ฮยอนซึงก็เริ่มมีสติขึ้นมาหลังจากเคลิบเคลิ้มไปกับการปลุกเร้าของจุนฮยองอยู่นาน ร่างบางรีบตะปบมือของจุนฮยองที่พยายามจะเปลื้องกางเกงของตัวเองออก แต่จุนฮยองกลับไม่หยุดการกระทำนั้น เพราะอารมณ์ที่เตลิดไปแล้วทำให้เขาไม่สามารถหยุดแรงปรารถนาได้ ยิ่งได้มีโอกาสใกล้ชิดฮยอนซึงมากขนาดนี้ หลังจากที่ต้องรักษาระยะห่างต่อกันมานานหลายปี
     
     
    “ฮยอนซึง...ฉันรักนาย”

     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     
     

     
    “อ้าว ยังไม่กลับหรอ” กีกวังที่เพิ่งเดินลงมาจากห้องของโยซอบถามขึ้นเมื่อพบว่าดงอุนยังคงยืนอยู่หน้าอพาร์ทเมนต์ 
     

    “ก็...พ่อนายฝากมา” ดงอุนยกมือขึ้นลูบท้ายทอยของตัวเองแก้เก้อ ความจริงเขาได้กลับไปพร้อมกับดูจุนแล้ว เพราะอาการของพี่ชายดูเลื่อนลอยเกินกว่าจะขับรถไหว แต่เมื่อนึกถึงสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อของกีกวัง ประกอบด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวทำให้เขาต้องรีบกลับมาดูแลหนุ่มตาใสคนนี้อีกครั้ง ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มีรถส่วนตัวและการเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ใช่ระยะทางที่ใกล้นัก

     
    “อืม ขอบใจ” กีกวังขอบใจดงอุนด้วยความจริงใจ เขาเองก็กำลังรู้สึกกลัวที่จะกลับบ้านคนเดียวกลางดึกเช่นกัน 

     
    อีกีกวังไม่ได้ช่ำชองในการเดินทางยามวิกาลนัก เพราะความเข้มงวดทางครอบครัว ทำให้เขาไม่เคยต้องกลับบ้านยามที่ฟ้ามืดมาก่อนเลย ยกเว้นก็ตอนที่หนีออกมาช่วยหาฮงกีครั้งนั้น ที่อะดรีนารีนในตัวทำงานได้ดีจนเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง ทั้งปีนหน้าต่าง ปีนต้นไม้และอีกสารพัด ที่ทำให้เขาสามารถเดินทางไปถึงโรงเรียนอนุบาลได้ ซนดงอุนคงไม่รู้ว่ากีกวังแทบอยากจะโผเข้ากอดเขาเมื่อตอนที่ดงอุนอาสามาส่งกีกวังที่บ้านคราวก่อน 
     

    ทั้งสองเดินเคียงข้างกันออกไปเงียบๆ เพื่อขึ้นรถประจำทางและกลับไปส่งกีกวังที่บ้าน ดงอุนเหลือบมองคนด้านข้างที่เอาแต่ทำหน้าคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียวตลอดเวลา 
     

    ความเงียบที่มีเริ่มสร้างความอึดอัดให้กับร่างสูง ทำให้ดงอุนต้องตัดสินใจเอ่ยทำลายความเงียบออกมา
     

    “นี่”
     

    เสียงเรียกของดงอุนทำให้กีกวังหันหน้าไปมองอย่างสนใจ 
     

    “เอ่อ...เพื่อนนายน่ะ จะเกลียดพี่ชายฉันอีกนานมั้ย” ดงอุนไม่ได้ปล่อยให้ช่วงเวลาระหว่างทางที่ไปส่งดูจุนต้องเสียเปล่า เขาสอบถามพี่ชายจนได้คำตอบออกมาอย่างหมดเปลือก และเขาก็คิดว่ากีกวังเองก็คงได้พูดคุยเรื่องนี้กับโยซอบด้วยเช่นกัน
     

    “ก็คงอีกนานล่ะนะ” กีกวังตอบพลางมองไปที่ทางเดินข้างหน้า เขาเองก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ แน่นอนว่าโยซอบเล่าให้เขาฟังแล้วทุกอย่าง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประเด็นหลักไม่ได้มาจากการที่โยซอบเกลียดดูจุน แต่เพื่อนของเขากำลังโกรธตัวเองต่างหาก แม้คนที่เข้าใจเพื่อนดีอย่างกีกวัง ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าโยซอบจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
     

    “เฮ้อ จูบกันแล้วแท้ๆ” ดงอุนพรูลมหายใจออกมาอย่างหนักใจ เขาดูออกว่าดูจุนมีความรู้สึกกับโยซอบมากแค่ไหน
     

    “ห๊า...จ....จูบ” กีกวังหยุดเดินแล้วทำตาโตใส่คนตรงหน้า หมายความว่าไงที่ว่าจูบกันแล้ว
     


    ยังโยซอบ...นี่นายยังลืมเล่าอะไรให้ฉันฟังหรือเปล่า


     
    “อื้อ ที่พี่ฉันไม่ยอมบอกเรื่องพี่ซูยังน่ะ เพราะเขาแอบรักเพื่อนนายน่ะสิ”
     


    จูบกันแล้ว เร็วไปมั้ย ยังโยซอบ
     

     
    ดงอุนพยายามแสดงเหตุผลให้กีกวังเข้าใจในตัวดูจุน โดยที่ร่างสูงไม่ได้รู้สึกแม้แต่น้อยว่าไอ้อาการตาโตของกีกวังที่มันเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็เพราะคำว่า จูบ คำเดียวเท่านั้น
     


    จูบกันแล้ว จูบกันแล้ว อะไรกัน

     
     
    “นี่ คิดอะไรน่ะ ทำหน้ากลุ้มไปได้ เขาแค่จูบกันนะ เพื่อนนายไม่ท้องหรอก” ดงอุนยื่นหน้าเข้าไปใกล้กีกวังอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่าร่างเล็กยืนนิ่งไม่เขยื้อน แถมยังทำทำท่าคิดอะไรคนเดียวราวกับว่าดงอุนไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น
     

    “แต่จูบเลยนะ โยซอบไม่เคยจูบใครมาก่อนเลยนะ” ในที่สุดกีกวังก็หันมาคุยกับดงอุนเสียที ถึงแม่จะยังหน้าตาตื่นอยู่ก็เถอะ
     

    “หวายๆๆๆ พวกนายนี่อินโนเซนต์จริงๆ สินะ งั้น ปากนายก็ยังเวอร์จิ้นน่ะสิ” ดงอุนเริ่มขำกับท่าทางโอเวอร์ของกีกวังเมื่อรับรู้ว่าโยซอบเสียจูบแรกให้พี่ชายของเขาไปแล้ว
     

    “หยุดเลยนะ แค่จูบน่ะ จะเคยหรือไม่เคยมันก็ไม่เห็นน่าสนใจเลย” เมื่อรู้สึกได้ว่าถูกล้อเลียน กีกวังจึงทำหน้าไม่พอใจใส่ดงอุนทันที แถมยังพูดจาอวดดีออกไปอีกด้วย
     

    “แค่จูบเหรอ...งั้นนายก็สนใจมากกว่าจูบล่ะสิ ฮึ่ย...ร้อนแรงเหมือนกันนะเราอ่ะ” ดงอุนยังคงไม่หยุดยียวนใส่กีกวัง คิดจะพูดจาแบบนี้กับซนดงอุน อีกีกวังคงต้องเตรียมรับกับความกวนส้นกันสักหน่อยล่ะ
     

    “นี่อย่ามากวนนะ” 
     

    จุดอ่อนที่สุดของกีกวังก็คือ ยิ่งโดนขัดใจก็ยิ่งแสดงท่าทางเหมือนเด็กเล็กๆ ออกมา ซึ่งนั่นก็ยิ่งเพิ่มความชอบอกชอบใจให้กับคนที่แกล้งมากขึ้นไปอีก ดงอุนยืนพักขาแล้วกอดอกแล้วมองไปยังเด็กน้อยกีกวังแบบจดจ้อง จนคนถูกมองถึงกับหัวใจเต้นตุบขึ้น
     

    “ทำท่าทางแบบนั้นหมายความว่าไง” กีกวังเสถามขึ้นเมื่อรู้สึกเขินอายกับสายตานั้น 
     

    ดงอุนพยักหน้าเบาๆ กับตัวเอง ก่อนจะตอบกีกวังออกไปว่า
     

    “ไข่ในหินแบบนาย จะหาประสบการณ์แบบนี้.......คงยากกกกกกกกกกกกก”
     

    เมื่อได้ยินคำว่ายากที่ลากเสียงยาวเสียจนไม่มีทีท่าว่าจะจบ ยิ่งทำให้กีกวังรู้สึกเหมือนถูกสบประมาทอย่างแรง แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อดงอุนเองก็พูดเรื่องจริง กีกวังได้แต่กำมือแน่น มองดงอุนอย่าไงไม่สบอารมณ์
     

    “ใช่...ฉันไม่เคยจูบใคร แล้วไง ประเทศชาติไม่ได้ต้องการอะไรกับจูบของฉันสักหน่อย”

     
    ฮ่าฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
     
     
    ประโยคประชดประชันที่ยาวที่สุดที่หลุดออกมาจากปากของกีกวัง ทำให้ดงอุนหลุดขำออกมาชุดใหญ่ ถึงขนาดที่ต้องงอตัวลงกุมท้องของตัวเองเลยทีเดียว
     

    “ฮ่าฮ่า...นี่...ถ้านายประเทศชาติเกิดต้องการขึ้นมา...ฮ่าฮ่า...นาย..จะทำไง” ดงอุนพูดออกมาทั้งๆ ที่ยังขำไม่หยุด และเขาก็ยังคอนเซ็ปเดิมอย่างต่อเนื่อง นั่นคือกวนพระบาทาของกีกวังไปเรื่อยๆ
     

    “ก็...ก็ไปหาจูบเอาตามทาง” ตอนนี้ดูท่ากีกวังจะไม่ได้รับรู้แล้วว่าตัวเองกำลังโดนกวน เขากลับตอบคำถามออกไปตามคำตอบที่ตัวเองคิดได้ ก็ถ้าประเทศชาติจะต้องการให้อีกีกวังมีจูบ เขาก็คงไปหาคนมาจูบสิ
     

    “เฮ้ย! ไม่ได้ดิ่ ทำงั้นได้ไง” ดงอุนไม่ได้คาดคิดกับคำตอบที่ได้ยิน ในเสี้ยววินาทีหนึ่งเขากลับรู้สึกว่าจะให้กีกวังไปจูบกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ไม่ได้ โดยที่ไม่ได้หยุดไตร่ตรอง ดงอุนก็โพร่งความเห็นของตัวเองออกมาออกมา
     

    “เอางี้...ถ้าถึงตอนนั้น ฉันจะจูบนายเอง” 
     

    ห๊ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
     

     
     
    ++++ Hide and Seek ++++



    TALK

    ใช่ค่ะ มันมี NC แต่ตัดฉากออกบ้างแล้ว
    คิดว่าประมาณนี้คงจะอยู่รอดได้ใน dek-d ใช่มั้ย?

    ฉบับ NC เต็มหาได้ใน blog ของดาวนะคะ ^^


     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×